ตอนที่ 42 : The Keyz (2) 42 ว่าที่พระชายา
[42]
ไม่นานนักหลังจากที่ฉันได้ขึ้นนั่งบนหลังเจ้ามังกรสีขาว พร้อมกับเดรโกที่นั่งอยู่ด้านหน้า วิวทิวทรรศน์ด้านล่างก็ดูเปลี่ยนจากป่าทึบเป็นที่ดินว่างเปล่า ไม่พบแม้แต่กลิ่นไอเวทย์หรือร่องรอยการดำรงชีวิตในเขตแดนนี้ นั่นหมายความว่าตอนนี้ฉันกำลังเข้าสู่เขตแดนของโทรปิคอร์น
ฉันมองเห็นยอดปราสาทที่ทำจากหิน ไม่เปลี่ยนไปนักจากความทรงจำที่มาเยือนโทรปิคอร์นครั้งแรก ในช่วงระหว่างทำภารกิจ เซย์ ญาติลูกพี่ลูกน้องของทรอนซ์ออกอุบายหลอกล่อ แล้วลักพาตัวฉันมาที่นี่T^T
“เกาะแน่นๆนะ จะลดระดับแล้ว”เสียงทุ้มลึกดังขึ้นในหัว หลังจากที่เงียบไปสักพัก
ฉันกำชายเสื้อเขาไว้แน่นขึ้น พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลอกตาเป็นเลขแปด
เมื่อไหร่เขาจะเลิกคิดใส่หัวฉันสักทีนะ!!!
“ถึงฉันจะไม่มีตาหลัง แต่ฉันรู้นะว่าเธอด่าฉันอยู่”เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของเสียงหันเสี้ยวหน้าคมคาย ปรายตามองแว๊บนึง
“ถ้าขี้เกียจพูดขนาดนั้นก็ไม่ต้องพูด! คิดใส่หัวคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาติน่ะมันหยาบคายนะรู้ไหม”ฉันสวนกลับไปทันที
แล้วก็ไม่มีเสียงในความคิดขึ้นมาอีก ตลอดจนเมื่อร่างของฉัน และเดรโกถูกพาลงจากหลังของมังกรตัวนั้นอย่างปลอดภัย เราสองคนยืนอยู่ด้านหน้าของปราสาทหิน มีตราสัญลักษณ์รูปมังกรสีแดงกำลังพ่นไฟ ดูสง่างามน่าเกรงขาม ประดับอยู่หน้าประตูใหญ่ทางเข้าปราสาท
“เจ้าชายกลับมาแล้ว”กลุ่มคนสวมชุดสีดำทยอยเข้ามาเรียงแถวเป็นระเบียบ พร้อมยอบคำนับ
“ต่อไปนี้ ผู้หญิงคนนี้คือควีนของฉัน ให้เกียรติดูแลเธอให้สมกับตำแหน่งว่าที่พระชายาแห่งราชวงศ์โทรปิคอร์น”เสียงทุ้มแฝงอำนาจประกาศกร้าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ ฉันที่กำลังก้าวลงจากหลังมังกรอย่างทะมัดทะแมงก็ถึงกับเกิดอาการขาพันกันอย่างกระทันหัน…แต่ก็ต้องขอบคุณพลังลมที่ช่วยให้กลับมาทรงตัวได้เหมือนปกติ
ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงขายไก่สดๆต่อหน้าธารกำนัลน่ะสิ!
แต่เดี๋ยวก่อน…เมื่อกี้ฉันรู้สึกว่าได้ยินอะไรแปลกๆพิกลๆนะ?= =
“นายว่าไงนะ?”ฉันรู้สึกเหมือนปากแทบจะขยับไม่ขึ้น น้ำลายแห้งจนกลืนลงคอไม่ลง
“ก็ตามนั้นไง”แอบดีใจที่เขา ‘พูด’ กับฉันจริงๆแล้ว
“ใครพระชายา?”
“เธอไง”
“ฉัน?”
“ใช่”
“ฉัน!!!”คราวนี้ชี้หน้าตัวเองบวกกับซาวน์เอฟเฟคO_O
“นี่คือ อาเธอร์กับเธียร์น่า มังกรแฝดคู่นี้จะรับหน้าที่รับใช้เธอที่นี่”แล้วเขาก็ตัดบทแบบเสมือนว่าไม่มีอะไรน่าตกใจ พร้อมโบ้ยไปยังทางที่มีเด็กสองคน ชายหญิง หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักเกือบจะคล้ายกันทุกส่วน ยกเว้นดวงตา อาเธอร์เป็นเด็กผู้ชายอายุประมาณ10ขวบ ตาสีฟ้าสดใส ส่วนเธียร์น่าเป็นเด็กผู้หญิงที่มีตาสีชมพูหวานแหวว เธอสูงกว่าอาเธอร์เล็กน้อย
“สวัสดีค่ะ/ครับ”
“O_O สวัสดีจ้ะ”
“เอาล่ะเธอไปพักก่อน เดี๋ยวมื้อเย็นจะให้คนไปตาม…”
“เดี๋ยว! เดี๋ยวๆๆๆ นายฟังฉันหน่อยสิ ตั้งแต่ฉันเหยียบที่นี่นายก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันพูดบ้างเลยหรอไงฮะ- -”ฉันโผเข้าไปขวางร่างหนาที่ทำท่าจะเดินออกไปหลังออกคำสั่งฉอดๆ
“อะ…ว่ามา”
“นายเหมือนจะพยายามสื่อว่าฉันต้องเป็น…ว่าที่…ของนาย นั่นมันเรื่องอะไรกัน?”ฉันพูดเสียงขาดๆหายๆ รู้สึกเหมือนถูกอำนาจบางอย่างแทรกแซงจิตใจอยู่เป็นระยะ…นัยน์ตาสีดำสนิทหรี่ลงเล็กน้อย
“นั่นเป็นเรื่องที่ฉันจะบอกเธอเย็นนี้ และกับทุกคนในที่ประชุมสภา เธอไม่จำเป็นต้องรู้อะไรไปมากกว่านี้”
ฉันรู้สึกเหมือนร่างถูกแช่แข็ง แล้วมีคนเอาน้ำมาสาดกลางหน้า
…
ใช่สินะ…ฉันมาที่นี่ในฐานะเชลยศึก ไม่มีใครเขามาสนใจความรู้สึกฉันหรอก
เหมือนสวิทช์ความคิดถูกแช่ค้างไว้อย่างนั้น จวบจนเด็กสิบขวบสองคนมาดึงชายเสื้อเบาๆ แล้วส่งสัญญาณให้เดินตามไปยังอีกทาง
…….
เสียงจังหวะฝีเท้าสม่ำเสมอ กระทบพื้นหินดังก้องไปทั่วอาคาร เส้นผมสีดำสนิทสยายยาวคลุมถึงกลางหลังขับผิวสีเข้มกร้านแดดสมชายชาตรีให้ดูสง่างามทุกท่วงท่า ตาสีท้องฟ้ายามรัตติกาลดูเยือกเย็นนิ่งลึกอย่างไม่อาจคาดเดาอารมณ์ เจ้าชายแห่งราชวงศ์โทรปิคอร์นหยุดเท้ายืนอยู่หน้าบานประตูไม้สลักบานใหญ่หากแต่สีหน้าดูเครียดเขม็งขึ้นจนผู้ติดตามข้างกายสัมผัสได้ เนิ่นนานที่ไม่มีการเคลื่อนไหวใดใด องครักษ์คนสนิทจึงเอ่ยถาม
“เจ้าชาย หากท่านไม่พร้อมประชุม กระหม่อมจะเข้าไปแจ้งกับทางสภา…”
“ไม่ต้อง”เสียงขรึมขัดขึ้นทันควัน สายตาเย็นเยียบปรายมองบุรุษในชุดองครักษ์เต็มยศ ที่ค้อมคำนับและลดสายตาลงต่ำแสดงความนอบน้อม “เจ้าว่าเรากลัวรึ?”
“หม่อมฉันมิบังอาจ”
“หึ”
ชายผู้สูงศักดิ์พ่นลมหายใจออกสั้นๆก่อนมือหนาจะเอื้อมไปผลักบานประตูตรงหน้าให้เปิดออก…
การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนในห้องพลันหยุดชะงัก จากเสียงพูดคุยกลับนิ่งราวไม่มีสิ่งมีชีวิต ทั้งที่โดยรวมแล้วกลุ่มคนเหล่านั้นคืออมนุษย์ซึ่งนับได้สิบเอ็ดตน
“ทำความเคารพเจ้าชายสิ พวกเจ้ายืนนิ่งอยู่ทำไม”องครักษ์ประกาศกร้าวอย่างไม่สบอารมณ์
“ขอคารวะเจ้าชายเดรโก ข้าน้อยเพียงแค่ประหลาดใจที่เจ้าชายมาโดยไม่ได้นัดหมาย”ชายผมสีเทาแสดงความอาวุโสค้อมคำนับเป็นคนแรก แต่สายตายังจ้องตรงเข้าไปยังนัยน์ตาสีนิล
“ขอคารวะเจ้าชายเดรโก”ตามมาด้วยเสียงจากกลุ่มคนที่เหลือ พวกเขาค้อมน้อยๆก่อนจะยืนเหยียดเต็มความสูง
“เจ้าชายจำเป็นต้องนัดพวกท่านหรือ ในเมื่อวังนี้เป็นของท่าน ซึ่งเป็นทายาทแห่งราชวงศ์โทรปิคอร์นแต่เพียงผู้เดียว”
“หยุดเถิด โรเจอร์”เจ้าชายปรามองครักษ์ที่ดูพร้อมจะเติมเชื้อเพลิงให้บรรยากาศในห้องพลันร้อนระอุไปยิ่งกว่าเดิม
เพียงแค่การปรากฏตัวของเจ้าชายแห่งราชวงศ์ก็ทำให้ภายในห้องนี้เกิดสงครามเย็น บรรยากาศไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว
“เราแค่จะมาประกาศให้ทุกคนในสภามืดรู้ไว้…”เสียงทุ้มต่ำเกริ่นขณะที่ห้องอยู่ในความเงียบ “เราได้นำตัว อะความารีน ฮีลเลอร์มาที่นี่ ในฐานะว่าที่พระชายาแห่งราชวงศ์โทรปิคอร์น”
“แต่เด็กนั่น...”
“นั่นคือบุคคลที่แคปริคอร์นจะใช้เป็นอาวุธทำลายล้างพวกเราไม่ใช่หรือ”
“พวกเราควรฆ่ามันทิ้งซะ!”
“ใช่ ข้าเห็นด้วย”
“มันอยู่ที่ไหนกันเจ้าชาย”
“บังอาจนัก!!”หัวหน้าองครักษ์แผดเสียงลั่นพร้อมไอเย็นแห่งการเข่นฆ่า ทำให้ห้องสงบขึ้นมาอีกครั้ง “พวกเจ้าได้ฟังที่เจ้าชายประกาศหรือเปล่า เจ้าชายหมายความว่าห้าม! ให้มีใครแตะต้องว่าที่พระชายา! และหากมีผู้ใดกล้าฝ่าฝืนคำสั่ง…ฝ่ายทหารจะไม่มีการปราณี”
บุรุษผู้อาวุโสที่สุดแห่งสภามืดจ้องเขม็งไปยังหัวหน้าองครักษ์ และปรายตามองเหล่าองครักษ์พิทักษ์ราชวงศ์ด้วยสายตาคล้ายยิ้มเยาะ ปากกระดกขึ้นน้อยๆพร้อมกับโค้งคำนับ
“ข้าน้อยขออภัยแทนสมาชิกที่ล่วงเกินเจ้าชายเดรโก”
อมนุษย์อีกสิบคนที่เหลือมองหน้ากันชั่วครู่ก่อนจะโค้งตาม
“ขออภัยเจ้าชายเดรโก”
“ดี”ชายสูงศักดิ์เลิกคิ้วนิดๆ สองเท้าเดินทอดน่องด้วยท่วงท่าสบายๆ “เราคิดว่าจะจัดงานแต่งในอีกสองเดือน พวกท่านคงไม่มีปัญหาอะไรนะ”
“เจ้าชาย ข้าน้อยเกรงว่าเราจะนำศัตรูเข้ามาสร้างความวุ่นวาย…”
“อย่าขัดคำสั่งเจ้าชายสิ เอ็ดเวิร์ด”ชายชราแทรกบท นัยน์ตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย“หากเจ้าชายคิดว่ามันเป็นการเหมาะสม สภามืดจะไม่ต่อต้านอะไรกับเรื่องนี้ ขอให้เจ้าชายสบายใจเถิด”
“ขอบใจเกรย์ เราเพียงแค่อยากบอกด้วยตัวเอง พวกท่านทำงานต่อไปเถอะ”เดรโกพยักหน้าเป็นสัญญาณให้แก่องครักษ์และเหล่าคณะเคลื่อนขบวนย้ายออกจากห้องประชุมสภา
“สภามืดก่อตั้งเพื่อจุดประสงค์เดียว คือการสนับสนุนราชวงศ์แห่งโทรปิคอร์นพะยะค่ะ…คารวะเจ้าชาย…เดรโก”
ชายชราโค้งคำนับเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่เจ้าชายเดรโกยิ้มเหยียด
สายตาของผู้กุมอำนาจสภานั้นไม่เคยลดลงต่ำแต่มันกลับจ้องตอบกลับมาเสมอ แม้ไม่มีแววตาท้าทายอำนาจ…การกระทำที่อ่อนน้อม แต่ไม่ได้แสดงความนับถือ…
เจ้าชายหลุบตาลงต่ำ ก่อนจะพลิกกายเดินจากไป
…
ภายในห้องส่วนตัวในฐานะเชลยศึกดูดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้องที่กว้างพอให้เดินจนเมื่อย การตกแต่งภายในดูแยกเป็นสัดส่วน มีมุมโต๊ะเขียนหนังสือและชั้นวางหนังสือ มุมจิบน้ำชาพร้อมโซฟารับแขก เตียงคิงไซส์ถูกจัดให้อยู่ด้านในสุดแถมคลุมด้วยม่านโปร่งสีขาวขอบทอง ในห้องมีกลิ่นตลบอบอวลไปด้วยดอกไม้สายพันธุ์แปลกตา ที่ฉันแน่ใจว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน มันให้กลิ่นคล้ายดอกลาเวนเดอร์จางๆ
“พระชายาชอบห้องนี้มั้ยคะ”เสียงหวานใสของเด็กผู้หญิงเจ้าของนัยน์ตาสีชมพูดังเจื้อยแจ้วไม่หยุด เจ้าหล่อนคอยแต่พร่ำบอกว่าเป็นคนจัดการเรื่องตกแต่งภายใน และเม้ามอยสารพัดเกี่ยวกับไอเดียสุดบรรเจิด
“ชอบ…จ้ะ แต่เรียกพี่ว่าอะความารีนเถอะนะจ๊ะ แหะๆ^-^”
“พระชายามาดูริมหน้าต่างสิครับ จากตรงนี้สามารถเห็นวิวภูเขาได้ทั้งลูก อู้หูววววว สวยมากครับ มาดูสีเธียร์น่า ฉันว่าฉันเห็นต้นแอปเปิ้ลต้นนึงล่ะ!O_O”เด็กผู้ชายก็พูดเก่งไม่แพ้กัน มือเล็กๆนั่งจับขอบหน้าต่างที่ตนพยายามจะเขย่งสุดเท้า เพื่อชมวิวทิวทัศน์ข้างนอกนั่น
…แต่ว่า เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรอเด็กๆ…
“เรียกฉันว่าอะความารีนเถอะจ้ะ^^”ถูกเรียกแบบนั้นมันชวนขนหัวลุกพิกล ให้ตายเหอะ!
“ไหนๆ…โอ้โห ต้นใหญ่ซะด้วย มันจะมีซักกี่ลูกกันนะ เย็นนี้เราไปเก็บมากินกันเถอะอาเธอร์!!”เสียงใสนั่นฟังดูตื่นเต้นไม่น้อย เนื่องจากเธียร์น่าตัวสูงกว่าอาเธอร์ หล่อนจึงไม่ต้องเขย่งเท้าให้เมื่อยนัก ตาสีชมพูหันขวับมายังฉันที่ยังคงยิ้มค้างสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเลิ่กลั่ก “ตายแล้วๆ เราลืมไปว่าที่นี่มีพระชายาอยู่ ขออภัยเพคะพระชายา”
แล้วเด็กหญิงก็สะกิดฝาแฝดคนข้างๆแล้วหันมาคำนับพร้อมกันอย่างสวยงาม
“เอ่อ…คือว่านะ…เรียกพี่ว่า…”
ก๊อกๆๆ
“ขออภัยพระชายา ป้าเอาของหวานมาให้ค่ะ”หญิงวัยกลางคนสวมชุดแม่บ้านยกถาดขนมเข้ามาวางบนโต๊ะน้ำชา
“ขอบคุณค่ะ…เด็กๆไปกินขนมสิจ้ะ”ฉันพูดพร้อมจูงมาเด็กแฝดมานั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะหันไปหาป้าแม่บ้าน“ป้าคะ…เรียกหนูว่าอะความารีนเถอะค่ะ^^;;”
“อุ๊ย ไม่ได้หรอกค่ะพระชายา นี่เป็นคำสั่งโดยตรงจากเจ้าชายเดรโก ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนหรอกนะคะ”ป้าแม่บ้านแสดงท่าทางร้อนรนขึ้นมาทันใด
“ใช่ค่ะ พวกเราเป็นประชาชนของรางวงศ์มังกรอันยิ่งใหญ่ คำสั่งจากเชื้อพระวงศ์ถือเป็นสิทธิ์ขาด”เธียร์น่ายกมือขึ้นปาดคราบคุกกี้ที่ริมฝีปากของตน ก่อนจะหันไปป้อนเศษขนมเล็กๆให้น้องชายฝาแฝด “อาเธอร์…อ้ามมมม”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นก็ได้…”ฉันไม่มีทางเลือกอะไรแล้วนี่…TT
“ชาวโทรปิคอร์นไม่มีอำนาจฝ่าฝืน คำสั่งใดใดจากเจ้าชายเดรโกค่ะ”ป้าคนเดิมเสริม ขยับยิ้มน้อยๆให้ฉันก่อนจะหันไปดุเด็กแฝดที่กินเลอะเทอะ
“เมื่อกี้…เด็กๆบอกว่าอยากกินแอปเปิ้ลใช่มั้ย ถ้ากินเสร็จแล้ว เราไปเก็บลูกแอปเปิ้ลกันดีไหมจ๊ะ”ฉันอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเด็กแฝดลุกขึ้นมาเต้นอย่างร่าเริง
“ไปค่ะ/ไปครับ!!!!”
“ถ้าเด็กสองคนนี้ดื้อก็มาบอกป้าได้นะคะ เดี๋ยวป้าจะจัดการ^^;”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่แบบนี้ก็ไม่เงียบดี ขอบคุณนะคะ”ฉันยิ้มตอบ ขณะที่มองหญิงวัยกลางคนเดินออกจากห้องไป
อืม…ตั้งแต่เข้ามาเหยียบที่นี่อีกครั้ง คนที่นี่ก็ดูภายนอกเหมือนคนปกติ และก็ดีกับฉันมากๆ ต่างจากกลุ่มคนพวกนั้นที่จ้องจะทำร้ายฉันในวันนั้น ครั้งแรกที่ฉันเหยียบที่นี่ ในห้องมืดสลัว กับกลุ่มคนที่ใส่ชุดสีดำล้วน…
พวกเขาดูไม่ได้เลวร้ายเลย…ไม่เลยสักนิด
…
ร่างหญิงสาวในชุดเดรสสีฟ้า กระโปรงยาวคลุมข้อเท้าทำให้มือเล็กๆต้องคอยยกชายกระโปรงขึ้นขณะก้าวเท้าย่ำพื้นหญ้า นัยน์ตาสีแดงทอประกายระยับรับกับแสงแดดอุ่นๆยามเย็น หญิงสาวรีดพลังไอน้ำไปยังฝ่าเท้าเพื่อให้เดินได้คล่องแคล่วขึ้นไม่สะดุดเนินหลุมของพื้นดิน
“ใกล้ถึงรึยังจ้ะ”เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นเป็นครั้งที่สาม ขณะที่มองไปยังมังกรน้อยสองตนขนาดตุ๊กตากอดได้พอดีตัว กำลังกระพือปีกเล็กๆนำทางไปยังสถานที่ที่ทั้งสองกระตือรือร้นที่จะไปให้ถึงโดยเร็ว
“ใกล้แล้วค่ะพระชายา”เสียงหวานดังพร้อมกับมังกรน้อยสีชมพูหันหน้ามามอง
“เธียร์น่าระวัง!”อะความารีนร้องเสียงหลงขณะที่เห็นภาพกิ่งไม้ท่อนใหญ่ที่ห้อยยาวมาจากต้นไม้ด้านข้าง ขวางเส้นทางการบินของแฝดคนพี่โดยที่ไม่ได้ระวังตัว…
โป๊ก! “โอ๊ย!!!”มังกรสีชมพูกลิ้งตัวไถลลงกับพื้น
“เธียร์น่าเป็นอะไรรึเปล่า เธียร์น่า! ฮือๆๆ”เจ้ามังกรน้อยสีฟ้าบินลงพื้นแล้วร่างนั้นก็เปลี่ยนสภาพเป็นเด็กชายที่น้ำตาคลอเบ้า ไม่ต่างอะไรกับเด็กหญิงที่เริ่มร้องไห้จ้า
“ไหน พี่ขอดูหน่อย”อะความารีนแอบบ่นในใจเพราะความยาวของกระโปรงที่ดูเกะกะรกตา หล่อนฉีกปลายกระโปรงออกอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆเด็กแฝดผู้หญิง “ไม่ร้องนะคะคนเก่ง เดี๋ยวพี่จะรักษาให้เอง เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
“ฮือๆ”
อะความารีนใช้สายตาประเมินบาดแผลคราวๆ เป็นรอยข่วนไม่ค่อยลึกมากบริเวณแขนขวา แต่ก็มีเลือดไหลออกมาตลอดเวลา
ขณะที่มือเล็กกำลังจะทาบบนร่างนั้น…เสียงทุ้มห้าวก็ดังขัดขึ้น
“เธียร์น่า ! ลูกพ่อ !!”ร่างชายในชุดสีดำทะมัดทะแมงปราดเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ แววตาสั่นระริก อะความารีนแน่ใจว่าเคยเห็นชายหนุ่มคนนี้อยู่ข้างกายเดรโก
“ท่านพ่อ ฮือๆ”
“ท่านพ่อครับ เธียร์น่าจะเป็นอะไรมั้ยครับ ฮือๆ”
เด็กสองคนเหมือนจะคุมสติไม่อยู่ ยิ่งปลอบโยนยิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก
“ไม่ต้องห่วงค่ะ แค่รอยถลอกเท่านั้น ฉันจะรักษาให้เอง”ท่านหญิงทายาทคนสำคัญของตระกูลฮีลเลอร์เอ่ยอย่างมั่นใจ
“เกิดอะไรขึ้น”เสียงทุ้มมีอำนาจดังขึ้นมาอีกเสียง เจ้าชายเดรโกเข้ามาพร้อมกับคนติดตามอีกจำนวนหนึ่ง ดวงตาสีดำสนิททอดมองร่างเล็กที่นั่งร้องไห้กอดผู้เป็นพ่ออย่างเจ็บปวด “โรเจอร์ ลูกเจ้าเป็นอะไร”
“กระหม่อมไม่ทราบพะยะค่ะ พอมาถึงก็เห็นเด็กสองคนกำลังร้องไห้…”
“อะความารีน”เจ้าชายเอ่ยตัดบท ตวัดสายตาไปยังร่างหญิงสาวที่ยืนไม่ห่างนัก
นี่ถ้าเธอไม่เคยฝึกรับสายตาดุๆแบบนั้นจากทรอนซีรา…ก็คงมีตกใจจนวิ่งหนีแน่นอน
อะความารีนเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เพราะดูเหมือนเจ้าชายจะแผ่ไอเย็นออกมาเล็กน้อย
“เธอทำอะไร”
“ฉัน?”เสียงหวานทวนคำอย่างไม่เข้าใจ
“เธอทำอะไรเด็กๆ”
“นี่นาย!!”ร่างบางแข็งค้างพร้อมกับนัยน์ตาสีแดงที่เบิกกว้าง อย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “นายคิดว่าฉันทำอะไรๆเด็กพวกนี้หรอ?!!”
เดรโกหน้าตึงสนิท ดวงตาหรี่ลงราวกับจะใช้ความคิดอ่านใจ จนคู่สนทนาดูเหมือนจะมีโทสะกรุ่นๆ เพราะไอร้อนจากกายผู้ใช้เวทย์เริ่มแผ่ออกมาจากร่าง
“คุ้มกันเด็กๆ”เดรโกออกคำสั่งให้ทหารผู้ติดตาม ตีวงล้อมแล้วรอคำสั่งถัดไป
“นายเห็นฉันเป็นอะไรกัน…”ร่างบางแสดงสีหน้าโกรธเคืองในตอนแรก ก่อนจะเผยแววเจ็บปวดในดวงตา
“เธอคือ แคปริคอร์น…”
“ฉันไม่มีวันทำร้ายเด็กๆหรอกนะ”
“จะให้ฉันเชื่อเธอได้ยังไง”
“มันจะมากไปแล้วนะเดรโก!”
“เจ้าชายฮะ”เจ้าชายเดรโกหลุบตามองลงต่ำ ก็พบว่าอาเธอร์ เด็กแฝดคนน้องเข้ามาดึงชายเสื้อของตนเบาๆ
“ว่ายังไงอาเธอร์ นายก็เจ็บหรอ ทำไมถึงร้องไห้ล่ะหืมม์”รังสีคาดคั้นเมื่อครู่หายวับไปสนิท แทนที่ด้วยน้ำเสียงและสายตาอันอ่อนโยน
“พระชายาไม่ได้ทำเธียร์น่าฮะ…เธียร์น่าชนกิ่งไม้แล้วตกลงมาเอง”
“ใช่ค่ะ ฮึก…เจ้าชายอย่าดุพระชายาเลยค่ะ”เธียร์น่าที่เพิ่งได้สติก็พูดสนับสนุนน้องชายอีกแรง
เจ้าชายเดรโกนิ่งค้างในท่านั่งคุยกับเด็กน้อย
อะความารีนสาวเท้าไปยังร่างเธียร์น่า ยอบกายนั่งบนพื้นหญ้า ก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสบริเวณปากแผล…
“ฮีล”แสงสีทองเป็นประกาย งดงามยิ่งกว่าแสงแดดยามเย็นส่องสวางขึ้นเหนือบริเวณแผล ดวงหน้าหวานละมุนภายในแสงนั้นดูอ่อนโยน แม้แววตาจะฉายรอยเจ็บปวดลึก
อมนุษย์ในคราบมนุษย์เพิ่งได้เห็นการรักษาโดยผู้ใช้เวทย์เป็นครั้งแรก
พวกเขามองดูด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ ทึ่งในเวทย์มนต์ จนลืมว่าพวกเขาต่อต้านพลังเวทย์อันเกิดจากสายเลือดแคปริคอร์น
“มัน…ไม่เจ็บแล้วค่ะ”เด็กสาวฝาแฝดนั่งนิ่ง ตาสีชมพูเบิกกว้างอย่างตื่นเต้นราวกับได้เห็นมายากลอันน่าพิศวง
“รอยแผลสมานกันสนิทแล้ว แต่อาจจะมีอาการช้ำในอยู่ ยังไงก็อย่าเพิ่งให้กระทบกระเทือนมากนะจ้ะ เธียร์น่า”ฮีลเลอร์สาวระบายยิ้มจาง หากแต่สีหน้าดูหม่นแสงแม้แต่เด็กเล็กๆยังรู้สึกได้
“พระชายาคะ…”เด็กสาวกระซิบ
“ว่าไงจ๊ะ…”
“อย่าโกรธเจ้าชายเลยค่ะ เจ้าชายไม่ได้ตั้งใจจะหมายความว่าอย่างนั้น…”มังกรน้อยออกโรงปกป้องเต็มที่ อะความารีนหันไปสบสายตากับร่างหนานั้นแว๊บนึง ก่อนจะหันกลับมา
“วันหลัง…เอาไว้วันหลังเราค่อยไปหาต้นแอปเปิ้ลกันใหม่แล้วกันดีไหม…วันนี้พี่คงต้องกลับก่อน…”
หญิงสาวเอื้อมมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยทั้งสองอย่างเอ็นดู เป็นภาพที่คนมองรู้สึกสะท้านหัวใจ บังเกิดความรู้สึกหนังอึ้ง
“…”
“…”
หญิงสาวเหยียดกายขึ้นเต็มความสูง มือเล็กกำชายกระโปรงขาดวิ่นไว้แน่นข่มกลั้นอารมณ์บางอย่าง พลังลมถูกรีดมาใช้ทำให้การเดินเพียงหนึ่งก้าวเท่ากับสิบก้าว หล่อนอยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด…
“อะความารีน”เสียงเรียกดังขึ้นไม่ไกลนัก ไม่ต้องบอกก็สัมผัสได้ถึงพลังที่กำลังตามมาติดๆ
“ฉันไม่อยากคุยกับนาย…เดรโก”
“ฉัน…”
พรึ่บ!!
แล้วอะความารีน ฮีลเลอร์ก็แสดงทักษะการเป็นผู้ใช้เวทย์ธาตุลมได้อย่างเต็มเปี่ยม ร่างบางหายวับไปกับสายลมที่พัดผ่านมาเพียงหนึ่งครั้ง
“เจ้าชาย…”องครักษ์คนสนิทวิ่งตามมาติดๆ ก็พบว่าเหลือเพียงร่างชายหนุ่ม ปราศจากเงาของหญิงสาวอีกคน
“ฉันควรทำยังไงดีโรเจอร์”เจ้าชายมังกรไม่เข้าใจกับอารมณ์ที่ตนกำลังเผชิญ ทั้งรู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาครั้งแรกในชีวิต อีกทั้งยังรู้สึกอึดอัดในสถานการณ์เมื่อครู่ เดิมทีเขาสามารถควบคุมสถานการณ์ อยู่เหนืออำนาจจิตใจมนุษย์ที่มีแต่ความซับซ้อนนี่นา…
“เมื่อครู่เจ้าชายทรงวู่วามไปนิด ทั้งที่พระชายาไม่ได้ผิดพะยะค่ะ”องครักษ์ค้อมตัวรายงานตามจริง เขาเป็นผู้ติดตามเจ้าชายเดรโกตั้งแต่เด็ก และรู้ว่าเจ้าชายเพิ่งเคยเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก
เจ้าชายต้องเป็นฝ่ายง้อพะยะค่ะ โรเจอร์อยากจะพูดตามตรงแต่ก็รู้จักนิสัยหยิ่งทะนงในเกียรติและศักศรีดิ์แห่งเจ้าชายราชวงศ์โทรปิคอร์น ว่าจะไม่มีทางทำเช่นนั้น
“อะแฮ่ม…ไคล์ เจ้ามานี่สิ”หัวหน้าองครักษ์หันไปเรียกมือซ้ายคนสนิท ทหารฝีมือดีสายเลือดผสมหมาป่าโค้งคำนับ ก่อนจะก้าวเข้ามา
“วันก่อนเจ้าบอกว่ามีปัญหากับลิลลี่ ภรรยาของเจ้า ตอนนี้เป็นอย่างไร”
“ค…ครับ?”ทหารฝีมือดีเผยสีหน้างุนงงถึงสาเหตุที่เขาโดนเรียกตัวมา เพื่อถามไถ่ถึงปัญหาครอบครัวที่เขาบ่นให้หัวหน้าฟังลอยๆเพียงครั้งสองครั้ง?
“ข้าแค่อยากรู้เท่านั้นแหละ”
“อ๋อ…ลิลลี่เพียงแค่งอนข้า แต่ข้าไม่รู้ว่านางงอน”ไคล์ตอบกลับ สายตาคอยยิงเป็นคำถามที่โรเจอร์เองรู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร
สมควรแล้วหรือที่จะเล่าเรื่องแบบนี้ต่อหน้าเจ้าชายเดรโก!
“อะแฮ่ม…แล้วถ้าหากนางงอน เจ้าจะทำเช่นไร”หัวหน้าองครักษ์ส่งรหัสลับเป็นการแตะนิ้วชี้ และนิ้วกลางบนคาง โดยระวังไม่ให้เจ้าชายเห็น เป็นอันเข้าใจกันทั้งเหล่าทัพทหาร
จงทำในสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่ อย่าหยุดเป็นอันขาด!
“อ้า…คือว่าเรื่องนั้น”เสียงไคล์หยุดเมื่อมองเห็นสัญญาณลับ รอสมองก็ประติดประต่อเรื่องได้ จึงสามารถพูดต่ออย่างราบรื่นไม่มีติดขัด “ข้าก็เข้าป่าไปเก็บดอกอัลสโตรมีเรียมาให้นาง นางชอบมาก เพียงเท่านี้นางก็หายงอนข้า”
“อืม นั่นสินะ ผู้หญิงคงชอบดอกไม้กันทุกคนแหละนะ”
“ใช่ครับ หัวหน้า”
“โรเจอร์”เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยเรียกหลังจากหายเงียบเพราะจมอยู่ในความคิด
“พะยะค่ะ”
“วันนี้ยกเลิกงานตารางงานตอนหัวค่ำทั้งหมด เราอยากพัก ยกไปทำพรุ่งนี้เลย”
“รับทราบพะยะค่ะ…ว่าแต่ให้เตรียมทหารไปกับเจ้าชายกี่นายดี? อ้า…เอ่อ”
หัวหน้าองครักษ์ผู้ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้าเร็วไปก้าวนึงเสมอนิ่งค้างอย่างไปต่อไม่ถูก
“ไปไหน? เราเพิ่งบอกว่ายกเลิกงานทั้งหมด”เสียงทุ้มย้ำหนักแน่น…จนอาจจะดูจริงจังไปหน่อย?
“เข้าใจแล้วพะยะค่ะ คารวะเจ้าชายเดรโก”
ทหารในชุดดำยอบเข่าลงข้างนึงก้มศีรษะลงแทบจะจรดพื้นแสดงความจงรักภักดี ก่อนจะแยกย้ายไปยังงานที่ได้รับมอบหมายตามที่ต่างๆ
โรเจอร์มองตามบุรุษร่างหนาที่เดินไกลห่างออกไป นึกอดเป็นห่วงในใจไม่ได้
เจ้าชายเข้าป่าคนเดียวครั้งแรก จะเป็นอะไรไหมนะ?
…
ฉันมาทำอะไรที่นี่…
ตาสีแดงสดหม่นแสงลงขณะที่มองชายกระโปรงอันหลุดลุ่ยของตนเอง หล่อนเดินเรียบปราสาทหินอันใหญ่โต เพื่อเป็นการสำรวจเส้นทางใหม่ และหลบเลี่ยงการเจรจากับใครๆ
“ทำอย่างกับว่าฉันไม่ใช่คนอย่างนั้นแหละ”เธอบ่นพึมพำกับตนเอง นึกย้อนไปถึงสายตาของคนเหล่านั้น ที่ไม่ไว้ใจในตัวเธอเลยแม้แต่น้อย “อ้อ ลืมไป เธอคืออาวุธอันน่าสะพรึงกลัว แห่งแคปริคอร์นไง”
เป็นอาวุธที่ถูกจับมาเป็นเชลย…จะมีอะไรน่าขันกว่านี้อีกไหม
ชาวแคปริคอร์นคงจะอับอาย ท่านนิมฟอริด้าและสภาความมั่นคงแห่งแคปริคอร์น ท่านพ่อ ท่านแม่…
“เธอไม่ใช่อาวุธ และไม่มีทางเป็นได้”
ทรอนซีรา…
ฉันคิดถึงนาย
“แล้วเธอค่อยกลับมาบอก…ว่าเธอรู้สึกยังไงกับฉัน”ฉันคิดถึง นัยน์ตาสีทะเลลึกที่มีความอบอุ่นอยู่ข้างในนั้น
“ฉันจะรีบไปรับให้เร็วที่สุด”
“ฉันจะรอ…”อะความารีนรู้สึกถึงน้ำที่ไหลผ่านแก้มไปหนึ่งหยด ลมหนาวพัดวูบเข้าปะทะ ดวงหน้าเล็กแหงนมองขึ้นท้องฟ้า ดวงจันทร์กลมโตลอยนิ่งอยู่บนนั้น ทำให้รู้ว่านี่คงเลยเวลาอาหารเย็นแล้ว…แต่หล่อนไม่รู้สึกว่าอยากกินอะไรทั้งนั้น
“เหมือนจะเข้าอีหรอบเดิมเลยว่าไหมครับ? คุณก็ยังรอความช่วยเหลือจากเขา”เสียงชายหนุ่มดังขึ้น อะความารีนตวัดสายตาไปตามต้นเสียงจึงพบกับร่างเล็กของบุรุษนัยน์ตาสีฟ้า ซึ่งยืนพิงกำแพงสบายๆต่างจากหล่อนที่ระวังตัวเต็มที่
”เซย์…? เธอคือ เซย์ใช่มั้ย?”
“หึหึ…รู้จักกันก็ดี ผมเป็นญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ของเจ้าชายทรอนซีราแห่งโซลิเซียร์”ชายร่างเล็กหลุบตาลงต่ำท่าทางเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง “ผมแค่จะมาบอกว่าคุณไม่ควรเดินเพ่นพ่านรอบๆปราสาท…โดยเฉพาะยามวิกาลเช่นนี้…ที่นี่ไม่ใช่ที่ของแคปริคอร์น”
“แล้วนายไม่ใช่แคปริคอร์นหรอ?”หญิงสาวเอ่ยถามอย่างสงสัย
“หึหึ ฮ่าๆๆ”คนตรงหน้ากำลังหัวเราะ ทั้งที่สายตาเขาไม่ได้กำลังหัวเราะด้วยสักนิด
อะความารีนขยับตัวเล็กน้อย รอคอยคำตอบ
เซย์มีความเกี่ยวข้องกับทรอนซีรา เขาเป็นเบาะแสเดียวที่จะรู้วิธีแก้คำสาปนั่น…อะความารีนนึกย้อนคำที่ราล์ฟเล่าให้ฟังทุกคำพูด
“พ่อของทรอนซ์สังหารสายเลือดแห่งราชวงศ์ทุกคน รวมทั้งพ่อของเซย์ นั่นทำให้เขากับทรอนซ์มีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีนักหรอกนะ จากวันที่เกิดเรื่อง เซย์ก็หายตัวไป ทรอนซ์ถูกส่งมาเข้าโรงเรียนแคปริคอร์น พวกเราเพิ่งจะมารู้ตอนหลัง ว่าเซย์เข้าร่วมฝ่ายโทรปิคอร์น เขาเป็นหนึ่งในสมาชิกสภามืดด้วยหละ…”
“อยากรู้ไหมครับว่าทำไม”
“…!”นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้างอย่างอึ้งๆ
เมื่อกี้นี่มัน!!?
ภาพซ้อนของชายร่างเล็ก ที่มีสภาพไม่ใช่คน…มันคืออะไร…กันนะ?
ถึงจะเห็นแว๊บเดียว แต่นั่นทำให้อะความารีนเผลอก้าวถอยออกไปหนึ่งก้าว
ความรู้สึก รับรู้ได้ถึงความน่ากลัว
ไม่ใช่จากรูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว…ไม่ใช่แค่นั้น
มันคือพลังบางอย่าง พลังมืดที่ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่สมควรที่ใครจะได้เข้าใกล้ เพราะมันเป็นลางแห่งความหายนะ!
“เพียงแค่แสดงให้โทรปิคอร์นเห็น ใช้พลังนั่นแสดงฝีมือนิดหน่อย ผมก็สามารถผ่านด่านทดสอบต่างๆจนเลื่อนขั้นเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกสภามืด ที่นี่เป็นที่ๆผมได้รับการยอมรับ”เซย์แค่นเสียงหัวเราะ แต่ดวงตาคู่นั้นไม่ได้แสดงถึงความยินดีสักนิดเดียว
“มัน…คือลางร้าย นาย…ไม่ควรใช้อำนาจนั้น มันจะพาหายนะมาสู่นาย”อะความารีนพูดอย่างรัวเร็ว พบว่าลมหายใจหอบระริน รู้สึกถึงความปั่นป่วนของพลังเวทย์ในกาย
“ร่างกายคุณ ดูจะตอบสนองต่ออำนาจของผม แน่นอนล่ะ…เจ้าสิ่งนั้นมันไม่ชอบเวทย์ธาตุบริสุทธิ์ ดิน น้ำ ลม ไฟ ในตัวคุณซักเท่าไหร่”
“ทรอนซีราน่ะ…ไม่ยอมให้เขาโดนควบคุมหรอกนะ”
“หึ คุณไม่เข้าใจหรอกครับ”
“เซย์…นายรีบถอยออกมาเถอะ ก่อนที่มันจะสายไปมากกว่านี้”
“ผมไม่ได้เกิดมาแข็งแกร่ง เหมือนทรอนซ์ ร่างกายผมอ่อนแอตั้งแต่เด็ก ผมมักจะป่วยอยู่เสมอ การที่มีสิ่งนึงช่วยค้ำจุนร่างกายไม่ให้ต้องเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการรักษาของผม”
“…!”อะความารีนมองไปยังร่างเล็ก บริเวณหัวใจ…ตรงกลางอกนั่น หล่อนได้ยินมัน…แม้จะเพียงเสี้ยววิ…
เสียงหัวใจอีกดวง ที่เต้นซ้อนทับกับกัน!!
“มันพยายามจะควบคุมร่างนายอยู่นะเซย์…”
“ผมไม่สนหรอก…มันให้พลังผม ผมก็มอบสิ่งที่มันต้องการ มันเหมือนการแลกเปลี่ยน…”
“…แล้วมันต้องการอะไร…”
“…”
“…”
“ดูเหมือนมันต้องการ เลือด ของผู้ใช้เวทย์ธาตุบริสุทธิ์ครับ…”
“…!”
“สิ่งนี้ทำให้ผมมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้…การคร่าชีวิตผู้ใช้เวทย์ กัดกินหัวใจของพวกเขา…ยิ่งพวกเขามีสายเลือดบริสุทธิ์มาก ผมก็จะมีพลังมาก…โทรปิคอร์นยินดีต้อนรับผม เพราะเหตุผลนี้ด้วยล่ะมั้ง…”
“เซย์…”
“ไม่ว่าคุณจะเป็นคนสำคัญสำหรับทรอนซ์หรือไม่ ผม…คงต้องขอกลืนกินหัวใจของคุณ เพื่อแลกเปลี่ยน ให้ดวงวิญญาณอันหิวโหยให้สมปรารถนา…”
เสียงของชายคนเดิมเปลี่ยนไปเป็นอีกคน!!
นัยน์ตาสีฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวโพลน ไม่เห็นแม้แต่เงาในตาคู่นั้น!!
“กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!”
…
“เจ้าชาย มีอะไรหรือเพคะ”หญิงวัยกลางคนเอ่ยถามขณะเห็นบุรุษร่างหนาอันคุ้นตา เดินผ่านหน้าห้องที่หล่อนกำลังทำความสะอาดอยู่สามสี่รอบ ดวงหน้าเคร่งขรึมเหมือนอยากจะพูดบางสิ่ง แต่ท้ายที่สุดก็เก็บมันไว้ จนหล่อนชักไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ของเจ้าชายมังกรคนนี้คืออะไรกันแน่
“คือ…ว่า…”ตาสีนิลมองไปยังตู้หนังสือที่หล่อนกำลังปัดฝุ่นทำความสะอาด หากแต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีคำพูดเปล่งออกมา
“อ๋อ เจ้าชายสนใจตำราหนังสือเก่าๆพวกนี้หรือเพคะ”หล่อนขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ พยายามเดาใจบุรุษตรงหน้าที่ดูจะประพฤติตัวแปลกเป็นพิเศษ
“อ่า…ใช่ๆๆ”
“เล่มไหนเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันหยิบให้”
“…”
ไม่มีคำตอบจากริมฝีปากเรียว
“อ๋อ เจ้าชายไม่ทราบว่ามันเขียนว่าเช่นไรใช่ไหมเพคะ”
“อ่า…”
“งั้นเดี๋ยวหม่อมฉันรื้อออกมาให้เจ้าชายเลือก…”
“แค่กๆๆ”ชายสูงศักดิ์ยกมือขึ้นปิดจมูกเมื่อรู้สึกได้ถึงฝุ่นที่ตลบอบอวลไปทั่วห้อง
“ตายจริง ขออภัยเพคะ หนังสือพวกนี้เก่ามากแล้ว หม่อมฉันลืมว่าเจ้าชายแพ้…”
“เราไม่เป็นไร หาต่อไปสิ”
“…ว่าแต่มันเกี่ยวกับอะไรหรือเพคะ”
“มันเกี่ยวกับ…ดอกไม้”
“เอ๋……….O_O?”
“-……………-”สีหน้าเจ้าชายดูจะไม่สู้ดีนัก เจ้าชายคงลำบากใจเป็นแน่แท้ จึงไม่อยากบอกตรงๆแต่แรก…
“จ…เจ้าชายพอจะทราบไหมเพคะว่า มันมีชื่อเรียกว่าอะไร?”
“อัล…”
“…”
“อัล…มีเรีย”
“หรือท่านหมายถึง…อัลสโตรมีเรีย”
“ใช่!! นั่นแหละ!!”
“เอ๋….O_O?”
“-………-”
“แล้ว…เจ้าชายจะเอาไปทำอะไรหรือเพคะ”
“…ช่างเถอะ”
หญิงวัยกลางคนยืนงงขณะที่สายตามองตามร่างสูงหนาของเจ้าชายเดรโก
“แล้วไม่เอาหนังสือไปด้วยหรือเพคะ”
ร่างหนานั้นเดินย้อนกลับมา ด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง มือยื่นมารับหนังสือแล้วเดินจากไปอย่างเงียบๆ
…
Writer : สวัสดีค่า กลับมาแล้ว อิอิ ช่วงนี้ก็ยังคงไม่ว่างนัก หายไปนานเลย><
ไรท์เตอร์มักจะคิดถึงเรื่องนี้ แล้วพอสุ่มอ่านไปสักตอน มันก็จะไม่สามารถหยุดได้ ฮ่าๆๆ ไม่รู้ทำไมนะ[อวยตัวเองค่ะ-_-]
คิดถึงสุดๆ อยากมีเวลามากกว่านี้ ถ้ามีเวลาพักจะกลับมาแต่งต่อนะคะ
สำหรับนักอ่านที่ติดตาม (ดูจากยอดวิวประจำเดือนที่ขึ้นทุกเดือนแม้ไม่มีการอัพเดท) ไรท์เตอร์ขอขอบคุณจากใจเลย และจะพยายามอัพต่อๆไปไม่ให้ผิดหวังกับการรอคอยค่ะ
ปล.เม้นแสดงตัวตนกันสักนิด ทักทายกันได้นะคะ <3
>>>
[100%] แล้วจ้า สำหรับตอนนี้ อาจจะงงว่านี่เข้ามาอ่านถูกเรื่องแล้วหรือ555ไม่ต้องงงค่ะ เพราะคนแต่งเองก็งงเหมือนกัน(ทรอนซ์กับแพทริกซ์ไฟ๊ว์กันมาตั้งนาน หายไปไหน!!!)ใจเย็นๆนะคะ มาตอนหน้าแน่นอนค่า ตอนนี้เจ้าชายเดรโกเข้ามามีบทบาทเป็นพิเศษ ยังมีความลับอีกหลายอย่างที่ยังไม่เปิดเผย รอติดตามกันนะคะ>_<---
ขอบคุณทุกคอมเม้นนะคะ <3<3<3 ^^
บาบิQ
อิมเมจเจ้าชายเดรโกค่ะ
Cr.Unknown
Aquamarine
cr.VampireKnight
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอบคุณที่แวะมาเม้นค่ะ
ขอบคุณค่ะ (: