ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Legendary of NOBODY เพราะไร้ตัวตน

    ลำดับตอนที่ #1 : First Legend | Day of judge.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 513
      5
      13 เม.ย. 58

    DAY OF JUDGE.

     

     



     

              พวกเธอไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะบอกลาคนที่บ้านด้วยซ้ำ..

     

     

     

     

    "เฮ้! ฮาคาเสะ แกจะทำตัวขี้แพ้ไปถึงไหน มายืนให้ฉันซ้อมอย่างกล้าหาญซะดีๆ ฮ่าๆๆ!!"

     

     

     

    เด็กหนุ่มผู้ไถหัวข้างซ้ายเป็นรูปดาวข้างขวาเป็นรูปจันทร์เสี้ยวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ส่วน 'ฮาคาเสะ รีอา' เจ้าของชื่อนั้นโบกมือเป็นพัลวัน "ไม่เอาน่า นายจะมาซ้อมฉันให้เมื่อยทำไม" ปฏิเสธพร้อมรอยยิ้มแห้งๆ แหงล่ะ! ใครจะไปอยากถูกมนุษย์ตัวเท่าไซคลอปกระทืบกัน! ไม่มีทางซะหรอก นักเรียนนักเลงสามคนที่ยืนล้อมเขาอยู่หัวเราะร่า ไม่มีท่าทีจะปล่อยไปแต่โดยดีแม้แต่น้อย

     

     

     

    กริ๊ง!!

     

     

     

    เสียงออดเริ่มเรียนช่วยชีวิตฮาคาเสะไว้ นักเรียนที่มามุงต่างแยกย้ายกันไปนั่งตามที่ของตน เป็นที่รู้กันว่าเด็กหนุ่มคนนี้มักจะถูกเพื่อนหรือพวกนักเลงหาเรื่องบ่อยๆ ซึ่งเจ้าตัวเองก็ดูไม่ใส่ใจอะไรนัก ทั้งที่ความสามารถก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าเก่งแม้แต่น้อย ด้วยร่างกายที่จัดอยู่ในเกณฑ์ผอมแห้งถึงแม้ว่าจะมีส่วนสูงที่อยู่ในระดับปกติมันก็ไม่ได้ช่วยให้เขามีแรงพอจะสู้รบปรบมือกับคนพวกนี้

     

     

     

    ความจริงแล้วอีกสาเหตุหนึ่งนอกจากความหมั่นไส้ที่ทำให้ฮาคาเสะเป็นเป้าสายตา(ในแง่ลบ)แล้ว เป็นเพราะเขาไม่ได้เป็นชาวญี่ปุ่นโดยกำเนิด ครอบครัวของเขาย้ายมาจากนครใหม่ที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่นานแต่กลับก้าวมาเป็นแนวหน้าในด้านเทคโนโลยี นครรีเบิร์ธ คือชื่อของสถานที่นั้น และ ฮาคาเสะ รีอา ก็เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นใหม่หลังจากย้ายมาตั้งรกรากอยู่ที่ญี่ปุ่น ส่วนชื่อจริงๆ ของเขาคือ ซาเอลล์ สปีลเบิร์ต เป็นชื่อที่ดูดีผิดกับลักษณะภายนอกที่ไม่เอาไหนของเด็กหนุ่มโดยสิ้นเชิง

     

     

    ถ้าจะพูดถึงข้อดีอันน้อยนิดของฮาคาเสะแล้วก็คงจะเป็นเรื่องภาษา ด้วยความที่ย้ายมาจากประเทศอื่นหรือพูดให้ดูดีคือเป็นชาวต่างชาติทำให้เขามีทักษะด้านภาษาที่ดีกว่าใคร รวมถึงความสามารถในการสื่อสาร ฮาคาเสะมีความสามารถพิเศษในการสื่อสารกับผู้พิการทางหูได้ดีทั้งที่เพื่อนในห้องรวมถึงคนอื่นๆ อย่าว่าแต่สื่อสารเลย แค่เข้าใจให้ตรงกับผู้ป่วยก็แทบเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่เพราะเป็นคนใจเย็นเขาจึงสามารถอดทนกับการรับรู้ที่ขัดแย้งกันระหว่างตนกับผู้ป่วยและค่อยๆ อธิบายให้เข้าใจในที่สุด

     

     

    และข้อดีอีกข้อคือ ความจำ ฮาคาเสะนั้นมีความจำเป็นเลิศ ขอแค่ตั้งใจฟังให้ดีการอ่านหนังสือเพื่อไปสอบก็ไม่จำเป็นนัก แน่นอนว่านี่ก็เป็นอีกเหตุผล(หรืออาจจะเป็นเหตุผลหลัก) ที่ใครหลายๆ คนอิจฉา..หรือถึงขั้นเกลียดเขา อาจารย์ประจำชั้นเดินหน้าเครียดมาที่โต๊ะก่อนวางหนังสือดังปัง! ท่าทีที่จริงจังเกินปกติทำให้นักเรียนในชั้นเริ่มหันไปซุบซิบกัน แต่ไม่ทันไรเสียงทุบโต๊ะของอาจารย์ก็เรียกความสนใจของทุกคนกลับมาอีกครั้ง

     

     

    เอาล่ะ! อาจารย์หวังว่าพวกเธอจะยังไม่ลืมกันนะว่าวันนี้ เป็นวันอะไร

     

     

     “DAY OF JUDGE” เสียงเบาโหวงของนักเรียนคนหนึ่งดังขึ้น

     
     

     

    ทั้งห้องเงียบกริบในทันที มีเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บ่งบอกว่าภายในห้องแห่งนี้นั้นยังคงมีคนอาศัยอยู่ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สำคัญเหตุการณ์หนึ่งที่ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ขึ้น องค์กรพิเศษด้านความปลอดภัยของมนุษยชาติก็แต่งตั้งวันที่เรียกว่า Day of judge ขึ้นมา เมื่อมีอายุครบ 17 ปี นักเรียนจำนวนหนึ่งจะถูกเกณฑ์เข้าองค์กรลาดตระเวนอย่างไร้ข้อโต้แย้ง แต่ละสถาบันการศึกษาจะคัดเลือกนักเรียนจากห้องที่มีค่าเฉลี่ยความสามารถมากที่สุด โดยไม่บอกเกณฑ์การวัดระดับ

     

     

    เมื่อทำการคัดเลือกห้องที่มีความเหมาะสมที่สุดแล้ว นักเรียนเหล่านั้นจะถูกส่งไปยังองค์กรส่วนกลางซึ่งมีหน้าที่ฝึกคนกลุ่มนี้ให้มีสภาพพร้อมรบ เพื่อจัดการกับอะไรก็ตามที่เบื้องบนตัดสินว่าเป็นศัตรู ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอดปลอดภัยจนกระทั่งจบวาระหรือไม่ การคัดเลือกนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ อย่างไรก็ตามในจำนวนนั้นก็ยังมีวัยรุ่นเลือดร้อน..ที่ไม่รู้ว่ารักชาติหรือบ้าบิ่นกันแน่..ที่ต้องการเข้าร่วมกับองค์กรลาดตระเวน ซึ่งจะได้เข้าร่วมหรือไม่นั้นทางองค์กรส่วนกลางจะเป็นผู้ตัดสินความเหมาะสม

     

     

    ผู้ถูกเลือกในครั้งนี้คือห้องของเธอ..

     

     

    น้ำเสียงสั่นเครือของอาจารย์ยิ่งทำให้นักเรียนใจหายวาบหนักกว่าเก่า ทั้งห้องมองหน้ากันเลิ่กลั่กอย่างไม่เชื่อ แต่ท่าทางของบุคคลตรงหน้าก็ชี้ชัดว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นความจริง นักเรียนหญิงในห้องยกมือขึ้นปิดปากส่วนนักเรียนชายนั้นโวยวายอย่างไรความหวัง

     

     

    ไม่จริงน่า

     

     

    อย่ามาล้อเล่น นี่มันไม่ตลกเลยนะ!

     

     

    บ้าไปแล้ว! ไม่เอาหรอก ฉันเป็นแค่นักเรียนนะ

     

     

    ฉันไม่ใช่นักรบนะ!

     

     

     

    พอได้แล้วน่า! มันก็ต้องมีผู้เสียสละทุกปีนั่นแหละ เราไม่ได้จะไปตายซะหน่อย!

     

     

    เสียงตวาดดังขึ้นจากเด็กหนุ่มนาม ทสึจิโนะ ดากะ ผู้รับตำแหน่ง หัวหน้าห้อง เสียงโวยวายเงียบลงถนัดตา แต่ยังคงมีเสียงโอดครวญเบาๆ และอาการตื่นตระหนกอยู่ดี อาจารย์ประจำชั้นโค้งศีรษะให้เขาเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะชี้แจงรายละเอียด

     

     

    ก็เหมือนกับทุกปี.. พวกเธอไม่มีแม้กระทั่งโอกาสจะบอกลาคนที่บ้านด้วยซ้ำ จนกว่าจะผ่านหลักสูตรที่หนึ่งหรือได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษห้ามใครติดต่อบุคคลนอกองค์กรเป็นอันขาด ทางโรงเรียนจะแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้ปกครองทราบเองและในตอนนี้.. สภากลางมารับพวกเธอแล้ว

     

     

    ​            เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบสีขาวสะอาดตาซึ่งเป็นสัญลักษณ์ขององค์กรส่วนกลาง หรือที่รู้จักในอีกชื่อก็คือ.. สภากลาง เปิดประตูเข้ามา ฮาคาเสะอดคิดไม่ได้ว่ามันให้ความรู้สึกเหมือนเอฟบีไอถืออาวุธครบมือมาจับกุมผู้ก่อการร้ายระดับชาติอย่างไรอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เครียดแต่พอเจอคนที่เครียดกว่ามันก็เครียดไม่ลง เจอคนที่กลัวกว่ามันก็เลยดูเหมือนเขาไม่กลัว นักเรียนทั้งยี่สิบเจ็ดคนทยอยออกจากห้องและเดินขึ้นรถด้วยใบหน้าสิ้นหวังร้อนถึงคนเป็นเจ้าหน้าที่ต้องมาปลอบอย่างงกๆ เงิ่นๆ
     

     

    มันไม่น่ากลัวหรอกน่า ไปแล้วเดี๋ยวก็ชิน มันสนุกดีนะ ฉันว่า…” แต่เหล่านักเรียนก็ไม่ได้สนใจจะฟังแม้แต่น้อย  เด็กผู้หญิงกอดกันและร้องไห้เช่นเดียวกับเด็กผู้ชายที่มีรังสี หมดอาลัยตายอยากแผ่ออกมาจนมองเห็นด้วยตาเปล่า เขาตัดใจที่จะปลอบและกลับมานั่งนิ่งๆ แทน

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

    ​            หลังจากเดินทางมาอย่างยาวนาน..ในความคิดของฮาคาเสะ.. นักเรียนที่ทำหน้าจะเป็นจะตายก็เดินลงมาจากรถและเดินตามคนในเครื่องแบบไปยังสถานที่ที่ถูกเรียกว่าองค์กรส่วนกลางด้วยความเร็วใกล้เคียงกับหอยทากเป็นตะคริว ไม่นานตึกสีขาวตระหง่านก็ปรากฏสู่สายตา มันถูกออกแบบอย่าง..มาถึงตรงนี้ฮาคาเสะก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี.. ตึกแห่งนี้มีลักษณะเป็นวงแหวนหลายวงซ้อนกันโดยมีการวางเหลื่อมกันในแต่ละชั้นพอสมควร แต่ที่น่าอัศจรรย์คือตรงกลางของวงแหวนเหล่านั้นมีกระจกทรงกลม ลอย อยู่ เด็กหนุ่มขยี้ตามองหลายรอบด้วยความไม่เชื่อสายตาจนในที่สุดก็ยอมจำนวนกับสถาปัตยกรรมอันแปลกประหลาดนี้และเมื่อมองเพื่อนร่วมชั้น เขาก็มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดแน่นอน นักเรียนจากมัธยมปลายโซเอ็นอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง ตึกทรงกลมลอยได้!!

     

     

    ​            เจ้าหน้าที่ทั้งสามไม่ได้ใส่ใจกับปฏิกิริยาตอบรับของผู้มาใหม่แม้แต่น้อย ว่ากันตามตรงแล้วทุกคนที่มาที่นี่เป็นครั้งแรกก็มีท่าทางเหมือนกันหมด พวกเขาเดินตรงไปยังอาคารประหลาดนั้นทิ้งเหล่านักเรียนให้ยืนค้างตรงนั้นอยู่นานจนกระทั่งสติเริ่มกลับเข้าร่าง จึงได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ชุดขาวนั้นเดินไปไกลลิบแล้ว ทั้งยี่สิบเจ็ดคนกึ่งเดินกึ่งวิ่งรีบตามให้ทันและบทเรียนแรกของพวกเขาก็เริ่มที่ตึกทรงประหลาดนั่นเอง






















    ©
    t
    h
    e
    m
    y
    b
    u
    t
    t
    e
    r

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×