just say Hi! [NielOng] - just say Hi! [NielOng] นิยาย just say Hi! [NielOng] : Dek-D.com - Writer

    just say Hi! [NielOng]

    ผู้เข้าชมรวม

    1,210

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    1.21K

    ความคิดเห็น


    23

    คนติดตาม


    60
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 มิ.ย. 60 / 00:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น




    Title :: just say Hi!

    Couple :: NielOng [ Kang Daniel x Ong Seongwoo]

    Author :: minhae


    #มฮเนียลอง





                 คนส่วนใหญ่จะทักทายคนรู้จักด้วยประโยคอะไร  เกือบแปดสิบเปอร์เซ็นพนันได้เลยว่าต้องเป็น สวัสดี เป็นไงบ้าง? ดูดีขึ้นนะ หรืออะไรที่ทำให้อีกฝ่ายอยากสนทนาต่อหรือบางอย่างที่ทำให้ไม่ดูห่างเหินเกินไป คัง แดเนียล มีความคิดล้านแปดอยู่ในหัวตอนนี้ อะไรที่ดูจะเข้าท่าในการเดินไปทักทายคนรู้จัก เขาอาจจะไม่คิดมากนักถ้ามันเป็นการทักทายเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน เขาคงเดินเข้าไปทักทายอย่างปกติ ยิ้มแย้มแบบที่เคยเป็น แต่กับคนที่นั่งห่างออกไปสองโต๊ะตอนนี้ไม่ใช่เลย สำหรับเขามันดูยากเย็นเหลือเกินที่จะทักทายคนๆนั้น

     

                ไม่มีหนังสือเล่มไหนเขียนไว้ว่าคุณควรเข้าไปทักทายแฟนเก่าของคุณอย่างไร เพราะไม่ว่าจะวิธีไหนมันก็ดูไม่เข้าท่าไปซะหมด ต่อให้ความเป็นจริงสถานะของเขากับอีกคนตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมานั่งใส่ใจว่าควรทักทายดีมั้ย แน่นอนว่าแดเนียลมีความคิดที่จะเดินออกนอกร้านเมื่อสิบนาทีก่อน ถ้าไม่ใช่ว่าเขาบังเอิญเงยหน้าขึ้นไปสบตากับอีกคนก่อนจะหลุดยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรีบหลบสายตาทำตัวเลิกลักทำเป็นหยิบเอกสารที่พกติดมือมาขึ้นมาเปิดดู หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจที่จะนั่งอยู่ร้านนั้นต่อ ทำเป็นว่าอยากดื่มอเมริกาโน่ร้อนๆอีกสักแก้วก่อนเริ่มงานในช่วงบ่าย

     

                ปกติแล้วคนเรามักจะมีความคิดในเชิงเข้าข้างตัวเองอยู่เล็กน้อย แดเนียลเป็นหนึ่งในนั้น ขณะยกแก้วอเมริกาโน่ร้อนที่พนักงานพึ่งวางมันลงบนโต๊ะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนขึ้นดื่มใช้โอกาสนั้นทำเป็นมองผ่านไปทางด้านหลังของคนๆนั้น แต่อันที่จริงแล้วสายตากลับจับจ้องไปที่นาฬิกาข้อมือเรือนสีดำที่ต่อให้มองจากนอกร้านเขาก็จำมันได้

     

                คริสต์มาสปีที่แล้ว หลังจากที่นั่งคิดอยู่นานว่าเขาควรมีของขวัญเล็กๆน้อยๆไปให้ใครบางคน เขาใช้เวลาคิดทั้งวันจนสุดท้ายแล้วก็เลยได้นาฬิกาเรือนหนึ่งจากร้านที่อยู่ทางผ่านที่จะกลับคอนโด เขาไม่รู้หรอกว่าเขาควรเลือกนาฬิกาแบบไหน หรือรุ่นไหน ยี่ห้อไหนถึงจะดี เขารู้แค่ว่าเรือนนี้มันสะดุดตาเขาที่สุดและในความคิดเขา อง ซองอู คนนั้นต้องชอบมันแน่นอน  เหมือนเรื่องตลกที่ซองอูแค่มองนาฬิกาเรือนนั้น เอ่ยขอบคุณ แล้วยื่นกล่องนาฬิกาอีกกล่องหนึ่งมาให้เขา รุ่นเดียวกัน ยี่ก้อ เดียวกัน สีเดียวกัน มันเป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้พวกเขาหัวเราะตลอดคืนคริสต์มาสนั้น

     

                ผ่านมาสองปีแล้วแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังจำมันได้ แดเนียลยังคงจำนาฬิกาเรือนนั้นได้ดี......ซองอูยังคงใส่นาฬิกาเรือนนั้นอยู่

     

                อเมริกาโน่เย็นชื่ดเมื่อเขาไม่ได้สนใจมันเกือบๆสามสิบนาทีระหว่างที่เอาแต่นั่งมองคนที่นั่งอยู่ห่างออกไปสองโต๊ะกำลังตั้งอกตั้งใจพูดคุยกับเพื่อนร่วมโต๊ะที่เขาไม่เคยเห็นหน้า

     

                ตลอดเวลาที่คบกันเขารู้จักเพื่อนของซองอูแทบจะทุกคนไม่ก็อาจจะทุกคนด้วยซ้ำไป ไม่มีอะไรให้ต้องหึงหวงเพราะเขามั่นใจว่ายังไงเขาก็ดีกว่าคนพวกนั้นอยู่แล้ว แต่แน่นอนว่าซองอูคนนั้นเป็นคนมีเสน่ห์ พูดกันตามตรงไม่ใช่แค่กับผู้หญิง แต่พวกผู้ชายก็ให้ความสนใจอยู่มากพอตัว ต่อให้ไม่แสดงออกบ่อยนักว่าหวงแต่ลึกๆแล้วเขาก็หวงอีกคนอยู่ไม่น้อย หลังจากเลิกรากันหนึ่งปีเต็ม มันคงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ซองอูจะมีเพื่อนใหม่มากมายที่เขาไม่รู้จัก  เพราะคนที่อัธยาศัยดีแบบนั้นใครๆคงอยากจะเข้าหา พอได้มาเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏเขี้ยวเล็กๆนั่นแล้วก็รู้สึกหวงอยู่เล็กๆ อิจฉาคนที่ได้นั่งมองเขี้ยวนั้นใกล้ๆ

     

                “คุณลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?”

     

                เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นดึงสติของแดเนียลออกมาจากภวังค์ เขาหันมองพนักงานสาวที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆก่อนจะเลิกคิ้วเชิงสงสัย ก่อนจะมองไปที่บนโต๊ะที่มีแก้วกาแฟวางอยู่สองแก้ว แก้วหนึ่งหมดไปแล้วส่วนอีกแก้วก็ดูท่าว่าจะเย็นชื่ดจนเสียรสชาติไปหมดแล้ว เขาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปฏิเสธเธอไปแล้วลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อหันไปมองโต๊ะของคนที่กำลังทำท่าว่าจะลุกออกจากร้าน

     

                เขาควรทักทายดีมั้ย ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้เจออีกเลย หรือจะเป็นแค่ส่งยิ้มให้แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แดเนียลอาจจะดูเหมือนเป็นคนเสียสติไปแล้วตอนนี้  เขามองแก้วกาแฟตรงหน้าสลับกับมองซองอูที่กำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน หัวใจของเขาเต้นรัว ตื่นเต้นราวกับว่ากำลังจะทำสิ่งที่สำคัญมากๆในชีวิต อันที่จริงเรื่องแบบนี้เขาคิดว่ามันก็สำคัญอยู่เหมือนกัน ในขณะที่กำลังคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ดี ในขณะที่ความคิดยังคงวุ่นวาย ประมวลผลลัพธ์ไม่ได้ เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ข้างตัว จนกระทั่งเงยหน้าหันไปมอง เขาก็รู้สึกว่าตัวเองหยุดหายใจไปแล้ว

     

                อง ซองอู ยืนอยู่ตรงนี้ ข้างๆตัวเขา ยิ้มและพูดอะไรมากมายที่ตอนนี้เขาฟังไม่รู้เรื่องเพราะโสตประสาทเขามันเหมือนพังไฟหมดแล้ว เขาเห็นเพียงแค่ใบหน้าของอีกคน เขี้ยวเล็กๆที่ปรากฏขึ้นยามยิ้ม จุดเล็กๆสามจุดบนแก้มนั่น และกลิ่นน้ำหอมกลิ่นเดิมที่เขาคุ่นเคย

     

                “แดเนียล?.....คังแดเนียล เฮ้! นี่นายฟังกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” ซองอูโบกไม้โบกมือไปมาหลังจากสังเกตว่าคนที่นั่งอยู่เอาแต่เหม่อลอยตอนที่ตัวเองพูด

     

              “ห๊ะ? อ่ะ.....มะ..เมื่อกี้พี่ว่าไงนะ?”แดเนียลยิ้มอย่างเขินอายขณะยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆแก้เขิน

     

                “อ่อ....นายสบายดีหรือเปล่า?”

     

                “ครับก็ดี แล้วพี่ละ ไปอยู่ที่นั่นทำงานหนักมั้ย?”เขาเอ่ยถามขณะที่อีกคนกำลังนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆตัว

     

                เขาอยากจะตบปากตัวเองหลังจากนึกขึ้นได้ว่ามันคงเป็นคำถามที่ไม่น่าถามออกไปในการทักทายครั้งแรก หนึ่งปีก่อนเหตุผลในการเลิกกัน ซองอูได้เลื่อนตำแหน่งและต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ อันที่จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ตั้งใจว่ามันจะเป็นการเลิกลากัน แดเนียลเคยมั่นใจว่ารักระยะไกลนี่มันไม่ได้น่ากลัวอะไรนัก เขาสามารถโทรหาอีกคนได้เมื่อคิดถึงหรือไม่ก็บินไปหา หรือทำอะไรก็แล้วแต่ให้ความรักของพวกเขายังเหมือนเดิม แต่เหมือนเขาคิดผิดทุกอย่าง เรื่องเวลาเป็นปัญหาสำคัญที่สุด พวกเขาไม่เคยว่าตรงกันเลย ความห่างเหินเลยเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จนกลายเป็นว่าในเวลาไม่กี่เดือนพวกเขาก็ไม่ได้คุยกันแล้ว

     

                เช้าวันหนึ่งในเดือนเมษายน แดเนียลจำมันได้ดีเขาได้รับข้อความจากชื่อที่คุ้นเคย มันทำให้เขารู้สึกปวดหัวใจอยู่นิดหน่อย เพราะแอบหวังเล็กว่ามันคงเป็นข้อความทั่วๆไป อย่าง คิดถึง.... เป็นไงบ้าง.... หรือไม่ก็เรื่องที่อีกคนส่งมาบ่นๆเรื่องสภาพอากาศของที่นั่น แต่มันผิดไปหมด ข้อความที่เขาได้รับจากอีกคนเป็นประโยคบอกคลับคล้ายคลับคลาว่าจะบอกเลิก “ช่วงนี้ไม่ได้คุยกันเลยนะ นายคงเหงาแย่.....นายคงรู้สึกไม่ดีมากๆที่เราเป็นแบบนี้ แต่ว่ายังไงก็คงทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันไม่อยากให้นายเศร้าหรือเสียใจหรือคบกันอย่างไม่สบายใจ เพราะอย่างนั้นตอนนี้ถ้านายอยากจะมีคนใหม่มันก็ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันสบายดี.....ส่วนนายก็ไปทำตัวให้มีความสุขเถอะนะ”

     

                มันเป็นข้อความสุดท้ายที่พวกเขาติดต่อกัน เวลาผ่านไปหนึ่งปี แดเนียลไม่ได้ติดต่อซองอูเลย และอีกคนก็ไม่ได้มีวี่แววว่าจะติดต่อหาเขาสักนิด มันเกือบจะลืมไปแล้ว.....แต่ก็แค่เกือบเท่านั้นแหละ

     

                “เหมือนโดนจ้างไปใช้แรงงาน”ซองอูตอบก่อนจะหัวเราะออกมา “ไม่คิดว่าจะเจอนายที่นี่”

     

                “ผมก็ไม่คิดว่าจะเจอพี่ที่นี่เหมือนกัน....ไม่คิดว่าพี่กลับมาแล้ว”

     

                “อืม...ก็คงได้เจอบ่อยๆแล้วมั้ง ตอนนี้กลับมาทำงานที่บริษัทแล้ว แถมย้ายมาทำตึกข้างๆกับที่ทำงานนายด้วย”พูดจบซองอูก็หัวเราะออกมาเหมือนคนไม่คิดอะไร ต่างจากอีกคนที่เหมือนมีคำถามและความรู้สึกนึกคิดล้านแปดอยู่ในหัว แดเนียลเหมือนหลุดเข้าไปในความคิดตัวเองอีกครั้งก่อนจะสะดุ้งเมื่อซองอูจับแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆ “นายโอเคหรือเปล่า? ถ้าไม่สบายใจที่เจอกันก็บอกได้นะ....ขอโทษจริงๆ เห็นนั่งมองตั้งนานแต่ไม่ยอมเข้ามาทักสักทีนึกว่าอยากคุยกันซะอีก”

     

                แดเนียลกระพริบตาปริบๆก่อนจะคว้ามืออีกคนไว้ “เปล่านะ....ผมอยากคุยกับพี่ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง.....ก็เราเลิกกันแล้ว แค่กำลังคิดว่าทำยังไงให้มันดูเข้าท่าที่พี่จะไม่ว่าผม....แต่พี่ดูเหมือนไม่รู้สึกอะไรที่เราคุยกันแบบนี้ ก็เลย...”

     

                คนฟังหลุดยิ้มออกมา นั่นมันทำให้แดเนียลยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก ซองอูไม่รู้สึกอะไรแถมยังทำเหมือนเรื่องที่เขากังวลอยู่เป็นเรื่องตลกไปซะอีก

     

                “ให้ตายสินายนี่ ฉันดูเป็นคนเรื่องมากเลยหรือไงในสายตานาย แค่เดินเข้ามาทักมันยากตรงไหน”ซองอูยิ้ม “แล้ว...ตอนนี้นายมีแฟนใหม่หรือยัง?”

     

                แดเนียลเกือบสำลักอเมริกาโน่ไร้รสชาตินั่นหลังจากได้ยินคำถามจากปากอีกคน เขาค่อยๆวางแล้วลงก่อนจะเลิกคิ้วหันไปหาอีกคน “ก็พี่บอกผมว่าถ้าอยากมีคนใหม่ก็ไม่เป็นไร”

     

                “อ่า....”ซองอูพยักหน้าเล็กๆหลังจากได้ฟังคำตอบ อันที่จริงก็เตรียมใจสำหรับคำตอบที่จะได้ยินไว้แล้วนิดหน่อย แต่พอฟังจริงๆก็รู้สึกจุกนิดๆ

     

                “แต่ผมไม่เชื่อที่พี่บอก......เพราะงั้นตอนนี้ก็ยังโสด”แดเนียลยิ้ม

     

                เขาไม่รู้หรอกว่าไอ้รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซองอูตอนนี้มันหมายความว่าอย่างไร แต่เขารู้สึกว่าเขาคิดถูกที่ยอมนั่งอยู่ในร้านนี้ตั้งนาน ยอมนั่งสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มทั้งที่ท้องเขาแทบจะรับไม่ไหว ยอมเข้างานสาย ยอมทำตัวเด๋อๆต่อหน้าคนเป็นสิบในร้านที่ตอนที่เอาแต่นั่งมองอีกฝ่าย

     

                มันอาจจะง่ายกว่านี้ถ้าเขาใจกล้าสักหน่อยที่จะเดินเข้าไปทักทายอีกคนก่อน แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณซองอูคนที่ไม่เคยจะอายอะไรที่เป็นฝ่ายเข้ามาทักทายเข้าก่อน แถมยังทำให้บรรยากาศที่ควรจะอึดอัดไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิด ไอ้กาแฟที่ไร้รสชาติเมื่อก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าจะมีรสชาติขึ้นมาเล็กน้อยในตอนนี้ ตอนที่เขาได้เห็นเขี้ยวเล็กๆและจุดสามจุดบนแก้มนั้นใกล้ๆ

     

                “ต้องเอาเอกสารไปส่งแล้ว”ซองอูพูดขึ้น “ยังไงถ้าโชคดีคงได้เจอกันอีกนะ”เขาลุกขึ้นยืนถือเอาเอกสาร

     

                “ช่วงนี้ผมเป็นคนไม่ค่อยมีโชคเท่าไหร่......ถ้าเย็นนี้พี่ว่างไปกินข้าวด้วยกันผมจะถือว่าโชคดีของผมเริ่มกลับมาแล้ว”แดเนียลคว้าข้อมือของอีกคนไว้ก่อนจะเอ่ยบอก

     

                ซองอูหัวเราะออกมาก่อนจะพยักหน้า “สองทุ่มแล้วกัน”

     

                อีกฝ่ายบอกไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินออกจากร้านไป แดเนียลไม่ได้วิ่งตามออกไป เขามองอีกคนจบลับสายตาก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้แก้วเปล่าตรงหน้า

     

                ไม่มีหนังสือเล่มไหนบอกหรอกว่าเราอาจจะมีโอกาสกลับไปหาคนรักเก่าได้ในรูปแบบที่ดีกว่าเดิม เขาไม่รู้หรอกว่าทฤษฎีพวกนั้นบอกอะไรไว้บ้าง มันอาจจะดีหรือไม่ดีใครจะรู้ เขาอาจจะได้กลับไปคบกับซองอูอีกครั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็น อง ซองอู คนนั้นต่อให้ต้องพยายามเป็นสิบยี่สิบครั้ง เขาก็จะทำ......เพราะสำหรับเขาแล้วถ้าไม่ใช่ซองอู เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีความสุขได้ขนาดนี้หรือเปล่า 







    --------- Fin------

    talk :: แง้งงง ในที่สุดก็ลั่นเขียนเนียลองแล้ว

    ฮื่ออออ ช่วงนี้มีความชอบพอกับคู่นี้มากๆ นั้มตาจะไหล

    เป็นฟิควูบที่วูบจริงๆค่ะ 555555

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ <3 

    S
    N
    A
    P
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×