ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Shakespeare and Company ♡

    ลำดับตอนที่ #1 : Page 1, It Started With Weibo + { words edit }

    • อัปเดตล่าสุด 16 พ.ย. 58








    Tough Time Story .
    Page 1, It Started With Weibo 

     













    ติ๊งงงงงง!



     

    เมื่อเสียงข้อความแชทจากใครบางคนดังขึ้น ใครอีกคนที่นั่งรออยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์มาแทบทั้งวันก็รีบเปิดอ่านทันที แม้รอยยิ้มแห่งความสุขที่ระบายขึ้นอ่อนๆบนใบหน้าจะช่วยแต่งแต้มให้คนที่หล่อเหลาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่างเขานั้นยิ่งดูดีมากขึ้นไปอีกแต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถปิดซ่อนความอิดโรยที่แอบแฝงอยู่ไว้ได้


     

    ‘คอนเสิร์ตวันแรกจบแล้ว เหนื่อยมาก... TT’



     

    การกวาดสายตาเก็บเกี่ยวทุกๆคำที่ถูกส่งมาจากบุคคลคุ้นเคยนั้นทำให้ชายหนุ่มแย้มยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ค่อยจะมีใครได้พบเห็นยิ่งขึ้น ทว่าจึงค่อยๆจางจืดไปเมื่อสิ้นท้ายประโยค



     

    ‘ขอโทษที่ทำให้พวกนายลำบาก..’



     

    อู๋อี้ฝานถ่ายทอดทุกตัวอักษรออกไปด้วยความรู้สึกผิด เพราะเหตุผลบางอย่างที่หนักหนาเกินจะอธิบายทำให้วันนั้นเขาต้องลงมือทำบางอย่าง


    บางอย่างที่ทำร้ายหลายๆคนที่เขารัก...



     

    ‘กลับมาต้องเลี้ยงหม้อไฟนะ :)’



     

    ลู่หานยังเหมือนเดิม กวางน้อยของเขาเป็นคนแบบนี้ตลอดมา
    ไม่เคยคิดผูกใจเจ็บกับใคร และพร้อมจะเข้าใจทุกๆคนเสมอ 



     

    ‘อืมม… ว่าแต่เป็นยังไงบ้างล่ะ’



     

    ‘สนุกมาก นายก็รู้ว่าคอนเสิร์ตเดี่ยวคือความฝันยิ่งใหญ่ของพวกเราสมัยเด็กฝึกเลยเหอะ’



     

    อู๋อี้ฝานคลี่ยิ้มเพียงบางๆ มือข้างที่ถนัดถูกยกขึ้นมารับน้ำหนักของใบหน้า ร่างสูงพรูลมหายใจเบาๆ เมื่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราวหลายปีก่อนครั้งยังเป็นเพียงเด็กฝึกธรรมดาๆไม่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง



     

    นั่นสิ... เขาเองก็เคยฝันอยากจะมีคอนเสิร์ตเดี่ยวเหมือนกัน



     

    ‘แล้วก็...’



     

    เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นเมื่อคนในแชทส่งข้อความที่เขียนไม่จบมาให้ด้วยความสงสัย



     

    ‘ก็…???’



     

    ‘ทะเลกาแล็คซี่สวยมาก อยากให้นายมายืนดูด้วยกัน...’



     

    อู๋อี้ฝานฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง...

    ใช่ เขาเป็นคนที่คอยบอกทุกๆคนอยู่เสมอว่าชื่นชอบทะเลไฟแสนสวยนี้มากเพียงใด



     

    เสียแต่ว่าครั้งนี้...ไม่มีโอกาสได้เห็นกับตา



     

    กระนั้นเจ้าตัวก็เลือกที่จะพับเก็บความคิดเก่าๆเอาไว้แล้วเลือกที่จะตอบคนเป็นคู่สนทนาด้วยข้อความที่หวังว่าจะทำให้ทั้งตนและอีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายจากความอึดอัดนี้



     

    ‘ฉันเห็นแล้วล่ะ ใน weibo เต็มไปหมด พวกนายนี่ฮอตใช่ย่อย’



     

    ‘พวกเรา... ไม่ได้เหรอ?’



     

    ‘…’



     

    ‘ฝาน… เมื่อไหร่จะกลับ?’



     

    ‘ยังไม่รู้...’



     

    อู๋อี้ฝานตอบไปตามความจริง



     

    จะอีกกี่วัน

    จะอีกกี่เดือน

    หรือ จะอีกกี่ปี 



     

    เขาเองก็ยังไม่รู้



     

    ‘ของของนายน่ะ..ถ้ายังไม่มาจะยึดแล้วนะ’

     


    เจ้าของความสูงเฉียดหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรหลุดหัวเราะออกมาเบาๆให้กับความน่ารักเสมอต้นเสมอปลายของคนที่ตนกำลังพูดคุยด้วย

     

     

    ‘หัดเป็นขโมยเหรอ หานหาน!’

     


    ‘อย่าเรียกฉันแบบนั้น... มันคิดถึง...’



     

    ข้อความล่าสุดทำให้อู๋อี้ฝานนิ่งไปครู่หนึ่ง

     

    จะให้อู๋อี้ฝานบอกยังไงว่าเขาเองก็คิดถึงคนที่นั่นเหมือนกัน

    จะให้บอกได้ยังไงว่าว่าจริงๆแล้วเขาเองก็อยากกลับไปมากแค่ไหน



     

    ‘จะได้เจอกันอีกใช่มั้ย?’


     

     

    นั่นสิ.. จะได้เจอกันอีกใช่มั้ย... หานหาน ?



     

    ‘ฝากของไว้ก่อนนะ...’




    เรียวนิ้วขยับไปตามความคิด ข้ออ้างเดียวที่จะทำให้ลู่หานรอเขาต่อไปและไม่หลงลืมกันอย่างที่เขากลัวถูกพิมพ์ส่งไป



     

    ‘อืม ฝากนี่เป็นคำที่ดีใช่มั้ย??’



     

    ‘ทำไม?’ 



     

    คิ้วหนาพันปมเมื่อโดนถามด้วยคำถามแปลกๆ แม้จะชินกับนิสัยประหลาดๆของคนหน้าหวานก็ตาม แต่อู๋อี้ฝานก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้ในหลายๆครั้ง



     

    ‘เพราะมันหมายถึงวันหนึ่งจะมีคนกลับมาเอา’



     

    ชายหนุ่มวาดยิ้มขืนๆขึ้นบนใบหน้า ความรู้สึกทั้งสุข ทุกข์ปะปนกันไปหมดจนสับสน ในตอนนี้อู๋อี้ฝานไม่รู้ว่าควรจะยิ้มกว้างๆหรือควรจะปลดปล่อยน้ำตาที่กดกลั้นเอาไว้มาพักใหญ่ดี



     

    ‘ฉันก็ยังไม่รู้...’



     

    ‘…’



     

    ‘แล้วทำไมซุปตาร์เอเชียยังไม่ไปพักผ่อนอีกห๊ะ? พรุ่งนี้ต้องขึ้นคอนเสิร์ตอีกไม่ใช่เหรอ’



     

    ทำได้แค่เบี่ยงประเด็นอย่างที่ถนัด...

    สิ่งที่อู๋อี้ฝานสามารถทำได้ดีที่สุดตอนนี้



     

    คือทำให้ลู่หานสบายใจมากที่สุด

    เท่าที่เขาจะทำได้...



     

    ‘อืม…ดูแลตัวเองด้วยฝาน’



     

    ‘ลู่หาน…’



     

    แม้จะไม่อยากจะให้ลู่หานไปมากเท่าไหร่

    แม้จะอยากคุยกับอีกฝ่ายให้เนิ่นนานเท่าที่จะยื้อได้



     

    ‘ไหนบอกให้ฉันไปนอนไง?’



     

    ‘อย่าถกเสื้อขึ้นเยอะนะ หวง…’



     

    แต่ก็ต้องไม่ทำให้ลู่หานที่มักจะแสร้งทำตัวเข้มแข็งอยู่เป็นประจำนั้นเหน็ดเหนื่อยเพราะตนไปมากกว่านี้



     

    ‘หวงก็รีบกลับมาสิ...’



     

    ต้องข่มใจ…

    บอกลา



     

    ‘Fighting!’



     

    บอกลาใครอีกคนด้วยคำพูดให้กำลังใจพื้นเพทั่วๆไปเพียงคำเดียว



     

    ‘Waiting..’



     

    และลู่หานเองก็ทำได้เพียงบอกลาอีกคนด้วยคำวิงวอนนัยๆที่ไม่มีพลังมากพอ



     

    คืนนั้นใครจะรู้...



     

    ลู่หานไม่ได้นอนหลับอย่างที่รับปากเพื่อนสนิท

    คนหน้าหวานย้อนดูรูปเก่าๆมากมายที่ไม่อยากให้เป็นเพียงแค่ความทรงจำด้วยความใจหาย



     

    ขณะที่อีกฝ่ายซึ่งไล่อีกคนไปพักผ่อนก็เอาแต่เลื่อนดูภาพในคอนเสิร์ตวันนี้ไปเรื่อยๆทั้งคืน



     

    ‘ถ้าหากได้อยู่ในรูปนั้น เราจะยืนอยู่ตรงไหน’



     

    คิดเล่นๆเช่นนั้นอู๋อี้ฝานหรือคริสจึงทอดมองไปยังนอกบานหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ กลีบปากอิ่มเคลื่อนขลับพึมพำประโยคสั้นๆออกมาเบาๆพร้อมกับน้ำตาที่รื้นไหลลงมาทันทีที่พูดจบ



     

    “We’re one”








    Maybe, TBC














     

    ©
    t
    b
    u
    t
    t
    e
    r
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×