ตอนที่ 35 : The Keyz(2) 35 คฤหาสน์ฮีลเลอร์
[35]
คณะเดินทางเริ่มเคลื่อนพ้นเขตเมืองซิลเวอรี่ หนทางเริ่มคดเคี้ยวและสูงชัน บ่งบอกถึงสภาพภูมิประเทศอันเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ เมื่อระดับความสูงเพิ่มขึ้น
อะความารีนยกมือขึ้นปาดเหงื่อ แม้จะรู้ว่าอีกไม่นานลมเย็นๆก็จะพัดให้เหงื่อแห้งเหือดไปเองแต่น้ำเค็มๆไหลย้อยเข้าตาจนเธอก้าวพลาด สะดุดก้อนหินตรงหน้าอีกระลอก
โอ๊ะ
ตุบ! ร่างบางเซถลาไปพิงกับอกแข็งแกร่งของร่างที่เดินตามมาติดๆ
ตาสีเข้มตวัดไปมองดวงหน้าละมุนที่ขึ้นสีจัดแว๊บหนึ่ง ก่อนจะดันร่างเล็กที่เหมือนจะยืนแข็งเป็นรูปปั้นออกห่างตัว แล้วก้าวเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจ
U///Uทิ้งให้ใครบางคนยืนลูบอกด้วยอารมณ์ว้าวุ่น
โรสเซลล่าเดินผ่านไป พลางส่งสายตาแปลกๆสื่อความนัยออกมา ยิ่งทำให้หญิงสาวก้มหน้างุดๆมองพื้นหินขรุขระ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นไปลูบแก้มซ้ายเบาๆ
เขาจะจำได้ไหม
?
ในหัวของอะความารีนคิดเพียงแต่คนงี่เง่าบางคนที่แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ ว่าจะจำเหตุการณ์เมื่อคืนได้รึเปล่า เพราะหลังจากที่เขาหมดสติไป ก็ฟื้นตัวอีกทีประมาณสายๆของวันรุ่งขึ้น
แกเป็นอะไร
ไข้ขึ้นหรอ?ชายหนุ่มที่เดินรั้งท้ายมาตลอดการเดินทางเหลือบมองเสี้ยวหน้าของเพื่อนซี้ที่ดูจะร้อนวูบวาบ ทั้งที่อากาศกำลังเย็น
ช่างฉันเถอะน่าหญิงสาวแยกเขี้ยวงุด ก้มหน้าก้มตาเดินขึ้นทางลาดเนินต่อไป
เออ ทรอนซ์
ว่าแต่ ทำไมเมื่อคืนถึงได้หลับเป็นตายขนาดนั้นอ่ะ
โอ๊ย!พูดจบประโยคไม่ทันไรก็ต้องร้องเสียงหลงเพราะเท้าเล็กๆของหญิงสาวคนข้างๆอยู่ดีไม่ว่าดี ยื่นมาตะปบเท้าของเขาด้วยแรงมหาศาลไม่เหมาะสมกับตัว
อุ้ย
ขอโทษทีอะความารีนทำหน้าลอยๆ ตาแป๋วแหววที่ดูยังไงก็รู้ว่าบรรจงจัดเสริมเติมแต่ง ราล์ฟหรี่ตาลงนิดๆอย่างจับพิรุธ พยายามควานหาความนัยภายใต้ดวงหน้าละมุนไร้เดียงสาของเพื่อนที่มันแถเก่งพอๆกับเขา
ทรอนซ์หันกลับไปมองทางเดินตรงหน้าอีกครั้ง เมื่อคนถามดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบอีกต่อไป ซึ่งเขาเองก็ให้คำตอบไม่ได้เช่นกัน
ภาพสุดท้ายที่มองเห็นและรับรู้ด้วยสติคือตอนที่กำลังยืนรอใครบางคนอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาชน จากนั้นภาพก็ค่อยๆเลือนรางพร้อมกับสติที่หลุดลอย
ทรอนซ์ชะงักเมื่อนึกถึงความฝันประหลาด
ดวงหน้าละมุนของใครบางคนปรากฏในมโนภาพอย่างแจ่มชัด ดวงตากลมโตสีแดงสดเปล่งประกายทักทายตอบกลับมา ร่างบางนั่นอยู่ใต้ร่างของเขา และเขาก็โน้มหน้าลงเข้าไปใกล้
คิดได้ถึงตรงนั้นก็พ่นลมหายใจออกทางจมูกเบาๆ พร้อมสลัดความคิดออกไป ปากเรียวเม้มแน่นข่มอารมณ์ประหลาด เลือกที่จะเก็บไว้ในใจเงียบๆ
มันก็แค่ฝัน
เห้ยนั่น! ฉันเห็นป้ายเมืองอยู่ลิบๆแล้ว*O*ราล์ฟหรี่ตาลงมองไกลไปยังป้ายไม้ใหญ่ๆสีแดง ตัวอักษรสีทองจารึกเป็นชื่อ Rose quartz ปักอยู่ใกล้ซุ้มโค้งประตูที่มีกุหลาบสีแดงพันเลื้อยประดับตกแต่งอย่างงดงาม
ทุกคนเบือนหน้าไปตามสายตา ก็พบว่ามีบันไดทอดยาวขึ้นไปจนสุดตัวเมืองซึ่งตั้งอยู่บนพื้นราบ แม้ยังห่างจากตัวเมืองพอสมควร หากแต่กลิ่นธาตุไฟบริสุทธิ์ลอยคลุ้งแทรกซึมทุกอณูอากาศ อุณหภูมิหนาวเย็นเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นอบอุ่น สมกับเป็นเมืองผู้ใช้เวทย์ธาตุไฟ
และทันทีที่คณะเดินทางก้าวถึงซุ้มประตู
ยินดีต้อนรับกลับสู่เมืองโรสควอตซ์
ท่านหญิงอะความารีน ฮีลเลอร์ร่างหญิงสาวนางหนึ่งในชุดคลุมสีดำ ปราดเข้ามาหยุดตรงหน้าพร้อมโค้งคำนับอ่อนช้อยงดงามทีหนึ่ง นายท่านรอท่านหญิงมานาน เชิญที่คฤหาสน์ฮีลเลอร์เจ้าค่ะตาเรียวสีแดงสะท้อนภาพดวงหน้าของท่านหญิงที่ถูกเรียก ผู้ซึ่งกำลังยืนช้อคอ้าปากค้าง จนคนข้างๆต้องเข้ามาสะกิด
เขาเรียกแกอ่ะ
อ่า อืมร่างบางไหวตัวนิดๆ พลางขยับยิ้มแห้งๆตอบกลับไป หญิงสาวผู้นั้นเพียงค้อมกายลงอีกรอบก่อนจะพลิกตัว เดินนำฝ่ากลุ่มคนจำนวนมากที่หยุดยืนมุงต้อนรับคณะเดินทางของหญิงสาวคนสำคัญ
ผู้คนพิจารณาร่างบางผู้มีนัยน์ตากลมโตสีแดงสด กลิ่นอายธาตุไฟบริสุทธิ์ดูเลือนรางเพราะปะปนไปด้วยธาตุดิน น้ำ ลม เป็นพลังอำนาจที่น่าหวาดสะพรึงจนเรียกพลังร้อนๆในกายให้ตื่นตัวตามสัญชาติญาณ
และเป็นเพราะกลิ่นไอเวทย์ของท่านหญิงคนสำคัญแผ่ออกมากลบกลิ่นไอผู้ใช้เวทย์คนที่เหลือในคณะเดินทาง จึงไม่อาจสรุปได้ว่าพวกเขามีพลังแบบใด
อะความารันสัมผัสได้ถึงพลังไฟของหมู่คนโดยรอบ กำลังเดือดพล่านอย่างกระหายจะพิสูจน์ นั่นทำให้ตากลมโตตวัดไปมองกลุ่มคนที่เดินตามมา พวกเขาคงรู้สึกได้ถึงแรงกดดันเหล่านั้นเช่นกัน ราล์ฟเฟยักคิ้วแล้วมองไปรอบๆอย่างระวังภัย โรสเซลล่ากำหมัด เม้มปากเป็นเส้นตรง ส่วนทรอนซีรา
ร่างหนาถูกกันออกห่าง โดยกลุ่มคนเหล่านั้น เข้าไปชิดตัว
ดวงตาสีแดงฉานทุกคู่วาววับ จมูกสูดดมกลิ่นอายของบุรุษที่อยู่ในวงล้อม พวกเขาค้นพบแล้วว่าคนผู้นี้คือผู้ใช้เวทย์ธาตุน้ำบริสุทธิ์
อริโดยสัญชาติของผู้ใช้เวทย์ไฟ
หยุด!เสียงหวานใสตวาดออกไป ทำให้ทุกคนหยุดชะงัก ขณะที่พลังในกายถูกรีดเค้นเตรียมโจมตี หากพวกท่านทำร้ายคนของเรา ก็เท่ากับว่าไม่ให้เกียรติเรา
ได้ผล
ไหม?
คณะผู้เดินทางต่างรอคอยด้วยใจลุ้นระทึก อำนาจของอะความารีน ฮีลเลอร์ มีมากล้นเท่าไหนกัน? ตระกูลฮีลเลอร์ติดท้อปทรีของผู้ใช้เวทย์ไฟบริสุทธิ์ที่แกร่งที่สุด แค่กิตติศัพท์ก็พาให้ผู้ใช้เวทย์ต่างเลี่ยงการปะทะ
พลังไฟโดยรอบเริ่มสงบลง กลุ่มคนที่ล้อมไว้ค่อยๆเขยิบห่างออกไปเรื่อยๆ
ดีนะที่เจ้าชายน้ำแข็งของเรายังไว้หน้าแกอยู่บ้างคนข้างๆแอบกระซิบ ตาสีฟ้าเทาเป็นประกาย ไม่งั้นเมืองนี้ได้เปลี่ยนฤดูเป็นหิมะโพลนๆแน่
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนจะไม่มีใครกล้าก้าวเข้าใกล้กลุ่มคนของท่านหญิงอีก
บ้านหลังใหญ่ ดูคุ้นเคยไม่เปลี่ยนไปเลยจากภาพในความทรงจำ ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่รายล้อมตัวคฤหาสน์ ทำให้นึกย้อนไปในวัยเด็กที่ฉันชอบออกไปวิ่งเล่นแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย จนท่านแม่บอกว่าพลังไฟของฉันนั้นมีอยู่เต็มเปี่ยม มันสว่างตลอดเวลาและไม่ว่าจะโดนลมพายุ ก็ไม่สามารถดับไฟดวงนี้ได้
ใกล้จะสิ้นสุดการรอคอยแล้ว
แค่ก้าวผ่านบานประตูนี้ไปแค่นั้น ครอบครัวที่ฉันเฝ้าหวังจะเจอมาตลอดสองปีที่ผ่านมา ฉันกำลังจะได้เห็นหน้าพวกท่านแล้ว
แอ๊ด
บานประตูไม้สลักลายกุหลาบถูกเปิดออกช้าๆ
กึก
แต่ขามันกลับไม่ยอมขยับ
เอ้า รออะไรอยู่ล่ะ เข้าไปสิ*-*ราล์ฟสะกิดไหล่จึกๆ ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ กลั้นอารมณ์แปลกๆไว้ เหลือบตามองนัยน์ตาสีทะเลลึกที่ทอดมองมาก่อน สายตาเรียบเฉยแต่มั่นคง ชวนให้รู้สึกอุ่นใจได้เสมอ
ฉันหลับตาก่อนจะก้าวพ้นขอบประตู ที่เปิดอ้าไว้อยู่ก่อนแล้ว
ท่านหญิง
นายท่านออกไปข้างนอก จะกลับมาค่ำๆเจ้าค่ะหญิงสาวคนเดิมเดินออกมาจากห้อง ขณะที่ขาฉันยกค้างอยู่อย่างนั้น ยังไม่ทันจะได้วางบนพื้นพรม
ฮ่าๆๆ เธอน่าจะบอกก่อนหน้านี้นะ ปล่อยให้ใครบางคนลุ้นเวอร์ราล์ฟหลุดขำแล้วเอื้อมมือมาตบไหล่ฉันป้าบๆ
-.-อืมฉันถอนหายใจเบาๆ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจ คงดีที่มีเวลาเตรียมใจมากกว่านี้ เพราะฉันจากพวกท่านไปนานเหลือเกิน แล้วยิ่งรู้สึกแปลกๆหลังจากมีประสบการณ์ของสาวน้อยอเมทิสต์ แต่ก็ผิดหวังเล็กๆ เพราะการรอคอยมันยืดเยื้อออกไปอีก
งั้นระหว่างนี้ พาทัวร์รอบบ้านหน่อยดิ^^ราล์ฟเสนอ ขณะที่ทรอนซ์กับโรสดูเหมือนต้องการพักผ่อน เพราะร่างสองร่างนั่นเดินตามหญิงสาวคนเดิมขึ้นบันไดไปยังห้องพักเรียบร้อยแล้ว
ไม่รู้สิ
ไม่แน่ใจว่าฉันจำอะไรเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ได้มากน้อยแค่ไหนฉันตอบไปขณะที่ตายังจ้องไปที่ร่างสองร่างนั่นที่กำลังขึ้นบันได
สองคนนั่น
คงไม่มีอะไรมั้ง?
ฉันกระพริบตาปริบๆ สะดุ้งเฮือกกับความคิดตัวเอง
ก็ช่างเขาสิ พวกเขาจะมีอะไรก็เรื่องของเขา ฉันจะเก็บมาคิดทำไม>O<!?
ทำไมฉันเหมือนรู้สึกถึงไอเย็นๆแปลกๆแถวนี้นะราล์ฟย่นจมูก มองไปรอบๆ ฉันก็ต้องรีบเก็บความเย็นในตัวให้มิดชิดกว่าเดิม T_T
น
นั่นสิเนาะ กำลังคิดอยู่พอดี
ความจริงบรรยากาศมันก็แปลกๆอยู่ ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านเหมือนมีไอเย็น(ที่ฉันไม่ได้ก่อ)ลอยปกคลุมอยู่ทั่ว ทั้งที่มันมักจะอบอุ่นอยู่เสมอ หรือบางทีฉันอาจไม่คุ้นเคยสถานที่ก็ได้
ฉันเดินนำราล์ฟไปยังห้องซ้ายสุดของตัวคฤหาสน์ นั่นคือห้องหนังสือขนาดใหญ่ รวมตำราอภิมหึมามหาใหญ่หลายเล่ม คอแลคชั่นของท่านพ่อและท่านแม่ที่เก็บรวบรวมไว้เพื่อมอบเป็นของขวัญเมื่อฉันโตขึ้น
*O*หนังสือพวกนี้มันอ่านได้เรอะ กี่ชาติจบล่ะนี่ราล์ฟพึมพำเบาๆแต่ได้ยินทั่วถึง ก่อนเดินไปกรีดนิ้วลงบนสันหนังสือที่วางเรียงเป็นระเบียบบนชั้นวาง โดยไม่มีแม้แต่ฝุ่นเกาะ
ตอนเด็กๆฉันชอบอ่านฉันว่าพลางยักไหล่ ไม่ค่อยใส่ใจ ส่วนใหญ่เป็นเกี่ยวกับการรักษาเบื้องต้นจนถึงเบื้องลึกเบื้องหลัง สูตรลับเฉพาะของตระกูล
สมกับที่เป็นตระกูลฮีลเลอร์ในตำนานจริงๆราล์ฟทำเสียงจึ๊กจั๊ก ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะทำหน้าเบ้ ที่บ้านฉันไม่เห็นต้องอ่านมาก แต่ต้องฝึกมาก
ฝึก?
เด็กตระกูลครอสทุกคนจะต้องเติบโตเป็นโพรเทกเตอร์ หัดจับดาบก่อนขวดนมซะอีกนะจะบอกให้
=.=แกโม้
แกก็รู้นี่^^
แล้วฉันก็เอื้อมมือไปหยิบหนังสือขนาดพอดีมือไม่ใหญ่ไม่เล็กมาเล่มหนึ่ง หน้าปกมันเขียนไว้ว่า สรุปการรักษาเบื้องต้นที่ควรรู้ ฉันหลุดยิ้มออกมาเมื่อเปิดไปหน้าแรกก็พบกับภาพถ่ายของเด็กน้อยตัวเล็กๆกำลังยื่นหน้าเข้าไปอ่านหนังสือเล่มหนาใหญ่กว่าขนาดตัว สีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจฉายออกมาจากตาสีแดงสดคู่นั้นชัดเจน
ใต้ภาพมีคำบรรยายเขียนไว้ ลายมือตวัดเป็นเส้นบาง จรดในเนื้อกระดาษนั้นอย่างสวยงาม
มารีน่าชอบอ่านหนังสือมาก ฉันกับออกัสช่วยกันสอน ลูกเรียนรู้เร็วมาก
เนเฟิลไนล์
เปิดไปอีกหลายๆหน้าก็พบว่ามีภาพถ่ายแทรกคั่นอยู่ตามกระดาษหนังสือ พร้อมคำบรรยายมากมายที่ฉันอ่านแล้วก็กลั้นยิ้มไม่อยู่ รู้สึกมีน้ำรื้นๆที่ขอบตา ภาพความทรงจำของอะความารีนมันชัดเจนมาก หัวใจเต้นรัวกับการรอคอยที่ใกล้จะสิ้นสุดในไม่ช้า
ท่านพ่อ
ท่านแม่
นี่แกร้องไห้!?*O*ราล์ฟโผล่พรวดมายืนข้างๆ ทำให้ฉันตกใจจนเผลอทำหนังสือหลุดมือ ทำให้ภาพถ่ายปลิวว่อนไปกองกับพื้น
T_Tป่าวว้อย
โห
ตอนเด็กๆมันก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!?
ปากแกนี่นะ-;:-
ฉันเหลือบมองราล์ฟที่ก้มลงหยิบภาพพวกนั้นขึ้นมาดู พยายามมองขึ้นฟ้าให้น้ำตามันไหลกลับ ก็ยังดีที่มันยังมีมารยาทไม่ล้อไม่แซว ให้ฉันรู้สึกแย่กว่านี้
ฮ่าๆๆ เฮ้ยดูดิ ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้เก๊กมาดหนอนหนังสือ หน้านี้แบบนะกลมบ๊อก ตาก็โตได้อีก
=[]=
เฮ้ยถามจริง แกอ่านออกจริงๆเหรอหรือว่าแกล้งทำเป็นฉลาด?
=[]=
ฮ่าๆๆๆๆ! เฮ้ยรูปนี้มัน...O.o
ฉันถลึงตาใส่ราล์ฟก่อนจะหันไปมองภาพที่มันโชว์ร่อนๆอยู่บนฟ้า ก่อนจะเบิกตาแทบถลนกว่าเดิม
เป็นภาพถ่ายของฉันกับท่านพี่ ในวันปิดเทอมที่เรากลับมาเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ วันเกิดครบรอบสิบห้าปีของฉัน
ราล์ฟ เอามานะ!!ฉันเขย่งเท้าพยายามคว้ามาสุดมือ แต่หมอนั่นพลิกตัวพลิ้วๆหลบได้สบายๆ แถมยังอ่านคำบรรยายเสียงดังจนฉันรู้สึกหน้าร้อนๆพร้อมๆกับควันที่เริ่มพ่นออกจากหู
วันเกิดปีนี้ไม่ขออะไร นอกจากมีท่านพี่ที่แสนดีคนนี้อยู่ข้างๆในวันเกิดปีหน้าและปีต่อๆไป
T///Tราล์ฟ พอเหอะ
แกเขียนเองหรอ?ราล์ฟทำสีหน้ากระอักกระอ่วน เหมือนอยากจะพ่นอ้วกออกมาอยู่รอมร่อ ฉันอาศัยจังหวะนี้ช่วงชิงมันกลับมา ก่อนจะตวัดสายตามองเคืองๆ
ก็ไอ้คำบรรยายใต้ภาพมันไม่เท่าไหร่ แต่ในภาพนั่นมันคือภาพที่ท่านแม่กับฉันเตี๊ยมกันไว้ก่อนหน้านี้ในตอนนั้น ว่าจะแอบถ่ายสีหน้าท่านพี่ตอนที่ฉัน
เอ่อ จุ๊บแก้มเขาเบาๆ พวกเราหัวเราะขำท่านพี่กันยกใหญ่เพราะดวงหน้าของเขาดูเหวอและตกใจนิดๆ
นี่คงเป็น
พ่อแม่แกสินะราล์ฟตะปบเอารูปที่ปลิวไปแปะอยู่บนโต๊ะ มาถือไว้ในมือ ใบหน้ายิ้มแย้มนั่นค่อยๆหุบลง ตาสะท้อนความรู้สึกและอารมณ์หม่นๆ ฉันเก็บความสงสัยไว้ในใจก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปดู
เป็นภาพถ่ายวัยเด็ก ในงานฉลองส่งท้ายปี มีท่านพ่อ ท่านแม่ และท่านพี่ ยืนยิ้มอบอุ่น พวกเขาล้อมรอบตัวฉันไว้ ในตอนนั้นฉันยังเด็กมาก ผมสั้นๆมัดเป็นแกละสองข้าง ในมือกำลังอุ้มตุ๊กตารูปร่างประหลาดๆ
ดูอบอุ่นดีนะ
ฉันเบือนหน้าไปมองคนข้างๆที่ทำเสียงเจือความเศร้าไม่สมกับนิสัย เมื่อเขารู้ตัวว่าโดนจ้องก็ยิ้มตาหยีมาให้ แต่ไม่รู้ทำไมนะ
ฉันไม่ชอบยิ้มแบบนี้ของเจ้านี่เลย
ราล์ฟ
แกโอเคไหม?ฉันโพล่งถามไป พยายามสังเกตหน้าเปื้อนยิ้มที่มันไม่หลุดแก๊กให้จับผิดอีกต่อไป ตาสีฟ้าเทากระพริบปริบๆก่อนจะพยักหน้า
ไม่ค่อยโอเค ตอนนี้หิวมาก^O^
= =ฉันหมายถึงเรื่องอื่น แกเจือกทำหน้าเศร้า
อ๊า หิวจังเลย หิวจัง หาอะไรกินกันเถอะ ^^
แกเปลี่ยนเรื่อง
ความเงียบเข้าปกคลุมบรรยากาศ ฉันจ้องหน้าราล์ฟนิ่งๆ ดวงหน้าทะเล้นคลายยิ้มลง สีหน้าสงบก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะในลำคออย่างฝืนๆ
ฉัน
ไม่เคยมีภาพความทรงจำที่ดีนักกับครอบครัวหรอกนะ
ตาสีฟ้าเทาสั่นไหววูบหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะหลุบตาลงเพื่อซ่อน
ความรู้สึกบางอย่าง ฉันเม้มปากแน่นรับฟังเงียบๆ ทั้งที่รู้สึกสะเทือนใจ
ไม่รู้ว่าพวกเขาจะจำได้หรือเปล่า ว่ามีลูกอย่างฉันอยู่บนโลกใบนี้^-^
บ้านครอสเป็นตระกูลใหญ่น่ะ ท่านพ่อมีภรรยาหลายคน ออกลูกออกหลานกันเต็มบ้านเต็มเมือง ถึงจะพอรู้เหตุผลว่าต้องผลิตทายาทออกมาเป็นกองกำลังสำคัญของแคปริคอร์นก็เถอะนะ ท่านแม่ของฉันเจ็บปวดมาก
เขาคาดหวังกับฉันมาก ว่าฉันต้องโดดเด่นเหนือพวกลูกๆคนอื่นของท่านพ่อ
แล้วเสียงของราล์ฟก็กลืนหายไป เขาหันหน้าหนีไปทางอื่น แสร้งทำไปหยิบหนังสือหนาๆออกมาเล่มหนึ่ง ฉันมองแผ่นหลังว่างเปล่าแล้วน้ำตาค่อยๆไหลออกมาช้าๆ
ราล์ฟ
หืมม์มันขานตอบทั้งที่ไม่หันมา
เวลาอยู่กับฉัน แกไม่ต้องปั้นหน้ายิ้ม ถ้าอยากจะร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะฉันเม้มปากแน่น พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น มันรู้สึกเศร้าแทนไอ้คนที่ทำหน้าระรื่น ร่าเริงตลอดเวลา ทั้งที่ในใจมันซ่อนความทุกข์เอาไว้มากมาย
=O=แล้วแกจะร้องไห้ทำไมราล์ฟพลิกตัวกลับมาทำหน้างง พลางเลิกคิ้วขึ้น
ร้องแทนแกละกัน ไอ้บ้าฉันส่งค้อนวงโตๆไปให้ ทำให้มันแยกเขี้ยวยิ้มบางๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหา
ขอบใจนะ^^มันกำลังยิ้ม
แต่รู้ไหมว่าบางที รอยยิ้มก็แสดงความรู้สึกเศร้าได้มากกว่าการร้องไห้เสียอีก ขอบใจสำหรับรูปใบนี้ ฉันขอเก็บไว้เป็นที่ระลึก!^O^
แล้วก็เพิ่งจะรู้ตัวว่ารูปที่ฉันจุ๊บแก้มท่านพี่ถูกแย่งไปจากมือ ฉันเบิกตาตื่นๆตวัดสายตามองร่างหนาที่เริ่มเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ไอ้ราล์ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ!!!
ฉันนี่แหละ
ฉันนี่แหละจะทำให้มันร้องไห้ออกมาเอง!! >O<;;;
ก๊า ก๊า
หูสำเหนียกเสียงประหลาดทำให้ร่างบางบนเตียงสีครีมสะดุ้งเฮือก ตื่นจากภวังค์ฝัน ตากลมโตสีแดงกวาดมองรอบๆห้อง ก่อนจะหยุดที่บานหน้าต่างไม่ไกลนัก ผ้าม่านลายกุหลาบขาวสะบัดพลิ้วตามแรงลมที่ปลิวเข้ามาภายในห้อง รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งกาย
วืด ฟึ่บ!
แรงลมทำให้หน้าต่างไม้ปิดพับเข้าหากัน เกิดเสียงดังชัดเจนภายในห้องเงียบๆ ร่างบางสะดุ้งพรวดลงจากเตียง น้ำลายเฝื่อนคอจนกลืนไม่ลง
O_Oความมืด ความเงียบ และความหนาวกำลังเร้าให้ความกลัวออกมาครอบงำจิตใจ หญิงสาวค่อยๆคลานไปยังทิศที่เป็นประตูทางออกของห้อง มือเล็กสั่นพั่บๆ ปากอวบอิ่มเตรียมจะเปล่งเสียงหวีดร้องทันทีหากมีสิ่งใดเคลื่อนไหวในห้อง
ใจชื้นขึ้นเมื่อสัมผัสลูกบิดประตูเย็นๆ
เฮ้ออะความารีนถอนหายใจเบาๆ เหงื่อซึมชื้นไปทั่วร่าง เมื่อออกแรงเปิดประตูก็พบกับทางเดินว่างโล่ง ที่มีเทียนไขประดับบนเพดานเป็นหย่อมๆ
บรรยากาศแบบนี้ ชวนให้ขนลุกเกรียว ในความคิดของหญิงสาว
ปัง!
*O*ตากลมโตสีแดงสดตวัดสายตาไปมองบานประตูที่อยู่ด้านหลัง หัวสมองเริ่มประมวลผลแล้วรำลึกได้ว่า ไม่มีทางที่ลมจะพัดจากบานหน้าต่างเพราะมันถูกปิดสนิทไปแล้ว ไม่ต้องให้คิดอีกต่อไปถึงสาเหตุต้นตอการปิดเองได้ของประตูห้อง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
กริ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!>O<
ร่างบางวิ่งโซเซไปยังราวบันได ไม่มีจุดหมายที่แน่ชัด แต่ในใจกู่ร้องว่าให้ออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!
เจอดีแล้วไง เจอเข้าแล้วไง ซวยๆๆ!!TT^TT
ฉันสะดุดบันไดขั้นสุดท้ายลงไปนอนกลิ้งกับพื้นพรม แต่ก็ไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้นง่ายๆเพราะฉันอยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเต็มที
ฉันวิ่งเต็มฝีเท้าเลี้ยวไปเลี้ยวมาจนชักงง พยายามตั้งสติเต็มที่แล้วแต่มันก็ยังคงลนลาน เพราะสติเริ่มอยากจะหลุดออกไปซะเดี๋ยวนี้ U_U
หมับ อ
อะไร ใครมาคว้าไหล่ไว้เนี่ยO_O!!!
กะ
อุ๊บๆๆเสียงที่เตรียมจะกรีดร้องกลับโดนมืออุ่นๆปิดไว้แน่นสนิท ฉันหลับหูหลับตาดิ้นสุดแรง ทั้งเตะทั้งถีบสวมมาดนักมวยระดับชาติ แต่ก็ยังไม่สามารถหลุดพ้น รู้สึกถึงแรงกระแทกดันตัวให้เข้าไปในห้องหนึ่งซึ่งไม่มีแสงสว่างเลย แล้วร่างฉันก็ถูกดันติดกำแพงเย็นๆ
เงียบซะเสียงทุ้มเรียบออกคำสั่ง ฉันเริ่มคลายมือจากการหยิก จิก ข่วน แล้วกระพริบตางงๆ ภายในห้องมืดๆทำได้อย่างมากก็เห็นภาพสีดำสนิท ฟังเสียงลมหายใจแรงๆของคนข้างๆ บ่งบอกว่าเขาคงอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก
ทรอนซ์
นั่นนายหรอ??ฉันกระซิบเบาๆ ความเงียบมาแทนคำตอบ แต่ก็ไม่ต้องให้คิดอีกต่อไป ฮือๆๆๆ ทรอนซ์ ฉันโดนผีหลอก TT^TT
ฉันเบียดร่างเข้าไปกอดร่างหนาๆอุ่นๆ ที่ดูจะเกร็งเล็กน้อย แต่ฉันไม่สนอีกต่อไป ความกลัวกำลังเกาะกินหัวใจจนทิ้งคำว่าศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว
ฉันกลัวมากอ่ะ มันมืดTTOTT
หนาวด้วย ทำไมมันหนาวแบบนี้นะ บ้านไม่เคยเย็นขนาดนี้
ฉันรู้สึกว่าคนข้างๆไม่ยอมพูดอะไร รู้สึกมีอะไรมาสะกิดใจให้เลื่อนสายตาขึ้นไปมอง แม้จะมองไม่เห็นแม้แต่นัยน์ตาคู่นั้น แต่ฉันก็อดรู้สึกปั่นป่วนในใจไม่ได้
หรือ
หรือว่านาย
รู้สึกว่าน้ำลายมันเฝื่อนคอเหลือเกิน
นายก็เป็น
ผะ ผะ ผะ ผะ
ผี!!O_Oไม่นะ
ในขณะที่ฉันเตรียมจะกริ๊ดอีกรอบ มือหนาอุ่นๆก็ยกมาปิดปากฉันได้อย่างถนัดถนี่ ฉันดิ้นขลุกขลักอีกครั้งอย่างคนเสียสติจนร่างหนานั่นต้องดันฉันเข้าไปติดกำแพงอีกรอบ
ถ้ามันจะกริ๊ดอีก นายก็จูบเลยทรอนซ์เสียงทะเล้นดังแว่วเข้ามาในหู ฉันเบิกตากว้างหยุดการกระทำต่อต้าน ควานหาต้นเสียงนั้นในความมืด
ราล์ฟ? แกมาตอนไหน
มาทันตอนที่แกกอดทรอนซ์แน่นๆละกัน
=//O//=แก
เห็น?เออ ฉันไม่น่าถามเลย
ปรับสายตาเป็นโหมดอินฟราเรดน่ะ
ในความมืด มันดูแปลกๆที่จะพูดคุยโดยไม่มองหน้ากัน ได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นถี่รัว ร่างอุ่นๆหนาๆกำลังขยับออกห่างเล็กน้อยหลังจากฉันสงบลง แต่ฉันเอื้อมมือไปคว้าแขนคนตรงหน้าไว้เพราะกลัวเกินกว่าจะต้องอยู่คนเดียวU_U
บรรยากาศที่นี่มันแปลกๆเสียงหวานของสตรีเปรยขึ้นมา ทำให้ฉันรู้ว่าโรสเซลล่าก็อยู่ในนี้ด้วย
ที่สำคัญ พวกเขามารวมหัวกันอยู่ที่นี่ แล้วทำไมไม่เรียกฉันบ้างเลยฮะ!T^T
พวกเรากำลังจะไปรับแกอะ แต่ดันวิ่งเตลิดเปิดเปิงมาซะก่อนราล์ฟพูดเหมือนเดาออกว่าฉันกำลังคิดอะไร-.-
ฉันสัมผัสไม่ได้ถึงธาตุไฟบริสุทธิ์ในบ้านหลังนี้ นอกจากตัวเธออะความารีนโรสพูดต่อไป เสียงนั้นเบากว่าราล์ฟเล็กน้อยบ่งบอกว่าเธอคงยืนห่างออกไปไกลที่สุด
ใช่ บ้านไม่เคยเย็นขนาดนี้
ฉันว่า
ปัง
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาขัดก่อนที่ฉันจะจบประโยค
นี่เธอ
เสียงเรียบๆดังข้างๆหู น้ำเสียงฉายรอยหงุดหงิดเล็กๆ เดาไม่ยากว่าเขาคงไม่พอใจที่ฉันใช้แขนเขาเป็นหมอนข้างเอาไว้เกาะหนึบแน่ๆ
แต่ๆๆ ในสถานการณ์แบบนี้ฉันไม่กระโดดทับนายก็บุญแล้วทรอนซ์ Y_Y
อะความารีน ลูกอยู่ในนั้นหรือเปล่า?เสียงหวานใสดังแว่วออกมาอีกฟากประตู ฉันกระพริบตาถี่ หัวใจที่เต้นด้วยความกลัวเริ่มผ่อนคลายลง ตาเบิกกว้างในความมืด
ท่านแม่ฉันคลายมือจากคนข้างๆ ก่อนจะควานหาลูกบิดประตูแล้วเปิดมันออกสุดแรง
ดวงหน้าสตรีนัยน์ตาสีแดงสดปรากฏขึ้นหลังบานประตู เจ้าหล่อนมีเครื่องหน้างดงามตั้งแต่คิ้วโก่งเรียว ตาคู่สวยดูคุ้นเคยและอบอุ่น จมูกเล็กๆได้รูป ริมฝีปากชมพูคล้ายกลีบกุหลาบเผยอขึ้นนิดๆ ก่อนจะเปล่งเสียงเรียก
อะความารีน นั่นลูกหรือ?
ไม่ต้องรอให้พูดต่อ ฉันโผเข้าไปกอดร่างเล็กๆตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันอัดอั้นตันใจ เหมือนหัวใจกำลังจะถูกเติมเต็มที่ละนิด
ท่านแม่ ท่านแม่
ฉันพึมพำเรียกซ้ำไปซ้ำมา หลับตาลงพร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นสาย ร่างท่านแม่ดูผอมไปมาก
ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนเคย
อะ
อะความารีนเสียงราล์ฟฟังดูสั่นๆ แต่ฉันก็ไม่ได้หันกลับไปมอง
อ่า ฉันขอตัวนะโรสเซลล่าออกปากพูด แล้วเสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นบ่งบอกว่าหล่อนกำลังเดินออกไป
ฉันไปด้วยราล์ฟมันรีบเสริมแทบจะทันที ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเลยหันไปมอง ภาพโรสกับราล์ฟที่ดูเหมือนจะเดินสับขาแข่งกันให้ไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด? พวกเขาจะรีบไปไหนกันนะ
ท่านแม่
O_Oฉันหันกลับไปมองดวงหน้าสตรีในความทรงจำคนเดิม ก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่า คนในอ้อมกอดฉันกลายเป็นโครงกระดูกไม่หุ้มเนื้อ กะโหลกศีรษะนั่นดูคล้ายจะแย้มรอยยิ้มให้ เป็นยิ้มที่ชวนให้รู้สึกดีจริงๆTOT
มิน่าล่ะ
กอดแล้วถึงได้รู้สึกว่าผอมนัก
ทรอนซ์
นายฉันค่อยๆคลายอ้อมกอด ก่อนจะเดินถอยหลังไปไปหนึ่งก้าวด้วยความยากลำบากยิ่ง
เพราะขามัน ไม่ยอมขยับอย่างที่ใจสั่ง เอาฉันไปด้วยTT^TT เดี๋ยวนี้เลย!
= =;ทรอนซ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะคว้ามือฉันออกวิ่งพร้อมๆกัน
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!
เจอดีแล้วไง เจออีกแล้ว คราวนี้เต็มลูกกะตาเลยให้ตายดิ!!!T[]T;;
แฮ่ก แฮ่ก ทรอนซ์
นั่น ไม่ใช่ท่านแม่ใช่ไหมToTฉันถามขณะที่กำลังวิ่งลงบันได โดยที่มีแรงฉุดดึงของคนข้างหน้าลากร่างไปด้วย เพราะขามันไม่ค่อยจะยอมขยับเอง
ไม่ใช่ เป็นวิญญาณเร่ร่อน โทรปิคอร์นทรอนซ์ตอบเรียบๆทั้งที่ไม่ได้หันมา ฉันบีบมือเขาแน่นขึ้นไปอีก รู้สึกทั้งโล่งทั้งหวาดเสียว เพราะร่างที่กอดไปไม่ใช่ท่านแม่ ท่านแม่ยังมีชีวิต
แล้วเจ้าพวกนั้น! ราล์ฟกับโรสเซลล่า เผ่นกันได้ไวเหลือเกิน ปล่อยให้ฉันเผชิญกับวิญญาณนั่น
มาแล้ว!เสียงราล์ฟดังมาก่อนที่จะเห็นร่างมันวิ่งกระหืดกระหอบ สะพายเป้ไว้บนหลัง โรสเซลล่าวิ่งตามมาติดๆพร้อมสัมภาระมากมายเช่นกัน งั้นแสดงว่าที่พวกเขารีบวิ่งไปก็คงเพื่อไปเก็บของเตรียมหนี -;:-
ไปกันเถอะโรสหน้าซีดเผือด คงไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่มั้ง
จากนั้นพวกเราก็วิ่งสุดฝีเท้า ออกสู่ตัวคฤหาสน์ ก็เจอกับทุ่งหญ้ากว้างโล่ง ทันทีที่ออกสู่ภายนอก ลมหนาวเย็นยะเยือกพัดโชยเข้ามาปะทะร่าง รู้สึกเสียวซ่านไปทั้งไขสันหลัง แต่
ไม่ใช่เพราะไอเย็นเท่านั้นหรอกนะ มันประกอบกับภาพที่เห็นต่างหากTOT
ช้อคเป็นรอบที่สอง กองทัพวิญญาณกำลังรอต้อนรับอยู่ทั่ว โครงกระดูกขาวพวกนั้นยืนเรียงเป็นแถว จำนวนคงไม่ต้องพูดถึงเพราะแทบจะไม่เห็นสีเขียวของพื้นหญ้า
เอาไงต่อล่ะทีนี้ฉันกระซิบเครียด เหลือบมองเสี้ยวหน้าแต่ละคนที่ดูจะเกร็งไม่ต่างกัน แม้แต่ราล์ฟก็ไม่พูดมากเหมือนเคย
อะความารีน ใช้พลังอำนาจของเธอที่มีอยู่ จัดการซะโรสหันมาพูดประโยคที่ได้ยินแล้วอยากจะแกล้งตาย
ให้ตายเถอะ T^T
ฉัน?ฉันทวนคำพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าตัวเอง กระพริบตาปริบๆมองใบหน้าแต่ละคนที่ฉายแววจริงจังเชื่อมันกันเหลือเกิน
เอาวะ
ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ถอยไป พวกเขาขยับออกห่าง ทำให้ฉันหันขวับไปมอง พวกนายไม่ต้องถอย ฉันสั่งให้พวกมันถอย
ในขณะที่ทุกคนกำลังทำหน้างง ไม่ต้องให้คิดอีกต่อไป ฉันตะโกนออกคำสั่งลั่นในฐานะคนที่มีพลังอำนาจสูงสุด
โกยโว้ยโกยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!
พลังลมถูกรีดออกมาจากร่าง ฉันหลับหูหลับตาซัดร่างไร้หนังไร้วิญญาณนั่นออกให้พ้นตัวพร้อมกับพลังไอน้ำระดับสูงสุดที่พุ่งติดฝ่าเท้า จมูกสูดดมกลิ่นไอเวทย์ลอยเข้ามาใกล้ พวกเขาคงกำลังวิ่งตามมาติดๆ
ไอ้บ้า!ราล์ฟเปิดบทสนทนาก่อนทันทีที่ทุกคนหยุดหอบ พักหายใจหลังจากที่พ้นเขตบริเวณคฤหาสน์ โครงกระดูกพวกนั้นเคลื่อนไหวช้ามาก เมื่อเทียบกับพลังไอน้ำของเหล่าผู้ใช้เวทย์
แฮ่กๆๆฉันก้มตัวลงหายใจหอบ ตวัดสายตาไปมองเพื่อนซี้ที่มันเริ่มหัวเราะลั่นอย่างอดไม่อยู่
นึกว่าจะโชว์พลัง ดันโกยแน่บ
อยากโชว์ก็โชว์เองดิ ฉันไม่เอาด้วยหรอกT^T
ฮ่าๆๆๆ
สัมผัสถึงไอเย็นๆที่ทำให้กระดูกสันหลังเสียวว๊าบ ราล์ฟกับฉันมองหน้ากันแว๊บหนึ่ง ก่อนจะเบือนไปทางบุรุษผู้ยืนนิ่งขรึม ผู้มีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์
แกคิดเหมือนที่ฉันคิดมะ?ฉันกระซิบถามเบาๆแบบที่ได้ยินกันสองคน
ฉะ
ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าแกคิดอะไรอยู่ตาคู่นั้นสั่นไหวเล็กน้อย
วิญญาณนี่มันเข้าสิงคนได้ใช่มั้ยToT
แกจะบอกว่าทรอนซ์
ราล์ฟเฟเสียงเย็นเยียบเรียกให้ขนลุกชันตั้งเกรียว บุรุษที่กำลังถูกนินทาขยับปากเรียว ตาสีเข้มตวัดไปสบร่างผู้ที่ถูกเรียก ฉันถอยหลังออกห่างพร้อมยืนภาวนา
O_Oราล์ฟชะงักเล็กน้อยแต่ไม่มีโอกาสได้เกียร์ถอย เพราะร่างสูงหนานั้นเดินไปใกล้
บ้านนาย
ง่า นายอยากได้นายเอาไปเลยT^T
= =;
เห็นสีหน้าเกร็งๆแล้ว ฉันเริ่มคลายใจลงเพราะนั่นคงเป็นทรอนซีรา ตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่วิญญาณเร่ร่อนที่เข้าสิงคนได้อย่างที่เข้าใจ U_U
พาไปบ้านนาย ป้อมปราการครอสน้ำเสียงเรียบๆนิ่งลึก รับกับสีหน้าไร้อารมณ์ของเจ้าชายน้ำแข็ง ปลุกเอาคนที่ฟุ้งซ่านไปเองดึงสติกลับคืนมา ตาสีฟ้าเทากระพริบถี่
บ้านฉันน่ะหรอ?ราล์ฟทวนคำอย่างงงๆ
ตอนนี้ไม่มีที่ไหนปลอดภัยอีกแล้ว นอกจากที่นั่น สถานที่ที่มีการคุ้มกันเข้มแข็งที่สุดของแคปริคอร์น ที่ที่โทรปิคอร์นไม่กล้าเฉียดกรายเข้าใกล้โรสเซลล่าเสริม ทำให้เด็กตระกูลครอสพยักหน้าเบาๆอย่างเข้าใจ
คณะเดินทางเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายใหม่
ป้อมปราการครอส
สถานที่ที่มีโพรเทกเตอร์คุ้มกันมากที่สุด
กองกำลังหลักของแคปริคอร์น
Writer: ตอนนี้รีบปั่นไปหน่อย อาจจะบรรยายลวกๆไปบ้างTOTขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อัพตอนต่อไปด้วยนะค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ =]
หวังว่าที่ต่อไปคงไม่มีกองทัพกระดูกนะ *O*
ปล. นางเอกเรานี่รั่วได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ 555555555+
สู้ ๆ ต่อไปจ้า รอ่านต่อไป ^O^
กำลังมันส์ >< อิอิ
อยากเหนพงัลของนางเอกมั่งๆ เอาเก่งสุดๆไปเรยๆๆ
อิอิ
ขอหวานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ