ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legendary of NOBODY เพราะไร้ตัวตน

    ลำดับตอนที่ #6 : Sixth Legend | Cadite

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 401
      5
      24 เม.ย. 58

    CADITE.

     

     

     

    พวกเขาหัวเราะ ..ในขณะที่

    ผม กำลังร่วงหล่น..

     

     

     

     

    ฮาคาเสะวิ่งฉีกออกจากกลุ่มโดยล่ออสุรกายออกมาด้วย เขาเลือกเส้นทางแคบๆ เพื่อให้ราชสีห์นีเมียนไม่สามารถผ่านมาได้ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามนั้นจะเปล่าอะไรเพราะอสุรกายตนนี้ทำลายทุกสิ่งที่ขวางทาง เขาเคยได้ยินเรื่องความทนทานของขนที่ปกคลุมตัวมันมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ ..เสยรถบรรทุกลอยละลิ่วนี่ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

     

    เขาหลบสิ่งกีดขวางอย่างคล่องแคล่วและตรงมายังทางลัดที่จะพาเขาออกไปนอกเมือง เป็นเรื่องดีที่จนถึงตอนนี้ราชสีห์นีเมียนเพียงวิ่งตามเขาเท่านั้น นอกจากระวังไม่ให้อสุรกายขนาดยักษ์ตนนี้เหยียบเข้า อย่างอื่นก็ดูจะไม่อันตรายนัก ..อย่างน้อยฮาคาเสะก็คิดว่ามันปลอดภัยพอให้เขาไปถึงทางลับได้แบบเป็นๆ นั่นฟังดูไม่เลวทีเดียว

     

     

     

    โดยปกติแล้วเขาค่อนข้างชอบเทพเจ้าแห่งความโชคดีหรืออะไรประมาณนี้ แต่ดูเหมือนว่าเทพเจ้าองค์นี้จะไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่ เพราะเมื่ออะไรๆ กำลังไปได้สวย ฮาคาเสะก็พบวิกฤตที่อันตรายเสียยิ่งกว่าวิกฤตระดับแบล็คที่ว่านั่นอีก เจ้าหน้าที่ที่เขาพึ่งเห็นว่ากำลังถอนทัพกำลังเล็งปืนเวทมนตร์มาทางเขา หรือพูดให้ถูกคือเล็งมาทางอสุรกายที่ไล่กวดเขาอยู่ แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะเขาอยู่ในรัศมีการโจมตีเต็มๆ

     

    ทางด้านกองกำลังขององค์กรเองก็ปั่นป่วนไม่น้อย เพราะจู่ๆ คำสั่งถอนกำลังก็ถูกเปลี่ยนเป็นจู่โจมอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีนกต่อชั้นดีกำลังล่อพญาราชสีห์ออกห่างจากตน แม้ว่าในคำสั่งจะบอกไว้อย่างชัดเจนว่าถอนกำลังทุกกรณี แต่มันก็ไม่ได้เข้าหัวไซโต้ ..หรืออาจจะไม่เฉียดเลยด้วยซ้ำ..ชายผู้บ้าคลั่งคนนี้แม้แต่น้อย และความคิดนี้ก็ได้รับการยืนยันเมื่อนายทหารชั้นสูงออกคำสั่งพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม "โจมตีได้!!"

     

     

    ห่ากระสุนเวทมนตร์ถูกยิงโดยมีเป้าหมายคือถนนเส้นที่เขาใช้ล่ออสุรกายตนนี้ ถ้ามองไกลๆ มันอาจสวยงามราวกับดอกไม้ไฟในเทศกาล แต่สำหรับเขามันเลวร้ายกว่านั้นเยอะ

     ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นฮาคาเสะก็ไม่รับรู้อีกแล้ว ทุกอย่างสว่างวาบจนสายตาพร่าเลือน เสียงดังอื้ออึงจากการใช้เวทมนตร์ทำให้หูของเขาดับไป และสัมผัสสุดท้ายที่ฮาคาเสะรู้สึกคือแรงกดหนักๆ บนลำตัวก่อนที่สติจะทิ้งร่างของเขาและหนีไป

     

     

    ยามาสะ อันริวกำลังทำทุกอย่างเพื่อหยุดการโจมตีที่ไร้ประโยชน์นี้

     

     

    ไม่มีเวทมนตร์ชนิดไหนทำอันตรายราชสีห์นีเมียนได้ เว้นก็แต่เวทประสาทระหว่างความมืดและดาราที่มีความบริสุทธิ์สูงซึ่งพวกเขาไม่มี นี่เป็นบทเรียนแรกที่พวกคุณจะได้เรียนหลังจากเข้าสู่ภาคทฤษฎี ถึงนักเวทฝึกหัดทั้งยี่สิบคนจะไม่รู้ แต่ไซโต้รู้แน่นอน ทั้งที่รู้แต่ก็ยังทำ การโจมตีเต็มรูปแบบขนาดนี้สามารถคร่าชีวิตฮาคาเสะที่อยู่ตรงนั้นได้ไม่ยากและเขาก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น "ทำบ้าอะไรของพวกคุณ! เวทมนตร์พวกนี้ทำอะไรราชสีห์นีเมียนไม่ได้ เรื่องง่ายๆ แค่นี้พวกคุณก็น่าจะรู้นี่! จะฆ่าเด็กคนนั้นรึไง!!"

     

    ความสับสนเกิดขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่เมื่อคนระดับสูงทั้งสองออกคำสั่งขัดแย้งกัน คำพูดของอันริวทำให้การโจมตีชะงักลง ไซโต้จิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะแสยะรอยยิ้มบ้าคลั่งขึ้นมา "อะไรกันคุณยามาสะ.. ผมว่าผมพูดชัดเจนแล้วนะว่าการเสียสละเพื่อคนหมู่มากเป็นเรื่องธรรมดา แล้วเด็กคนนั้นน่ะ ชื่ออะไรนะ.. ฮาคาเสะ? เขาใช้เวทมนตร์ไม่ได้สักธาตุ ยิ่งเป็นคนไร้ค่าในหมู่ศิษย์ของคุณเลยนี่ ให้เขาเสียสละน่ะดีที่สุดแล้ว.."

     

     

    พลั่ก!

     

     

    ไม่ทันที่ไซโต้จะพูดจบประโยค เจ้าหน้าที่ผู้มีตรรกะแปลกๆ ก็ถูกชกจนปากแตก ยามาสะ อันริวมองอย่างตกใจก่อนจะหันไปทางผู้กระทำ 'อาโอตะ ยางาเดะ' คือเจ้าของการกระทำอุกอาจนี้และเจ้าตัวก็ดูจะพอใจกับผลงานของตนเมื่อเห็นเลือดที่มุมปาก "พูดบ้าอะไรของแก!! ถึงมันจะห่วยแตกยังไงมันก็เป็นเพื่อนฉัน แกไม่มีสิทธิ์จะทำเหมือนมันเป็นเครื่องที่ใช้แล้วทิ้ง! ไอ้เวรเอ๊ย!"

     
     

    ซานากะอ้าปากค้าง เขาอยู่กับฮาคาเสะมากพอจะรู้ว่าอาโอตะชอบแกล้งเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน เขาเคยเชื่อว่าเจ้าของรอยไถรูปดาวเกลียดฮาคาเสะด้วยซ้ำ แล้วก็เชื่อมาโดยตลอดจนกระทั่งเมื่อกี้

    บทสนทนาถูกขัดอีกครั้งเมื่อเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดดังสนั่นจนซานากะรู้สึกว่าพื้นยังสั่นไปด้วย ซากปรักหักพังเคลื่อนออกก่อนจะปรากฏร่างของอสุรกายขนาดยักษ์ ราชสีห์นีเมียนไร้รอยขีดข่วน แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาหรือใครก็ตามเสียขวัญมากพอแล้ว แต่เมื่อเห็นว่ามันกำลังคาบอะไรอยู่ เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

     

     

                ฮาคาเสะ รีอาในสภาพไร้สติอยู่ในปากของราชสีห์ขนทอง แขนที่ร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงนั้นเปรอะเลือดเช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่ถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน เห็นได้ชัดว่าเวทมนตร์สารพัดรูปแบบที่ใช้ซัดเข้าใส่นั้นสร้างความเสียหายให้ทุกอย่างยกเว้นตัวเป้าหมาย คราวนี้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยไม่รอฟังคำสั่งอีกต่อไปพวกเขาหันหลังและวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ในขณะที่เหล่านักเวทฝึกหัดกำลังมองเพื่อนที่อยู่ในปากมันด้วยความสยดสยอง เสียงกรีดร้องไม่เป็นภาษาดังจากนักเรียนหญิงบางคนซึ่งทนเห็นภาพบาดตานี้ไม่ได้

               

                ซานากะ นากาชิโอะ ทสึจิโนะ ดากะ และอาโอตะ ยางาเดะ แท็กทีมสามคนที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ในเวลานี้กลับมีความคิดที่เหมือนกัน พวกเขาจะไปช่วยฮาคาเสะ คิดได้ดังนั้นขาก็ขยับไปตามที่สมองสั่ง แต่แล้วอันริว อัศวินผู้บัญชาการเจ้าหน้าที่กองนี้ก็เข้ามาขวาง ขอโทษด้วย แต่ผมคงปล่อยพวกคุณไปไม่ได้

     
     

                คำสรรพนามที่เปลี่ยนไปบ่งบอกเจตนาของชายผู้นี้ได้เป็นอย่างดี ทสึจิโนะหรี่ตาลง ส่วนอาโอตะแค่นเสียงอย่างหงุดหงิด แล้วคุณจะปล่อยให้พวกเรามองดูเพื่อนกลายเป็นอาหารกลางวันของไอ้ตัวบิ๊กเบิ้มนี่น่ะเหรอ เป็นซานากะที่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่กลัว อันริวขมวดคิ้วทันทีที่ประโยคนี้หลุดออกจากปากของเด็กหนุ่มตรงหน้า พวกคุณคิดจะทำอะไรมันล่ะ ขนาดอุปกรณ์เวทมนตร์ยังไม่ระคายผิว กับพวกคุณที่ยังไม่ผ่านหลักสูตรพื้นฐานคิดว่าจะช่วยเพื่อนได้รึไง..

     

    กลับไปที่รถซะ นี่เป็นคำสั่ง น้ำเสียงเฉียบขาดของอันริวไม่ได้ทำให้ทั้งสามกลัวแม้แต่น้อย ในสถานการณ์เช่นนี้ราชสีห์นีเมียนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่พวกเขากลัว และถ้าจะมีอีกสิ่งก็คงจะเป็นความกลัวว่าฮาคาเสะ รีอาจะเสียเลือดตายก่อนที่พวกเขาจะช่วยออกมาได้

     

    ขอโทษด้วย แต่ผมคงต้องขอปฏิเสธ ถึงยังไงรีอาก็เป็นเพื่อนและการทำอะไรสักอย่างในเวลาแบบนี้ก็ดีกว่าปล่อยผ่านไปแล้วค่อยมาเสียใจทีหลัง ดากะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่ชี้ชัดถึงเจตนารมณ์ อัศวินวัยสามสิบเศษมีสีหน้าเคร่งเครียด เขาเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะพูดประโยคที่ไม่คาดฝันออกมา

     

    พวกคุณไม่เข้าใจที่ผมพูดจริงๆ หรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่ ผมบอกให้คุณทั้งสามคนกลับไปที่รถ แล้วผมจะพาตัวคุณฮาคาเสะออกมาเอง คิดว่าผมจะปล่อยให้ลูกศิษย์ตายรึไง!”

      

     

     

                ถึงจะบอกว่าหมดสติไปตั้งแต่เจอกองทัพเวทมนตร์ที่โจมตีเข้ามาไม่ยั้งแต่ฮาคาเสะก็พอจะมองเห็นหรือรับรู้สถานการณ์รอบข้างได้บ้าง เขาเห็นเพื่อนทั้งชั้นเรียนที่มีสีหน้าแตกตื่น เห็นคุณอันริวที่กำลังหาทางช่วย ...และเห็นรอยยิ้มสะใจบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่หลายคนหลังจากที่เห็นเขากลายเป็นเครื่องบริหารฟันของราชสีห์นีเมียน

     

     

                ฮาคาเสะพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลับ เพราะเมื่อไหร่ที่หลับนั่นหมายความว่าเขาจะตายก่อนจะได้ลงไปสำรวจกระเพาะของอสุรกายตนนี้ ร่างของเพื่อนสามคนและครูอีกหนึ่งที่กำลังตรงมาทำให้ฮาคาเสะดีใจ ดีใจที่อย่างน้อยก็ยังมีคนเห็นความสำคัญของเขา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กลัว การสูญเสียครอบครัวไปในวันเดียวนั้นหนักหนาเพียงพอแล้ว ถ้าหากมีคนรู้จักตายเพิ่มอีกเขาคงทนรับความสูญเสียนี้ไม่ไหว

     

     

                เมื่ออ้าปากหมายจะตะโกนห้ามกลับไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมาจะมีก็แต่รสสนิมของเลือดเท่านั้น ระยะห่างระหว่างพวกเขาอยู่ที่ประมาณสองร้อยเมตร ถ้าวิ่งเต็มความเร็วก็ใช้เวลาไม่มากนักแต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับโจมตีสัตว์ประหลาดในตำนานที่กำลังคาบเขาอยู่ดี

     
     

                อาจเป็นเคราะห์ดีของพวกซานากะ และเป็นเคราะห์ร้ายของเขา เมื่อจู่ๆ ราชสีห์นีเมียนก็หันหลังและวิ่งออกห่างจากทั้งสี่ เวทมนตร์ของใครบางคนคงโจมตีถูกตัวมันเพราะเขารู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนแต่มันก็ไม่ได้สร้างรอยขีดข่วนอะไรแม้แต่น้อย ..การโจมตีนั้นส่งผลกับเขา.. การปะทะของเวทมนตร์ทำให้เขี้ยวของมันกดลงมามากกว่าเดิมเพื่อกันไม่ให้เหยื่อหลุดจากการจับกุม มาถึงตรงนี้ฮาคาเสะคิดว่าบางทีเขาควรจะรีบตายได้แล้ว อย่างน้อยก็จะไม่ต้องทนเจ็บขนาดนี้

     

     

    สัญญากับฉันนะ พี่จะต้องไม่ตาย

     

     

                คำสัญญาสุดท้ายของครอบครัวทำให้ความคิดนั้นถูกพับเก็บลงไป สติที่เลือนรางทำให้ฮาคาเสะคิดอะไรไม่ออก ปกติเขาก็ไม่ได้ฉลาดอะไรมากมายยิ่งในสถานการณ์นี้ดูเหมือนไอคิวของเขาจะลดฮวบลงไปอีก ความคิดมากมายลอยอยู่ในหัวเพื่อให้ลืมความเจ็บปวดจากการกระเทือน ปกติแล้วผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บหนักจะต้องรอการเคลื่อนย้ายที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้อวัยวะภายในบอบช้ำมากขึ้น

     
     

    แต่ในตอนนี้อย่าว่าแต่การเคลื่อนย้ายที่ถูกต้องเลย แค่การเคลื่อนย้ายแบบปกติก็เป็นบุญมากโขสำหรับฮาคาเสะแล้ว เพราะขณะนี้ร่างของเขาที่อยู่ในปากผู้ล่าโดยช่วงล่างตั้งแต่เอวลงไปห้อยต่องแต่งตามแรงโน้มถ่วงนั้นกำลังได้รับการกระเทือนอย่างมากถึงมากที่สุด ด้วยความเร็วในการวิ่งที่อยู่ในระดับชีตาร์หรืออาจมากกว่าทำให้เขารู้สึกว่าถ้าตัวขาดเมื่อไหร่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก และในวินาทีถัดมาความคิดทุกอย่างก็หยุดลง..

     

     

    ฮาคาเสะ รีอากำลังพุ่งขึ้นบนท้องฟ้าด้วยความเร็วหลุดพ้น

     

     

                พื้นดินห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ จนน่ากลัวว่าขยะอวกาศชิ้นต่อไปอาจเป็นตัวเขาเอง ความตกใจที่ถึงขีดสุดทำให้ฮาคาเสะร้องไม่ออก แม้เลือดจะกบปากแต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าเขาคิดจะร้องจริงๆ นั่นก็คงไม่ใช่ปัญหา สายฟ้าสีดำสนิทปรากฏขึ้นอีกครั้งเช่นเดียวกับที่ปรากฏพร้อมกับร่างของพญาราชสีห์ จะต่างก็เพียง ครั้งนี้เป็นเขาที่ถูกดูดเข้าไปในสายฟ้าพิศวงก่อนจะตามด้วยร่างของสัตว์สี่เท้าขนนาดมหึมาที่กระโจนตามเข้ามา

     
     

                เขาพอจะรู้แล้วว่าการเป็นผ้าที่ถูกปั่นตอนอยู่ในเครื่องซักผ้าเป็นอย่างไร เพราะขณะนี้ร่างทั้งร่างกำลังสะเทือนอย่างรุนแรงจนเหมือนว่าเครื่องในจะไปกองกันจุดใดจุดหนึ่งในร่าง และเมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าคราวนี้พื้นดินไม่ได้ออกห่างจากเขาแต่เป็นกำลังใกล้เข้ามา นี่สินะ.. เหนือสุดสู่สามัญ

     

     

    “..ว้ากกกก!!”

     

                ในที่สุดเสียงร้องโหยหวนก็ออกจากปากเขาจนได้ เมื่อประมาณไม่กี่วินาทีที่แล้วฮาคาเสะกำลังพุ่งออกนอกโลกด้วยความเร็วหลุดพ้น นั่นเป็นเรื่องจริง แต่ในตอนนี้ทุกอย่างกลับกัน  เขากำลังตกสู่โลกอย่างฟรีฟอลด้วยความเร็วมหาศาล บางทีอาจเป็นอุกกาบาตมนุษย์เลยก็ว่าได้

     

                ภาพการตายที่น่าอนาถที่สุดลอยเข้ามาในหัว บางทีการเป็นขยะอวกาศอาจเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า.. และในขณะที่ร่างของเขากำลังลอยคว้างในชั้นบรรยากาศ เขี้ยวคมกริบที่คาบฮาคาเสะอยู่นานก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ภาพที่เขาอยากเห็นในเวลานี้แม้แต่น้อย หรือจะพูดให้ถูกก็คือ 'ไม่อยากเห็น' ไม่ว่าจะอยู่เวลาไหนก็ตาม

     

                ถึงอย่างนั้นการถูกเหวี่ยงด้วยความเร็วที่ร่างกายไม่มีทางทนรับไหวก็สร้างภาระให้กับฮาคาเสะจนถึงขีดสุด ร่างทั้งร่างปิดการรับรู้ มีเพียงสิ่งเดียวที่แจ่มชัดนั่นคือ เขาต้องการพักผ่อน และภาพคมเขี้ยวที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก็กลายเป็นความทรงจำสุดท้ายก่อนที่ฮาคาเสะจะวูบไป









     

     



     

    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×