bombombom
@bombombom
ตอนนี้ยังไม่มีคำขอเป็นเพื่อน
มีเพื่อนๆ เล่น My.iD อีกเยอะเลย ลองไปดูกันเถอะ
dummyaliasname
@dummyusername
dummymsg
ตอนนี้ยังไม่มีข้อความลับ
ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือน
เล่าเรื่องราวของคุณหรือสิ่งที่สนใจผ่านการตั้งกระทู้ ถ้ามีเพื่อนๆ มาตอบจะได้รับการแจ้งเตือนด้วยนะ
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อรับแจ้งเตือนบทความมาใหม่ในหมวดที่คุณสนใจ
ตอนนี้ได้ติดตามบทความเรียบร้อย
เมื่อบทความที่ติดตามอัปเดตจะแจ้งเตือนทันที ขอให้สนุกกับการอ่านบทความนะครับ
คุณยังไม่ได้ตั้งรหัสผ่านในบัญชีของคุณ
ตั้งรหัสผ่านตอนนี้เพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านได้
ค่าเริ่มต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
---------------------------------------------------------------------------
อย่าปล่อยให้คนแบบฉันสบตา อย่าปล่อยเวลาให้ฉันใกล้เธอ ถ้าเธอรู้ตัวว่ายังไม่พร้อม ทำไมชอบทำให้ฉันอ่อนแอ ต้องจบโดยการพ่ายแพ้อย่างเดิม เธอนะเธอ เธออย่าทำให้ฉันเริ่มได้ไหม
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวันอย่างมึนงงและไม่ค่อยมีสติมากนัก กว่าจะปรับสายตาให้มันโฟกัสได้ก็ใช้เวลานานมากพอสมควร แม้ว่าจะรู้สึกปวดหัวจนไม่อยากจะทำอะไรเลยก็ตาม และตามตัวของผมก็ปวดร้าวไปหมดแต่ผมก็ยังคงพยุงร่างของตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
ทว่า
สิ่งที่ผมเห็นอยู่ตอนนี้กลับไม่ใช่สิ่งที่ผมคาดไว้
ร่างผมเปลือยเปล่ามีเพียงแค่ผ้าห่มเท่านั้นที่คุลมตัวเอาไว้…ในห้องที่ไม่ใช่ของตัวเอง…และอยู่บนเตียงของคนแปลกหน้า
หน้าผมสั่นจนจับริกเตอร์ได้เลยว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวของผม ผมสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และนึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้…
มีปาร์ตี้งานเลี้ยงต้อนรับน้องปี 1 ทุกคณะ ผมไปที่นั่นกับเพื่อนร่วมคณะ และผมก็ดื่มเครื่องดื่มที่คิดว่ามันเป็นน้ำผลไม้แต่ว่ามันไม่ใช่… ผมเมาไม่ได้สติ
“ โอ้ย ให้ตายสิ ” ผมบ่นใส่ตัวเองที่เผลอทำผิดพลาดลงไปและได้ทำผิดอย่างที่ไม่ควรให้อภัยกับตัวเองได้เลย
มีรุ่นพี่ต่างคณะเข้ามา เขา…เขาดูเหมือนรู้จักกับผม แต่ผมไม่รู้จักเขา…
นึกให้ออกสิ…
เขาพูดอะไรบางอย่าง แต่ผมไม่ได้สนใจเขาเลย เขาเรียกชื่อผม เรียกราวกับว่าเราเคยสนิทกันมาก่อน แต่ผมจำเขาไม่ได้ เพื่อนของผมชวนไปดื่มต่อที่อื่น แต่ผมปฏิเสธไป เขา…เขาคนนั้นอาสาจะพาผมกลับ แต่ว่าเราทั้งคู่กลับมาจบที่…
เตียง
เพียงเพราะว่า
ผมไปจูบเขาก่อน…และมันช่าง
โอ้ย อย่านึกถึงมันเลยเถอะ
ผมพยายามสะบัดความคิดต้นตอที่ทำให้ผมมาจบลงที่บนเตียงตรงนี้ และเลือกที่จะปัดมันทิ้งไป ช่างมันเถอะ ผมไม่ควรใส่ใจ ผมแค่เมาและไม่ได้สติ ก็เท่านั้น
ผมเม้มปากกับความคิดในหัว แม้ว่าจะเมาแล้วมีอะไรกับเขาก็ตามเหอะ แต่ผมก็รับสภาพตัวเองในตอนนี้ไม่ได้อยู่ดี…มันเหมือนความสัมพันธ์ที่ชั่วคราวและชั่วข้ามคืนเท่านั้น
ทั้งที่ผมไม่ชอบความสัมพันธ์แบบนี้เลยสักนิด…
ผมเดินลงจากเตียงอย่างทุลักทุเล และรีบควานหาเสื้อผ้าของตัวเองที่ใส่เมื่อคืนนี้ แต่ว่ามันกลับตรงข้ามกับสิ่งที่ผมคิดไว้ ผมหาเจอเพียงแค่กางเกงในและเสื้อเชิ้ตสีขาวของตัวเองเท่านั้น ส่วนกางเกงหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าเมื่อคืนผมไม่ได้ใส่มันขึ้นมา…
พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนหน้าผมก็ร้อนผ่าวราวคนจับไข้ แต่ก็รีบจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองที่เหลืออยู่ให้เรียบร้อย โชคดีที่เสื้อเชิ้ตมันยาวเลยเหนือเข่ามาไม่กี่เซนทำให้สามารถคลุมขาผมได้ แต่โชคร้ายตรงที่ว่ากระดุมสองเม็ดแรกผมหลุดหายไปก็เท่านั้นเอง…
ฮือ ไม่อยากนึกถึงสงครามรักเมื่อคืนเลยว่ามันจะ…ขนาดไหน
ผมตั้งใจจะไปจากที่นี่โดยไม่อยู่รอเขา พอหาโทรศัพท์และกระเป๋าตังค์ของตัวเองเจอผมก็รีบก้าวขาเดินไปเปิดประตูทันที
ทว่าเมื่อมือของผมกำลังบิดลูกบิดออกมานั้น ประตูที่อยู่ข้างๆก็เปิดออก และเผยภาพที่ผมภาวนาว่าไม่ควรจะเจอออกมา
เขาคนนั้น…
ชั่วขณะหนึ่งเราสบตากัน แต่เพราะความกลัวบางอย่างที่อยู่ในตัวผมนั้นกำลังทำงาน ทำให้ผมรีบเปิดประตูและเดินออกจากห้องเขาไปทันที โดยไม่คิดจะหันไปชายตามองเขาเลย
กว่าจะมาถึงห้องชุดของตัวเองก็ทำเอาผมหมดแรงแทบแย่ แต่พอเอาโทรศัพท์ตัวเองมาชาร์จแบตและเปิดเครื่อง ผมก็ถึงกับเบิกตาและตกใจอยู่ไม่น้อยที่มีสายโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่าร้อยกว่าสายไม่เท่านั้นข้อความในไลน์ก็เด้งขึ้นมาเกือบร้อย จนผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมานิดหนึ่ง…
เบอร์โทรศัพท์เบอร์เดิมที่โทรหาผมร้อยกว่าสาย โทรกลับมาหาอีกครั้ง และผมก็ต้องถอนหายใจอย่างยอมรับว่างานนี้ผมโดนแน่ๆ ผมกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้ และมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้
[ แบคฮยอน ! ทำไมน้องไม่รับสายพี่ !!!! ] เสียงปลายสายพูดเสียงตะคอกอย่างเหลืออดจนผมอดสำนึกผิดไม่ได้ที่ทำให้พี่ชายแท้ๆ ของตัวเองเป็นห่วง
“ แบค ขอโทษ คือว่าเมื่อคืนโทรศัพท์แบตหมดอ่ะ ก็เลยไม่ได้บอกพี่ว่า… ” ท้ายประโยคผมไม่กล้าพูดความจริงเลยว่าผมไปนอนกับใครมา แล้วถ้าพูดออกไป พี่เฮนรี่คงได้เล่นงานผมให้ตายคาที่แน่นอน
[ บอกพี่มานะ แบค ว่าเมื่อคืนเราไปทำอะไรมา ไม่ได้แค่ไปเที่ยวเฉยๆ ใช่ไหม ]
“ ไปแค่เที่ยวจริงๆ คือแบค…แบคไปนอนค้างบ้านเพื่อนที่เรียนคณะเดียวกันน่ะ แล้วตอนนั้นมันเหนื่อยมากๆ เลยไม่ได้โทรบอกพี่…ขอโทษที่ทำให้พี่เป็นห่วง ขอโทษจริงๆ นะ แบคไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้... ”
ท้ายประโยคผมตั้งใจพูดขอโทษทั้งในเรื่องจริงที่เผลอตัวไปนอนกับผู้ชายแปลกหน้าและเรื่องที่โกหกพี่ชายของตัวเอง และมันก็คงเป็นคำพูดที่ช่วยปลอบตัวผมได้มากที่สุดในสถานการณ์นี้แล้วล่ะ
[ แบค…ไม่เอาน่ะ พี่ไม่โกรธเราหรอกนะ พี่แค่เป็นห่วงเราเฉยๆ ] ปลายสายเสียงอ่อนลงอย่างเป็นได้ชัดและทำเอาผมน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที
[ พี่เชื่อใจเรานะ ว่าเราไม่ได้ไปทำอะไรมา ]
อึก…จุก จุกมากที่สุด จุกจนพูดอะไรไม่ออกเลย
[ อีกไม่กี่วันพี่จะขนของแล้วย้ายไปอยู่กับเราที่นั่นนะ อ้อ ส่วนวันพรุ่งนี้พี่จะไปรับเราที่หน้าคอนโดนะ และถ้าเลิกเรียนเมื่อไหร่ก็โทรมาบอกพี่ด้วย โอเคไหม ? ]
“ อื้อ โอเคครับ…อื้อ บาย…รักพี่เหมือนกัน ” เมื่อปลายสายวางสายไป เรี่ยวแรงที่มีอยู่ก็หายไปไหนไม่รู้เสียแล้ว ผมล้มลงนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียงอย่างอ่อนล้า รู้สึกแย่และรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่รู้จะไปโทษใครนอกจากจะโทษตัวเอง และมันก็ดูน่าสมเพชมากเหลือเกินที่ผมเกิดคิดถึงเขาคนนั้นขึ้นมา
เพราะสัมผัสที่เขามอบให้เมื่อคืน มันช่างติดตราตรึงใจเสียเหลือเกิน ทุกๆ ส่วนที่เขาสัมผัสมันยังคงฝั่งลึกไว้อยู่บนเนินผิวของผม ไม่ว่าจะตรงมุมไหน หรือตรงส่วนไหนเขาก็สัมผัสมันมาแล้ว พอผมสัมผัสตรงบริเวณหัวไหล่ที่ซึ่งเขาฝังรอยแดงเอาไว้ ผมก็ใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะ พอสัมผัสตรงบริเวณแขนที่เขาค่อยๆ พรมจูบลงอย่างอ่อนหวาน ผมก็ไม่สามารถต้านทานมันได้เลย และพอมีสติและพบเห็นใบหน้าของเขาเข้าจริงๆ มันทำให้ผมหลงเสน่ห์มนตราของเขาจนยากที่จะลืม
ใบหน้าคมคายเปียกชื้นและพรมไปด้วยหยดน้ำ แต่มันกลับทำให้ดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่เหลือร้าย ดวงตากลมโตแต่กลับแฝงความเจ้าเล่ห์และไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขาคิดยังไงอยู่ ริมฝีปากบางที่เคยสัมผัสมันมาแล้ว มันช่างนิ่มนวลน่าสัมผัสและยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์ปนความหวานละมุนที่เขาตั้งใจสร้างมันขึ้นเพื่อทำลายเกาะกำบังผมในคืนนั้นให้พังลงไป
เขาเป็นผู้ชายที่อันตรายและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน และมันดูน่าขันเหลือเกินที่ผมเกิดคิดอะไรเกินเลย ผมคิดถึงเขาคนนั้นขึ้นมาจับใจแต่ก็หวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
ถ้าลองคิดดูในมุมของผู้ชายที่ต้องการมีอะไรกับคนอื่นเพียงชั่วข้ามคืน ดูก็รู้ว่าเขาไม่อยากยึดติดอะไรกับคู่นอนของเขา ซึ่งมันก็ไม่ทางเลยสักนิดที่เขาจะมาคิดอะไรเกินเลยกับผม เขาก็คงมองผมเป็นเพียงแค่…
เฮ้อ…ผมมันฟั่นเฟือง บ้า ที่เกิดคิดถึงเขาคนนั้นขึ้นมาทั้งที่เราเจอกันเพียงแค่ข้ามคืนเท่านั้น ผมไม่ควรจะคิดอะไรกับเขา เพราะดูยังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว
ผมควรจะนอนพักและลืมเรื่องเพ้อฝันแบบนี้ซะ
ความเป็นไปได้น่ะ มันก็มีแค่ในนิยายรัก โรแมนติกของสาวเพ้อฝันเท่านั้น ส่วนผมน่ะ เสียตัวและเสียใจ แค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะ
เช้าวันถัดมา ผมพยายามจะนั่งทารองพื้นเพื่อปกปิดรอยแดงที่ขึ้นตามคอ แต่ก็ดูเป็นไปได้อยากเหลือเกิน เพราะดูมุมองศาไหนมันก็ยังเห็นอยู่ดี จนในที่สุดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพร้อมกับปรากฏรูปเจ้าของเบอร์โทรศัพท์นั้น ดูไม่แปลกใจเลยว่าใครโทรมา ถ้าไม่ใช่พี่ชายของผม
ผมเลือกที่จะตัดสายทิ้งและรีบเก็บของเพื่อลงไปหาพี่ชายทันที
“ แน่ใจหรอ ว่าจะเรียนคณะนี้น่ะ ” พี่เฮนรี่ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ปกคลุมเป็นเวลานานหลังจากที่พวกเราสองคนต่างนั่งเงียบใส่กันตั้งแต่ผมขึ้นมานั่งในรถ
“ อื้อ แน่ยิ่งกว่าแน่ พี่บอกผมนี่นาว่ามันปลอดภัยมากที่สุด… ”
“ พี่รู้ แต่มันไม่ใช่สิ่งที่น้องรักเลยนะ ใช่ไหม หรือพี่พูดผิด ” พี่เฮนรี่มีน้ำเสียงที่ค่อนข้างกังวลแต่ผมก็เอื้อมมือไปแตะที่ไหล่ของพี่ชายก่อนจะบีบมันเบาๆ เพื่อแสดงถึงความมั่นใจที่ผมเลือกไม่ผิด
“ เอาน่า แบคก็รักด้านนี้นะแต่แค่น้อยกว่าด้านนั้นนิดหนึ่ง ฮ่าๆ ” พี่เฮนรี่ยิ้มอ่อนก่อนจะเอื้อมมือเข้ามายีหัวผมอย่างหมั่นไส้
“ ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ อ้า ถึงแล้ว ” ว่าแล้วพี่เฮนรี่ก็เลื่อนรถเข้ามาจอดที่จอดรถเฉพาะที่มีชื่อของเขาแขวนติดอยู่ที่ป้าย คงพอจะเดาออกว่าพี่ชายของตัวเองมีอำนาจในนี้มากพอสมควรไม่งั้นคงไม่มีที่จอดรถเฉพาะแบบนี้ แต่ทว่าเมื่อผมกำลังเอื้อมไปเปิดประตูรถพี่เฮนรี่ก็รั้งผมให้หันหน้ามาคุยกันก่อน
“ จำที่พี่พูดกับเรา ตอนเรามาเกาหลีใหม่ๆ ได้ใช่ไหม ว่าพี่พูดกับเราว่ายังไง ”
“ รู้น่ะ… ” ผมยิ้มให้กับพี่ชายของตัวเองที่มีนิสัยขี้หวงน้องมากถึงมากที่สุด แม้ว่าจะขี้หวงมากแค่ไหน แต่ผมก็ยังคงรักพี่ชายคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลย เพราะเขาคือคนที่ผมเชื่อใจมากที่สุด
“ พี่บอกว่า แบคต้องแสร้งเป็นแฟนของพี่ เราทั้งคู่ต่างรักกันมาก คบกันมานานแล้ว เพื่อความปลอดภัยของตัวแบคเองและพี่จะได้ไม่ต้องห่วงว่าจะมีผู้ชายคนไหนมาทอดสะพานให้แบคหรือเปล่า...แบคพูดถูกใช่ไหม ? ” พี่เฮนรี่พยักหน้าอย่างพึงพอใจและนั่นทำให้ผมกลั้นยิ้มไม่ได้เลย
เฮ้อ มีพี่ชายขี้หวงก็ดูดีไปอีกแบบนะ
พวกเราสองคนลงรถมาพร้อมกัน ก่อนที่พี่เฮนรี่จะเป็นฝ่ายจูงมือผมเพื่อให้เดินมามาด้วยกัน และนั่นทำให้ผมรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย เพราะทุกคนที่เดินผ่านต่างพากันมองมาทางพวกเราราวกับกล้องวงจรปิด พวกเขาไม่ได้มองที่หน้าพี่เฮนรี่เลยสักนิด แต่กลับมองมาที่ผมแทนเสียมากกว่า และผมก็ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบแถวนั้นอย่างชัดเจนเสียด้วย
“ เด็กใหม่ของเฮนรี่หรอ ”
“ พี่เฮนรี่มีเจ้าของอยู่แล้วหรอ ”
“ ไปได้กันตอนไหนอ่ะ ”
“ ทำไมพี่เค้าควงเด็กปี 1 มา ? ”
“ เด็กไอ้เฮนรี่น่ารักใช่ย่อยเลยนะเว้ย ”
“ ตัวเล็กอ่ะ มึง ดูแล้วน่าจับ… ”
PART CHANYEOL
ผมขับรถเข้ามาจอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าตึกวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมกับไอ้เซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งมันในตอนนี้กำลังนั่งอย่างสบายใจเฉิบโดยไม่เกรงใจคนขับรถอย่างผมเลยสักนิด
“ ไม่ทราบว่าคุณมึงจะเสด็จลงไปจากรถกูได้หรือยัง” ผมถามอย่างเหลืออด แต่มันก็ยังมีหนังหน้าด้านมาทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังนั่งอย่างสบายอารมณ์พลางเล่นเกมส์ในโทรศัพท์อย่างสนุกสนานโดยไม่ถามความเห็นผมเลยว่าผมอยากจะเอามันติดรถมาด้วยไหม
เพราะการรอคำตอบจากมันเหมือนกับการรอหอยทากวิ่งมาหาผม ดังนั้นผมจึงตัดสินใจลงรถและทิ้งมันไว้บนรถอย่างไม่สนใจใยดี โดยที่ผมไม่ลืมจะล็อครถด้วยนะ
เชิญมันขาดใจตายอยู่ในนั้นแหละ
ผมเดินเข้ามาหาพรรคพวกที่อยู่ด้วยกันมานานหลายปี ตอนนี้กลุ่มของพวกเรามีอยู่ด้วยกัน 6 คน มี ผม เซฮุน จงอิน เฉิน มาร์ค และแจ็คสัน มีแค่เฉินเท่านั้นที่มีเมียไปก่อนพวกแล้ว แถมยังรักกันปานจะกลืนกินเสียด้วย ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะมีเวลามานัดเจอพวกผมหรอก และวันนี้มันก็ไม่มาเจอพวกผมอีกตามเคยตามประสาคนรักเมียมากกว่าเพื่อน
สักพักโทรศัพท์ผมก็มีสายโทรเข้ามาพอดี ไม่ต้องคาดเดาเลยว่าใครโทรมา ถ้าไม่ใช่บุคคลที่นั่งอยู่ในรถตอนนี้ ผมโยนโทรศัพท์ไปให้ไอ้จงอินที่ยืนอยู่ข้างๆ พร้อมกับยื่นกุญแจรถให้อย่างเอือมๆ
“ อีกแล้วหรอวะ ” มันบ่นอย่างเหลืออด แต่ก็ไม่วายเดินไปที่รถผมอยู่ดี ส่วนผมที่เห็นมาร์คและแจ็คสันคุยกันอย่างสนุกปาก เลยตัดสินใจเดินเข้าไปหาอย่างสบายอารมณ์
“ มีไรกันวะ ” ผมถามอย่างอดรู้ไม่ได้ เพราะเห็นพวกมันหันไปมองมุมหนึ่งซ้ำกันมากกว่าที่คนธรรมดาเค้าจะมองกัน
“ เอ่อ นั่นดิ มีไรกัน ” ไอ้เซฮุนเดินเข้ามาแจมทันทีที่มันออกมาจากรถได้ โดยมีจงอินเดินตามหลังมาติดๆ
“ ก็เด็กใหม่ของพี่รหัสมึงไงไอ้ฮุน ” มาร์คเปิดปากพูดก่อน ดูท่าทีมันดูสนอกสนใจอยู่ไม่น้อย และนั่นทำให้ผมขมวดคิ้วกับคำพูดของมัน
“ พี่รหัสกู อ่อ…พี่เฮนรี่น่ะหรอ ไมวะ ”
“ ดูที่ 3 นาฬึกานะเว้ย นั่นน่ะ พี่รหัสไอ้ฮุน ส่วนคนข้างๆ น่ะ เด็กใหม่เว้ย เห็นคนในคณะเค้าพูดกันว่าน่ารักถึงขนาดที่ว่าผู้ชายด้วยกันยังอยากได้เลย และเพิ่งเข้ามาเรียนปีนี้ปีแรกด้วยนะ เด็กปี 1 แกะกล่องใหม่ ใสๆ เว้ย ” แจ็คสันชี้แนะ จนผมต้องหันไปมองทันที และพอมองดูคนที่แจ็คสันบอกว่าเป็นเด็กใหม่ก็ทำเอาผมนิ่งค้างไปชั่วครู่ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ไอ้ฮุนหันมามองผมอย่างรู้งาน
“ แต่กูรู้สึกคุ้นหน้าว่ะ ” จงอินพูดแทรกขึ้นกลางบทสนทนา
“ เหมือนกูเคยเห็นในงานปาร์ตี้ต้อนรับน้องปี 1…ไอ้ยอล ” จงอินเรียกชื่อผมให้หันไปมองหน้ามัน
“ ใช่เด็กที่มึงพาไปนอนที่บ้านมึงเมื่อคืนก่อนเปล่า ”
ผมกระตุกยิ้มกับคำพูดของไอ้จงอินและเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา นอกเสียจากจะเดินตรงไปยัง คู่รักคู่หนึ่งที่ดูเหมือนข้าวใหม่ปลามัน โดยไม่สนใจว่าบรรดาเหล่าเพื่อนๆ จะว่ากันอย่างไร พวกเขานั่งคุยกันอยู่ที่โต๊ะไม้หินอ่อนอย่างมีความสุขล้นเหลือ ทว่าสายตาผมกลับจ้องที่คนตัวเล็กอยู่ฝ่ายเดียว ใบหน้าของคนตัวเล็กฉีกยิ้มออกมาจนทำให้ดวงตาเรียวเล็กนั้นหยีลงจนทำให้ดูน่ารักมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ริมฝีปากบางที่ผมได้สัมผัสไปเมื่อคืนก่อนยังคงติดตรึงใจว่ามันหวานจนอดที่จะจูบซ้ำไม่ได้ ผมรู้จักคนนี้ๆ มาก่อน เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และผมรักเขา แต่ว่า…
ความรักที่ผมเคยมีให้กับคนๆ นี้หายไป เมื่อเขาเดินทิ้งผมไปกับผู้ชายอีกคน
เหลือเพียงแค่ความทรงจำที่ไม่น่าจดจำไว้เท่านั้น
และมันก็พังลงเหลือเพียงแค่ความว่างเปล่า
และในวันนี้ เขากลับมาพร้อมกับการกระทำที่เขาจำผมไม่ได้เลย
แต่รู้ไหมผมจะทำยังไง…คุณคงไม่อยากรู้หรอก
เพราะผมก็ไม่อยากพูดให้พวกคุณฟังหรอก
“ สวัสดีครับ รุ่นพี่เฮนรี่ ” ผมก้าวขาเข้าไปทักทายรุ่นพี่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่รหัสของเพื่อนสนิทผมอย่างเป็นมิตรที่สุดและส่งรอยยิ้มไปให้อย่างไม่คิดร้าย
“ มีอะไรหรอครับ... น้องปีสาม ” เฮนรี่ตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจมากนัก แต่สายตาผมกลับเลื่อนไปมองอีกคนที่มองหน้าผมอยู่อย่างไม่ละสายตา และพอคนๆ นั้นรู้ว่าผมมองอยู่ ใบหน้าก็แดงเรื่อพร้อมกับเสหน้าไปทางอื่นราวกับไม่ได้สนใจผมเลย
“ ก็เปล่าครับ แค่อยากมาทักทายทำความรู้จักกับว่าที่แฟนของพี่เฉยๆ ”
TALK
โอ้ยยยยยย มาลงให้แล้วนะฮะ อห. ยิ่งตอนท้ายๆ นี่เหมือนกระอักเลือดให้ตายเลย
พี่ยอลของเราทำไมเป็นคนอย่างเน้ TT สงสารน้องแบคที่แอบรู้สึกดีด้วย งืมๆ
เค้าคิดว่าจะไม่แต่งดราม่าภาคนี้แล้วนะ ทำไมมันรู้สึกมีเงี่ยนงำบางอย่างอ่ะ
555555555555555555555555555555555 ลุ้นกันต่อเนอะ
ถ้าฟังเพลงไป นี่ใช่เลย ใช่เลย น้องแบคคิดแต่อิชานไมมันเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่ภาคแรกอ่ะ
เอาตามจริง มันเล่นกับเชโล่มาละ ภาคนี้มาเล่นเฮนรี่บ้าง โอ้ย ตายๆ ตระกูลนี้ขี้หวงน้องเสียด้วย
อย่าลืมเม้นท์กันนะตัวเอง มันคือกำลังใจอันยิ่งใหญ่ของเค้า สัญญาจะอัพให้เรื่อยๆ เลยฮือ TT
ปล.ปล้ำลู่เค้าแต่งตอนนี้ไปใจเต้นไปมีใครเป็นเหมือนเราบ้างอ่ะ ง่อววว55555555555555
ปล2. สำหรับใครที่สับสนว่าทำไมแบคจำไม่ได้ คือมันเป็นภาคต่อของภาคที่แล้วเนอะ แบคความจำเสื่อมน่ะค่ะ ทำให้ลืมเรื่องราวเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ถ้าอยากอ่านเรื่องเต็มและความเป็นมาของแบคฮยอนก่อนหน้านี้ไปอ่านกันได้นะคะเรื่อง
FAKE UP INNOCENT 1 ซึ่ง ค่อนข้างดราม่าและหนักกว่านี้นิดหนึ่งมั้ง 5555
ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด
อีบุ๊ก ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น