ตอนที่ 44 : The Key (2) 44 หนี
[44]
ร่างบางในชุดราตรียาวสีดำประดับลายกุหลาบสีทองตัดกับผิวขาวนวล นัยน์ตาสีแดงสดที่ทอดมองไปยังกระจกบานใหญ่ตรงหน้า สะท้อนภาพหญิงสาวที่กำลังจ้องตอบกลับมาอย่างเหม่อลอย ดวงหน้าถูกแต่งแต้มให้มีสีใกล้เคียงธรรมชาติ ผมสีน้ำตาลถูกเกล้าขึ้นพร้อมประดับมงกุฏขนาดเล็ก ดูสง่าน่าเกรงขาม แต่ก็แอบแฝงความหวานได้อย่างลงตัว
ไหล่เล็กลู่ลงพร้อมเสียงถอนหายใจยาว เจ้าของร่างชุดราตรีเผยสีหน้าอ่อนล้า
เพื่อชีวิตของผู้ใช้เวทย์แคปริคอร์น การสงบศึกด้วยสันติเป็นเป้าหมายหลักของอะความารีน ฮีลเลอร์…แต่ไม่เคยนึกคิดเลยว่ามันจะต้องแลกมาซึ่งความอิสระ…ของชีวิตทั้งหมดที่เหลือ
ทรอนซีรา นายจะเข้าใจผิดไหม ฉันอยากเจอนาย…
“เสร็จแล้วหรือคะพระชายา…โอ้ โห งามที่สุดเท่าที่เคยพบเคยเห็นเลยค่ะ”โทรปิคอร์นผู้ได้รับมอบหมายเป็นเบื้องหลังความงามของท่านหญิงคนสำคัญที่กำลังจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นพระชายาแห่งราชวงศ์โทรปิคอร์นอย่างเป็นทางการ ในค่ำคืนนี้…
“ชุดสีดำ…เข้ากับฉันมากๆเลยล่ะตอนนี้”ปากเรียวขยับพูดด้วยน้ำเสียงเจือเศร้า
“หืม พระชายา อย่าเข้าใจผิดไป สีดำสำหรับพวกเราหมายถึง รักนิรันดร์ รักอมตะ ความซื่อสัตย์ ภักดี ไม่ใช่ความหมายอย่างเดียวกับ…มนุษย์ ที่ใช้สำหรับไว้ทุกข์นะคะ”หญิงสาวสายเลือดผสมจิ้งจอก ที่หล่อนอ้างว่าเป็นมือประทินโฉมอันดับหนึ่งแห่งโทรปิคอร์น อธิบายอย่างตั้งใจ เพราะหล่อนได้รับความไว้วางใจในการออกแบบชุดและเครื่องประดับของว่าที่พระชายา
“ช่างเถอะ”นัยน์ตาสีแดงหลุบต่ำลง เหมือนพยายามข่มกลั้นอารมณ์บางอย่าง
“ได้เวลาแล้วค่ะพระชายา ว้าว!! อาเธอร์มาดูพระชายาสิ สวยจังเลยเนอะ เหมือนเจ้าหญิงเลย!!”เสียงเจื้อยแจ้วดังมาจากฝั่งประตู อะความารีนเห็นร่างเด็กฝาแฝดทั้งสองในชุดเป็นทางการที่สะท้อนกับกระจก ก่อนจะพลิกกายหันไปเผชิญหน้า
“อาเธอร์…เธียร์น่า…”หญิงสาวขยับยิ้มอ่อนโยนกับเด็กน้อยทั้งสองที่จูงมือกันเข้ามายืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงหน้า
“พี่สวยไหมจ๊ะ อาเธอร์^^”ร่างบางย่อตัวลงนั่งตำแหน่งระดับสายตาของเด็กชาย
“สวยครับ เจ้าชายจะต้องชอบแน่นอน!”
“…”รอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มพลันชะงักค้างไป โดยที่เด็กทั้งสองไม่ได้สังเกตุ
“อะความารีน”เสียงทุ้มลึกดังจากประตูห้อง อะความารีนเลื่อนสายตาไปมอง
ร่างชายหนุ่มที่ถูกพูดถึงไม่นานก็ปรากฎอยู่ที่หน้าประตู ร่างหนาอยู่ในชุดสูทเป็นทางการ แน่นอนว่าทั้งชุดเป็นสีดำเช่นเดียวกัน นอกนั้นดูเหมือนว่าไม่ได้แต่งเติมอะไรมากนัก ผมสีดำยาวจรดหลังถูกรวบมัดไว้เผยให้เห็นโครงหน้าเรียวได้รูป ริมฝีปากกระดกเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าที่พระชายามองสำรวจเครื่องหน้าของตน
“ฉันหล่อบาดใจเธอรึเปล่า”เสียงทุ้มฟังดูเย้ายวน ดวงหน้าหวานของคนฟังพลันยุ่งขึ้นนิดๆ
“นายไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน”
สองแฝดหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจเมื่อได้ชมรายการท่านหญิงปะทะวาทากับเจ้าชายมังกร หากก็รีบเอามืออุดปากเมื่อสัมผัสถึงพลังเลือดมังกรกำลังเดือดปุดๆ
“เธียร์น่า!”เสียงทุ้มดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย “ทำไมไม่พาอาเธอร์ไปต้อนรับแขกล่ะ”
“เอ๋ อ๋อ เอ่อ…ขอตัวนะคะพระชายา คารวะเจ้าชายเดรโก”เด็กแฝดผู้พี่ผู้มีไหวพริบเป็นเลิศจับประเด็นบางอย่างจากน้ำเสียงจึงกระทำตามท้องเรื่อง ทั้งที่หน้าที่ต้อนรับแขกไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขา อย่างที่เจ้าชายได้กล่าวมาเลยสักนิด
“…”ความเงียบโรยตัวลงมาช้าๆเมื่อเสียงปิดประตูหายไป
“ฉันจะออกไปข้างนอก”เสียงหวานเปรยขึ้นขณะที่ร่างบางกำลังจะเดินสวนไป มือเล็กจับชายกระโปรงไว้เพื่อความสะดวกในการเดิน
หมับ
แรงมหาศาลนอกอำนาจจิตใจทำให้ร่างบางเซเข้าไปซบกับแผงอกอุ่นๆของคนข้างๆ นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้างอย่างตื่นๆขณะที่นัยน์ตาสีนิลนั้นดูสงบเยือกเย็น
มือหนาเลื่อนขึ้นโอบกระชับเอวบางเข้าแนบกาย ขณะที่มืออีกข้างช้อนคางให้ดวงหน้าหวานไม่อาจเลื่อนหนีไปไหน
“นี่นาย!! ปล่อยฉัน”เสียงหวานกระซิบขู่
“ทำไม เธอต้องเย็นชากับฉันด้วย”
“เพราะนายเป็นแบบนี้…นายบังคับฉัน!! ไม่มีใครชอบการบังคับ แบบนี้หรอกนะเดรโก”
ตากลมโตเริ่มสั่นไหว ความรู้สึกมากมายหลั่งไหลออกทางสีหน้าและแววตา
เดรโกสัมผัสได้ถึงความอึดอัดของคนในอ้อมกอด เขารู้สึกชาวาบในใจ
เพราะฉัน…ไม่ใช่คนที่เธอรักสินะ
“เรื่องนั้น…เธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต่อรองได้”สิ้นเสียง ดวงหน้าคมคายค่อยๆโน้มลงไปใกล้
“หยุดนะ!!”อะความารีนรีดพลังไฟให้แผ่รอบกาย โดยหวังว่าจะสามารถหยุดการกระทำของเจ้าชายจอมเอาแต่ใจได้
“…”เดรโกกระพริบตาครั้งสองครั้ง ไม่ได้ปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ
“นายไม่รู้สึกอะไรหรอ…”อะความารีนขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างแปลกใจ โดยลืมไปชั่วขณะว่าก่อนหน้านี้ตนได้ตั้งมั่นในการออกจากพันธนาการนี้ไว้อย่างไร
“เธอทำอะไรของเธอ”สีหน้าไม่ได้เผยความเจ็บปวดเพียงสักนิด…หรือว่า
“ทำไมเวทย์ของฉันถึงใช้ไม่ได้กับนาย!?”ร่างบางขยับตัว เลื่อนมือเล็กขึ้นสัมผัสใบหน้า(ที่แข็งเกร็งทันทีที่เธอสัมผัส) เมื่อไม่ได้ผลก็เปลี่ยนเป็นอกกว้าง แต่ก็ให้ผลเหมือนกัน คือเมื่อเธอสัมผัสด้วยพลังธาตุไฟ กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
“หยุดลูบๆคลำๆฉันได้แล้ว!”เสียงทุ้มตวาดเบาๆ ดวงหน้าเริ่มขึ้นสี
“อ้อ…โทษที แต่ว่า ทำไม...”อะความารีนลองเวทย์ทุกบทที่คิดได้กับชายหนุ่มตรงหน้า แต่ไม่มีปฏิกริยาเกิดขึ้นเช่นเคย
“หมายความว่าเวทย์ของเธอทำอะไรฉันไม่ได้ใช่ไหม”สิ้นเสียงแหบต่ำ ท่านหญิงตระกูลฮีลเลอร์รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก
“ฉันไม่เข้าใจ…”ดวงหน้าหวานเผยให้เห็นสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหันไปขู่คนข้างๆ “นายคิดอะไรสกปรกอยู่ใช่ไหม! หยุดเลยนะไอ้เจ้าชายลามก!!”
ดวงหน้าคนถูกด่าชะงักค้างเล็กน้อย ความคิดชั่วร้ายเมื่อครู่พลันหายไป เสียงกระแอมดังกลบเกลื่อนรอบสองรอบ
“ฉันเป็นสุภาพบุรุษมากพอ”
“หรอ นี่ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยนะเนี่ย- -”เสียงหวานแย้งทันควัน
“ถึงฉันบังคับเธอแต่งงาน แต่ฉันสัญญาด้วยเกียรติของเจ้าชายเดรโกแห่งราชวงศ์โทรปิคอร์น…อะความารีน ฉันจะไม่แตะต้องเธอโดยที่เธอไม่เต็มใจ…”
ฉันจะทำให้เธอรักฉัน…และอยากอยู่กับฉันไปตลอดชีวิต
“…”สีหน้าของหญิงสาวดูผ่อนคลายขึ้น เดรโกรู้สึกชื่นชมโรเจอร์ องครักษ์คนสนิทที่เป็นผู้สอนวิชาเอาชนะใจหญิงสาวให้เขา อย่างน้อยก็ดูเหมือนม่านน้ำแข็งบางๆถูกทะลายลงบ้างแล้ว
“ออกไปข้างนอกพร้อมกันสิ”เจ้าชายยืดตัวตรง ส่งมือให้หญิงสาวตรงหน้าอย่างเชื้อเชิญ
“อืม”อะความารีนหลุบตาลง ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ก่อนสอดมือคล้องแขนบุรุษข้างๆแต่โดยดี
…
[25%]
งานแต่งงานถูกจัดในห้องโถงกลางที่มีพื้นที่กว้างพอที่จะจุคนจำนวนราวๆห้าร้อยคนได้
ตั้งแต่เดินก้าวเข้าประตูหน้างาน ฉันกับเดรโกก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย ผู้คนมากหน้าหลายตาเข้ามาแสดงความยินดีด้วยไม่หยุดหย่อน ซึ่งฉันก็ได้แต่ฟังเงียบๆ
ฉันกวาดตามองไปรอบๆ ถึงได้รู้ว่ายังไม่มีโทรปิคอร์นคนไหนเดินทางมาถึง…
“คารวะเจ้าชาย ยินดีด้วยพะยะค่ะ”
“ขอบใจ ท่านฮาล์ฟ”
หืม…ฉันสัมผัสได้ถึงกลุ่มพลังเวทย์บางอย่างที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ พอเบือนหน้าไปมอง ประตูด้านหลังก็มีกลุ่มคนจำนวนนึงก้าวเข้ามา ทำให้บรรยากาศในห้องโถงกว้างดูอึดอัดขึ้นทันตา…
จากเสียงที่คุยจ้อกแจ้กจอแจ ก็ถูกปรับระดับให้เบาลงกลายเป็นเสียงกระซิบ สายตาทุกคู่นั้นเพ่งมองไปยังกลุ่มคนผู้มาเยือน
“ท่านนิมฟอริด้า…มารีอา”ฉันยิ้มกว้างพร้อมเข้าไปโอบกอดร่างบางสมส่วน ในชุดราตรีเขารูปสีครีม ในใจรู้สึกสะท้านวาบ…
การแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความรัก มันเป็นแบบนี้เอง
มารีอา เธอจะรู้สึกแย่มากขนาดไหนนะ…
“อะความารีน เธอสบายดีนะ?”สีหน้ามารีอาแสดงถึงความห่วงใย จนฉันเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“อื้อ”
“คารวะเจ้าชาย”อาจารย์นิมฟอริด้าค้อมคำนับเดรโกครั้งนึง
เจ้าชายมังกรนั่นแค่พยักหน้าเบาๆ ช่างไม่มีมารยาทเคารพผู้หลักผู้ใหญ่เอาซะเลย-_-
นอกจากนั้นยังดูไม่สนใจจะสนทนาด้วย เหมือนกับว่าเขากำลังหาใครบางคน…
ใครบางคนที่ฉันกำลังหาอยู่เหมือนกัน…
“ท่าทาง กลิ่นจะไม่ค่อยดีนะงานนี้”เสียงทุ้มจากผู้ชายที่ยืนข้างมารีอาดังขึ้น ฉันถึงนึกออกว่าเขาคือ อีริค เจ้าบ่าวของมารีอานั่นเอง
“ห้ามทำอะไรวู่วามเด็ดขาด”มารีอาตวัดสายตากลับไปมอง แล้วเลื่อนสายตาลงต่ำ
ฉันมองตามสายตานั่น ถึงได้รู้ว่าไนท์คนนั้นกำลังจะชักดาบออกมาอยู่รอมร่อ!
“มากันแค่นี้เองหรอ”เดรโกเปรยเสียงเย็น ฉันเผลอกำชายกระโปรงจนแน่น
นี่เป้าหมายของเขาคือใคร แล้วถ้าเขาเจอคนๆนั้น เขาจะทำอะไร!?
“คนอื่นๆจะทยอยมา พอดีการเดินทางไม่ค่อยราบรื่นเพคะเจ้าชาย”อาจารย์ใหญ่เป็นผู้ตอบบทสนทนา ด้วยน้ำเสียงที่ฟังสบายๆเป็นธรรมชาติ
“เราถูกอมนุษย์โจมตี”เอริคกระซิบเบาๆ แม้สีหน้าจะดูเคร่งขรึมแต่ฉันแอบเห็นเขากัดฟันกรอดๆเหมือนกำลังข่มอารมณ์โกรธ “คณะเดินทางถึงต้องแยกกันมายังไงล่ะ”
“แล้วมีใคร…มาอีกหรือเปล่า”ฉันหันไปถามมารีอา ด้วยสายตาที่เธอต้องเขาใจอย่างแน่นอน!
เขามาไหม??
มารีอาเผยสีหน้าลำบากใจแว๊บนึง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“…!”ถ้าเป็นอย่างนั้น เดรโกจะต้องทำเรื่องอะไรแน่ๆ!
ยังมีอีกเรื่อง…ที่ฉันอยากถามอาจารย์นิมฟอริด้า ว่าทำไมเวทย์มนต์ของฉันถึงทำอะไรเดรโกไม่ได้เลย ฉันต้องรู้ให้ได้!
“เดรโก…คือฉัน ขอตัวสักแป๊ปนึงได้ไหม”ฉันสะกิดแขนคนข้างๆเบาๆ
“หืม เธอจะไปไหน”เขาเลิกคิ้ว
“เพื่อนสนิทฉันมาหา ฉันอยากคุยกันตามประสาเพื่อน”
“หึ”เขาแค่นเสียงหัวเราะโทนต่ำ…เป็นเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ดีเลยให้ตายสิ “คิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเธอกำลังรอใครอยู่”
!!!
ใคร…
เขาคิดว่าเป็นใคร…
“อะความารีน”เสียงทุ้มลึกอันคุ้นเคยดังแว่วมาจากด้านหลัง ฉันเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงเวทย์ธาตุไฟบริสุทธิ์นั่น…
“มาแล้วสินะ คนที่เธอกำลังรอ”เดรโกหรี่ตาลงเหมือนนักล่าที่พร้อมสังหารเหยื่อ พลังบางอย่างแผ่ออกมาจากตัวเขา ฉันสัมผัสได้! เพราะมันหมายความว่าเขาพร้อมที่จะต่อสู้!
“เดรโก…อย่า…”โดยที่ยังไม่หันไปมอง ฉันเอื้อมมือบีบแขนคนตรงหน้าไว้ ส่งสายตาขอร้องไปให้แต่เขาไม่สนใจจะมองมาที่ฉัน…ดวงตาคมกริบคู่นั้นเหมือนกระหายในการต่อสู้ และพร้อมรบ
“แพทริกซ์ ฉันสั่งไม่ให้เธอมาที่นี่ไม่ใช่หรือ”ท่านอาจารย์ใหญ่ดูเหมือนจะคุมน้ำเสียงสบายๆไม่ได้อีกต่อไป ดวงหน้าเล็กดูเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย
“ผมต้องมา…เพราะมีอมนุษย์บางตน กำลังแย่งคนรักของผมไป”
“…”ฉันแทบจะสะดุ้งสุดตัว ส่วนใจนี่ดิ่งไปที่ตาตุ่มเรียบร้อยแล้ว
ถ้าจะห้ามตอนนี้ก็คงไม่น่าจะเอาอยู่แล้วสินะ
ฉันค่อยๆพลิกตัวเลื่อนสายตา ไปยังดวงหน้าคมคายนั่น…ร่างสูงยืนหยัดอย่างสง่าในชุดเสื้อเชิ้ทสีดำ คลุมด้วยเสื้อโค๊ททับอีกตัวเพียงเท่านั้น ไม่ได้อยู่ในชุดเป็นทางการเหมือนคนอื่น ทันทีที่สบตาสีแดงสดคู่นั้น ฉันก็รู้สึกใจหาย
ดูผอมลงไปรึเปล่า? ท่านพี่…
“คิง ออฟ แคปริคอร์น”เดรโกเริ่มเดินด้วยท่วงท่าสบายๆ เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบอึกนึง แต่สายตาไม่ได้ละไปไหน “อะความารีน ฮีลเลอร์ ไม่ใช่คู่หมั้นของนายอีกต่อไป”
เขารู้!
ฉันกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ บรรยากาศพลันเงียบสงัดเพราะไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงพูด หรือแม้แต่หายใจเสียงดัง
“ข้ามศพฉันไปก่อน”แพทริกซ์เปรยเสียงเย็นอีกครั้ง และนั่นเป็นสัญญาณเริ่มลงมือ!
ตู้ม!
เกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อลูกไฟขนาดยักษ์พุ่งตรงไปยังเจ้าชายเดรโก ทหารอารักขาเข้ามาคุ้มกันนำโดยโรเจอร์ และกองทหารของเขาต่างตีวงล้อม กันแคปริคอร์นออกห่าง
“เดรโก อย่า!”ฉันกรีดร้องสุดเสียงเพราะร่างของเดรโกเริ่มมีควันสีดำลอยอยู่รอบๆตัวเขา ดวงตาสีนิลแปรเปลี่ยนเป็นสีทอง จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม…ฉันรู้สึกถึงพลังของสายเลือดมังกรที่ถูกปลุกให้ตื่น ในตัวเดรโก
และมันมากพอ…ที่จะฆ่าแคปริคอร์นทุกคนที่นี่!
แพทริกซ์วุ่นอยู่กับการป้องกันการโจมตีจากทหารหน่วยพิทักษ์ราชวงศ์ จึงไม่ทันสังเกตุเดรโกกำลังเปลี่ยนไป
หมับ
มือฉันค้างอยู่ในท่ากำลังจะร่ายเวทย์ เธียร์น่ากับอาเธอร์ สองมังกรพี่น้องฝาแฝดนั่นเอามือมาแตะแขนฉันไว้
“พระชายา ห้ามทำร้ายเจ้าชายเด็ดขาดค่ะ”
“ใช่ๆ พระชายา ถ้าใครก็ตามทำร้ายคนในราชวงศ์มังกร จะต้องตาย ไม่มีโทษละเว้นเลยนะครับ!”
“เจ้าชายให้พวกเราคอยดูแลเรื่องนี้ เพราะถ้าหากพระชายาทำผิดกฏ สภามืดจะไม่ยอมอยู่เฉยค่ะ”
สีหน้าสองพี่น้องดูร้อนรนอธิบายเข้าขากันดีราวกับได้เตี๊ยมกันมาซะดิบดีแล้ว-_-
“พี่ไม่ได้จะทำร้ายเจ้าชายนะจ๊ะ”ถึงอยากจะทำแต่ก็ทำไม่ได้ไม่รู้ทำไม “พี่แค่จะป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายคนของแคปริคอร์น”
“อย่าเสี่ยงเลยนะคะ ถ้าพลาดโดนเจ้าชายเข้า แม้แต่เจ้าชายก็ช่วยพระชายาไม่ได้”เห็นเธียร์น่าน้ำตารื้นพร้อมเบ้หน้า ฉันจึงพยักหน้ารับปาก
หันกลับไปมองสถานการณ์อีกที ดูเหมือนแคปริคอร์นก็พยายามจะห้ามแพทริกซ์ เพราะเขาทำร้ายทหารของโทรปิคอร์นไปสองนาย แต่ดูจากสายตานั่นแล้วคงไม่มีใครหยุดเขาได้…
เปรี้ยง
เสียงสายฟ้าฟาดลงมาครั้งนึง กลุ่มคนในชุดคลุมสีเทา พร้อมตราสัญลักษณ์รูปไม้กางเขนคว่ำสลักอยู่กลางอก ปรากฏตัวขึ้น
“ตระกูลครอส…”ทหารหน่วยหน้ากองกำลังของแคปริคอร์น…ถ้าหากพวกเขาเริ่มโจมตี นั่นหมายถึงการเปิดศึกสงครามอย่างแน่นอน! “ราล์ฟเฟ!!”
ฉันเห็นร่างหนานั่นแว๊บนึง ในกลุ่มคนพวกนั้น แต่เขาไม่ได้แสดงตัวออกมา
ตึกๆ ตึกๆ
เสียงหัวใจของฉันเริ่มไม่ยอมอยู่เฉย มันกระหน่ำร้องรับอารมณ์ความรู้สึกกดดันของฉันไว้
เขาต้องอยู่ที่นี่แน่ๆ
ทำไมถึงไม่ปรากฏตัวออกมา
ทำไมนะ ทรอนซีรา
“ถ้าไม่มีแกอยู่ในโลกนี้ อะความารีนจะต้องรักฉัน จงตายไปซะ…”
เสียงนั่น…มันดังในความคิด แน่นอนว่ามันไม่ได้ส่งถึงฉัน เสียงนี้…เดรโก…
ฉันหันควับกลับไปมอง ภาพที่เห็นทำให้หัวใจฉันชาวาบ
ร่างหนาของแพทริกซ์ถูกผลักติดกำแพง แรงกระแทกนั่นมหาศาลเพราะมันทำให้กำแพงหินนั้นร้าวและแตกหักเป็นชิ้นเล็ก ขณะนี้เขาไม่สามารถหนีจากอุ้งมือมังกร ของเดรโกได้
หมอนั่นกลายสภาพเป็นมังกรแค่แขนขวา ส่วนร่างยังคงเป็นมนุษย์!
“ไม่!!!!!!”ฉันกรีดร้องสุดเสียง และนั่นทำให้เสี้ยววินาทีนึง เดรโกหันมันแสยะยิ้มกับฉัน ส่วนแพทริกซ์…เขา…กลับหันมายิ้มบางๆ ให้กับฉัน
ฉึก!!
อุ้งมืออันมีปลายเล็บแหลมคมอีกข้างแทงทะลุร่างหนานั้น ตามมาด้วยกลิ่นเลือดสดๆและพลังธาตุไฟบริสุทธิ์ที่หลุดรั่วออกจากร่างที่บาดเจ็บอย่างช้าๆ
“ท่านพี่!!!!”ไม่ ไม่นะ…มันต้องไม่เป็นแบบนี้สิ
“ชิงตัวอะความารีน ฮีลเลอร์!!”เสียงใครบางคนฟังดูคุ้นหูเรียกสติที่กำลังจะแตกสลายให้กลับคืนร่าง
ราล์ฟ นั่นแกใช่ไหม
ทันใดนั้นเหตุการณ์รอบตัวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นชุลมุน เดรโกที่มองแคปริคอร์นด้วยแววตาอาฆาต…ร่างหนาเปื้อนเลือดที่ถูกปล่อยให้หมดสติอยู่บนพื้น…เสียงของราล์ฟ…ความเร็วนรกที่หอบอุ้มร่างฉันให้ออกไปจากปราสาทโทรปิคอร์น…
แล้วฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
…
[50%]
“คุ้มกันให้ฉัน ราล์ฟเฟ”เสียงทุ้มคำรามกรอดข่มอารมณ์พลุกพล่าน เมื่อต้องวิ่งหนีจากฝูงสุนัขจิ้งจอกขนาดตัวไม่ธรรมดา และความเร็วก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใช้เวทย์ที่อาศัยพลังไอน้ำเท่าไหร่นัก
“ทรอนซ์ นายบาดเจ็บ”ราล์ฟช็อตกระแสไฟใส่อมนุษย์ที่นอนแน่นิ่งพร้อมควันที่ลอยขึ้นฟ้า ก่อนจะตามประกบร่างหนาที่เคลื่อนไหวไม่ถนัดนัก ตาสีฟ้าเทาเหลือบมองร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดแข็งแกร่งนั้นยังคงไม่มีวี่แววจะฟื้นคืนสติ “ให้ฉันช่วยไหม”
“ไม่เป็นไร”ทรอนซ์สูดหายใจเข้าสุดปอด พร้อมพยายามแบ่งพลังเวทย์เพื่อห้ามเลือดบริเวณไหล่ซ้าย แผลที่หมาป่าตนนึงได้ฝากรอยเขี้ยวไว้ให้ตอนเกิดเหตุชุลมุน
“ข้างหน้ามีอีกฝูง”ราล์ฟเปรยเสียงเครียด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยกังวลอย่างปิดไม่มิด
“งั้นคงต้องออกแรง…”ร่างหนาค่อยๆผ่อนฝีเท้าก่อนจะบรรจงวางร่างบางในอ้อมกอดไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มยามมองไปยังดวงหน้าที่หลับไหลพร้อมคราบน้ำตานั้นสั่นไหวเล็กน้อย มือหนาเอื้อมขึ้นไปลูบหยาดน้ำบนใบหน้าให้หมดไป เกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลให้พ้นทาง
“ราล์ฟเฟ”เสียงทุ้มเปรยขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบ โพรเทกเตอร์ขยับตัวเล็กน้อย “ถ้าสถานการ์มันเริ่มแย่ นายพาอะความารีนหนีไป”
“ห้ะ! นายจะบ้าหรอ เป็นฝูงนี่ฉันหมายถึงเป็นร้อยๆตัวนะ!!”ตาสีฟ้าเทาเบิกกว้างจนแทบถลน แต่คำพูดก็ต้องสะดุดเมื่อเห็นสายตาที่ทรอนซ์มองคนที่หลับไม่ยอมตื่นนั่น… “โอเค นายไม่ต้องห่วง ฉันดูแลยัยนั่นเอง นายระวังตัวไว้ล่ะ ฉันขี้เกียจฟังยัยนั่นมาดราม่า”
“…ขอบใจ”
บทสนทนาจำต้องหยุดไว้เพียงเท่านั้นเพราะกลิ่นสาบของอมนุษย์ลอยใกล้เข้ามาทุกที
ดาบน้ำแข็งประจำกายแห่งเจ้าชายน้ำแข็งปรากฎในอุ้งมือหนา ร่างหนายืนหยัดอย่างรอคอยศัตรู ดวงหน้านั้นดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าครั้งไหน เลือดอุ่นๆทะลักออกจากแผลที่ไม่ยอมสมาน และเจ้าตัวไม่ใส่ใจที่จะรักษา เพราะเขาต้องรวบรวมพลังทั้งหมดกับการป้องกันการโจมตีจากศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า
“ทรอนซ์…ฉันว่าไม่ใช่แค่หมาป่า”ราล์ฟหน้าถอดสี เมื่อสัมผัสจากเซ้นของผู้พิทักษ์แล้วการเคลื่อนไหวของศัตรูไม่ใช่แค่สัตว์สี่ขา
“…”
“นี่มันบ้าชัดๆ กับคนๆเดียว โทรปิคอร์นถึงกับต้องส่งกองทัพมาขนาดนี้”
“หนีไป เร็ว!!”ทรอนซ์ประกาศก้อง พร้อมร่ายเวทย์เรียกกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาล้อมเป็นปราการชั้นนึง ”ไอซ์ เกท!!”
ราล์ฟกัดฟันกรอด ก่อนจะพุ่งเข้าประชดร่างบางที่ช้อนขึ้นมาอุ้มอย่างร้อนรน แล้วใช้ความสามารถด้านเวทย์ไฟฟ้าทั้งหมดที่มีไปกับการพาร่างหญิงสาวหนีออกจากขุมนรกแห่งนี้
…
เสียงไม้ฟืนแตกเปรี๊ยะในกองไฟเข้าสู่โสตประสาท นัยน์ตาสีแดงแง้มขึ้นเล็กน้อยเห็นภาพกองไฟขนาดเล็กแต่ใกล้พอที่จะทำให้รู้สึกอุ่น แพขนตาขยับขึ้นลงอย่างแช่มช้า ภาพความทรงจำค่อยๆผุดเข้ามาในการประมวลผลของสมอง ร่างบางพลันลุกพรวดขึ้นมานั่งพร้อมเบิกตาโพลง
ท่านพี่!!
ร่างหนาที่ค่อยๆทรุดร่างลงกับพื้นฉายชัดในความทรงจำ รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าดวงหน้าชื้นแฉะไปด้วยน้ำตา หัวใจรู้สึกเคว้งคว้างไม่มีที่ยึดเกาะ…
“แกฟื้นแล้วหรอ”ตาสีแดงตวัดไปมองร่างใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามา แม้มองเห็นไม่ชัดนักเพราะม่านน้ำที่กั้นดวงตาเอาไว้ แต่หล่อนก็พุ่งเข้าไปหาร่างนั้นแล้วสวมกอดแน่น ร่างนั้นไม่ขยับเพียงแต่ยกมือขึ้นตบหลังเบาๆอย่างปลอบประโลม
“ฮือๆๆ”เสียงหวานร่ำไห้ครวญครางเผยให้เห็นความรู้สึกเจ็บปวด
“นี่ หยุดร้องได้แล้ว”ราล์ฟถอนหายใจเบาๆ ในใจนึกถึงเหตุการณ์วุ่นวายในห้องโถง ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุให้เพื่อนรักของเขาต้องมาร้องไห้ฟูมฟายยิ่งกว่าหมาตายเช่นนี้
“ฮือๆๆ ราล์ฟ ฉันมันเลว ฉันทำไม่ดีกับท่านพี่เอาไว้มาก เขาต้องมา…เจ็บตัวเพราะฉันอีกแล้วTT^TT โฮก”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว พร้อมดันร่างบางออกห่าง ข่มกลั้นอารมณ์ความรู้สึกบางอย่าง
“อี๋ ขี้มูกแกเปื้อนเสื้อฉันเต็มไปหมดเลย-[]-!!”
“โฮกTT_TT”
ว่าไม่ทันขาดคำ หญิงสาวก็เดินไปซบไหล่เพื่อนชายอีกรอบ ก่อนจะพ่นลมออกทางจมูกอย่างแรง
ฟืดดดด
“= =”
“T_T”
มันเป็นการเอาคืนที่ถูกด่า ทั้งที่มันก็ยังคงเศร้าอยู่
ราล์ฟพยักหน้าอือออสรุปเอา แต่ไม่คิดจะติดใจเอาความ เพราะยังมีอีกเรื่องที่อะความารีน ฮีลเลอร์จะต้องเสียใจ และเขาก็รู้สึกสงสารมันไม่น้อย
ฟืดดดดด
คราวนี้เสียงลากยาวกว่าครั้งก่อนเสียอีก
“…”ราล์ฟถลึงตาใส่เจ้าเพื่อนตัวแสบ ก่อนจะดันหัวให้ออกห่าง “แกดึงสติกลับมาหน่อยนะ ตอนนี้สถานการณ์มันไม่ค่อยจะดี ตั้งแต่ที่พวกเราวางแผนชิงตัวแกมา”
ร่างบางเหมือนจะเริ่มตั้งสติได้ นัยน์ตาสีแดงกวาดมองทั่ว แล้วก็เพิ่งพบว่านอกจากหล่อนและราล์ฟเฟ ก็ไม่มีวี่แววสิ่งมีชีวิตอื่นเลย
“แล้ว…ทรอนซ์ล่ะ…เขาอยู่ที่ไหน”
ราล์ฟทำหน้าอึกอัก เหมือนจะอ้าปากพูดบางอย่างแต่ก็หุบลงตามเดิม นั่นทำให้อะความารีนย่นคิ้วด้วยความสงสัย
“เอ่อ…อ่า…เรื่องนั้น…”
“เขาอยู่ที่ไหน เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”ดวงตาคู่นั้นเริ่มรื้นดวงหยาดน้ำอีกครั้ง ราล์ฟยกมือขึ้นกุมขมับ
“คืองี้นะ ตอนนี้พวกเราต้องหนี…”
“ทรอนซ์-อยู่-ที่-ไหน ราล์ฟเฟ”
ร่างบางเริ่มระรานด้วยการยกมือขึ้นเขย่าตัวเขาอย่างรีดเค้นคำตอบ
“คือตามแผนแล้ว ฉันกับทรอนซ์จะชิงตัวเธอออกมา ส่วนคนอื่นจะช่วยถ่วงเวลามากพอที่พวกฉันจะพาเธอหนี…ส่วนแพทริกซ์เองก็…”
“นายจะบอกว่าท่านพี่ ทำแบบนั้นเพื่อถ่วงเวลา?”
“…อืม”
ความรู้สึกผิดสาดโครมเข้าร่างบางจนแทบยืนไม่อยู่ หล่อนคว้าเสื้อชายหนุ่มไว้เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยว ดวงหน้าเล็กสลดลงอย่างน่าใจหาย
“แต่ตอนที่ออกมา…มีโทรปิคอร์นไล่ตามพวกเรามา มากเกินกว่าที่จะหนีทัน…ทรอนซ์ก็เลย…”
“!!!”
อะความารีนสะดุ้งตัวพร้อมสีหน้ากังวลสุดขีด
“พาฉันไปหาทรอนซ์!”
ราล์ฟกำหมัดแน่น ตาสีฟ้าเทาสั่นไหว ดวงหน้าไม่มีเค้าโครงขี้เล่นเหมือนเคย
“นั่น…มันอาจจะสายไปแล้ว”
“…แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“ก็ถ้าหากฉันต้องสู้กับอมนุษย์มากมายขนาดนั้น…ฉันก็คง…ไม่รอด”
ทำไม…ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉันต้องเจ็บตัว ทำไม…
หยดน้ำตาไหลอาบแก้มนวลอีกครั้ง
“ถ้าไม่มีแกอยู่ในโลกนี้ อะความารีนจะต้องรักฉัน จงตายไปซะ…”
“แต่ฉันไม่ได้ต้องการ! ฉันต้องการแค่ไม่อยากให้ทั้งสองฝ่ายต้องก่อสงครามเท่านั้น!”
“แต่ฉันต้องการแค่เธอ!”
เดรโก…
ในหัวพลันนึกถึงบทสนทนากับเจ้าชายแห่งโทรปิคอร์น คนเดียวที่อาจช่วยให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายไปมากกว่านี้…
“แล้วเดรโกล่ะ”
“ฉันไม่รู้ แต่เท่าที่โทรปิคอร์นส่งกองกำลังมาตามล่าพวกเรา ก็ดูไม่เหมือนว่าจะอยากชิงตัวแกกลับไปสักนิด…มันเหมือนกับ…อยากจะฆ่าทิ้งซะมากกว่า”
“…”
“เเกคิดว่าเจ้าชายนั่นอยากจะฆ่าเเกบ้างไหม”
อะความารีนไหวตัวนิดๆกับคำถามจากเพื่อนรัก ก่อนจะอึกอักไม่รู้ว่าจะอธิบายเป็นคำพูดว่าเช่นไร
“ก็ไม่นะ…ถ้าอยากจะฆ่าฉันก็คงฆ่าไปนานแล้ว”
“เออ…นั่นสิ”
“…แต่เขาถึงกับลงมือทำกับท่านพี่แบบนั้น…ฉันมีธุระต้องสะสางกับเขา”
“อะไร…แกคิดจะกลับไปอีกหรอ”ชายหนุ่มเลิกคิ้วทำสีหน้าเหมือนเห็นผี
“ราล์ฟ…”เสียงหวานผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ ทำหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนพูดต่อเรียบๆ “ฉันไม่อยากให้นายหรือใครต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันแค่คนเดียวหรอกนะ”
“อะไรนะ…นี่แกอย่าบอกนะว่าแกจะกลับไปแต่งงานกับไอ้มังกรบ้าเลือดดีเดือดนั่นน่ะ…พวกฉันอุตส่าห์คิดแผนลักพาตัวแกออกมา เสียเลือดเสียเนื้อไม่รู้เท่าไหร่ แกจะบ้าหรอ!”
ราล์ฟพ่นคำพูดรัวๆจนลิ้นแทบจะพันกัน แล้วมองดูปฎิกริยาจากเพื่อนรักที่เขาคิดว่ามันคงสติไม่ดีไปแล้วจริงๆ
“นี่มันจะเป็นชนวนสงคราม..”
“สงครามน่ะมันเกิดขึ้นตั้งนานแล้วต่างหาก! เธอไม่รู้หรอว่าทุกวันนี้แคปริคอร์นต้องรอรับการโจมตีจากโทรปิคอร์นทุกเวลา! มันเล่นไม่ซื่อตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก!”
“แต่เดรโก เขาพูดกับฉันประมาณว่า ถ้าฉันไม่ไปกับเขา คนของเราจะต้องตายอีกมาก ฉันแค่สงสัย…บางอย่าง…ฉันอธิบายอะไรไม่ได้ตอนนี้หรอก แต่ยังไงฉันก็ต้องกลับไป ราล์ฟ”ดวงหน้าหวานฉายแววกลุ้ม สองเท้าเดินไปมาอย่างใช้ความคิด “แกรู้ไหม เวทย์ของฉันทำอะไรเดรโกไม่ได้”
“หา!!! _บหายแล้ว!!!”
“…?”
“ก็ที่แกได้รับพลังของธาตุทั้งสี่มา ไม่ใช่เพื่อกำราบเจ้ามังกรนั่นหรอกเรอะ! แล้วนี้มันอะไร เวทย์เสื่อมหรือยังไง ถ้ามันไม่ได้ผลงานนี้เจ๊ง! มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง!”
อะความารีนเบือนสายตาออกไปอีกทาง นี่เป็นอีกเรื่องที่เธอต้องค้นหาคำตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเหอะ”หญิงสาวพูดพลางออกเดิน
“นั่นแกจะไปไหน”
“เออ นั่นสิ…”
“…= =”
“ราล์ฟ แกนำฉันไปหาทรอนซ์ เดี๋ยวนี้เลย”
“ง่า…ป่านนี้ไม่รู้จะไปไหนไกลรึยัง ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทรอนซ์ก็น่าจะกำลังตามมา…มั้งนะ”
ราล์ฟเป็นฝ่ายเริ่มออกวิ่งโดยไม่ลืมที่จะผ่อนความเร็วเพื่อรอ แต่เมื่ออะความารีนเริ่มเคลื่อนไหว ร่างบางนั้นเสมือนหายวับไปกับสายลม หากไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้ใช้เวทย์ไฟฟ้า เขาคงไม่สามารถมองเห็นลมที่เคลื่อนไหวนั้นว่ามีร่างบางของผู้ใช้เวทย์ธาตุลมแฝงอยู่
ชายหนุ่มกระดกยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
แคปริคอร์นไม่ถึงกับสิ้นหวังเสียทีเดียว…อะความารีน ฮีลเลอร์ไม่ใช่ผู้ใช้เวทย์ธรรมดาอีกต่อไป
…
ร่างหนาพาตนเองมาหยุดอยู่ที่แหล่งน้ำซึ่งเป็นเพียงน้ำตกเล็กๆในป่า ไม่ใช่ที่หลบซ่อนตัวที่ดีนัก และอีกไม่นานพวกมันก็คงตามมา
เสียงน้ำกระทบกัน…
กลิ่นธาตุน้ำลอยวนเวียนแตะจมูก แต่ร่างหนาไม่มีเรี่ยวแรงพอแม้กระทั่งลมหายใจก็ฟังดูแผ่วเบาจนน่าใจหาย
“ทรอนซีรา”เสียงหวานใสคุ้นหูดังขึ้นใกล้ๆ คล้ายกับตกอยู่ห้วงภวังค์ เขาสามารถขยับมือข้างนึงแล้วค่อยๆปรือตาขึ้นช้าๆ
ดวงหน้าหวานของสตรีตรงหน้าตรึงสายตาเขาไม่ให้ขยับไปไหน
นัยน์ตากลมโตสีแดงทอดมองมายังเขาอย่างอ่อนโยน
ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มแย้มรอยยิ้มเล็กน้อย แฝงแววขี้เล่นน่าเอ็นดู
และพบว่าร่างของเขาที่เปลือยท่อนบนอันเต็มไปด้วยแผลฉกรรจ์ กำลังนอนอยู่ใต้ร่าง ของร่างบางนั่นอยู่
อะความารีน
เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอในใจ เพราะลำคอแห้งผากเกินกว่าจะเปล่งเสียง หัวใจที่เคยหนักแน่นกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ
“นายบาดเจ็บนี่”หญิงสาวเผยสีหน้ากังวล
“ฉัน…คิดถึง…เธอ”เสียงทุ้มแหบพร่าเปล่งเป็นคำพูด นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มแสดงความรู้สึกมากมายที่มีต่อหญิงสาวอันเป็นที่รัก
“ฉันก็คิดถึงนาย”ร่างบางเบียดตัวเข้ามากอด แปลกที่เขาไม่รู้สึกเจ็บอีกต่อไป “นายรักฉันไหม?”
เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำ ชายหนุ่มกลับรู้สึกปั่นป่วนในท้อง ดวงหน้าที่น้อยครั้งจะแสดงความรู้สึกกลับเริ่มรู้สึกค่อยๆร้อนขึ้นเหมือนกำลังจะเป็นไข้
เจ้าคนสร้างเรื่องดันศอกขึ้นก้มมองเขาพลางยิ้มหวาน ดวงตาสีแดงสดช้อนสายตาขึ้นมามอง
“รัก…ไหม?”
ทรอนซีราเอื้อมมือขึ้นข้างนึง ออกน้ำหนักกดร่างเล็กนั้นลงมาแล้วมอบจุมพิตแทนความรู้สึกที่มีต่อเธอ…
นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มปรือมองเจ้าตัวแสบที่ไม่มีท่าทีจะขัดขืนซักนิด แถมเจ้าหล่อนยังตอบสนองเขาเช่นกัน
“นายไม่กล้า…ที่จะบอกว่ารักฉันงั้นหรอ”จู่ๆร่างเล็กก็ผุดลุกขึ้นยืน ชายหนุ่มที่รู้สึกฟื้นคืนพละกำลังค่อยๆดันร่างขึ้นนั่ง มองไปยังดวงหน้าหวานที่ปนทุกข์
“อะความารีน…”
ฉึก!!!
ตาสีน้ำเงินเข้มเบิกกว้าง เมื่อเลือดสดๆกระเด็นเข้าร่าง เลือดของผู้หญิงคนนั้น!
และคนที่ปลิดชีวิตหล่อน…ก็คืออีกร่างหนึ่งของเขาเอง ทั้งรูปร่าง หน้าตา อาวุธที่ใช้สังหารก็เหมือนกัน!
“ฆ่ามัน ทรอนซีรา…จงฆ่ามัน…มันจะทำให้เจ้าอ่อนแอ…จงฆ่านางนั่นซะ!!”
“แก!!!”ทรอนซ์เรียกอาวุธประจำกายออกมา นั่นคือดาบคู่น้ำแข็งพร้อมรบ และเมื่อเขาพุ่งร่างออกไปหมายจะประชิด ร่างจำแลงของเขาอีกคนก็หายไปจากตรงนั้นเสียแล้ว…
รวมถึงร่างบางที่ควรจะนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น
“แฮ่ก แฮ่ก”ร่างหนาทิ้งน้ำหนัก คุกเข่าลงพื้นด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทา
…
Writer : อ๊ากกกก ขอโทษจริงๆที่มาอัพช้าค่า พอดีมีธุระด่วน (ปาดเหงื่อ)
เห็นว่ามันชักจะดราม่าเลยใส่ฉากหวาน(ตรงไหน)ลงไปบ้างอะไรบ้าง(????)
ฝากเม้นด้วยนะค๊า รีดเดอร์ที่น่ารักทุกท่าน<3<3<3^^
ขอบคุณที่ติดตามและรอนะคะจุ้บๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ปล. FC.ทรอนซ์ ราล์ฟ. ค่ะ
อัพเร็วๆ นะคะ รออ่านค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อิอิ
Fc.ทรอนซ์ ราล์ฟ. คร้าา