ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Great Warrior Online สงครามมหาราชันย์

    ลำดับตอนที่ #4 : Chap.II Limited Edition

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 66


    CHAPTER II.

     

    Limited Edition..

     

            "ท้องอืด ปวดท้อง แน่นท้อง คุณเคยประสบปัญหาเหล่านี้ใช่หรือไม่ ปัญหานี้จะหมดไปหากคุณใช้..."

     

    ติ๊ด!

     

    เสียงโฆษณาดังขึ้นไม่ถึงสิบวินาทีก็ถูกเรธิเซียกดเปลี่ยนช่องอย่างใจลอยพลางนึกถึงเรื่องที่พึ่งคุยกัน หญิงสาวคนนั้นหรือไอรีนมีข้อสมมติฐานเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้เช่นเดียวกับเธอนั่นคือ การข้ามมิติ ฟังดูอาจรู้สึกงี่เง่า ความเป็นไปได้ที่บุคคลยุคประวัติศาสตร์จะมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในโลกไซเบอร์ไม่มีเลยด้วยซ้ำ แต่หลักฐานในตอนนี้ชี้ชัดว่าการข้ามมิติเป็นไปได้ เพราะตอนนี้บุคคลยุคประวัติศาสตร์ก็มานั่งในสภาพที่ยังมีชีวิตต่อหน้าสองนักวิจัย

     

    หลังจากถกเถียงกันมานาน ในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าจะให้เรธิเซียอาศัยอยู่ด้วยกันและค่อยๆ เค้นข้อมูลความรู้สึกตอนข้ามมิติ..ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าดีใจแม้แต่น้อย เพราะทุกครั้งที่คิดจะทำอย่างนั้นภาพเธอถูกเผาทั้งเป็นก็จะแวบเข้ามาในหัวเป็นอันดับแรก

     

    หลังพูดคุยเรื่องเครียดๆ จบแล้วไอรีน เชนและเรธิเซียจึงเปลี่ยนมาคุยเรื่องทั่วไปแทน เธอเริ่มต้นด้วยเรื่องปืนอาวุธอันตรายที่ประจักษ์ถึงความอันตรายอย่างถึงที่สุดได้ก็วันนี้ ไอรีนอธิบายโครงสร้างและประโยชน์ของปืนอย่างละเอียด แน่นอนว่ารวมวิธีใช้ด้วยราวกับว่าจะให้เด็กหญิงวัยสิบหกเป็นนักแม่นปืนอย่างไรอย่างนั้น

     

    ทั้งสามคุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยจนสนิทกันอย่างรวดเร็ว ชายหญิงคู่นี้..สองสามีภรรยา..เป็นคนอัธยาศัยดี ส่วนเรธิเซียเองก็เป็นคนที่ปรับตัวเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ถ้าไม่รวมนิสัยเจ้าเล่ห์นิดๆ หน่อยๆ ทั้งสามคุยกันไปมาจนกระทั่งประเด็นการพูดคุยเปลี่ยนมาเป็นเรื่องชื่อ ในยุคนี้ เรธิเซีย กับคำว่า คนทรยศ เป็นของคู่กัน ไอรีนจึงเค้นความจริงจากเจ้าตัว ขอแบบความจริงล้วนๆ ไม่อิงประวัติศาสตร์ทำเอาเธออธิบายจนคอแห้งเลยทีเดียว

     

    “ชื่อของเธอออกจะโดดเด่นไปสักหน่อย.. ในยุคนี้น่ะชื่อเรธิเซีย ใครๆ ก็รู้จัก แต่เป็นในทางลบ เอาเป็นว่า.. เรย์นา ชื่อนี้เป็นไง” ไอรีนถามอย่างร่าเริงเมื่อไม่เห็นว่าเธอปฏิเสธจึงเป็นอันตกลงว่าต่อจากนี้เธอจะคงอยู่ในฐานะ 'เรย์นา' ไม่ใช่เรธิเซีย

     

    ไอรีนสอนวิธีการใช้ชีวิตแบบคนปกติกับเรย์นาทั้งการพูดจา การใช้ภาษา วัฒนธรรมรวมถึงการแต่งกาย เธอรับข้อมูลได้รวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ สุดท้ายก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อนหญิงสาวก็บังคับให้สมาชิกครอบครัวคนใหม่เล่นเกมหนึ่งซึ่งเป็นเพียงเบาะแสเดียวในการเดินทางข้ามมิติ และอาจเป็นเบาะแสสุดท้าย มันเป็นเกมที่ไม่มีใครรู้ชื่อผู้สร้าง รู้จักเพียงผู้บริหารสูงสุดเท่านั้นและคนๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เชนและไอรีน นั่นเอง

     

    "วันนี้อากาศดีนะ" เรย์นาพูดลอยๆ แต่ไอรีนยิ้มหวานมองเธอกลับอย่างมีเลศนัย และเสริมว่า "ใช่ อากาศดีมากเหมาะแก่การช็อปเป็นอย่างยิ่ง... ใช่มั้ย?"

     

    "ไม่!" เชนและเรย์นาตอบอย่างพร้อมเพรียง ทั้งคู่หันมามองหน้ากัน ยิ้มแหยๆ แต่รอยยิ้มพลันเหือดแห้งเมื่อไอรีนตัดบทอย่างไร้ทางปฏิเสธ "งั้นก็ไปกันเถอะ เรย์นา วันนี้ฉันจัดตารางให้เยอะแยะเลย เมื่อวานสอนเรื่องคำพูดไปแล้ว วันนี้จะสอนการแต่งตัว การขับรถ แล้วก็การยิงปืนด้วย" ไอรีนพูดทั้งๆ ที่สายตาจับจ้องไปยังเสื้อผ้า ส่วนมือก็หยิบชุดโน้นชุดนี้มาทาบบนตัวเรย์นาอยู่ตลอด

               

    เมื่อไอรีนจับเรย์นาแต่งตัวจนพอใจแล้วก็เดินนำลิ่วไปซื้อเครื่องประดับ ส่วนเชนนั้นยืนรอในสภาพที่มีสัมภาระเต็มตัวจนเรย์นากลัวว่าถ้าเชนเผลอเมื่อไหร่กองสัมภาระพวกนั้นอาจจะทับเขาตายได้เลย เมื่อหมดธุระแล้วเชนก็ขอตัวไปเก็บของที่รถและพาเรย์นาไปเปิดหูเปิดตาด้วย ไอรีนไม่ได้ว่าอะไรเพียงกำชับว่าดูแลเรย์นาดีๆ ด้วย ถัดไปบริเวณตรงข้ามห้างมีการจัดเทศกาลเล็กๆ อยู่ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นจึงให้เธอไปรอที่นั่นเพื่อจะได้เห็นอะไรแปลกใหม่ซึ่งเรย์นาก็ไม่ขัดข้อง

     

    งานเทศกาลประดับประดาไปด้วยโคมไฟสีแดงและร้านรวงมากมาย มีทั้งขายอาหาร ของที่ระลึก ของเล่นสารพัด เรย์นาตื่นตาตื่นใจกับภาพอันแปลกใหม่แต่ก็เก็บอาการได้ดี เธอเดินเล่นไปเรื่อยแต่สายตากลัับไปสะดุดกับเด็กหญิงคนหนึ่งที่เดินจูงมือกับพ่อแม่ บนใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม บนหัวสวมพวงมาลัยดอกไม้พลางร้องเพลงอย่างมีความสุข ภาพนั้นทำให้เรย์นานึกถึงครั้งหนึ่งที่เธอไปรบและชนะศึกกลับมา

     

    เสียงแตรดังสนั่นทั่วเมืองแสดงถึงการมีเหตุสำคัญบางอย่าง ประชาชนเดินออกมาออกันนอกบ้านมองไปทางประตูเมืองอย่างตื่นเต้น ประตูเปิดออกช้าๆ เสียงพูดคุยเริ่มเบาลงจนกลายเป็นเงียบกริบ ถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่มีคนกว่าหมื่นคนทว่ากลับไร้เสียงพูดคุย ไม่นานก็ปรากฎร่างนักรบในเกราะเงินสง่างามควบม้าเข้ามา ผู้คนแหวกออกเป็นทาง ชุดเกราะเมื่อกระทบกับแสงอาทิตย์ยิ่งขับให้ร่างบนหลังม้าดูองอาจยิ่งขึ้น ผมสีบลอนด์เป็นประกายสยายออกมาแสดงถึงว่านักรบผู้นั้นหาใช่ชายชาตรีไม่ นัยน์ตาสีฟ้าอมเทาดุดันกวาดมองประชาชนรอบเมือง ม้าขาวเป็นม้าที่หายากยิ่ง การที่จะได้มันมาครอบครองแสดงถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มันยกขาหน้าขึ้นและส่งเสียงร้อง ชาวเมืองเงียบกริบตั้งตาฟังสิ่งที่สตรีบนหลังม้าต้องการจะพูด เธอชูดาบขึ้นและประกาศด้วยเสียงอันกึกก้อง

     

    "ชัยชนะเป็นของเรา!!"

     

                 คำพูดสั้นๆแต่กลับเรียกเสียงเชียร์จากประชาชนได้อย่างดี ทันใดนั้นกองทหารที่รออยู่นอกเมืองตามคำสั่งของผู้เป็นนายก็ควบม้าตามเข้ามา เสียงเชียร์จึงดังขึ้นไปอีก เธอกระโดดลงจากหลังม้าถอดเกราะออก ข้าหลวงที่มารออยู่แล้วเดินไปรับด้วยสีหน้าตื้นตัน ประชาชนโห่ร้องยินดีและยกเธอขึ้นบนบ่า มาลัยรอเรลอันแสดงถึงชัยชนะถูกสวมลงบนศีรษะ ใบหน้าภายใต้หมวกเหล็กเป็นเพียงเด็กสาววัยสิบห้า หาใช่นักรบผู้กร้านศึกดังที่ผู้คนคิด  เพลงแห่งความสุขเริ่มบรรเลงดอกกุหลาบถูกโปรยลงมา เหล่าทหารหาญเดินอย่างภาคภูมิมองแม่ทัพที่วัยรุ่นราวคราวเดียวกับลูกของตนพลางนึกชื่นชน พร้อมกับที่เสียงสรรเสริญดังขึ้น เรธิเซียผู้ถูกแบกขึ้นบนบ่ายิ้มอย่างมีความสุข หากไม่เห็นชุดเกราะที่ชโลมด้วยเลือดแล้วเธอก็ดูเหมือนเป็นเพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง แต่ความสุขมักไม่ยาวนาน ปีถัดมาเธอก็ถูกพรากจากอาณาจักรที่เธอรักไป..

     

    ตลอดกาล

     

                 ในขณะที่เรย์นากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเธอก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ รอบกาย วัยรุ่นกลุ่มหนึ่งกำลังล้อมเธออยู่ พวกนี้เป็นนักเลงที่พบเห็นได้ทั่วไปในที่อโคจรแต่กลับดูผิดที่ผิดทางในงานเทศกาลเช่นนี้ นักเลงกลุ่มนี้แต่งตัวคล้ายๆ กันคือใส่เสื้อกล้ามสีขาว กางเกงยีนส์สีดำมีโซ่ล่าม ผมสั้นเตียนแต่กลับย้อมผมสารพัดสี ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสีสะท้อนแสงด้วย แทบจะมีคำว่านักเลงตะโกนออกมาจากการแต่งตัวเลยทีเดียว เรย์นามองด้วยสายตาประหนึ่งกำลังมองสิ่งที่อัปลักษณ์ที่สุด ดวงตากลอกไปมาอย่างเบื่อหน่าย เรย์นาแต่งตัวด้วยชุดที่เคลื่อนไหวง่าย เธอใส่เสื้อเชิ้ตพับแขนสีดำ กางเกงขาสามส่วน และรองเท้าผ้าใบ มีมีดสั้นเหน็บไว้ใต้แขนเสื้อเผื่อกรณีไม่คาดฝัน

     

    "น้องสาว นี่ถิ่นพวกพี่ จ่ายเงินมาก่อนแล้วพวกพี่จะปล่อยไป" ชายคนหนึ่งพูดขึ้น ส่วนชายยอีกคนยิ้มเจ้าเล่ห์พูดอย่างมีเลศนัย "หรือจะจ่ายอย่างอื่นพวกพี่ก็ไม่ว่า"

     

     

    เรย์นาไม่เข้าใจสิ่งที่พวกนั้นพูด ทั้งชีวิตไม่มีใครรนหาที่ตายขนาดพูดจาเช่นนี้กับเธอมาก่อน เรย์นาเลิกคิ้วขึ้น "เงินเหรอ? อยากได้ก็ไปหาเอาเอง ส่วนอย่างอื่นฉันไม่รู้หรอกนะ" เธอพูดอย่างไม่ยี่หระ ยกมือข้างหนึ่งปัดผมที่ปรกบ่า “ไม่สนใจด้วย” 

     

    หนึ่งในคนพวกนั้นคิ้วกระตุกจ้องเธออย่างไม่เป็นมิตร "ในเมื่อยังไงมันก็ไม่ให้อยู่แล้ว จัดการ!!"

     

    พวกนั้นย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่กลัวตาย เธอผิวปากอย่างสนใจแต่นั่นยิ่งทำให้ทั้งห้าโกรธยิ่งขึ้น ทุกคนใช้การต่อสู้มือเปล่าด้วยความมั่นใจในฝีมือ ชายคนแรกปล่อยหมัดโดยมีเป้าหมายที่ใบหน้าของเธอ เรย์นาเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยและใช้แขนทั้งสองข้างล็อคแขนของชายคนนั้นไว้ เพื่อนๆ อีกสี่คนไม่ใส่ใจจะช่วยเพราะคิดแค่ว่ากับแค่เด็กผู้หญิงจะมีอะไรยากนัก เรย์นาออกแรงบิดนิดหน่อยเสียงกระดูกก็หักดังกร๊อบ มันอาจจะน่าสยดสยองสำหรับคนอื่น แต่เรย์นานั้นเป็นถึงแม่ทัพที่โลดแล่นกลางสนามรบ มือคู่นี้ปลิดชีวิตคนมาเป็นร้อยเป็นพัน 

     

    ชายคนนั้นร้องโหยหวน เขากำหมัดอีกข้างเตรียมจะต่อยแต่เรย์นาก็เตะเข้าที่หว่างขาเต็มแรงจนเขาล้มลงไปกองกับพื้น ได้แต่ร้องโอดครวญจนหน้าเขียว เมื่อเห็นเพื่อนถูกจัดการอย่างง่ายดายพวกที่เหลือก็เริ่มหน้าเสีย เรย์นาหันกลับมาทำหน้าใสซื่อ และอุทานอย่างตกใจ ทั้งที่นัยน์ตาเป็นประกายอย่างสนุกสนาน ริมฝีปากขยับเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ 

     

    "ตายจริง! เป็นอะไรไปน่ะ?" เรย์นาเอียงหัวถามราวกับสงสัยเสียเต็มประดา แต่รอยยิ้มกวนโทสะยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าที่งามราวกับตุ๊กตา "ดูเหมือนลุงคนนี้จะพูดว่าอยากให้พวกคุณทุกคนลงไปนอนเล่นด้วยกันนะ"

     

     ทางด้านเชนที่เอาของไปเก็บเมื่อกลับมาไม่เห็นเรย์นาที่จุดนัดพบก็แปลกใจ แต่ก็ไม่คิดอะไรมากจึงหันไปสนใจงานเทศกาลแทน บรรยากาศงานยังคงคึกคักเช่นทุกปี มีการแสดงต่างๆ ร้านรวงประดับประดาด้วยโคมไฟสารพัดสี มีเพลงเปิดคลอเบาๆ ทว่าขณะที่เชนเดินเล่นรอเรย์นาอยู่นั้นเขาก็ได้ยินอะไรบางอย่าง

     

    "นี่ ฉันได้ข่าวมาว่ามีคนเห็นแก๊งค์อันธพาลกลุ่มนั้นมางานด้วยล่ะ" แม่ค้าคนหนึ่งหันไปคุยกับเพื่อนแม่ค้าด้วยกันอย่างออกรส "จริงเหรอ? แล้วตอนนี้พวกนั้นอยู่ไหนล่ะ? มีใครโดนมันรีดไถไปแล้วบ้าง?"

     

    "อยู่ท้ายซอย เห็นว่ากำลังหาเรื่องเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง" เธอตอบ เชนที่ยืนเงี่ยหูฟังก็มีลางสังหรณ์ว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นจะเป็น...เรย์นา

     

    "แล้วเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นยังไงล่ะ" แม่ค้าถามต่ออย่างสนใจ ส่วนอีกคนมุ่นหัวคิ้ว ทำหน้าครุ่นคิดก่อนตอบ "อายุประมาณสิบหก สิบเจ็ด ผมสีบลอนด์รวบเป็นหางม้า รู้สึกว่าจะใส่สื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขาสามส่วน..."

     

    ชัดเลย! เชนคิดในใจ รีบวิ่งไปยังท้ายซอย ใช่ว่าจะมีซอยแค่ซอยเดียวจึงวิ่งหาอยู่นาน เชนต้องหาถึงห้าซอยกว่าจะเจอตัวเรย์นาที่ยืนกอดอกอยู่ เธอไม่มีแม้แต่รอยยับบนเสื้อ เรย์นาเบนสายตามองผู้ชายที่นอนกองกับพื้นด้วยสายตาดูแคลน มีคนหนึ่งบาดเจ็บไม่มากลุกขึ้นกะจะทำร้ายจากด้านหลังแต่เรย์นาก็จัดการถองศอกเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรง พอเขาเซกำลังจะล้มลงเรย์นาก็เหวี่ยงขาเตะซ้ำเข้าที่จุดเดิม เชนมองการกระทำนั้นอย่างอึ้งๆ และนึกขึ้นได้เรย์นาเคยเป็นถึงแม่ทัพ จะรุนแรงไปบ้างก็ไม่แปลก อีกทั้งการต่อสู้แค่นี้ไม่ทำให้เธอลำบากแม้แต่น้อย สมชื่อเจ้าหญิงนักรบ... หรือเจ้าหญิงมนตรากันนะ?

     

    "พอได้แล้วมั้ง อัดซะน่วมเลยนี่" เชนพูดขึ้น เรย์นารู้อยู่แล้วว่าเป็นเชนจึงยักไหล่แทนคำตอบ

     

    Rrrrr!

    Irene

     

    รายชื่อคุ้นตาโชว์หราบนหน้าจอ เชนรีบกดรับทันทีพร้อมกับเรย์นาที่หันมาเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้นเป็นเชิงถาม "ฮัลโหล ไอรีน" เชนกรอกเสียงลงไป

    ปลายสายตอบกลับอย่างรวดเร็ว สั้นแต่ได้ใจความ "ฉันช็อปเสร็จแล้ว กลับมาที่รถได้เลย แค่นี้นะ" แล้วไอรีนก็ตัดสายไป

     

    เชนยักไหล่เบนสายตามามองกลุ่มอันธพาลผู้โด่งดังที่บัดนี้โดนซ้อมจนหน้าบิดเบี้ยว ฟันหลุดบ้าง ขาหักบ้าง แขนหักบ้างคละๆ กันไป พอถามว่าทำไมต้องรุนแรงขนาดทำเอาแขนหัก ขาหักก็ได้คำตอนที่สร้างสรรค์สุดๆ จากเจ้าตัว 

    "ถ้าแขนหักหรือขาหักกันหมดทุกคนมันก็ไม่สมดุลน่ะสิ แบบนี้ดีแล้ว แชร์ๆ กันบ้าง คนนู้นแขนหัก คนนี้ขาหัก อีกคนกรามหัก ยุติธรรมจะตาย" เรย์นาหันไปมองผลงานของตนอย่างชื่นชม เชนเห็นสายตาแบบนั้นก็ส่ายหน้าปลงๆ 

     

    เชนถอนหายใจก่อนถ่ายทอดข้อความจากไอรีนและเดินนำไปที่รถ ฟังเรย์นาบ่นไปตลอดทาง "อันธพาลมีฝีมือแค่นี้เองเหรอ? น่าผิดหวัง น่าผิดหวังจริงๆ นอกจากหน้าตาอัปลักษณ์แล้วยังไม่มีความสามารถอีก คนสมัยนี้นี่ต่อสู้กันไม่เป็นเลยรึไงนะ ถ้ารู้ตัวว่าฝีมือเทียบไม่ได้แทนที่จะรุมดันเข้ามาทีละคน ฝีมือไม่มี สมองก็ไม่มี" ว่าแล้วเรย์นาก็ยกนิ้วช้ามาเคาะหัวประกอบท่าทาง เชนได้แต่เวทนาอันธพาลพวกนั้นอยู่ในใจ คนในงานมีตั้งเยอะตั้งแยะดันมาหาเรื่องเรย์นา อย่างกับกลัวตัวเองจะอายุยืนอย่างงั้น

     

    เชนขับรถไปรับไอรีนที่จุดรับ-ส่งรถ เมื่อขึ้นรถมาไอรีนก็หยิบของชิ้นหนึ่งให้เรย์นา มันเป็นแว่นสีดำธรรมดาแต่เธอสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่แว่นธรรมดาแน่ เรย์นาหันไปหาไอรีนผู้ซึ่งไม่ต้องรอให้ถามก็ตอบมาก่อนแล้ว "มันคือแว่นที่ใช้เชื่อมต่อกับ The Great Warrior Online นี่ซื้อรุ่น Limiter Edition ที่ดีที่สุดมาเลยนะ น่าจะได้สิทธิพิเศษอะไรบ้างล่ะ"

     

     

    เรย์นาบแว่นมาพลางพยักหน้ารับรู้ เธอมองแว่นอย่างพิจารณา "รออะไรอยูล่ะ ใส่เลยสิ" ไอรีนเร่ง ได้ยินแล้วเรย์นาก็หน้าเหวอ หันไปถาม "ตอนนี้เนี่ยนะ? กลับบ้านก่อนดีกว่า" เธอปฏิเสธทันควันแต่ก็ถูกไอรีนจ้องไม่วางตาจึงยอมใส่อย่างเสียไม่ได้

     

     

     

    เรย์นาเริ่มจะเกลียดทุกอย่างที่หมุนได้ขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่เข้าเกมมาเธอก็เห็นเพียงสีขาวแสบตา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเฮอร์ริเคนคือหมุนตลอดเวลาด้วยความเร็วที่น่าปวดหัว อาการเหล่านั้นค่อยๆทุเลาลงจนในที่สุดสายตาของเธอก็กลับมาเป็นปกติ เธออยู่ในที่ซึ่งมืดสนิทไม่เห็นแม้กระทั่งปลายผม ถูกดวงตาสีแดงหิวกระหายหลายสิบคู่จับจ้อง สิ่งแรกที่เธอทำคือตรวจดูว่ามีอาวุธอะไรติดตัวบ้างจึงพบว่ามีดาบคาตานะสองเล่มเหน็บที่เอว เรย์นาสามารถใช้อาวุธได้ทุกอย่างแม้กระทั่งอาวุธของยุคนี้ เพราะเมื่อคืนเธอหอบหนังสือที่เกี่ยวกับพิชัยสงครามและอาวุธไปอ่านจนจำได้ขึ้นใจ

     

     

                เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ยี่หระ ดวงตาสีแดงยังคงจับจ้องเธออยู่แต่ดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเรย์นาก้าวไปข้างหน้ามากเท่าไหน่เจ้าของนัยน์ตาหิวกระหายก็ยิ่งเพิ่มขึ้น เธอหรี่นัยน์ตานีมรกตลงตวัดไปรอบๆ บรรยากาศเงียบสงัดและมืดมิดทำให้เธอไม่ไว้ใจสถานที่นี้แบบสุดๆ ต่อให้ไม่มีพวกตาแดงจ้องก็ตามเธอสบถเป็นภาษาโบราณสองสามคำ ท่ามกลางความมืดมิดเธอรู้สึกได้ว่ามีสถานที่หนึ่งที่ต่างออกไป สัญชาตญาณบอกให้เธอมุ่งหน้าไปยังที่นั่ยซึ่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร

     

     

                เรย์นากระชับดาบไว้ในมือและออกวิ่ง เมื่อเห็นเหยื่อเคลื่อนไหว เจ้าของนัยน์ตาแดงเลือดก็วิ่งตาม 'จังหวะการวิ่ง....หมาป่าเหรอ แต่เสียงนี่มัน....โลหะ ยังไงกันนะ' เธอประเมินศัตรูจากสิ่งที่สัทผัสได้แม้ว่าจะมองไม่เห็นก็ตาม เธอเคยไปล่าสัตว์ตอนอยู่ที่จักรวรรดิ เธอคุ้นเคยกับสัตว์ต่างๆและจำลักษณะของพวกมันได้ ประสาทของเธอไวต่อการสัมผัสทำให้เรย์นาสามารถคาดเดาจากจังหวะการวิ่งได้ต่อให้มาเป็นฝูงก็เถอะ แต่เสียงตอนวิ่งเป็นเสียงโลหะกระทบกันแน่ ข้อนี้เธอมั่นใจ

     

     

     

                   ฝูงหมาป่าโลหะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกมันตามทันแน่ แค่จะเป็นเมื่อไหร่ก็เท่านั้น หนึ่งในพวกนั้นกระโจนเข้าหาเธอ เรย์นาต้องดาบรับเสียงโลหะกระทบกันดังเคร้ง! มันกระเด็นออกไปแต่ยังไม่ตาย สองขาของเรย์นายังคงก้าวไปข้างหน้า ส่วนมือทั้งสองคอยกันไม่ให้ฝูงหมาป่าทำอะไรได้ ใจหนึ่งเธออยากใช้เวทมนตร์จัดการกับพวกนี้ให้จบๆไป แต่ก็กลัวความแตก อย่างที่ไอรีนบอกสมัยนี้เวทมนตร์เป็นแค่ความเชื่องมงาย


     

     

                ทุกครั้งที่หมาป่าโลหะกระโจนเข้าใส่ เรย์นาเพียงตั้งดาบขึ้นรับหรือเบี่ยงตัวหลบเท่านั้นเพราะการฟันใช้ไม่ได้กับพวกนี้ แต่นั่นก็กันได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อตั้งหลักได้ก็จู่โจมอีกการต่อสู้ดำเนินเช่นนี้เรื่อยมาจนเรย์นาเริ่มทนไม่ไหว ทุกครั้งที่มันกระโจมเข้ามาพร้อมกันทีละสองหรือสามตัวจะฝากรอยแผลไว้เสมอ ดาบคาตานะเหมาะสำหรับการฟันหรือตัดเมื่อไม่สามารถใช้ฟันได้มันจึงเสียคุณสมบัติเฉพาะไป เธอตวัดดาบไปฟันหมาป่าโลหะที่กระโจนมาจากด้านข้างและเอาดาบอีกเล่มกันหมาป่าอีกตัวไว้ พวกมันตัวหนักกว่าที่เธอคิดแขนข้างที่ถือดาบข้างซึ่งใช้รับการโจมตีพลิก แต่นั่นกลับเป็นโชคดีของเรย์นาดาบพลิกจังหวะเดียวกับที่หมาป่าโลหะอ้าปากจะฝังเขี้ยวลงบนแขนของเธอจึงทำให้ปลายดาบแทงทะลุปากของมันส่งผลให้มันกลายเป็นแสงไป

     

     

     

               ช่วงเวลาที่มีแสงจากการสังหารเธอกวาดสายตามองไปรอบๆและหยุดที่หมาป่าตัวหนึ่ง มันตัวใหญ่ที่สุดในฝูง มีดวงตาเป็นประกายสีทองสลับแดงดุดัน นอกจากนี้ยังเป็นตัวที่เรย์นาเอาไว้ตั้งแต่แรกทันทีที่รู้ว่านักล่าในเงามืดคือหมาป่า ตอนนี้เธอรู้จุดอ่อนของพวกมันแล้วทางที่จะสังหารได้คือแทงดาบไปยังส่วนที่เป็นข้อต่อเช่นใต้คางหรือในปาก พร้อมกับที่เอะป้าหมายจากทิศทางที่มุ่งไปตอนแรกเป็นจ่าฝูงแทน

     

     

    เรย์นาฝ่าไปกลางฝูงหมาป่าโลหะอย่างบ้าคลั่งเพื่อประชิดจ่าฝูงทีี่อยู่ตรงกลาง เรย์นาตวัดดาบและแทงอย่างรวดเร็วจนเกิดประกายไฟ ใบดาบสั่นสะท้านจากแรงโจมตี เธอแทงเข้าที่ใต้คางของหมาป่าตัวหนึ่งและใช้ดาบอีกเล่มฟันหน้าของหมาป่าโลหะที่เข้ามาใกล้ ต่อให้ไม่ตายก็คงเจ็บพอดู

     

     

                หมาป่าโลหะแหวกออกโดยมีเรย์นายืนอยู่ตรงกลางแผ่จิตสังหารออกไป ตามตัวมีรอยกรงเล็บอยู่ประปรายแผลใหญ่ที่สุดคือรอยลากจากบ่ายาวมาถึงกลางหลังเสื้อที่ใส่อยู่ชุ่มไปด้วยเลือด เรย์นาเดินอย่างองอาจไปหยุดอยู่หน้าตัวจ่าฝูงและประกาศด้วยเสียงที่ชัดเจนไร้อาการเหนื่อยล้าจากการต่อสู้

     

     

                 "ข้าไม่ต้องการทำร้ายพวกเจ้า แต่หากพวกเจ้ายังต้องการจะสู้ข้าก็ไม่มีทางเลือก จงถอยไปซะ! ข้าต้องการเพียงอย่างเดียวคือให้หัวหน้าของเจ้าพาข้าไปยังที่ที่หนึ่งเท่านั้น!" เธอพูดโดยไม่มีอาการหวาดกลัวแม้แต่น้อย พวกหมาป่าส่งเสียงราวกับปรึกษากัน ผ่านไปสักพักตัวจ่าฝูงก็เดินออกมาจากกลุ่มแล้วหมอบลง เรย์นารู้ในทันทีว่าพวกมันยอมแล้ว เธอขึ้นไปขี่หลังของมันก่อนดีดนิ้วดังเป๊าะ! หมาป่าโลหะที่นอนเจ็บอยู่เริ่มมีอาการดีขึ้น มันเป็นหนึ่งในแขนงเวทมนตร์ที่เธอถนัด 

     

    ศาสตร์แห่งการรักษา

     

                 เมื่อมียานพาหนะระยะทางก็ใกล้นิดเดียวอีกทั้งนักล่าอื่นยังไม่กล้าเข้าใกล้ ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ เธอให้หมาป่าวิ่งไปตามทางที่เธอจับความรู้สึกได้ รอบข้างยังคงมืดสนิททำเอาเรย์นาหวั่นใจไม่น้อย แต่ก็เชื่อในสัญชาตญาณของตน และเธอก็คิดถูกหลังจากวิ่งมาได้ครึ่งทางเรย์นาก็เริ่มเห็นแสงสว่างเป็นจุดเล็กๆและใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอเข้าใกล้ จนในที่สุดเธอก็เห็นเต็มตา

     

     

     

                มันเป็นโดมสีขาวขนาดใหญ่มีแสงส่องประกายให้เธอเห็นรอบข้างลางๆ เรย์นาลงจากหลังหมาป่า ลูบหัวมันสองสามครั้งเหมือนที่เคยทำกับม้าหลังออกศึก หมาป่าตัวนี้มีมุมน่ารักกว่าที่เธอคิดมันถูหัวของมันกับมือของเรย์นาและวิ่งเข้าป่าไป มันเหมือนหมาป่า...ที่ควรตัดคำว่าป่าออก...ที่เชื่องมากตัวหนึ่ง เธอดินเข้าไปในโดมพร้อมกวาดสายตาหาสิ่งผิดปกติตลอดเวลา มีสิ่งผิดปกติจริงๆ ในตอนแรกชุดของเธอเป็นเสื้อยืดกางเกงขาสามส่วนเหมือนก่อนเข้าเกม หลังจากเดินเข้าโดมแห่งนี้มาได้สักพักมันก็เปลี่ยนไปเป็นชุดกรีกโบราณที่เธอใส่ตอนฟื้นในป่า ดาบคาตานะถูกเปลี่ยนเป็นธนูและมีดสั้น ทุกอย่างถูกเปลี่ยนเป็นชุดที่เธอชอบที่สุด ที่สำคัญแผลจากหมาป่าโลหะหายหมดแล้ว

     

     

    เรย์นาจับธนูในท่าเตรียมพร้อมตลอดเวลา หรี่ตาอย่างจับผิด เดินไปได้ประมาณสิบนาทีเธอก็เจอห้องๆหนึ่งที่แปะป้ายตรงประตูไว้ว่า 'ยินดีต้อนรับ' เธอผลักประตูเข้าไป ง้างคันธนูเล็งไปยังกลางห้อง เป้าหมายของเธอคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่หน้าซีดเผือดยกมือขึ้นในท่ามอบตัว เรย์นาถอนหายใจก่อนลดธนูลง

     

     

    "นายเป็นใคร" เรย์นาถามขึ้นไม่วายตวัดสายตามองอย่างหาเรื่องทำเอาชายที่หน้าซีดอยู่แล้วซีดลงไปอีก เขาตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ "ผมเป็นnpcที่ดูแลผู้เล่นเริ่มต้นครับ"

     

     

                 เรย์นาเก็บลูกธนูและสะพายคันธนูไว้ตามเดิม เธอเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงว่า แล้วไงล่ะ ชายคนนั้นมองเธออย่างชื่นชมแม้จะปนความหวาดกลัวด้วยก็เถอะ npcอย่างเขาสามารถจับตาดูผู้เล่นทุกคนที่เข้ามายังที่นี่ได้ แน่นอนเรย์นาก็ด้วย เขาครั่นคร้ามกับกลยุทธ์อันบ้าระห่ำของเจ้าหญิงนักรบคนนี้มาก ไม่เคยมีใครรอดจากหมาป่าโลหะได้มาก่อน แม้จะรอดมาได้แต่ก็ไม่มีทางมายังสถานที่แห่งนี้ได้เพราะที่นี่ห่างไกลจากจุดเกิดมากอีกทั้งตามทางยังมีกับดักอีกมากมาย มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้....แต่ก็เป็นไปแล้ว

     

     

                  เธอสามารถรับการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นคงแขนหักไปแล้วหมาป่าโลหะหนักร่วมร้อยกิโลไม่มีทางที่เด็กผู้หญิงอายุสิบหกจะใช้ดาบบางๆ อย่างดาบคาตานะรับการโจมตีได้ แต่ทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้กับเรย์นา นักรบสมัยก่อนคือนักรบผู้มากความสามารถ เธอเคยกวัดแกว่งดาบที่ยาวกว่าตัวเองในสนามรบมาแล้วนี่จึงไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย นอกจากนี้เธอยังสามารถสยบหมาป่าโลหะเหล่านั้นได้โดยไม่ฆ่าและนำมาใช้เป็นยานพาหนะ หมาป่าโลหะคือสัตว์ที่อันตรายที่สุดในพื้นที่แห่งนี้ทำให้ไม่มีสัตว์ตัวอื่นมาหาเรื่อง สัตว์ท้องถิ่นย่อมรู้สภาพแวดล้อมดีทั้งกับดักทั้งพื้นที่ต้องห้ามมันหลีกเลี่ยงได้ในขณะที่ผู้เล่นไม่ ที่น่าทึ่งที่สุดคือเรย์นาทำราวกับหมาป่าโลหะเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างไรอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งคือทำไมเรย์นาดีดนิ้วแล้วหมาป่าเหล่านั้นถึงหายจากบาดแผล

     

     

     

     

    "นี่! ถ้าจะพูดแล้วปลุกด้วยแล้วกัน" เรย์นาพูดอย่างเหลืออด หมอนี่จ้องเธอมาจะสิบนาทีอยู่แล้ว ชายหนุ่มสะดุ้งหันมาทำหน้าเหลอหลาในขณะที่เธอกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย

     

     

     

    "อ๊ะ ขอโทษครับ" เขาพูดขึ้น ก่อนสังเกตุเห็นชุดของเธอและถามออกไป "คุณผู้เล่นชอบใส่ชุดนี้เหรอครับ เป็นชุดที่แปลกดีนะครับ"

     

     

     

    เรย์นามุ่นหัวคิ้วเอียงคออย่างไม่เข้าใจ ชายหนุ่มจึงอธิบาย "โดมนี้ออกแบบให้รักษาบาดแผลอัตโนมัติและเปลี่ยนชุดจากตอนเข้าเกมเป็นชุดที่ผู้เล่นชอบใส่ครับ"

     

     

     

    เธอยักไหล่ไม่ตอบคำถามเพราะก็รู้อยู่แล้วจะตอบทำไม npcเห็นว่าเด็กสาวไม่คิดจะตอบก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงโบกมือและจอโฮโลแกรมก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าเรย์นาและชายหนุ่ม

     

     

    "คุณต้องการใช้ชื่อในเกมว่าอะไรครับ"

     

     

    "เรย์...เรย์นา"

     

     

    "เรย์นานะครับ ชื่อนี้สามารถใช้ได้"

     

     

    "ต้องการปรับเปลี่ยนหน้าตามั้ยครับ"

     

     

    "สวยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว จะเปลี่ยนทำไม" เรย์นาพูดลอยๆ ชายหนุ่มขำเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรเพราะผู้เล่นคนนี้ก็สวยจริงๆ สวยในแบบที่คนสมัยนี้ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่แล้วคนยุคนี้จะสวยแบบอ่อนหวานแต่กับเรย์นา เธอสวยแบบปราดเปรียว ดูฉลาดเจ้าเล่ห์ มีเสน่ห์

     

     

    "ชุดผู้เล่นเริ่มต้นต้องการเปลี่ยนมั้ยครับ"

     

     

    "ไม่เปลี่ยน"

     

     

    "ครับ กรอกข้อมูลครบหมดแล้ว คุณผู้เล่นมีข้อสงสัยอะไรมั้ยครับ"

     

     

    "มี ผู้เล่นต้องเจอแบบฉันทุกคนเลยรึเปล่า"

     

     

    "ไม่ทุกคนครับ เฉพาะผู้เล่นที่ซื้อรุ่น Limited Edition ตอนนี้เราจะยกเลิกรายการนี้แล้วเพราะเราต้องการผู้ที่เข้ามาถึงที่นี่ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น"

     

     

    "ก่อนหน้าฉันมีใครโดนแบบนี้แล้วบ้าง"

     

     

    "มีใครนี่ผมก็ไม่ทราบ แต่ถ้ากี่คนผมทราบครับ ประมาณพันคน"

     

     

    "พันคนไม่รอดสักคนเนี่ยนะ เหอะ! ตลกน่า แล้วคนที่ซื้อเครื่องเล่นแบบธรรมดาล่ะ"

     

     

    "ผู้เล่นที่ซื้อเครื่องแบบธรรมดาจะถูกส่งมาที่ห้องผู้เล่นเริ่มต้นทันทีครับ"

     

     

    "หา! แล้วLimited Editionมันมีอะไรดีเนี่ย"

     

     

    "ผู้เล่นที่ซื้อเมื่อสามารถมาถึงโดมนี้ได้แบบคุณจะสามารถเลือกชุดได้ตามใจชอบครับ เหมือนที่คุณใส่อยู่ตอนนี้แต่ผู้เล่นที่ซื้อแบบธรรมดาจะสวมเสื้อผู้เล่นเริ่มต้นเหมือนกันหมด และผู้เล่นที่ซื้อรุ่นพิเศษจะได้สิทธิไปพื้นที่พิเศษตอนเกิด ในขณะที่ผู้เล่นธรรมดาจะถูกส่งไปที่เดียวกันครับ"

     

     

    "อ้อ อย่างน้อยก็มีข้อดี"

     

     

    "ครับ ผมจะอธิบายเรื่องข้อมูลสัตว์อสูร...."

     

     

    "ไม่ต้อง ฉันอ่านหมดแล้ว" เรย์นาขัด นึกทบทวนสิ่งที่ต้องรู้ เมื่อไม่เห็นว่าขาดเรื่องอะไรก็พูดขึ้น "ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ส่งฉันเข้าเกมเลย"

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    ** รายละเอียด **

     

    สัตว์อสูรถูกแบ่งเป็น 7 ชนชั้น ชาวบ้าน ทหาร ขุนนาง อัศวิน กษัตริย์ จักรพรรดิ เทพเจ้า

     

    แต่ละชนชั้นถูกแบ่งเป็น 5 คลาส คลาสละ 200 ระดับ

     

    ผู้เล่นจะมี 6 ชนชั้น ชาวบ้าน ทหาร ขุนนาง อัศวิน กษัตริย์ จักรพรรดิ

     

    แต่ละชนชั้นถูกแบ่งเป็น 5 คลาส คลาสละ 200 ระดับเช่นเดียวกับสัตว์อสูร

     

    เผ่าพันธุ์ สามารถเปลี่ยนได้โดยการพบกับผู้นำเผ่าพันธุ์ของสัตว์อสูร หรือได้รับการยอมรับจากชนชั้นสูงของเผ่าพันธุ์ โดยชนชั้นที่สามารถยอมรับผู้เล่นเป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันได้นั้นคือ ชนชั้นสูงสุดของอาณาจักรลบด้วย 2 ชน

     

    - เทพเจ้า ------ กษัตริย์

    - จักรพรรดิ ----- อัศวิน

    - กษัตริย์ ----- ขุนนาง

     

    แต่ละอาณาจักรจะมีชนชั้นสูงสุดในเผ่าพันธุ์ไม่เหมือนกัน

     

    • อาณาจักรขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ ชนชั้นสูงสุดคือ กษัตริย์

     

    • จักรวรรดิ ชนชั้นสูงสุดคือ จักรพรรดิ

     

    • พื้นที่พิเศษ ชนชั้นสูงสุดคือ เทพเจ้า หลักๆมี 3 แห่ง

     

    1.นภา – ซุส / จูปิเตอร์

     

    2.มหาสมุทร  – โพไซดอน / เนปจูน

     

    3.นรก – เฮดีส / พลูโต

     

     


    ตอนเดียวมีเกือบสองหมื่นตัวอักษร รีไรท์กันตาเหลือกแน่ค่ะ5555

    ย้อนมาอ่านแล้วรู้สึกว่ามีหลายชื่อไปจะงงเปล่าๆ เลยรวบชื่อฮันนาให้เป็นเรย์นาให้หมดเลย เดี๋ยวจะทยอยแก้ ถ้าเจอคำว่าฮันนาก็ไม่ต้องงงนะคะ

     

    ปล.เดี๋ยวต้องหั่นตอนด้วย รู้สึกว่าจะยาวเว่อวังมาก พรูฟรี้ดตอนนึงนี่จะตายเอาค่ะ555

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×