ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAGA of HEZELHYLME

    ลำดับตอนที่ #2 : มนตราที่1 :: ภารกิจสุดท้าย

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 58


    มนตราที่ 1

     

    ภารกิจสุดท้าย

     

     

    แสงแดดยามเช้าปลุกหญิงสาวให้ออกจากห้วงความฝันเปลือกตาของเธอขยับเล็กน้อยก่อนลืมขึ้น ดวงตาสีเพลิงคู่สวยมองไปทั่วห้องอย่างเคยชินเส้นผมสีดำแซมแดงขยับตามเจ้าของที่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง เธอลุกขึ้นมาจัดการธุระส่วนตัวก่อนลงมาทานอาหารยังชั้นล่างของคฤหาสน์ น่าใจหายที่คฤหาสน์ใหญ่โตนี้กลับมีเพียงเธอกับหุ่นยนต์แม่บ้านอีกหนึ่งตัว แน่นอนว่าจานอาหารที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นนี้ก็มาจากหุ่นยนต์ตัวดังกล่าว

     

    "พ่อกับแม่อยู่ที่ไหนเหรอ" ซินเธียถามขึ้นลอยๆ กับหุ่นยนต์ที่กำลังยืนรอจานเพื่อเอาไปล้าง

     

    "..." ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา หุ่นยนต์ไม่ได้พูดอะไรซึ่งเธอก็หวังให้เป็นอย่างนั้น ไม่เช่นนั้นเธอคงขวัญผวาว่าอาจมีพลังงานบางอย่างนึกพิศวาสอยากอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเธอ

     

    เคยมีคนถามเธอว่าถ้าเกิดมีผีอยู่ในบ้านจะทำอย่างไร เธอซึ่งในตอนนั้นอยู่ในวัยเพียงสิบสามตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า

     

    "บ้านนี้ตระกูลเราสร้างมาด้วยความยากลำบากถ้าจะมีใครต้องย้ายออกไปก็ควรเป็นผีไม่ใช่เรา"

     

    มาถึงตอนนี้ซินเธียเองก็นึกแปลกใจว่าเธอเอาความตั้งใจอันแรงกล้านั่นมาจากไหนกัน รูปลักษณ์ภายนอกของเธอที่เจริญเติบโตช้ากว่าเพื่อนวัยเดียวกัน และท่าทางของเธอที่ออกจะรักอิสระมากกว่ารักสวยรักงามทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเธออายุเพียงสิบห้าปีทั้งที่ปีนี้เธอก็อายุย่างเข้าสิบเจ็ดแล้ว พูดกันตามตรงว่าซินเธียออกจะขัดใจแต่ก็ไม่เคยแสดงปฏิกิริยาอะไรออกมา

     

     

    เช่นเดียวกับทุกวัน มีจดหมายพิมพ์ทองสลักตราอย่างสวยงามถูกนำมาให้เธอ แม้จะสวยงามเพียงใดแต่คนรับกลับไม่ต้องการเลยสักนิด ตระกูลเฮเซลไฮม์ เป็นตระกูลมืดดังนั้นจดหมายที่ส่งมานั้นย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่าประทับใจเท่าไหร่และเมื่ออ่านข้อความในจดหมายหญิงสาวก็คิดว่าการคาดการณ์ของเธอนั้นช่างแม่นยำ

     

    ถึงคุณซินเธีย ฟรอน เฮเซลไฮม์

     

    จากรัฐบาลกลางมหาอาณาจักรฟราเชียน

    ภารกิจสุดท้ายของคุณคือติดตั้งฟรีดส์*ที่ห้องประชุมใหญ่ขององค์กรลับที่สามและสังหารประธานองค์กรลับที่หนึ่ง ตำแหน่งที่เหมาะสมคืออัสดงของตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บรรจบกัน ของที่จำเป็นจะถูกส่งไปในอีกห้านาทีหลังจากนี้ ขอให้มีความสุขกับชีวิตหลังจากนี้

     

    จดหมายนี้จะทำลายตัวเองเมื่ออ่านจบ

     

    (*ฟรีดส์ - อุปกรณ์สำหรับบันทึกภาพและเสียงเพื่อสร้างเหตุการณ์จำลองให้กับปลายทาง)

     

    เป็นอย่างที่เนื้อความกล่าวไว้เมื่อเธออ่านจบจดหมายก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากมือ คำที่เธอค้างคาใจที่สุดคือคำว่าภารกิจสุดท้าย การปลดประจำการ Massacre Machine หรือหน่วยเครื่องจักรสังหารที่เธอเป็นเป็นนั้นจะปลดประจำการก็ต่อเมื่อสภาพร่างกายไม่สามารถปฏิบัติภารกิจได้อีก ซึ่งซินเธียถือเป็นบุคคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและความแข็งแรงเต็มเปี่ยม ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ละความสนใจจากสิ่งที่เธอคิดเพื่อเตรียมปฏิบัติหน้าที่

     

    ประตูสีเงินบานยักษ์ที่ถูกสลักอย่างสวยงามตั้งตระหง่านอยู่ด้านหน้าให้ความรู้สึกมั่นคงราวกับจะไม่มีใครสามารถทำอะไรมันได้ แต่เมื่อซินเธียสัมผัสกับประตูโดยไม่ได้ออกแรงใดๆ มันก็เปิดออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นอุปกรณ์ราคาสูงลิ่ว เอนจินซิสเต็มหรือที่เรียกง่ายๆ ว่าคอมอัจฉริยะที่ใช้กันเฉพาะชนชั้นสูงเนื่องจากราคาที่สูงจนขูดเลือดขูดเนื้อคนทั่วไป ถูกเรียงล้อมรอบโต๊ะไม้หายากที่ถูกประดิษฐ์อย่างสวยงาม

     

     

    ซินเธียนั่งลงและลงมือคีย์ข้อมูลอย่างชำนาญเพื่อแฮ็กระบบหาตำแหน่งที่ตั้งของสถานที่ประชุมองค์กรลับที่สามและสถานที่พักผ่อนประธานองค์กรลับที่หนึ่ง เมื่อได้ข้อมูลที่ต้องการแล้วเธอจึงล้างข้อมูลทั้งหมดอย่างที่ทำทุกครั้งบันทึกทุกอย่างลงในสมองเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล และลงมือเช็คประสิทธิภาพของฟรีดส์ที่ได้รับจากสภากลางทันทีการติดตั้ง ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคุณภาพดีสมกับราคาจริงๆ

     

     

    คติประจำตระกูลเฮเซลไฮม์คือต้องทำได้ทุกอย่าง แน่นอนว่าทายาทอย่างเธอก็ต้องปฏิบัติตามนั้นอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตระกูลระดับหัวกะทิอย่างเฮเซลไฮม์จำเป็นต้องมีความสามารถในทุกด้านเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงเป้าหมาย ซินเธียแต่งตัวด้วยเสื้อยืดแขนยาวและกางเกงขายาวสีดำ ใส่หน้ากากสีดำเพื่อปกปิดใบหน้า ถุงมือเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือและแว่นตาแบบพิเศษเพื่อป้องกันการตรวจจับม่านตา ทั้งหมดนี้จะเรียกว่าเครื่องแบบประจำองค์กรก็ไม่ผิดเท่าไหร่นัก

     

     

    รถกันกระสุนสีดำขับมาเทียบหน้าคฤหาสน์ตระกูลเป็นเวลาเดียวกับที่หญิงสาวเจ้าของบ้านเดินตรงดิ่งมาขึ้นรถอย่างรู้หน้าที่ ประตูรถเปิดโดยอัตโนมัติเชิญเธอเข้าไปนั่งเบาะหลัง ชายในชุดสูทซึ่งนั่งข้างคนขับส่งแผ่นการ์ดเล็กๆ มาให้เธอสามแผ่น มันคือฟิลเตอร์* หนึ่งในอุปกรณ์สำคัญสำหรับงานนี้ เธอรับมันมาและเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ ไม่นานรถสีดำคันหรูก็จอดในที่ลับตาคนใกล้กับบริเวณที่เป้าหมายใช้สำหรับจัดการประชุม และเมื่อเธอลงมาคนขับก็ออกรถทันที

     

    (*ฟิลเตอร์ อุปกรณ์สำหรับสร้างภาพจำลองตามที่ได้โปรแกรมไว้)

     

    ซินเธียเดินไปตามเส้นทางที่มีระบบรักษาความปลอดภัยหละหลวมที่สุดซึ่งเป็นทางใต้ดิน ทางเดินทอดยาวไปประมาณสามร้อยเมตรก่อนถึงห้องโถงที่ใช้สำหรับขึ้นไปยังชั้นบน ซินเธียซุ่มยิงกระสุนยาสลบไปยังหัวหน้าการ์ดที่สามารถสังเกตได้จากอาวุธที่ครบมือมากกว่าการ์ดคนอื่น

     

    ฟุ่บ!

     

    กระสุนยาสลบปักเข้าที่คอของหัวหน้าการ์ดอย่างแม่นยำเมื่อหัวหน้าโดนสอยก่อนใครเพื่อน เหล่าลูกน้องก็ขาดความมั่นใจในการตัดสินใจความเป็นระบบระเบียบที่เคยฝึกเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันนั้นถูกโยนทิ้งไปหมดเหลือเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น

     

    ซินเธียขว้างเข็มอาบยาสลบไปพร้อมกับที่การ์ดร่างยักษ์อีกสามคนร่วงลงไปนอนกับพื้น การ์ดที่มีสติดีที่สุดเอื้อมมือเพื่อไปกดออดเตือนภัยแต่เธอที่ไวกว่าเพียงสะบัดมือเล็กน้อยมีดสั้นก็เสียบทะลุมือชายผู้โชคร้ายตรึงไว้กับกำแพง เสียงเพื่อนร่วมงานร้องอย่างโหยหวนทำให้การ์ดอีกคนที่ยังปลอดภัยเลือดขึ้นหน้ากระโจนไปหยิบปืนที่วางไว้เพื่อมาจัดการกับผู้บุกรุก

     

    ซินเธียที่เห็นท่าไม่ดีจึงจัดการสาดกาวชนิดที่ไม่มีใครอยากทดลองความเหนียวไปที่ปืนเหล่านั้น การ์ดสบถอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อใช้ปืนไม่ได้เขาจึงเลือกที่จะใช้มือเปล่า กำปั้นลุ่นๆ ตรงมาที่ใบหน้าอ่อนกว่าวัย แต่ด้วยประสบการณ์ที่เต็มเปี่ยมเธอเพียงขยับรอยยิ้มยียวน เบี่ยงตัวหลบหมัดก่อนจะคว้าข้อมือและสับเข้าที่ข้อพับแขน เพียงใช้ทริคเล็กน้อยร่างไซส์ยักษ์ของการ์ดก็ตีลังกาข้ามหัวเธอนอนแผ่อย่างหมดสภาพอยู่ที่พื้น เมื่อการ์ดกลุ่มนี้ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมต่อสู่ซินเธียจึงจัดการรมยาสลบทั้งห้องใต้ดินก่อนจะหยิบหน้ากากกันแก๊สมาสวมให้ตัวเองและปีนขึ้นมายังชั้นที่หนึ่ง

     

    จากแปลนที่ได้มานั้นห้องประชุมอยู่ชั้นที่สองซึ่งมีระบบการป้องกันหนาแน่นที่สุดซินเธียจึงต้องปรับแผนเล็กน้อย ในตอนแรกที่กะว่าจะแอบเข้าไปแต่ดูแล้วมีโอกาสที่จะภารกิจล้มเหลวจึงเปลี่ยนเป็นไปแทรกแซงการทำงานของระบบแทน ซินเธียใช้แว่นที่มีคุณสมบัติไม่ต่างจากเอนจินซิสเต็มเพื่อส่งไวรัสไปป่วนกระบวนการทำงานของระบบภายในห้องประชุม ไม่นานระบบภายในห้องประชุมถูกแทรกแซงอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสถานการณ์บังคับซึ่งบีบให้การ์ดที่ทำหน้าที่ตรวจตราความเรียบร้อยภายในห้องจำเป็นต้องเรียกวิศวกรเฉพาะด้านมา

     

     

    การตัดสินใจของการ์ดที่เป็นไปตามแผนช่วยลดภาระได้มาก เธอดักรออยู่ที่จุดอับของทางที่ต้องผ่านเพื่อไปยังห้องประชุม เมื่อวิศวกรเดินมางถึงจุดที่เธอซ่อนอยู่ซินเธียก็ปิดปากและลากเข้ามายังตำแหน่งที่เธอซ่อนอยู่พร้อมทั้งฉีดยาสลบ วิศวกรคนดังกล่าวถูกทิ้งไว้ที่นั่นยาสลบที่ซินเธียฉีดนั้นเป็นยาสลบขั้นรุนแรงที่มีผลข้างเคียงคือการเสียความทรงจำชั่วขณะไป ซินเธียที่ปลอมมาอยู่ในชุดวิศวกรถือกระเป๋าเครื่องมือเดินตรงไปยังห้องประชุมทันที

     

    วิศวกรเอนจินซิสเต็มสินะ ระบบมีปัญหาทุกตัว หน้าที่ของแกคือทำให้มันปกติก่อนที่ฉันจะกลับมาการ์ดประจำห้องประชุมพูดขึ้นอย่างหงุดหงิดและเดินออกไปจากห้อง

     

     

    ซินเธียล็อคประตูและติดฟิลเตอร์ทั้งสามตัวที่กล้องตรวจจับก่อนลงมือควบคุมฟิลเตอร์ เธอลบเหตุการณ์ตั้งแต่ที่เธอล็อคประตูไปจนถึงปัจจุบันและแทนที่ด้วยภาพวิศวกรเอนจินที่กำลังแก้ไขระบบ เพื่อความแนบเนียนอย่างเสมอต้นเสมอปลายหญิงสาวจึงเซ็ตอัพระบบให้แสดงภาพว่าเธอกำลังเก็บกระเป๋าเครื่องมือในช่วงสามวินาทีที่ซินเธียต้องใช้สำหรับเก็บฟิลเตอร์

     

    หลังจากจัดการกับตัวปัญหาทั้งสามเสร็จเธอจึงเริ่มติดตั้งฟรีดส์ทันที การระบุตำแหน่งปลายทางและขอบเขตการสืบข้อมูลนั้นกินเวลาพอสมควรซินเธียเคาะนิ้วกับพื้นอย่างร้อนใจ การติดตั้งดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงรองเท้าของการ์ดที่กำลังใกล้เข้ามา

     

    การติดตั้งเสร็จสิ้น

     

    ซินเธียยกเลิกการแทรกแซงระบบภายในและถอดฟิลเตอร์ออก เธอเปิดประตูออกไปพร้อมกับที่การ์ดเดินเข้ามา ระบบที่ถูกแก้ไขให้ปกติทำให้การ์ดไม่ได้เอะใจสงสัยอะไรซินเธียก้มหัวเล็กน้อยเป็นการบอกลาและเดินออกมาทันที ขั้นตอนทั้งหมดตั้งแต่ที่เธอจัดการกับการ์ดชั้นใต้ดินจนถึงตอนนี้นั้นใช้เวลาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้นจึงไม่แปลกที่แม้ว่าจะมีผู้บุกรุกมาถึงขนาดนี้แต่กลับไม่มีใครรู้ตัว เมื่อซินเธียกลับออกมาจากตึกที่องค์กรลับที่สามใช้ประชุมก็พบว่ารถกันกระสุนคันเดิมนั้นจอดรออยู่เรียบร้อยแล้ว

     

    ยังงทำงานได้เงียบเชียบเหมือนเดิมเลยนะ พวกการ์ดด้านล่างทางเราส่งหน่วยเก็บกวาดมาจัดการหมดแล้ว ส่วนภารกิจที่สอง อุปกรณ์ที่ต้องใช้อยู่บนดาดฟ้า ยื่นการ์ดยืนยันภารกิจได้เลบได้เลย ตึกนั้นเป็นพื้นที่ของเราชายคนเดียวกับที่ส่งฟิลเตอร์ให้ซินเธียพูดขึ้น เธอเพียงยิ้มรับคำชมเล็กน้อยก่อนตอบรับเบาๆ

     

     

     

    ตำแหน่งที่เหมาะสมคืออัสดงของตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บรรจบกัน นี่คือรหัสที่ใช้สำหรับระบุตำแหน่ง ถ้าแปลตรงตัวแล้วถ้อยคำนี้จะไม่มีความหมายอะไรแต่ถ้าแปลจากความรู้สึกแล้วจะได้ว่าทิศใต้เป็นคำตอบ ตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์บรรจบกันหมายถึงทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ส่วนคำว่าอัสดงนั้นแทนความมืดมิด โดยส่วนใหญ่แล้วหากพูดถึงความมืดมิดจะนึกถึงพื้นดินมากกว่าท้องฟ้า ดังนั้นวลีนี้จึงใช้แทนทิศใต้ของเป้าหมายนั่นเอง

     

     

    ซินเธียตรงดิ่งไปที่ตึกนั้นทันที ภารกิจครั้งนี้ง่ายกว่าครั้งไหนๆ ทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วส่วนที่ยากคงจะมีเพียงส่วนเดียวคือการคำนวณพลังงานที่ใช้สำหรับการเหนี่ยวไกปืนและส่วนนี้เองที่ทำให้เธอเป็นผู้รับผิดชอบภารกิจนี้

     

    ปืนรุ่น SK793 เป็นปืนพิเศษที่ใช้ในการส่งคลื่นความถี่ไปทำลายระบบประสาทของเป้าหมาย อาการเริ่มแรกคือชักเนื่องจากการปั่นป่วนของระบบในร่างกาย ทำให้สมองลืมแม้กระทั่งวิธีการหายใจและถัดมาคือทำลายระบบอัตโนมัติของร่างกายเป็นเหตุให้หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตในที่สุด

     

     การใช้ปืน SK793 นั้นเป็นทางเลือกเดียวในการลอบสังหารอย่างหมดจด เป็นอุปกรณ์สังหารที่ลบร่องรอยชนิดที่ว่าเป้าหมายไม่รู้ว่าถูกโจมตีด้วยซ้ำ กลไกการทำงานของมันถูกจัดว่าอันตรายที่สุดทั้งต่อผู้ใช้และเป้าหายในหมู่ปืนด้วยกันเอง ที่ว่าอันตรายต่อผู้ใช้เพราะหากไม่คำนวณพลังงานให้พอดีกับระยะทางแล้วปืนจะสะท้อนกลับมาเล่นงานตัวผู้ใช้เองซึ่งคนที่สามารถคำนวณพลังงานได้อย่างแม่นยำถือว่ามีน้อยมากและซินเธียก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนั้น เป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากทีเดียว

     

     

    เป็นอย่างที่ชายชุดสูทว่า เพียงยื่นบัตรประจำองค์กรเหล่าผู้รักษาความปลอดภัยในแต่ละจุดก็ทำความเคารพและเปิดทางให้จนไปถึงดาดฟ้า SK793 ถูกวางไว้ในตำแหน่งเพื่อลอบสังหาร ซินเธียเชื่อมต่อแผ่นปฏิบัติการของปืนเข้ากับเอนจินซิสเต็มที่ถูกเตรียมไว้ด้วยกันและเริ่มตั้งค่าพลังงานทันที สำหรับคนอื่นแล้วการคำนวณพลังงานอาจเป็นสิ่งที่ยากมากแต่กับซินเธียที่ถูกฝึกด้านนี้มาตั้งแต่เด็กนั้นการตั้งค่าระบบจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นเท่าไหร่นัก หญิงสาวใช้เวลาไม่นานปืน SK793 ก็พร้อมสำหรับภารกิจ

     

     

    ประธานองค์กรลับที่หนึ่งหรือหรือที่เรียกกันว่าองค์กรอาชญากรที่หนึ่งกำลังหลับอย่างสบายใจโดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดกับตัวเองในอีกไม่กี่วินาทีถัดมา รอบๆ ห้องมีการ์ดรักษาความปลอดภัยคอยอารักขา ซินเธียคีย์ตำแหน่งและเล็งเป้าหมายอย่างใจเย็น ทันทีที่เธอเหนี่ยวไกอาการผิดปกติก็เริ่มเกิดขึ้นกับชายร่างท้วมที่กำลังนอนอยู่บนเตียง

     

    ประธานกลุ่มอาชญากรบีบคอตัวเองอย่างทรมาน ใบหน้าเหยเกแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ซินเธียเบือนหน้าหนีจากภาพนั้น เป็นอีกครั้งที่เธอต้องท่องกับตัวเองว่า 'นี่ไม่ใช่ครั้งแรก' ซินเธียหลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิก่อนจะเก็บปืนและเอนจินซิสเต็มลงในกระเป๋าเครื่องมือ

     

     

    ไม่ว่าจะครั้งไหน ทุกครั้งที่มีภารกิจสังหารซินเธียมักเกิดอาการลำบากใจและเบือนหน้าหนีสิ่งที่เกิดขึ้นกับเป้าหมายมาโดยตลอด นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เธอแปลกแยกแม้จะอยู่ในองค์กรก็ตาม ตระกูลของเธอมีอำนาจสูงที่สุดแต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ต้องทำภารกิจเก็บกวาดอาชญากร คนในตระกูลของเธอก็ทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบมาโดยตลอด แน่นอนว่าซินเธียก็ด้วย แต่ที่ว่าแปลกแยกนั้นเพราะทุกคนที่เกิดในตระกูลเฮเซลไฮม์จะไร้อารมณ์ความรู้สึก

     

    การตัดสินใจที่เย็นชาและการลงมือที่ไร้ที่ติทำให้ตระกูลของเธอคู่ควรกับฉายาเครื่องจักรสังหารที่สุด มีเพียงซินเธียเท่านั้นที่มีอารมณ์ความรู้สึกใกล้เคียงกับคนทั่วไปเธอ อาจเป็นข้อดีของคนทั่วไป แต่สำหรับคนในโลกมืดแล้ว บางทีการไร้ความรู้สึกอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็ได้

     

    เสียงนาฬิกาบ่งบอกเวลาเที่ยงคืนที่ดังทั่วเมืองทำให้เธออดที่จะรู้สึกเบื่อหน่ายกับวิถีชีวิตตัวเองไม่ได้ ทำไมต้องได้ภารกิจอย่างนี้ต้อนรับวันเกิดด้วยนะ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนใจอย่างปลงตก ว่ากันตามตรงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร รถคันเดิมจอดเทียบประตูคฤหาสน์ส่งทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลแห่งโลกมืด เธอโค้งศีรษะขอบคุณคนขับก่อนเดินอาดๆ เข้ามายังบ้านของตน

     

    กลับมาแล้วเหรอ ยังทำงานได้ไร้ที่ติเหมือนเดิมเลยนะ ร่างชายชราที่กำลังยกชาขึ้นจิบนั่นสร้างความงงงวยให้หญิงสาวเจ้าของบ้านไม่น้อย ท่านมาได้ยังไงคะ

     

    อะไรกัน นี่อย่าบอกนะว่าลืมไปแล้ว ผู้อาวุโสเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มๆ สร้างความฉงนให้กับซินเธียยิ่งขึ้น แต่เพียงพริบตาเดียวหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสองสีก็เบิกตากว้าง จริงด้วย ถึงเวลาแล้วนี่..

     

    ท่าทีตกอกตกใจของบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเฮเซลไฮม์เรียกรอยยิ้มขบขันจากคนอายุมากกว่าได้ไม่ยาก การที่คุณหนูจากตระกูลที่ครอบครองฉายาไร้อารฒณ์ความรู้สึกจะมีปฏิกิริยามากกว่าการเอียงคอสงสัยนั้นจัดว่าหายากเลยทีเดียว

     

    เธอเองก็อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว คงจะถึงเวลาที่ต้องกลับไปเสียที ซินเธียยิ้มบางๆ รับคำพูดของชายที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าสายงาน นั่นสินะคะ

     

    ร่างของเธอเริ่มโปร่งแสงทีละน้อย เวลาที่เธอพูดถึงได้เริ่มนับถอยหลังแล้ว นัยน์ตาสีทับทิมหลุบลงก่อนจะพูดคำบางคำออกมา เป็นคำพูดธรรมดาที่ชายสูงวัยไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ยินจากปากคนในตระกูลนี้

     

    เราจะได้พบกันอีกมั้ยคะ

     

    ดวงตาที่มองมาอย่างไม่สามารถคาดเดาอารมณืทำให้เขาชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงของคนที่ผ่านโลกมามาก

     

    ตามแต่โชคชะตาจะลิขิต







    BABY ♥ THEME
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×