ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAGA of HEZELHYLME

    ลำดับตอนที่ #4 : มนตราที่3 :: การทดสอบ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.พ. 59


    มนตราที่ 3

     

    การทดสอบ

     

     

    การทดสอบที่ไม่มีการอธิบายรายละเอียดใดๆ ทำเอาพวกเธอถึงกับอึ้งสนิท หลังจากยืนิ่งกันได้พักหนึ่ง ป้ายไฟที่ลุกพรึ่บบริเวณหน้าอกสร้างความฉงนให้กับผู้เข้าสอบอีกครั้ง

     

    "อีกเรื่อง ป้ายไฟที่หน้าอกของเธอจะมีรหัสประจำตัวอยู่ เราได้ผู้ผ่านรอบแรกครบเมื่อไหร่ ป้ายของเธอจะเปลี่ยนเป็นสีดำ การคัดเลือกใช้ได้เฉพาะมีดเวทมนตร์และดาบที่ทางเราเตรียมให้เท่านั้น เรียกเป็นกันใช่ไหม 'แกลดิอัส'* กับ 'เวเนฟ'* น่ะ แต่ถึงอย่างไรมิติปิดกั้นนี่ก็เรียกมีดกับดาบของเธอออกมาไม่ได้อยู่แล้ว เอาล่ะ เริ่มการทดสอบได้!"

    (*แกลดิอัส - ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ใช้เรียกดาบ)

    (*เวเนฟ - ถ้อยคำศักดิ์สิทธิ์ใช้เรียกมีดเวทมนตร์)

     

    สิ้นคำประกาศ แต่ละคนก็แยกย้ายไปตามส่วนต่างๆ ของปราสาท มีจำนวนไม่น้อยที่สวมชุดคลุมปิดหน้าปิดตาเช่นเดียวกับซินเธีย ภายในปราสาทยังคงความมืดมนไว้ได้ดี มืดเสียจนจนน่าขนลุก

     

    เสียงลมหวีดหวิวช่วยขับให้ปราสาทแห่งนี้คลับคล้ายคลับคลาปราสาทผีสิงขึ้นทุกทีจนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบแขนตัวเอง "แข่งกันหาตราหรือเล่นทดสอบความกล้ากันแน่"

     

    เวลาสั้นๆ กลับดูยาวนานเมื่ออยู่ภายในปราสาทมืดๆ ที่ไม่มีเครื่องบอกเวลา ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีวี่แววของตราสถาบัน เปลวไฟบนหน้าอกยังคงลุกโชตช่วงเช่นเคย เธอกลอกตาอย่างเบื่อหน่ายเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นถึงอย่างนั้นกลับไม่มีเสียงกระทบจากรองเท้าให้ได้ยิน การเก็บเสียงคงกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว

     

    ประกายเล็กๆ จากหลังคาโถงสูงลิบเรียกความสนใจได้เป็นอย่างดี คนเป็นเจ้าหญิงที่ลดศักดิ์ตัวเองมาอยู่ในฐานะทหารรับจ้างหรี่ตามองที่มาของแสงอย่างไม่แน่ใจก่อนที่รอยยิ้มพึงพอใจจะฉาบบนใบหน้าอ่อนวัย ตราสัญลักษณ์สีทองอร่ามขนาดเท่าฝ่ามือถูกวางอย่างหมิ่นเหม่อยู่ปลายหอกของรูปปั้น ดาบไขว้ใต้มงกุฎราชา สัญลักษณ์เรียบง่ายแต่ให้ความรู้สึกทรงอำนาจ

     

     

    ตราสถาบันนั่นเอง

     

    "ไม่นึกว่าจะได้เจอเร็วขนาดนี้"

     

     

    "เวเนฟ"

    มีดเวทมนตร์สีเงินยวงปรากฏขึ้น นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่จากเฮมิสเฟียร์ไปที่เธอใช้เวทมนตร์ สายลมโชยมาจากทุกทิศหอบตราสถาบันลงมา ทั้งที่ไม่น่าจะมีลมพัดเข้ามาได้ ซินเธียหรี่ตาลงอย่างไม่ไว้ใจ

     

    ทุกอย่างดูง่ายเกินไป

     

    เธอก้มลงเก็บสิ่งของที่ต้องการอย่างระมัดระวัง และเมื่อปลายนิ้วสัมผัสกับตราโลเอนสไตน์ พื้นก็เริ่มสั่นสะเทือน

    ปลายหอกคมๆ ในมือรูปปั้นพุ่งปักตำแหน่งที่ซินเธียยืนอยู่ เธอกำตราในมือแน่นพร้อมกระโดดหลบ เสียงปะทะระหว่างหอกและพื้นดังลั่นส่วนคนเฉียดตายหน้าซีด

     

    เกือบไปแล้วไหมล่ะ

     

    รูปปั้นขยับตัวช้าๆ ราวกับมีชีวิต ดวงตาว่างเปล่าพุ่งเป้ามาที่เธอ อากาศเย็นลงจนบาดผิว นิ่งกันไปเกือบนาที ในที่สุดรูปปั้นก็เป็นฝ่ายโจมตีก่อน ริมฝีปากงามขยับเป็นรอยยิ้มหวาน

     

    "เป็นแค่รูปปั้นกระจอกแท้ๆ ริอาจมาหือกับข้า.."

     

    ของก็ได้แล้ว

    งานก็จบแล้ว

    ที่ไม่จบก็มีแค่ไอ้พี่เบิ้มที่ขวางทางอยู่..

     

    "หึ! รูปปั้นแค่นี้.."

     

    ........โกยสิจ๊ะ.........

     

    คิดได้ดังนั้นร่างเล็กๆ ก็หมุนตัวกลับและโกยแน่บด้วยความเร็วที่ไม่น่าทำได้จากขาสั้นๆ คู่นี้ ในเวลาสั้นๆ เธอก็วิ่งมาจนถึงหน้าประตูปราสาทที่เธอเข้ามาโดยไม่หลงแม้แต่ครั้งเดียว แต่ปัญหาถัดมาคือ..

     

    ประตูล็อค

     

    ...ฉิบหาย

     

    เสียงโครมครามที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยิ่งทำให้สมองของซินเธียหมุนจนแทบจะรวน ..และในที่สุดเธอก็งัดยุทธวิธีก้นหีบที่ถูกส่งต่อกันในตระกูลมาใช้

     

    ขอตั้งชื่อยุทธวิธีนี้ว่า "วิชามารผ่านประตู"

     

    กิ๊บทั้งหลายทั้งแหล่บนหัวพร้อมใจกันยอม(โดนบังคับ)สละชีวิตเพื่อให้ผู้เป็นนายได้ใช้มันเป็นวัตถุดิบในการใช้วิชามาร

    มือเรียวดัดกิ๊บดำที่ติดมาด้วยอย่างชำนาญก่อนจะแหย่เข้าไปเพื่อสะเดาะกลอนประตู ..ในที่สุดเทคนิคโจรกรรมระดับ(โคตร)เซียนก็ถูกดึงมาใช้ และใบหน้าเคร่งเครียดแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแสยะอย่างจอมมารทันทีที่ได้ยินเสียงกริ๊ก!

    เธอผลักประตูเต็มแรงและวินาทีถัดมาใบหน้ายิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นยิ้มแหย ประตูบานยักษ์ส่งเสียงกึก! ก่อนจะขยับเล็กน้อยและนิ่งสนิท ใบหน้าที่ปกติก็ซีดอยู่แล้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียว พื้นที่เริ่มสะเทือนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ซินเธียยิ่งสติแตก ในที่สุดก็มีความคิดที่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ผุดขึ้นมาในหัว เธอถอยไปตั้งหลักและง้างอวัยวะเบื้องล่างขึ้น

    เปิดดีๆ ไม่ได้ ก็ถีบแม่งเลยแล้วกัน

     

    จากนั้นประตูบานเก่าคร่ำครึก็โดนฝ่าพระบาทจากผู้ทดสอบร่างเล็ก(เตี้ย)ในชุดคลุมยันโครมออกมาจนกระเด็นออกมาทั้งยวง

    ตามด้วยเจ้าของผลงานที่พรวดพราดออกมา และมิวายดันประตูบานนั้นขึ้นก่อนจะทั้งลากทั้งยก(อดีต)บานประตูไปวางไว้ที่เดิมจนได้

    เปลวไฟบนหน้าอกเปลี่ยนเป็นสีเขียวบ่งบอกว่าเธอผ่านการทดสอบเป็นที่เรียบร้อย ซินเธียเดินลากขาออกห่างจากประตูเจ้าปัญหาท่ามกลางความงุนงงของเหล่าอาจารย์ผู้คุมสอบ

     

    "กุญแจประตูยังอยู่ที่รูปปั้นอยู่เลยไม่ใช่รึ"

     

    "ดูเหมือนว่าเขาจะใช้วิธีสะเดาะกลอนประตูออกมานะ"

     

    "นี่เราจะรับโจรเข้ามาในเรียนในโรงเรียนการทหารเรอะ!"

     

     

                การทดสอบทั้งสองรอบถูกจัดภายในวันเดียวกัน ดังนั้นผู้ที่ผ่านการทดสอบรอบแรกจึงมารวมตัวกันที่ลานเดิมเพื่อรอรับการสอบสัมภาษณ์ ในรอบนี้ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าสอบแต่งกายปิดบังใบหน้า ด้วยเพราะกลัวจะเกิดการก่อการร้ายขึ้น ซินเธียรวมทั้งคนอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งจึงจำใจต้องทิ้งชุดคลุมไปอย่างช่วยไม่ได้

                บรรยากาศในลานรวมพลเต็มไปด้วยความตึงเครียด จะมีเสียงพูดคุยก็เพียงเล็กน้อย ส่วนมากมักมาจากกลุ่มเพื่อนที่มาสอบและผ่านมาด้วยกัน หลังผู้ผ่านการทดสอบคนสุดท้ายออกจากปราสาทไม่นาน การประกาศผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ก็เริ่มขึ้น

                ด้วยความที่ซินเธียทำเวลาได้ดีมาก(ด้วยวิธีที่น่าภูมิใจมากเช่นกัน) เธอจึงถูกเรียกไปสัมภาษณ์เป็นคนแรกๆ

                ในการสอบสัมภาษณ์ต้องนั่งเกวียนต่อไปอีกประมาณยี่สิบนาที ดังนั้นในแต่ละรอบจะถูกเรียกไปรอบละเจ็ดคน และเธอก็ถูกเรียกไปในรอบที่สาม

                แม้จะอยู่ในเกวียน ความอึมครึมของบรรยากาศรอบกายแต่ละคนก็ยังตามหลอกหลอนซินเธียมาได้ เธอมีความรู้สึกว่าสภาพอากาศทุกฤดูกาลสามารถเกิดขึ้นได้ในเกวียนเล็กๆ เล่มนี้ ไม่ว่าจะฝนตก พายุหิมะเข้า รวมถึงแดดชนิดจองตั๋วติดขอบเวทีดวงอาทิตย์

    แต่เมื่อคิดดูอีกที ทั้งหมดนี้อาจเกิดในเวลาเดียวกันเลยก็เป็นได้

     

    มีใครรู้สึกว่าพวกเราควรทักทายอะไรกันหน่อยไหม

     

    ในที่สุดความมาคุอย่างหาที่เปรียบมิได้ก็ถูกทำลายลงโดยชายหนุ่มท่าทางเฮ้วๆ ที่ทนความน่าอึดอัดนี้ไม่ไหว

     

    ข้า

    น้ำขึ้นให้รีบตัก คนชวนคุยให้รีบตอบ เธอไม่รอช้า หาเพื่อนคุยทันที เขายิ้มกว้างก่อนจะจับมือซินเธียและเขย่าแรงๆ เป็นการทำความรู้จัก ..ที่เธอรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะฮาร์ดคอร์ไปไม่น้อย

    บอยส์ จงอย่าคุยกันโดยไม่มีข้า

    เสียงทุ้ม นุ่ม น่าขนลุกดังขึ้นต่อจากการเช็คแฮนด์รุ่นเฮฟวี่เวท ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในเกวียน เธอคิดว่าเขาคงลุกขึ้นมาเต้นด้วยท่าของเอลวิสแล้ว

    บอยส์เหรอ..

    เธอค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าไม่มีส่วนไหนของเธอเหมือนผู้ชาย โดยเฉพาะส่วนสูง

    บอยตัวเล็ก อย่าสนใจเรื่องยิบย่อยเลย ข้ามีนามว่า เคฟฟ์.. เคฟฟ์ เวย์แลนด์ เดอะ วอยซ์ แอคเตอร์ ออฟ เจนีวา

    เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป ..ในทางดีขึ้น พร้อมผายมือราวกับนักมายากล แต่คำว่าบอยตัวเล็กยิ่งยุให้ซินเธียคิ้วกระตุกมากขึ้น

    น่าสนใจดีนี่ เอาไว้เจ้าได้พากย์ในสถาบันเมื่อไหร่ ข้าจะรอฟังแล้วกัน

    เจ้าดูมั่นใจว่าเจ้าจะสอบผ่านเหลือเกินนะ

    หญิงสาวคนหนึ่งโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงแกมประชดประชัน แต่เขาเพียงหัวเราะในลำคอและตอบกลับอย่างมั่นใจ

     

    แน่นอน! ข้าดูดวงมาแล้ว!”

     

     

    .........

     

     

     

     

     

     

    -------------------------















    BABY ♥ THEME
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×