ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SAGA of HEZELHYLME

    ลำดับตอนที่ #1 : Prologue of Chronicle

    • อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 59






    Prologue

     

     

    เหตุการณ์ว่าด้วยความเป็นไปของมหาอาณาจักรฟราเชียน

     

     

                ห้องเรียนคณะกายวิภาคศาสตร์หนึ่งในคณะลึกลับลึกลับที่สุดของมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งแห่งเมืองฟราเชียน มีเด็กสาวที่ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่มีทางอายุเท่านักศึกษาทั่วไปนั่งหน้าตายอยู่ท่ามกลางเหล่านักศึกษาชายหญิงที่หยอกเย้ากันไปมาข้ามหัวโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเธอนั่งอยู่ตรงนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในห้องแต่เธอก็ไม่ได้สนใจ ไม่ว่าอยู่ข้างนอกเธอจะเป็นอะไรแต่สำหรับห้องนี้เธอคือ'ส่วนเกิน'ที่ไม่มีใครยอมรับ โดยให้เหตุผลว่า "เราไม่อยากได้เด็กเมื่อวานซืนที่แม้แต่สีผมยังไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องเขามาเรียนในห้อง" แม้ว่า 'เด็กเมื่อวานซืน' คนนั้นจะได้คะแนนท็อปทุกครั้งโดยที่คะแนนต่างกับที่สองอย่างลิบลับ และ 'เด็กเมื่อวานซืน' ที่ว่าคือ 'เธอ' นั่นเอง

     

     

                คณะกายวิภาคศาสตร์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นคณะลึกลับเพราะการปรากฏตัวที่แปลกประหลาดของอาจารย์ ไม่มีนักศึกษาคนไหนเคยเห็นหน้าอาจารย์ ทุกครั้งที่มีการเรียนการสอนปะรำที่อาจารย์ใช้สอนนั้นจะอยู่ด้านหน้าสุดของคลาสเช่นเดียวกับคณะอื่นแต่ที่ว่าประหลาดคือด้านหน้าปะรำจะมีผ้ามากั้นเอาไว้ ประตูทางเข้าของนักเรียนและอาจารย์ถูกแยกกันหรืออธิบายง่ายๆ คือแยกห้องกันนั่นเองแต่แทนที่จะเป็นผนังกั้นระหว่างห้องกลับเป็นกระจกที่กั้นเอาไว้ เคยมีนักศึกษายืนดักอาจารย์ที่หน้าประตูแต่เมื่อหมดคาบเรียนกลับไม่มีใครออกมา เปิดประตูเข้าไปก็พบเพียงความว่างเปล่าเท่านั้นจนในที่สุดเหล่านักเรียนนักศึกษาก็เลิกสนใจชีวประวัติของอาจารย์ประจำคณะในที่สุด

     

     

                วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่มีการเรียนการสอนตามปกติ อีกวันที่เด็กสาวแยกตัวจากนักศึกษาคนอื่น และอีกวันที่เธอโดนแกล้งจากเพื่อนร่วมห้อง 'ซินเธีย' เดินไปที่โรงอาหารยามพักกลางวันเช่นทุกครั้งนาฬิกาข้อมือฉายภาพโฮโลแกรมแสดงถึงตารางที่เธอต้องทำในวันนี้แต่เมื่อเธอนั่งลงที่โต๊ะอาหารความสงบสุขก็หายไป แก้วน้ำร้อนถูกกระแทกลงตรงหน้าเธอพร้อมกับน้ำร้อนที่กระเด็นมาลวก ดวงตาสีแดงเบิกขึ้นเล็กน้อยก่อนเจ้าของดวงตาคู่สวยจะเงยหน้าขึ้นประชันกับผู้มาใหม่

     

    "ตายจริง! เป็นอะไรไหมจ๊ะพอดีฉันไม่ทันสังเกตว่ามีคนนั่งอยู่ตรงนี้" เสียงนักศึกษาสาวสวยดีกรีดาวคณะดังขึ้นแสดงความห่วงใยทั้งที่น้ำเสียงนั้นบ่งบอกถึงความสะใจได้เป็นอย่างดี

     

    "ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจดีว่าเมื่ออายุมากขึ้นจอประสาทตาย่อมมีการเสื่อมเป็นธรรมดา ก็เราเรียนคณะกายวิภาคศาสตร์ด้วยกันนี่นะ ฉันไม่ถือหรอก" ซินเธียฉีกยิ้มอย่างสวยงามก่อนตอบอย่างเป็นกันเองทั้งที่ใจจริงแทบจะยกน้ำซุปราดหัวให้รู้แล้วรู้รอด

     

                ดาวคณะที่ถูกตราหน้าว่า แก่ กำมือแน่นด้วยความโกรธแต่เมื่อมองไปยังแก้วน้ำเจ้าปัญหาเธอก็ยิ้มอย่างไม่น่าไว้ใจ สาวสวยดาวคณะคว้าแก้วขึ้นและสาดไปยังเด็กสาวที่กำลังจะลุกขึ้นเปลี่ยนที่นั่ง แต่ด้วยความไวที่ถูกฝึกมาแต่เล็กๆ ซินเธียก็คว้าแขนหนึ่งในนักศึกษาที่มาด้วยกันกับผู้ก่อเหตุและใช้บังตัวเองทันที

     

                น้ำร้อนที่ถูกต้มเสร็จใหม่ๆ นั้น หากกระเด็นใส่เพียงเล็กน้อยเช่นที่ซินเธียโดนจะมีผลเพียงแค่สะดุ้งเท่านั้น แต่เมื่อถูกสาดใส่ทั้งแก้วผิวที่ขาวๆ ของนักศึกษาผู้ร่วมแก๊งค์ก็เกิดรอยไหม้ชัดเจน จากรอยยิ้มเหยียดๆ ที่ใช้ดูถูกซินเธียกลับกลายเป็นบิดเบี้ยวอย่างหน้ากลัว เสียงกรีดร้องของเธอเรียกความสนใจจากเด็กทั้งโรงอาหารที่เริ่มมามุงกันเด็กสาวที่สัมผัสได้ถึงเค้าไอแห่งความวุ่นวายจึงโบกมือลาและเดินจ้ำออกมาจากที่เกิดเหตุทันที

     

     

                นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแนวๆ นี้ขึ้น ซินเธียต้องท่องอย่างนี้ทุกครั้งและไม่สนใจมันอีก ไม่รู้จะเรียกโชคดีหรือโชคร้ายที่เธอมีความสามารถในการป้องกันตัวที่ดีเลิศจึงสามารถเอาตัวรอดได้เสมอมาแต่ก็นั่นแหละ ยิ่งเธอปลอดภัยคนพวกนั้นยิ่งหมั่นไส้และเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกครั้ง มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นอันดับหนึ่งในทุกด้านทั้งการศึกษาที่ดีเยี่ยม ค่าเทอมที่สูงลิ่ว และเป็นศูนย์รวมเหล่าคุณหนูคุณชายเอาแต่ใจทั้งหลาย ส่วนใหญ่แล้วเหล่านักเรียนนักศึกษามักไม่ได้มีอาชีพเดียวนอกจากเป็นนักเรียนแล้ว เขาและเธอเหล่านั้นยังเป็นผู้สืบทอดนักธุรกิจชื่อดัง นักวิชาการชั้นนำหรือแม้กระทั่งว่าที่หัวหน้าตระกูลเก่าแก่ ซินเธียเองก็เช่นกันนอกจากสถานะนักเรียนแล้วเธอก็ยังมีอาชีพอื่นอีก ...อาชีพที่ต่างจากทุกคน

     

     

    เธอเป็นเด็กอัจฉริยะที่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ตั้งแต่อายุ 13 และคาดว่าจะจบเมื่ออายุ 17 ทั้งที่คนทั่วไปใช้เวลาถึงเจ็ดปีด้วยกันในการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักศึกษาคนอื่นอิจฉาเธอ จนกระทั่งความอิจฉาแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังเธอจึงต้องเผชิญกับเรื่องพวกนี้ทุกวัน เมืองฟราเชียนเป็นเมืองแห่งอารยธรรมในรูปแบบของเทคโนโลยี โบราณสถานและโบราณวัตถุทั้งหมดถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หลังจากสงครามโลกครั้งที่7 ทุกทวีป ทุกอาณาจักรก็รวมเป็นหนึ่งเดียวและพัฒนาร่วมกันจนมีเทคโนโลยีที่สามารถขนแม้กระทั่งปราสาท พระราชวังต่างๆ ไว้ในที่เดียวกันได้ และพิพิธภัณฑ์ที่ว่านั้นคือสถานที่ๆ กว้างใหญ่พอที่จะรวมอารยธรรมในอดีตไว้ด้วยกัน ส่วนสถานที่ๆ อารยธรรมเหล่านั้นถูกย้ายมานั้นแทนที่ด้วยเทคโนโลยีที่สามารถสร้างรายละเอียดที่เหมือนจริงราวกับไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นในภายหลัง

     

     

    ระบบรักษาความปลอดภัยของมหาอาณาจักรฟราเชียนนั้นเรียกว่าหาที่ติไม่ได้ ความรุนแรงของการลงโทษนั้นขึ้นอยู่กับความผิดซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ในจำนวนนั้นเองก็มีอาชญากรที่สามารถหลบหนีการลงโทษได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ สภากลางจึงจัดตั้งองค์กรหนึ่งขึ้นเพื่อคอยกำจัดบุคคลเหล่านั้นไปจากสังคม "โลกเบื้องหลัง" คือคำนิยามองค์กรนี้ องค์กรที่ฝึกสุดยอดมือสังหารเรื่อยมาโดยมีตระกูลใหญ่เป็นผู้ควบคุม

     

     

    ตระกูล เฮเซลไฮม์

     




     

    ⓒ:baby
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×