ตอนที่ 20 : The Keyz 20 การกลับมาของ...เธอคนนั้น&แสงสว่างที่รอคอย
[20]
ร่างเล็กสมส่วนถูกโอบกอดโดยร่างหนาที่สูงกว่ามากไว้แน่น หญิงสาวหลับตาพริ้มรับความสุขล้นที่ทำให้เธอหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปิติ กับชายหนุ่มที่หลุบตาลงพร้อมคิ้วที่ขมวดเข้าหากันอย่างข่มอารมณ์หวั่นไหว
ภาพตรงหน้าช่างเป็นภาพที่งดงามเหลือเกิน คนรักที่กำลังจะคืนดีกัน หนึ่งคนรอคอย อีกหนึ่งคนก็กลับมาหา…มันเป็นเรื่องที่ น่ายินดีจริงๆ
ฉันซึ้ง จนน้ำตาไหลเลยล่ะ
“ฮึก..”ฉันพยายามลุกขึ้นยืน แต่แล้ว..
หมับ…
มีใครบางคน จับไหล่ทั้งสองข้างของฉันไว้
“O_O”ฉันเบิกตาอย่างตกใจ เมื่อพบว่า…คนคนนั้นคือ การ์มี
“ชู่วว์”เขายกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากตัวเอง แล้วลากฉันออกมาจากหน้าประตูนั้นอย่างรวดเร็ว ฉันถูกมือหนาที่กุมมือฉันไว้ฉุดไปตามแรง ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาฉันไปที่ไหน หัวสมองฉันดูเหมือนจะไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว…มันว่างเปล่า
ฉันเห็นประตูที่อยู่ด้านในสุดของหลังเวที เขาพาฉันออกไปจากประตูนั้น…กลิ่นหญ้าโชยเข้ามาแตะจมูก ลมพัดมาเอื่อยๆหอบเอาความเย็นเข้ามา…ความหนาวเย็นที่จับไปถึงขั้วหัวใจ
“เอาล่ะ ที่นี่ไม่มีคนแล้ว…เธออยากจะร้องไห้ต่อไหม?”การ์มีหันมาถาม ฉันมองหน้าเขาอย่างซาบซึ้ง รู้สึกรื้นๆที่ขอบตา “การที่เธอเก็บความรู้สึกเอาไว้คนเดียวน่ะ คงอึดอัดน่าดูสินะ”
“อื้ม…มันทรมานมาก…มากที่สุดเลยล่ะ”ฉันซูดน้ำมูกขึ้นจมูก พูดด้วยเสียงอู้อี้
การ์มีมองมาที่ฉันอย่างเห็นใจ “เธอ ตัดใจจากเขาซะเถอะ”
ฉันหันไปสบตากับการ์มีแว๊บนึง ก่อนจะเบือนหน้าหนี…ซ่อนความปวดร้าวในสายตา
“คนอย่างทรอนซ์น่ะ รักใครยาก”การ์มีโคลงหัวไปมา พูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆปนชื่นชม“แต่เมื่อรักใครไปแล้ว ก็คงจะ…ลืมยาก เขาไม่พร้อมที่จะมีใครหรอก ไม่มีใคร…แทนที่พิ๊งค์ได้หรอก”
“ฉันรู้”ฉันตัดบทแทบจะทันที “ฉันพอดูออกว่าเขารักกันมากแค่ไหน นายจะมาปลอบหรือซ้ำเติมฉันกันแน่หะT^T”ฉันทุบอกการ์มีเบาๆหนึ่งที นี่แน่ะๆ++
“ทำไมเธอไม่ลองให้โอกาส คนที่รักเธอล่ะ”การ์มีหรี่ตาลงช้าๆ ก่อนจะจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันไว้เบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ตอบรับแพทริกซ์ซะ เขาจะดูแลเธออย่างดี ดีกว่าทรอนซีราแน่นอน”
ฉันหลุบตาลง ปล่อยให้น้ำตาหยดที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ไหลผ่านแก้มทั้งสองข้างช้าๆ ถึงแม้จะพยายามก้มหน้าเพื่อปกปิดแต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไรนัก สิ่งที่ฉันหลบไม่ใช่การ์มีแต่เป็น ความรู้สึกของฉันเอง
“นายทำอะไร?”จู่ๆเสียงทุ้มเปรยขึ้นเรียบๆดังมาจากด้านหลัง…เสียงนี้มัน…
ทรอนซ์?นายรู้ได้ไงว่าเราอยู่ที่นี่”การ์มีเลิกคิ้วอย่างงุนงง แล้วก็ต้องปล่อยมือออกจากฉันเพราะน้ำแข็งที่เริ่มเกาะลามจากมือไปถึงแขน เขาตวัดไปมองทรอนซ์อย่างเคืองๆ
“…”ทรอนซ์ไม่ได้ตอบคำถาม แต่สายตาเขาจับจ้องที่ฉัน ที่เบือนหน้าหนีทันทีที่ถูกจ้อง ฉันไม่สามารถซ่อนน้ำตาได้อีกแล้ว ภาพเขาสองคนสวมกอดกันอย่างมีความสุขมันกำลังทิ่มแทงอวัยวะที่อกซ้ายให้แตกออกเป็นชิ้นๆ…ฉันไม่สามารถไล่ภาพเหล่านั้นให้ออกไปจากหัวได้…ฉันอยากไปให้ไกลจากที่นี่ T^T
“การ์มี เราเข้าไปข้างในกันเถอะนะ”ฉันสลายน้ำแข็งในมือการ์มีให้ ก่อนจะลากเขาเพื่อจะกลับเข้าไปในประตู
“จะไปไหน”ทรอนซ์กระตุกแขนฉันออกมา ทำให้มือต้องปล่อยจากการ์มี
“ไปไหนก็เรื่องของฉัน”ฉันตอบเสียงเย็น “ปล่อยฉันนะทรอนซีรา”
“…”ทรอนซ์ชะงักนิดๆ พอๆกับฉันที่ตกใจกับน้ำเสียงที่เย็นชาของตัวเอง…’ทรอนซีรา’ ฉันไม่ได้เรียกชื่อนายเต็มๆแบบนี้มานานแล้วสินะ
“อย่ามายุ่งกับฉัน”ฉันพยายามแกะมือแข็งๆนั่นออก แต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิด แล้วย้ำเสียงเข้ม“ทรอนซีรา!!”
“ฟังก่อนได้ไหม”ทรอนซ์กระซิบเครียด
“ไม่!”ฉันทั้งสะบัด ทั้งดิ้น มันก็ยิ่งแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้แขนของฉันเอง…แต่เจ็บแค่นี้น่ะทำอะไรฉันไม่ได้หรอก เจ็บที่กายน่ะ ไม่มีทางเท่าเจ็บที่ใจอีกแล้ว“ฉันเจ็บไม่พอหรือไง นายจะทำร้ายฉันไปถึงไหนกัน”
“…”เขาพ่นลมหายใจออกทางจมูกแรงๆ แล้วหยิบกริชเงินขึ้นมา..
ย…อย่าบอกนะว่า!!!
“เห้ยๆๆๆๆ น…นายจะฆ่าฉันหรอ*O*”ฉันเบิกตากว้างที่สุดในชีวิต มองหน้าทรอนซ์สลับกับกริชเงินอย่างลนลาน “นี่นายถึงกับต้องทำกับฉันอย่างนี้เลยหรอ!”
เขาตวัดมีดลงบนมืออย่างเร็ว ก่อนจะวาดเป็นอักษรแปลกๆบนอากาศ ประตูสีขาวสลักลายสวยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
“ประตู? นายเอาประตูมาทำอะไร”ฉันเอียงคอถามอย่างงงๆ ก่อนที่จะได้รับคำตอบ ฉันก็ถูกนายทรอนซีราจอมเย็นชาลากเข้าไปในนั้นซะแล้ว…
ทิ้งไว้เพียงร่างหนึ่งบุรุษที่ถูกทิ้งไว้ เขาเกาหัวแกรกๆอย่างงุนงง
ลูกเลี้ยงไปกับเจ้าชาย แล้วละครจะจบลงยังไงล่ะที่นี้
ผู้คนมากมายเดินสวนกันไปมาตามทางเดินแคบๆ ร้านค้าเรียงกันตามทางเดินที่ทอดยาวไปจนสุดสายตา พ่อค้าแม่ค้าต่างโฆษณาของขายของตนเพื่อเรียกลูกค้าเข้าร้าน บ้างก็เป็นร้านขายอาหาร บ้างก็เป็นร้านขายผลไม้ เมื่อกวาดตาไล่ไปแต่ละร้านแล้ว…ร้อยละเก้าสิบเป็นร้านขายอาหาร ขนมปัง เบเกอร์รี่…
ของกินนนนนนน!!! ฉันช๊อบชอบบบ>_<
ฉันเหลือบมองคนที่เดินข้างๆฉันอย่างงงๆ…เขาแค่พาฉันมาซื้อของหรอเนี่ย..?
“ทรอนซ์ ไหนดูมือนายหน่อย”ฉันเปรยขึ้น ไม่ต้องรอคำตอบ(ฉันรู้แน่ว่าเขาไม่ตอบ) ฉันเลยจับมือเขาขึ้นมาสำรวจบาดแผลซะเลย “นายกรีดลึกไปไหมเนี่ย ไม่หวงเลือดบ้างหรอไง= =”
แล้วฉันก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าสีม่วงกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อนๆ ออกจากกระเป๋าเสื้อ ฉันพกมันตลอดเวลาแล้วล่ะ ตั้งแต่วันที่ฉันช้อคที่เห็นทรอนซ์กรีดมือตัวเองครั้งแรกน่ะ
ทรอนซ์ขมวดคิ้วเล็กน้อย เหมือนจะดึงมือกลับแต่คราวนี้ฉันไวกว่า ฉันมองไปทางเขาอย่างดุๆทำให้เขายอมจำนน(?) อยู่นิ่งๆเงียบๆเรียบร้อยให้ฉันทำตามอำเภอใจได้อย่างเต็มที่
สุดท้ายปริ๊นซ์ก็ถูกฮีลเล่อร์จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้น…เรียบร้อย
“นายรู้มะ ผ้านี่ไม่ใช่ผ้าธรรมดา”ฉันหรี่ตาลง ทำเสียงลึกลับหวังที่จะให้คนฟังสนใจ…แต่เขากลับ…- -; เช้อะ “นี่น่ะนะ มันสามารถรักษาได้ด้วย เพราะฉันแช่ลงในน้ำยาที่ฉันใส่พลังรักษาลงไป ฉันอ่านเจอในหนังสือน่ะ”
จะว่าไปก็แอบชื่นชมความฉลาดของตัวเองไม่ได้ ก็เลยยิ้มออกมาอย่างดีใจ “เจ๋งอะ ทำได้ไง เก่งจัง”
“= =”ทรอนซ์มองฉันด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนจะเดินไปยังร้านขายลูกกวาด ฉันเลิกคิ้วแล้วตามไปอย่างว่าง่าย
“- -/”ทรอนซ์ยื่นลูกกวาดให้ฉัน
“???”ฉันถลึงตามองทรอนซ์อย่างงงๆ
“ไม่ชอบหรอ”เขาเริ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง ก่อนจะถอนใจเบาๆ
“นี่ ฉันขอถามนายนะ ที่นายพาฉันมาที่นี่ แล้วก็ซื้อลูกกวาดให้ฉันเนี่ย นายต้องการอะไร?”ฉันอดขมวดคิ้วตามไม่ได้ เมื่อกี้ฉันเพิ่งดราม่าไปแล้วเขาเข้าบทมาอย่างงี้แล้วจะให้ฉันต่อบทยังไงเล่า(งงเอง) = =
“…”ทรอนซ์หันหน้าไปทางอื่นแล้วเดินจากไปหน้าตาเฉย..
หึย…น่าหมั่นไส้ชะมัด เขาไปเรียนรู้นิสัยกวนๆแบบนี้มาจากไหนฟะ
“ทรอนซีรา นายตอบฉันมานะ!”
ฉันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปดักหน้าทรอนซ์แต่เขาก็เบี่ยงหลบ พยายามอยู่หลายครั้งแต่ยังไง๊ยังไงเขาก็ยังแกล้งไม่สนใจฉันอยู่ดี แต่ก็ยังแวะซื้อนั่นซื้อนี่ให้ตลอด นั่นเลยทำให้ฉัน…ลืมในเรื่องที่ฉันสงสัย…ตอนนี้ฉันกำลังมีความสุข ฉันอยากเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้เอาไว้
ฉันมองขนมจำนวนมากที่แทบจะถือไม่ไหวในมือ แล้วก้มลงกัดชิ้นที่มันอยู่ใกล้ปากที่สุดก่อน…
อื้มม …ขนมสายไหมนี่ หวานจัง ^^
“ฮึก..ฮือๆๆๆ”เสียงร่ำไห้ของเด็กสาวผู้มีนัยน์ตาสีฟ้าใสที่บัดนี้หม่นแสงลง น้ำตาแต่ละหยดไหลหลั่งผ่านแก้มนวลทั้งสองข้างดั่งเพชรล้ำค่าที่ถูกทำลาย มือเล็กกุมอกไว้แน่นอย่างเจ็บปวด
ที่เจ็บน่ะ ไม่ใช่ร่างกาย…แต่เป็นหัวใจ
‘ให้โอกาสฉันนะ ฉันจะพยายามรื้อฟื้นความจำ ฉันรักคุณมาก ฉันรักคุณมากจริงๆทรอนซีรา’
ในตอนนั้นเธอพูดออกไปจากใจ หวังเหลือเกินว่าเขาจะรับรู้และเห็นใจ หัวใจเธอซักครั้ง
ร่างบางที่เข้าไปกอดร่างหนาอย่างไม่ละอาย เธอพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อจะได้หัวใจของเธอกลับคืนมา…แล้วหัวใจของเธอก็ชุ่มชื้นขึ้นอีกครั้งเมื่อได้รับกอดตอบกลับมาอย่างแนบแน่น
เนิ่นนานทีเดียว ขณะที่หัวใจของเธอกำลังพองโต
‘ฉันขอโทษ’เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ยขึ้นช้าๆแต่หนักแน่น เธอจริงใจกับเขามากเพียงใด เขาก็ได้มอบความจริงใจตอบมามากเหมือนกัน แต่…มันก็แค่นั้น เธอได้เพียงแค่ ความจริงใจ
ความจริงที่เจ็บปวด…
ร่างหนาดันร่างบางออกช้าๆ ก่อนจะสบตาอย่างหนักแน่น
‘คุณจะขอโทษฉันทำไมคะ’หล่อนถามด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
‘…’นัยน์ตาสีฟ้าใสพยายามค้นหาคำตอบที่ลึกเกินหยั่งถึง สิ่งที่ให้ตอบกลับมาคือความเงียบ
‘เสียงร้องไห้นั่น..’
‘?’
‘ฉันต้องไปหยุดมัน’
แล้วเขาก็เดินออกไป ทิ้งเธอเอาไว้อย่างนั้น..
“ฮือๆๆ ทรอนซีรา…”เธอกรีดร้องอย่างเจ็บปวดที่สุด เธอไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้ขนาดนี้มาก่อนในชีวิต
“ช้อคกี้พิ๊งค์?”เสียงบุรุษผู้หนึ่งดังขึ้นจากทางประตู เธอตวัดสายตาไปมองด้วยตาที่เปื้อนคราบน้ำตา
“คุณคือใครคะ”ช้อคกี้พิ๊งค์ ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือ เธอสบตากับนัยน์ตาสีแดงฉานที่มองมาที่เธออย่างอึ้งๆ
“เธอจำไม่ได้?”เขาถามอย่างไม่แน่ใจ
“นอกจากทรอนซีรา ฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย เกิดอะไรขึ้นกับฉันหรอคะ”เธอเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ
“เธออยากจะจำได้อีกสักครั้งไหมล่ะ?”แพทริกซ์จ้องหน้าหญิงสาวนิ่ง ก่อนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อยากสิ ความทรงจำของฉันทั้งหมด ฉันอยากได้มันคืนค่ะ”เพื่อที่จะรู้ว่าทำไม ทำไมเธอที่เคยเป็นคนรักของทรอนซ์ถึงต้องจำอะไรไม่ได้อยู่แบบนี้ และ…เธออยากจะทวงหัวใจที่เคยเป็นของเธอกลับคืนมา!
“ก่อนอื่น…ฉันต้องให้เธอดื่มนี่ซะก่อน”แพทริกซ์ล้วงขวดแก้วทรงสวย ออกจากกระเป๋าเสื้อ แล้วส่งให้ร่างบางที่รับมันไว้อย่างเคลือบแคลงใจ “ไม่ต้องกลัวหรอก ดื่มเข้าไปซะ แล้วเธอจะค่อยๆรู้ทุกอย่าง”
นัยน์ตาสีฟ้าเบือนไปสบอย่างหนักแน่น ร่างบางสูดหายใจเข้าเต็มปอด ดวงตามุ่งมั่นมองไปยังขวดแก้วเล็กๆที่มีของเหลวสีแดงข้นอยู่เต็มขวด
ของเหลวสีแดงถูกดื่มจนหมดในเวลาไม่กี่อึดใจ…
แพทริกซ์แสยะยิ้ม รับขวด ‘ศิลาเวทย์สกัด’กลับคืนมา “ยินดีต้อนรับกลับสู่สถานะเดิม…ช้อคกี้พิ๊งค์”
ดวงอาทิตย์คล้อยต่ำลงอย่างเอื่อยๆ แสงสีส้มแผ่ไอร้อนออกมามอบความอบอุ่นที่ซึมซาบเข้าไปถึงหัวใจ เมฆสีฟ้าถูกเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม ปรากฏเป็นภาพที่งดงามชวนมอง
ฉันพลิกตัวไปมาบนเบาะนุ่มนิ่มที่เพิ่งซื้อมาจาก ‘ข้างล่าง’ ที่ต้องบอกว่าข้างล่าง นั่นเป็นเพราะตอนนี้ฉันอยู่ข้างบน ‘หลังคา’ไงล่ะ^^
“…”ดวงหน้าเรียบเฉยเมื่อต้องแสงอาทิตย์นั้นลดความแข็งกร้าวลงไปได้เยอะเลยทีเดียว
ฉันซุกหน้าลงบนเบาะแล้วกลิ้งตัวไปมาอย่างสนุกสนาน กินอิ่มน่ะมันต้องออกกำลัง^O^
“ทรอนซ์ๆ”ฉันเรียกชื่อคนข้างๆ ก่อนจะพลิกตัวหมุนอย่างต่อเนื่องไปพร้อมๆกับปลายเบาะที่ติดมากับมือ ทำให้ร่างฉันถูกห่อหุ้มเหมือนดักแด้เลยล่ะ ฮ่าๆ “ดูนี่ ฉันเหมือนสายไหมป้ะ^-^”
ทรอนซ์ปรายตามองฉันนิ่ง…เขาจ้องฉันด้วยสายตาประหลาดๆ เล่นเอาฉันถึงกับ…=///= ร้อน
“นายด่าฉันมาตรงๆเถอะ อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้นดิ=_=//”ฉันกลิ้งไปพร้อมๆเบาะหนีไปอีกทาง แต่เขากลับคว้าทั้งฉันทั้งเบาะเอาไว้
“เหมือน”เขาพูดอย่างจริงจัง “เหมือนจะบ้า= =”
“=O=”อืม พอให้ด่าก็ด่าจริงๆด้วยนะ ทำอะไรทำจริง จริงๆด้วย
แล้วฉันก็กลิ้งไปกลิ้งมาอย่างเริงร่าต่อไป โดยไม่สนสายตาแปลกๆที่เขาชอบมองมาอยู่เป็นระยะๆ …เวลาผ่านไปรวดเร็ว แสงอาทิตย์ของวันนี้ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความมืดกับลมหนาวที่เข้าแทรกแทนที่ความอบอุ่น แต่มันไม่ได้ลบความสุขและอบอุ่นจากใจฉันไปเลย
“เราจะกลับเมื่อไหร่”ฉันกลิ้งตัวไปโจมตีทรอนซ์ที่นอนนิ่งไม่ขยับ
“อยากกลับเมื่อไหร่ล่ะ”เขาพูดแล้วเบือนหน้าไปอีกทาง เหมือนไม่อยากจะสนทนาแต่…เนื้อหามันไม่ได้บอกว่าไม่สนใจซะทีเดียวหรอกนะ *-* เอ๊ะๆๆปริ๊นซ์ของเราแปลกๆไปนะเนี่ย
“หาO_O”ฉันทวนอย่างไม่อยากเชื่อหู อืมมวันนี้เขากินอะไรผิดสำแดงมารึเปล่าเนี่ย เอ๊ะ วันนี้หรอ!!? “ทรอนซ์!! แล้วละครล่ะ”
“…”ทรอนซ์เงียบเสียงไปสักพักแล้วตอบมาโดยไม่หันมา “การ์มีคงจัดการเอง”
“แล้ว..”
กึก.. เขาหันมาอย่างรวดเร็วแล้วเอามือปิดปากฉันไว้แน่น
“ไม่ต้องถามแล้ว”เขาปรายตามองดุๆ ก่อนจะพลิกตัวมาทับเบาะฉัน…ที่มีฉันสอดไส้อยู่ข้างในนั่นแหละ “ตอนนี้เป็นหมอนข้างก็พอ”
หะ…ถึงเบาะมันจะหนาเป็นชั้นเลยก็เหอะ แต่…หมอนั่นมากอด…ไว้อย่างนี้ แล้วๆๆ..
ฉันเหลือบมองใบหน้าของทรอนซ์ที่ห่างไม่ถึงคืบ…เขากำลังหลับตาพริ้มราวกับตกอยู่ในห้วงนิทราอย่างนั้นแหละ หึ ฉันรู้ว่าเขาแกล้งหลับ แต่…
เป็นแบบนี้ก็ดีนะ >_<
“ทรอนซ์ ฉันจะไม่ถามนายอีกต่อไปแล้ว”ฉันกระซิบเบาๆ จับจ้องไปยังหน้าทรอนซ์ที่ยังคงนิ่งเฉยได้อย่างแนบเนียน “ฉันจะไม่สงสัยอะไรในตัวนายอีกต่อไป”
“…”
“ฉันจะไม่ถามเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น ฉันจะไม่ถามว่าทำไมนายถึงพาฉันมาที่นี่ เพราะถึงถามไปนายก็คงไม่ตอบฉันอยู่ดี”เพราะเอาแต่แกล้งหลับเนี่ยย- -;; ฉันคิดในใจ “แต่ฟังนะ..”
ฉันขยับตัวเข้าไปใกล้ ใบหูของเขามากขึ้น ใบหน้าโน้มลงไปช้าๆก่อนจะแกล้งพ่นลมหายใจออกทางจมูก แต่เขากลับยังทำนิ่งเฉยอยู่ได้=3=
“ฉันคิดว่า…”ฉันกระซิบเบาๆ แล้วคำอีกสามคำก็ถูกเปล่งออกมาอย่างไร้เสียง
ได้ผล…เพราะทรอนซ์ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ
“^_____^”ฉันยิ้มกว้าง กระพริบตาถี่ๆอย่างกวนๆ
“พูดว่าอะไรนะ”ทรอนซ์เปรยขึ้นเรียบๆ
“ฉันบอกไปแล้ว แต่ ว้า นายไม่ได้ยินซะแล้ว ก็เพราะเอาแต่แกล้งหลับอะนะ เลยอ่านปากฉันไม่ออกหรอก^^”ฉันแลบลิ้นกวนๆ ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจ
“ฉันรักนาย...ใช่รึเปล่า”ทรอนซ์เลิกคิ้วขึ้น “พอดีฉันแอบดูอยู่”
“บ..บ้า!! ฉันพูดว่า ฉันชอบกินเฟรนฟรายด์ต่างหาก!!=[]=//”ฉันสะดุ้งโหยงก่อนที่คิดที่จะเผ่น แต่สมองอันปราดเปรื่อง ณ ตอนนี้มันดั๊น…คิดอะไรไม่ออก ได้แต่ทำหน้าเหวอปนเลิ่กลั่กชวนสงสัยเป็นที่สุดT T//
ทรอนซ์ยิ้มนิดๆที่มุมปาก เป็นยิ้มที่ทำให้ฉันลืมความคิดที่จะหนี แล้วหันมาเผชิญหน้ากับเขาอย่างกล้าหาญ…ไม่ว่าจะเป็นมนต์สะกด หรือเวทย์มนต์อะไรก็ตามที่ทำให้ฉันไม่อาจถอนสายตาจากนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคู่นั้น…ฉันยอมรับ และจะไม่หนีอีกต่อไป…ทรอนซ์โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ ตรึงสายตาฉันไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
“ชาร์จพลัง…หรอ=///=”ฉันถามเบาๆ หน้าร้อนซู่
“ปล่าว”ริมฝีปากทรอนซ์แตะอยู่ที่ปลายจมูก นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มดุจท้องนภายามค่ำคืนจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีม่วงอเมทิสต์ ที่เปล่งประกายทักทายเขาตอบกลับมาอย่างสดใสเช่นเดียวกับครั้งแรกที่เจอกัน “นี่เป็นจูบต่างหาก”
ทุกสรรพสิ่งก็เหมือนถูกดูดกลืนลงไปในห้วงความสุข…
…ในความมืด…แสงสว่าง ได้ตกลงถึงตัวเธอแล้ว…
Writer : อย่าลืมคอมเม้นนะคะ ^ ^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ขอเข้าสิงนางเอกแปบ อิจฉาหนักมากเลยอ่ะ บอกตง
คิดได้ไงยัยแถ =[]=;;
แต่แถแล้วได้จูบ โอเคอ่ะ เริ่ด!!!!!
ปล. แพทริกทำศิลาเวทย์สกัด แล้วได้ใส่ ใบอะไร ซักอย่าง... เพื่อดับกลิ่น ด้วยมั้ยอ่ะ ?? ฮิ ๆ
โครตเขินเลย
ไรเตอร์แต่งสนุกมากอ่าาาาาา
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด!!!
ในที่สุด .. ทรอนซีรา YOY โอ๊ย ละลายยย >////< (เพ้อขั้นโคม่า)
ปล. แย่แล้ว ตัวร้ายเพิ่มมาอิกแล้นน T.T
กรี๊ดดด~(*0*)~
รักทรอนซ์ที่สุด
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2554 / 17:42