ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great Warrior Online สงครามมหาราชันย์

    ลำดับตอนที่ #11 : Chap.VIII เทพีรีอา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 914
      7
      14 มิ.ย. 57

    CHAPTER VIII.

     

     

    เทพีรีอา

     

     

                เมืองอัลทราสที่เรย์นาและเทรซิสอยู่นั้นเป็นเมืองขนาดกลางที่สามารถรองรับผู้เล่นได้พอสมควร เมืองนี้เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมต่างๆ ทั้งโบสถ์และวิหาร ซึ่งมีทั้งโบสถ์หรือวิหารร้างและที่ยังใช้อยู่ แต่ก็มีบ้านเรือนปกติที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในโลกจริงอยู่ด้วยส่วนมากแล้วบ้านเรือนเหล่านั้นจะเป็นร้านค้าหรือโรงเรียนจากระบบ

     

               

                สถานที่ที่ผู้เล่นนิยมไปเก็บระดับที่สุดคือวิหารผนึกซึ่งอยู่ห่างจากเมืองนี้ไปพอสมควร วิหารสลักลายแห่งนี้แม้จะดรอปของระดับไม่สูงมากนักแต่สามารถเก็บค่าประสบการณ์ได้เร็วและมากกว่าสถานที่อื่นๆ ในเมืองนี้ เรย์นาเองก็ตั้งใจจะไปที่วิหารผนึกหลังจากซื้อของที่จำเป็นเสร็จเช่นกัน

     

     

                สิ่งที่เรย์นาสนใจในตอนนี้คืออุปกรณ์เกี่ยวกับผู้ติดตามที่สามารถเรียกหรือผนึกผู้ติดตามจากอุปกรณ์นั้นๆ ได้เพราะเรย์นารู้สึกว่าการที่เธอไปไหนมาไหนโดยมีสิงโตยักษ์เดินประกบแทบจะตลอดเวลานั้นออกจะเป็นจุดสนใจมากเกินไป เรย์นาเดินหาสิ่งของที่ต้องการไปเรื่อยๆ จนไปเจอร้านหนึ่งที่เธอสนใจเป็นพิเศษ ร้านแห่งนี้เป็นตรอกเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีผู้เล่นสนใจเท่าไรนักเนื่องจากทำเลที่มองเห็นได้ยากและบรรยากาศลึกลับที่แผ่ออกมา

     

    ทุกสิ่งที่คุณต้องการจะมาเมื่อคุณเรียก

     

     

                นี่คือตัวอักษรที่ป้ายหน้าร้านแขวนไว้ ร้านแห่งนี้ถูกตกแต่งโดยเน้นสีดำเป็นหลักสินค้าตั้งโชว์บางชิ้นนั้นเก่าคร่ำคร่าราวกับมันได้อยู่ที่แห่งนี้มานานแสนนาน บางชิ้นเมื่อมองหรือสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกหดหู่ราวกับมันสามารถทำให้ใครก็ตามที่มองมันนานเกินไปฆ่าตัวตายได้เลย เรย์นาพยายามไม่สนใจของเหล่านั้นและมายังเคาท์เตอร์ของร้าน

     

     

                ธิดาของโพไซดอนรึ เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นเรย์นาหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าลึกเข้าไปในร้านนั้นมีบันไดวนอยู่อีก สตรีในชุดกระโปรงแบบกรีกโบราณยืนอยู่ตรงบันไดและมองมายังเธอ

     

     

                ใบหน้าของสตรีผู้นั้นไร้กาลเวลาราวกับเธอจะไม่แก่ขึ้นอีกแล้ว ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่เคยเด็กกว่าที่เป็นอยู่แม้ว่าจะในอดีตก็ตาม เธองดงามแต่กลับแฝงไปด้วยประกายแห่งความเศร้าและความหวัง สตรีนางนั้นสะบัดมือเบาๆ สิ่งของที่วางกันระเกะระกะก็กลับไปอยู่ในที่ทางของมันเมื่อสิ่งของที่สุมอยู่หายไปจนหมด เรย์นาจึงสังเกตว่ามีโต๊ะน้ำชาตั้งอยู่บริเวณนั้นด้วยสตรีคนเดิมเดินมานั่งยังโต๊ะน้ำชาและผายมือเชื้อเชิญเธอ

     

     

                มนุษย์ผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขแห่งเทพช่างหายากยิ่งนัก ไม่มีมนุษย์เช่นเจ้าปรากฏตัวมานานหลายศตวรรษแล้ว เธอเปรยขึ้น ประกายในดวงตาแฝงไว้ด้วยความยินดี

     

     

                “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นธิดาของโพไซดอน เรย์นาถามขึ้น สตรีตรงหน้ามองเธอราวกับบนหน้าผากของเธอมีคำว่า ลูกสาวเทพปลา เขียนไว้

     

     

                ข้าย่อมรู้ว่าผู้ใดมีความเกี่ยวพันธ์เช่นใดกับเหล่าบุตรธิดาของข้า สตรีผู้นั้นตอบด้วยรอยยิ้ม แววตาที่มองเธอนั้นให้ความรู้สึกเดียวกับคุณยายที่ผ่านโลกมามากมองหลานตัวเล็กๆ ของเธอ

     

     

                ท่านคือเทพีรีอา…!! เพราะเหตุใดท่านถึงได้มาประทับยังเมืองแห่งนี้ ท่านไม่ได้อยู่ที่ภูเขาไอดางั้นหรือ

     

     

                ข้าขอตอบว่าทั้งใช่และไม่ใช่ ถูกต้องแล้วเด็กเอย ข้าคือเทพีรีอา มารดาบแห่งทวยเทพ และไม่ใช่ ข้าไม่ได้ประทับยังเมืองแห่งนี้ ข้าอยู่ทุกที่ ทุกกาลเวลา ข้าสถิตอยู่ทุกที่เพื่อรอเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า เพียงแต่มนุษย์เช่นเจ้าเท่านั้นที่สามารถเห็นข้าได้

     

     

                ดังนั้นไม่สำคัญว่าเจ้าจะอยู่ที่เมืองนี้หรือไม่ ข้ามิได้อยู่ ณ ที่แห่งนี้ และมิได้อยู่ ณ ที่แห่งใด ตราบใดที่เจ้ามีสัญชาติญาณแห่งเทพและมนุษย์เจ้าจะสัมผัสได้ถึงการมีตัวตนของข้า

     

     

                เมื่อเทพีรีอาพูดจบเรย์นาก็เริ่มรู้สึกว่าสิ่งของต่างๆ ในร้านนี้นั้นไม่ได้มีกลิ่นอายจากโลกมนุษย์หากแต่เป็นสิ่งของที่สาบสูญจากช่วงกาลเวลาต่างๆ ซึ่งหากพยายามมองสิ่งของเหล่านั้นจะเลือนหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน

     

     

                ที่เจ้ามาที่นี่ เจ้าต้องการสิ่งใดงั้นรึเทพีรีอาถามขึ้น เรย์นาจึงนึกขึ้นได้ว่าตนกำลังหาอุปกรณ์สำหรับคิเมร่าอยู่จึงบอกไปตามตรง เทพีทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย

     

     

                นี้เจ้ายังไม่ได้ทำตราสัญลักษณ์แห่งท้องทะเลงั้นรึ เทพีถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจแต่เมื่อเห็นท่าทางของเรย์นาหลังจากได้ยินคำว่าสัญลักษณ์แห่งท้องทะเล เทพีรีอาก็เปลี่ยนจากถามไปเป็นอธิบายแทน

     

     

                บุตรธิดาแห่งเหล่าทวยเทพต้องสลักตราสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้สามารถดึงพลังแห่งสายเลือดมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ยื่นแขนมาสิ เรย์นายื่นแขนขวาไปที่เทพีบอก เทพีใช้ชิ่นปักผมของเธอเขียนอะไรบางอย่างรอบข้อมือของเรย์นา เมื่อเขียนเสร็จแล้วลวดลายเหล่านั้นก็เรืองแสงสีฟ้าสว่างจ้า สว่างมากพอที่จะทำให้ห้องที่มืดมนกลายเป็นสว่างไสวได้ชั่วคราว

     

     

    ผู้เล่น เรย์นา ได้ทำการประทับตราพันธะสัญญาโบราณ ลายสลักวารี

     

     

    ผู้เล่น เรย์นา สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรทุกชนิดที่ผู้เล่นครอบครองมาหาตนเองได้

     

     

    ผู้เล่น เรย์นา ได้รับ สร้อยข้อมือผลึกวารี

     

     

     

                เสียงประกาศจากระบบดังขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากที่เทพีทำสัญลักษณ์ให้ ความสามารถที่เทพีพูดถึงคงเป็นความสามารถในการอัญเชิญสัตว์เลี้ยงหรือผู้ติดตามที่เป็นสัตว์อสูรมาหาตนนั่นเอง เรย์นาเปิดดูข้อมูลเกี่ยวกับพันธะสัญญาลายสลักวารี และสร้อยข้อมือผลึกวารีแต่ข้อมูลทั้งหมดกลับว่างเปล่า

     

     

    ตราพันธะสัญญาโบราณ ลายสลักวารี

     

    -            ตราพันธะสัญญาโบราณ เฉพาะผู้เล่นที่เป็นบุตรหรือธิดาของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลเท่านั้นจึงมีสิทธิในการทำตราพันธะสัญญา

     

    -            ไม่ระบุความสามารถแน่ขัด

     

     

    สร้อยข้อมือผลึกวารี

     

    -            สร้อยคือมือที่มีพลังแห่งท้องทะเลสถิตอยู่                                                                                          

    -            สามารถอัพเกรดระดับไอเทม

     

    -            ความสามารถจะประกาศหลังผู้เล่นสามารถอัพเกรดระดับไอเทม

     

     

    ผู้ติดตามที่เป็นมนุษย์ของเจ้านั้นเป็นอัศวินมิใช่ริเทพีมถามโดยมองไปยังเทรซิสที่ยืนรอเรย์นาอยู่ด้านหน้าของร้าน เรย์นาพยักหน้าเล็กน้อย

     

    ถ้าเป็นเช่นนั้น ผู้ติดตามของเจ้าไม่ควรอยู่ในเมืองแห่งนี้ เมืองที่พวกเจ้าอยู่ตอนนี้นั้นเป็นเมืองที่เน้นสายเวทมนตร์เป็นหลัก สำหรับเจ้าแล้วคงไม่มีผลกระทบเท่าไรนัก แต่สำหรับผู้ที่จะเป็นอัศวินเช่นผู้ติดตามของเจ้านั้นการมาอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์จะรบกวนการฝึกของอัศวิน ทางที่ดีเจ้าควรให้เขาไปอยู่ยังเมืองที่ไม่มีไอเวทมนตร์ปะปนมากมายเท่าเมื่องนี้

     

                "เจ้าต้องไปแล้ว จำคำพูดของข้าไว้ จงไปยังวิหารทางตะวันตก วิหารแห่งนั้นมีผนึกบางอย่างซึ่งข้าไม่อาจรู้ได้ว่ามันคือสิ่งใด มีเพียงมนุษย์ครึ่งเทพเท่านั้นที่คลายผนึกได้ แต่จะคลายผนึกนั่นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าข้าเพียงแค่แนะนำเท่านั้น"

     

                ทุกสิ่งที่อยู่ในร้านค่อยๆ เลือนหายไปรวมถึงองค์เทพีเหลือเพียงเรย์นายืนอยู่ แต่พื้นที่เธอใช้ยืนนั้นกลับกร่อนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไม่เหลือที่ให้ยืนอีกเทรซิสเห็นดังนั้นจึงรีบมาคว้าแขนของเรย์นาไว้ก่อนที่เธอจะตกลงไป เรย์นารู้ได้ในทันทีว่าเหวนั้นเป็นทางตรงสู่ทาร์ทารัสเป็นการลงที่รุนแรงและไม่มีทางขึ้นมา เรย์นานึกถึงคำพูดของเทพีรีอาก่อนจะจากมาที่พูดถึงเทรซิสเธอบอกเทรซิสไปตามที่ได้รับคำแนะนำ แต่อัศวินหนุ่มกลับยืนยันว่าเรย์นาอยู่ไหนเขาก็จะอยู่ด้วยแม้ว่าไอเวทมนตร์จะรบกวนการฝึกก็ไม่เป็นไร เรย์นากล่อมอยู่นานจนสุดท้ายก็ใช้คิเมร่ามาเป็นข้ออ้างในการให้เทรซิสไปอยู่ในเมืองของสายอัศวิน

     

                ข้าจะให้คิเมร่าไปกับเจ้า ด้วยตราพันธะสัญญาถ้าหากข้ามีเรื่องเดือดร้อนข้าสามารถอัญเชิญมันมาที่นี่ได้ทันทีหรือถ้าเกิดอะไรผิดปกติขึ้นมันก็จะรู้ตัว เรย์นายื่นคำขาด เธอพยายามพูดทุกทางแล้วถ้ามุกนี้ใช้ไม่ได้อีกเธอก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วเหมือนกัน

     

                เทรซิสมีท่าทีอึกอักเหมือนกับไม่อยากไปแต่สุดท้ายเมื่อโดนเรย์นากรอกหูมากๆ เข้าก็ยอมในที่สุด โดยเรย์นาต้องสัญญาว่าเมื่อเกิดอะไรขึ้นต้องเรียกทั้งคู่ทันทีซึ่งเธอก็เออออไปตามน้ำ พูดกับเทรซิสจบเรย์นาก็ยังต้องไปพูดกับคิเมร่าอีก ซึ่งรายนี้ออกจะง่ายกว่าหน่อยเพราะเมื่อมันสัมผัสได้ถึงความต้องการของผู้เป็นนาย ความดื้อรั้นก็ค่อยๆ ลดลงจนยอมตกลงไปกับเทรซิสด้วย

     

               


    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×