ตอนที่ 56 : The Keyz(2) 56 My sweetest dream
[56]
ฉันเดินผ่านทุ่งหญ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ดอกหญ้าเอนอ่อนตามแรงลม ลมหนาวเจือกลิ่นอายของความเหงา ตัดกับแสงแดดอันอบอุ่นที่ทอแสงลงมาบรรเทาความหนาวได้
เมื่อเลื่อนสายตาไปหยุด ณ ต้นไม้ใหญ่...เขาก็อยู่ที่นั่น
บุรุษร่างหนาที่นอนเอนกายพิงต้นไม้ เรือนผมสีเงินขยับตามกระแสลมอ่อนๆ
ฉันยิ้ม พลางเดินเข้าไปปลุกเขาอย่างเคย
"ไง นาย...ตื่นได้แล้ว"ฉันก้มลงแตะไหล่เขาเบาๆ และเมื่อแพขนตาของเขาเริ่มขยับ สักพักนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มก็จ้องตอบกลับมา
"มาแล้วเหรอ"เสียงทุ้มเอ่ยทัก
"ฉันมาแล้ว"ฉันพยักหน้าก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา
เราเงียบใส่กันอยู่นาน ฉันไม่รู้ว่าควรเริ่มยังไง ในใจรู้สึกไปหมดทุกอย่าง ทั้งดีใจ สับสน และตื่นเต้น
"วันนี้มีเรื่องอะไรเล่าให้ฉันฟังไหม..."เสียงของเขาเรียบเรื่อยแผ่วเบาน่าฟัง ชวนให้รู้สึกผ่อนคลาย
"มี...ข่าวดีเชียวล่ะ^^"ฉันยิ้ม และยิ่งยิ้มกว้างเมื่อเขาจ้องฉันแล้วยิ้มตาม "นายยิ้มอะไร นายควรจะถามสิว่ามีเรื่องอะไรน่ายินดีหรือ?"ฉันเลียนเสียงทุ้มต่ำของเขา แล้วหัวเราะคิกคัก
"มีเรื่องอะไรน่ายินดีหรือ"เขาเลิกคิ้ว พลางพูดตามอย่างว่าง่าย
"ฉันสอบได้น่ะ...เรียนแพทย์ จะได้ไปรักษาคนอื่น"ฉันไม่อาจละสายตาจากดวงหน้าคมคายนั่นได้เลย
"ฮีลเลอร์น่ะหรือ"
"อะไรนะ?"
"...เปล่า...ยินดีด้วยนะ"เขายิ้มจาง ก่อนจะหลุบตาลง แล้วเบือนหน้าไปอีกทาง
"เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ ประหลาดจัง...นี่ บอกฉันมานะ!>_<"ฉันคุกเข่า เขย่าตัวเขาด้วยมือทั้งสองข้างอย่างแรง เมื่อสัมผัสร่างอุ่นๆของเขา ก็อดชะงักไม่ได้
มันอุ่น...ฉันสัมผัสเขาได้ มันเหมือนจริงมากๆ
"นาย คนไม่มีชื่อ!!!"ฉันเรียกเขาด้วยสรรพนามที่ตั้งขึ้นมาเอง เพราะเขาไม่เคยบอกว่าเป็นใคร "ฮีลเลอร์คืออะไรเหรอ!!??"
ดูเหมือนเวลาแทบจะหยุดลงเมื่อเขาหันหน้ามาขณะที่ฉันกำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้...
ตึกๆ ตึกๆ
ให้ตายสิ ฉัน...รู้สึกร้อนหน้าอีกแล้ว
อดสงสัยไม่ได้ ว่าในเมื่อฉันสัมผัสเขาได้...แล้วถ้าจูบ...จะได้ไหมนะ
"นาย...นายจะว่าอะไรไหมถ้า..."ฉันกลืนน้ำลายลงคอ เลื่อนสายตาไปยังปากเรียวบางได้รูปนั่น
"ฮีลเลอร์..."เขากลับขัดขึ้นอย่างนิ่มนวล ยื่นหน้าเข้ามาชิดจนจมูกของเราแตะกันเบาๆ "คืออาชีพในโลกของฉัน หมายถึงผู้รักษา...เหมือนเธอ"
"อ๋อ...อย่างนี้เอง"ฉันพูดเสียงแหบพร่า ใจเต้นรัวอย่างตื่นเต้นสุดขีด
...
..
.
กริ๊งงงงงงงงงงงงง
ฉันเกลียดนาฬิกาปลุกที่สุด...
"ไม่น้าาาา~~!!!!"ฉันเบิกตาโพลง พลางเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว
หายไปอีกแล้ว...
พอตื่นขึ้นมา มันก็กลายเป็นแค่ความฝัน
ตึกๆ ตึกๆ
ฉันยกมือขึ้นทาบอก ก่อนจะเลื่อนขึ้นมาจับใบหน้าที่ยังรู้สึกร้อนผ่าว
แต่ความรู้สึกแบบนั้นมัน...
"งั้นเธอจะบอกว่า เจอเขาคนนั้น ในฝันอีกแล้วหรอ!!!?" เสียงของเรน่าดังขึ้นจากปลายสายโทรศัพท์ เมื่อฉันเล่าความฝันของฉันให้หล่อนฟัง ตอนแรกฉันคิดว่าคงเป็นเพราะเหงา ถึงได้ฝันละเมอเพ้อพกถึงชายหนุ่มรูปหล่อประดุจเจ้าชายนั่น...แต่กลายเป็นว่ามันเหมือนเป็นฝันที่ต่อเนื่อง เพราะทุกคืนที่ฝัน ก็จะเห็นเขานอนหลับอยู่ที่ไหนซักแห่ง ฉันก็เข้าไปปลุกเขา ก่อนที่เราจะพูดคุยกัน...และเริ่มทำความรู้จักกันตั้งแต่นั้นมา
"อืม ครั้งที่เจ็ดแล้วล่ะ"
"แล้วรู้จักชื่อเขารึเปล่า"
"ไม่อ่ะ...เขาเคยพยายามจะบอก แต่พอเขาพูดมันเหมือนว่าจู่ๆเสียงก็หายไป แล้วฉันก็ไม่ได้ยินอะไรเลย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นอีกแล้ว...เฮ้อ!"ฉันถอนหายใจแรงเมื่อนึกถึงฝันล่าสุด...เสียดายชะมัดเลย!!
โดยที่ไม่รู้ตัว ฉันก็คว้าเอานาฬิกาปลุกมากัดเล่นอย่างหมั่นไส้
หึ้ย! ลืมว่าวันนี้วันหยุด แล้วฉันจะรีบตื่นทำไมเนี่ย!
"ฮ่าๆๆๆ น้ำเสียงไม่สดใสเลยนะ เอางี้ ในฐานะนักวาดการ์ตูนที่กำลังจะโด่งดังน่ะ บอกรูปล่างลักษณะของเขามาซิ ฉันจะไปเขียนแบบให้ เผื่อว่าเธอจะได้เอาไปจิ้นต่อตอนตื่นจากฝันไง ดีมะๆ"
"เรน่า!!!=\\\="ฉันแหวเสียงสูง แต่แอบหวั่นไหวในใจเล็กๆ "นี่ฉันกำลังจะเป็นบ้าใช่ไหม ทำไมถึงฝันแบบนั้นกันนะ..."
"อย่าคิดมากเลย มันก็แค่ฝันล่ะน่า"
นั่นสิ...นั่นสินะ
มันจะเป็นไปได้ยังไง
เขา...ไม่มีตัวตนอยู่จริงๆหรอก
"อะเมทิสต์?"
"ป้าเอลี่เรียกน่ะ แค่นี้ก่อนนะ เรน่า ขอบใจมากที่คอยฟังฉันเล่าเรื่องแปลกๆพวกนี้"
หลังจากวางสายจากเรน่า...ฉันก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
ฉันคิดว่าถึงเวลาที่ต้องไปพบจิตแพทย์แล้วล่ะ.......
...
ป้ายโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแคปริคอร์นทำจากไม้ ล้อมด้วยกรอบสีทอง
อะเมทิสต์เหลียวซ้าย แลขวา เมื่อไม่เห็นคนรู้จักที่นี่ หล่อนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
"มาทำอะไรเหรอครับ^^"
"เย้ย!!!...น...นาย?"หญิงสาวมองร่างสูงโปร่งที่ปราดเข้ามาหา ตาสีฟ้าเทา กับรอยยิ้มปนทะเล้น ทำให้นึกได้ว่าชายคนนี้คือพนักงานร้านขนมที่เจอเมื่อวานนี่เอง
"อ้อ โทษทีๆ ลืมแนะนำตัวน่ะ ฉัน ราล์ฟเฟ ครอส^^"ด้วยการพูดอย่างลื่นไหล อะเมทิสต์ก็เผลอยื่นมือไปเช็คแฮนด์ตอบอย่างงงๆ
"ฉันอะเมทิสต์..."
"ไม่สบายตรงไหนหรือครับ"สายตาราล์ฟเฟพยายามจ้องหาความผิดปกติ ขณะที่แพทตี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก เตรียมทาบฝ่ามือหวังว่าจะทำการรักษาโดยการฮีลทันทีเมื่อระบุตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บแน่ชัดแล้ว เพราะหากมือสัมผัสแค่เสี้ยววิ...ไม่ว่าจะจะเป็นแผล เจ็บปวดตรงไหน ก็จะหายได้อย่างรวดเร็ว
"เปล่าหรอกค่ะ...จริงๆแล้วฉันมาพบจิตแพทย์น่ะ"หล่อนยิ้มแห้งๆ หลังพูดออกไปแล้วเพิ่งคิดได้ว่าไม่ควรบอกข้อมูลที่แม้แต่เพื่อนสนิทยังไม่รู้ แก่คนที่เพิ่งพบหน้า
"อ๋อ...อย่างนี้นี่เอง ลำบากแย่เลยนะ..."ราล์ฟหรี่ตามองแพทตี้ที่เก็บมือเข้าเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากฉากไปเพราะหมดหน้าที่...
"ขอตัวก่อนนะ...เดี๋ยวสายน่ะ"อะเมทิสต์ยกมือโบกนิดๆก่อนจะวิ่งจากไปอย่างเร็ว โดยมีสายตาหลายคู่มองจ้องร่างนั้นโดยไม่วางตา
"ก็พอรู้อยู่บ้างว่ายัยนั่นน่ะไม่ปกติ แต่ถึงลบความทรงจำแล้วมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาบ้างเรอะ!"การ์มีที่ยืนสังเกตุอยู่ก็เข้ามาสมทบ
"เดี๋ยวก็รู้...นี่น่ะมันถิ่นเรานี่นะ"ราล์ฟพึมพำเบาๆ นึกถึงนัยน์ตาสีแดงคู่เดิม...แม้จะเปลี่ยนเป็นสีม่วงอะเมทิสต์ก็ตาม
แต่รอยเศร้านั่นน่ะ...มันกลับยังอยู่ที่เดิมนี่นา
...
นัยน์ตาตาสีแดงฉานภายใต้กรอบแว่นสีแดง เพ่งพิจหญิงสาวตรงหน้ากำลังเล่าเหตุการณ์เกี่ยวกับความฝัน บุรุษลึกลับ เนื้อความนั้นเขาฟังเพียงคร่าวๆ แต่ที่เขาสนใจคือสีหน้า ท่าทางทุกอิริยาบถ เสียงที่เขาโหยหาจะพบ และวันนี้ก็ได้สมหวัง...
ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
"...ฉันรู้สึกว่ามันแปลก...แปลกมากๆเลยค่ะ นี่ฉันกำลังจะเป็นบ้าหรือเปล่าคะ ฉันควรทำไงดีคะToT"อะเมทิสต์เริ่มมีน้ำตาคลอหน่วง ดูแล้วนั่นคงเป็นเรื่องที่ทำให้หล่อนไม่สบายใจจริงๆสินะ
"เธอคงจะเหงา และแทบไม่ได้ใกล้ชิดเพื่อนชายคนไหนเลย บางทีมันอาจจะเป็นเพราะ...เก็บกด"
"รุ่นพี่..."อะเมทิสต์มักเรียกเขาแบบนั้น เพราะตามหลักแล้วเขาควรจบก่อนหล่อนหลายปี...แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้เรียนจิตแพทย์มา แต่เมื่อได้ยินว่าหล่อนกำลังจะมาที่นี่ จึงมาสวมบทบาทเป็นรุ่นพี่ที่เรียนจิตแพทย์ทันที
"วันนี้ฉันพอมีเวลานะ เธอสะดวกไหม อยากจะพาไปหาอะไรกินซักหน่อยน่ะ"
ตรงไปไหมนะ...
แย่ล่ะสิ...เธอจะอึดอัดรึเปล่านะ...(แพทริกซ์เริ่มเหงื่อแตกพลั่กแม้อุณหภูมิในห้องจะเย็นจัด)
"วันนี้หรือคะ…”เมื่อมองนัยน์ตาสีอะเมทิสต์เหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง เขาก็เริ่มเกร็งจนต้องกำปากกาในมือไว้แน่น “ได้ค่ะ ป้าเอลี่คงกลับดึกหน่อย ฉันกลับบ้านช้าคงไม่เป็นไรหรอก”
เคร้ง
ปากกาในมือหนาพลันหล่นลงไปยังพื้นกระเบื้อง ไฟลุกพรึ่บทันที โดยเจ้าตัวรีบปัดแก้วน้ำบนโต๊ะให้ตกราดลงไปบนกองเพลิงเล็กๆนั่น พลางนึกตำหนิตัวเองที่กุมความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่
“เมื่อกี้นี่มัน…”หญิงสาวลุกยืนพรึ่บ สีหน้าแตกตื่นนิดๆ “ไฟหรือคะ!!”
“ไม่…ไม่ใช่หรอก…ไฟฉายน่ะ มันเป็นปากกาที่มีไฟสีส้มเหมือนไฟจริงๆเลยล่ะ”แพทริกซ์ตอบอย่างรวดเร็ว แทบจะไม่เว้นจังหวะหายใจ
“อ๋อ”เมื่อแมวน้อยตัวนั้นดูจะไม่ใส่ใจกับเวทย์มนตร์ที่เพิ่งเห็นกับตาไปหยกๆ ก็พลันโล่งอก จากนั้นความดีใจก็ท่วมท้นเต็มเปี่ยม
บางทีโอกาสของเขาคงมาถึงแล้ว
ในเมื่อศัตรูคู่แข่งหัวใจไม่ได้ถูกเธอจดจำ แต่หลงเหลือเพียงในความฝัน ความทรงจำส่วนลึกของอะความารีน ฮีลเลอร์ ที่ไม่ลบเลือนภาพตัวตน ทรอนซีรา…
แต่เขามีตัวตนในโลกของเธอได้…
“มีร้านขนมหวานที่นึง ที่ฉันอยากพาไป รสชาติดี ขนมอร่อย ไม่ห่างจากที่นี่มาก ไปด้วยกันนะคะ”
แพทริกซ์ตอบรับแทบจะทันที เผลอไผลราวต้องมนตร์สะกดเมื่อมองรอยยิ้มสดใสที่พลอยทำให้โลกสว่างไสวตาม
…
“เอาจริงดิ…หมอนั่นน่ะ”ราล์ฟเฟนั่งยอง ใต้เคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับการ์มีที่นั่งอู้งานอยู่ข้างๆ
“ไม่คิดเหมือนกันว่าหมอนั่นจะลงทุนใช้ไม้นี้ ถึงจะเข้าใจเหตุผลก็เถอะ”ชายหนุ่มผมทองชะเง้อมองดวงหน้าคมคายภายใต้โคมไฟระย้า นัยน์ตาสีแดงเป็นประกายเมื่อมองสบกับหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงข้าม แม้ภายนอกจะดูเหมือนกำลังสนทนาเรียบเรื่อย แต่กลับมีรังสีการทำลายล้างปราดมองมาที่พวกเขาเป็นระยะ
“แล้วพวกนายจะนั่งอู้กันอีกนานไหม งานเยอะขนาดนี้ ช่วยๆกันหน่อยสิเห้ย - -”โซลโยนผ้าเช็ดมือที่ใช้แล้วไปยังกึ่งกลางหัวของราล์ฟเฟพอดิบพอดี
“พวกเราทำงานหนักที่สุด คือหลบหน้าแพทริกซ์นี่ไง ถ้าฉันเสนอหน้าไปอยู่หน้าร้านล่ะก็ ทั้งร้านทั้งพวกเราได้พังยับแน่!”ราล์ฟสะบัดเอาผ้าออกมาดมๆแล้วโยนทิ้งไปข้างๆ
“แล้วทำไมเราไม่บอกหมอนั่นตั้งแต่แรกว่าพวกเราแอบตามคุ้มครองยัยนั่นอยู่ห่างๆ วุ้ย! ไอ้ราล์ฟ เอาผ้าเน่าๆมาถูกหน้าฉันทำม๊าย!”การ์มีร้องเสียงสูง ก่อนลุกพรวดขึ้นทันที ทำให้แพทตี้ที่มีถาดเสริ์ฟอาหารอยู่ในมือนั้นเซล้มไปอีกทาง
หมับ
โซลปราดเข้ามารับร่างโดยวางมือไว้บนแผ่นหลังอย่างเบามือ
“โอ๊ะ โอ”ราล์ฟตาโต ก่อนจะค่อยๆย่องจากครัว
“เลิฟซีน นานๆที”การ์มียักไหล่ ก่อนจะเดินตามราล์ฟไปติดๆ
“โซล…ปล่อยได้แล้วล่ะ ฉันยืนได้”เสียงหวานเอ่ยเรียบเรื่อยเสมือนลมที่พัดผ่านเบาๆ เมื่อชายหนุ่มได้ยินดังนั้นจึงเริ่มทำตัวไม่ถูก ค่อยๆคลายมือจากร่างนั่นแต่ยังคงทำท่าเก้ๆกังๆ
จุ้บ
ร่างบางเขย่งเท้าเพื่อที่จะให้ริมฝีปากเล็กๆแตะแก้มคนสูงอย่างแผ่วเบา
โซลยืนแข็งค้าง ตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงหน้าเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อ
“=///=”
“(‘ ‘)”
“แพทตี้”
“(‘ ‘)”
“เฮ้อ…จิตหลุดไปแล้วสินะ”โซลปัดมือไปมาไปยังดวงหน้าของสาวน้อยตรงหน้า ที่ริอาจจู่โจมเขา แต่กลับเป็นฝ่ายเขินจนจิตวิญญาณหลุดลอยไป เหมือนทุกครั้งที่หล่อนเจอกับสถานการณ์ที่รู้สึกว่าน่าขายหน้า
หมับ
โซลยิ้มเมื่ออุ้มร่างบางไว้ในอ้อมกอด นัยน์ตาสีฟ้าเป็นประกายจ้องสบเขา หากแต่ไม่มีปฎิกริยาตอบโต้ใดใด ไม่แม้แต่จะกระพริบตา…เขาค่อยๆบรรจงวางร่างนั่นไว้บนโซฟา ในห้องพักติดกับหน้าร้าน เป็นที่ที่พวกเขาพักผ่อนยามที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน
“มันไม่แฟร์เลยนะ ที่เธอทำแบบนั้น แล้วก็หายไปแบบนี้”โซลคลี่ยิ้มจางๆ เลื่อนมือขึ้นปัดผมที่ปรกดวงหน้าหวานละมุน อย่างนุ่มนวล ก่อนจะหลับตาพริ้มแล้วค่อยๆโน้มหน้าลงไปใกล้…
“อร่อยไหมคะรุ่นพี่^^” ฉันตักไอศกรีมรสเชอร์เบทมะนาวไปอีกหนึ่งคำ พลางดื่มน้ำพั้นช์พลาง “ฉันได้บัตรกำนัลจากร้านนี้มาเยอะเลย เครื่องดื่มฟรีตลอดปีด้วยน้า”
“งั้นหรอ…”สีหน้าของรุ่นพี่ดูจะเคร่งเครียดเป็นพิเศษ แถมยังแอบมองไปที่ครัวเป็นพักๆด้วย ไม่รู้ว่าเขาไม่สะดวกใจ หรือว่ามีอะไรหรือเปล่านะ??
“รุ่นพี่คะ…รุ่นพี่?”ฉันต้องเรียกเขาสองสามครั้ง เขาถึงจะหันมามอง จึงอดถามขึ้นมาไม่ได้ “รู้จักพนักงานที่นี่หรอคะ…จริงๆแล้วฉันก็เจอพวกเขาเมื่อเช้า ที่โรงพยาบาลเอง บางทีอาจจะรู้จักกันก็ได้นะ”
“อ๋อ…ไม่รู้จักหรอก…ทานเสร็จแล้วก็รีบไปกันเถอะ พี่อยากพาเธอไปเดินเล่น เที่ยวเล่น แบบที่ชีวิตวัยรุ่นควรจะทำบ้างอะนะ”นัยน์ตาสีแดงกลับมาเป็นประกายอ่อนโยนอีกครั้ง เขาพูดพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น อะไรบางอย่างทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาคนนี้พึ่งพาได้ และไว้ใจได้
“ตกลง วันนี้ฉันจะเป็นเด็กมอปลายที่ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นวันหนึ่งล่ะ ฮ่า!”ฉันรีบตักไอศกรีมที่เหลือเข้าท้องก่อนที่จะเช็คบิล และออกไปจากร้านแห่งนี้
“โซล”แพทตี้ขยับตัว เมื่อมองเห็นชายหนุ่มนั่งอยู่ที่ปลายโซฟาอยู่ไกลโข หล่อนจึงยันตัวขึ้นนั่ง
“กลับมาแล้วหรอ…รอบนี้ไปซะนานเชียวนะ…ยัยบ๊อง”โซลบ่นอุบ เมื่อเห็นว่าจิตของหญิงสาวกลับเข้าร่างได้ปลอดภัยเขาจึงลุกขึ้นเตรียมที่จะไปทำงานที่เหลือต่อ(ซึ่งตอนนี้เป็นราล์ฟและการ์มีที่ต้องทำหน้าที่พ่อครัวแทน…หากปล่อยไว้นานกว่านี้มารีอาคงต้องเซ้งร้านอีกไม่นานเป็นแน่)
“ฉัน…เห็นทรอนซ์”เสียงหวานดังท่ามกลางความเงียบ…และทุกคนก็ได้ยินพร้อมๆกัน
“ว่าไงนะ!!/อะไรนะ!!/อะไรทรอนซ์นะ!!?”เสียงของกลุ่มคนจึงมารวมกันอยู่ที่เดียว คือล้อมรอบร่างเล็กของสาวน้อยพลังจิต แพทตี้มองสีหน้าของราล์ฟ การ์มี มารีอา และโซล ที่มองมาที่หล่อนเป็นตาเดียว ด้วยความสนใจยิ่ง
“ไม่สิ ฉันเห็นจิตของเขา…เขาอยู่ข้างๆอะความารีน ตลอดเวลา…อยู่ใกล้กับพวกเรา แต่เรากลับมองไม่เห็นเขาเท่านั้นเอง”แพทตี้พูดด้วยเสียงเย็นเยียบประดุจน้ำแข็ง สีหน้าราบเรียบ บรรยากาศจึงคล้ายกับรายการผีหลังข่าวก็ไม่ปาน
“เธอพูดอะไรอย่างนั้นน่ะ แพทตี้”ราล์ฟผู้ไม่ค่อยถูกกับผีนัก รีบหัวเราะกลบเกลื่อนทำลายบรรยากาศขนหัวลุกออกไปก่อน
“จริงหรือ ที่ว่าจิตของเขาอยู่แถวๆนี้”มารีอาลดเสียงลง แทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“แล้วเธอจะทำเสียงส่งเสริมบรรยากาศทำไมเล่า สยอง!”ราล์ฟอดแหวไม่ได้
“จริง ฉันได้คุยกับเขานิดหน่อย…แม้ร่างเขาจะอยู่ไกลแสนไกล แต่เมื่อฝึกสมาธิแล้วการเคลื่อนย้ายคลื่นพลังจิตย่อมเป็นไปได้ เหมือนกับฉันที่ทำบ่อยๆ”แพทตี้เลื่อนสายตาไปสบกับโซล ที่หลบหน้าหนีแทบจะทันที
“ถ้าอย่างนั้นเราจะเห็นเขาได้หรือเปล่า!”การ์มีปกปิดน้ำเสียงตื่นเต้นไม่มิด เขาอดมองสังเกตุไปรอบๆไม่ได้เผื่อว่าจะมีอะไรสะดุดตาบ้าง
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก เขาติดตามอะความารีน ฮีลเลอร์เท่านั้น…ทรอนซ์บอกว่าเขาพบเธอได้ในความฝัน คือเวลาที่เธอไม่มีสติป้องกันตัวเองจากคลื่นจิตต่างๆที่แทรกเข้ามาโดยง่าย…เขาเข้าฝันเธอบ่อยๆ”
“ฟังดูน่ากลัวนะว่าไหม”ราล์ฟพยายามโน้มน้าวคนอื่น แม้ว่าจะกลัวแต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้ “แต่บอกเขาไปนะว่าอย่ามาเข้าฝันฉัน ฉันกลัว”
“มีอีกเรื่อง”แพทตี้หยุดชะงัก สีหน้าราบเรียบแปรเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยใช้ความคิด “ทรอนซ์คิดว่าเขาเริ่มมีพลังแข็งแกร่งขึ้น เพราะสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง แม้จะไม่มีร่าง แต่เขาใช้เวทย์มนตร์บทเล็กๆได้ เริ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของเล็กๆได้”
“แต่นั่นมันต้องเป็นผู้ใช้เวทย์พลังจิต เป็นเวทย์ขั้นสูงไม่ใช่หรอ!”มารีอาแย้งขึ้นมาทันที เพราะแม้แต่ท่านย่าของหล่อนซึ่งถือเป็นผู้ใช้เวทย์พลังจิตที่แข็งกล้าที่สุด แต่ก็ยังยากที่จะเคลื่อนจิตพร้อมกับร่ายเวทย์ไปด้วย
“ฉันไม่รู้…ฉันคุยกับเขาแค่แป๊ปเดียว”แพทตี้ยักไหล่เล็กน้อย ร่างบางค่อยๆเคลื่อนจากตำแหน่งที่ยืนอยู่ไปยังร่างสูงหนาของโซล ที่ก้มมองลงมา
“โซล…นายจูบฉัน”
“ห๊ะ!”ราล์ฟอุทานเสียงสูง มองฉากเลิฟซีนอันดุดันของทั้งคู่แล้วเริ่มส่ายหัวปลงๆ ทำไมคาแรกเตอร์นี้มันโหดจังฟะ!
“เราต้อง…แบบว่า เดินออกไปก่อนไหมนะ”การ์มีหันมาถามราล์ฟ เพราะทุกครั้งหมอนั่นจะเป็นผู้นำ(ที่มันอวดอ้างว่ารู้จังหวะเป็นอย่างดี) ส่วนเขาเป็นผู้ตามที่เชื่อฟัง
“ไม่ทันละ”มารีอาปิดหน้า แก้มขึ้นสีระเรื่อ เมื่อเห็นร่างบางคว้าคอเสื้อคนสูงกว่าลงมา จนดวงหน้าแดงแจ๋ของโซลโน้มจนมาชิด แพทตี้จึงประกบริมฝีปากลงอย่างถนัดถนี่
“บางทีฉันก็อิจฉามันนะ…ทำไมฉันไม่มีคู่กับเขาบ้างวะเนี่ย! - -”การ์มีบ่นกระปอดกระแปด ขอตัวเดินเลี่ยงออกไปทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง
…
ฉันเดินเล่นในสวนสาธารณะใจกลางเมือง อยู่กับรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จักพูดคุยกันไม่นาน…ความจริงมันก็รู้สึกไม่เลวนักหรอกนะ กับการที่เข้าหาคนอื่น เข้าสังคมบ้าง เพราะนอกจากเรน่าและป้าเอลี่ที่ฉันรู้จัก ก็ไม่มีใครที่วางใจคุยด้วยอย่างสบายใจแบบนี้ได้
“เป็นยังไง เหนื่อยไหม นั่งพักตรงนี้ก่อนนะเดี๋ยวพี่จะไปหาเครื่องดื่มมาให้”รุ่นพี่ก็ช่างแสนดีเหลือเกิน คอยเทคแคร์ฉันตลอดทั้งวัน ตามใจฉันทุกอย่าง
“ขอบคุณค่ะ^^”ฉันยิ้มแห้งๆ ก่อนจะมองตามร่างหนาที่เดินห่างออกไป เมื่อมองไปรอบๆที่มีแต่ต้นไม้กับเด็กที่วิ่งเล่นในสนามหญ้า ฉันเลือกเดินไปยังม้านั่งสีขาวตัวหนึ่ง…ใกล้ๆมีน้ำพุเล็กๆกำลังพ่นน้ำออกมาเป็นรูปหัวใจโค้งมาบรรจบกัน
นายคนไม่มีชื่อ
ถ้าฉันรู้ชื่อนายก็คงดี
รอยยิ้มของฉันค่อยๆหุบลงเมื่อสายตาพลันสะดุดกับน้ำ…ที่ควรจะเป็นสถานะของเหลว มันแปรเปลี่ยนกลายเป็นน้ำแข็ง…! ท่ามกลางแดดยามเย็นอันร้อนอบอ้าว อุณหภูมิกะเอาน่าจะประมาณ 30 องศา เนี่ยนะ!O_O
เป็นไปได้ยังไงกัน…
ฉันยันตัวเองให้ลุกจากเก้าอี้…ก่อนจะค่อยๆเดินไปยังน้ำพุ ที่ไม่เป็นแค่น้ำอีกต่อไป เหลียวซ้ายแลขวาก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีคนสังเกตุเห็นสถานการณ์แปลกๆแบบนี้
นี่ฉันยังไม่ได้เพี้ยนหนักจนเห็นภาพหลอนหรอกนะ
“อะเมทิสต์?”แพทริกซ์เดินเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มสองกระป๋องในมือ รอยยิ้มพลันหายไปเมื่อเห็นร่างสาวน้อยยืนนิ่งค้าง สีหน้าตื่นตะลึง มือเล็กๆสัมผัสกับน้ำแข็งที่โค้งเป็นรูปหัวใจบนฐานน้ำพุ
“นาย…”เสียงหวานเรียกใครบางคน ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่เขากลับได้ยินชัดเจน
กลิ่นเวทย์…ธาตุน้ำ…บริสุทธิ์
นัยน์ตาสีแดงพลันเบิกโพลง คล้ายมีลูกไฟเล็กๆในดวงตา เขาเข้าไปสะกิดร่างสาวน้อยที่ยืนค้าง จึงเริ่มขยับเมื่อสังเกตุว่ามีคนเรียก
“รุ่นพี่…คนคนนั้น…”ดวงหน้าหวานละมุนดูแตกตื่นระคนยินดี แต่สีหน้ากลับหม่นลงเมื่อหันไปอีกที ที่ที่เธอชี้อยู่นั้น กลับไม่ปรากฎร่างเงา หรือคนที่หล่อนคล้ายกำลังจะอธิบาย…
“ไม่มีคน ที่ไหนเลยนี่”แพทริกซ์เลิกคิ้ว พลางเปิดเครื่องดื่มแล้วยื่นให้สาวน้อยตรงหน้า เธอทำหน้าคล้ายกับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และยังคงดูช็อคกับสิ่งที่เพิ่งเห็น แม้ว่าแพทริกซ์จะไม่รู้ว่าอะไร แต่ก็พอเดาได้…
“คงเป็นเพราะอากาศร้อน”อะเมทิสต์ส่ายหน้าเบาๆ ก้มหน้าก้มตาดื่มเครื่องดื่มรสส้มในมือรวดเดียวหมด นัยน์ตาสีม่วงยังไม่คลายสงสัยและยังเหลือบมองไปยังที่ที่เดิมเป็นระยะ
“บางทีมันทำให้เราเห็นสิ่งที่เราอยากเห็นได้…คล้ายกับภาพลวงตา หรือตาฝาดนั่นล่ะ”แพทริกซ์พูดพลางหัวเราะในลำคอ “ทำไมเราไม่ไปเดินดูอะไรทางนู้นล่ะ เห็นว่ามีดนตรีสดด้วยนะ”
“อืม”สาวน้อยคนข้างๆดูไม่สดใสอย่างเคย แพทริกซ์เดินรั้งท้ายอะเมทิสต์ที่เดินเหม่อจนก้าวนำไปก้าวสองก้าว ดวงหน้าคมคายหันกลับไปยังน้ำแข็งที่ค่อยๆละลายด้วยไฟเวทย์มนตร์ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นน้ำพุตามเดิม
“ทรอนซ์…ถ้านายยังกลับมาไม่ได้ ก็อย่าเข้าใกล้เธอ”เสียงทุ้มเปรยเรียบๆ แผ่วเบาราวสายลม “และถ้าหากนายไม่กลับมา ฉันจะดูแลเธอเอง”
ลมหนาวพัดวูบเข้าปะทะกายเพียงครั้งนึง…แพทริกซ์พลิกกายกลับไปโดยไม่หันกลับไปมองรอบที่สอง
…
Writer: ถูกใจไหมคะ คาดไม่ถึงล่ะสิ 5555 เดี๋ยวขอไรท์กลับไปนอนฝันหาทรอนซ์ก่อนนะ พอดีว่านัดกันไว้อะค่ะ>< กริ๊ดเอง …อย่าลืมคอมเม้นท์น้า <3 ขอบคุณที่ติดตามจริงๆค่ะ
ปล.เรื่องคู่โซลกับแพทตี้พอดีมีคนทักไรท์เลยปิ๊งไอเดียขึ้นเป็นฉากเดือด555 หวังว่าจะถูกใจนะคะ !><
บาบิQ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

มาต่อเร็วๆน่ะค่ะ
ขอบคุณสำหรับเม้นติดตามนะคะ ^^