คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Tenth Legend | Incipere 100%
INCIPERE.
“ถ้าไม่สู้ก็ตาย แต่ถ้าสู้ก็ยังมีโอกาสรอด
ถ้าคิดจะโยนทุกอย่างทิ้งตั้งแต่ยังไม่เริ่ม ก็อย่าหวังว่าจะปลดผนึกได้”
ฮาคาเสะและกิลส์ เดอ เรย์ปักหลักอยู่บนต้นไม้เพื่อหลบตัวอะไรก็ตามที่อาจวิ่งมาคาบพวกเขา(อันที่จริงก็แค่ฮาคาเสะคนเดียว) ไปเป็นอาหารมื้อต่อไป
วิธีที่จะปลดผนึกพลังของเจ้าได้มีอยู่สามวิธี หนึ่ง คือวิธีที่ข้าบอกเจ้าเมื่อกี้ และเท่าที่ดูวิธีนี้คงหมดหวัง สอง คือ ข้าพอมีคนรู้จักที่น่าจะพอช่วยได้ แต่เราติดแหง็กกันอยู่ในป่านี่ เพราะฉะนั้นลืมไปได้เลย เว้นเสียแต่เจ้าจะออกจากป่านี้ได้โดยไม่ใช้เวทมนตร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้
‘กระทืบซะดีไหม’ เด็กหนุ่มเริ่มจะคิ้วกระตุกหลังเจอล็อคเก็ตล้านปีสบประมาทต่างๆ นานา เขาพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจและพยายามยิ่งกว่าที่จะไม่ปาล็อคเก็ตในมือลงพื้นและตามไปกระทืบซ้ำ
“แล้ววิธีที่สามล่ะ”
วิธีที่สามง่ายๆ ใช้แต่แรงใจกับโชค
“แรงใจกับโชค?” ฮาคาเสะเลิกคิ้วขึ้น เริ่มรู้สึกตะหงิดๆ กับวิธีทีเพื่อนร่วมทางคนนี้(?)..อันนี้(?)..อะไรก็ช่าง..กำลังจะพูด อะไรที่มากับโชคมักไม่น่าไว้ใจ
เคยได้ยินไหมว่าถ้าคนเราเข้าใกล้ความตายมากๆ จะดึงความสามารถที่แท้จริงออกมาได้
“อย่าบอกนะว่า...”
ใช่ ไปเสี่ยงตายซะ ถ้าเจ้าตั้งใจบวกกับเฮงพอ ผนึกก็จะคลาย แล้วเจ้าก็ใช้เวทมนตร์ได้.. สมบูรณ์แบบ!
“พึ่งดวงล้วนๆ เลยนี่หว่า”
ทำใจซะ ต่อให้เจ้าไปอยากก็ต้องเผชิญอยู่ดี เจ้าคงไม่คิดว่าจะหลบปีศาจกับสัตว์ป่าไปได้ตลอดหรอกนะ สุดท้ายเจ้าก็ต้องเลิกซ่อนแล้วออกไปล่าสัตว์มาเป็นอาหารอยู่ดี
เกิดมายิงนกตกปลายังไม่เคย นี่ให้ไปล่าสัตว์คงล้มทับโดนมีดตัวเองเสียบตายก่อน แค่คิดก็สนุกพิลึก ฮาคาเสะแทบยิ้มไม่ออกกับสิ่งที่เขาจะต้องเจอในอนาคตอันใกล้
..โอเค...
ฮาคาเสะรู้ว่าเขาจะได้เจอประสบการณ์เฉียดตาย..หรือไม่ก็ตายไปเลย (โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นข้อหลังมากกว่า) ..เร็วๆ นี้
แต่มันไม่ควรจะเป็นตอนนี้!!
กิลส์ เดอ เรย์พูดจบไม่ถึงห้านาที หนึ่งคนกับอีกหนึ่งอัน(?)ก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนที่ใกล้เข้ามาทุกทีก่อนที่โลกของทั้งคู่จะหมุนไปมาแล้วถึงเข้าใจในวินาทีถัดมาว่าพวกเขาถูกหมีขนาดมหึมาเหวี่ยงลงพื้น ใช่ เหวี่ยงลงมาพร้อมกับต้นไม้นี่แหละ
เสียงสยดสยองที่เขาไม่อยากจะรู้ว่ามันคืออะไรดังมาจากกระดูกสันหลัง ไม่ทันที่แผลรอบที่เจอราชสีห์นีเมียนจะหายดีเขาก็ได้แผลเพิ่มมาอีก และแผลแต่ละครั้งก็เชิญชวนให้เขาไปทัวร์นรกพร้อมทำความรู้จักกับยมบาลเสียเหลือเกิน
เด็กหนุ่มนึกถึงเนื้อหาในนิทานก่อนนอนที่ว่าเจอหมีให้แกล้งตาย แต่เชื่อได้เลย ถ้าเขาแกล้งตายตอนนี้คงรู้สึกตัวอีกทีตอนวิญญาณหลุดออกมามองดูร่างตัวเองกลายเป็นไม้จิ้มฟันยักษ์ให้ไอ้หมีตะกละตัวนี้
ทันทีที่ฮาคาเสะตระหนักได้ว่าจะเกิดอะไรต่อ เขาก็ทำสิ่งที่ฉลาดที่สุดเท่าที่สมองอันมึนงงจะคิดขึ้นมาได้นั่นคือ ยักแย่ยักยันขึ้นมาและ..โกย!
เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่าหลังจากเผชิญอะไรต่อมิอะไรจนบาดแผลแห่งเกียรติยศ(?)เต็มตัวขนาดนี้ ทำไมเขาถึงยังวิ่งไหวอยู่ อย่างน้อยเสียงไม่น่าพิสมัยจากการโดนเหวี่ยงลงพื้นพร้อมต้นไม้ที่เหมือนหลุดออกมาจากยุคไดโนเสาร์ก็น่าจะทำให้เขาวิ่งไม่ได้และนอนแหมะอยู่โรงพยาบาลไปนาน ..ถ้าปรับให้เข้ากับสถานการณ์คงต้องบอกว่าน่าจะทำให้เขากลายเป็นอาหารของหมีง่ายขึ้นและอาจไม่เหลือชิ้นส่วนไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
“หนีไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าไล่ตามเจ้าทันแน่”
เสียงคำรามต่ำๆ จากสัตว์หน้าขนตัวขนยิ่งทำให้ฮาคาเสะนึกขำในโชคชะตาของตัวเอง คราวก่อนสิงโตพูดได้ คราวนี้หมีพูดได้ ถ้ารอดไปได้เขาคงตั้งตารอว่าคราวหน้าจะเจอตัวอะไรพูดได้อีก
แต่ถามว่าเขาฟังไหม
แน่นอน..
ไม่!!
แต่ผู้ล่าก็ทำได้สมคำกล่าวอ้างจริงๆ เพราะเมื่อฮาคาเสะวิ่งไปได้ไม่ถึงสิบเมตร ต้นไม้ไซส์ใหญ่ยักษ์ก็ลอยละลิ่วข้ามหัวเขาและตกกระแทกพื้น ถ้าเขาหยุดเท้าช้ากว่านี้เพียงนิดคงเละเป็นโจ๊กไปแล้ว ฮาคาเสะหันหน้ามาเผชิญกับหมีขนาดมหึมาที่ไม่คิดไม่ฝันว่าชาตินี้จะได้เห็นโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะรอดไปได้อย่างไร
“อย่ากังวลไปมนุษย์เอ๋ย ข้าจะยังไม่ฆ่าเจ้าตอนนี้ เนื้อของมนุษย์ที่เปี่ยมไปด้วยความเคียดแค้นจะเพิ่มพลังให้ข้า จนกว่าจะถึงตอนนี้เจ้าจะยังมีชีวิตอยู่”
ก็นั่นแหละที่กังวล!
ฮาคาเสะถูกหมียักษ์ซาดิสม์แบกมาจนถึงถ้ำที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าจนแทบไม่มีแสงอาทิตย์ลอดผ่านต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุม ภายในถ้ำนั้นเต็มไปด้วยโครงกระดูกสารพัดสัตว์รวมถึงโครงกระดูกรูปร่างแปลกๆ ที่เขาไม่คิดว่าจะสามารถเจอได้ทั่วไป
'ซากอสุรกายงั้นเหรอ..'
เขาพยายามเก็บรายละเอียดให้มากสุดแต่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่เห็นโครงกระดูกมนุษย์แม้แต่ชิ้นเดียว 'ทำไมกัน' แต่ไม่ทันได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น เขาก็รู้สึกโลกหมุนอีกครั้งก่อนลงไปกองกับพื้น
"ท่านเรเวน ข้าเอามนุษย์มาบูชายัญให้นายท่านขอรับ"
ผู้ร้ายลักพาตัวในคราบขนปุกปุยพูดขึ้นต่อหน้าทางเดินที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด ฮาคาเสะสะดุ้งกับเนื้อหาในประโยคนั้น "บูชายัญ.. ไหนว่าจะกินไง"
นั่นมันใช่ประเด็นมั้ยล่ะ! หา!!
เสียงโวยวายจากล็อคเก็ตในกระเป๋าทำเอาเด็กหนุ่มกลอกตาเป็นรอบที่ร้อยของวัน
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามาตามทางเดินที่มืดมิดเรียกความสนใจจากว่าที่ของบูชายัญและผู้ร่วมทาง ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบลงปรากฏร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่งแทน เจ้าหมีประหลาดรีบทำความเคารพพร้อมกับกดหัวฮาคาเสะลงจนกระแทกกับพื้นดังโป๊ก
"..."
"..."
ไม่มีบทสนทนาต่อจากนั้นแต่บรรยากาศกลับทวีความมาคุจนเขาอยากจะเผ่นไปให้รู้แล้วรู้รอด ในที่สุดฝ่ายที่เอ่ยปากก่อนก็เป็นเจ้าหมีตัวนั้น "ท่านเรเวน นี่เป็นของบรรณาการแก่นายท่านขอรับ"
"นายท่านไม่ชอบข้องเกี่ยวกับพวกมนุษย์"
"ฟังดูดีนะ งั้นฉันกลับได้แล้วใช่มั้ย"
แต่เมื่อสายตาคมกริบตวัดมามองเขาก็หุบปากฉับและยกมือขึ้นยอมแพ้ เรเวนหันกลับมามองที่อสุรกายในคราบหมีอีกครั้งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
"ป่านี้มนุษย์ไม่สามารถเข้ามาเองได้แล้วเจ้าไปเอาตัวมันมาได้อย่างไร"
' 'มัน' เลยเหรอ.. อาฆาตอะไรปานนั้น' ฮาคาเสะได้แต่คิดเงียบๆ ในขณะที่มองไอ้ตัวที่จับเขามาแทบจะกราบเท้าเวลาคุยกับคน(?)ชื่อเรเวน
"ข้าเห็นมันอยู่บนต้นไม้เลยเอาตัวมันลงมาขอรับ"
"แกโค่นลงมาทั้งต้นเลยต่างหาก.. อยากกินใบไม้ล่ะสิ ฉันมันผลพลอยได้"
"แกควรสงบปากสงบคำ ทำตัวเป็นนักโทษเงียบๆ ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในไอ้ซากพวกนั้น" มันเอ่ยขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว ส่วนคนพูดมากยิ้มเจื่อน "แน่นอน.. ไม่มีปัญหา"
“เอาไปไว้ที่เดิมซะ การยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์จะมีแต่ผลเสีย มันจะพาภัยพิบัติมาให้” เรเวนเอ่ยเสียงเครียด ต่างจากเจ้าหมีไซส์บิ๊กที่มีท่าทางเสียดายเสียจนเขาอยากจะออกตัวว่าเนื้อของเขาไม่อร่อยหรอก ปล่อยๆ เขาไปเสียที แต่เมื่อตัวก่อเหตุตั้งท่าจะลากเขาออกไป เสียงนรกก็ดังขึ้น
อ้าว! อย่างนี้ก็แย่น่ะสิ ถ้าไม่ผ่านประสบการณ์เฉียดตายสักครั้งแล้วเจ้าจะปลดผนึกได้อย่างไร
ไอ้ล็อคเก็ตเฮงซวย!!!
เรเวนที่กำลังหันหลังกลับชะงักกึกและค่อยๆ หันมาชวนให้มนุษย์คนเดียวในถ้ำอย่างเขาเสียววาบ คราวนี้เด็กหนุ่มผมดำเดินตรงดิ่งมาหาเขาทันที เมื่อเห็นท่าทางของคนที่มันกลัวนักหนาหมียักษ์ก็ถอยกรูดไปอย่างรวดเร็ว เรเวนหรี่ตามองฮาคาเสะอย่างจับผิด
“เมื่อกี้นี้คืออะไร”
“ฮะ?”
“ข้าถามว่าเสียงที่ดังเมื่อกี้เป็นเสียงของใคร”
“อ่อ”
ฮาคาเสะพยักหน้าหงึกหงักก่อนยื่นล็อคเก็ตปากเสียให้อย่างไม่ลังเล ในใจแอบคิดด้วยซ้ำว่าทิ้งมันไว้ที่นี่แหละ คำแนะนำแต่ละอย่างเชิญชวนเขาไปทัวร์ยมบาลเสียจริง เรเวนรับล็อคเก็ตเส้นนั้นมามองอย่างพิจารณา หลังจากหมุนไปหมุนมาอยู่หลายรอบเขาก็ดีดฝาพับจนดังก๊อง!
เฮ้ย! อย่าคิดว่าข้าอยู่ร่างนี้แล้วจะทำอะไรก็ได้เชียวนะ!
คราวนี้เรเวนขมวดคิ้วและเขย่าไปมาอีกสองสามครั้งก่อนจะส่งมันคืนให้ฮาคาเสะที่แทบจะบอกว่าเก็บมันไปเลยก็ได้ เขาเปลืองพลังงานในการแบกและทนพ่อมดล้านปีในนี้พูดไปมากพอแล้ว ..แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดออกไป
เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้กระทำสามหะ.. อ๋าวอับอ้าอนอี้อ่ะ อ๋า! ( -หาวกับข้าคนนี้น่ะ หา!)
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของกิลส์ เดอ เรย์ที่ของขึ้นน่าดู ฮาคาเสะก็กำเครื่องเงินเจ้าปัญหาไว้แน่นจนได้ยินเพียงเสียงอู้อี้เท่านั้น เขาหันไปยิ้มแห้งๆ ให้กับเรเวนซึ่งจ้องเขม็งมาที่ไอ้สิ่งที่อยู่ในมือเขา
“ข้ามีนามว่า เรเวน ดิแองเจลโล่ มนุษย์เอ๋ย.. เกรงว่าข้าจะให้เจ้ากลับไปตอนนี้ไม่ได้เสียแล้ว”
..ฉิบหาย..
----------------------------------
กลับมาแล้วว... ดองสนั่นซัมเมอร์เซลส์มากกกก กราบขออภัยรีดเดอร์ที่รักทุกคนจริงๆ
แต่มาช้าก็ดีกว่าไม่มาเนาะ /โดนยำตีน
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น