ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    HunHan's Bakery [SF/OS]

    ลำดับตอนที่ #4 : เค้กชิ้นที่ 3 :: If You Don't Love [2/2]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 674
      5
      27 ก.พ. 60



    If You Don’t Love




    151025

    Couple : HunHan

    Theme song : The Way I Loved You – Selena Gomez








    ระยะเวลาหนึ่งเดือนครึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว เซฮุนกับลู่หานแยกจากกันตั้งแต่วันนั้น และไม่เคยได้ติดต่อกันอีก ไม่ใช่ว่าร่างสูงไม่พยายามแต่อีกฝ่ายกลับตัดขาดจากเขาโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่เปลี่ยนใหม่ โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คต่างๆก็บล็อก แถมยังไม่แม้แต่จะติดต่อกับใครสักคนที่เขารู้จัก หรือแม้กระทั่งเพื่อนคนที่ดีที่สุดของร่างบาง ซึ่งน่าจะกุมความลับไว้ก็ไล่ตะเพิดเขาเป็นหมูเป็นหมา


                หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปเพียงอาทิตย์เดียวเซฮุนก็บอกเลิกลิตเซีย สาวยุโรปที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขานอกใจ ก่อนจะลั่นวาจาบอกกับสาวๆทุกคนเลยว่าเขาไม่ขอรับใครเข้ามาในชีวิตอีก กัปตันคนเก่งเก็บชั่วโมงบินตัวคนเดียว แต่ยังไม่ลืมที่จะซื้อของฝากเผื่อใครบางคน ...เผื่อว่าสักวันเขาจะกลับมา พ่อกับแม่ของเขาและลู่หานต่างก็รู้เรื่องแล้ว ทว่าเพราะต่างฝ่ายต่างโตจนทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้จึงคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้ยุ่งวุ่นวายเพิ่มขึ้น


                ช่วงเดือนแรกเซฮุนอาสาขอทำงานเต็มเดือน สุดท้ายสภาพร่างกายก็ไม่ไหว กลับมาที่ห้องก็ยิ่งนอนซมเพราะไม่มีใคร ทำตัวสำมะเลเทเมา เอาแต่ซื้อเหล้ามากินเป็นโหลๆจนเทาและจงอินต้องมาอยู่เป็นเพื่อนบ้าง คอยรับไปอยู่บ้างและพูดเตือนสติ คำบางคำทำให้เซฮุนปรับปรุงตัวดีขึ้น


                มึงคิดว่าลู่หานเขาจะรู้สึกดีเหรอวะ ที่คนอย่างมึงเอาแต่ทำตัวไร้ค่า ไม่เห็นดีพอจะให้กลับมาคืนดี ...มึงตอนนี้สภาพดูไม่จืดเลยนะ ถึงจะไม่เลวเท่าตอนแรกก็เถอะ


              ตอนนั้นร่างสูงถึงกลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ว่าจะทำใจได้ เพราะเจ้าตัวเอาแต่ไปมองหาลู่หานที่หน้าบ้านของคนตัวเล็ก ยืนมองจนกระทั่งไฟดับไป ทำแบบนั้นมาร่วมสองสัปดาห์จนต้องทำงาน


              ร่างสูงตื่นเช้ามาอีกครั้งเพื่อพบกับเตียงนอนว่างเปล่า วันนี้เค้าต้องกลับไปทำงานแล้ว สายตากวาดมองไปยังชั้นวางของซึ่งเรียงรายไปด้วยของฝากจากนานาประเทศที่เขาไปมา บางชิ้นไปซื้อมาด้วยตัวเอง บางชิ้นก็ฝากคนอื่นซื้อมาอีกที ...แต่ทุกอย่างคงไร้ความหมาย เมื่อไม่มีเจ้าของมันมารับมันไป


                เซฮุนไม่กล้าไปหาลู่หานอีกแล้ว ไม่ใช่เพราะไม่กล้าสู้หน้า แต่เขากลัว... กลัวว่าถ้ากลับไปคงอดใจไม่ไหวที่จะจับอีกคนมากอดอีกครั้ง กลัวตัวเองจะเอาแต่กักขังลู่หานไว้กับตัว กลัวจะทำให้ช้ำใจอีกครั้ง


                โอเซฮุนในตอนนี้ทั้งขี้ขลาด และโง่เขลาเสียเหลือเกิน






                   เคยมีคนกล่าวไว้ เวลาช่วยเยียวยาได้ทุกสิ่ง...


                ลู่หานไม่ปฏิเสธว่าเวลาสองเดือนที่ผ่านไปโดยปราศจากโอเซฮุนตัวเขาเองชินชากับมัน ความรู้สึกเจ็บจนต้องร้องไม่เหลืออีกแล้ว มีแต่นึกถึงแล้วหน่วงหัวใจเท่านั้น แต่ไม่ได้มีใครบอกไว้...ว่าเวลาสามารถทำให้ลืมได้จริงๆ เพราะยิ่งห่างกันมากแค่ไหน ภาพของผู้ชายคนนั้นก็ยังชัดเจนในความทรงจำ


                เขาได้ยินข่าวมาว่าเซฮุนเลิกกับผู้หญิงคนนั้นนานแล้ว ลู่หานพูดไม่ได้เต็มปากนักว่าดีใจที่อีกคนทำตัวแย่ๆแบบนั้นใส่ผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่แต่ต้องมารับกรรม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ชอบที่อีกคนคิดได้ ร่างบางหางานทำในร้านกาแฟเล็กๆได้เมื่อสามวันก่อน เพราะมันอยู่ใกล้บ้านและแก้เหงาได้ ตัวเขาเองก็ชอบทำขนมอยู่แล้วจึงไม่ลำบากอะไร


                เผื่อจะได้เลิกคิดถึงคนคนนั้นสักที...


                “ลู่หาน เดี๋ยวเดินไปเปลี่ยนป้ายหน้าร้านทีนะ ได้เวลาเปิดแล้ว ทำงานวันแรกไม่มีอะไรมากหรอก ยังไม่อยากให้เข้าครัวน่ะ” เจ้าของร้านใจดีพูดกับเขาแล้วต่างคนทำหน้าที่


                คนในร้านค้าไม่เยอะมาก แต่ใช่ว่าจะไม่มีเลย ส่วนมากเน้นซื้อเทคโฮมมากกว่าเพราะว่ากาแฟบางทีก็จำเป็นสำหรับคนไปทำงาน พี่ยูจองเริ่มสอนพนักงานใหม่ชงกาแฟบางตัวด้วยสูตรของร้าน จริงอยู่ว่าลู่หานเคยชงมาแล้วจากร้านเก่าที่เคยทำ แต่อุปกรณ์ทันสมัยมากๆกับสูตรเฉพาะของร้านก็ทำให้ต้องปรับตัวเช่นกัน ตอนนี้เขากำลังสนุกและคิดว่าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว แต่ยังไม่ได้เป็นคนชงกาแฟหรอก เพราะคงได้ลองอาทิตย์หน้านู่นแหละ กันงานพลาด


                “แล้วแก้วนี้ที่ผมทำเกินล่ะครับ เอายังไงดี” มือขวาชูแก้วกาแฟในมือเมื่อเขากะกาแฟมากไปจึงทำเกินเป็นสามแก้วอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วต่างคนก็ต่างดื่มไปแล้วด้วย เด็กในร้านไม่มีใครกินกาแฟอีกต่างหาก จะขออีกแก้วมีหวังตาค้างไปอีก


                “อืม พี่ว่ารสชาติมันไม่ได้แย่เลยนะ แค่เรากะไม่ถูกเฉยๆ งั้นไว้แก้วนี้ทำเป็นกาแฟเย็นให้ลูกค้าแล้วกันเนอะถ้าใครมาสั่ง ตั้งไว้ก่อนละกัน ...อย่าลืมเตือนพี่ล่ะ”


                “เอางั้นเหรอครับ จะไม่ลืมนะครับ” ยิ้มออกมาเบาๆ ฝีมือวันแรกของเขาจะตกเป็นของลูกค้าคนไหนกันนะ แล้วจะท้องเสียหรือไม่ชอบเลยหรือเปล่า


                กริ๊ง!


                เสียงกระดิ่งหน้าร้านกับลูกค้าผู้มาเยือนทำเอาลู่หานนิ่งค้างและเผลอหลบหลังคนชงกาแฟทันที ขนาดยังไม่ได้เดินมาใกล้ๆยังรู้เลยว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่ตัวเองหนีมาตลอดสองเดือนที่ผ่านมา อุตส่าห์มาเพราะหวังจะลืมคนตรงหน้าแท้ๆ แค่เห็นหน้าเท่านั้นเขาก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาทันที คนร่างเล็กจึงขอตัวเข้าห้องครัวไปแอบฟังเสียงทุ้มนั้นโดยแสร้งทำเป็นไม่สนใจ


                เซฮุนมองพนักงานที่ตอนแรกยืนตรงเคาน์เตอร์ไม่ทัน แต่ไม่ได้เอะใจอะไร วันนี้ลู่หานไม่อยู่บ้านเพราะเขาแอบไปดูที่บ้านเจ้าตัวมาแล้ว ทุกครั้งที่ไปที่นั่นเซฮุนมักแวะมาร้านนี้เสมอเพื่อสั่งกาแฟ... เพราะไม่มีใครชงให้เขาแล้ว


                “วันนี้รับกาแฟร้อนหรือเย็นดีคะ”


                “กาแฟเย็นแล้วกันครับ” แค่ได้ยินเสียงก็สั่นไปทั้งใจของคนที่แอบฟัง น้ำสีใสไหลออกจากตาโดยที่เจ้าของมันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป ถึงแม้อยากจะลืมแค่ไหน แต่ลู่หานกลับคิดถึงเขาคนนี้มากเหลือเกิน


                เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่โอเซฮุนได้กาแฟเย็นเป็นกาแฟที่ลู่หานทำเกินพอดี แล้วเพียงแค่ได้ลิ้มลองร่างสูงก็เอะใจ ...อะไรบางอย่างบอกเขาว่าคงต้องมาที่นี่อีกครั้ง


                ...หรือไม่ก็หลายครั้งเลยล่ะ



     


                “ฮัลโหล ว่าไงแบค เราเลิกงานแล้วเนี่ยกำลังจะไปเปลี่ยนชุดแล้วออกไปหาเลย”


                (คือแกวันนี้ไปไม่ได้แล้วว่ะ พี่นัดกินเลี้ยงงานวันนี้ที่เพิ่งเสร็จอะ ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเขาเป็นผู้หลักผู้ใหญ่)


    แค่ตอบอย่างนั้นคนฟังก็หงอย วันนี้ลู่หานตั้งใจว่าจะไปค้างกับแบคฮยอนโดยเฉพาะ แต่กลับโดนปฏิเสธมาซะได้ ก็เพราะตัวการที่เขาเจอมาที่ร้านกาแฟทำให้ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร


                “แล้วแกจะกลับห้องเมื่อไหร่อะ ฉันไม่ค่อยอยากอยู่คนเดียวเลยวันนี้”


                (เดี๋ยวฉันจะกลับไปเปลี่ยนชุดเก็บของนิดหน่อยอะแล้วค่อยออก เพราะไปผับอะแก ต้องแรดนิดนึง ...จะอยู่เป็นเพื่อนช่วงนั้นละกัน)


                “...” ร่างบางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง


                (นี่แกเงียบไปทำไมเนี่ย ไม่ต้องร้องไห้หรอก กลับก่อนเช้าแน่นอน)


                “เปล่า ไม่ได้ร้องไห้หรอก”


                (แล้วเงียบไปทำไมยะ! ฉันจะออกรถแล้วเร็ว! รีบพูด)


                “ฉัน...ขอไปผับกับแกด้วยคนนะ”





    ------------------------------------------- If you don’t love ------------------------------------------






                “โอ๊ยยยย เฉิ่มสุดในสามสี่โลก ฉันจะไม่ปล่อยให้แกไปผับอะไรนั่นด้วยสภาพนี้แน่ๆ” แบคฮยอนโวยวายตั้งแต่เข้าห้องมาแล้วเห็นลู่หานพยายามเลือกชุดที่ไม่เข้ากับอะไรทั้งนั้นมาใส่


                “ก็ไม่รู้จะใส่อะไรนี่”


                “แกเนี่ยนะ จะไปกินเหล้าให้ลืมมันทั้งทีก็ไปแบบเริ่ดๆเถอะ” คว้าตัวเพื่อนมานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วชี้นิ้วสั่งเป็นเชิงให้อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวจะจัดการทุกอย่างเอง


                “อย่าเยอะนะ...”


                “เอาเป็นว่าขอละกันนะ วันนี้แกช่วยเป็นคนใหม่ฉันให้ทีเถอะ ขอวันเดียวเลย”


                “คนใหม่แบบไหนล่ะ” ลู่หานเหลือบมองเพื่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม


                “ก็มาดนางพญา แบบคนที่ไม่เคยรู้จักคนเฮงซวยแบบโอเซฮุนไง”


                สิ้นสุดคำนั้นลู่หานก็ถูกเปลี่ยนราวกับคนละคน ร่างบางอยู่ในชุดสีดำดูลึกลับน่าค้นหา ดวงตากลมโตที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นสุดเฉิ่มเปลี่ยนเป็นคอนแทคเลนส์และกรีดตาเป็นสีดำคมกริบ กางเกงผ้ายีนส์สีดำเป็นขาเดปแนบไปทุกสัดส่วนที่ผู้ชายแข็งแรงทั่วไปไม่ค่อยมี


                เขาไม่มีความมั่นใจในตัวเองสักอย่างในตอนนี้ เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ตัวเองด้วยซ้ำ... แต่มันเป็นสิ่งที่แบคฮยอนต้องการ เพราะความไม่ใช่คนเดิมเนี่ยแหละที่จะทำให้ลู่หานกล้าทำอะไรใหม่สักที!



    20%



                สองเพื่อนรักเดินทางมาถึงผับในเวลาเกือบสองทุ่ม โดยโซนหนึ่งถูกจัดไว้เพื่อทีมงานโดยเฉพาะ เนื่องจากสถานที่อโคจรแห่งนี้มีเซเลปมาเสียส่วนมาก จะกว้านซื้อแบบเหมาทั้งหมดก็ไม่ไหว ลู่หานถูกพามาทักทายกับเจ้าของงานและเพื่อนร่วมงานบางคนของแบคฮยอนพอเป็นพิธี แต่สายตาเฉียบคมของช่างแต่งหน้าตัวดี ดูก็รู้ว่ามีหลายคนถูกใจเพื่อนเขามาก น้ำลายแทบหกด้วยซ้ำ!


                ลู่หานเดินมาอย่างเชิดให้กับทุกสิ่ง และยิ้มทักทายทุกคนพอเป็นพิธี ร่างบางส่งสายตาให้กับหนุ่มตี๋คนหนึ่งที่จ้องเขาตาเป็นมันเพื่อลองเชิง ก่อนจะแยกไปนั่งโต๊ะค่อนข้างส่วนตัวกับแบคฮยอน ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้อยู่ติดที่นักเพราะต้องเดินไปทักทายคนอื่นๆด้วย ตอนนี้กลายเป็นว่าลู่หานนั่งไขว่ห้างแล้วจิบค็อกเทลธรรมดาคนเดียว


                “ขอออนเดอะร็อคสองที่ครับ” สำเนียงเกาหลีแปร่งถูกส่งมาจากคนที่ถือวิสาสะนั่งลงข้างลู่หานแล้วสั่งบริกรโดยไม่ถามความต้องการของผู้ร่วมโต๊ะ


                “ไม่ทราบว่าคุณลู่หานจะรังเกียจไหมครับถ้าผมขอดื่มด้วยคน”


                “ด้วยความยินดีครับ คุณ...” หันมาส่งยิ้มหวานเป็นเชิงถาม จะใช่คำลงท้ายว่าฮะก็ดูจะหน่อมแน้มไปหน่อยสำหรับตัวเองในวันนี้


                “ผมจิ่งป๋อหรันครับ ยินดีที่ได้รู้จัก ไม่ค่อยเห็นคุณตอนทำงานเลยนะครับ” เค้ายื่นเครื่องดื่มที่เพิ่งได้มาให้ “คุณไม่ได้ทำงานเหมือนคุณแบคฮยอนสินะครับ”


                “ครับ ไม่เจอกันก็แปลกหรอก แล้วคุณล่ะทำงานอะไร”


                “ผมเป็นบก.ร่วมของนิตยสาร X ครับ เรามีถ่ายแบบกันนิดหน่อยเลยได้ร่วมงานกันตั้งแต่เริ่มโปรเจ็กต์ คุณลู่หานมีแฟนหรือยังครับ”


                “ถามตรงจังเลยนะคุณ ...ขอไม่บอกละกัน ความลับ!” ลู่หานยกยิ้มมุมปากที่ดูยังไงก็เย้ายวนเหลือเกินในสายตาคนมอง


                “งั้นผมจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วกันนะครับ เพราะคุณมาคนเดียว ถือว่าโสด”


                เพราะลู่หานมัวแต่ยกเครื่องดื่มที่ชนแก้วกันไปมาดื่มรวดเดียวเกือบหมด จึงมองไม่เห็นสายตาเจ้าเล่ห์ซึ่งมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า กับคนหน้าหล่อที่ลอบเลียริมฝีปากตัวเอง


                นั่งดื่มและคุยกันไปสักพักก็เริ่มมึนหัว แบคฮยอนแวะมาหาครั้งเดียวแล้วพอเห็นเพื่อนคุยถูกคอก็อยากจะจับคู่ให้จึงไม่ได้สนใจแล้วไปอ่อยนักกีตาร์อยู่หน้าเวที ลู่หานเป็นคนคออ่อนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องผสมยานอนหลับด้วยซ้ำก็เมาได้โดยง่าย


                “ความจริง ผมเลิกกับแฟนมาสองสามเดือนแล้วครับ”


                “งั้นให้โอกาสผม... เป็นคนรักษาใจคุณนะครับลู่หาน”


                แล้วร่างบางก็ถูกพาไปเต้นกลางฟลอร์ให้ลืมความเศร้าในจังหวะที่ดีเจกำลังเปิดเพลงปลุกสัญชาตญาณดิบของทุกคนให้เต้นอย่างลืมอาย ลู่หานเห็นใครบางคนในฟลอร์ซึ่งเขาคุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร เพราะทุกคนบนฟลอร์ก็มองเขากันทั้งนั้นนั่นแหละ!


                ก็นี่มันนางพญาลู่หานที่เขาสร้างมาโดยเฉพาะนี่นา...


     



                “เฮ้ย! ไอ้ฮุน เมื่อกี้กูเดินเข้ามารู้สึกเหมือนเห็นลู่หานเลยว่ะ เต้นอยู่กลางฟลอร์เลยมั้ง” คิมจงอินเอ่ยปากทันทีเมื่อเดินมาถึงโต๊ะ เพราะเต๊ะพวกเขาอยู่ข้างใน ค่อนข้างส่วนตัวมากจึงต้องเดินผ่านฟลอร์ก่อน เขาแค่เผลอโดนผลักไปอยู่ท่ามกลางฝูงชน แต่ไม่นึกว่าจะเจอแฟนเก่าของเพื่อน


                 “จะบ้ารึไงมึง ...ลู่หานไม่เคยมาที่นี่หรอกกูรู้ดี” เซฮุนซึ่งรออยู่ก่อนแล้วตอบ ช่วงนี้เขาออกมาพบปะกับเพื่อนแล้วก็ดื่มเหล้าที่นี่เสียส่วนใหญ่ มากี่ทีก็ไม่เคยเห็น อีกอย่างลู่หานไม่ยุ่งกับอบายมุขอยู่แล้ว


    “แต่กูว่า...เหมือนมากเลยนะ คนนั้นอะ มึงไปทักหน่อยเป็นไง” ชี้ไปตรงกลางๆที่มีคนมุงดูร่างบางเต้นอยู่เสียส่วนมาก


    “เออ กูว่าก็คล้ายอยู่นะ แต่ไม่ใช่ลู่หานแน่ๆ มึงอะคิดมากไป ผ่านมาสามเดือนกูยังไม่เห็นหน้าเขาเลย นี่มันก็ออกจะบังเอิญไปหน่อยมั้ง”


    “เอ้า! แล้วแต่มึงละกัน ถ้าใช่กูบอกเลยว่าหมามาก! มึงอะ” แล้วต่างคนก็ดื่มแอลกอฮอล์กันไปหลายแก้ว จงอินมีสาวมาขอนั่งตัก ส่วนเซฮุนปฏิเสธไป


    ...ไม่น่าเชื่อว่าเขาไม่อาจละสายตาจากคนคนนั้นที่เต้นอยู่กลางฟลอร์ได้เลย


    เพลงจังหวะมันส์ถูกเปลี่ยนเป็นวงดนตรี กลายเป็นเพลงแจ๊สฟังสบายยามดึก ทุกคนแยกย้ายไปนั่งที่ของตัวเอง เซฮุนรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำก็เลยบอกจงอินว่าขอเลยกลับไปเลย เพราะเริ่มดึกแล้ว ซึ่งเพื่อนเขาก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่นอกจากสาวคัพดี


    ถ้าเป็นเมื่อก่อนล่ะก็เซฮุนไม่มีทางพลาด ต้องหิ้วกลับไม่ก็ไปต่อสักคนนึง แต่ตอนนี้เขาเหมือนคนตายด้านไปเหมือนกันนับตั้งแต่เลิกกับลู่หาน ...จะว่าไปแล้วคนที่เต้นกลางฟลอร์คนนั้นก็คล้ายกับลู่หานมาก แต่มาดนางพญาน่าค้นหาระดับนั้น ดูจะตรงข้ามกับคนที่เขารู้จักมากเกินไป ร่างสูงไม่กล้ายอมรับนักว่าคนนั้นถูกใจเขามาก เพียงแต่ไม่กล้าสานต่อ เพราะดูท่าจะหยิ่ง แถมยังมีคู่เต้นอยู่แล้วอีกต่างหาก สีกันขนาดนั้น


    เซฮุนเดินออกจากห้องน้ำในจังหวะที่คนที่เขากำลังนึกถึงกำลังล้างมืออยู่ คนคนนั้นคงมองไม่เห็นเขาชัดนัก แต่เขากลับเห็นชัดเจน แล้วรู้สึกเหมือนพลาดอะไรบางอย่างไป


    ไม่ใช่แค่เหมือนลู่หาน... นั่นมันแทบจะเป็นลู่หานแล้วด้วยซ้ำ!


    เขาตัดสินใจล้างมือแล้วตั้งใจจะเดินตามไปดูให้แน่ใจเงียบ ทว่าพอออกมาก็ไม่เห็นเงาแล้ว คนในผับก็เยอะแยะเต็มไปหมดจนเซฮุนเสียเวลาตามหาให้ควั่ก!


    ถ้าเป็นลู่หานจริงๆล่ะก็ เขาจะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปอีกครั้งแน่ๆ สาบาน!





                “ผมว่าเดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว แต่แบคฮยอนคงอยากอยู่ต่อ ขอตัวก่อน...อ๊ะ!” ลู่หานร้องออกมาเมื่อตัวเองถูกเหวี่ยงติดกำแพงแล้วโดนกักตัวเอาไว้ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือ พยายามบิดข้อมือจากการเกาะกุม ถึงจะตาพร่าไปบ้างแต่ก็ยังมีสติ


                “อย่าเพิ่งสิครับคุณลู่หาน ให้ผมดูแลคุณเถอะนะครับ คืนนี้” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู


                “แต่ผมไม่อยากนี่ครับ” ตาคมตวัดมองคนที่กักขังเขาไว้อย่างไม่พอใจ ลู่หานเล่นด้วยก็จริง แต่ไมม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมเป็นคู่นอนใครตามใจชอบ


                “สงสัยผมจะอดทนไม่ไหวน่ะสิครับ เพราะแค่นี้ผมก็ทนเล่นละครเป็นคนดีมานานแล้ว”


                “ที่แท้นายก็ ...หวังร่างกายฉันสินะ ปล่อย!


                “ผมนึกว่าคุณรู้ตั้งแต่แรกแล้วนะครับเนี่ย” มือสองข้างถูกรวบไว้ด้วยมือใหญ่เพียงข้างเดียว ก่อนที่อีกข้างจะสอดเข้าไปลูบเอวบางแล้วบีบเค้นให้เสียงหวานหลุดร้องออกมา


                “ป๋อหรัน ผมจะร้องให้คนชะ...อื้อ!!!


                ลู่หานถูกคนที่หลงคุยด้วยบดเบียดริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงเพื่อปิดเสียงร้องของเขา ริมฝีปากบางพยายามปิดแน่นแต่ในที่สุดก็ไม่เป็นผล มือร้อนนั้นเริ่มไต่มาถึงยอดอกในขณะที่ลู่หานไม่มีแรงต่อต้านเพราะมึนแอลกอฮอล์พอสมควร ลู่หานตัดสินใจกัดลิ้นร้อนนั่นทันที


                “โอ๊ย! แสบนักนะ ...ขอดีๆไม่ให้ใช่ไหม” ป๋อหรันหัวร้อนฉับพลัน รับรู้ถึงรสคาวเลือดในโพรงปาก สองมือเผลอปล่อยออกมาเท้าเอวเอาเรื่องทำให้มือของลู่หานเป็นอิสระ


                เพียะ! มือเล็กๆตบอีกฝ่ายจนหน้าหัน


                “หึ! เธอตั้งใจยั่วทุกคนที่นี่ด้วยซ้ำ แค่นี้ให้ฟรีๆไม่ได้หรือไงวะ”


                “ต่ำ! นายนี่มันไว้ใจไม่ได้จริงๆ”


                “งั้นเอาของต่ำๆหน่อยเป็นไงล่ะคุณลู่หาน” จบคำนั้นลู่หานก็ถูกกักกันด้วยแขนแข็งแรงทั้งสองข้าง จมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอของเขาจนเจ็บแสบเพราะไรหนวดจางๆนั่น ลู่หานพลิกหน้าหนีไปทางไหนก็ถูกต้อนไว้จนหมด กระทั่งริมฝีปากก็ถูกจูบจนระบมไปหมดและได้กลิ่นเลือดซึ่งแยกไม่ออกเลยว่ามันเป็นของเขาหรือคนตรงหน้ากันแน่


                นี่เขาคิดผิดสินะที่มาในวันนี้ ลู่หานไม่สามารถเปลี่ยนไปชอบใครใหม่ได้จริงๆ


    ...ไม่ใช่แค่หัวใจที่ยังโง่รักเซฮุน แต่ร่างกายนี่มันก็ไม่รักดีเพราะไม่อยากตกเป็นของใครอื่นเหมือนกัน!


    ผัวะ!


    “ไอ้ชั่วเอ้ย! ปล่อยแฟนกูเดี๋ยวนี้!” จิ่งป๋อหรันถูกดึงตัวไปต่อยจนคว่ำหลังจากที่โอเซฮุนเดินมาเจออดีตคนรักถูกลวนลามต่อหน้าสาธารณชน


    “หึ มึงเป็นใครวะ” อีกฝ่ายทำท่าจะสวนหมัดกลับแต่เซฮุนไวกว่านั้นเขาขึ้นคร่อมอีกฝ่ายแล้วต่อยเอาๆไม่ยั้งจนคนอื่นๆเริ่มหันมามอง ส่วนลู่หานที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบตั้งสติแล้ววิ่งออกไปจากร้าน โอเซฮุนที่ต่อยอีกฝ่ายจนสะใจแล้วด้วยแรงโกรธถึงได้ตั้งสติแล้วจะวิ่งตามไป แต่ก็ไม่ลืมที่จะตอบคำถามไอ้คนเลว


    “กูก็ผัวคนที่มึงจะเอาเมื่อกี้ไงล่ะ ไอ้เวรเอ้ย!


     


    “นี่ ลู่หาน หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!” โอเซฮุนวิ่งตามร่างบางเกือบทันแล้วด้วยช่วงขาที่ยาวกว่า ลู่หานซึ่งใกล้จะหมดแรกอยู่รอมร่อไม่มีทางหนีเขาได้ทันแน่จนกระทั่งอีกฝ่ายดึงแขนเล็กไว้แล้วกระชากเขาหาตัว คนตัวเล็กที่ดูเหมือนคนเสียขวัญพยายามสะบัดข้อมือออกแต่ไม่เป็นผลจึงตวัดสายตามองอีกคนอย่างไม่สบอารมณ์ จริงอยู่ว่าเซฮุนมาช่วย...แต่ลู่หานไม่มีแม้แต่คำขอบคุณจะให้คนพรรค์นี้หรอก


    “ใครใช้ให้แต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้เนี่ย ถ้าฉันมาไม่ทัน...นายจะเป็นยังไงล่ะ” ร่างสูงมีท่าทีอ่อนลงแล้วถามด้วยความเป็นห่วง ตาคมไล่มองอย่างไม่เชื่อสายตา


    “คุณมาหรือไม่มา มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับผมไหมครับ เพราะยังไงเราสองคน....” สายตาทั้งสองสบกันโดยที่ไม่มีใครกล้าหลบไปก่อน


    “...”


    “ก็ไม่ได้รู้จักกันอยู่แล้ว”


    ลู่หานตอบเขาได้เจ็บแสบจริงๆ!



    50%




    “เอาเป็นว่าช่างหัวเรื่องรู้จักไม่รู้จักไปก่อนแล้วกันนะ ตอนนี้นายต้องไปกับฉัน” ว่าแล้วก็ดึงแขนอีกคนให้ออกเดินตาม


    “ไม่ไป! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!! ผมจะไปหาเพื่อน” แน่นอนว่าลู่หานที่แม้จะเมาไปบ้างแต่ยังมีสติพอที่จะปฏิเสธคนที่เคยทำลายความไว้ใจ


    “แบคฮยอนที่สนุกจนคิดว่านายกลับไปกับคนแปลกหน้าแล้วน่ะนะ” พยายามตะโกนแข่งเสียงเพลง “เพื่อนนายไม่สนใจหรอก ถ้ากลัวมากแค่ส่งข้อความบอกก็พอ”


    “มักง่ายไม่เปลี่ยนเลยนะ!!


    “คนละเรื่องกันไหมเนี่ย”


    ถูลู่ถูกังกันมาจนถึงรถเซฮุนก็เหวี่ยงอีกคนให้ขึ้นนั่งข้างคนขับทันที และแน่นอนว่าลู่หานไม่อยู่เฉยอยู่แล้วถึงได้เปิดประตูฟาดอีกคนจนหงายลงพื้น ยังไงวันนี้ก็ไม่ยอมกลับไปด้วยง่ายๆ


    “คุณมันก็ทำได้แค่นี้แหละ!” แต่จังหวะที่ลู่หานกำลังวิ่งออกไปนั้นกลับถูกมือใหญ่รั้งข้อเท้าเอาไว้จนเกือบล้มไปตามๆกัน ร่างสูงใช้ความได้เปรียบของตนอุ้มอีกคนขึ้นรถอีกครั้งโดยให้ขึ้นฝั่งคนขับก่อนที่เขาจะยัดทั้งตัวเองและคนตัวเล็กเข้าไปในรถ ผลักจนไปอยู่บนที่นั่งใครที่นั่งมันแล้วล็อกรถเสร็จสรรพ


    “แค่นี้ก็ขังนายไว้ได้แล้วกัน” พูดลอยๆ


    ลู่หานเพียงแค่ส่งเสียงหึในลำคอเท่านั้นก่อนจะหันมองข้างทางอย่างเดียวและไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยกัน ความเงียบทำให้คนสองคนได้คิดอะไรหลายๆอย่าง จนกระทั่งผู้โดยสาร(โดยไม่เต็มใจ)หยิบโทรศัพท์มากดส่งข้อความให้เพื่อนตัวเองว่าขอกลับก่อนเพราะปวดหัว


    ใครก็คงไม่อยากบอกหรอกว่าตัวเองถูกแฟนเก่าลักพาตัวมา... ไหนจะประสบการณ์ที่เกือบถูกคนแปลกหน้าข่มขืนกลางผับกลางบาร์อีก


    ในขณะที่ลู่หานทำเป็นสนใจบรรยากาศมืดมิดข้างทางกับโทรศัพท์ เซฮุนก็เอาแต่ครุ่นคิดและไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมลู่หานถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ เพราะปกติแล้วคนรักของเขาเป็นคนว่านอนสอนง่าย ยอมคนและช่างเอาอกเอาใจ ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่ง แต่วันนี้กลับมีอีกมุมหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็น ...ความดื้อด้าน ดวงตาที่เปลี่ยนไป หรือแม้กระทั่งความโกรธ


    ไม่ใช่ว่าเซฮุนไม่ชอบ แต่มันกลับทำให้เขาหึงหวงมากกว่าเดิมเสียอีก ...เพราะลู่หานของเขาทำให้เขาตกหลุมรักได้ทั้งๆที่ใครๆก็มองว่าเป็นคนเฉิ่มและเชย แว่นตากรอบกลมที่เปลี่ยนเป็นการใส่คอนแทกเลนส์แถมกรีดตาจนใครเห็นก็ต้องหลงใหล ไหนจะบุคลิกท่าทาง การแต่งกายที่ปกติแล้วเจ้าตัวน่ะใส่อะไรเหมือนเด็กๆ แต่คนที่นั่งข้างเขาตอนนี้กลับใส่กางเกงรัดรูป อะไรที่มันดูเข้าถึงง่ายเกินไป


    เซฮุนรู้แต่แรกอยู่แล้วว่าลู่หานสวยได้ขนาดไหน แต่ที่ไม่เคยบอกเพราะอยากเก็บไว้ดูคนเดียวต่างหาก ไม่ว่าบุคลิกไหนร่างเล็กก็ทำให้เขาใจเต้นได้เสมอ ...แม้กระทั่งตอนที่หลับคอพับคออ่อนทั้งที่อวดเก่งกับเขาขนาดนั้น


    ก็ยัง..น่ารัก


     



    ลู่หานถูกอุ้มขึ้นมาบนห้องพักที่เขาหนีออกมาหลายเดือน ไม่ใช่ว่าไม่ตื่น แต่เพราะขี้เกียจเถียงกับอีกฝ่ายมากกว่าถึงได้แกล้งหลับไปทั้งอย่างนั้น แล้วก็ตั้งใจว่าจะหลับจนกว่าจะเช้าเลยด้วย ยังไงก็มึนหัวจากแอลกอฮอล์อยู่แล้ว


    “รู้นะว่านายไม่ได้หลับน่ะ” พอวางอีกคนลงเตียง ถอดถุงเท้าเรียบร้อยก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน


    “...”


    “แต่ว่านะลู่หาน ไม่ว่านายจะฟังอยู่หรือไม่ก็ตาม...”เตียงอีกฝั่งหนึ่งยวบ แล้วไอร้อนจากร่างกายอีกคนทำให้ลู่หานอยากขยับตัว


    “ฉัน คิดถึงนายทุกวัน”


    จุ๊บ!


    “อยากบอกแค่นี้แหละ ราตรีสวัสดิ์”


    ลู่หานหวังว่าเซฮุนคงไม่รู้ตัว ว่ามีสายตาหนึ่งมองเขาด้วยความโหยหาไปจนลับสายตา


    .


    .


    .


    เช้าวันใหม่ไม่ได้หนาวเหน็บอย่างที่คิด ลู่หานรู้ว่าเมื่อคืนเซฮุนนอนข้างๆ แต่ที่ไม่ปลุกตั้งแต่ตอนนั้นเพราะคงไม่อยากรบเร้าอะไรมากกว่า สายตามองมือที่พาดอยู่บนเอวตัวเองนานสองนาน ก่อนที่ร่างเล็กจะพยายามแกะมือนั้นออกแล้วลุกขึ้น ตามปกติแล้วเซฮุนขี้เซาเอามากๆ อีกฝ่ายจึงแค่พลิกตัวเหมือนรำคาญใจก่อนจะหลับไปอีกรอบ เป็นการเปิดโอกาสให้ใครบางคนหนีออกจากห้องไปได้ง่ายๆ


    ลายมือน่ารักที่อยู่บนโพสต์อิทสีเหลืองซึ่งลู่หานทิ้งเอาไว้บนตู้เย็นทำให้คนที่เพิ่งตื่นต้องถอนหายใจแล้วขยี้หัวตัวเอง ..ทั้งที่เหมือนจะดีขึ้นแล้วแท้ๆ


    แค่คำพูดไม่กี่คำ ...นายหลอกฉันได้อยู่แล้ว อย่าหวังว่าจะยกโทษให้ง่ายๆ


    คำพูดไม่น่ารักเหมือนลายมือเลย!


     


    นักบินหนุ่มที่ช่วงนี้ว่างงานเดินเข้าร้านเบเกอรี่ที่ร้อยวันพันปีตัวเองไม่ค่อยจะเข้ามา แต่เพราะอะไรไม่รู้เขาถึงกลับมาร้านนี้อีกรอบ อาจจะเป็นกาแฟเย็นแก้วเมื่อวานที่ทำให้เขานึกถึงคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อคืน แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้คิดว่าโลกจะกลมขนาดนั้น


    “รับอะไรดีคะวันนี้” เจ้าของร้านคนสวยส่งยิ้มหวานทักทาย


    “ผมขอกาแฟร้อนแล้วกันครับ แล้วก็ขอแคร็กเกอร์ด้วย”


    ช่วงสายของวันทานของเย็นก็ดูน่าเสียบรรยากาศไปหน่อย แล้วอีกอย่างเซฮุนไม่ทานขนมหวานอยู่แล้ว แต่ถ้ามีแคร็กเกอร์จืดๆเค็มๆมาแกล้มบ้างรสชาติคงดีไม่หยอก รอไม่นานเมนูที่สั่งก็วางบนโต๊ะ เขายกกาแฟขึ้นมาจิบเป็นอย่างแรก...


    ไม่เหมือนเดิม


    อย่างที่เซฮุนคิด โลกไม่ได้กลมขนาดนั้น เขาก็แค่ลองพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้นเอง ..แต่คนที่ติดรสชาติเดิมๆก็อดสงสัยไม่ได้ เขารีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ เห็นหลังพนักงานคนหนึ่งไวๆ คาดว่าคงไปทำงานข้างในจึงไม่ได้สนใจนัก


    “ขอโทษนะครับ คือ..เอ่อ เมื่อวานกาแฟไม่ใช่รสนี้น่ะครับเลยสงสัย” พูดไปแบบนั้น แต่เซฮุนก็คิดนะว่าเขาบ้าหรือเปล่า ลูกค้าในร้านไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวสักหน่อย


    “แต่ว่าสูตรที่ร้านทำรสเดิมออกมาหมดเลยนะคะ”


    “เอ่อ ผมขอโทษจริงๆครับ บางทีอาจจะเบลอไปเองก็ได้เลยคิดว่ามันต่างกัน”


    “ไม่เป็นไรค่ะ ช่วงนี้มีพนักงานใหม่น่ะค่ะ อาจจะมือไม่นิ่งพอต้องขอโทษนะคะที่ให้คนไม่ถนัดมาทำ” เจ้าของร้านโค้งให้เขาเสียหลายรอบจนคนถามเองก็เกรงใจเลยกลับไปนั่งที่


    “...แต่เอ เมื่อวานลู่หานเป็นคนชงกาแฟ อ๋อ!ที่เหลือไง ต้องใช่แน่ๆ”


    “นี่ลู่หาน!” เสียงตะโกนนั้นแม้ไม่ได้ดังมากแต่คนที่เดินไปได้ไม่ใกล้ก็ยังได้ยิน คนที่แอบหลบอยู่หลังร้านหัวใจแทบหยุดเต้น ตอนที่ตัวเองต้องออกมาแล้วพบหน้าใครบางคนอีกครั้ง


    “หึ ...โลกกลมๆจริงๆ”


     


    หลังจากที่เซฮุนรู้ว่าลู่หานทำงานที่นี่เค้าก็เพียรมาที่ร้านกาแฟทุกวันเท่าที่จะสามารถทำได้ บางครั้งนอกจากนั่งดื่มกาแฟและมองหน้าพนักงานใหม่ของร้านเขาก็ซื้อขนมกลับไปบ้างเพื่อไปฝากป้าของลู่หาน ความจริงคือฝากให้เจ้าตัวนั่นแหละ เหมือนกลับไปจีบกันใหม่ๆยังไงยังงั้น


    แต่ลู่หานไม่ได้มีท่าทีใจอ่อนเลย แล้วเซฮุนเองก็ไม่ได้คุกคามอะไรทั้งนั้น คุยกันสักคำยังไม่มี... นอกจากมานั่งจ้องหน้าเขาเป็นชั่วโมง


    “ลู่หาน นี่คุณเซฮุนเขามาเฝ้าทุกวันแบบนี้ก็ให้ไลน์ไปเถอะ” เจ้าของร้านเอ่ยแซวเมื่ออดรนทนไม่ไหว ถึงเจ้าตัวไม่ขอลูกน้องของเขาก็น่าจะรู้ตัวบ้างว่ามีคนมาจีบตัวเอง


    “ไม่ดีกว่าฮะ เขาไม่ได้มาขอผมว่าเราก็ไม่ควร....”


    “โอยยย ลู่หาน หล่อเพอร์เฟ็กต์ขนาดนั้นอะ พี่ยังเสียดายเลยนะ”


    ลู่หานได้หัวเราะและยิ้มฝืดเฝื่อน เขาจะให้ไลน์ไปทำไมในเมื่อมีข้อมูลติดต่อกันทุกช่องทางอยู่แล้ว... แถมคำว่าหล่อเลิศเลอนี่มันก็ขัดจากนิสัยแย่ๆที่อีกคนทำไว้จะตาย


    “นี่ลู่หาน”


    “อย่ามาเรียกแบบนี้นะ!” ร่างบางเอ็ดลูกค้าหน้าซ้ำที่เริ่มจะทำตัวล้ำเส้น


    “วันนี้ฉันจะรอร้านปิดแล้วเดี๋ยวไปส่ง”


    “ไม่ต้องการ” ดวงตาเย็นชาใต้กรอบแว่นทำเอาเซฮุนใจแป้วไปเล็กน้อย


    “เอาเป็นว่าจะรอนั่นแหละ...เราน่ะ ควรคุยกันอย่างจริงจังได้แล้ว”


    “แต่ผมไม่มีเรื่องจะคุย! คุณน่ะ กินเสร็จแล้วก็ไปเถอะ!” พูดจบก็หนีไปรับออเดอร์โต๊ะอื่น แต่ร่างสูงไม่ได้ยอมแพ้หรอก เขาแค่ไปนั่งรอ...รอจนถึงหนึ่งทุ่ม รอจนเจ้าของร้านกลับไป แล้วคนที่เขารอก็กำลังเดินบ้านตัวเอง


     


                      ------------------------------------------- If you don’t love ------------------------------------------


     


    “เดี๋ยวก่อนลู่หาน ก็บอกว่าจะไปส่งไง” มือใหญ่รั้งแขนอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะดึงให้หันหน้าหากัน


    “บ้านผมก็อยู่แค่นี้ จะไปส่งอีกทำไม”


    “เอาเถอะ ...อันแค่จะขอโอกาส ไหนๆตลอดระยะเวลาหลังจากที่เราเลิกกัน”


    “...”


    “นายก็เห็นว่าฉันไม่มีใคร แถมยังพยายามง้อขอคืนดีมาตั้งนาน มันก็น่าจะพิสูจน์ได้แล้วว่าฉันอยากเริ่มต้นใหม่ อยากปรับปรุงตัวจริงๆ ขอร้องเถอะนะลู่หาน ให้โอกาสอีกครั้งเถอะนะ สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรให้ผิดพลาดอีกแล้ว”


    เซฮุนลงไปคุกเข่าแล้วกุมมือเค้าไว้เหมือนวันนั้นไม่มีผิด แค่คิดถึงมันลู่หานก็เกลียดจับใจ ใบหน้าที่สวยเกินผู้ชายเงยขึ้นเพื่อกลั้นน้ำตา ไม่ใช่ตื้นตัน แต่เขากำลังต่อสู้กับหัวใจตัวเองอย่างหนักจนเหนื่อยไปหมดแล้ว ...มันทั้งรักทั้งชังผู้ชายคนนี้


    “เซฮุน รัก ลู่หานนะ” จุมพิตแผ่วเบาลงที่หลังมือ


    “ลุกขึ้นเถอะเซฮุน”


    “...ลู่หาน...”


    “ถ้าอยากได้โอกาสก็กลับไปส่งที่บ้านแล้วกัน” เซฮุนร้องดีใจ กระโดดอยู่ตรงนั้นเป็นเด็กๆก่อนจะกอดคอลู่หานให้ขึ้นรถไปด้วยกัน ในที่สุดความพยายามก็ประสบผลสำเร็จ


    รึเปล่านะ?


     


    “ฉันขอเข้าบ้านไปทักคุณป้าด้วยได้ไหม” ตลอดระยะเวลาที่นั่งอยู่ในรถ เซฮุนยิ้ม ผิวปาก ฮัมเพลงไปตลอดทางเหมือนคนบ้า แม้จะเป็นแค่ระยะทางสั้นๆก็ตาม


    “นายคงมาหาป้าบ่อยแล้ว ไม่จำเป็นมั้ง” เซฮุนเข้าใจว่าลู่หานคงอยากให้เขาค่อยเป็นค่อยไปมากกว่านี้ คนตัวสูงยังคงอารมณ์ดีเมื่อนึกถึงแผนการบางอย่างที่เขาวาดเอาไว้ อย่างน้อยถ้าเขาได้เกริ่นให้ลู่หานฟังสักหน่อย พอถึงเวลานั้นเราสองคนก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว


    “นี่นายรู้ไหม ฉันจะลาออกจากงานหลังบินเดือนนี้เสร็จ แล้วหลังจากนั้น...”


    “โอกาสของนายมีแค่นี้แหละเซฮุน เลิกพูดแล้วกลับบ้านของนายไปได้แล้ว ...และอย่าไปที่ร้านนั้นอีก เพราะไม่อย่างนั้นฉันจะลาออก”


    “...หะ”


    “นายเข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าโอกาสที่ฉันให้น่ะ ...มันแค่นี้แหละ”


    คำตอบกลับของร่างเล็กทำให้เขายิ้มไม่ออก ลู่หานไม่ได้รอเขาอีกต่อไปแล้ว


    เซฮุนนั่งมองที่นั่งข้างกายซึ่งว่างเปล่า แล้วน้ำตาหนึ่งหยดก็ไหลกระทบฝ่ามือ


    .


    .


    .


    หนึ่งสัปดาห์ต่อจากนั้น นักบินหนุ่มไม่ได้มาอุดหนุนกาแฟที่ร้านอีกตามคำขอจนเจ้าของร้านบ่นคิดถึง ส่วนคนที่เอ่ยปากไล่ก็แอบชะเง้อมองเสียทุกวัน ...ว่านอนสอนง่ายจนน่าหมั่นไส้เกินไป แค่นี้ก็ยอมแพ้อย่างใจเสาะ


    แม้ลู่หานจะยอมรับว่าพูดแรงเกินไปและไม่ได้เห็นใจกันเลย แต่มันก็ดูเป็นบทเรียนที่เด็กนั่นสมควรได้รับเสียบ้าง เพียงแค่ใจเขาเองกลับเอาแต่คิดถึงอยู่นั่นแหละ! พูดแล้วก็น่ารำคาญหัวใจไม่รักดี


    Rrrrrr


    “ฮัลโหล แบคเหรอ โทรมามีอะไรหรือเปล่า” ช่วงนี้ลู่หานติดต่อกับเพื่อนสนิทเหมือนเดิม อีกฝ่ายชมเขาไม่หยุดที่ปฏิเสธเซฮุนไป ก็นะ ..เพื่อนไม่ได้ปลื้มแต่แรกอยู่แล้ว


    (เปล่าหรอก นี่จงอินไม่ใช่เพื่อนนาย) เพื่อนของเซฮุนเนี่ยนะ


    “...มีอะไรกับเราเหรอ” อะไรบางอย่างทำให้เขาคิดว่ามันเป็นลางไม่ดีเอาเสียเลย


    (นาย...รู้เรื่องเซฮุนบ้างหรือเปล่า)


    “ระ...เรื่องอะไรเหรอ”


    (ก็ที่มันออกจากงานกะทันหัน แล้วไปสวิตเซอร์แลนด์ไง ...ฉันโทรมาถาม เห็นว่าไม่ได้ไปด้วยกัน)


    “ลาออกเหรอ ...แล้วไปนานหรือยัง หรือว่าเครื่องออกวันนี้!” มือที่ถือโทรศัพท์เริ่มสั่น ลู่หานนั่งลงบนโซฟาเพราะรู้สึกหมดแรง


    (ไหนมันว่าบอกแล้วไงวะ...) เป็นเสียงบ่นของใครอีกคนแทรกมาแบบไม่ได้ตั้งใจ (มันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วน่ะ ตอนแรกเห็นว่าจะทำเดือนนี้ก่อนแต่จู่ๆก็ลาออกเลย)


    “แล้ว ....แล้วนายรู้ไหมว่าจะกลับมาเมื่อไหร่”


    (ก็ไม่รู้สิ เห็นว่าจะไปช่วยงานรีสอร์ทของพ่อแม่ โทษทีนะดูเหมือนนายก็ไม่ได้รู้อะไรเท่าไหร่ ไว้ฉันติดต่อมันได้จะเอาข่าวมาบอกแล้วกัน)


    “ขอบคุณนะ” ปลายสายถูกตัดทิ้งไป


    ลู่หานเอาแต่นั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนโซฟาจนป้าต้องมาปลอบ ถ้าวันนั้นเขาให้โอกาสเซฮุน ถ้าหากวันนั้นเขายอมฝั่งสิ่งที่อีกคนพูดจนจบ ถ้าหากว่าตอนนั้นลู่หานพูดสิ่งที่ตรงกับหัวใจไป ถ้าหากเซฮุนยังอยู่ตรงนี้


    ...เขาก็คงไม่ต้องมาเจ็บจะขาดใจ


    ความรักพังๆของเรา มันก็คงต้องจบแบบนี้แหละ


    ไม่มีใครถูกที่สุดหรือผิดที่สุดอยู่แล้ว เพราะถ้ามัวแต่หาคนรับโทษ สุดท้ายมันก็ไปไม่รอดทั้งสองฝ่าย แทนที่จะประคับประคองไปด้วยกัน ทว่าพอคนหนึ่งจับอีกคนก็ปล่อย แล้วเพียงแค่มือข้างเดียวจะไปทำอะไรได้หากไม่มีอีกข้างมาเติมเต็ม


    คงต้องรอเวลาให้ทั้งสองพร้อมจับมือไปด้วยกันอีกครั้ง


    รักของพวกเขาจึงจะสมบูรณ์


     


     


     


    THE END









    (3) เรื่องมันก็คงต้องจบแบบนี้ล่ะเนอะ //อย่าปาร้องเท้า ปาเซฮุนมาก็พอ

    ถ้าอยากให้มีสเปเชี่ยลก็ขอกำลังใจหน่อยนะคะ T^T


    (2)หูยยยย ผมก็เจ็บแทนพี่ฮุนเลยอะเอาจริงๆ

    อาจจะไม่นางพญามาก แต่ทำเซฮุนสะอึกได้นะเอ้อ!


    (1)กลับมาแล้ววววววว ฮืออออออ หายไปทั้งปีกันเลยทีเดียว ขออภัยจริงๆค่ะ มันมีทั้งช่วงที่ต่อไม่ติดแล้วเราก็สอบด้วย

    จนตอนนี้สอบเข้าได้แล้ว เย่! เลยกลับมาอัพแล้วค่ะ สัญญาว่าจะต่อให้จบนะคะ

    ใครไม่เคยอ่านหรืออ่านมาแล้วก็แนะนำให้อ่านใหม่ค่ะ ลืมแน่ๆ555




    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×