คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : No title : BAEKCHEN
Title
: No title
Pairing
: BaekChen
เขามักจะอยู่ในเสื้อสีดำสนิท
และปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอกด้วยเฮดโฟนสีเดียวกัน ใบหน้าที่ติดจะเย็นชานั้นไม่ได้มีรอยยิ้มแต่งแต้มเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคิม
จงแด
แม้ว่าใบหน้าของ
บยอน แบคฮยอน จะไม่ได้แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ทำไมนะ
กลับทำให้เขายิ้มได้กว้างขนาดนี้
“นี่รู้กันหรือเปล่า
คิม จงแดเด็กชมรมกระจายเสียงน่ะ”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยเห็นติ๋มๆ
อย่างนั้นจะกล้า..”
“นั่นสิ
คิดได้ยังไงไปสารภาพรักแบคฮยอน”
“ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลย”
ขาเล็กเผลอหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกระซิบกระซาบพร้อมกับสายตาที่มองมายังเขา
คล้ายกับเยาะเย้ยและสมน้ำหน้า ดวงหน้าภายใต้เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนก้มต่ำชิดอก
ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
ก็พอจะรู้อยู่หรอกว่าสาเหตุที่ทำให้คนที่ไม่ได้เด่นดัง
ออกจะจืดชืดอย่างเขากลายเป็นขี้ปากของคนทั่วโรงเรียนแห่งนี้เพราะอะไร
นั่นก็เพราะเขาเองนั่นแหละ
แต่จะทำไงได้ในเมื่อเขาเป็นคนเลือกที่จะทำอย่างนั้นเองนี่นา
หมับ
“อ่ะ”เพราะจู่ๆก็โดนใครบางคนคว้าเอวเขาจากทางด้านหลัง
จงแดทำได้เพียงสะดุ้งเสียงหลง เมื่อพอจะเดาออกว่าเจ้าของวงแขนแกร่งนี่คือใคร
“มีใครอยากจะเสือกเรื่องของเพื่อนกูอีก”เสียงทุ้มตวาดขึ้นอย่างหาเรื่อง
จงแดพอจะจับได้จากน้ำเสียงว่าเพื่อนสนิทของตัวเองกำลังไม่พอใจมากแค่ไหนคนตัวเล็กที่รู้ดีถึงวิธีหยุดอารมณ์เกี้ยวกราดของเพื่อนเลยได้แต่ลูบแขนเพื่อนตัวสูงเพื่อให้อารมณ์เย็นลงอย่างเบามือ
แต่ถึงอย่างนั้นปาร์ค ชานยอลก็ยังไม่ยอมหยุดง่ายๆ ตาคมกริบกวาดมองรอบๆ
กดดันให้เสียงกระซิบกระซาบเมื่อไม่กี่นาทีนั้นเงียบลงไปอย่างรวดเร็ว
“ชานยอล
ไปเถอะน่า เดี๋ยวคยองซูรอนานนะ”ดึงแขนเพื่อนตัวสูงให้เดินไปทางห้องชมรม
พร้อมทั้งใช้ชื่อของแฟนตาโตของเจ้าตัวเป็นแรงจูงใจ ชานยอลถึงได้ยอมเดินไปด้วยดีๆ
แต่ก็ยังไม่วายหันไปเขม่นใส่คนแถวนั้นอีกรอบ
“มึงนี่ขยันทำให้กูหงุดหงิดจริงๆ”
ทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นของชมรมกระจายเสียงปาร์ค
ชานยอลก็บ่นออกมาอย่างหัวเสียใบหน้าหล่อเหลาจดจ้องใบหน้าที่ก้มต่ำของเพื่อนด้วยแววตาดุผสมกับเป็นห่วง
แต่ถึงอย่างนั้นคนอย่างคิม จงแดที่ทั้งชีวิตมีแต่ปาร์คชานยอลเป็นทั้งเพื่อน
และพี่น้องก็ได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความสำนึกผิด
“แล้วนี่จะก้มหน้าอีกนานมั๊ย?”
“อย่าเสียงดังสิพี่โย่ง
พี่จงแดกลัวแย่แล้วเนี่ย”ทำเสียงดุใส่เพื่อนได้ไม่นานคนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับกระป๋องน้ำอัดลมในมือก็เอ่ยขัดเสียงขุ่น
“โถ่ ตัวเล็ก”เสียงทุ้มๆที่ถูกดัดให้แหลมเล็กดังขึ้นแทบจะทันที
จงแดได้แต่หัวเราะอย่างอดไม่อยู่ อารมณ์กลัวโดนดุเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อคยองซูเข้ามาได้ทันเวลาพอดี
“เลิกทำเสียงแบบนั้นเลยพี่โย่ง
มันน่าขนลุก”
“คยองซูอ่ะ ย๊า ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะคิม
จงแด”อาจเพราะหัวเราะเสียงดังไปหน่อยเลยโดนเจ้าเพื่อนตัวดีหันมาจิกตาใส่เสียงขุ่น
ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขากับคยองซูไปอีกทาง
“กูขอโทษนะ
ต่อไปจะไม่ทำให้มึงเป็นห่วงอีกแล้ว”เขยิบเข้าไปเกาะแขนและเอ่ยขอโทษเพื่อนเสียงอ่อย
ก่อนมือใหญ่ๆจะผลักหน้าผากเขาเสียจนจะหงายหลัง แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว แค่ปาร์ค
ชานยอลเลิกทำหน้าบึ้งก็พอแล้วล่ะ
“จำคำพูดตัวเองไว้ให้ดีนะ
ถ้าร้องไห้ให้กูเห็นเมื่อไหร่ โดนแน่”
“รู้แล้วน่า”โดนนิ้วใหญ่ๆนั่นจิ้มหน้าผากมาอีกรอบ
จงแดเลยได้แต่นั่งลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ ก่อนจะรับน้ำที่คยองซูยื่นมาให้กรอกเข้าปาก
ยิ้มตามภาพที่ชานยอลที่อ้อนแฟนเสียจนหน้าหมั่นไส้
ถ้าเขามีคนอยู่ข้างๆเหมือนชานยอลมีคยองซูบ้างก็คงจะดีสินะ
“แล้วนี่เรื่องไอ้นั่นมึงจะเอาไง”
“หะ หา”เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินๆจู่ๆก็โดนยิงคำถามมาโดยไม่ทันตั้งตัว
จงแดได้แต่กระพริบตาปริบๆก่อนจะฉุกคิดได้ว่า ชานยอลคงจะหมายถึงเรื่องเมื่อวาน “
อือ ไม่รู้สิ”
“จะไม่รู้ได้ไงวะ
ในเมื่อมึงบอกรักมันไปแล้ว”
“กูก็แค่บอกในสิ่งที่กูรู้สึก
กูไม่ได้ต้องการอะไร”ก็มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าเขาไม่ได้ต้องการอะไรสักหน่อย
เขาก็แค่อยากจะบอก อยากจะบอกความรู้สึกของตัวเองแค่นั้น
“มึงมันบ้า”ชานยอลบ่นอีกรอบในขณะที่เขาได้แต่ยิ้มรับ
“อือ กูก็ว่างั้นแหละ” เพราะไม่สามารถหาเหตุผลดีๆมาหักล้างคำพูดของชานยอลได้เลย
บ้าจริงๆนั่นแหละ
คิม จงแดน่ะ
ประโยคสุดท้ายจากเสียงแหลมเอ่ยตอบแผ่วเบา
แต่ก็ดังพอที่จะทำให้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูชมรมได้ยินมัน ร่างโปร่งยกหูฟังสวมกลับเข้าที่เดิมก่อนจะหันหลังกลับออกมา
ดวงตาเรียวที่เคยมีแต่ความนิ่งเรียบ ฉายแววสับสนก่อนจะเหม่อมองไปด้านหน้าเอนหลังพิงผนังห้องชมรมวิทยุ
ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป
แล้วมาบอกรักคนอื่น
นายนี่มันเข้าใจยากจริงๆเลย คิม จงแด
---------------No title---------------
ห้องชมรมดนตรีเงียบเสียสนิท
จงแดที่ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงได้แต่ยืนก้มหน้าอยู่มุมห้อง
ใจก็ได้แต่ภาวนาให้ปาร์ค ชานยอลมาเสียที เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงจะใจขาดตายเพราะความอึดอัดที่แผ่ซ่านไปรอบๆห้องนี่เสียก่อน
“จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?”เผลอสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงเรียบจากคนที่นั่งใส่หูฟังพิงผนังห้องอยู่เมื่อครู่เอ่ยถาม
จงแดทำหน้าเลิกลั่กอย่างไม่รู้ว่าจะสรรหาเสียงที่ไหนไปตอบ
ทั้งๆที่เป็นคำถามง่ายๆ
แต่พอออกมาจากปากของ บยอน แบคฮยอนแล้ว
มันกลับไม่ง่ายเลย
“ทีตอนสารภาพรัก
ไม่เห็นเงียบแบบนี้เลยนี่”
“...กะ
ก็นั่นมัน...”รับรู้ได้ทันทีว่าใบหน้าของตัวเองคงแดงเถือก
เพราะเพียงแค่กลั้นใจเงยหน้าขึ้นมาตอบปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่พอสบกับตาเรียวคมคู่นั้น
จงแดก็ได้แต่กลับไปก้มหน้าก้มตาปิดบังรอยสีแดงระเรื่อที่พาดผ่านใบหน้าและใบหูของตัวเองเพียงเท่านั้น
อันตรายจริงๆ
บยอน แบคฮยอนน่ะ
“มานี่”
“...”
“บอกให้มานี่”ไม่รอให้อีกฝ่ายเอ่ยเป็นรอบที่สาม
จงแดที่พอจะเข้าใจว่าอีกฝ่ายเรียกตนก็เดินเข้าไปหาอย่างเงียบๆ แม้จะไม่เข้าใจว่าแบคฮยอนจะเรียกตัวเองเข้าไปหาทำไมก็เถอะ
แต่ขาเจ้ากรรมมันก็ดันพาตัวสั่นๆของเขาก้าวเข้าไปอย่างคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว
แบคฮยอนผุดลุกขึ้น
ก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวเข้าไปกระชากข้อมือของอีกฝ่ายดึงเข้ามาหาตัวด้วยความหงุดหงิด
เพราะถ้าปล่อยให้เดินเข้ามาหาเขาเอง
คงอีกนานกว่าอีกคนจะถึง
“อ่ะ”
ข้อมือเล็กถูกพันธนาการไว้ทั้งสองข้าง
พร้อมกับร่างกายที่อยู่ใกล้กันเกินจำเป็นแม้จะไม่ได้แนบชิด
แต่ช่องว่างระหว่างเขากับแบคอยอนก็เหลือน้อยเหลือเกิน
ยิ่งมองสบกับตาเรียวและใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิด จงแดยิ่งรู้สึกเหมือนเข่าอ่อนแรงเสียดื้อๆ
ตาเรียวของแบคฮยอนสำรวจไปทั่วใบหน้าของอีกฝ่าย
เพราะนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกับคนตัวผอมนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น
เริ่มตั้งแต่ผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าขาวใสที่มี
ดวงตากลมเป็นประกายแม้มันจะถูกปิดบังไปด้วยแว่นตาอันโต รวมไปถึงริมฝีปากบางที่เม้มเป็นเส้นตรง
“ขี้เหร่”เอ่ยออกมาหลังจากใช้สายตาสำรวจไปทั่วใบหน้า
เห็นว่าอีกฝ่ายหน้าซีดเผือดก่อนจะก้มหน้างุดไม่สบตาเขา
และทันทีที่แบคฮยอนคลายมือที่พันธนาการข้อมือผอมบางนั่นออกอีกฝ่ายก็ขยับหันหลังให้พร้อมกับเอ่ยขอโทษออกมาเสียงสั่น
ขี้กลัวขนาดนี้
แล้วตอนนั้นไปเอาความกล้ามาจากไหนกันนะ
“เฮ๊ย/ระวัง”เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาไม่ดูทางเท้าเล็กเลยพลาดเหยียบเข้ากับกระป๋องน้ำอัดลมที่วางระเนระนาดอยู่กับพื้นเข้าให้
จงแดได้แต่นึกก่นด่าคนที่เอามาวางทิ้งไว้ในใจ
และยอมรับสิ่งน่าอายที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทั้งๆที่แค่ต้องเผชิญหน้ากับแบคฮยอนเขาก็อายจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้ว
แล้วนี่ยังจะมาทำเรื่องหน้าขายหน้าต่อหน้าคนที่ชอบอีก
หมับ
แบคฮยอนแทบไม่รู้ตัวว่าเผลอดึงเอวเอวบางๆของอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดตั้งแต่เมื่อไหร่
รู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากผิวแก้มที่อยู่ชิดกับจมูกของเขาเสียแล้ว แผ่นหลังบางแนบชิดอยู่กับแผ่น
อกของแบคฮยอน แนบชิดกันเสียจนแบคฮยอนรับรู้ได้ถึงเสียงหายใจหอบๆรวมถึงเสียงหัวใจที่เต้นระรัวของคนในอ้อมแขน
“ทำไมถึงได้กล้าสารภาพรักฉันนะ”เหมือนกับแบคฮยอนกำลังถามตัวเองเสียมากกว่า
เพราะเสียงนั้นเบาเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นจงแดก็ยังตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว
ยิ่งยามที่ลมหายใจของแบคฮยอนกระทบเข้ากับใบหู เขาก็ยิ่งเกร็ง
หัวใจก็พลันเต้นระรัวจนคล้ายจะทะลุออกมานอกอกเสียอย่างนั้น
นั่นสินะ
ทำไมเขาถึงได้กล้าขนาดนี้
ทั้งๆที่คนๆนี้น่ะ
...
“แล้วจะทำไงต่อ
สารภาพรักกับฉันแล้วนายจะเอาไงต่อ”ถามเสียงเรียบ
ในขณะที่คนในอ้อมแขนตัวสั่นเสียจนรู้สึกได้ แบคฮยอนเผลอกดยิ้มด้วยความเอ็นดู
แต่เพียงชั่วครู่รอยยิ้มนั่นก็หายวับไปคล้ายกับไม่เคยเกิดขึ้น
“มะ
ไม่รู้”กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ จงแดก็แทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น
ความแนบชิดที่เขาคาดไม่ถึงยิ่งทำให้จงแดรู้ตัว ว่าเขาชอบแบคฮยอนมากเหลือเกิน
“นายนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ”
ทั้งๆที่บยอน แบคฮยอนน่ะ...ใจร้ายขนาดนี้
“เรา..”
“ไม่เห็นจะยากเลย
ก็แค่ทำให้ฉันรักนายไง คิม จงแด”
อ้อมแขนของแบคฮยอนคลายออกพร้อมกับที่ประตูห้องชมรมถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
ตามมาด้วยใบหน้ายุ่งๆของชานยอล ที่วิ่งพรวดเข้ามาหาเขาที่นั่งทรุดอยู่กับพื้น
เมื่อกี้แบคฮยอนพูดอะไร
เขาแทบจับใจความไม่ได้เลย
ทำให้คนอย่างแบคฮยอนรัก
เขาเนี่ยนะ คิม จงแดคนนี้เนี่ยนะ
“จงแด
มึงเป็นอะไรมั๊ย?”
“ป่ะ ป่าว ไม่ได้เป็นอะไร”เอ่ยตอบเสียงสั่น
ใบหน้ายังคงร้อนผ่าว หัวใจเจ้ากรรมคงจังหวะตึกตักไม่หาย ไม่รู้ตัวเลยว่าแบคฮยอนกำลังทำสีหน้าแบบไหน
เพราะเขาไม่แม้แต่จะมองหน้าใคร
อาย
น่าอายมากที่มาแข้งขาอ่อนเพียงเพราะเจอคนที่ชอบกอดแค่นี้
“งั้นก็ลุก
ลุกไหวไหม?”
“ไหว”ตอบเพื่อนก่อนจะพยุงตัวลุกยืนโบกไล่เพื่อนว่าไม่ต้องช่วยเพราะเขาลุกไหว
ชานยอลได้แต่ยืนขมวดคิ้วจ้องมองอีกหนึ่งชีวิตที่ยืนจ้องเพื่อนเขาอยู่ไม่วางตาเช่นกัน
แถมแววตาที่มองเพื่อนเขามันกับมีประกายบางอย่างฉายชดออกมา และยังไม่ทันที่จะได้ยื่นมือไปช่วยพยุงเพื่อนจอมอวดเก่ง
ข้อมือเล็กๆของเพื่อนก็ถูกฉวยไปจับต่อหน้าต่อตา
“เราควรไปคุยกันอีกสักหน่อย”แบคฮยอนถอดเฮดโฟนออกแล้ว
มือเรียวนั่นกำรอบข้อมือผอมๆของเพื่อนเขาไม่แรงนัก ตาเรียวจับจ้องใบหน้าที่ขึ้นสีแดงจัดของจงแด
พร้อมกับยกยิ้มอย่างที่คนทั้งโรงเรียนไม่เคยเห็น
ชานยอลที่มัวแต่อึ้งพอๆกับเพื่อนตัวผอมของเขาที่ตัวแข็งทื่อไปแล้วยังไม่ทันได้เอ่ยท้วงอะไร
หมอนั่นก็กระตุกข้อมือลากเพื่อนเขาออกไปต่อหน้าต่อตา
“เฮ๊ย
นั่นมึงจะพาเพื่อนกูไปไหนวะ บยอน แบคฮยอน”
---------------No title---------------
ฝนตก
ทั้งๆที่ไม่ใช่ฤดูฝนแท้ๆแต่กลับตกลงมาเสียได้
ข้างๆกันมีชานยอลที่กำลังค้นหาร่มในกระเป๋าเสียยกใหญ่
ก่อนที่คยองซูจะสะกิดแล้วชูร่มในมือให้ดู
เขาหัวเราะน้อยๆให้กับความขี้ลืมของเพื่อน
ก่อนจะเหลือบไปเห็นร่างโปร่งในชุดสีดำสนิทที่ยืนอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าว บยอน
แบคฮยอนยังคงแต่งตัวด้วยชุดสีดำเหมือนเดิม
และยังมีหูฟังอันใหญ่สวมอยู่ปิดกั้นตัวเองออกจากโลกภายนอกอย่างเดิม
ใบหน้าติดจะเย็นชานั้นกำลังเหม่อมองไปยังสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย
เหมือนถูกภาพของคนตรงหน้าดึงดูดเข้าไปอีกแล้ว
ไม่สิสำหรับจงแดน่ะ
ไม่ว่าบยอนแบคฮยอนทำอะไร ก็ทำให้เขาละสายตาไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว
คยองซูที่เห็นพี่ชายร่วมชมรมกำลังจดจ้องคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ก็คว้าหมับเข้าที่แขนของคนตัวสูงข้างกายทันที
“พี่โย่ง
เรากลับกันเถอะ”
“แล้วจงแด..”
“ให้พี่จงแดเขากลับเองเถอะน่า
พี่จงแดงั้นผมกับพี่ชานยอลกลับก่อนนะ”ไม่ลืมหันไปสะกิดบอกพี่ชายตัวผอม
จงแดหันหน้ามามองด้วยความงุนงง
แต่ยังไม่ทันได้พูดซักถามอะไรคยองซูก็คว้าแขนของเพื่อนเขาลากออกไปซะก่อน
เสียงร้องตกอกตกใจของปาร์ค
ชานยอลยังดังแทรกผ่านสายฝนมาให้เขาได้ยินก่อนจะกลืนหายไปตอนนี้เหลือเพียงเสียงฝนที่ตกกระทบพื้นด้านหน้าเท่านั้นที่สามารถกลบเสียงหัวใจที่เต้นระรัวยามที่จงแดลอบมองใบหน้าด้านข้างของแบคฮยอนได้
คนตัวผอมเผลอกำร่มในมือแน่นเมื่อแบคฮยอนหันมาสบตา
ใบหน้าน่ารักก้มหลบตาโดยอัตโนมัติยิ่งหูได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามาหาหัวใจเจ้ากรรมก็ยิ่งเต้นแรง
แรงเสียจนแม้เสียงฝนด้านนอกจะดังแค่ไหน จงแดก็ยังได้ยินเสียงของหัวใจตัวเองชัดเจนใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อในหัวดันหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนทั้งๆที่เหตุการณ์ที่อีกฝ่ายฉุดลากเขาไปเพื่อที่จะคุยนั่นก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว
แต่จงแดยังจำได้ไม่มีลืมเลยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้น
ประตูห้องซ้อมดนตรีที่อยู่ด้านในถูกปิดลงด้วยฝีมืออีกฝ่าย
เขาที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกได้แต่ยืนมองมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย
จนกระทั่งกลอนประตูถูกล็อคอย่างแน่นหนาสายตาคมกริบของอีกฝ่ายจับจ้องมาที่เขา
“ถอดแว่นออก”
“เอ่อ..”มือเล็กยกขึ้นจับขาแว่นของตัวเองโดยอัตโนมัติ
ตากลมจ้องมองอีกฝ่ายอย่างขอเหตุผล แต่ถึงอย่างนั้นจงแดก็ยังไม่ยอมถอดออก
ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่ยอมทำตามหรือเปล่าแบคฮยอนถึงได้ทำหน้าตาไม่พอใจแถมยังย่างขุมเข้ามาหาเขาอย่างนั้น
“ดื้อจริง
งั้นก็ทำทั้งอย่างนี้แหละ”
“อ๊ะ
อื้อ”ปากบางๆโดนประกบจูบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว วงแขนแกร่งโอบรัดเอวบางของเขาเข้ามาแนบชิด
จงแดขยับตัวไม่ได้เมื่อแบคอยอนเริ่มขบเม้มริมฝีปากด้านนอกของเขา
ท้ายทอยเล็กถูกอีกฝ่ายล็อคให้เอียงรับสัมผัสลึกซึ้งที่กำลังจะถูกป้อนให้อีกในไม่ช้า
ตากลมปรือปรอยยามที่แบคฮยอนสอดลิ้นเข้ามาภายในโพรงปากเพราะไม่ประสีประสามือไม้ที่เมื่อครู่ดันอยู่กับอกของอีกฝ่ายเลยได้แต่เกาะยึดท่อนแขนแบคอยอนไว้เพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น
ความรู้สึกวาบหวามตีตื้นขึ้นมาจงแดแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอตอบสนองอีกฝ่ายด้วยท่าทีเก้ๆกังๆขนาดไหน
จนกระทั่งจมูกของแบคฮยอนกระทบเข้าแว่นอันโตที่ยังสวมอยู่บนใบหน้า
ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนออกห่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังใกล้เกินไปอยู่ดี
“ก็บอกแล้วว่าให้ถอด..”
“...”
“...เห็นไหมว่ามัน
จูบ ไม่ถนัด”
ถึงจะไม่เข้าใจอะไรเลยเพราะหลังจากนั้นแบคฮยอนก็จับจูงมือเขาเดินพามาส่งถึงหน้าห้อง
ก่อนจะลาไปและทิ้งไว้เพียงสัมผัสอุ่นๆที่ข้างแก้มเท่านั้น
“เหม่ออีกแล้ว”
“อ่ะ”สัมผัสแผ่วเบาแตะลงที่ข้างแก้ม
แต่ก็ทำให้คนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเผลอสะดุ้งสุดตัว
แบคฮยอนเผลอจุดยิ้มด้วยความเอ็นดู
“มีวันไหนที่นายจะสบตาฉันแล้วไม่หลบบ้าง”
“...”ก็มันน่าอาย
จงแดอยากจะตอบออกไปเสียจริงๆ แต่เขากลับพูดไม่ออก
ยิ่งรู้สึกถึงน้ำเสียงที่เหมือนจะหยอกล้อของแบคฮยอนแล้วเขาก็ยิ่งอยากจะหายตัวไปจากที่นี่เสียให้รู้แล้วรู้รอด
“เงยหน้าขึ้นมาสิ”
“...”
”บอกให้เงยหน้าขึ้นมาไง
จงแด”เพราะน้ำเสียงเริ่มขุ่นอีกรอบจงแดถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ
แบคฮยอนทำเพียงแค่มองหน้าจงแดเพียงครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปสนใจสายฝนที่กำลังส่งเสียงกระทบพื้นด้านนอกใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มบางๆที่ช่วงนี้มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆเพียงเพราะได้มองใบหน้าที่เขาเคยบอกว่าขี้เหร่ของคนข้างๆ
ความจริงไม่ใช่หรอก
เพราะคิม จงแดน่ะ
น่ารักมากต่างหาก
น่ารักตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้
ไม่มีประโยคสนทนาจากพวกเขาทั้งคู่เพียงแต่จงแดกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อน
ใบหน้าด้านข้างของแบคฮยอนถูกดวงตากลมๆภายใต้กรอบแว่นลอบมอง
พร้อมกับยกยิ้มให้กับตัวเองราวกับคนบ้า
แม้จะยังไม่เข้าใจถึงสถานะความสัมพันธ์ของเขากับคนข้างๆแต่อย่างน้อยจงแดก็รู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้แบคฮยอนอีกก้าวหนึ่ง
ขอแค่แบคฮยอนอย่าถอยห่างไปจากเขาก็พอแล้ว
---------------No title---------------
“จ้องหน้ากันแบบนี้
ไม่อยากไปเรียนหรือไง”
“อ่า
ไม่ได้จ้องสักหน่อย”อ้อมแอ้มตอบเสียงเบาเมื่อโดยอีกฝ่ายจับได้
จงแดรู้สึกเหมือนหน้าตัวเองร้อนฉ่า
มือเล็กพยายามแกะมือที่ถูกแบคฮยอนจับประสานไว้ออก
ยิ่งเมื่อเห็นสายตาของคนอื่นจ้องมาที่เขากับแบคฮยอนเขาก็ยิ่งอาย
ไม่สิ
เขาไม่อยากให้แบคฮยอนต้องอายที่ต้องมาจับมือกับคนอย่างเขามากกว่า
“ไหนบอกว่าชอบฉันไง..”
“...หือ”
“ถ้าชอบฉันก็มองแค่ฉันสิ
ห้ามมองคนอื่น”มือเรียวประคองแก้มของอีกฝ่ายให้หันมาสบตา เพราะรู้ว่าคนฟังคงอายเห็นได้จากใบหูเล็กที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
และใบหน้าที่พยายามก้มต่ำหลบตาเขา แบคฮยอนถึงได้ถือโอกาสนั้นจับจูงคนที่ก้มหน้างุดไปส่งที่หน้าห้องเรียน
และสิ่งที่เห็นจนเป็นเรื่องชินตาคือ
ปาร์ค ชานยอลยังขู่เขาเหมือนพ่อหวงลูกสาว?อยู่เหมือนเดิม
“จงแดมานี่”มือนุ่มๆถูกปาร์ค
ชานยอลแกะออกจากมือเขาไปดื้อๆ แบคฮยอนไมได้ยื้อจงแดไว้
แต่ทันทีที่เจ้าของใบหน้าน่ารักหันมามองหน้าเขาด้วยใบหน้าสลดน้อยๆนั่นแบคฮยอนก็แทบอยากจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาฟัดแก้มเสียให้รู้แล้วรู้รอด
“เดี๋ยวสิชานยอล..”มือเล็กกระตุกรั้งเพื่อนไว้
ชานยอลเลิกคิ้วมองหน้าแดงๆของเพื่อนด้วยความไม่ชอบใจนักก่อนจะยิ่งปรี๊ดเมื่อได้ยินประโยคต่อมา
“กูยังไม่ได้ลา แบคฮยอนเลย”
“จะต้องลามันทำไม?”
“อ่า ก็แบคฮยอน
อุตส่าห์มาส่งนี่”
“ไม่ต้องลา
รีบเข้าห้องได้แล้ว”
“โย่งงงง อ่ะ
แบค...”ข้อมือเล็กอีกข้างโดนจับกระตุกเบาๆ ก่อนที่จงแดจะหน้าเหรอหราเมื่อแบค ฮยอนยื่นใบหน้าเข้ามาจนชิด
ใบหน้าน่ารักแดงแปร๊ด กระพริบตาปริบๆมองอีกฝ่ายอย่างเขินอาย
ยิ่งเมื่อแบคฮยอนยกยิ้มอ่อนๆมาให้พร้อมกับที่ฝ่ามือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นมาเกลี่ยผมหน้าม้าของเขาออก
“เลิกเรียนแล้วไปเดทกันนะ”
แบคฮยอนกดจูบที่หน้าผากขาวเนียน ไม่ลืมกระตุกยิ้มใส่หน้าเหวอ ๆ
ของคนหวงเพื่อนก่อนจะผละออกไป
จงแดยกมือแตะเข้าที่หน้าผากตัวเองอย่างเหม่อลอย
ยิ่งเมื่อคิดถึงคำพูดและรอยยิ้มของบยอน แบคฮยอนเมื่อเช้า
เขาก็ยิ่งหน้าร้อนขึ้นมาจนต้องสะบัดหน้าไล่ความเขินอายที่จู่ๆก็ตีตื้นขึ้นมาเสียดื้อๆ
ยิ่งมองนาฬิกาข้อมือที่เข็มเดินวนมาจนถึงเวลาเกือบหมดชั่วโมงเรียนคาบสุดท้ายของแบคฮยอนตามชั่วโมงเรียนที่จงแดจดไว้
หัวใจของจงแดก็ยิ่งเต้นระรัว
ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรแล้ว
“น้อยๆหน่อยเถอะมึง
รู้ไหมว่าหน้ามึงตอนนี้เป็นยังไง?”
“เป็นยังไง?” จงแดหันไปถามเพื่อนด้วยใบหน้างุนงง
ปาร์ค
ชานยอลเลยได้แต่จิกตาใส่เพื่อนตัวเตี้ยของตัวเองก่อนจะวางกีต้าร์ในมือลงแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ
“หน้ามึงแรดมาก”
“ย๊าส์ ปาร์ค
ชานยอล”ฝ่ามือเล็กฟาดใส่ท่อนแขนของเพื่อนตัวสูงด้วยแรงที่ไม่เบานัก ปาร์ค
ชานยอลหัวเราะร่วน
ก่อนจะคว้ามือเล็กๆของเพื่อนไว้เมื่อจงแดเริ่มต้นจะฟาดลงมาอีกรอบ ตากลมโตสบตากลมภายใต้กรอบแว่นสีดำนิ่ง
พลันบรรยากาศในห้องก็เงียบลง จงแดรู้สึกได้ถึงความจริงจังที่ส่งผ่านออกมาทางสายตา
จนกระทั่งชานยอลยอมเอ่ยปากทำลายความเงียบระหว่างเขาทั้งสองคน
“มึงชอบมันจริงๆสินะ...”
“...อือ”
“พร้อมแล้วจริงๆใช่มั๊ยที่จะเดินไปพร้อมๆกับคนอื่นโดยที่ไม่มีกู..”
“...”
“...”
“ปาร์ค
มึง...มึงไม่ชอบแบคฮยอนหรอ”เงยหน้ามองเพื่อนด้วยสายตาจริงจัง
ชานยอลมองใบหน้ากังวลของเพื่อนก่อนจะหลุดยิ้มออกมา มือหนาๆขยี้ผมนุ่มของเพื่อนจนไม่เป็นทรง
ก็เพราะจงแดเป็นแบบนี้ ชอบห่วง และแคร์ความรู้สึกคนรอบข้างแบบนี้
ชานยอลถึงได้เป็นห่วง
ห่วงจนไม่กล้าปล่อยให้อยู่คนเดียว
“ถ้ากูไม่ชอบมัน
มันคงไม่ได้มาลอยหน้าลอยตา จูบมึงต่อหน้าขนาดนี้หรอก กูก็แค่หมั่นไส้มันเฉยๆ...”
“...”
“..อีกอย่างกูก็แค่อยากจะมั่นใจ
ว่ามันจะดูแลมึง ได้ดีกว่าเพื่อนอย่างกู เข้าใจรึยัง”
“อือ
กูรักมึงนะชานยอล”
“ไม่ต้องมองตาขวางขนาดนั้นหรอกน่าฮยอง”คยองซูเอ่ยขึ้นขัดร่างโปร่งที่ยืนกำหมัดแน่นอยู่ข้างๆ
เจ้าของริมฝีปากรูปหัวใจมองไปยังภาพที่แฟนตัวเองกอดร่างผอมๆของจงแดไว้ในอ้อมแขน
พร้อมกับวาดรอยยิ้มกว้าง
ภาพแบบนี้เห็นบ่อยจะตายไป
ให้มานั่งหึงปาร์ค ชานยอลกับพี่จงแด เขาก็ไม่มีเวลาทำอะไรกันพอดี อีกอย่าง
เขาก็เชื่อใจปาร์ค ชานยอลมากพอที่จะไม่คิดเล็กคิดน้อยในเรื่องแบบนี้
“นายไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง”
“ไม่นี่ครับ
ปกติผมก็กอดพี่จงแดแบบนี้เหมือนกัน”คยองซูยักไหล่คล้ายไม่ได้แคร์อะไรอย่างที่พูดจริงๆ
ก่อนจะเดินเข้าในห้อง ที่แม้ชานยอลจะมองเห็นคยองซูแล้ว
แต่ก็ยังปล่อยให้เพื่อนซบอยู่ในอ้อมกอดอย่างนั้นแถมยังกระชับอ้อมกอดจนจงแดแทบจะจมหายไปกับอกเมื่อเห็นว่าใครเดินตามหลังคยองซูเข้ามา
แบคฮยอนไม่ได้พูดอะไรทำเพียงแค่เดินเข้ามายืนจ้องร่างผอมๆในอ้อมกอดปาร์ค
ชานยอลเงียบๆ
แต่ถึงอย่างนั้นแววตาก็ฉายชัดถึงความหงุดหงิดออกมาเสียจนชานยอลอยากจะหัวเราะออกมาดังๆด้วยความสะใจ
เมื่อเช้ามาขโมยจูบไอ้เตี้ยนี่ต่อหน้าต่อตาเขา
ขอเอาคืนเสียหน่อยเถอะ
“เลิกเล่นบทตาแก่หวงลูกได้แล้วพี่โย่ง
รีบๆปล่อยพี่จงแดซะ”เพราะชักจะออกตัวหวงเกินเหตุ คยองซูก็เลยอดเตือนอีกฝ่ายเสียไม่ได้
ยิ่งเห็นใบหน้าเรียบๆของแบคฮยอนที่เริ่มจะแผ่ความเย็นยะเยือกออกมาแล้ว
คยองซูที่อยากให้เดทแรกของพี่จงแดกับว่าที่แฟนมีแต่ความสุขเลยต้องจัดการกับแฟนตัวเองเสียหน่อย
“แบคฮยอนมาแล้วหรอ”จงแดที่ได้ยินเสียงคยองซูรีบผลักอกหนาๆของเพื่อนออกแทบจะทันที
ก่อนจะหันมาแล้วสบเข้ากับใบหน้าเรียบนิ่งของแบคฮยอน
“มา..มานานแล้วหร..”
“ไปกันเถอะ”ยังไม่ทันได้พูดจนจบประโยคดี
แบคฮยอนก็กล่าวตัดบทมือข้างนึงคว้าเอาข้อแขนของคนตัวผอม อีกมือก็คว้าเอากระเป๋าของเจ้าตัวขึ้นมาถือ
และลากจงแดออกจากห้องไปแทบจะทันที
ชานยอลถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าปฏิกิริยาตอบรับของบยอน
แบคฮยอนเป็นไปเกินคาด แต่หัวเราะไม่เท่าไหร่ก็ต้องร้องออกมาเสียงหลงเมื่อหมัดเล็กๆแต่เจ็บหนักของคุณแฟนประเคนเข้าที่หัวไหล่
“โอ๊ย ตัวเล็ก
ชกพี่ทำไม โอ๊ยๆๆ”
---------------No title---------------
บรรยากาศครึ้มๆ
ไม่ได้ทำให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของจงแดเลย คนตัวผอมวาดรอยยิ้มกว้างและเผื่อแผ่มันไปให้คนที่กุมมือเขาอยู่เสมอ
เพียงแต่แบคฮยอนไม่ได้ยิ้มตอบ มือเรียวที่จับมือเขาไว้มันยังคงจับกันแน่น
แต่แบคฮยอนกลับไม่สบายใจ เพียงแค่คิดถึงเรื่องของปาร์ค ชานยอลกับ จงแด
เขาก็เผลอหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ
ทั้งๆที่เด็กตาโตนั่นก็บอกแล้วว่ามันไม่มีอะไร
“นายไม่สนุกหรอ”เจ้าของมือเล็กกระตุกมือข้างที่จับกับแบคฮยอนเบาๆ
ก่อนที่ดวงตากลมภายใต้กรอบแว่นจะช้อนขึ้นสบตา
“เปล่า
ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”สุดท้ายแบคฮยอนเลยต้องจับจูงคนตัวผอมให้มานั่งพักที่ม้านั่งใกล้ๆ
สวนสาธารณะในยามเย็นมีผู้คนไม่มากนักเนื่องจากบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน
เขาเองก็กำลังคิดว่าจะพาอีกฝ่ายกลับ
เพราะถ้าหากอยู่นานกว่านี้เมฆสีดำที่ตั้งเค้านั่นอาจจะทำให้จงแดไม่สบาย
“ก็แบคฮยอนไม่ยิ้มเลย
ทำหน้าน่ากลัวตลอด”
“ทำหน้าแบบไหน
แบบนี้หรอ?”ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้าไปใช้สายตาจับจ้องใบหน้าของอีกฝ่ายนิ่งๆ
จนคนตัวผอมต้องก้มหน้าหลบตาเมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของแบคฮยอนกำลังปรากฏรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ทำให้จงแดอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้
เพียงเพราะมันทำให้เขาเขินอายเสียจนไม่กล้าสู้หน้า
“หลบตาอีกแล้ว
จะเขินทำไมนักหนานะ”
“เราไม่ได้เขิน”แบคฮยอนหัวเราะเบาๆในลำคอก่อนตาคมจะจดจ้องแก้มขาวๆที่ขึ้นสีแดงระเรื่อนั่นอย่างไม่วางตา
“แล้วแก้มแดงๆนี่..”
“ย่าส์
แบคฮยอน”เพราะเขินจัดจนลืมตัวต่อปากต่อคำ
ทั้งๆที่ไม่ใช่วิสัยสุดท้ายก็เลยได้แต่ขยับหันหลังให้คนขี้แกล้งได้หัวเราะเสียจนหนำใจ
“นี่จงแด ชอบฉันตรงไหนหรอ?”เสียงเรียบเอ่ยขึ้นมาตาเรียวยังคงจับจ้องเจ้าของร่างผอมบางที่นั่งอยู่ข้างๆ
จนกระทั่งอีกฝ่ายหันกลับมาสบตา แบคฮยอนก็ยังจ้องไม่วางตา
“ก็ ไม่รู้สิ”
“...”
“รู้แค่ว่าชอบ
แล้วแบคฮยอนล่ะ..ชอบเราบ้างหรือเปล่า?”ความเงียบคือสิ่งที่จงแดได้รับกลับมา ใบหน้าน่ารักละสายตาออกจากใบหน้าหล่อเหลานั่นก่อนจะเหม่อมองไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าที่มีกลุ่มเมฆสีดำคนตัวผอมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองถามคำถามที่ไม่ควรถามออกไปเสียแล้ว
ทั้งๆที่อยากจะรักษาระดับความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกนี่เอาไว้
แต่จงแดก็ยังโลภมาก
โลภมากเสียจนอาจจะต้องเสียทุกอย่างไป
เปาะ แปะ
“เข้าไปในรถกันเถอะ”
ฝนเริ่มลงเม็ด แบคฮยอนถึงได้ดึงสติตัวเองกลับมา คว้าเอาข้อมือผอมๆให้ลุกขึ้น
เสื้อคลุมสีดำตัวนอกถูกถอดออกเพื่อมาคลุมบนหัวกลมๆของคนข้างกาย จงแดไม่ได้พูดอะไร
เพียงแต่ไม่ยอมขยับตัวไปไหนก็เท่านั้น
“จงแด มาสิฝนเริ่มลงเม็ดแล้วนะ”
“...”คนตัวผอมได้แต่ยืนก้มหน้าและส่ายหัวให้แทนคำตอบ
แบคฮยอนถึงกับเผลอสบถเมื่อสายฝนเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ
“นายอย่ามาดื้อตอนนี้ได้ไหม
มันไม่ได้น่ารักเลยนะ”
“เรารู้
ว่าเราไม่มีทางน่ารักได้อย่างที่แบคฮยอนต้องการหรอก”
“คิม จงแด”ตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายแข่งกับเสียงฝน
แบคฮยอนพยายามอย่างยิ่งที่จะลากแขนอีกฝ่ายให้เดินไปยังรถ แต่คิม
จงแดที่ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมากจากไหนกลับแกะมือเขาออกและวิ่งฝ่าสายฝนออกไปโดยที่เขาไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมาเลย
---------------No title---------------
เสียงกริ่งหน้าบ้านที่ดังขึ้นทำให้คนตัวผอมยันตัวลุกจากเตียง
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อนึกไม่ออกว่าใครกันที่จะมาหาในเวลาเที่ยงๆแบบนี้
พ่อกับแม่ของเขาก็เพิ่งออกไปทำงานเมื่อเช้า ชานยอลกับ
คยองซูเองก็บอกว่าจะมาเยี่ยมหลังเลิกเรียน
แล้วใครกัน?
“แบคฮยอน..”ร่างโปร่งที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่หน้าบ้านทำให้จงแดหัวตื้อขึ้นมาเสียดื้อๆ
คนตัวผอมก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาเมื่อสมองดันหวนคิดไปถึงเรื่องเมื่อวาน
ทั้งที่ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกันมากมาย
เขาก็ทนความอึดอัดไม่ไหวจนต้องวิ่งฝ่าสายฝนกลับมานอนซมเป็นไข้หวัดแบบนี้
พอคิดถึงความผิดของตนก็ไม่กล้าสู้หน้าแบคฮยอนเสียดื้อๆ
ว่าแต่แบคฮยอนยังจะมาหากันอีกทำไมนะ
จะมาบอกให้เขาเลิกยุ่งกับเจ้าตัวหรือเปล่า?
“อ่ะ ..ฮยอน”ข้อมือเล็กของคนป่วยถูกแขกไม่ได้รับเชิญจับกระชับไว้แน่นก่อนจะพาเดินก้าวเข้ามาในบ้านเสมือนกับเป็นบ้านของตนเอง
จงแดที่ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เดินตามแรงจับจูงของอีกฝ่ายขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านอย่างงุนงง
“ห้องนอนนายอยู่ไหน?”
“หะ...หา”ประโยคแรกที่เอ่ยออกจากปากของแบคฮยอนทำให้ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นมาอย่างตกใจ
จงแดคิดว่าตัวเองคงจะหูเพี้ยน
แต่เมื่อแบคฮยอนเอ่ยทวนขึ้นมาอีกรอบเขาก็ทำได้แค่ยกมือชี้ไปทางประตูห้องนอนของตัวเองและบอกเสียงเบา
“อ่า ทางนี้”
ตุบ
“ดะ เดี๋ยวก่อนแบคฮยอน”ทันทีที่เข้ามาภายในห้องร่างผอมๆของเจ้าของบ้านก็ถูกผลักลงไปนอนหงายอยู่บนเตียงตัวเอง
จงแดที่สมองยังคงมึนงงได้แต่เบิกตากว้างเมื่อแบคฮยอนตามขึ้นมาบนเตียง
ข้อมือเล็กทั้งสองข้างถูกกดไว้ ลำตัวของแบคฮยอนแทรกอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเขา
จงแดแทบไม่กล้าขยับตัวเมื่อท่าทางที่เป็นอยู่มันค่อนข้างหน้าอาย
เขาเลยได้แต่หลับตาปี๋ เมื่อแบคฮยอนโน้มใบหน้าลงมาใกล้ ตาเรียวคมอาศัยจังหวะนั้นจับจ้องไปทั่วใบหน้าขาวออกซีด
ไล่สายตาสำรวจไปทั่วใบหน้าก่อนจะกลับมาสบเข้ากับดวงตากลมที่ไร้กรอบแว่นสีดำที่เพิ่งลืมขึ้นเมื่อครู่
“นายนี่มันงี่เง่าจริงๆ
คิม จงแด”ประโยคร้ายกาจถูกพ่นออกมาจากปากของคนใจร้าย
จงแดหันหน้าหนีเมื่อรู้สึกเหมือนคำพูดเหล่านั้นกำลังเกาะกินหัวใจเขาช้าๆ
ทั้งที่เมื่อวานก็ทำร้ายเขาไปด้วยคำพูดจำพวกนี้ไปแล้วแท้ๆ
ทำไมถึงได้ตามมาทำร้ายเขาอีก แบคฮยอนใจร้าย
“ขอโทษ เราขอโทษ”ไม่ได้หันกลับมามองใบหน้าของคนด้านบนแต่อย่างใด
จงแดรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเอาไม่เอาไหน เมื่อรับรู้ถึงเสียงสั่นๆและน้ำใสๆที่เอ่อล้นรอบดวงตาของตน
ไม่เอาไหนเลย
ทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ชาย แต่ทำไมแค่เป็นเรื่องของแบคฮยอนถึงได้ร้องไห้ง่ายขนาดนี้
“มองหน้าฉัน”
“...”
“บอกว่าให้มองหน้าฉันไง
คิม
จงแด”คราวนี้แบคฮยอนไม่ได้แค่ออกคำสั่งแต่มือเรียวยังจับปลายคางของอีกฝ่ายให้หันมาสบตา
“ทำไมถึงร้องไห้อีกแล้ว...”
“ขอโทษ”เพราะร้องไห้เสียงของเขาเลยสั่น
แบคฮยอนสบถคำบางอย่างในลำคอ ก่อนที่นิ้วเรียวจะค่อยๆเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้มออกให้อย่างแผ่วเบา
แต่ถึงอย่างนั้นจงแดก็ยังไม่ยอมหยุดร้องไห้
“อย่าร้อง
ถ้านายยังร้องแบบนี้ฉันจะเป็นบ้าจริงๆแล้วนะ จงแด..”ไม่ทันได้พูดอะไร
ริมฝีปากของแบคฮยอนก็ปิดกั้นเสียงทั้งหมดของเขา
ริมฝีปากบางถูกกดจูบเนิ่นนานก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงลิ้นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาภายในโพรงปาก
จงแดทำได้แค่ขย้ำเสื้อของแบคฮยอนแน่นยามที่ฝ่ามือเรียวกดท้ายทอยของเขาให้รับสัมผัสหนักหน่วงของเกลียวลิ้นที่ไล่หยอกเย้าลิ้นของเขาภายในโพรงปาก
อุณหภูมิของร่างกายที่ยังสูงกว่าปกติ
เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ได้เกิดจากพิษไข้กำเริบ
แต่มันเกิดจาก บยอน แบคฮยอนต่างหาก
“ช่วยพูดเหมือนวันที่นายสารภาพรักกับฉันสิ”แบคฮยอนถอนริมฝีปากก่อนจะจดจ้องใบหน้าน่ารักเพื่อรอคำตอบ
จงแดเลิกร้องไห้แล้ว เพียงแต่เสียงยังคงสั่นเหมือนเดิม
“เรา เรา”
“เร็วสิ”
“เราชอบนาย..”
“..”
“ชอบ แบคฮยอน
อื้อ”เพียงเพราะอีกฝ่ายน่ารักเกินไปแบคฮยอนถึงได้ให้รางวัลเป็นจูบหนักๆบนริมฝีปากบาง
“ฉันก็ด้วย..”
“...”
“ฉันเองก็ชอบนายเหมือนกัน
คิม จงแด ”ชอบมาตั้งนานแล้ว
แบคฮยอนละประโยคสุดท้ายไว้ในใจ
ก่อนจะแตะจูบลงบนริมฝีปากบางที่ร้อนด้วยพิษไข้นั่นเบาๆ ขยับกายลงมานอนข้างๆ แล้วลูบผมอีกฝ่ายอย่างเบามือ
“พักผ่อนเถอะ ..”
“..อือ”
“แล้วพรุ่งนี้เราจะได้มาเริ่มต้นกันใหม่ในสถานะแฟนซักที”
End
or TBC…..?
มันเหมือนจะจบ แต่ก็ยังไม่จบใช่มั๊ย? เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่บทสรุปของเรื่องค่ะ เพราะฉะนั้นเจอกันเมื่อทุกอย่างของเรื่องนี้ลงตัวนะคะ ^^
ความคิดเห็น