ตอนที่ 45 : The Key (2) 45 Capricorn
[45]
“ช่วยด้วย ช่วยเราด้วย!”
“ช่วยด้วย”
หญิงสาวเจ้าของร่างที่กำลังแฝงตัวในกระแสลมหยุดกึก พยายามนิ่งเงียบเพื่อรอฟังต้นทางของเสียงปริศนา
“มีอะไรหรือเปล่า?”เสียงทุ้มเปรยขึ้นพร้อมเหลียวหลังกลับมามองเพื่อนรักที่ยืนนิ่งไม่ขยับ
“แกไม่ได้ยินหรอราล์ฟ เมื่อกี้นี่ฉันได้ยินเสียง…”
“หืมม์? ไม่ได้ยินนะ”
“แปลก…”
อะความารีนย่นคิ้วเข้าหากันอย่างข้องใจ แต่ท้ายที่สุดก็เลือกที่จะลืมมันไป
“งั้นเรารีบไปต่อกันเถอะ”
“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย พระชายา!”
“เธียร์น่า!!?”หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย ดวงหน้าเริ่มฉายรอยกังวล พร้อมกวาดสายตาไปทั่ว “เธียร์น่า! หนูอยู่ที่ไหน!”
“ใคร…คือเธียร์น่า? แล้วนี่แกเป็นอะไรเนี่ย- -”โพรเทกเตอร์หนุ่มขยับตัว มองเพื่อนรักอย่างงงงวย เพราะถ้ามีใครก็ตามเข้ามาในอาณาเขตใกล้พอ เขาสามารถรับรู้ได้ก่อนใคร เพราะฉะนั้นเขาแน่ใจว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตตนไหนอยู่รอบๆบริเวณนี้
“กริ๊ดดดดดดดดด”
“แย่แล้ว…ราล์ฟ ฉันควรทำไงดี!”หญิงสาวเริ่มออกอาการลนลาน เพราะไม่สามารถจับทิศทางของต้นเสียงได้ และรอบๆกายก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดให้เห็น
“แกบอกว่าแกได้ยินเสียง…?”
“ใช่ เสียงของเด็กแฝดมังกร ที่ฉันเจอที่ปราสาทโทรปิคอร์นน่ะ ดูเหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลือด่วน แต่ฉันไม่รู้ว่าเสียงนั่นมันดังมาจากไหนกันแน่อะ…ตายแล้ว”ท่านหญิงเริ่มยืนไม่อยู่กับที่ ร่างบางค่อยๆลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ
“แล้วนั่นแกจะไปไหนอะ”
“ตามหาเสียงนั้น…ราล์ฟ แกรีบไปช่วยทรอนซ์ก่อนเลย เดี๋ยวฉันจะรีบตามไปนะ”
“อืม เอางั้นก็ได้ แกระวังตัวด้วยล่ะ!”
ชายหนุ่มยังไม่หายสงสัยกับเสียงปริศนาที่เขาไม่ได้ยิน เพราะถ้าเป็นเสียงจากภายนอกเขา และโพรเทกเตอร์ตระกูลครอสทุกคนที่ผ่านการฝึกปรือปราสาทสัมผัสทั้งห้ามาอย่างดี ย่อมต้องสัมผัสได้ก่อนใคร แต่นี่กลับไม่มีคลื่นเสียงที่เซ้นของผู้พิทักษ์จะตรวจจับได้เลย?
หรือว่า….
นัยน์ตาสีฟ้าเทาเบิกกว้าง หันควับเงยหน้าไปยังท้องฟ้า
เสียงนั่นมาจากข้างใน…ความคิด!
และมีเพียงสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวเท่าที่เขาเคยรู้จัก ว่ามีความสามารถพิเศษด้านการสื่อสารผ่านความคิด
ราชวงศ์มังกร
เดรโก…
“ซวยแล้ว อะความารีน!!!”
…
“ช่วยด้วย”
“เธียร์น่า! อยู่ไหน บอกพี่มาสิ เธียร์น่า!”ฉันตะโกนสุดเสียง พร้อมพยายามกวาดตามองพื้นด้านล่าง แต่ก้ยังไร้วี่แววเจ้าของเสียง แล้วนี่ถ้าเกิดอะไรไม่ดีขึ้นมา…
ฉันพยายามทำใจให้นิ่งเพราะรู้สึกกลัวจนลนลาน
“ทางนี้ค่ะ ทางนี้!”
พอกวาดตามองลงไปด้านล่างก็พบกับกระท่อมไม้โทรมๆหลังหนึ่ง และฉันแน่ใจว่าเสียงมันมาจากที่นั่น ฉันจึงค่อยๆร่อนลงไปจนเท้าค่อยๆสัมผัสกับพื้น
“เธียร์น่า!”ฉันตะโกนเสียงดัง แต่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด…
ความเงียบโรยตัวขึ้นช้าๆ รวมถึงเสียงสัตว์ป่าที่ได้ยินตลอดทางก็เหมือนหายไปซะเฉยๆ!
นี่มันชักจะไม่ค่อยดีแล้วสิ…
จะมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆหรือเปล่า…
“เธอเป็นมนุษย์ที่ห่วงแต่คนอื่นจริงๆสินะอะความารีน”เสียงทุ้มนี่มัน!...ฉันค่อยๆหันกลับไปมอง
ร่างหนาในชุดสีดำสลับทองยืนตระหง่านอยู่บนผืนหญ้า ตาสีนิล รับกับผมสีดำสนิทที่ถูกปล่อยสยายจรดกลางหลัง
ฉันรู้สึกเจ็บมือเพราะกำหมัดจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ…
ผู้ชายคนนี้ทำร้ายคนที่ฉันรัก
ฉันเกลียดเขา!
“นายหลอกฉันมาที่นี่ทำไม”น้ำเสียงที่ออกจากปากฉันก็พลันเย็นชาไปตามอารมณ์ ฉันรู้สึกถึงพลังเวทย์ในตัวที่กำลังปั่นป่วนและฉันไม่มีปัญญาจะควบคุมให้มันสงบลงได้
“ฉันจะพาเธอกลับไป”
“แล้วถ้าฉันไม่กลับล่ะ…”ฉันสวนทันควัน หวังจะยั่วโมโหเขาอย่างที่ฉันกำลังเป็นอยู่ แต่เขากลับยืนเฉยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“ฉันต้องใช้กำลัง”
“นาย!! อย่านะ!!”ไม่ทันที่ฉันจะได้ร่ายเวทย์ ร่างของเดรโกก็ปราดเข้ามาประชิด รู้ตัวอีกทีแขนทั้งสองข้างก็ถูกพันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่ๆนั่นแล้ว
และไม่ว่าจะเวทย์บทไหน ก็ไม่สามารถทำให้เจ้าชายน่าโมโหนั่นปล่อยมือฉันได้!
“นายมัน ขี้โกง!!”ฉันโพล่งทั้งน้ำตา น้อยครั้งนักที่ฉันจะโกรธได้ถึงขนาดนี้! ฉันไม่เคยรู้สึกอยากทำร้ายใครขนาดนี้มาก่อนเลย!
“หยุดดิ้นเถอะ เธอจะเจ็บเอาเปล่าๆ”เสียงนั้นฟังดูอ่อนลง แต่ฉันไม่ยอมทำสิ่งที่เขาต้องการหรอก! เขาน่ะ มันเอาแต่ใจเกินไปแล้ว!
“นายทำร้ายเขาทำไม…แพทริกซ์น่ะ…ทำไมนายต้องฆ่…ทำไม ฮือๆ”ในที่สุดฉันไม่มีเรี่ยวแรงจะฝืน เลยทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เดรโกจึงคุกเข่าตามมาด้วย
“เธอเป็นห่วงหมอนั่นนักหรอ…หึ…ฉันไม่น่าใจอ่อน ปล่อยให้มันรอดเลย”
“ห…หาO_O”
“ไม่ได้แทงจุดสำคัญซักหน่อย ก็แค่สั่งสอน…หึ”
“หมายความว่าเขาไม่ได้ตาย…ใช่ไหม”
“อืม”
ถึงจะยังโกรธ แต่ฉันก็ถอนหายใจอย่างรู้สึกโล่งอก แล้วก็เพิ่งนึกได้ว่ามีบัญชีที่ต้องชำระแค้นกับคนตรงหน้า!
“ไหนบอกว่าจะไม่มีสงคราม แล้วกองทัพโทรปิคอร์นนั่นมันอะไรกัน เมื่อกี้คนของนายก็จะฆ่าฉัน…”
สีหน้าของเดรโกดูตกใจไม่น้อย เขามองมาที่ฉันและมองออกไปข้างนอกนั่น…ในป่า…ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“ฉันไม่เคยสั่งให้ใครทำร้ายเธอ…”
“เหอะ ถ้านายอยากจะฆ่าฉัน นายก็ฆ่าฉันคนเดียว อย่าทำร้ายคนของฉัน”
“แล้วทำไมฉันต้องทำอย่างนั้น ฉันต้องการเธอนะ”
“…”
“…”
เจ้าชายมังกรดูอึกอักในตอนแรก แต่ก็ดึงฟอร์มขรึมกลับมาได้
“กลับไปกับฉัน อะความารีน”
ฉันสูดหายใจเฮือกใหญ่ ถึงจะเถียงกับเขายังไงฉันก็ต้องโดนบังคับให้กลับไปอยู่ดี
อีกอย่าง…ยังมีหลายเรื่องที่ฉันต้องค้นหาคำตอบอยู่แล้ว
“ที่ฉันกลับ ไม่ใช่เพราะนายหรอกนะ”ฉันกัดฟันกรอด ส่งสายตาไปยังแขนทั้งสองที่ถูกพันธนาการไว้
เขายอมคลายมือแต่ไม่วายดึงให้ร่างฉันเข้าหาเขา…ยิ่งดิ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกอดฉันไว้แน่นขึ้นเท่านั้น และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจที่ฉันถลึงตาใส่จนแทบล้นเบ้า
และเมื่อเขาออกวิ่ง ร่างมนุษย์ก็แปรสภาพเป็นมังกรสีดำใหญ่ ปีกทั้งสองกระพรือขึ้นรัวเร็วโดยมีร่างฉันที่นั่งอยู่บนหลังของเขา ความเร็วที่ใช้พุ่งทะยานฟ้าทำให้ฉันต้องโอบรอบคอเขาเอาไว้แน่น และไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า ที่มังกรตัวร้ายตัวนี้บินโฉบเฉี่ยวตลอดเวลา…เพื่อให้ฉันต้องกอดเขาแน่นขึ้นไปอีก
…
“เจ้าชายเดรโก”โรเจอร์ องครักษ์คนสนิทซึ่งจัดกองกำลังเตรียมไว้รอต้อนรับการกลับมาของเจ้าชาย ค้อมคำนับครั้งนึงทันทีที่ร่างมังกรนั้นแตะพื้นและแปรเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์
“พระชายา”กองทหารคำนับลงอีกครั้ง ทำเอาคนถูกเรียกทำหน้าเหวอไปไม่ถูก
“ตกใจอะไรของเธอ พวกเราแต่งงานกันแล้วนะ”เดรโกแอบกระซิบข้างหูคนข้างๆ ที่ยืนอึ้งไม่ขยับ
“งานแบบนั้นเรียกได้ว่าแต่งงานอีกหรอ”เสียงหวานแหวกลับ
“นั่นเธอจะไปไหน”เสียงทุ้มเปรยขึ้นพร้อมตะปบร่างเล็กที่กำลังจะเดินไปอีกทาง
“ก็กลับห้องฉันไง”
“…ห้องเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว”
“อ้าว…แล้วทำไมนายไม่บอกอะ- -”
กองทหารที่ฝึกปรือการควบคุมอารมณ์มาอย่างดีก็อดยิ้มให้กันไม่ได้ บ้างก็หลุดเสียงหัวเราะคิก ทำให้โรเจอร์หัวหน้าองครักษ์ถึงกับต้องปรามทางสายตา
“เดี๋ยวนะ…”อะความารีนมองปฎิกริยาของเหล่าทหาร สลับกับใบหน้าเจ้าชาย จึงตงิดขึ้นมาในใจ “มีแผนอะไรกันรึเปล่า”
“ไม่มีหรอกครับ พระชายาคิดมากไป”โรเจอร์ตอบทันควัน ก่อนจะกระแอมเบาๆ “งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะครับ”
จากนั้นก็เหลือเพียงคนสองคน คนนึงยืนมองด้วยสีหน้าสงสัยส่วนอีกคนก็ยืนอึ้งทำตัวไม่ถูก
“จะยืนตรงนี้อีกนานไหม แล้วห้องฉันอยู่ไหน”
“ตามมาละกัน…”
เดรโกหมุนตัวแล้วเดินนำก้าวขึ้นบันไดหิน เดินผ่านห้องนับสิบประตู ก่อนจะหยุดอยู่ที่ห้องด้านในสุด ที่มีพื้นที่กว้างที่สุด บานประตูไม้ถูกประดับด้วยสัญลักษณ์ตราราชวงศ์มังกร
“อ้อ นี่เองหรอ…ขอบใจที่มาส่ง”อะความารีนเปิดประตู ก้าวเข้าไปในห้องนั้น แต่ก่อนที่จะปิดกลับมีมือหนารั้งบานประตูเอาไว้ “มีอะไรอีกล่ะ ฉันเหนื่อย อยากพักผ่อน”
“…นี่เป็นห้องของฉัน”เดรโกพูดอย่างลำบาก ฟังได้จากน้ำเสียงที่ฟังดูอึกอักไม่เป็นธรรมชาติ
“เอ้า แล้วนายพาฉันมาห้องนายทำไม ประสาท!”
ด่าเสร็จสรรพ ตาสีแดงก็เบิกกว้าง เมื่อสมองเริ่มประมวลผลตั้งแต่เมื่อตอนที่ทหารพวกนั้นทำตัวแปลกๆใส่ รวมถึงที่เดรโกพาหล่อนมายังห้องของเขา
“นายอย่าบอกนะว่าฉันต้องนอนร่วมห้องกับนายอะ!!”ท่านหญิงอะความารีนไม่เหลือมาดอีกต่อไป เพราะเริ่มมีการลงไม้ลงมือเกิดขึ้น มือเล็กเข้าไปผลักร่างหนาที่ไม่สะทกสะท้านอย่างหาเรื่อง
“มันเป็นกฎที่เมื่อเราแต่งงานกันแล้ว เธอต้องอยู่ในห้องของฉัน เข้าใจด้วยนะ ฉันไม่ได้คิด…”
“ไม่คิดหรอ นี่แน่ะ! นายวางแผนมาทุกอย่างแล้ว ไอ้เจ้าชายฉวยโอกาส! นายมันแย่!”กำปั้นเล็กๆเริ่มทุบหนักขึ้น นัยน์ตากลมโตเริ่มรื้นชื้นด้วยหยดน้ำ
“เอาล่ะๆ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งโวยวายได้ไหม- -”เดรโกนึกแปลกใจตัวเองที่ไม่โกรธหรืออารมณ์ขึ้นง่ายๆทั้งที่โดนทำร้าย นอกจากนั้นเขายังกลับใจเย็นกับเหตุการณ์ตรงหน้า แบบนี้มันไม่ใช่นิสัยเขา “ฉันจะ…แบ่งเขตให้ โอเคมะ”
“ไม่โอเค!!”พระชายาของเขาก็เริ่มเหมือนปีศาจหมาป่าจิ้งจอกขึ้นทุกที เพราะหล่อนดูจะสงบสติอารมณ์ไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจรวบร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด อย่างน้อยก็กันไม่ให้มือนั่นกระหน่ำทุบตีเขาได้อีกต่อไป
“อะความารีน นี่ฉันจริงจังนะ”นัยน์ตาสีนิลเพ่งมองดวงหน้าหวาน ที่แสดงอาการไม่พอใจชัดเจน แต่เมื่อเห็นเขาดูจริงจัง ร่างบางนั่นจึงยอมหยุดดิ้น “เธอจะปลอดภัยถ้าอยู่ใกล้ฉัน”
“ไม่จริง คนของนายจะฆ่าฉัน”เสียงหวานสวนทันควัน
“นั่นไม่ใช่…เอาเถอะ แต่ฉันรับรองความปลอดภัยของเธอได้ ถ้าเธออยู่กับฉัน”
เนิ่นนานราวกับต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในความคิด อะความารีนจึงเริ่มขยับตัว
“นายปล่อยได้แล้ว…ฉันไม่ตีนายแล้ว”เสียงหวานฟังดูเบาหวิวอย่างน่าใจหาย อีกทั้งยังปล่อยให้แขนก็ตกลงอยู่ข้างลำตัว
เดรโกถอนหายใจเบาๆ คลายอ้อมกอดนั้น ก่อนจะเดินไปยังมุมนึงของห้อง เป็นมุมที่เขาใช้อ่านหนังสือหรือนั่งทำงาน มีเพียงโซฟาตัวใหญ่ โต๊ะกลาง และชั้นหนังสือ
“ฉันจะอยู่ตรงนี้ เธออยู่ฝั่งนู้นเถอะ”
อะความารีนมองไปยังอีกมุมฝั่งตรงข้าม เป็นเตียงคิงไซส์ที่มีม่านบางๆกั้นไว้
“ฉันจะแบ่งเขตเอง”
“…?”เดรโกเลิกคิ้ว
“ไอซ์…เกท”กำแพงน้ำแข็งค่อยๆผุดขึ้นจากพื้น แทรกทะลุชั้นพรม ก่อนจะเชื่อมติดกับเพดานห้อง
เดรโกมองผ่านม่านน้ำแข็ง นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นก็จ้องมองมันเช่นกัน แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาแฝงไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ สายตาที่เขาไม่เคยได้รับ และหล่อนยังคงยืนมองอย่างนั้นเสมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ของตน
เจ้าชายมังกรหลุบตาลง เบือนสายตาออกไปอีกทาง
เพราะแม้ร่างกายจะอยู่ใกล้…แต่หัวใจของอะความารีน ฮีลเลอร์กลับไม่ได้อยู่ที่นี่ ตรงนี้ เวลานี้
นั่นเป็นเหตุให้เขาเลือกที่จะไม่สนใจ และปล่อยให้มันเป็นไปอย่างนั้น
…
[50%]
ร่างหนาของผู้บาดเจ็บนอนแผ่อยู่บนเตียงสีขาว เสื้อผ้าชะโลมไปด้วยเลือดซึ่งเพิ่งเริ่มหยุดไหลเมื่อฮีลเลอร์อันดับหนึ่งแห่งแคปริคอร์นเริ่มร่ายเวทย์
“ฮีล”แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาเป็นพักๆ มือหนาเคลื่อนรอบปากแผลพร้อมร่ายเวทย์รักษาอย่างชำนาญ
“แพทริกซ์…ฟื้นสิ…แพทริกซ์”เสียงหวานกระซิบเครียดข้างๆเตียงผู้ป่วย หล่อนกุมมือชายผู้เปรียบเสมือนลูกแท้ๆอีกคนเอาไว้ “คุณคะ ชีพจรยังไม่ปกติดีเลยค่ะ”
“เราต้องใช้ผงฟื้นฟู เนฟ คุณช่วยผมหน่อยนะ”ออกัส ฮีลเลอร์ขอความช่วยเหลือจากภรรยา ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยโดยมีเขาเป็นผู้รักษาหลัก
เนเฟิลไนล์ โรยผงสีฟ้าลงบนปากแผลที่ลึกและกว้าง สรรพคุณของยาตัวนี้จะเร่งปฎิกริยาให้เนื้อเยื่อประสานกันสนิทเร็วยิ่งขึ้น
“ไม่โดนอวัยวะสำคัญ โล่งอกไปทีนะคะ”ฮีลเลอร์สาวถอนหายใจ พลางซับเหงื่อให้กับสามีอันเป็นที่รัก “เหนื่อยหน่อยนะคุณ แผลแบบนี้ต้องละเอียดอ่อน ฉันรู้คุณทำได้ค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
การรักษาผ่านไปเนิ่นนานโดยปราศจากคนนอก เพราะทุกคนได้ฝากความหวังไว้กับสองสามีภรรยาตระกูลฮีลเลอร์ หลังจากที่ได้พาร่างคนเจ็บทั้งหมดทยอยกลับแคปริคอร์น ฮีลเลอร์สเตชั่นก็ดูวุ่นวายเป็นพิเศษ
“อึก…”ร่างหนาของคนเจ็บขยับตัวเล็กน้อย พร้อมพ่นเลือดสดๆออกมาจากปาก
“แพทริกซ์!”ดวงหน้าหวานของท่านหญิงดูตื่นเต้นตกใจไม่น้อย หล่อนหันไปยิ้มให้กับสามีอย่างดีใจ
“ฮีล”การรักษายังดำเนินต่อไปช้าๆ สมาธิเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
“ฟื้นแล้วหรอลูก”เนเฟิลไนล์บีบมือหนาเบาๆอย่างให้กำลังใจ คนเจ็บค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆและทันทีที่สติกลับมาสมบูรณ์ ดวงหน้าคมคายก็ฉายแววเจ็บปวด
“ท่านเนเฟิลไนล์…ท่านออกัส”เสียงทุ้มแหบพร่าเปรยเบาๆ ก่อนจะถูกมือเล็กๆแตะปากเอาไว้ไม่ให้พูด
“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลย เธอเจ็บอยู่นะจ๊ะแพทริกซ์”
“มารีน่า…เธอกลับมาหรือยังครับ”ชายหนุ่มฝืนข่มความเจ็บปวดไว้ เพราะตั้งแต่ลืมตานี่เป็นสิ่งแรกที่เขาอยากรู้ที่สุด
“…ยังจ้ะ”ตาคู่นั้นหม่นแสงลงแว๊บนึงก่อนจะกลับมาสดใสเช่นเคย “รีบหายไวไวนะจ๊ะ น้องคงไม่อยากเห็นเธอในสภาพนี้”
“…ครับ”แพทริกซ์ย้อนระลึกถึงเหตุการณ์ก่อนที่สติจะดับวูบ
นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นดูแตกตื่นสุดขีด เจ้าแมวน้อยเผยความรู้สึกกลัวการที่จะต้องสูญเสียเขาไป
เพราะฉะนั้นถึงแม้จะต้องเจ็บ เขาก็แอบดีใจเล็กๆ
อย่างน้อยเขาก็มีความสำคัญ สำหรับเธอ…
“ท่านแพทริกซ์!!!”เสียงหวานดังขึ้นทางประตูก่อนจะปรากฎร่างบางที่ปราดเข้ามาใกล้ โรสเซลล่าหยุดมองร่างบนเตียงอย่างอึ้งปนทึ่ง แล้วน้ำตาก็ไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว
“โรส”แม้แต่เสียงก็ฟังดูอ่อนแรง ดวงหน้าคมคายนั้นดูไร้สีเลือด ไม่มีเรี่ยวแรงแบบที่หล่อนไม่เคยพบเห็นหรือจินตนาการมาก่อน!
“เจ็บไหมคะ…”มือทั้งสองประสานกันไว้บนอก พยายามปิดบังความรู้สึกเจ็บปวด โดยเฉพาะที่หัวใจ เธอรู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดหลายแผล
“ฉันไม่เป็นไร”
“ฉัน…จะเข้ามาบอกว่า ทรอนซีรา กับราล์ฟเฟ กลับมาแล้วค่ะ”โรสพูดพลางกลั้นสะอื้น ขณะที่คนเจ็บลุกพรวดขึ้นมาอย่างลืมตัว
“หมายความว่ายังไง แล้วมารีน่า?”
“ท่านหญิงไม่ได้กลับมากับพวกเขาค่ะ”
สองสามีภารยามองหน้ากัน ปกปิดความกังวลไม่มิด แต่หน้าที่การรักษาต้องมาก่อน
“แพทริกซ์ เธอเองยังไม่หายดี นอนลงเถอะ”ออกัสเอ่ยพร้อมดันร่างหนาให้นอนราบตามเดิม
“เธอออกไปก่อนเถอะจ้ะ เขาต้องการพักผ่อน”เนเฟิลไนล์หันไปบอกโรส ที่พยักหน้าแล้วยอมออกไปแต่โดยดี
“ผมขอโทษ ที่พามารีน่ากลับมาไม่ได้”นัยน์ตาสีแดงปรือตาลง ไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอของเขาไปมากกว่านี้
“ฮีล”
แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก แม้ว่าเรื่องที่ทุกคนกำลังกังวลอยู่จะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม
…
“ทรอนซีรา ราล์ฟเฟ รายงานให้ฉันฟังอย่างละเอียด พวกเธอคิดจะทำอะไรกัน”เสียงสตรีผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งสภาความมั่นคงแคปริคอร์น เปรยราบเรียบแต่แฝงความกดดันในน้ำเสียง
“เอ่อ…คือว่า พวกเราวางแผนชิงตัวอะความารีน ฮีลเลอร์กลับมาครับ”ราล์ฟตอบอย่างใจกล้า เขาเตรียมใจรับคำต่อว่าหรือแม้กระทั่งบทลงโทษ เพราะนอกจากแผนจะล่มไม่เป็นท่าแล้ว ตัวประกันก็ยังไม่ได้กลับมาตามแผนอีกด้วย
“เฮ้อ เรื่องนั้นฉันเข้าใจพวกเธอ แต่ทำไมไม่บอกฉันบ้าง พวกเธอช่างไม่รอบคอบเสียจริง”ท่านนิมฟอริด้ากล่าวตำหนิพลางถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์
มารีอาจึงรีบเสริม “พวกนายทำอะไรลงไป คิดบ้างหรือเปล่า ว่ามันจะส่งผลกระทบต่อพวกเรายังไงบ้าง”
“…แหะ”ราล์ฟเกาหัวแกรกๆ ตาสีฟ้าเทาปรายมองบุรุษคนข้างๆอย่างขอความช่วยเหลือ มารีอาจึงร่ายคำบ่นตามไป
“นายด้วยทรอนซ์ แล้วดูซิ เนื้อตัวเปื้อนเลือดไปหมด บาดเจ็บหรือเปล่า”แล้วหล่อนก็เข้ามาสำรวจตามตัวคร่าวๆ ตาสีชาอ่อนกวาดมองรอบๆอย่างถี่ถ้วน “ก็ไม่เป็นอะไรมากหนิ”
ราล์ฟกลืนน้ำลายเอื๊อก เพราะเขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สถานการณ์เสี่ยงตาย ณ ตอนนั้น เจ้าชายน้ำแข็งไม่ควรมีชีวิตรอด อีกทั้งยังไร้รอยขีดข่วนใดใด ทั้งที่เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดก็ตาม
แล้วตอนนั้นเองที่เขาพบร่างทรอนซ์นอนแผ่อยู่ริมน้ำ นัยน์ตาของหมอนั่นถูกแทนที่ด้วยสีเทา…เขาเกือบจะต้องปะทะ แต่ไม่นานตาสีทะเลลึกก็กลับมาดังเดิม เหมือนปกติทุกอย่าง
แล้วเขาก็ยังไม่ได้ถามอะไรมากนัก เพียงแต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ว่าอะไรทำให้เขาสามารถรอดจากกองทัพโทรปิคอร์นที่ไม่อาจต้านทานไหว
“รอให้แพทริกซ์หายดีก่อน แล้วเราจะวางแผนเรื่องการบุกชิงตัวประกันกลับมา”สตรีอาวุโสพูดพลางก้าวเท้าเดินไปมา เสมือนใช้ความคิดอย่างหนัก “อะความารีน น่าจะยังอยู่ที่ปราสาท ไม่อย่างนั้นเราต้องได้ข่าวมาบ้างแล้ว”
“ม…หมายความว่าอาจารย์มีแผนจะช่วยยัยนั่น…เอ๊ย…อะความารีนกลับมาแล้วใช่มั้ยครับ!!*^*”ราล์ฟเฟโพล่งขึ้นอย่างดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ส่วนมารีอาก็คอยปรามทางสายตา
“ฉันคิดว่ายังไง สงครามก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี เห็นทีฉันต้องยอมรับความจริงในเรื่องนี้…อะความารีนเสียสละมามากแล้ว ฉันไม่ใจร้ายขนาดถึงกับต้องให้เด็กสาวคนหนึ่งมาแบกรับภาระแล้วยังเสียสละอิสรภาพทั้งชีวิตหรอกนะ”
“นั่นสิครับ แต่งงานเนี่ยนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าชายมังกรบ้าเลือดนั่นจะยอมผูกตัวเองไว้กับยัยนั่น…แบบนั้นมันฆ่าตัวตายชัดๆ!”ราล์ฟรีบเสริม เป็นเพราะปากไวไปหน่อยจึงต้องคอยหลบสายตาแปลกๆจากเจ้าชายเย็นชาที่ยืนขรึมอยู่ข้างๆ
“อืม แปลก…หรือว่าเจ้าชายนั่นจะหลงรัก…อะความารีนเข้าให้แล้ว?”มารีอาเองก็พูดตามที่คิด…แล้วค่อยมานึกเสียใจทีหลังเพราะดันลืมว่ามีใครอยู่ร่วมวงสนทนาด้วย หล่อนจึงกระแอมครั้งสองครั้งก่อนจะรีบเสริม “แต่ก็ไม่ต้องห่วงอะไรหรอก เพราะยังไงอะความารีนก็เป็นถึงผู้ใช้เวทย์ขั้นสูง มีทั้งธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ เจ้าชายนั่นไม่มีปัญญาจะแตะต้องหล่อนได้หรอก”
“เรื่องนั้น…เอ่อ มันไม่ได้เป็นอย่างที่ว่าซะทีเดียวหรอกนะ”ราล์ฟแทรกขึ้นมาอีกครั้ง และคราวนี้คนที่เก๊กฟอร์มขรึมก็หลุดออกจากมาดเข้ม ดวงหน้าสะท้อนอารมณ์กังวลชัดเจน
“นายหมายความว่ายังไง”เสียงทุ้มฟังดูราวกับข่มอารมณ์ไม่ให้ฆ่าคนอย่างไรอย่างนั้น
“คืองี้นะทรอนซ์…ตอนที่ฉันพายัยนั่นหนี มันก็ฟื้นขึ้นมาคุยกับฉันไม่กี่คำหรอกนะ…แต่ มันบอกอย่างนึงว่าสงสัยอะไรบางอย่าง ต้องกลับไปค้นหาคำตอบ…รวมถึงเรื่องที่พลังเวทย์ของธาตุทั้งสี่ ทำอะไรเจ้าชายมังกรไม่ได้ซักนิดเดียว”
“…!”นัยน์ตาสีทะเลลึกเบิกกว้าง แม้เพียงเล็กน้อย แต่ทุกคนเชื่อว่านี่คือสีหน้าที่แสดงอาการตื่นตกใจสุดขีดแล้วสำหรับเขา
“อ…อะไรนะ?!”มารีอาขึ้นเสียงสูง นึกเป็นห่วงสาวน้อยที่ตกอยู่ในเงื้อมมือมังกร โดยที่หล่อนไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เลย!? “มันเป็นไปได้ยังไงคะ ท่านย่า”
ความเงียบโรยตัวลงช้าๆ ทุกคนต่างรอคอยคำตอบจากสตรีอาวุโส ที่หลุบตาลงต่ำราวกับใช้ความคิด
“แคปริคอร์น(capricorn)…หมายถึงชื่อกลุ่มดาวรูปมังกร ราศีมังกรเป็นหนึ่งในจักรราศี พวกเราถูกเรียกแบบนั้นเพราะบรรพบุรุษเชื่อว่า ทุกคนมีกล่องพลังเวทย์อันมีขุมพลังจากหมู่ดาวพวกนั้น…ดวงดาวของมังกร…เราจึงสามารถดึงพลังของธาตุบนโลกแล้วแปรเปลี่ยนเป็นเวทมนต์”
“หมายความว่ายังไงคะ…พวกเรา…เป็นดาวของมังกร?”
“อืม…ถ้าฉันคิดไม่ผิด การที่เวทย์ของเราชาวแคปริคอร์นไม่สามารถทำอันตรายราชวงศ์มังกรได้ เพราะแบบนี้”
“บ้าที่สุด”ทรอนซีราสบถอย่างหัวเสีย จากอารมณ์ที่เคยควบคุมได้ดีกลับสั่นคลอน โต๊ะไม้ข้างๆเริ่มมีน้ำแข็งห่อหุ้มทีละน้อย แก้วน้ำที่วางบนนั้นกลับแปรสภาพกลายเป็นน้ำแข็งโดยสมบูรณ์…อุณหภูมิในห้องบัดนี้เย็นจนติดลบอย่างรวดเร็ว!
“เอ่อ ทรอนซ์ ถึงมันจะร้อนแต่ฉันก็ไม่อยากให้นายปรับอากาศหรอกนะ”ราล์ฟเตือนเบาๆ แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นของเขาได้เลย
“มีทางไหน ที่จะฆ่ามังกรนั่นได้”เสียงทุ้มเอ่ยอย่างเคร่งเครียด และนัยน์ตาคู่นั้นบ่งบอกว่าเขาเอาจริง
“อย่าทำอย่างนั้น…การที่แคปริคอร์นไม่อาจแตะต้องราชวงศ์มังกรนั่นอาจมีเหตุผลของมัน เธออย่าฝืนธรรมชาติโดยเด็ดขาด”นิมฟอริด้าขยับกรอบแว่นสีทอง จ้องเขม็งไปยังเจ้าชายน้ำแข็งที่บัดนี้สลัดมาดสุขุมนุ่มลึกซึ่งหล่อนเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน “และถ้าเธอคิดจะบุกไปโทรปิคอร์นวันนี้…ฉันคงต้องออกคำสั่งให้ควบคุมตัวเธอไว้ ทรอนซีรา โซลิเซียร์”
ผู้ถูกเอ่ยนามเต็มยศดูสงบลงเล็กน้อย อย่างน้อยอุณหภูมิในห้องก็กลับมาอุ่นขึ้นเหมือนปกติ
“แต่แบบนี้มันไม่น่าเป็นห่วงหรอคะ…แล้วถ้ายัยนั่นถูกฆ่า…”
“หากเจ้าชายคิดจะฆ่า ฉันคิดว่าคงทำได้ไปนานแล้ว และคงส่งข่าวมาให้เรารับรู้ แต่นี่เขากลับประกาศแต่งงาน…ฉันว่าเรื่องมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น”
“แล้วอาจารย์คิดว่า…เจ้าชายคิดจะทำอะไร ผมคิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดี”ราล์ฟกอดอกทำสีหน้าครุ่นคิด
“ฉัน…คิดอะไรไม่ออกนอกจาก…เจ้าชายนั่นจะมีใจให้อะความารีน”
ราล์ฟกับมารีอาหันไปมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะค่อยๆเหลือบมองทรอนซ์ที่แม้จะดูเย็นชาแบบที่เคยเป็น แต่ทั้งคู่ก็รู้ว่าลึกๆแล้วก้อนหิมะทั้งก้อนนั่นกำลังสั่นคลอนอย่างแรง!
“เอ่อ…อาจารย์ แน่ใจหรอครับ…ยัยนั่นจะเสน่ห์แรงอะไรขนาดนั้นวะเนี่ย”ราล์ฟพูดประโยคสุดท้ายเบาๆกับตัวเอง
“การจัดงานแต่งงาน ฉันรู้มาว่านั่นจะทำให้อะความารีนเลื่อนยศเป็นพระชายาแห่งราชวงศ์มังกร และนั่นหมายถึงอำนาจที่มีในโทรปิคอร์นแทบไม่เป็นรองใครนอกจากเจ้าชายเดรโกและองครักษ์คนสนิท…เป็นไปได้ว่าเจ้าชายกำลังปกป้องหล่อน”
“หา! ปกป้อง? จากอะไรกันครับ”
“เรื่องนั้นฉันยังพูดอะไรตอนนี้ไม่ได้หรอก นี่มันเกี่ยวข้องกับการเมืองในวังนั้น แต่…ยังมีคดีเมื่อ50ปีก่อน…การตายของราชาและราชินีโทรปิคอร์น ที่พวกเราแคปริคอร์นถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ลงมือ นั่นอาจจะเชื่อมโยงกับเรื่องนี้ก็ได้”หญิงอาวุโสที่ดวงหน้าไร้รอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา ขมวดคิ้วแน่น และที่ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กับเด็กพวกนี้ เพราะความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องรู้สถานการณ์…ว่ากำลังจะต้องต่อกรกับใคร
“ซวยแล้ว เรื่องการเมืองทางฝั่งนู้นอีก อะความารีนเอ๊ย ซวยของแท้เลยงานนี้”ราล์ฟพึมพำกับตัวเองเบาๆ นึกสงสารเจ้าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ฝั่งนู้นจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีทางติดต่อได้เลย
“เอาล่ะ ฉันจะเข้าประชุมกับทางสภาความมั่นคง ถ้าได้เรื่องว่ายังไงฉันจะมาบอกพวกเธออีกที อ้อ…คราวนี้ช่วยรอฟังคำสั่งจากฉัน ก่อนจะทำอะไรเสี่ยงๆอีกล่ะ”อาจารย์ใหญ่ปรายตามองบุรุษที่พูดน้อยที่สุดในห้อง ซึ่งยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับมีเกราะน้ำแข็งบางๆหุ้มไว้ ไม่มีใครสามารถแทรกผ่านเข้าไปในความคิดของเขาได้
“คงจะหนัก…ฝากเธอจัดการละกัน”ราล์ฟหันไปกระซิบบอกมารีอา ที่พยักหน้ารับทันที ก่อนเจ้าตัวจะเดินออกจากห้องเหลือไว้เพียงหญิงสาวร่างสมส่วนกับชายหนุ่มร่างหนาที่ยืนแข็งทื่ออยู่ที่เดิม
“ทรอนซ์…นายโอเครึเปล่า”หญิงสาวยกมือขึ้นแตะไหล่เพื่อนรักเบาๆ แม้จะไม่ได้คำตอบแต่หล่อนสังเกตุจากบรรยากาศรอบด้านแล้ว ก็คิดว่าคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
“ฉันเป็นต้นเหตุ…ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ปากเรียวขยับเป็นคำพูด
“หืม นายหมายความว่ายังไงทรอนซ์?”
“วันที่ทำภารกิจครั้งสอง ในถ้ำนั้น…ฉันปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว…แล้วก็ถูกจับตัวไปที่โทรปิคอร์น…”มารีอาสังเกตุเห็นมือหนาที่กำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ ไม่ต้องสาธยายอะไรต่อหล่อนก็พอรู้ว่าทรอนซ์กำลังโทษตัวเอง ที่ทำให้อะความารีนได้พบกับเดรโกในวันนั้น…
“มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอกนะทรอนซ์”มารีอาถอนหายใจเบาๆ ไม่อยากให้เพื่อนรักต้องรู้สึกผิดกับเรื่องที่บังคับกันไม่ได้
ความรัก…มักจะเล่นตลกเสมอ
คนรักกันแต่กลับไม่ได้อยู่ด้วยกัน
คนที่ไม่ควรรัก…กลับเผลอใจไปรัก
รักคนที่เขาไม่รักเรา
“ฉันรับปากกับเขาว่าฉันจะพาเขาออกมา”ทรอนซ์หลุบตาลง ซ่อนความรู้สึกมากมายที่กำลังเอ่อล้น “แต่ฉันทำอะไรได้บ้าง…ดูสิ…”
“นายก็ทำเต็มที่แล้วนะ…นี่ ไปล้างตัวก่อนดีกว่า เลือดเปื้อนเต็มไปหมดแล้ว”หญิงสาวพยายามปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนที่สุด เพราะหล่อนรู้ว่าเวลานี้ชายตรงหน้าเปรียบเหมือนน้ำแข็งที่มีรอยร้าว สามารถแตกหักได้ง่ายๆ
“ยังมี…อีกเรื่อง”
“?”
“คำสาปนั่น…มันแข็งแกร่งขึ้นทุกที…มันควบคุมฉันได้”นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มปรือขึ้นเล็กน้อย สบตากับนัยน์ตาสีชาอ่อนของเพื่อนสาวที่เบิกกว้างอย่างตกใจ
“…ถึงเวลาแล้วหรอ”
“…”ทรอนซ์เบือนหน้าไปอีกทาง เพราะเขาไม่ต้องการเห็นน้ำตาของความสงสารจากเพื่อนรัก หัวใจเริ่มเต้นหนักหน่วงขึ้นยามนึกถึงภาพฝันร้ายที่เขาพยายามสลัดออกจากหัว แต่ไม่สำเร็จแถมยังดูเหมือนจริงขึ้นทุกครั้ง
“ทรอนซ์…”เสียงหวานฟังดูสั่นเครือ ชายหนุ่มจึงหันกลับไปสบสายตาตามเดิม ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ในแบบเขา
“ถ้าหากฉันเจออะความารีนอีกครั้ง…ฉัน…หมายถึง…เจ้านั่นในร่างฉัน…จะพยายามฆ่าอะความารีน…ถึงเวลานั้น เธอช่วยหยุดฉันได้ไหม”
“!!!”
“ถ้าหากหยุดไม่ได้…ได้โปรด…ฆ่าฉัน”
“ไม่…ทรอนซ์…ไม่มีทาง”
“ถ้าฉันทำร้ายเขา…ฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองมีชีวิตอยู่อีกต่อไป…เพราะฉะนั้น เธอต้องเป็นคนลงมือก่อนที่ฉันจะทำเรื่องเลวร้าย”ทั้งที่กำลังพูดถึงความเป็นความตายของชีวิตตนเอง เจ้าชายน้ำแข็งก็ยังคงรักษามาดนิ่งเอาไว้ และดูแน่วแน่กับการตัดสินใจเช่นนี้
“มันไม่มีวิธีอื่น…ที่ดีกว่านี้แล้วหรอ”มารีอากลั้นสะอื้น หล่อนพยายามเข้มแข็งที่สุดแล้ว
“…”
ร่างหนาขยับตัวเข้าใกล้เพื่อนสาว นัยน์ตาสีเข้มเผยให้เห็นความจริงจังในแววตา และความรู้สึกขอบคุณ ในมิตรภาพทั้งหมดที่ผ่านมา นั่นทำให้หญิงสาวยิ่งร้องไห้อย่างหนักหน่วงขึ้นไปอีก
“รับปากกับฉัน มารีอา ไทรีนอล”
“อืม…ฉันรับปาก…ก็ได้”
หญิงสาวค่อยๆสวมกอดเพื่อนชายที่ร่างโตกว่ามาก จึงต้องก้มตัวเล็กน้อยเพื่อรับกอดแห่งมิตรภาพ หล่อนกำลังร้องไห้เพื่อเขา…ชายที่ไม่ควรมีชีวิตบนโลก และไม่คู่ควรสำหรับความรักของใครทั้งนั้น…
ทรอนซ์หลุบตาลง เอื้อมมือขึ้นแตะไหล่บางเบาๆ ในหัวมีภาพขอบใครบางคนลอยวนเวียนอยู่อย่างนั้น คิดถึงรอยยิ้มสดใส นัยน์ตากลมโตยามจ้องสบ ริมฝีปากบางอวบอิ่มแย้มรอยยิ้ม…สาวน้อยที่ทำให้หัวใจของเขาทั้งพองโต และเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
…
Writer: ว๊ากกกกกกก ทรอนซ์จ๋าT^T น่าสงสารที่สุด เรื่องเริ่มวุ่นวายขึ้นทุกทีไม่รู้มันฝีมือใคร!(แถวนี้รึเปล่า?) แต่อยากได้กำลังใจจังเลย เม้นกันเยอะๆน้า เม้นไวอัพไวจ้ะอิอิ
//แล้วเจอกันนะ ขอบคุณค่า ^_^
เมื่อ...ความรักของทั้งคู่เริ่มจะเป็นไปไม่ได้!
และจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตาม!!
>_<
Cr.Vampire Knight
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ป.ล. รักทรอนซ์น่าาาาาาาา
ป.ล.สู้ๆ
ป.ล. รักทรอนซ์ที่สู้ดดดดดดดดด