คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER I | SOUVENIR
เ มี ย เ เ ต่ ง
AUTHOR :BABYDAWN
แสงไฟจากรถยนต์คันใหญ่สาดเข้ามาทางช่องหน้าต่างภายในห้องนั่งเล่นก่อนที่จะดับลงในช่วงเวลาสั้นๆ เสียงฝีเท้าหนักๆ ลากเดินมาตามทางเดินดั่งเช่นทุกวันก่อนที่ร่างของเขาจะปรากฏขึ้นภายในห้องที่มืดสลัว แผ่นมือหนาคลายปมเนคไทออกอย่างลวกๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหายใจหนักๆ อย่างเป็นวิสัย
“มานั่งทำอะไรตรงนี้”
“มานั่งรอ”
“เหอะ”
แฟ้มเอกสารหลายรายการถูกขว้างลงบนโต๊ะรับแขกอย่างไม่เอาใจใส่สันแฟ้มด้านหนึ่งกระแทกเข้ากับถ้วยกาแฟส่งผลให้มันไถลตกลงสู่พื้นพรมขาวอย่างห้ามไม่ได้หากแต่มันก็ไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากคนทั้งสองได้แต่อย่างใด
“ดาเฮอยู่ไหน ไปชงกาแฟมาใหม่”
คนตัวเล็กลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะปรายตามองดูอีกฝ่ายผ่านเลนส์แว่นสายตานั้นอย่างเรียบเฉย กลีบกุหลาบสีแดงถูกวางคั่นไว้ระหว่างหน้าหนังสือที่เจ้าตัวอ่านมาถึงก่อนที่จะวางมันไว้ที่ข้างลำตัวอย่างเงียบๆ
“พี่จะไปชงมาให้ใหม่”
“ดาเฮ”
“ทานอะไรมาหรือยัง จะรับอาหารค่ำด้วยหรือเปล่า”
“ดาเฮ!”
“พอทีเถอะลู่ฮานเขาเข้านอนกันตั้งแต่สามทุ่มแล้ว ที่บริษัทไม่มีนาฬิกาหรือถึงได้ไม่รู้ว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้ว”
คนตัวเล็กลุกพรวดพรวดขึ้นมาพร้อมกับที่สายตาตวัดขึ้นมองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่บอกเวลาตีสองยี่สิบสี่นาที ลมหายใจแผ่วบางรอดผ่านโครงจมูกเล็กออกมาเบาๆ ทำท่าจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารมื้อคร่ำให้คุณผู้ชายเพื่อยุติบทสนทนาที่คล้ายว่าจะรุนแรงขึ้น
“เหอะ มีอย่างที่ไหนคนใช้เข้านอนก่อนเจ้านาย”
“ไปที่ห้องอาหารเถอะพี่จะจัดโต๊ะให้”
“ผมไม่หิว”
ว่าก่อนจะลุกเดินผ่านหน้าคนตัวเล็กไปอย่างไม่สบอารมณ์ เสียงกระแทกฝีเท้าหนักๆ บ่งบอกถึงสภาวะทางอารมณ์ของผู้กระทำได้เป็นอย่างดี หากแต่มันก็ไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กสะทกสะท้านต่อกิริยาเช่นนั้นอย่างที่ควรจะเป็น... เขาลุกขึ้นมาเก็บแฟ้มเอกสารที่คุณผู้ชายกองมันเอาไว้ให้เป็นระเบียบก่อนที่จะรวบรวมมันเพื่อนำไปวางไว้ที่ห้องทำงานอย่างเช่นทุกวัน
“อ อื้อ... คุณผู้ชายคะ อา...”
“อืม...”
“คุณผู้ชาย อ อ๊า...”
“ซ... ดี...”
และนี่ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เขาคุ้นเคยดีราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติของบ้านหลังนี้ ภาพที่คุณผู้ชายกับสาวรับใช้บรรเลงบทรักกันอย่างเร่าร้อนภายในห้องเก็บของที่แออัด... ห้องใต้บันไดที่สกปรกโสมมดูเหมือนกับว่าจะเป็นสถานที่นัดพบที่คนทั้งสองดูจะพึงพอใจกับมันเสียเหลือเกินแสงไฟเพียงดวงเดียวจากห้องเล็กๆ ภายในบ้านหลังใหญ่ที่มืดสนิทส่องสะท้อนเงาของเรือนร่างเปลือยเปล่าทั้งคู่อย่างชัดเจน
แผ่นมือเล็กกอดแฟ้มเอกสารที่หอบเอาไว้จนแน่นก่อนที่จะเดินผ่านห้องเล็กๆ นั้นไปสู่ชั้นสองของคฤหาสน์โดยไม่ลืมที่จะแสดงน้ำใจโดยการปิดประตูที่แง้มอยู่นั้นให้สนิทและทำเป็นว่าไม่เคยรับรู้มันมาก่อน... เมื่อจัดชั้นเอกสารภายในห้องทำงานของคุณผู้ชายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขาจึงนำพาร่างของตนกลับมาภายในห้องนอน
แว่นสายตาถูกถอดวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงอย่างระมัดระวังก่อนที่เรือนกายบางจะแทรกลงไปภายใต้ผ้านวมผืนหนา เปลือกตาบางเคลื่อนปิดลงมาอย่างเชื่องช้าพร้อมๆ กับที่มวลสมองที่ว่างเปล่าได้เริ่มฉายภาพในอดีตซ้ำขึ้นมาคล้ายกับจะตอกย้ำ...
“ทำไมไม่พูดอะไรบ้างเลย พี่ยอมให้เรื่องมันเลยเถิดมาขนาดนี้ได้ยังไง”
ทันทีที่การส่งตัวสิ้นสุดลงเขาก็จัดการลากผมเข้ามาภายในห้องน้ำที่คิดว่ามันคงจะเก็บเสียงสนทนาของเราทั้งคู่ได้ดีที่สุด ดูท่าว่าเขาจะหัวเสียเอามากๆ ถึงกับกระชากหูกระต่ายบนชุดออกมาจนมันขาดไม่เป็นท่า... นั่นเป็นอีกหนึ่งในหลายๆ สิ่งที่ผมคาดไม่ถึงในรอบสัปดาห์นี้แต่ก็คงจะทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากก้มหน้ายอมรับผลจากกระทำนั้นให้มากที่สุด
“ไปอาบน้ำเถอะ มาพี่จะช่วยถอดเสื้อให้”
“เหอะ เชื่อเขาเลย”
เขาเมินหน้าไปอีกทางก่อนที่จะปัดมือผมออกราวกับว่ามันเป็นสิ่งสกปรกทั้งที่ไม่นานมานี้เขาเอาแต่เรียกร้องขอมันราวกับว่าไม่รู้จักพอ เสื้อผ้าสองสามชิ้นถูกถอดออกมาอย่างลวกๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งตัวลงไปในอ่างน้ำเสียจนน้ำกระเซ็นออกมาข้างนอก
“มัวมองอะไร ลงมาอาบน้ำสิ”
“พี่จะไปเตรียมชุดนอนให้”
“เป็นคนใช้หรือไง”
“เป็นภรรยา”
“เหอะ งั้นก็ช่วยปฏิบัติหน้าที่ของเมียให้มันดีๆ หน่อยแล้วกัน”
ลู่ฮานกระแทกน้ำเสียงใส่ผมอย่างไม่สบอารมณ์นักก่อนที่จะรูดม่านที่กั้นระหว่างห้องน้ำอาบจนสุดแรงนั่นเป็นการกระทำซึ่งย้ำว่าสภาวะทางอารมณ์ของเจ้าตัวกำลังตกต่ำจนถึงขีดสุด นับว่าเป็นอีกหนึ่งมุมมองซึ่งผมไม่เคยได้เห็นเลยในตลอดระยะเวลาที่คุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้
ด้านมืดของรุ่นน้องที่ผมรู้จักมากว่าหกปีถูกแสดงออกมาเป็นครั้งแรกในปาร์ตี้วันเกิดของคุณพ่อของเขาหลังจากที่เราทั้งคู่ตื่นขึ้นมาภายในห้องพักของโรงแรมที่จัดงานในสภาพกายเปลือยเปล่าต่อหน้าของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เขาปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ ทั้งยังกล่าวให้ร้ายครอบครัวของผมสารพัด แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องและมนุษย์ทุกคนควรจะทำมัน แต่เมื่อเทียบกับลู่ฮานแล้วมันไม่ใช่วิสัยของรุ่นน้องคนนี้เลยแม้แต่น้อย...
แม้ว่าลู่ฮานจะพยายามคัดค้านข้อเสนอของสองตระกูลสักเท่าไหร่ท้ายที่สุดแล้วงานวิวาห์จำเป็นทั้งที่ไม่จำเป็นของเราทั้งคู่ก็ถูกจัดขึ้นในวันนี้ภายในโรงแรมที่ต้นตระกูลของลู่ฮานเป็นเจ้าของอยู่ การรวมกิจการโรงแรมระดับห้าดาวกับห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของโซลเข้าเป็นทองแผ่นเดียวกันนั้นดูท่าว่าจะเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายเป็นอย่างมาก...
“คุณผู้ชายคะ วันนี้ดาเฮทำข้าวต้มทะเลมาให้ทานค่ะ”
สาวใช้คนโปรดกล่าวขึ้นพร้อมกับวางอาหารส่วนของคุณผู้ชายลงบนโต๊ะรับประทานอาหาร แม้ว่าบุคคลที่ตนพูดถึงคือคุณผู้ชายของบ้านหากแต่สายตาเรียวเล็กกลับจิกมองบุคคลที่สามบนโต๊ะรับประทานอาหารนั้นราวกับเจตนาให้ได้ฟัง... กลิ่นอายของข้าวต้มโชยกระทบเข้ากับโครงจมูกของลู่ฮานเข้าเต็มๆ จนเจ้าตัวต้องเบือนหน้าหนี
“ไปบอกให้ที่ครัวจัดข้าวต้มหมูขึ้นมาใหม่”
น้ำเสียงเรียบเย็นกล่าวขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เธอเชิดหน้าขึ้นมองต้นเสียงอย่างไม่คิดยอมแพ้
“ทำไมล่ะคะ ข้าวต้มทะเลที่ดิฉันทำมันไม่ดีตรงไหน”
“ดาเฮ ไม่ได้ยินที่คุณมินซอกสั่งหรือไง”
เสียงของคุณผู้ชายแว่วขึ้นมาคล้ายกับจะเป็นคำประกาศิต สาวเจ้าถอนหายใจฟึดฟัดทำราวกับเด็กน้อยที่ถูกขัดใจข้าวต้มทะเลต้นเหตุถูกยกออกไปพร้อมกับเสียงกระแทกฝีเท้าปึงปังของสาวรับใช้
“บอกที่ครัวให้ทำอาหารที่ฉันสั่งเท่านั้น”
“คุณมินซอกไม่คิดว่าคุณผู้ชายจะเบื่อบ้างหรือคะ เมนูเดิมๆ จืดชืดไร้รสชาติ”
จงใจกระแทกน้ำเสียงที่ท้ายประโยคให้คนฟังรู้สึกเจ็บใจ หากแต่กลับต้องมาเป็นตนเองที่รู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อยเมื่อคุณมินซอกไม่แสดงท่าทีระแคะระคายแม้แต่น้อยซ้ำยังตอบกลับมาด้วยประโยคที่เธอแทบจะกระอัก
“สามีของฉันแพ้อาหารทะเล เรื่องแบบนี้บริกรอย่างเธอคงจะไม่รู้หรอก ใช่ไหม?”
“แต่...”
“มัวทำอะไรดาเฮ ทำไมยังไม่รับทำตามที่คุณมินซอกสั่ง”
คุณผู้ชายย้ำคำพูดของตนอีกครั้ง รูปหน้าคมปรากฏรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจขึ้นมาอย่างไม่อาจจะเก็บซ่อน... ตั้งแต่สามเดือนก่อนที่เขาพาดาเฮเข้ามาทำหน้าที่เด็กรับใช้ในบ้านหลังนี้ก็ดูเหมือนว่ามินซอกจะไม่แสดงท่าทีใดๆ เช่นเดียวกับทุกครั้งที่เขาพาคู่นอนคนอื่นๆ เขามาร่วมหลับนอนในบ้าน แม้ว่าจะจงใจทำให้เห็นหลายต่อหลายครั้งหากแต่บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะใส่ใจราวกับว่าไม่รับไม่รู้อะไร... และนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่มินซอกแสดงอาการไม่พอใจออกมาให้เห็น
“ไม่ต้องขึ้นมาบนตึกใหญ่อีก ต่อไปนี้ให้อี้ชิงเป็นคนเตรียมอาหาร”
“คุณมินซอกจะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
สาวรับใช้ตัวดีหันขวับมาทันทีที่จบประโยค ก้าวเท้ายาวๆ กลับมายังจุดเดิมพร้อมกับกระแทกวางถาดอาหารลงบนโต๊ะราวกับไม่เกรงกลัว
“อะไรล่ะที่ว่าฉันทำไมไม่ได้”
“ฉันเป็นคนรับใช้ของคุณผู้ชาย คุณมินซอกไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้ฉันมาที่นี่”
หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบเอาผ้าฝ้ายสีขาวขึ้นมาเช็ดที่มุมปากของตนเอง... ปรายตามองสาวรับใช้ที่ดูท่าจะร้อนรนจนแทบจะระเบิดพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ เหมือนกับว่าไม่ถือสา หากแต่ประโยคที่กล่าวออกมานั้นกลับทำให้คนที่ฟังแสบร้อนราวกับถูกสาดด้วยข้าวต้มต้นเหตุนั่นก็ไม่ปาน
“งั้นสินะ ต้องให้เป็นคนใช้แบบเธอหรือไงถึงจะมีสิทธิ์ออกคำสั่งคนรับใช้ในบ้านของตัวเอง”
“คุณมินซอก!”
“ฉันอิ่มแล้ว อาหารที่เหลืออยากจะยกลงไปทานต่อก็ตามสบาย”
ว่าก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นมาไม่ทันให้เด็กรับใช้จอมอวดดีได้แง้มฝีปาก เรียวตาเล็กปรายมองคุณผู้ชายที่เอาสนใจหนังสือพิมพ์ตรงหน้าราวกับบุคคลทั้งสองตรงหน้าเป็นธาตุอากาศ...
“ออ ตามคุณจุนมยอนไปพบฉันที่ห้องด้วย”
พูดจบก็เดินกลับขึ้นไปที่ชั้นสองก็คงจะกลับเข้าไปขังตัวเองอยู่ในห้องเหมือนเคย ตั้งแต่อยู่กินกันมาผมยังไม่เคยเห็นเขาออกไปข้างนอกเลยสักครั้งลอยไปลอยมาอยู่ในบ้านทำเหมือนกับตัวเองเป็นผีเฝ้าศาลงั้นล่ะ ดีหน่อยก็ออกไปนั่งอ่านหนังสือที่สวนหน้าบ้าน... เห็นแบบนี้แล้วมันก็อดนึกตลกตัวเองไม่ได้มีดีกรีเป็นถึงเพลย์บอยประจำกลุ่มกลับต้องมาเสียท่าให้กับรุ่นพี่จอมเฉิ่มที่สนิทกันมาตั้งหลายปีอย่างไม่เป็นท่า แถมตื่นขึ้นมายังจำความรู้สึกแบบนั้นไม่ได้เลยสักนิดก็ต้องมาถูกจับให้แต่งงานโดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้เหตุผลปัญญาอ่อนว่าเพื่อรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของผู้ชายที่หลับนอนกับผม นี่คงจะประสาทกลับไปกันหมดแล้วล่ะมั้งกับอีแค่ผู้ชายสองคนร่วมกันระบายความใคร่มันจะเสียเกียรติสักเท่าไหร่กัน เหตุผลจริงๆ ก็คงไม่แคล้วเรื่องที่เจ้าของห้างใหญ่อยากจะร่วมธุรกิจกับครอบครัวของผมถึงขั้นต้องยกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมาถวายพานให้ผมนั่นแหละ
“พี่”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเพื่อยืนยันการมาถึงของใครอีกคน เขาเปิดประตูห้องก่อนที่จะเดินเข้ามาภายในห้องของเจ้าของคนตัวเล็กอย่างถือวิสาสะ... ถาดอาหารว่างวางลงที่โต๊ะปลายเตียงพร้อมกับรอยยิ้มบางๆ ราวกับว่ารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาเป็นอย่างดี
“ทานสักหน่อยนะครับ ตอนเช้าทานไปแค่นิดเดียวเอง”
“นี่ถ้าไม่ให้คนไปตามก็คงจะไม่มาให้เห็นหน้าเลยสินะ”
ว่าก่อนที่จะหย่อนร่างของตนบนโซฟาสีอ่อนก่อนจะเพยิดหน้าขึ้นเพื่อส่งสัญญาณให้แขกผู้มาเยือนนั่งลงด้วยกัน จัดการรินน้ำชาที่อีกฝ่ายเตรียมมาลงบนแก้วทั้งสองใบ โดยไม่ลืมที่จะหยอดก้อนน้ำตาลลงบนแก้วใบหนึ่งก่อนที่จะส่งมันให้กับอีกฝ่าย
“เมื่อคืนผมไปค้างที่บ้านน่ะครับ เห็นว่าพี่เข้านอนเร็วก็เลยไม่ได้บอกก่อน”
“งั้นสิ... นึกว่าจงใจไม่มาทานอาหารเช้าด้วยกันเสียอีก”
พูดจบก็ยกถ้วยน้ำชาใบเล็กขึ้นมาจิบ นัยน์ตาเรียวทอดมองไอความร้อนที่ระเหยขึ้นมาอย่างล่องลอยก่อนที่คนตัวเล็กจะเผลอถอนหายใจยาวๆ ออกมาอย่างลืมตัว
“มีเรื่องรบกวนจิตใจหรอครับ”
กลั้นใจถามออกไปโดยที่เจ้าตัวก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แม้จะสนิทสนมกันจนสามารถปรึกษาพูดคุยกันได้ทุกเรื่องและท่าทางของมินซอกตอนนี้ก็ดูออกไม่ยากเลยว่าเจ้าตัวกำลังมีเรื่องให้ต้องคิดหนัก แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของจุนมยอนที่จะเดาความคิดของคนตรงหน้านี้
“อยากได้ห้องเงียบๆ เอาไว้อ่านหนังสือ จุนมยอนจัดการให้พี่หน่อยสิ”
มินซอกเป็นคนที่พูดน้อยกว่าคิด นับว่าเป็นอีกเรื่องที่จุนมยอนรู้และเข้าใจในตัวของลูกพี่ลูกน้องคนนี้
“ที่ห้องใต้บันได... อยากได้ห้องนั้น”
นัยน์ตากลมใสฉายแววปวดร้าวขึ้นมาจนอีกฝ่ายสังเกตได้ แผ่นมือทั้งสองบีบเข้าหากันจนปลายนิ้วเล็กซีดสนิท... นับตั้งแต่สองปีก่อนที่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะน้องชายของมินซอกจุนมยอนก็พอจะรู้ความเป็นไปทุกๆ อย่างโดยที่คนตัวเล็กไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก
“อยากย้ายออกไปอยู่ข้างนอกไหมครับ”
ถามออกเป็นไปรอบที่ร้อยแม้จะรู้คำตอบของมันดี ถึงจะมีศักดิ์เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้องแต่จุนมยอนก็รักและเป็นห่วงมินซอกราวกับพี่น้องร่วมท้อง ตั้งแต่ที่พ่อและแม่เสียชีวิตลงไปด้วยอุบัติเหตุคุณลุงก็รับเขามาอุปการะและเลี้ยงดูราวกับเป็นลูกชายอีกคน และมินซอกเองก็รักและดูแลเขาราวกับเป็นน้องชายแท้ๆ
“ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
“พี่...”
“สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท ระยะนี้เขาคงจะต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ”
“ผมจะจัดการให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ครับ”
“ช่วยทำเงียบๆ ไม่ให้เขารู้จะดีที่สุด”
“ผู้หญิงคนนั้น...”
“ทำกุญแจที่เข้าไปได้แค่พี่”
“คนรับใช้ที่ชื่อดาเฮ...”
“เย็นนี้ทานข้าวด้วยกันนะ”
เป็นการจบบทสนทนาลงโดยที่จุนมยอนดูจะไม่เต็มใจนัก จากท่าทีที่คนตัวเล็กหยิบเอาหนังสือเล่มโปรดขึ้นมาอ่านดูจะเป็นการส่งแขกอย่างเขาได้อย่างไม่ต้องเอ่ยปาก คนเป็นน้องได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะเดินบ่นออกไปจากห้องของพี่ชายอย่างจำยอม
“ผมไม่เข้าใจพี่เลยจริงๆ”
ทั้งที่ตัวเองก็มีสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านอีกคนมีอำนาจเท่าเทียมกับลู่ฮานทุกอย่าง แต่พี่มินซอกกลับไม่เคยจัดการอะไรให้เด็ดขาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขามักจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นหรือไม่ก็แสดงทีท่าว่าไม่สนใจสิ่งต่างๆ นอกจากหนังสือเล่มที่กำลังอ่านอยู่ตรงหน้า แม้จะรู้ดีว่าพี่ชายคนนี้เป็นคนใจเย็นกว่าคนอื่นๆ แต่ในกรณีที่บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตัวเองพาใครต่อใครเข้ามาทำอะไรเลวๆ ในบ้านโดยที่ตัวเองก็ยังอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกัน จุนมยอนก็ไม่สามารถเข้าใจได้จริงๆ ว่ามินซอกอดทนและทำเป็นว่าไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อเรื่องเหล่านี้ได้เช่นไร
ฝ่าเท้าเล็กย่างเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมอย่างเชื่องช้า ปลายนิ้วมือสัมผัสไปตามสันหนังสือภายในชั้นวางที่ตนเองเดินผ่าน เปลือกตาบางปิดลงพลันเสียงแผ่นเนื้อทั้งสองที่เสียดกระทบกันก็ดังขึ้นเคล้าคลอไปกับเสียงกุกกักของข้าวหล่นลงบนพื้นแผดขึ้นมาในโสตประสาทอย่างเกินจะหักห้าม ภาพเรือนร่างของใครคนหนึ่งกับอีกหนึ่งคนที่กำลังตอบสนองการกระทำเช่นนั้นฉายซ้ำขึ้นมาราวกับมีใครเปิดวิดีโอม้วนเก่า เนื้อเสียงทุ้มต่ำครางแผ่วออกมาด้วยความสุขสมกับเสียงของใครอีกคนที่หวีดร้องออกมาเป็นชื่อสามีของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน...
ร่างบางเม้มริมฝีปากของตนเอาไว้แน่นก่อนที่จะส่ายหัวไปมาเพียงไม่กี่ครั้งเพื่อสลัดไล่ความคิดต่างๆ แสงไฟสีส้มสลัวฉายให้เห็นห้องหนังสือขนาดไม่ใหญ่นักหลังจากที่เปิดสวิตช์ไฟเพียงเสี้ยววินาที หนังสือหลายร้อยเล่มที่เจ้าตัวสะสมถูกจัดเรียงเอาไว้ภายในชั้นวางอย่างเป็นระเบียบทิ้งเค้าโครงของห้องเก็บของซอมซ่อไปจนสิ้น แต่ถึงกระนั้นภาพในอดีตก็ยังคงตอกย้ำอยู่ในความทรงจำของมินซอก ต่อให้พยายามทาสีทับมันสักเท่าไหร่ก็ดูเหมือนว่าไม่สามารถกลบลบให้มันจางลงได้เลยแม้แต่น้อย
เขาถอดกรอบแว่นสีเงินวางลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างเบามือ ก่อนที่จะฟุบหน้าลงกับพื้นกระจกเย็นยะเยือกนั้นอย่างอ่อนล้า เปลือกตาบางปิดลงอีกครั้งพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วแววสะอื้นขึ้นมาหากแต่ไร้หน่วยน้ำตาอย่างที่ควรจะเป็น หากจะนับความปวดร้าวที่ได้รับจากผู้ชายที่ตัวเองเรียกว่าสามีอย่างเต็มปาก มินซอกเองก็คงไม่สามารถประเมินมันได้ เช่นเดียวกันนั้น... เมื่อเทียบกับความรู้สึกดีๆ ที่เขาและลู่ฮานคนที่เคยเป็นรุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเมื่อหลายปีก่อนที่เคยมีต่อกันในอดีตมันก็มากมายจนประเมินค่าไม่ได้เช่นกัน
ครืด...
( “พี่อยู่ไหน” )
เสียงของรุ่นน้องกรอกขึ้นมาทันทีที่เขากดรับโทรศัพท์ หนังสือเรียนที่ถูกเปิดอ่านเพียงสองสามหน้าพับลงตามเดิมก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่างอย่างเคย
“ขอพี่หยิบรองเท้าเดี๋ยว จะลงไปเดี๋ยวนี้เลย”
ว่าก่อนที่จะโบกไม้โบกมือให้กับเจ้ารุ่นน้องตัวดีที่ยืนรออยู่ข้างล่างหอพัก อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างล่างกระโดดโลดเต้นเป็นเด็กๆ เหมือนกับว่าไม่ได้เจอกันมาหลายปี เขากลับเข้ามาในห้องก่อนที่จะถอดแว่นสายตาวางไว้บนหนังสือเล่มเดิม หยิบเสื้อโค้ชตัวเก่งเข้ามาสวมเอาไว้อย่างลวกๆ ก่อนที่จะรีบลงไปหาปลายสายเพื่อไม่ให้รอนาน
“ทำไมพี่กลับเร็วจัง ผมไปหาที่คณะเก้อเลย”
“พี่เลิกคลาสตั้งแต่บ่ายแล้ว ไปนั่งรอที่นั่นตั้งนานนึกว่าลู่ฮานจะลืมไปแล้วน่ะสิ”
จบประโยคทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาอย่างนึกขัน เป็นประจำที่ทั้งคู่จะต้องคลาดกันเช่นนี้แม้ว่ารู้สถานที่นัดพบดีอยู่แล้ว
“โห... ผมก็นึกว่าพี่มีนัดกับสาว ไม่งั้นก็มาตามที่หอพักตั้งนานแล้ว”
กระเซ้าเล่นก่อนที่จะล็อกคอของรุ่นพี่ตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้
“น้อยๆ หน่อย คำพูดแบบนั้นมันของพี่ไม่ใช่หรือไง”
แม้ว่าจะเป็นผู้ชายด้วยกันแต่มินซอกก็ไม่ชอบให้ใครเข้ามาถึงเนื้อถึงตัวนัก นอกจากจุนมยอนแล้วก็คงจะมีแต่ลู่ฮานที่คนตัวเล็กไม่ถือสา เป็นเพราะเข้าใจลักษณะนิสัยของรุ่นน้องคนนี้ดีมินซอกยอมให้อีกฝ่ายหยอกเล่นไปตามประสา
“ผมเนี่ยนะจะมีสาวมานัด ตัวติดกับพี่ขนาดนี้คนแม่งคิดว่าเป็นเกย์ทั้งคณะแล้วเนี่ย”
“แล้วไม่ได้เป็นหรือไง”
“ก็เหี้ยละ”
“เพื่อนเล่าให้ว่าเมื่อเช้าเห็นลู่ฮานเดินออกมาจากห้องน้องปีหนึ่ง ชื่ออะไรนะ...”
“ใคร ไม่มี”
ลู่ฮานว่าก่อนที่จะยอมปล่อยให้รุ่นพี่เป็นอิสระจากเรียวแขนของตน กรอกสายตาไปมาส่อพิรุธให้อีกฝ่ายจับได้อย่างไม่รู้ตัว
“คนที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์คณะเศรษฐศาสตร์ ที่ตัวสูงๆ จำชื่อไม่ได้”
“พอเลย อย่ามาล้อ”
“บอกมาเลย”
“ไม่มี”
“เร็วๆ เลย”
“คนไหน พี่ก็ไปถามเพื่อนพี่ดิ”
“ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นสักหน่อย”
“ไม่อยากรู้แล้วมาถามทำไม”
“อยากจะฟังจากลู่ฮานบ้างเท่านั้นเอง”
“พี่แม่ง”
กำปั้นหนาชกลงบนต้นแขนของรุ่นพี่ตัวเล็กหนักๆ อย่างนึกหมั่นเขี้ยว จริงอยู่ที่ตามนิสัยของมินซอกแล้วไม่ใช่คนที่จะชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นสักเท่าไหร่ แต่ก็มักจะมีเสียงนกเสียงกาคาบข่าวคราวของลู่ฮานไปให้เจ้าตัวฟังอยู่บ่อยๆ สุดท้ายแล้วก็ไม่วายที่รุ่นพี่จอมเฉิ่มจะต้องเอามาล้อเขาอยู่เป็นประจำ
“ว่ายังไง ตกลงว่าชื่ออะไร ใช่เซฮุนหรือเปล่า”
“โหพี่... คางยื่นขนาดนั้น เด้าๆ กันอยู่คางแม่งกระแทกหน้าผมยุบพอดี”
“จริงๆ ด้วย เมื่อคืนไปนอนกับผู้ชายมาจริงๆ ด้วย”
“ชื่อจื่อเทา เด็กแลกเปลี่ยนเศรษฐศาสตร์ คนนี้แม่งเด็ดโคตรอ่ะพี่”
“อึ๋ย... ลู่ฮานเป็นเกย์”
แกล้งมองรุ่นน้องร่วมคณะอย่างรังเกียจ ริมฝีปากเล็กเบ้เข้าพร้อมย่นจมูกขึ้นมาเพื่อประกอบท่าที... เมื่อเห็นเป็นเช่นนั้นคนเป็นน้องจึงแกล้งกอดอกแสดงอาการน้อยใจ ส่งเสียงหายใจฮึดฮัดจนอีกฝ่ายต้องหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“ทำไม เป็นเกย์แล้วพี่จะเลิกคบดิ”
“ตลกจังเลย”
“ได้ผู้ชายครั้งแรกยอมรับครับว่าเมา แต่เด้าไปเด้ามารู้สึกว่าเออแม่งก็แน่นดี ของแบบนี้ต้องลองเองนะพี่”
“ลู่ฮาน! พอเลย พูดอะไรไม่รู้จักอาย”
“ป่ะพี่ ไม่เตะบอลละ ไปลองดีกว่า”
“ลู่ฮาน!”
ครืด... ครืด...
โทรศัพท์ที่สั่นอยู่ภายในกระเป๋ากางเกงตัวเล็กปลุกให้ร่างบางตื่นขึ้นมาจากภวังค์ เรียวมือเล็กเคลื่อนขึ้นมาขยี้หางตัวตาเองเบาๆ ก่อนที่จะหยิบเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมาเพื่อรับสาย
“ลู่ฮานหรอ”
หากแต่สายตากลับต้องสะดุดกับชื่อของผู้ที่โทรเข้ามา ชื่อของรุ่นน้องคนหนึ่งที่มักจะโทรมาชวนให้เขาไปนั่งดูเจ้าตัวซ้อมฟุตบอลและขอให้ช่วยติววิชาที่ตัวเองไม่ถนัดอยู่เป็นประจำ หน่วยตาเล็กกรอกมองไปรอบๆ หัวใจดวงเล็กเร่งจังหวะขึ้นมาทีละน้อยราวกับได้ย้อนกลับไปในวันวาน... ไวกว่าความคิด ปลายมือเล็กก็กดรับสายนั้นก่อนที่ยกมันขึ้นมาแนบหู
( “พี่อยู่ไหน” )
เสียงจากปลายสายลอดผ่านเครื่องมือสื่อสารสีขาวนั้นขึ้นมาในทันที ประโยคคำถามที่คุ้นเคยราวกับจะย้ำให้แน่ใจว่าคนตัวเล็กนี้ไม่ได้ฝันไป นัยน์ตาคู่เล็กรื้นชื้นขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้...
“ลู่ฮาน...”
( “ออ ได้ยินไหม ผมถามว่าพี่อยู่ที่ไหน” )
“พี่...”
( “.......................” )
กลับต้องเก็บคำพูดนั้นให้กลืนกลับเข้าไปในลำคอเมื่ออีกฝ่ายไม่รอให้เขาตอบคำถาม... ประโยคหนึ่งกล่าวขึ้นมาคล้ายจะเป็นคำสั่ง และแม้ว่ามันจะเป็นคำสั่งก็คงจะเป็นคำสั่งที่มินซอกพร้อมจะน้อมรับและปฏิบัติตามมันอย่างไร้ข้อกังขา
TBC.
ตอนที่หนึ่งยาวหน่อยนะคะ .. ขอออกตัวเลยนะคะว่าฟิคเรื่องนี้อาจจะไม่ได้อัพถี่ๆ เพราะฉะนั้นตอนนึงจะมีความยาวประมาณนี้แหละจ้า อ่านให้จุใจกันไปเลยเนาะ. _ .
สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าตัวเองทั้งสองของเรื่องมีปมอะไรกันทำไมเปิดมาก็หย่ากันเลย พาร์ทนี้ก็ถือโอกาสมาทำความรู้จักกับตัวเองของเราแบบคล่าวๆ นะคะ ใครที่เกลียดคุณลู่ฮานตั้งแต่อินโทรอาจจะต้องเสียใจนะคะ... อาจจะต้องเสียใจที่เกลียดนางน้อยไป 555555555555555555555555555555555 คุณลู่ฮานฝากมาบอกว่าเกลียดได้เกลียดไปอย่ามาหลงรักเค้าตอนท้ายแล้วกัน แบร่: P
ความคิดเห็น