คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : inter high......บทนำ ฝนตกพบรัก
บทนำ ฝนตก...พบรัก
ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน กระทั่งอายุสิบแปด แต่ผมก็ยังไม่เคยตกหลุมรัก บ่อยครั้งที่เห็นคู่รักหนุ่มสาวเดินกุมมือกันตามห้าง นั่งทานข้าวสองต่อสอง มอบช่อดอกไม้ ออกเดต ซื้อของขวัญให้กัน
ผมมองคนพวกนั้นแล้วได้แต่นึกอิจฉา และในบางครั้งก็แอบสงสัย
ทำไมความรัก จึงสามารถทำให้คนบางคนเปลี่ยนไปได้ แม้กระทั่งซองฮุนเพื่อนของผม หนึ่งในห้าหนุ่มอินเตอร์ไฮ ก็ยังเปลี่ยนไปเพราะความรัก จากที่เคยเย็นชาแข็งกระด้าง กลายเป็นอ่อนโยนขึ้น ยิ้มมากขึ้น โซดาเองก็ดูมีความสุข หลังจากที่ก่อนหน้านี้ความรักของเธอมีแต่อุปสรรคนานับประการ แต่ในที่สุดพวกเขาทั้งสองก็ผ่านพ้นมันมาจนได้
อานุภาพแห่งรักงั้นหรือ?
บอกตามตรงว่าผมยังไม่เข้าใจ ทั้งที่ในสายตาเพื่อนคนอื่นๆผมเป็นผู้ชายที่อ่อนโยนนุ่มนวลที่สุดเมื่อเทียบกับพวกเขา แต่เมื่อวิเคราะห์กันดีๆแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนล้วนเคยมีประสบการด้านความรักมาทั้งนั้น อย่างที่พวกคุณรู้ ซองฮุนกับโซดาเป็นคู่รักกัน แต่อึนยองก็แอบชอบโซดามาก่อน (จริงอยู่ที่หมอนี่ตัดใจแล้วใช้ชีวิตเยี่ยงมาเฟียอยู่ที่โซล แต่ยังไงก็เถอะ อย่างน้อยเขาก็มีประสบการณ์จูบมาแล้วนะ แล้วผมละ...) ฮันจุนโซ รายนี้ไม่ต้องพูดถึง คนที่เข้าขั้นบ้าผู้หญิงอย่างเขาผ่านประสบการณ์รักมาอย่างโชกโชน ครั้งหนึ่งเขาเคยหลงรักพี่สาวของเรียวอย่างหัวปรักหัวปรำ และก่อนหน้าที่พวกเขาจะแห่มาเที่ยวที่เมืองไทย จุนโซได้เข้าพิธีวิวาห์กับเพื่อนสมัยเด็กที่หลงรักเขายิ่งกว่าชีวิต (เป็นสาวสวยขาโหด ดูเหมือนเธอจะเหมาะกับฉายานี้แฮะ) แต่หลังจากแต่งงานได้ไม่กี่เดือน ในที่สุดหมอนั่นก็หนีกลับมาเมืองไทยใน นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็สามสิบวันพอดี แน่นอนว่าหลังจากนี้... ช่างเถอะครับ ผมว่ารอดูดีกว่า ว่าจางโบราจะตามมาอาละวาดเมื่อไหร่
แน่นอนว่าคนสุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือเรียว ถึงแม้เขาจะไม่เคยแสดงท่าทีคลั่งไคล้สาวๆคนไหน หรือมีประวัติว่าเคยมีคนรักเป็นตัวเป็นตน แต่จะยังไง หมอนี่ก็เคยเสียจูบแรกไปแล้ว ซึ่งถ้าลองเทียบพวกเขาทั้งสี่คนกับผม...
เรียกว่าไก่อ่อนเลยน่าจะง่ายกว่า
บางครั้งผมก็ชักสับสนตัวเอง ถึงแม้ในรั้วมหาลัยแห่งนี้ ผมจะถูกสารภาพรักจากเพื่อนผู้หญิงนับครั้งไม่ถ้วน และหลายต่อหลายครั้งที่ได้รับโทรศัพท์แปลกๆจากพวกผู้ชาย (คงไม่ต้องบอกมั้งครับว่าเป็นโทรศัพท์ประเภทไหน ผมยังสงสัยอยู่เลยว่าเจ้าพวกนั้นกำลังคิดว่าผมเป็นทอมแล้วพยายามจะทำให้กลับไปเป็นผู้หญิงหรือเปล่า)
เออ...จะว่าไป ผมก็ไม่เคยตกลงปลงใจกับผู้หญิงคนไหนสักที หรือว่าที่จริงแล้วผมจะไม่ได้ชอบผู้หญิงกันนะ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมก็คงจะเป็นพวก...
มะ ไม่มีทางหรอกน่า ผมไม่มีทางเป็นพวกอย่างว่าแน่นอน
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมจิตตกเอาแต่คิดวกวน ว่าตกลงผมเป็นพวกผิดปกติทางเพศหรือไม่ คำถามเหล่านี้หลอกหลอนจนผมคิดจริงๆจังๆว่า หรือควรจะเข้าพบจิตแพทย์ดี เพราะจะว่าไป ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผู้หญิงเลย ไม่รู้แม้กระทั่งสเปกผู้หญิงที่ตัวเองชอบด้วยซ้ำ
และในวันนั้น วันที่ฝนตกหนักจนผมต้องติดอยู่ในตึกคณะนิเทศศาสตร์ ร่วมชั่วโมงที่เม็ดฝนตกกระหน่ำอย่างไม่ปราณี เสียงฟ้าร้องคอยส่งเสียงดังครืนครานทำผมไม่กล้าขยับไปไหน แล้วในที่สุดเธอก็ปรากฏตัว หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาในตัวอาคาร ผิวขาวของเธอซีดเซียวและเป็นรอยแดงจากการวิ่งผ่านห่าฝน ผมดำเป็นลอนยาวสยายเปียกลีบยู่กลางหลัง เสื้อนักศึกษาสีขาวรัดรูปแนบกับลำตัวเผยให้เห็นทุกส่วนสัด ทั้งส่วนเว้าส่วนโค้ง ทรวดทรงอกเอวหรือแม้แต่สีซับในที่เธอใส่
บ้าจริง คิดอะไรแบบนี้วะ
ผมบังคับให้ตัวเองต้องเบือนหน้าหนี เป็นพอดีกับที่เธอวิ่งมาถึงแล้วก็ช่างบังเอิญเสียจริง ที่เธอเลือกมายืนข้างๆผม แทนที่จะเป็นตรงกลุ่มนักศึกษาชายสี่คนที่กำลังจ้องสรีสระของเธอตาเป็นมัน
ที่จริง คงไม่ใช่แค่รูปร่างเย้ายวนของเธอเป็นแน่ที่สะกดสายตาเจ้าพวกนั้นไว้ แต่คิดว่าคงเป็นรูปหน้าสวยเฉี่ยวกับนัยน์ตาคมสีนิลแสนเซ็กซี่ ดูเหมาะเจาะเหลือเกินกับจมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากอิ่มแดงซึ่งกำลังสั่นระริก หยดน้ำไหลย้อยเกาะตามใบหน้าขาวเนียน ขนตาที่ทั้งหนาทั้งยาวเปียกชุ่ม ส่งผลให้ดวงตาของเธอฉ่ำน้ำ
ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวและชวนมองชะมัด เชื่อเถอะว่าผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบอะไรแบบนี้ รูปร่างเย้ายวนชวนหลงใหล ผิวพรรณเนียนละเอียดไร้ตำหนิ อกอึ๋ม สะโพกผาย ปากอิ่ม จมูกโด่ง แม้แต่ร่างกายซึ่งสั่นเทิ้มด้วยความหนาวยังแลดูน่าปกป้อง เห็นแล้วมันชวนให้อยากทะนุถนอมจนถึงขั้นอยากจะครอบครองไว้
บ้าจริง อะไรที่ทำให้ผมคิดน่าเกลียดแบบนี้ได้นะ ทำอย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับฮันจุนโซน่ะสิ!
ผมพยายามดึงสามัญสำนึกกลับคืนมา แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่อาจยืนมองเฉยๆได้ และก็ไม่ขอปฏิเสธด้วยว่าผมรู้สึกแปลกๆและพลุ่งพล่านอย่างบอกไม่ถูก เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมต้องหันมามองแล้วมองอีก ที่สำคัญ หัวใจที่มันไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้ กำลังเต้นดังโครมครามแล้วก็สั่นไหวแบบแปลกๆซะด้วย
เอาแล้วไง แบบนี้ เรียกว่างานเข้าได้มั้ยนะ
อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าไม่อาจยืนมองเฉยๆได้ เพราะผมคิดว่าควรทำอะไรสักอย่าง นั่นเพราะอย่างแรกเลยคือท่าทางเธอคงจะกำลังหนาวมาก และเธอก็เริ่มจามติดๆกันหลายครั้งแล้วด้วย อย่างที่สอง ซึ่งน่าเป็นห่วงกว่าอย่างแรก สายตาของเจ้าพวกนักศึกษาชายสี่คนนั้นชักส่อแววหื่นกระหายมากเกิน และพวกมันก็เริ่มขยับเข้าใกล้เธอมากขึ้นทุกที เจ้าตัวเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกตัวเพราะเธอทำตัวลีบเล็กผิดปกติ
เห็นอย่างนี้แล้วผมคงอยู่เฉยไม่ได้
ผมตัดสินใจถอดเสื้อคลุมแบบมีฮู้ดออก และตอนที่ผมเอาฮู้ดออกจากศีรษะ ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอหันมาสบตาพอดี ผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเราประสานสายตากัน ดูเธอจะพินิจมองผมนานมากเป็นพิเศษ ซ้ำยังมองตั้งแต่หัวจรดเท้าเสียด้วย ดวงตาของเธอ... ให้ตายสิ ดวงตาของเธอดำสนิทและมันให้ความรู้สึกมีเสน่ห์ลึกล้ำอย่างบอกไม่ถูก เจ้าตัวคงไม่รู้ว่ากำลังทำให้ผมเขินเพราะว่าเธอดันเอาแต่จ้องตาไม่กระพริบ แต่ถึงยังไงก็ตาม ในที่สุดผมก็ส่งเสื้อคลุมสีแดงสดให้เธอ
“เอ่อ...เธอคงหนาว แล้วก็ มันคงดูไม่ดีถ้าปล่อยให้เธอเปียกอยู่ในชุดนี้” พูดแล้วผมก็พยักพเยิดหน้าไปทางเจ้าสี่คนนั้น
“อ๊ะ...อืม” เธอตอบรับด้วยใบหน้าที่แดงจัด (หรือผมจะคิดไปเอง) ก่อนจะยื่นมือมารับไว้
ผมไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากยิ้มเล็กน้อย เธอเองก็ดูเคอะเขินไม่แพ้กัน แต่หลังจากนั้น เธอก็ขยับยิ้มออกมาจนได้ มันทำให้ผมอึ้งไปเลย หัวใจของผมราวกับถูกกระชากออกจากอกอย่างไรอย่างนั้น
ถ้าในสถานการณ์นี้ คนที่ยืนอยู่ที่นี้ตรงนี้คือจุนโซ หมอนั่นจะทำยังไงนะ
อาจจะขอเบอร์ หรือไม่ก็อาสาไปส่งเธอถึงบ้าน หรือไม่ก็... อืม บางทีเจ้าบ้านั่นอาจจะทำมากกว่าที่ผมคิดก็ได้... ช่างเถอะ อย่าพยายามคิดอะไรที่มันน่ากลัวและเป็นภัยต่อสังคมท่าจะดีกว่า
“ไม่เคยเห็นนายมาก่อนเลย แต่ว่า ขอบคุณสำหรับเสื้อนะ”
หัวใจผมเต้นแรงอีกครั้งกับคำพูดด้วยรอยยิ้มเขินๆนั่น เสื้อคลุมที่ผมใส่ประจำตัวนี้ ปกติก็ว่าใหญ่อยู่แล้ว แต่มันกลับใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเมื่อถูกสวมลงบนร่างของเธอ ยิ่งทำให้เธอดูเซ็กซี่มากขึ้นไปอีก
ผมชักจะเข้าขั้นโรคจิตเข้าไปทุกทีแล้ว
“
”
“
”
เงียบ... ในฐานะที่เป็นผู้ชายผมควรจะชวนเธอคุยดีมั้ยนะ แต่ว่า ให้ตายสิ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ผมควรจะพูดหรือคุยอะไร
เพิ่งเห็นว่าฮันจุนโซมีความสำคัญก็วันนี้เอง
ว่าแต่ ทำไมในเวลาแบบนี้ ผมต้องนึกถึงแต่เจ้าเพื่อนบ้านั่นด้วยนะ
“นี่ ขอเบอร์หน่อยได้มั้ย”
“ห๊ะ?”
“นะ! เบอร์โทรของนาย ขอฉันหน่อยเถอะ!”
คราวนี้เธอกระชากหัวใจผมไปแล้วจริงๆ เพราะนอกจากคำพูดนั้นบวกกับสีหน้าอ้อนแกมขอร้องแล้ว เธอยังคว้ามือผมไปกุมไว้ ดวงตาของเธอเป็นประกายราวกับมีใครจุดไฟบางอย่างให้เธอ
ถึงจะทั้งตื่นเต้นและตกใจ แต่ในที่สุดผมก็
“ครับ”
++++++++++++++++++++++++++++++
อ่านจบแล้วก็คอมเมนต์ติ-ชม แสดงความคิดเห็นกันได้นะค่า
จะตอบทุกคอมเมนต์แน่นอนค่า
ความคิดเห็น