คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ใครกันแน่ที่ใจร้าย
จุนฮงนั่งเผลอหน้าแดงออกมาโดยไม่รู้ตัว
‘แย่ล่ะสิ เผลอจนได้’เด็กหนุ่มคิดในใจมือทั้งสองยังกอดถังไอศรีมเอาไว้อยู่
“มัน ก็แค่เผลอ ”
“เหรอ จริงอ่ะ”น้ำเสียงล้อเล่นถูกส่งมาจากอีกฝ่าย เป็นไปได้ก็อยากให้อีกฝ่ายหยุดพูดซะเพราะแค่ลมหายใจที่รดต้นคอของเขาอยู่ ก็ทำเจ้าตัวร้อนวูบวาบที่หน้าแล้ว
“จริงสิครับ แล้วฮยองก็ช่วยปล่อยผมลงไปนั่งดีได้แล้ว”
“ไม่”เสียงที่ตอบกลับมาหลังจากที่พึ่งพูดจบได้ไม่ถึงสิบวิทำเอาจุนฮงหน้าเหวอ แล้วชายหนุ่มร่างโปร่งก็ฉีกยิ้มออกมากว้างก่อนจะพูดต่อ
“ก็ฉันอยากนั่งกับนายแบบนี้นี่ รู้สึกดีออก”ว่าแล้วก็ก้มหัวลงแล้วหมุ่นอยู่ที่แผ่นหลังของเด็กหนุ่ม
“พอแล้ว พอแล้วฮยองผมจั๊กจี๋”เด็กชายเผลอดิ้นแล้วหัวเราะจนน้ำตาเล็ดทำให้ยงกุกกลัวว่าอีกฝ่ายจะหัวเราะจนตกโซฟาสองมือที่วางลงที่โซฟาในตอนแรก ตอนนี้ถูกยกขึ้นมารวบกอดอีกฝ่ายจนแน่น
“จุนฮงฉันคิดถึงนาย”
คำเรียบๆแต่แฝงด้วยความจริงใจทำให้จุนฮงที่กำลังจะอ้าปากด่าอีกฝ่าย ถึงกับหุบปากลงอย่างรวดเร็ว
“ก็เรื่องของฮยองสิครับ”
“แล้วนายไม่คิดถึงพี่เหรอ หืม?”
“ผม ผมไม่คิดถึงถึงคนอย่างนายหรอก”มือบางเอื้อมมือตักไอติมในถังแล้วยัดเข้าปากอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทำเอาชายหนุ่มได้แต่เคี้ยวไอติมในปากตุ้ยๆแล้วเอาหัวมาวางบนไหล่ของอีกฝ่ายแทน
“ใจร้ายจัง T.T ”ใครที่มาเห็นหน้ายงกุกตอนนี้คงว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเด็กแน่นอน เพราะตอนนี้เจ้าตัวทำแก้มโป่งหน้าหยิกอย่างบอกไม่ถูก แต่เด็กหนุ่มอีกคนที่ได้ฟังคำนี้กับเผลอฉุนขาด ลุกขึ้นจากตักของชายหนุ่มแล้วหันมาจ้องตรงๆด้วยสีหน้าเครียดแค้นทั้งที่ตากลับแดงขึ้นเรื่อยๆ
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย!!!!”
“จุนฮงนาย”
“ใครกันแน่ที่ใจร้ายอ่ะ คนที่อยู่ดีๆก็หลบหน้าหลบตาหายไปตอนมันก็นายเองไม่ใช่เหรอ”
“ไม่นะ ไม่ใช่”
“ใครกันแน่ที่อยู่ๆก็มีชื่อไปโผล่ในหนังสือพิมพ์ว่างานหมั้นลูกชายของนักธุรกิจชื่อดังกับบริษัทคู่แข่ง”
“.....”
“นายเข้าใจผมมั่งรึเปล่า ว่าคนที่อยู่ๆมันมีสิ่งๆหนึ่งอยู่ข้างๆ แล้ววันหนึ่งมันก็หายไปจากชีวิตโดยไม่บอกกล่าวซักคำ”
“..........”
“ฮยองเข้าใจไหม ว่าผมลำบากแค่ไหน ที่ทุกๆวันผมจะต้องเจอฮยองแต่ตั้งแต่ครึ่งปีก่อนผมแทบไม่ได้เจอฮยองอีกเลย”
“.........”
“เพราะฉะนั้นใครกันแน่ที่ใจร้ายน่ะ”มาถึงตรงนี้จุนฮงได้ระบายเรื่องที่อึดอัดในใจมาตลอดให้คนที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดฝัง อีกฝ่ายได้แต่นั่งฟังหน้านิ่ง มือข้างที่ไม่ได้ใส่กุญแจมือของเด็กหนุ่มยกขึ้นมาปาดน้ำตาบนหน้าเงียบๆ
“ช่างเถอะ อย่าไปใส่ใจเลย ผมบ่นเฉยๆ”หลังจากพูดเสร็จเด็กหนุ่มก็นั่งลงที่โซฟาข้างๆชายร่างสูงแล้วก้มหน้าก้มตาตักไอติ
จุนฮง Says:
เฮ้อออออออ แบบนี้สินะที่คนเขาบอกกันไว้ว่าถ้าได้ระบายสิ่งที่อยู่ในใจมาตลอดมันจะทำให้สบายใจขึ้น ตอนนี้ผมก็สบายใจขึ้นจริงๆนั่นแหละ
ที่จริงแล้วผมโกหกตัวเองมาตลอดว่าไม่ได้รักผู้ชายที่ชื่อ บัง ยงกุก แล้วแต่ก็แค่นั้นผมโกหกตัวเองต่อไปไม่ได้นานหรอก
ยิ่งผมหนีผมยิ่งเหมือนตอกย้ำตัวเองเรื่อยๆ หลังจากที่พูดเรื่องนั้นไปแล้วเจ้าตัวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเลย นั่นก็นับเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมนะ
เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน ถ้าจะให้เล่าจริงๆแล้วตอนประมาณปีหนึ่ง เจ้าผู้ชายคนนี้ก็คือแฟนผมเองแหละ
แต่อยู่ๆก็หายหัวเงียบผมไปหาที่ห้องเรียนก็ไม่อยู่ โทรไปก็ไม่รับ เกือบเดือนได้ แล้วอยู่ๆเพื่อนสนิทของผมก็เอาหนังสือพิมพ์มาให้ดูถึงเรื่องงานหมั้นของยงกุกกับผู้หญิงที่ชื่อจีอึน ยิ่งพูดยิ่งแค้น ถึงผมจะรักแต่ผมก็เกลียดหมอนั่นเอามากๆ
เพราะมันทำให้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับไปนาน ซึมจนผมโดนเพื่อนต่อยแหละ TT__TT
แต่ก็นะหลังจากเจอพี่แดฮยอนแล้วอะไรๆมันก็ดีขึ้นอ่ะ แต่เรื่องที่ผมคบกับยงกุกไม่มีใครรู้แม้แต่คนเดียว ยกเว้นหนึ่งคนคือพี่ยงนั
ม(พี่รหัสที่เชื่อถือไม่ได้ = = ) ตอนนี้ผมเองก็กำลังนั่งกินข้าวอยู่กับหมอนั่น เราไม่มองตากันเลยอ่ะ
เมื่อไหร่จะถึงวันจันทร์ซะทีนะ ผมอยากกลับบ้านแล้วอ่ะ ยิ่งมองกุญแจมือถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะตัดมือตัวเองทิ้งเลยจะได้ไปๆซักที
แต่มันเจ็บอ่ะเอาเข้าจริงๆผมก็ไม่กล้าหรอก แล้วก็เรื่องวันนี้ที่ผมวีนใส่ยงกุกผมไม่ได้อยากให้หมอนั่นมาเข้าใจผมหรอกนะ
แต่แค่อยากให้หมอนี่รู้ตัวแบ้สไสหัวออกไปจากชีวิตผมซักที อยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมาจริงไหมล่ะ
เรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วนี่คือความจริง.....
ความคิดเห็น