ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มุมเล็กๆ

    ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าม้าตัวน้อย แก้ไข

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 57


    แปลกมั้ย ...กับความคิด ..... ในบางครั้งถ้าเรา........

    เมื่อเราพบว่า บ้างครั้ง...บางสิ่งบางอย่าง ที่กว่าจะรู้ว่าสำคัญมากเท่าไหร เรายิ่งมองข้ามสิ่งนั้นมากขึ้นเท่านั้น และจะรู้ถึงมันยามเมื่อเราศูนย์เสียสิ่งๆนั้นไป และอยากที่จะได้มันกลับคืนมาไม่ว่าจะทำด้วยวิธีการยังไงก็ตาม

    แต่เมื่อไหรที่ สิ่งที่เราคิดว่าสำคัญ เมื่อเราศูนย์เสียมันไป เราถึงจะรู้ว่าสิ่งๆนั้น ไม่ได้สำคัญกับตัวเราเลย

    ยิ่งสิ่งที่สำคัญมากเท่าไหร ย่อมหาสิ่งอื่นมาทดแทนยากมากขึ้นเท่านั้น 


    ครั้งหนึ่งในยามอ่อนเยาว์ ความรักความผูกพันธุ์ระหว่างคนและสัตว์ แม้ว่าทุกครั้งจะจบด้วยการเจ็บตัว หรือร้องไห้ แต่ความสัมพันธุ์ก็สามารถก็ตัวขึ้นได้ แม้ไม่สามารถพูดคุยสื่อสาร แต่ก็สามารถเข้าใจได้ด้วยสัมผัสและท่าทาง


    ............................................................................................................................................

    แสงประกายสีส้มหม่นๆ รอดผ่านหน้าต่างเข้ามายังห้องที่มืดสรัว มีเด็กหญิงผิวขาวซีดผมดำยาวนั้งอยู่ริมหน้าต่างบานใหญ่

    ภาพภายนอกหน้าต่างเป็นเพียงกิจวัตรปกติของคนทั่วไป ภาพของเด็กชาวสวน วิ่งเล็กไล่จับนกเขา กันอย่างสนุกสนาน แต่สำหรับเด็กหญิงผู้นี้ช่างบาดตาบาดใจของเธอเสียเหลือเกิน เธอจิกนิ้วเรียวขาวของเธอลงบนเนื้อไม้ บริเวณขอบเป็นรอยด้วยความอิจฉาและดูเหมือนจะไม่ใช่รอบแรกที่เกิดขึ้นบนขอบหน้าต่างนั้น 

    แคร์เด็กน้อยวัย 4 ขวบ ภูมิแพ้ชนิดพิเศษตั้งแต่กำเนิด โดยเธอไม่สามารถโดนแสงแดดได้เลย เด็กน้อยไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เหมือนเด็กปกติ   เธอเพียงได้แต่เฝ้ามองผ่านกรอบบานกระจกสี่เหลี่ยมบุด้วยไม้ชั้นดีที่เธอคุ้นเคย และเป็นสถานที่เดียวที่เธอสามารถมองออกไปยังโลกภายนอกได้ 

    เธอฝันอยากจะออกไปเล่นกับคนอื่น วิ่งอย่างสนุกสนาน ตามประสาเด็กในวัยเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เธอเฝ้าภาวนาขอให้มีใครสักคนที่สามารถเล่นกับเธอได้ เพื่อนที่จะเข้าใจและไม่รังเกียจเธออย่างที่เธอเป็น


    ด้านหลังประตูบานใหญ่แง้มออกมา มีเงาร่างสูงใหญ่ดวงตาอาบไปด้วยความเศร้าสร้อยจ่องมองมายังเด็กหญิงที่นั้งมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหมอลอย

    ผู้เป็นบิดา เขาทราบดีถึงอาการของบุตรสาว แต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรแก่เธอได้ ใบหน้าที่ดูภูมิฐานของผู้เป็นบิดายามปกติบิดเบี้ยวด้วยความอาทร หัวใจที่แข็มแข็งกลับไร้เรี่ยวแรงแม้เพียงแค่มองดู แม้มีทรัพย์สินมากมายแต่ก็ไม่สามารถแลกมากับวามสุขของลูกสาวของตัวเอง…..

     

    วันคืนผ่านไปแสนนานจนกระทั้งวันหนึ่ง พ่อของเธอพาเธอมาภายนอก เป็นครั้งแรกที่พ่อของเธอพาเธอไปสถานที่อื่นซึ่งไม่มีโรงพยายาล 
    แคร์ ถูกปิดตาด้วยผ้าสีน้ำตาลอ่อน และเดินตามพ่อของเธอมา “ป๊ะป๋า หนูง่วงนอนแล้ว ป๊ะป๋าจะพาหนูไปไหน..” เธอคางออกมาด้วยความอ่อนแรง และง่วงงุน 
                   “เดี๋ยวแครจะได้เห็นเอง ป๋าสัญญาว่า แคร์จะต้องชอบแน่”  เขาบอกแก่ลูกสาวและจูงมือต่อต่อไป  “ถึงแล้วแคร์ ลูกป๋า Blessing Garden สวนคำอธิฐาน ” 
    เขาแก้ผ้าสีน้ำตาลอ่อนที่ปิดตาเธอออก ดวงตาของเธอเบิกกว้าง ความง่วงงุน หายราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
    ภาพแรกที่เธอเห็น คือ สุ่มประตูโค้งบานใหญ่ที่มีเถาวัลย์สีเขียวอ่อนพันรอบ ด้านหลังสุมประตู เป็นโดมขนาดใหญ่ สีครีมอ่อนรู้สึกสบายและปรอดโปร่ง 
    ***·         ภายในสวนมีบึงน้ำล้อมรอบศาลาหินอยู่ตรงกลางรายล้อมด้วยสนามหญ้าสีเขียวสดพลิ้วไหวดังต้องลมอยู่ตลอด
    ***·         ภายในสวนเป็นสนามหญ้าสีเขียวสดพลิ้วไหวดังต้องลมอยู่ตลอด และศาลาหินที่ล้อมรอบด้วยบึงน้ำ อยู่ส่วนกลางของสวน
    ด้านบนมี กระจกวงกลมอยู่ตรงกลาง และมีแสงรอดเข้ามาอยู่ตลอด เป็นเส้นตรงลงมายังศาลาหิน ทำให้ศาลาหินเปล่งประกาศระยิบระยับซึ่งดูเหมือนปราสาทขนาดย่อมๆ 
     เธอทั้งตื่นเต้นและประทัปใจความงามของสวนนี้  เธอพยายามจะวิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น “อา..ง ”เด็กสาววิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่จะหมดแรงล้มลง ผู้เป็นพ่อวิ่งเข้ามาพยุงขึ้น  “แคร์ลูกพ่อ ไม่เป็นไรนะ…. ” เขาปัดฝุ่นออกจากตัวเธอ และมองหารอยแผลที่อาจเกิดขึ้นแต่ก็ต้องโล่งใจที่ไม่มีแผลเกิดขึ้น “อย่าฝืนสิลูก ตอนนี้ลูกยังไม่แข็งแรง ลูกคงชอบที่นี้มากสินะจากนี้ไปที่นี้จะเป็นของลูกนะ แคร์” เขายิ้มและบอกแก่เธอต่อ “และพ่อยังมีเพื่อนใหม่จะแนะนำให้ลูกรู้จัก เดอโร” เขาชี้ไปทางด้านข้างของสวน 
    เธอเห็นลูกตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่บนหญ้าสีเขียวสดที่พลิ้วไหวอยู่ตลอด เดอโร ลูกม้าสีน้ำตาลเข้ม แผงคอสีขาวดูสะอาดตา ท้องของมันพองและยุบเป็นจังหวะหายใจเขาออก “มันกำลังหลับอยู่ แต่ว่าสักพักมันคงจะตื่นแล้วละ” พ่อของเธอเดินจูงมือ ไปหาเจ้าลูกม้าขี่เซา และหยุดอยู่ห่างจากเจ้าลูกม้าไปไกลมาก
     
    แต่แคร์ยังคงเดินต่อไปยังเจ้าลูกม้านั้น แม้จะกลัวแต่คำว่า เพื่อน ก็เป็นแรงพลักดันให้เธอเดินต่อไป ด้วยความรู้สึกถวิลหามาตลอด ตั้งแต่จำความได้ ความทรงจำอันเศร้าสร้อยของเธอจะถูกบรรเทาลงจากนี้ไป จากคนที่ไม่เคยมีเพื่อนเลยต่อไปนี้จะไม่มี แคร์เด็กสาวผู้ไร้เพื่อนอีกต่อไปแล้ว 
    แม้ว่าความรู้สึกต่อคำๆนี้ เธอยังไม่รู้ความหมายของมันก็ตามแต่เมื่อเธอได้ยินคำๆ นี้มันทำให้หัวใจของเธอพองโต
    เธอเดินเข้าไปใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้นจนกระทั้งเธอสามารถสัมผัสมันได้ ความรู้สึกแรกคือ ความนุ่มของขนอ่อนสีตำตาลของมัน ความสากของแผงคอ และกลิ่นลมหายใจแปลกประหลาดที่มันพ้นออกมา ทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ จนต้องทำคิ้วขมวด เธอยังคงลูบ เจ้าเดอโรต่อไปด้วยความเอ็นดู
    จนกระทั้งเจ้าม้าตัวน้อยนี้เริ่มลืมตาอย่างช้าๆ ขึ้นมาและกระพริบอยู่สองสามที หลังจากการพักผ่อนอย่างสงบสุข มันถลึงตัวลุกขึ้นมาอย่างงงงัน และวิ่งออกไป “อ๊า..ก”ทำให้เด็กสาวตกใจร้องไห้ จนผู้เป็ดบิดาต้องเข้ามาอุ้มเดินไปยังศาลากินกลางน้ำ เธอร้องไห้จนพล่อยหลับไปในที่สุด
    นั้นเป็นครั้งแรกที่ แคร์ได้เจอกับเดอโร แม้จะเป็นเพื่อนตัวแรก ก็ไม่วายให้ แคร์ ต้องเสียน้ำตา
                   6 เดือนต่อมาเธอเหมือนได้มีชีวิตใหม่ เธอสามารถทำกิจกรรมต่างๆที่อยากทำได้ในยามกลางวัน สภาพร่างกายของเธอเริ่มที่จะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ภูมิต้านทานโรคกำลังปรับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างที่ควรจะเป็นมาตลอด 
                   เหมือนดั่งปราฎิหารย์ที่ทำให้เด็กน้อยเพราะภายในระยะเวลาอันน้อยนิดสามารถทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ 
                   เนื่องจาก Blessing Gardenถูกสร้างมาเพื่อรักษาสภาพอาการผิดปกติของแคร์โดยตรงจากผู้เป็นพ่อ ภายใน Blessing Garden นี้สภาพอากาศทุกอย่างจะถูกควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาให้เหมาะสมกับแคร์ ทุกอย่างแม้กระทั้งแสงแดดที่ส่องเข้ามาจะถูกกรองให้ไม่ระคายเคืองต่อแม้แต่น้อย 

               

     

    ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา แคร์และเดอโร อยู่ด้วยกันตลอดไม่เว้นแม้แต่เวลากิน เล่น นอน แคร์มักจะเฝ้าดูมันอยู่ตลอด จนแคร์ขอที่จะนอนอยู่กลับเดอโรที่ Blessing Garden ในตอนแรกพ่อของเธอยังไม่อนุญาต แต่ก็ยอมแพ้แก่คำรบเร้าของลูกสาวของเขาจนได้ ในช่วงแรกๆ พ่อของเธอจะมานอนด้วยที่ Blessing Garden ทำกิจกรรมต่างๆด้วยกันกับเธอตลอด

     

    จนเธอนอนพ่อของเธอจะเล่านิทานให้ฟังทุกครั้ง เธอนั้งฟังนิทานของผู้เป็นพ่อบนหลังของ เดอโร และเมื่อไหรก็ตามที่เธอหลับพ่อของเธอจะอุ้มเธอไปนอนที่ศาลาหินกลางน้ำทุกครั้งไป

     

    ทุกๆวัน แคร์  จะนั้งบนหลังของเดอโร และเดินเล่นรอบๆ สวน อย่างสนุกสนาน เดอโร และแคร์ต่างเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เดอซึ่งเป็นม้าพันธุ์ดี ทำให้มันเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วร่างกายของมันสูงใหญ่ ขนที่แผงคอก็ยิ่งสง่างามขึ้นเรื่อยๆ เธอรักมันมากและมักจะโอมกอด เดอโรจากบนหลังของมันทุกวันและมันเองก็ดูเหมือนจะรับรู้ด้วย

     

    เดอโร มันจะเป็นมิตรกับ แคร์ มากขึ้น แคร์สามารถสื่อสารกับ เดอโร ได้จากสายตาที่จองมองอยู่ เธอโอมกอดมันอย่างเช่นทุกครั้ง และใช้มือข้างหนึ่งลูบคล่ำบริเวณคอของมันเบาๆ

    “เดอโร ฉันจะไม่จากแกไปไหน เธอจะเป็นเพื่อนคนแรกและจะเป็นเพื่อนรักของฉันตลอดไป เดอโร” เด็กสาวกลั่นความรู้สึกที่มีออกมาจากใจ

    เดอโรผงกหัวเหมือนมันรับรู้ได้จากความรู้สึก ของเหลวใส่ๆ ไหลออกมาจากดวงตาอันใหญ่โตของมัน

     

     

    เรียกว่าทั้งสองสามารถสื่อใจถึงกันได้เลยทีเดียว

     

    ช่วงเวลาที่ผ่านมาใน Blessing Garden แม้จะทำให้ แคร์ จะแข็งแรงขึ้น ทุกวันๆ แตกต่างกับ เดอโร ซึ่งอยู่ภายใน Blessing Garden ด้วยกันตลอดกลับมีสภาพที่ทรุดโทรมลงตรงข้ามกลับ แคร์ อย่างสิ้นเชิง จากลูกม้าสายพันธุ์ที่แข็งแรงอดทน ร่างกายที่ขัดมาเป็นพิเศษ กลับมีสภาพแย่ลงทุกขณะ  ซึ่งอาจมาจากสภาพอากาศที่ถูกปรับต่างจากโลกภายนอก

     

     

    เวลาผ่านมา ปี ภายใน Blessing Garden ทำให้ร่างกายของเธอกลับมาเป็นปกติเหมือนดั่งคนทั่วไป และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่เธออยากทำ


    ความทรงจำอาจจะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ 


    อาจจะเลือนราง จะเรื่องบางเรื่องก็สามารถทำให้คนเราสามารถเลือกเส้นทางชีวิตในอนาคตได้ 

    แสงแดดยามสายกระทบใบหน้าของลูกม้าตัวน้อย หน้าของมันบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาร ซึ่งไม่ทราบสาเหตุ

    หนูน้อย แคร์อายุเพียบ 8 มองดูผู้เป็นพ่อกำลังช่วยอุ้มลูกม้า กับเพื่อนขึ้นรถเพื่อที่จะพาไปโรงพยาบาลสัตว์ใกล้ๆแถวนั้น แคร์รักลูกม้าตัวนี้มาก และอาจจะเป็นเพื่อนที่เธอรักมากที่สุด

    เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสัตว์ คุณหมอจึงเข้ามดูอาการและพาเข้าไปรักษาภายในห้องๆหนึ่ง สักพักหนึ่งคุณหมอจึงเดินมาบอกอาการของเจ้าลูกม้าตัวนี้กับผู้เป็นพ่อและเดินกลับเข้าไปในห้องนั้นอีก

    หนูน้อยแคร์สงสัยว่าเจ้าลูกม้าตัวนี้เป็นอะไร จึงเอ่ยปากถามผู้เป็นพ่อว่า
    "ป๊ะป้า ม้าหนูเป็นไข้หรอคะ" ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าและกล่าวตอบว่า
    "ลูกพ่อ เดอโร แค่มีอาการปวดท้องซึ่งเกิดจากลำไส้อักเสพต้องรับการผ่าตัด "หนูแคร์ก็ไม่ค่อยเข้าใจที่พ่อของเธอพูดสักเท่าไหร แต่อดเป็นห่วงเดอโรไม่ได้” เธอได้แต่มองไปยังห้องๆนั้้นที่ เดอโร ลูกม้าวัย 4 ปีเศษ ถูกพาตัวเข้าไป 

    เวลาผ่านไป 3 ชม คุณหมอเดินกลับมาบอกกับคุณพ่อว่า "ขอแสดงความเสียใจด้วยครับการผ่าตัดล้มเหลวลูกม้าสิ้นใจตายขณะทำการผ่าตัด ลูกม้ามีอาการผิดปกติที่ลำไส้และติดเชื่อในระยะที่สาม" และเดินจากไปทิ้งให้ แคร์และคุณพ่อของเธอ

    แคร์จึงหันมาถามคุณพ่อว่า "ป๊ะป้า เดอโร อยู่ไหน" ผู้เป็นพ่อจึงตอบว่า "เจ้าเดอโร ตอนนี้ถูกส่งไปเป็นดวงดาวบนฟ้า กับไปอยู่กับแม่ของมันแล้ว วันนี้ลูกคงจะได้เห็นมันอีกในตอนกลางคืน เดี๋ยวพ่อจะชี้ให้ลูกดู และป๋าว่า ตอนนี้มันคงมีความสุข ที่ได้เจอพ่อและแม่ของมันนะลูก" 

    ในคืนวันนั้น เธอให้พ่อของเธอชี้หาลูกม้าของเธอเพื่อบอกอำลาเป็นครั้งสุดท้าย พ่อของเธอชี้ไปยังดวงดาวที่เปล่งแสงสุกสว่างบนท้องฟ้า และบอกว่า "นั้นไงลูกพ่อ ลูกม้าของลูกตอนนี้มันยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขบนท้องฟ้า" แคร์มองดูและโบกมือทักทาย "เจ้าลูกม้าสักวันหนึ่งฉันจะไปเป็นดาวบนฟ้ากับเจ้านะอย่าเพิ่งรีบหนีไปไหน แคร์อยากเจอกับแกอีกครั้ง" เธอเอ่ยออกมาพร้อมกับน้ำตาแล้วพล่อยหลับไปในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ

               

    ·        *** 20 ปีต่อมา แคร์จบการศึกษาเป็น สัตวแพทย์ ในโรงพยาบาลแห่งนั้น และม้าทุกตัวที่มารักษา ต้องกลายเป็นดาวทุกตัวเพื่อที่จะให้ เพื่อนวัยเด็กของเธอได้เจอกับเพื่อนเยอะๆ .................

    ·        ***20 ปีต่อมา แคร์ ยังคงมองไปบนฟ้าในยามราตรี เพื่อมองหาดวงที่สุกสว่างที่สุดบนท้องฟ้าตลอดมา ยามใดที่เธอท้อแท้หรือสิ้นหวังเธอจะนึกถึงเพื่อนคนแรกของเธออยู่เสมอ และทุกๆครั้งที่มองหาดาวดวงนั้น ของเหลวใส่ๆ ที่มาจากจิตใจของเธอจะล้นออกมาผ่านดวงตาที่เป็นประกาย ดั่งดาวบนฟ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×