ตอนที่ 12 : The Keyz 12 เหนื่อยล้า
[12]
ร่างบางในชุดนักเรียนสีขาวเดินจ้ำอ้าวนำหน้าอีกสองร่างหนาที่ตามมาติดๆ...ด้ายสีทองที่ผูกติดข้อมือด้านซ้ายของทั้งสาม สะท้อนกับแสงแดดจ้าเป็นประกายระยิบระยับ...นัยน์ตาสีฟ้าสว่างกวาดสายตามองดูรอบๆ...และเท่าที่เห็น ก็เป็นเพียงผืนทรายที่ไม่มีที่สิ้นสุด...
พวกเขาไม่สงสัยเลยสักนิดว่าตัวเองอยู่ที่ไหน..
“เฮ้อ~ ร้อนชะมัด...นี่..แพทตี้ รีบหาทางออกจากที่นี่ซักที...ไม่งั้นฉันจะกลับไปดื่มน้ำที่จุดเริ่มต้นล่ะ = =”เสียงบ่นงึมงำ ถูกเปล่งออกจากร่างบุรุษผมสีทอง ที่บัดนี้ดวงหน้าหล่อนั่นดูยุ่งเหยิง บ่งบอกถึงสภาพอารมณ์ที่เริ่มร้อนระอุตามสภาพอากาศ ก่อนจะพูดประโยคถัดไปกับตัวเองเบาๆ “แพทริกซ์หายไปไหนของเขานะ...เฮ้อ~”
“เหอะ...”บุรุษอีกคนสบถในลำคอ ตวัดสายตาคมกริบไปมองเพื่อนร่วมทีมข้างๆอย่างดูแคลน แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่“ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงซวยอย่างนี้นะ”
“อะไร..? นายซวยอะไร?”อีกคนขมวดคิ้วถาม ขณะที่เท้ายังคงเดินตามสตรีนางเดียว ณ ที่นี้ที่ไม่แม้แต่จะปริปากพูดอะไรซักคำ...ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดา
“ซวยที่มาอยู่ทีมนี้ไง...นอกจากแพทริกซ์แล้ว ดูๆไปพวกนายก็ไม่ค่อยเท่าไหร่..”คำพูดที่ไม่น่าหลุดออกจากผู้ที่ร่วมทีมเดียวกัน ถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากเรียว ที่ขยับยิ้มเยาะเย้ยอย่างปิดไม่มิด
“โซล! มันจะมากไปแล้วนะ!”การ์มีเข้าไปกระชากปกเสื้อของเด็กหนุ่มอีกคน นัยน์ตาสีทองจ้องเขม็งไปยังดวงหน้าของบุรุษอีกคนที่ไม่มีทีท่าว่าจะกลัว
“จะทำอะไรก็ทำ...แต่ขอบอกนะ...ฉันไม่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า...แต่ถ้านายลงมือ ฉันก็จะไม่ออมมือให้”น้ำเสียงเย็นชาฟังดูขนลุกเป็นเชิงเตือน แต่มันคือคำท้ารบสำหรับการ์มี...และนั่นทำให้อารมณ์ขุ่นเคืองเริ่มปะทุ !
“ได้!...งั้นมาลองดูซัก..”
ตู้ม !!
ไม่ทันขาดคำ...เสียงระเบิดก็เรียกความสนใจของทั้งสองไปยังด้านหน้า...คิ้วเรียวของการ์มีขมวดเป็นปมอย่างสงสัย ส่วนอีกคนทำหน้าเรียบๆแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจ...นัยน์ตาของทั้งคู่จ้องลึกเข้าไปในควันสีเทา ที่เริ่มจางลงทีละนิด ปรากฎเป็นร่างคนรางๆ
“เจอแล้ว”เสียงหวานของเจ้าของร่างบางเปรยขึ้น ขณะหันหลังให้ เจ้าหล่อนกำลังอยู่ในท่านั่งยองๆ ใช้นิ้วมือเขี่ยอะไรซักอย่างที่เม็ดทราย
“แพทตี้?...นั่นเธอทำอะไรน่ะ”การ์มีคลายมือที่ขยุ้มคอเสื้อของอีกฝ่าย ส่งสายตาคาดโทษไว้ให้ ก่อนจะเดินไปยังร่างบางนั่น
“ข้างใต้นี่...มีอีกมิติซ่อนอยู่”แพทตี้ยืนขึ้นเต็มความสูง สายตายังจับจ้องไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างมั่นใจ “บางทีอาจจะพาเรากลับไปที่เดิม...หรืออาจพาเราไปที่อื่น”
“เฮ้อ..จะยังไงก็ได้ แต่ฉันอยากออกไปจากที่นี่แล้วล่ะ...”
แพทตี้พยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ สบตากับการ์มี แล้วเลื่อนไปมองบุรุษอีกคนที่ยืนทำหน้าเซ็งๆอยู่ด้านหลัง
“นายกำลังคิดว่าพวกฉันไม่มีความสามารถ..”นัยน์ตาสีฟ้าจ้องลึกไปยังนัยน์ตาสีเทาที่มองตอบกลับมาอย่างท้าทาย
“ใช่”
“นายไม่ควรตัดสินคนอื่นแบบนี้...”ดวงหน้าหญิงสาวยังคงสงบ สร้างความประหลาดใจให้ชายหนุ่มไม่น้อย แต่เขาเลือกจะหลุบตาลง แล้วเสหน้าไปอีกทาง
“ฉันจะย้ายทีมทันทีที่เสร็จภารกิจ..”โซลพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย นัยน์ตาสีเทาแสดงความเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด
“เฮ้ย! มันจะมากไปแล้วนะ!”การ์มีเอ่ยขัดขึ้น กำหมัดแน่นอย่างควบคุมอารมณ์
“ได้”แพทตี้พูดเรียบๆ แล้วเดินตรงไปยังร่างหนาที่ยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลนัก “แต่ตอนนี้นายอยู่ในทีม...นายต้องไปกับพวกเรา”
ว่าแล้ว เธอก็คว้ามือหนาของเจ้าคนที่ประกาศจะลาออก แล้วออกแรงดึงให้ร่างนั่นเดินตามเธอมายังจุดที่เธอพบว่าเป็นมิติที่เชื่อมกับมิติทะเลทรายแห่งนี้...การ์มีชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะยื่นมือไปให้แพทตี้จับไว้อีกข้าง
ฮีลเล่อร์สาวเริ่มร่ายมนตร์...ลำแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาจากใต้ผืนทราย ก่อนจะกลืนกินร่างทั้งร่างของทั้งสามหายวับไปกับลมร้อนแห่งไอยคุปต์
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ ..
เสียงอะไรน่ะ ......
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ..
ใครมาตีกลองเล่นแถวนี้ฟะ...เงียบได้มั้ยคนจะนอน...แจ่บๆๆ =[]= .zZZ
ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ
อ๊ากกก~ รำคาญโว้ย ~
ตุบ!
“อุบ..”เสียงอุทานของใครบางคน ทำให้ฉันสะดุ้งไปทั้งตัว ตาเบิกโพลงเมื่อพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน แล้วที่ฉันทุบไปเมื่อกี้...
“พะ...แพทริกซ์ O[]O!”..เขา...โผล่มาตอนไหนเนี่ย !?
“นี่เธอจะฆ่าฉันหรอ - -”เขายกมือขึ้นมาทาบอก แล้วทำหน้าสีหน้าเจ็บปวดเกินจริง...มันเว่อร์ไปจริงๆนะ ฉันแค่ ...แค่ทุบ...เบาๆเองนะ...(‘ ‘)
“ขะ...ขอโทษ...นี่นายเป็นคนมาช่วยฉันหรอ O___O”จากการที่ลำดับเหตุการณ์ในสมอง...ร่างอุ่นๆนั่นคงเป็นเขานั่นแหละ...เขามาช่วยฉันจริงๆ
“เรียกว่าบังเอิญผ่านมาน่าจะถูกกว่า..”แพทริกซ์เปรยเรียบๆ แล้วเขาก็หลุบตาลงช้าๆ...
ฉันมองหน้าเขาสักพัก ก่อนจะละสายตา กวาดตามองสถานที่โดยรอบ...และก็ค้นพบว่า มันคือที่ที่ฉันนั่งถ่ายเอ็มวี(-*-)ก่อนหน้านี้...และตอนนี้ที่ตรงนั้นถูกแทนด้วยร่างใครบางคน ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับซักนิด...และจะว่าไป ทำไมเขาถึงเงียบไปล่ะ...?
“นายเป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมหน้าดูซีดๆ”ฉันปราดเข้าไปนั่งข้างๆ แพทริกซ์ไม่ได้ตอบอะไร เขายังคงหลุบตาอยู่อย่างนั้น
ง่วงก็ไม่บอก...หลับไปซะงั้น...
“...”ฉันเอียงคอ 45องศา (บอกไมฟะ= =) ในใจนึกลังเลกับการกระทำตัวเองอยู่นิดๆ
ช่วยคนทีไร...เป็นต้องซวยทุกที...
แต่จะลังเลอะไรล่ะ...ก็เขาช่วยชีวิตฉันไว้นี่..
และด้วยสัญชาติญาณการเป็นฮีลเล่อร์ที่ดี..
หมับ~
ฉันตั้งใจจะยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขา แต่ถูกมือหนานั่นจับไว้แน่น ทั้งๆที่ตาทั้งคู่ยังปิดสนิทอยู่อย่างนั้น..
หมอนี่...ขนาดหลับยังระวังภัยขนาดนี้...ไม่อยากจะคิดตอนเขาตื่นเต็มที่เลยให้ตายสิ
...ถ้าต้องประมือกับเขา...ฉันขอเผ่นคนแรกนะ (_ _)
“...”ฉันค่อยๆใช้มืออีกข้างแกะมือที่เขากุมไว้...เริ่มทีละนิ้วๆ จนคลายได้ครบห้านิ้ว(- -) แต่...แต่ว่า...มือหมอนี่...
ทำไมมันเย็นเฉียบอย่างนี้ฟะ !!
“เฮ้~...แพทริกซ์...ยู้ฮู~ นายเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ~”ฉันพยายามตะโกนใส่หน้า เรียกเท่าไหร่เขาก็ไม่ขยับตัวเลยสักนิด...
รึว่า...ตายแล้ว...หมอนี่ตายแล้วงั้นหรอ *0*! โอ้ไม่! เขาตายเพราะฉันทุบอกเขาอย่างนั้นหรอ !? .. ไม่นะ เวรกรรม.......ฉันฆ่าแพทริกซ์ !!? T^T
ว่าแล้ว ฉันก็กลืนน้ำลายเอื๊อก...ยกมือขึ้นจ่อจมูกโด่งเป็นสันนั่นอย่างกล้าๆกลัวๆ ...
“ทำอะไรของเธอ...ฉันไม่ได้ตายซะหน่อย..”
ขะ..เขาพูดแล้ว *0*
“โฮ้ ~ โล่งอก -0-”
“นี่เธอคิดว่าฉันตายไปแล้วจริงๆหรอ- -”
“ก็...ก็มือนายเย็นมากเลยนะ ไม่รู้หรอ..”
แพทริกซ์ขยับเปลือกตาขึ้นมา และสิ่งที่เห็นทำให้ฉันแทบช๊อคไปกับน้ำแข็ง ...!
“แพทริกซ์...นาย...”เขา...เขาเป็นอะไรน่ะ...
“…”
“ตาของนาย...ทำไมมัน...เป็นสีขาวล่ะ !!?”
แพทริกซ์เบนหน้าไปอีกทาง พ่นลมหายใจออกเบาๆ ก่อนจะหลุบตาลงตามเดิม
“ธาตุไฟอย่างฉัน...ไม่ถูกกับอากาศแบบนี้นักหรอกนะ..”
“งั้น เราหาทางออกไปจากที่นี่กันเถอะ...นายดูแย่มากๆเลยนะ..”และฉันก็สามารถยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขาได้...สัมผัสที่ได้คือ ความเย็นเฉียบประดุจน้ำแข็งที่รายล้อมอยู่รอบๆตัว...
“...”แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุม...
โฮ้ย~ อย่าเพิ่งเงียบสิ อยู่คุยกันก่อน ~ ถ้านาย
แล้วฉันก็ต้องขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ...เมื่อเห็นเสื้อคลุมตัวนอกของนักเรียนชายสวมทับร่างฉันเอง...และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นของใคร..
“แพทริกซ์...นาย ...T^T”ทำไมนายถึงดีกับฉันนักนะ...(ถึงแรกๆจะไม่) แต่นายช่วยฉันไว้ถึงสองครั้งแล้วนี่...
ช่วยฉันทีไร...นายก็ต้องเจ็บตัวตลอด..
ว่าแล้ว ฉันก็พุ่งเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างๆ หงายมือขึ้นมาจับจ้องด้วยแววตามุ่งมั่น...
“ฉันจะช่วยนายเอง..”สิ้นคำประกาศ...ลมหนาวแห่งขั้วโลกเหนือ(?)ก็พัดพาเอาความเย็นสุดขั้วมาให้ร่วมเป็นสักขีพยาน...ฉันค่อยๆวางมือบนหน้าผากของเขาอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยวาจาประกาศลั่นสนั่นผืนน้ำแข็ง...
“ฮีล !”
ก๊า...ก๊า...
เสียงนกกาสีดำสนิท ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาท ปลุกให้ร่างเด็กหนุ่มที่หลับไหลแฝงกายอยู่ในร่มไม้เริ่มขยับตัวทีละนิด ก่อนที่ตาทั้งคู่จะลืมขึ้นเต็มตื่นอย่างระวังภัย..
นกบ้าเอ๊ย...เดี๋ยวก็จับมาย่างกินซะเลยนิ...ยิ่งหิวๆอยู่...
ราล์ฟสบถในใจ ก่อนจะพลิกตัวไปข้าง หมายจะนอนต่อ..
ฟิ้วววว ~
เสียงลมกรีดร้องอย่างโหยหวน ปลุกประสาทการหลับใหลของเขาให้ตื่น...พลางเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ..
ครืนนนน~
เสียงนั่นดังใกล้เข้ามา...และวินาทีนั้น นัยน์ตาสีฟ้าเทาก็เบิกโพลงอย่างตื่นๆ พลางถีบกิ่งไม้ใหญ่ที่เขาใช้อิงอาศัยชั่วคราว ไปยังอีกต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก
โคร่ม !
และก็เป็นอย่างที่คิด...ลมมหาประลัยนั่นกรีดเฉือนต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขวางทาง ระดับความเร็วนั่นไม่น้อยเลยทีเดียว...หากรู้สึกตัวช้ากว่านี้ คงได้ถูกตัดเป็นสองท่อนแน่ๆ..
“อะไรฟะเนี่ย”ราล์ฟขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ชำเลืองไปยังทางต้นลมที่อยู่ด้านซ้ายอย่างปลงๆ “...จะค่ำอยู่แล้ว...พวกนี้จะฟิตกันไปไหนนะ...ฮ้าวว~-O- ”
และนั่นเป็นสาเหตุให้เขาต้องย้ายที่เป็นรอบที่สามของวัน..
หลังจากที่ใช้วิชาลับสุดยอดถอยกลับมาตั้งหลักจากสตอร์มได้แล้ว เขาก็ถึงกับต้องเดินโซเซหาที่พัก...แต่ก็นั่นแหละ ต้องเลี่ยงการปะทะ การต่อสู้ นานๆทีก็จะเจอร่องรอยการต่อสู้...และเหมือนครั้งนี้จะโชคไม่ดีนัก...เกือบได้ไปเฝ้าท่านยมซะแล้ว
และขณะที่เดินไปคิดไปอย่างไม่ทันระวังตัว..
พรึ่บ !! หมับ !!
สายเถาวัลย์จำนวนมาก พุ่งตรงขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วรัดตรึงร่างทั้งร่างของเขาไว้ อย่างไม่มีโอกาสขยับตัว !
“เวรแล้วไง=[]=”ราล์ฟสบถในลำคอ ส่ายหน้าอย่างปลงๆกับชะตาชีวิตตนเอง ที่ดันเดินเซ่อไปเหยียบกับดักพื้นๆของผู้ใช้ธาตุดิน...ทั้งๆที่เขาน่าจะรู้สึกตัวเร็วกว่านี้...นั่นทำให้รู้กระจ่างว่าประสาทสัมผัสรับรู้ของเขาช้าลงมากกว่าปกติ
“อย่าขยับ!”..เสียงหวานใสของผู้หญิงนางหนึ่งกระซิบแผ่วจากด้านหลัง สัมผัสได้ถึงคมมีดที่จ่อจรดคออย่างนึกหวาดเสียว บ่งบอกว่าเจ้าของร่างคงจ้องซุ่มโจมตีเขาจากด้านหลัง
เหอๆ...อยากจะหัวเราะ...
จะให้ขยับยังไงล่ะ...มัดซะแน่นขนาดนี้..
“บอกชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามา!”เสียงหวานปนห้าวใส่ฟิลกระแทกแดกดันเต็มที่ ทำให้ราล์ฟอดยิ้มด้วยความขำไม่ได้...
เหอๆ...อยากจะหัวเราะอีกรอบ..
เสียงดัดชัดๆ...แล้วดูพี่แกใช้ภาษา…เต็มมั้ยฟะเนี่ย -*-
“บอกมา!!”...เอาก็เอาวะ...
“นามของข้าคือ...ราล์ฟเฟ ครอส...โพรเทกเตอร์แห่งทรอนซีรา..”
“…!”
เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าชื่อของเขาจะทำให้ใครบางคนชะงักกึก ดวงหน้าเปลี่ยนสี ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ...
“ระ..ราล์ฟเฟ?”
“ใช่..นามของข้า...ราล์ฟเฟ..”
“พี่ราล์ฟ..”
“…?”เจ้าของชื่อขมวดคิ้วอย่างงงๆ นึกอยากจะหันหน้าไปมองผู้ที่เรียกชื่อเขาด้วยสรรพนามที่ฟังแล้วชวนขนลุก...แต่แรงพันธนาการที่ยึดเหนี่ยวนั่นแข็งแรงเกินไป รวมถึงสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ที่แทบจะไม่มีแรงเดินแล้ว...ทำให้เขาทำได้แค่เก็บความสงสัยไว้ในใจ
“ขะ..ขอโทษนะคะ...ที่เสียมารยาท...คลาย!”แล้วเส้นเถาวัลย์ที่ตรึงร่างทั้งร่างไว้ก็ถูกคลายลงไปกองกับพื้น..
ราล์ฟพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับร่างหญิงสาว...
เจ้าหล่อนมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนน่าหลงใหล...ผมสีเทาหยักศกยาวคลอเคลียบ่าจรดกลางหลัง...และเมื่อถูกดวงตาคมกริบจ้องมอง...นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นก็หลุบต่ำลงอย่างไม่กล้าสบตา...ทำให้ราล์ฟต้องกดหัวลงต่ำเพื่อพินิจใบหน้าสตรีตรงหน้าให้ชัดเจนขึ้น
“อะฮ้า!”เสียงอุทานจากเด็กหนุ่ม ทำเอาร่างสตรีสะดุ้งเฮือก ก่อนจะช้อนสายตาไปสบอย่างงงๆ “เธอนั่นเอง...ที่ชอบสะกดรอยตามฉันบ่อยๆ...ใช่มั้ย?”
คนถูกถามถึงกับสะดุ้งอีกรอบ ดวงหน้าเนียนสีชมพูยิ่งขึ้นสีเข้มขึ้นไปอีก...
“คะ...ค่ะ...ฉันชื่อยูริ...ขอโทษที่ไม่ได้เข้าไปแนะนำตัวนะคะ..”
“อ่า...อืมๆ”
ราล์ฟพยักหน้าเบาๆเป็นเชิงรับรู้ นึกแปลกใจกับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า
“เธอนี่แปลกๆนะ...แต่ช่างเถอะ...แล้วนี่เธอไม่คิดจะฆ่าฉันหรอ ?”ราล์ฟยิงคำถามอีกรอบ นัยน์ตาสีสวยฉายชัดถึงความแปลกใจ
“ฉะ...ฉันฆ่าพี่ไม่ลงหรอกค่ะ!...เอ่อ...ฉันหมายความว่า...”
น้ำเสียงตะกุกตะกัก ทำให้คนฟังแทบลุ้นไปด้วย...จนในที่สุด เมื่อถูกจ้องมองนานเกินไป หล่อนกลับสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง...
อะไรของหล่อนนะ..
“งั้น...ฉันขอตัวนะ...พอดีพลัดหลงกับเพื่อนน่ะ..”
“อืม..ค่ะ”
ให้ตายสิ...ไม่เคยเจอคู่ต่อสู้คนไหนว่านอนสอนง่ายเหมือนเธอคนนี้มาก่อนเลย
..สงสัยเธอจะไม่เต็มจริงๆละมั้ง - -‘
ร่างสูงโปร่งย่างก้าวข้ามรากไม้ที่ชอนไชเหนือพื้นดิน ผมสีเงินสะบัดพลิ้วไปตามแรงลม...ดวงหน้านิ่งสงบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มคมกริบกวาดตามองรอบบริเวณ...เท้ายาวสองข้างก้าวเดินไปเรื่อยๆ จนหยุด
กลิ่นไอเวทย์หายไปจากตรงนี้...
นัยน์ตาคู่เดิมหรี่ลงอย่างใช้ความคิด...ก่อนที่สายตาจะสะดุดกับรอยน้ำสีแดงข้นตัดกับสีเขียวขจีของพื้นหญ้าอย่างเห็นได้ชัด
เลือด... ?
ร่างหนาย่อกายลง คุกเข่าข้างนึง...เอื้อมมือไปสัมผัสกับของเหลวนั่น แล้วยกมันขึ้นมาพิจารณาในระดับสายตา
ยัยนั่น...ข้ามไปอีกมิติ...?
ดวงหน้าคมคายดูจะตึงขึ้นเล็กน้อย เบื่อหน่ายกับภาระที่ต้องแบกรับ ทั้งๆที่เขาเองยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำ ในเมื่อไม่ใช่ธุระอะไรของเขา..
หรืออาจเป็นเพราะ...คำว่า เปิดใจ ...
ความคิดชั่ววูบทำให้เจ้าของร่างสะบัดหน้าแรงๆไล่ดวงหน้าใครบางคนที่อยากจะลบไปจากความทรงจำ...คนที่เขาอยากจะลืมที่สุด
พลันความคิดก็หยุดลง ปากเรียวขยับเล็กน้อยร่ายคาถา...เปิดประตูสู่อีกมิติที่เขาเองยังไม่รู้ว่ามันคือที่ไหน...แต่มั่นใจว่าคนที่เขากำลังตามหาต้องอยู่ที่นั่นแน่นอน
แสงสีขาวพุ่งทะลักออกมาจากพื้นดิน...กลืนร่างทั้งร่างของคนที่เคยยืน ณ จุดนั้นเข้าไปอย่างไม่เหลือร่องรอย...
ตึก ตึก ตึก ..
ร่างบางสมส่วนสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้...มือเรียวยกขึ้นกุมบาดแผลที่สีข้าง แม้คมดาบจะแค่เฉียดๆลำตัว...แต่มันก็เรียกเลือดสดๆออกมาไม่น้อยเลยทีเดียว
ดวงหน้าคมขำซีดลงอย่างเห็นได้ชัด...แต่มือยังคงถืออาวุธคู่กาย ที่ล่าสุดเธอเรียกใช้ กระบองเหล็ก...เป้าหมายไม่ใช่การโจมตี...แต่เป็นการป้องกันที่เธอไม่ถนัดเอาซะเลย...ผลที่ได้มันเลยกลายเป็นโดนโจมตีอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีโอกาสโจมตีกลับเลยซักครั้ง..
“มารีอา...เธอไหวมั้ย...T^T”หญิงงามประสานมือไว้แนบอก สวดภาวนาอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า นัยน์ตาคู่สวยทอดมองสถานการณ์ตรงหน้าอย่างกังวล...
“ไม่ไหวก็ต้องไหว”ปากเรียวขยับเล็กน้อย กัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจเมื่อสัมผัสได้ถึงของเหลวที่เริ่มทะลักออกมาจำนวนมาก...นั่นส่งผลให้แรงกายของเจ้าหล่อนเริ่มถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด
“ฉันว่า...ยอมแพ้ดีกว่านะ...เธอไม่ไหวหรอก”คนถูกปกป้องเริ่มเกลี้ยกล่อมอย่างร้อนรน...กวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดกลัวกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“...”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากสตรีตรงหน้า...ร่างงามก็เตรียมจะวิ่งออกไปประกาศยอมแพ้ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น
“หยุดนะ!”เสียงหวานแหบพร่าแทบจะเป็นเสียงกรีดร้องตวาดลั่น...ทำให้ร่างนั่นชะงักกึก ดวงหน้าถอดสี ในใจนึกหวาดเกรงสตรีนักรบตรงหน้า
“ถ้าเธอก้าวอีกก้าวเดียว...ฉันจะ..อ๊าก!”ช่วงจังหวะที่หันไปสนทนากับร่างบาง ก็เปิดเป็นช่องโหว่การโจมตีอย่างสมบูรณ์แบบ...ดาบสีแดงเพลิงถูกเสียบเข้ากลางร่างบางสมส่วน ที่ทรุดกายลงทันที พร้อมกับนัยน์ตาที่เบิกกว้าง..
“มารีอา !!”เสียงกรีดร้องของหญิงงามดังสนั่นไปทั่วผืนป่า...นัยน์ตาสั่นระริก พร้อมกับน้ำใสๆที่เริ่มไหลเคล้าแก้ม..
“หึ...จบสิ้นซักที”สตรีผู้ลงดาบ ตวัดดาบกลับมาอย่างไม่ใยดี...ทิ้งให้ร่างบางที่ได้รับแผลฉกรรจ์ ล้มลงนอนแน่นิ่งบนพื้นหญ้า..
“ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย!”หญิงสาวเอ่ยประท้วง...ความกล้าบ้าบิ่นโผล่พรวดขึ้นมาเสี้ยววินาที...แล้วก็ต้องอยากกัดลิ้นตัวเอง เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงอมหิตที่แผ่กระจายทั่วบริเวณ...
สตรีร่างสูงโปร่งสมเป็นนักรบ ตวัดสายตามาสบ...ก่อนจะเงื้อดาบขึ้นมาชี้ตรงยังร่างผู้ให้คำใบ้ที่สะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นคมดาบจ่อจรดสายตา
“เธอว่าไงนะ? หืมม์?”ปากอวบอิ่มเผยอขึ้นเล็กน้อย คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทั้งที่สายตานั่นฉายชัดถึงแรงกดดันที่ส่งตรงไปยังสตรีตรงหน้า เป็นเชิงให้โอกาสพูดอีกครั้ง
“อึก...อย่าทำอะไรฉันเลย...ฉันยอมแล้วT^T”ร่างบางสั่นระริกด้วยความกลัวอย่างน่าสงสาร แต่นั่นไม่เป็นผลกับสตรีนักรบเลยซักนิด
“ฉันได้ตัวเธอแล้ว...ทำหน้าที่ของเธอต่อไป”เสียงห้าวไม่สมกับความเป็นสตรี พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆแกมบังคับ ทำให้กบน้อยในร่างหญิงสาวถึงกับพยักหน้าเป็นพัลวันอย่างนึกกลัวตาย
“แล้ว...มารีอาล่ะ...ส่งเธอกลับไปให้แพทย์สนามจะดีกว่านะ...ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา..”หญิงงามปรายตามองร่างไร้สติอย่างกลัวๆ...เท่าที่เธอสังเกต...ร่างบางนั่นยังมีลมหายใจอยู่
“ไม่ต้อง”สิ้นคำประกาศ กบน้อยถึงกับหน้าถอดสีอีกครั้ง...นึกสงสารเจ้าของร่างคนบาดเจ็บอย่างสุดใจ
“หรือเธออยากลงไปนอนเป็นเพื่อนหล่อนล่ะ...เลือกเอาละกัน”
สิ้นเสียง หญิงงามแทบจะสะดุ้งสุดตัว ทิ้งความสงสารปนห่วงใยไว้เบื้องหลัง ทำหน้าที่ผู้ให้คำใบ้ตามที่ได้รับมอบหมาย เท้ายาวของคนทั้งสองก้าวจากไป โดยทิ้งร่างบางสมส่วนเอาไว้อย่างนั้น..
นัยน์ตาสีฟ้าเทาสั่นระริก...กวาดตามองอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งตรงไปยังต้นไม้อีกต้นที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วสอดส่องมองหาต้นเสียงอย่างร้อนรน
เสียงผู้หญิง...กรีดร้องขึ้นมาจากที่ไหนซักแห่ง ซึ่งเขากำลังตามหาสถานที่นั้นอยู่...นึกเจ็บใจที่ประสาทสัมผัสเสื่อมลง จับกลิ่นไอเวทย์ไม่ได้...และเขาจะไม่ร้อนรนเลย ถ้าเสียงนั่นไม่ได้เปล่งเรียกชื่อใครบางคนที่เขานึกห่วงอยู่
“โธ่เว้ย!!”เด็กหนุ่มสบถเป็นรอบที่สิบ เมื่อยังไม่เจอวี่แววแหล่งต้นเสียง หมัดหนักๆซัดไปยังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้างๆ ระบายโทสะและความอัดอั้นตันใจออกมา
“โอ๊ย!...เจ็บโว้ย!~”
เสียงตวาดลั่นดังขึ้นจาก...ข้างใน ลำต้นที่โดนซัดเข้าเต็มหน่วง...เรียกความสนใจจากราล์ฟเฟไม่น้อย...คิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปมอย่างนึกสงสัย
“...”
แล้วเสียงนั่นก็เงียบไป..
ราล์ฟเอียงคออย่างใช้ความคิด...ก่อนจะตัดสินใจซัดเข้าไปอีกหมัด
วืด~
กำปั้นของเขาสัมผัสกับอากาศ...นั่นเป็นเพราะต้นไม้นั่น...มันขยับหลบ!
“เฮ้ย! ต้นไม้เดินได้ *0*~”ราล์ฟอุทานออกมาอย่างอึ้งๆ นัยน์ตาสีฟ้าเทาเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ
“เออสิวะ...ไม่งั้นก็โดนหมัดเอ็งสิ”เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขามั่นใจแล้วว่าต้นเสียงต้องดังมาจากต้นไม้นั่นอย่างแน่นอน...แต่ไม่ยักเห็นรอยที่เป็นส่วนคล้ายปากอย่างที่คิด
“เฮ้ย! ต้นไม้พูดได้*0*~”ราล์ฟอุทานอีกครั้ง นั่นทำให้ต้นไม้ขยับสั่นไหวถี่ๆ ทำให้อดนึกไม่ได้ว่า เจ้านั่น กำลังหัวเราะอยู่
“ฮ่ะๆๆ..เอ็งนี่ตลกดีนะ...ว่าแต่ มาทำอะไรที่นี่เรอะ?”
ราล์ฟเกาหัวแกรกๆ รู้สึกแปลกๆที่ต้องยืนแหงนหน้าพูดคุยกับต้นไม้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหน และควรจ้องสบที่กิ่ง ลำต้น หรือใบไม้ดี..
“ทำภารกิจ...แต่ตอนนี้หาคนอยู่”และแล้วเขาก็นึกขึ้นได้...เขาต้องตามหาใครบางคนนี่นา..
“คนเรอะ...อืมม์ ใช่...ผู้หญิงสวยๆกับผู้หญิงถึกๆที่สู้กันอยู่ทางโน้นใช่มั้ย...โอย~ ข้าล่ะปวดหัวจริง...หลับกลางวันอยู่แท้ๆ ทำเสียงดังหนวกหู จนหลับไม่ลง ต้องย้ายมาปักหลักอยู่ตรงนี้หนิ~”
“อา..นั่นน่าจะใช่นะฮะ..”ราล์ฟอดคิดไม่ได้ว่ามารีอาเป็นผู้หญิงแบบไหนที่เขากล่าวถึง...แต่เขาเดาๆว่าคงเป็นอย่างหลังมากกว่า
“มามา...ขึ้นมา...เดี๋ยวพาไปส่งถึงที่..”
“ง่า..ขอบคุณฮะ”
แล้วร่างหนาก็พุ่งพรวดขึ้นไปยังกิ่งไม้ที่ยื่นออกมารอรับ...ก่อนที่รากหนาจะโผล่ขึ้นมาเหนือพื้นดิน แล้วพาลำต้นเคลื่อนที่ตรงไปยังสถานที่ที่กล่าวถึง..
เสียงใบไม้กระทบกันเป็นจังหวะ ดังแว่วเข้าสู่โสตประสาท...ลมเย็นๆพัดพาเอาละอองเกสรไปเกาะบนดอกไม้สีขาวที่ตั้งชูก้านฉายความงามอยู่บนผืนหญ้าข้างๆ...เปลือกตาขยับขึ้นช้าๆ ทอดมองกลีบดอกไม้สีสวยที่เริ่มมีผีเสื้อตัวน้อยๆมาตอมดม
แม้จะเริ่มรู้สึกตัว แต่ก็ไม่สามารถขยับร่างได้เลยสักนิด...ความเจ็บปวดที่หน้าท้องทำให้ดวงหน้าคมขำเริ่มหงิกงอ กัดฟันกรอดกลั้นเสียงร้องที่อยากปล่อยออกมา เพราะนั่นเป็นเรื่องที่อันตราย...หากออกเสียงร้องซักแอะเดียว เท่ากับประกาศให้บรรดามัจจุราชทั้งหลายรู้ว่า มีเหยื่อที่อ่อนแอรอให้พวกเขาสังหารอยู่ที่นี่
นัยน์ตาสีชาอ่อนทอดมองดอกไม้สีขาวสะอาดตาอย่างเหม่อลอย...ก่อนจะหลุบตาลงรับความรู้สึกสมเพชในตัวเอง...
ท่านย่า...เมื่อไหร่ข้าจะเป็นเหมือนท่าน...
เมื่อไหร่ข้าจะแกร่งพอ...ให้ท่านยอมรับในตัวข้า
เมื่อไหร่ท่านจะปรายตามองข้า...ที่เป็นหลานแท้ๆของท่าน
น้ำใสๆที่ไม่ได้ปรากฏเป็นเวลานาน เริ่มหลั่งทะลักออกมาอย่างควบคุมไม่ได้...ความทรงจำหวนระลึกถึงอดีตอันเจ็บปวด...สิ่งที่เธอนำมันมาเป็นแรงผลักดัน ให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ...
‘ท่านย่า’เสียงเด็กหญิงอายุราวๆ5ขวบ ร้องเรียกสตรีร่างบางที่หันหลังให้ ส่งผลให้ร่างนั้นค่อยๆพลิกตัวกลับมา...แต่แทนที่จะได้เห็นภาพรอยยิ้มอบอุ่นของคนในครอบครัว กลับเป็น...ใบหน้าที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก..
‘มารีอา...เจ้าต้องเติบโตเป็นทายาทแห่งไทรีนอลที่ยิ่งใหญ่...จนกว่าจะถึงวันนั้น ...จนกว่าข้าจะยอมรับในตัวเจ้า...เราสองคน...เป็นเพียงคนรู้จัก...’เสียงหวานที่เคยขับกล่อมเธอยามหลับใหล ตอนนี้มันกลับกรีดหัวใจเธอจนเจ็บช้ำ...
‘....’มือเล็กๆยกขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงรับรู้ หัวก้มลงต่ำซ่อนรอยน้ำตาที่ไม่อาจกลั้น
หมับ~
สัมผัสได้ถึงแรงกดทับที่ศีรษะ...ทำให้เด็กน้อยเงยหน้าขึ้น ช้อนนัยน์ตาสีชาอ่อนไปสบ
มือของผู้เป็นย่าลูบไล้ไปมาที่แก้มนิ่มๆทั้งสองข้างของเด็กน้อย...รอยยิ้มอบอุ่นประดับแต้มทั่วใบหน้าของหญิงสาว
‘มารีอา...ย่าจะเฝ้าดูหลานเติบโต...จงเป็นไทรีนอลที่แข็งแกร่ง...ย่าเชื่อว่าหลานทำได้’
ท่านย่า...ข้าทำให้ท่านผิดหวัง...
หญิงสาวปรือขนตาขึ้นมาอีกครั้ง...และก็ต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ...เมื่อเห็นเท้า ของใครบางคนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก..
“ทำไมเธอมานอนเล่นอยู่ตรงนี้ล่ะ..”เสียงทุ้มลึกดังขึ้นแผ่วๆ แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่อาจขยับร่างหนี...ปากเรียวขยับขึ้นนิดๆราวกับต้องการจะเปล่งเสียงคำพูด...แล้วก็ปิดลงเช่นเดิมอย่างอ่อนแรง
“ฉันจะฆ่า หรือช่วยเธอดีนะ..”เสียงลึกลับนั่นครางต่ำเหมือนกำลังติดสินใจ “อืมม์...เอายังไงดี..”
เสียงฝีเท้าเหยียบย่ำพื้นหญ้าดังเข้ามาใกล้ๆจนหยุดอยู่ตรงหน้า...เจ้าของร่างย่อกายลงมา ทำให้เธอเห็นใบหน้าของเขาชัดเจน
ดวงหน้าคมคาย...นัยน์ตาสีน้ำตาลแดง...ผมสีน้ำตาลอ่อน...
นัยน์ตาสีชากระพริบไล่ความมึน...ก่อนจะเพ่งพินิจพิจารณาต่อ..
“เฮ้~อย่าจ้องอย่างนั้นดิ-*-”ร่างหนาเริ่มประท้วง...ก่อนจะขมวดคิ้ว มองสำรวจบาดแผล”แผลไม่ลึกมาก...อืมม์...แต่ทะลุตัวเลยละสิเนี่ย”
หึ...ไม่ลึกมาก...
หญิงสาวกัดฟันกรอด อยากจะลองปักดาบกลางลำตัวเจ้าคนวินิจฉัยนี่นัก...ดูซิว่ายังจะบอกว่าไม่ลึกอีกมั้ย..
“เฮ้อ..ฉันไม่ได้เป็นฮีลเล่อร์หรอก...แต่เวทย์รักษาก็พอไหว”ว่าแล้วร่างนั่นก็ขยับเข้ามาใกล้...คุกเข่าทั้งสองข้างลงบนพื้นหญ้า...ก่อนจะหลุบตาลงทำสมาธิ “ฮีล!”
แสงสีเขียวอ่อนพุ่งออกมาจากฝ่ามือที่ทาบบนลำตัวอย่างแผ่วเบา...ลำแสงสีสวยนั่น...มันทั้งดูนิ่มนวล มั่นคง และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน..
เนื้อเยื่อเริ่มประสานจนปากแผลปิดสนิท...ร่างบางขยับตัวช้าๆ เรี่ยวแรงเริ่มกลับมาทีละนิดๆ...จนสามารถขยับตัวได้ในที่สุด
“พอแล้วล่ะ...ขอบใจ”มารีอาเอ่ยขอบคุณสั้นๆ ก่อนจะดันตัวให้นั่ง
“อืม”คนรักษาชักมือกลับ ก่อนจะยกขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“ทำไมไม่ฆ่าฉัน...เป็นฉันฉันจะฆ่านาย”เสียงหวานเปรยเรียบๆ น้ำเสียงฉายชัดถึงความเย็นชา
“...ไม่รู้สิ...เพราะฉันไม่ใช่เธอละมั้ง”คำตอบกวนๆเรียกนัยน์ตาสีชาอ่อนให้ตวัดมาสบ ก่อนจะหลุบตาลงสงบสติอารมณ์...พลางนึกถึงใครบางคนที่กวนฝ่าเท้าได้ทุกประโยค
ป่านนี้นายจะเป็นยังไงบ้างนะ...
“ลืมบอกไป...ฉันชื่อ เอริค...”
“ไม่ได้ถาม..”หญิงสาวตัดบทแทบจะทันที แล้วดันตัวขึ้นหมายจะลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็ต้องเซไปซบไหล่คนข้างๆ ความเจ็บปวดแล่นปราดเข้าที่บาดแผลจนเจ้าตัวเผลอร้องครางออกมา
“เฮ้...จะไหวเรอะเนี่ย”เอริคขมวดคิ้วจ้องมองร่างบางในอ้อมกอด...แล้วตัดสินใจช้อนร่างขึ้นมาไว้แนบอก ก่อนจะยืนหยัดเต็มความสูง
“ป...ปล่อย”มารีอากัดฟันกรอด เจ็บใจที่ตกอยู่ในอ้อมกอดของคนที่ไม่รู้จัก...แล้วยังถูกช่วยเหลืออีกต่างหาก
“นี่...อยากนอนเป็นอาหารเสืออยู่นี่รึไง...”
“…”
ร่างบางสมส่วนหยุดประท้วง...สะบัดหน้าไปอีกทางด้วยมาดนางพญา...ไม่วายตวัดสายคามาค้อนใส่เจ้าคนที่ถือวิสาสะช้อนร่างเธอขึ้นมาแบบนี้
“สาบานได้ว่าไม่ได้อยากอุ้มนักหรอก - -”เอริคพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะเริ่มเดินมุ่งตรงไปข้างหน้า โดยหวังจะหาที่พักที่น่าจะปลอดภัยกว่านี้...อย่างน้อยก็รอให้หญิงสาวในอ้อมอกนี่พอเดินไหว...แล้วเขาค่อยเดินทางหาข้อมูลต่อ
“ฮีล!”ลำแสงสีเขียวอมฟ้าสว่างวาบขึ้นเหนือร่าง พุ่งผ่านจากฝ่ามือไปอย่างช้าๆ...พลังงานถูกถ่ายทอดจากคนสู่คน...หากแต่ชีพจรของคนถูกรักษา เริ่มแผ่วลงอย่างน่าใจหาย...
“ไม่นะ...ฮึก...ฮีล!!”สิ่งที่สัมผัสได้ คือร่างเย็นเฉียบของคนที่นอนแผ่หลาไร้สติอยู่ตรงหน้า...กับเสียงเต้นของหัวใจที่แทบจะไม่ได้ยิน
“แพทริกซ์...นายต้องไม่เป็นอะไรนะT^T”ฉันกลั้นน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอเต็มหน่วง...รู้สึกแสบจมูกไปหมด...เพราะอากาศที่เริ่มเลวร้ายลงทุกที...ถ้าเกิดหิมะถล่ม หรือพายุเข้าตอนนี้ล่ะ โคตรซวยเลยขอบอก..
ครืน~
เฮ้ย...! ฉันแค่คิดนะเว้ย~ ไม่ได้ให้มันเป็นแบบนั้นจริงจริ๊ง TTOTT!!
ครืน~ ~
เสียงนั่นเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเริ่มเข้าใกล้ที่นี่ขึ้นทุกทีๆ...ฟังดูแล้วมันมาจาก..ทางนั้น *0*!!...ฉันหันขวับไปมองทางลาดชันที่อยู่เหนือขึ้นไป
ครืน~ ~ ~
มันเวรกรรมอะไรของฉันวะเนี่ย T[]T
ครืน นน น ~
มาแล้วไง...เห็นแต่เนิ่นๆเลยพี่น้อง(T0T) หิมะสีขาวเริ่มไล่สเกลลงมาจากเนินสูง...ตรงดิ่งมาทางที่ฉันยืนหัวเด่อยู่นี่ ด้วยความเร็วไม่เกิน 80m/s ความเร่ง 2 จงหาค่าอัตราเร็วเฉลี่ยของการเคลื่อนที่นี้โดยให้ S =
ถ้าจะหนี มันก็หนีได้อยู่หรอก...แต่จะให้ทิ้งคนทั้งคน แล้วปล่อยให้เขาตายต่อหน้าต่อตานี่มัน..ไม่ใช่นิสัยฉันหนิ T_T
ฉันมองหน้าแพทริกซ์ สลับกับหิมะที่เริ่มปั้นเป็นสโนว์บอลน่ารักน่าจับมาทำเป็นสโนว์แมน (YOY) ..
เอาก็เอาวะ...ถึงเสี่ยง...แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ไวเท่าความคิด...ฉันพุ่งตรงไปข้างหน้า...กางแขนทั้งสองข้างออก เหมือนโรสที่อ้าแขนให้แจ๊คประคองไว้ด้านหลังก็มิปาน...
“ไอซ์ แบริเออร์ !!”ฉันกรีดเสียงลั่น...สายตามุ่งมั่นแน่วแน่ จ้องตรงไปยังกองหิมะที่พุ่งใกล้เข้ามาทุกที...
แต่...แต่ว่า..
เกราะหิมะที่ควรจะโผล่ออกมาใต้พื้นน้ำแข็ง...ไฉนเลยมันถึงไม่ปรากฏแม้เพียงเสี้ยวลิ่ม? T____T
“โฮ~…TOT”หิมะทับตาย ศพไม่สวย อืดเน่าคาน้ำแข็งล่ะที่นี้
“ไอซ์ แบริเออร์”เสียงทุ้มลึกกระซิบแผ่วดังขึ้นมาจากด้านหลัง..
เสียงที่ฟังดูคุ้นหู...เสียงที่เคยบอกตัวเองว่าเกลียดนักเกลียดหนา...ไม่อยากเจอ ไม่อยากได้ยิน...แต่ทำไม...ทำไมได้ยินแล้วถึงรู้สึก...อุ่นใจ
ฉันพลิกตัวกลับไป...ไม่สนว่าเกราะน้ำแข็งเริ่มก่อประสานกันเป็นกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่นั่นจะต้านทานแรงหิมะก้อนยักษ์ได้หรือไม่...แต่ที่สน…
“ทรอนซ์..”ฉันกระซิบเบาๆพึมพำเรียกชื่อเขา...ความรู้สึกดีใจจนอยากกระโดดเข้าไปกอดเขา...รู้สึกดีที่ได้เห็นหน้าเขา..
“…”ใบหน้าเรียบเฉย...กับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มที่ทอดมองมา
ก็เขานั่นแหละ...เขาจริงๆด้วย...
“ฮึก..”และแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจ ฉันถึงพุ่งตรงเข้าหาเขา...ไม่รู้แหละ...ฉันดีใจมากๆที่เจอเขา...ฉันนึกว่าเขาจะทิ้งฉันไปแล้วจริงๆ...T^T
พลั่ก~
สัมผัสถึงแรงต้านที่บริเวณหน้าผากถึงศีรษะ...
ทรอนซ์ยกมือขึ้นยันหัวฉันไว้หรอเนี่ย >O<!!
“ทำบ้าอะไรของเธอ - -”
“นี่...นายช่วยทำซึ้งหน่อยไม่ได้รึไงนะTOT”
“...”
ฉันก้มหน้าลง...ซ่อนน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้...มันเป็นความดีใจที่บอกไม่ถูก...ความหวังที่จะมีชีวิตรอด...มีชีวิตรอด...!?
เออใช่ ! *0* …ฉันลืมแพทริกซ์ !!
“ทรอนซ์! ช่วยด้วย! ช่วยแพทริกซ์ด้วย!! เขาดูแย่มากๆเลยอะ...ตาเขาเป็นอะไรไม่รู้...มันเปลี่ยนเป็นสีขาว น่ากลัวมากอ่ะ...ตัวงี้เย็นเฉียบเลยนะ...ชีพจรก็อ่อนมาก เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเลย...แล้ว..”
“หมอนั่นอยู่ไหน..= =;”ทรอนซ์รีบตัดบท ก่อนที่คนที่พูดถึงจะตายไปแล้วจริงๆ
“นู่น~...ตรงโคนต้นไม้โน้น..”ฉันชี้ไปยังต้นไม้เพียงต้นเดียวที่ตั้งเด่นอยู่ท่ามกลางหิมะสีขาว..
“…”ทรอนซ์ไม่ได้ว่าอะไร...เขาเดินไปยังร่างแพทริกซ์ โดยมีฉันตามไปติดๆ
“ทำไมไม่ดึงด้ายออก= =;”เขายิงคำถามทันทีที่หยุดอยู่ตรงหน้าร่างแพทริกซ์...ปรายตามองอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก... “อากาศแบบนี้ หมอนี่คงทนได้ไม่นาน”
“เออ...จริงด้วย ทำไมฉันนึกไม่ออกนะ T^T”ฉันเกือบจะฆ่านายแล้วจริงๆ...แพทริกซ์ ฉันขอโต๊ด TOT
“...”ทรอนซ์จ้องเขม็งไปยังร่างที่นอนไร้สติอยู่ที่เดิม...ขมวดคิ้วนิดๆ ทำท่าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะคลายปมคิ้วนั่นออก
“ฉันสัมผัสไม่ได้ถึงพลังชีวิตในตัวหมอนั่น..”
“…!!”
Writer: ฝากเม้นติชมด้วยนะค๊า ~^ ^’
วันนี้เอาอิมเมจมาฝาก>w<
เริ่มจาก ยูริ
ต่อด้วย เอริค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เห็นใจคนอ่านหน่อยเด้
บทนู้นคลั่งทรอนซ์ บทนี้คลั่งราฟล์ บทหน้าฉันจะคลั่งใคร O.o
กลายเป็นผู้หญิงหลายใจไปแล้วเพราะเธอ บาบิ Q!!!
ขอให้รอดนะ
555
ตกลงผู้ใด๋เป็นพระเอกค่ะ ระหว่างเเพทริกซ์เเละสวามีข้า(ก๊ากๆๆ^O^)
เจ๊บิ เค้ากลับมาเเล้วววววววววววววว เจ๊อาจจะลืมเค้าอ่ะนะ
เพราะไม่ได้คุยกันตั้งเกือบปีเเน่ะ-0-
ด้วยภาระเเละหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เฮ้อ!! ในที่สุดก้อมานั่งอ่านสวามีเล่นนิยายได้เเล้วววววT^T(ทรอนซ์นั่นเอง555+)
นางเอกเอ๋อมากค่ะ ฮาดี เเต่ก้อน่ารัก (Warning: ถ้าคู่กับสวามีข้าอเมทิสต์ไม่ตายดีเเน่ๆ=_=")
สงสารใครดี่ว่า TT.TT พระเอกนี่ก้เย็นชาตลอดเลยแหะ
นางเอก- -.
อย่าลืมมาแก้นะนะจ๊ะ...ถึงหายไปนาน
แต่ก็ยังติดตามอยุ่นะ...บับบุยยยยยย ยย
เคเอฟซ๊ บีทูเอส ฯลฯ
- -
ถึงจะเป็นความซวยของชาร์ลีนที่มเพยศก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ทรอนซ์หายงอนแล้ว อิอิอิอิ
อ๊าก คอมกระตุก ลืมจ่ายค่าเน็ต พักแปบนะค่า ไปจ่ายตังค์ก่อน เดี๋ยวมันจะตัดไม่ให้อ่าน ฮือๆๆๆ
แต่ยังไงก็น่ารัก..
นางเอกเราก็ฮาได้ตลอดจริงๆ
สนุกมากๆๆๆ เลย
แล้วจะมาอ่านต่อน้า
ชอบๆ >< ยิ่งอ่านยิ่งมัน
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
ment ment
หนุกกกกกกกกกกกกกก
เกินคำบรรยาย
จบข่าว
แต่งต่อ
เป็นกำลังให้
หนุกดี..............................
เม้น เม้น เม้นปายยยยย
คนเขียนนี่นิยมรังแกสัตว์เนอะ
ว่าแต่เหมือนทอร์นจะพูดมากขึ้นนะเนี่ย (เพิ่งสังเกตุเห็นเนื่องจากมัวแต่กรี๊ดราล์ฟกับแพทริกซ์)
อ่านต่อๆ (เผื่อจะจบทัน)
55555 >O<
แต่ทรอนซ์น้อยจัง อะฮืออออ T^T
(ไม่น่างอนนานเลย ... ยังดีที่มีบทกุ๊กกิ๊กนิดนึง >..<)
ปล. ยาวจุใจดีค่า ^^
ว่าจะอ่านแค่ตอนแรกตอนเดียว
ดันเผลออ่านมาถึงนี่ได้ไงเนี่ย
ไว้จะมาอ่านต่อนะคะ
ฮือ