ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #46 : Rule 39 : กีฬาสี!!!

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.92K
      22
      4 ก.ค. 65

    Rule 39 : กีฬาสี!!!

     




     

                    ผมกลับมาใช้ชีวิตนักเรียนตามปกติ  ซ้อมตามตารางที่พี่จิ้นให้บ้างแต่ไม่บ่อยสักเท่าไหร่เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงเทศกาลแข่งบาส  ผมใช้ชีวิตตามปกติธรรมดาแม้จะไม่ชอบใจนักที่ได้ยินเสียงไอ้คีตะอยู่ทุกวันในเวลาเที่ยง  จากที่มันเคยเป็นช่วงที่ผมชอบกลับกลายเป็นช่วงที่ผมเกลียด  เสียงที่น่าหลงใหลนั่นมันกลายเป็นเสียงแสลงหูสำหรับผม  ไม่อยากได้ยินๆ
     

                    ชะ!! ผมสะดุดกึกเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นไอ้คีตะกับกลุ่มกรรมการนักเรียนเข้า  เฮ้ยๆ ไอ้คีตะอยู่นี่แล้วไอ้คนที่พูดๆ อยู่นี่มันใครวะ?
     

                    “เฮ้ย!” ผมส่งเสียงอย่างสงสัย
     

                    “เป็นเหี้ยไรวะ?” ไอ้พีทถาม
     

                    “ไอ้คีตะอยู่นี่ แล้วคนที่พูดอยู่มันใครวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
     

                    “เฮ้ย! พี่คิทเป็นดีเจเสียงหล่อนั่นจริงๆ เหรอ?” ไอ้มินทร์ถามอย่างตใจปนสงสัย
     

                    “กูกำลังงง” ผมขมวดคิ้ว
     

                    “ไหนคิทตี้บอกว่ารู้แล้วไงว่าดีเจนั่นเป็นใคร?” ไอ้วาหันมาถามผม
     

                    “ก็ไอ้คีตะไม่ใช่หรือไง?”
     

                    “ไม่ใช่ซักหน่อย  หนังหน้าอย่างเฮียน่ะเหรอจะไปพูดแบบนี้ได้  ถึงเสียงจะคล้ายๆ กันแต่นั่นไม่ใช่เสียงเฮียสักหน่อย  เฮียเล่นไวโอลินเป็นที่ไหน?” ไอ้วาส่ายหน้าเบาๆ
     

                    “แล้วที่กูเห็น...กูเห็นไวโอลินอยู่ในห้องไอ้หมอนั่นนี่  แล้วมันยังยอมรับด้วยว่าเป็นดีเจ” ผมพูด เอาแล้วไง  ถูกหลอกซ้ำซ้อนเหรอเนี่ย?
     

                    “ไวโอลินนั่นสงสัยเฮียเคย์เอามาฝากไว้ล่ะมั้ง  ก็เขาเป็นพี่น้องกันนี่” ไอ้วาพูด
     

                    “อย่าบอกนะว่า...” ฉันไม่ใช่ดี...  ที่ไอ้คีตะเคยพูดไว้...
     

                    “ใช่ พี่ชายของเฮียคิทนั่นแหละที่เป็นดีเจตัวจริง” ...หมอนั่นเคยพยายามจะบอกผมว่าตัวเองไม่ใช่ดีเจ  แล้วทำไมไม่บอกมาตรงๆ ล่ะ
     

                    “แล้วทำไมหมอนั่นถึงไม่บอกกูว่าตัวเองไม่ใช่ดีเจ” ผมถาม
     

                    “สงสัยอยากให้คิทตี้ชอบล่ะมั้ง  ก็คิทตี้ชอบดีเจนั่นนี่นา” ปึด!!เส้นความอดทนผมขาดผึง  หนอยยยย  หลอกกูอีกแล้ว ไอ้เวรคีตะ!!
     

                    ผมเดินดุ่มๆ ไปยังกลุ่มของกรรมการนักเรียนก่อนจะผลักอกไอ้คีตะจนเจ้าตัวเซ  มันหันมามองหน้าผมอย่างเย็นชาก่อนจะถามอย่างไร้เยื่อใย
     

                    “มีอะไร?” หมอนั่นหรี่ตามองผม
     

                    “มึงโกหกกูบ่อยเหลือเกินนะ” ผมทำเสียงจิ๊จ๊ะก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจ
     

                    “โกหกอะไรอีก  ฉันยังไม่ได้คุยอะไรกับนายเลยนะ” มันพูด
     

                    “ก็เรื่องนี้ไง  ไหนบอกว่าตัวเองเป็นดีเจ” ผมขึ้นเสียง
     

                    “ฉันจำไม่ได้ว่าบอกนายไป  นายทึกทักเอาเองต่างหาก” หมอนั่นพูดทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า
     

                    “กรอด” ผมกัดฟันกรอด  แม่ง เสือกเถียงไม่ได้
     

                    “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วก็ถอยไป” ไอ้คีตะพูดพลางเดินหลบแต่ผมขยับไปขวาง “อย่ายุ่งกับฉันเลยดีกว่า” ไอ้คีตะดันไหล่ผมให้หลบจากทางก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงจากไป



     

     

                    “ทำได้ดีมากคีตะ”
     

                    “ครับ”
     

                    “ถ้าทำอย่างนี้ต่อไปความลับของนายก็จะไม่ถูกเปิดเผย”
     

                    “รักษาสัญญาด้วยล่ะกัน” คีตกวีขบกรามก่อนจะเดินหัวเสียออกมาจากห้องพักครู



     

     

                    ผมช็อคมากที่ถูกไอ้หมอนั่นเมิน  หมอนั่นคงไม่เหลือความรู้สึกดีๆ ระหว่างเราแล้วสินะหรือไม่หมอนั่นอาจจะไม่มีมันมาตั้งแต่ต้น  ทำไมผมถึงรู้สึกเสียใจมากมายขนาดนี้  ผมไม่คิดเลยว่าตัวเองจะถูกเมินแบบนี้
     

                    “คิท มึงยิ้มหน่อยสิวะ  มึงทำหน้าบึ้งแบบนี้มาหลายวันแล้วนะเฮ้ย” ไอ้ลิซตบไหล่ผมเบาๆ  ตั้งแต่ที่ผมถูกเมินก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้ว  ผมไม่พูดมากเหมือนแต่ก่อนและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร  จากที่เคยเข้าชมรมทุกวันผมก็ไม่เข้าจนพวกพี่ๆ ถามหา  ผมไม่อยากเจอไอ้คีตะ  ผมเจอแล้วผมเจ็บ  ตอนนี้ผมพยายามเลี่ยงไม่เจอหน้าหมอนั่น  ตอนอาบน้ำรวมผมก็หลบมุมไปอาบเงียบๆ คนเดียวและรีบอาบรีบเสร็จ  กลับถึงห้องก็รีบนอนไม่อยากคุยอะไรกับใครทั้งนั้น  ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะย้ายโรงเรียนไปซะเดี๋ยวนี้เลย
     

                    “กูก็ยิ้มอยู่ทุกวัน” ผมพูดพลางยิ้มจืดๆ
     

                    “รอยยิ้มฝืนๆ แบบนั้นกูไม่อยากเห็น” ไอ้ลิซพูด
     

                    “ให้กูผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปก่อนเถอะว่ะ  ขอกูทำใจก่อน” ผมถอนหายใจก่อนจะกอดหมอนล้มลงนอนบนเตียง  ตอนนี้ไอ้ลิซมันมาเล่นที่ห้องเพราะรูมเมทมันไม่อยู่
     

                    “โอ๋ น่าสงสาร” ไอ้ลิซพูดก่อนจะล้มลงมานอนทับผมเหมือนจะปลอบใจ  ขอบใจมากนะลิซแต่ตอนนี้กูยิ้มไม่ออกจริงๆ



     

     

                    และแล้ว...ก็ถึงช่วงเตรียมตัวสำหรับกีฬาสี  กีฬาสีของโรงเรียนเรามีสี่สีซึ่งแบ่งออกตามหอพักเลยครับ  หอของพวกเราอยู่สีเหลืองโดยมีไอ้คีตะเป็นหัวหน้า  พอเริ่มเข้าช่วงเทศกาลกีฬาไอ้คีตะก็ต้องทำงานหนักจนแทบไม่ได้นอน  สมน้ำหน้ามัน
     

                    “น่าคิท  ช่วยพี่หน่อยสิ  แต่งชุดไทยให้พี่หน่อยนะ” พี่จิ้นซึ่งเป็นผู้ช่วยของไอ้คีตะอ้อนวอนผม  พี่จิ้นมาขอให้ผมแต่งชุดไทยเพื่อไปเดินขบวนโดยให้ผมอยู่ตำแหน่งถือป้าย  คิดไงถึงเอาคนเตี้ยม่อต้ออย่างผมไปถือป้ายเนี่ย
     

                    “ไม่เอาครับพี่  ผมไม่อยากถือป้าย  ให้ทำอย่างอื่นก็ได้” ผมบอก  ป้ายมันหนักครับ ฮ่าๆๆ
     

                    “ใส่ชุดไทยเท่จะตาย  เหมือนคุณหลวงในหนังเลยนะคิท” พี่จิ้นตื๊อ
     

                    “ไม่เอาอ่ะพี่  ผมเตี้ยก็เตี้ยจะให้ไปถือป้ายมันไม่เหมาะนะครับ”
     

                    “ถ้าคิทถือล่ะก็สีเราอาจจะชนะเรื่องขบวนก็ได้นะ  เรียกเรทติ้งไง” กูว่าแล้ว
     

                    “เรทติ้งอะไรพี่?”
     

                    “พี่ไปสำรวจมาแล้วนะ  คิทน่ะมีคนชอบเยอะพอตัวเลยล่ะแถมอาจารย์ที่ตัดสินคะแนนขบวนยังชอบเด็กหนุ่มวัยละอ่อนอีกด้วยเพราะงั้น...แต่งซะ!” นั่นไง  พอไม่ยอมในที่สุดก็ถูกบังคับ
     

                    “ครับๆ” ผมพยักหน้าตกลง
     

                    “ตามนั้นนะน้องรัก” พี่จิ้นยิ้มก่อนจะถลาแล่นลมไปติดต่องานอื่น  จะรักผมก็แค่ตอนนี้แหละ เชอะ



     

     

                    และเนื่องจากผมต้องเดินขบวนผมจึงไม่จำเป็นต้องไปนั่งตากแดดตากลมแหกปากเชียร์บนอัฒจรรย์  โชคดีเป็นบ้าที่ยอมรับงานของพี่จิ้น  ดูจากสภาพไอ้วาที่กลับมาพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำที่เริ่มคร้ามแดดก็แทบตาย  เนื่องจากไอ้บ้านี่ปฏิเสธเสียงแข็งไม่ยอมแต่งตัวเดินขบวนมันจึงถูกเกณฑ์ไปซ้อมเชียร์ สมน้ำหน้ามัน เหอๆๆ
     

                    “ไม่มีเสียงแล้วเนี่ย” ไอ้วาพูดด้วยเสียงแหบพร่าพลางคลานไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรดื่ม
     

                    “สมน้ำหน้า  ไม่ยอมรับข้อเสนอพี่จิ้นเองนี่หว่า” ผมหัวเราะอย่างสะใจ
     

                    “ไม่เอาด้วยหรอก  ถ้าต้องแต่งตัวเดินขบวนฉันก็ต้องไปเจอกับพวกช่างแต่งหน้ากระเทยสิ  ไม่เอาๆๆ ไม่เอาเด็ดขาด” ไอ้วาส่ายหน้ารัวๆ จนเกรงว่าหัวมันจะหลุด  ดูท่าทางมันจะเคยเผชิญหน้ากับช่างแต่งหน้ากระเทยมาแล้วมันจึงมีปฏิกิริยาแบบนี้ ฮ่าๆๆ  น่าขำเป็นบ้า
     

                    “ฮ่าๆๆ งั้นก็สู้ๆ นะเว้ย” ผมเคาะหัวมันก่อนจะเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไป



     

     

                    ผมไปลงสมัครเป็นนักกีฬาเอาไว้สามอย่างคือ ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล และวิ่งมาราธอน  กีฬาสีจะถูกจัดขึ้นสามวันติดกันโดยสองวันแรกจะเป็นการแข่งกีฬาและวันสุดท้ายจะเป็นการแข่งกรีฑาพร้อมพิธีเปิดและปิด  ที่ผมไม่ลงบาสเก็ตบอลก็เพราะสีของเราเต็มไปด้วยนักกีฬาบาสจะมีบ้างที่กระจายกันไปอยู่สีอื่นเพราะฉะนั้นเพื่อจะให้มันยุติธรรมผมและไอ้มินทร์ซึ่งเป็นนักกีฬาบาสจึงตัดสินใจไม่ลงแข่ง
     

                    ฟุตบอลนัดแรกสีของผมแข่งกับสีแดงซึ่งมีพี่ดินเป็นประธานสีโดยแข่งกันในเช้าของวันแรกและแข่งอีกทีตอนบ่ายของวันที่สอง  ส่วนวอลเล่ย์บอลแข่งบ่ายของวันแรกและเช้าของวันที่สองซึ่งดูเหมือนว่าผมจะไม่มีเวลาพักกันเลยทีเดียว  วันสุดท้ายในตอนเช้าจะมีพิธีเปิดต่อด้วยวิ่งมาราธอนทันทีหลังจากนั้นผมก็ไม่มีตารางแข่งอีก  ผมไม่กล้าลงแข่งวิ่งระยะสั้นเพราะผมกลัวผมแพ้  ถึงผมจะมั่นใจในฝีเท้าของตัวเองแต่ผมก็ไม่กล้าลงแข่งอยู่ดีเพราะผมมั่นใจว่าคนที่ลงแข่งคนอื่นๆ จะต้องมีแต่คนขายาวๆ เป็นแน่
     

                    คีตกวี  ผมเหลือบไปเห็นชื่อของไอ้คีตะในตารางแข่งวิ่งมาราธอนและข้างๆ กันก็มีชื่อมันเรียงเป็นตับในรายการแข่งวิ่งอื่นๆ นี่หมอนี่กะจะวิ่งแบบไม่พักเลยรึไงกันนะ  แต่ช่างมันเถอะ  ให้มันเหนื่อยตายไปเลยก็ดีเหมือนกัน



     

     

                    และแล้ว...หลังจากซ้อมหนักไม่ว่าจะซ้อมกีฬาหรือซ้อมเดินขบวนเป็นเวลาเกือบเดือนกีฬาสีวันแรกก็มาถึง  ผมยืดเส้นยืดสายเตรียมลงสนามพร้อมไอ้วา ไอ้มินทร์และไอ้ลิซ (ไอ้วาหลุดจากการเป็นกองเชียร์เพราะผันตัวมาเป็นนักกีฬาแทน ส่วนไอ้พีทก็ต้องไปเป็นกองเชียร์ตามระเบียบ)ก่อนจะถูกเรียกไปถ่ายรูป  พวกผมซ้อมเตะฟุตบอลกันอย่างหนักหลังเลิกเรียนและนั่นทำให้ผมรู้ว่าไอ้วากับไอ้ลิซมันเล่นกีฬาเก่งชะมัด  มิน่าล่ะหุ่นพวกมันถึงดีนัก
     

                    “นักกีฬาลงสนาม!!” เสียงนกหวีดของกรรมการดังขึ้นพวกผมจึงล้อมวงตะโกนชื่อสีของตัวเองก่อนจะวิ่งลงสนาม  ผมได้เป็นตัวจริงด้วยแหละขอบอก ฮ่าๆๆ



     

     

                    โคตรพ่อง!! ทั้งๆ ที่นักกีฬาของทีมเราเก่งมากแท้ๆ แต่ทำไมเราจะต้องแพ้ด้วย  โฮ  พี่ดินขี้โกงนี่หว่า  ทีพวกผมยังไม่ให้ประธานสีของตัวเองลงเลย โฮก (ไม่เกี่ยวกันเลยสักนิด)  การแข่งจบลงด้วยคะแนนเสมอกันหนึ่งต่อหนึ่งจึงทำให้มีการเตะลูกโทษ  ทีมสีเหลืองของพวกเราแพ้ไปสองลูก T^T  น่าเจ็บใจนัก
     

                    “เอาน่า เดี๋ยวค่อยแข่งชิงที่สามก็ได้” ไอ้มินทร์ตบไหล่ปลอบใจผม  เพราะผมเป็นคนที่ฟิตกว่าคนอื่นๆ ผมจึงเสียใจมากกว่าคนอื่นๆ น่ะสิ  โธ่  ถ้าชนะล่ะก็ได้เงินรางวัลเยอะกว่าที่สามนะเว้ย!
     

                    “นั่นสิ  เราไปดูการแข่งว่ายน้ำกันเถอะ” ไอ้วาพูดแล้วก็ลากผมไป



     

     

                    กูว่าแล้วทำไมมึงถึงรีบลากกูมานัก  เพราะไอ้บ้าคีตะมันแข่งว่ายน้ำนี่เอง  พวกเสือสิงกระทิงแรดและแฟนคลับของมันต่างก็พากันมาเชียร์เสียเยอะ  ทั้งๆ ที่ไม่ใช่สีเดียวกับมันยังมาเชียร์มันเลย  แต่ก็นะ...มันก็ดูดีจริงๆ นั่นแหละ  พอหมอนั่นใส่หมวกว่ายน้ำแล้ว ทำให้เห็นรูปหน้าของหมอนั่นได้อย่างชัดเจน  ใบหน้ายาวเรียวรูปไข่นั่นน่าอิจฉาชะมัด  ปัดโธ่!! ถ้ามันไม่หลอกผมนะผมคงหลงมันจนหัวปักหัวปำไปแล้ว  โอ๊ย คิดแล้วก็หมั่นไส้!!
     

                    “อ๊ายยย ตรงนั้นของพี่คิทอ่ะเห็นไหม? กรี๊ดๆ เล็กไปหน่อยแต่ก็ดูดีเนอะ” เสียงพวกกระเทยที่มาเชียร์ไอ้คีตะดังขึ้นผมจึงหันไปมองอย่างขยะแขยง  อีพวกนั้นมันอายม้วนต้วนจนบิดตัวไปมาพลางจ้องมองเป้าไอ้คีตะที่กำลังยืนอยู่บนแท่นกระโดดน้ำ  ที่จริงมันก็ไม่ได้เล็กนี่หว่า  มันเก็บได้ไงวะ เล่นซะเรียบจนแทบไม่มีส่วนเกินออกมาเลย
     

                    “ถึงจะมีเจ้าของแล้วแต่อยากลองนอนด้วยจังเลย” ไอ้แต๋วแตกพวกนั้นยังพร่ำเพ้อต่อไป  เห? เจ้าของเรอะ?
     

                    “เจ้าของอะไรยะหล่อน?” อีกคนถามเสียงเขียว ขณะนี้ผมยืนอยู่ใกล้ๆ กระเทยสองคนที่กำลังสนทนาเรื่องไอ้คีตะครับ
     

                    “ไม่ได้ยินข่าวเหรอยะว่าพี่คิทเขากำลังกุ๊กกิ๊กๆ กับครูพละคนสวยอยู่  อ๊าย ฉันล่ะหมั่นไส้หล่อนจริงๆ เห็นว่าเป็นชะนีเลยมาฉกพี่คิทไปล่ะสินะ”
     

                    “ไม่เอานะยะ  ถึงฉันจะไม่อยากให้พี่คิทมีเจ้าของแต่ถ้าจะให้เชียร์ฉันขอเชียร์พี่คิทกับไอ้หนุ่มหน้าหวานที่ชื่อคิทนั่นดีกว่า  เอาชะนีไปไกลๆ เลย”
     

                    ตึง!!
     

                    คิ้วผมกระตุกหงึกๆ เมื่อได้ยินบทสนทนานั่น  อย่ามาเชียร์กูกับมัน  กูเกลียดมันจะตายห่าเพราะฉะนั้นอย่าพูดถึงเรื่องกูกับมันอีกนะเว้ยไอ้พวกตุ๊ด!!  ความคิดกับการกระทำของผมไปพร้อมกันเมื่อเท้าของผมเตะถังขยะจนล้มโครม  พวกตุ๊ดหันมาเห็นผมก่อนจะรีบเดินหนีไปที่อื่น  กูยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานพวกมึงเพิ่งจะเห็นเรอะ!?!  เดี๋ยวปั๊ดเตะตุ๊ดไส้ไหลซะนี่
     

                    “อ๊าย ฉันได้ข่าวว่าหมอนี่เกลียดเกย์  เรารีบไปกันเถอะ” ไอ้ตุ๊ดจูงมือกันวิ่งหางจุกตูดหนีไป
     

                    “ไอ้คิท!!” เสียงเข้มๆ สามเสียงดังพร้อมกันทำให้ผมตัวหดลง
     

                    “ครับผม?” ผมเอ่ยเสียงอ่อนๆ พลางหันไปมองหน้าเพื่อนพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ
     

                    “เก็บขยะเดี๋ยวนี้เลย!!!” ว้าก!  เพื่อนทั้งสามคนของผมแปลงร่างกลายเป็นยักษ์ไปซะแล้วครับ  ปัดโธ่ พวกมึงจะรักความสะอาดไปไหนวะ  แค่เตะถังขยะล้มแค่นี้เอ๊ง



     

     

                    ช่วงบ่ายผมไปแข่งวอลเล่ย์บอลต่อกับทีมของพี่บอลซึ่งแน่นอนว่าทีมผมแพ้กลับมาอย่างย่อยยับในขณะเดียวกันรายการที่ไอ้คีตะแข่งทุกรายการก็ได้ชัยชนะมาอย่างสวยงาม  น่าแปลกแฮะ  ตั้งแต่แข่งกีฬามานี่ยังไม่เห็นคณะกรรมการนักเรียนทั้งสี่คนแข่งกันเลยสักครั้ง  อยากรู้จริงว่าถ้าแข่งกันแล้วใครจะชนะ
     

                    “โห่ ชิงที่สามตลอด” ผมบ่นเมื่อตัวเองแท้กลับมา 
     

                    “สู้ๆ นะคิทตี้” พี่บอลเดินมาตบไหล่ผมอย่างใจดี  โอ๊ย! ใครจะไปแข่งกับเทวดาแล้วชนะมาวะ  โฮ ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ไม่ได้เสียใจที่พ่ายแพ้ให้กับเทวดาของผมคนนี้ (รู้สึกกูจะเวอร์เกิ๊น)
     

                    “พี่บอลไม่ออมมือเลยนะ” พี่บ่นพลางย่นจมูก
     

                    “ก็อยากโชว์เท่ให้คิทตี้เห็นนี่” โอย แค่นี้ก็เท่จนผมอยากจะสมัครเป็นแฟนคลับแล้วคร้าบ
     

                    “พูดอย่างนี้เดี๋ยวแฟนก็หึงหรอกครับพี่บอล” ผมแซว  ปัดโธ่! ใครนะใครที่ได้ผู้ชายคนนี้ไปครอง
     

                    “ฮะๆๆ นั่นสินะ จ้องใหญ่เลย” ประโยคหลังพี่บอลหุบยิ้มก่อนจะพูดด้วยเสียงอันเบาทำให้ผมไม่ได้ยิน
     

                    “ว่าไงนะครับ?” ผมถามซ้ำ
     

                    “เปล่าๆ ไม่มีอะไร  งั้นพี่ไปก่อนนะคิทตี้  ถ้าได้แข่งกันอีกก็ดีน่ะสิ” พี่บอลพูดก่อนจะโบกมือและถลาแล่นลมไปหาพี่ดินที่มาเชียร์อยู่ข้างสนาม
     

                    ไม่เอาแล้ว  ผมไม่อยากแข่งกับพี่แล้วครับ!!



     

     

                    งานกีฬาวันที่สอง...
     

                    เยส! ในที่สุดฟุตบอลของทีมผมก็ได้ที่สามเนื่องจากทีมของฝ่ายตรงข้ามไม่มีพี่ขิมอยู่ ฮ่าๆๆ  ทีมของสีพี่ขิมแพ้ให้กับสีของพี่บอลทำให้พี่ดินและพี่บอลต้องไปแข่งรอบชิงตอนเย็นของวันนี้  โธ่ ตอนเย็นผมมีแข่งวอลเล่ย์บอลคงไปดูไม่ได้  อยากไปดูอ่ะ  ท่าทางจะมันใช่เล่น
     

                    หลังจากแข่งฟุตบอลเสร็จพวกไอ้วาก็ลากผมไปดูการแข่งเทนนิสซึ่งสีเรากำลังแข่งอยู่  ไม่ต้องเดาหรอกครับว่าไอ้ที่แข่งอยู่น่ะมันใคร  ก็ไอ้คีตะนั่นแหละครับ
     

                    “กรี๊ดดดดด พี่คิทสู้ๆ พี่คิทสู้ตาย พี่คิทไว้ลาย สู้ตายสู้ๆ” พวกนางงามพยายามสวยใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์มาเชียร์ไอ้คีตะถึงคอร์ท  มิน่าล่ะถึงไม่เห็นพวกเชียร์ลีดเดอร์อยู่ข้างสนามฟุตบอล ที่แท้ก็มาเชียร์ไอ้คีตะนี่เอง  ชิ!! ลำเอียงกันเหลือเกินนะ
     

                    “เฮียแม่งกวาดเหรียญทองอีกแล้ว” ไอ้วามองไอ้คีตะผ่านรั้วก่อนจะพูดอย่างหมั่นไส้
     

                    “เป็นอย่างนี้ตลอดเลยเหรอ?” ไอ้มินทร์ถาม  ตอนนี้พวกผมอยู่ด้วยกันสี่คนโดยไม่มีไอ้พีท  แหม่...น่าสงสารน้องพีทที่ต้องร้องแรกแหกกระเชอเชียร์อยู่บนอัฒจรรย์คนเดียว
     

                    “อือ ตั้งแต่ม.ต้นแล้ว  แต่ตอนประถมเฮียเล่นกีฬาได้ห่วยมาก” ไอ้วาพูด  อืม...ก็เคยได้ยิน
     

                    “จริงเด่ะ!?! ไม่น่าเชื่อ  แล้วพี่คิทสูงอย่างนั้นมาตั้งแต่เด็กเลยไหม? หรือเพิ่งมาสูง?” ไอ้มินทร์ถาม  แล้วพวกมึงจะมาสนทนาพาทีเรื่องไอ้บ้านี่ทำไม??
     

                    “อืม สูงมาตั้งแต่เด็กนั่นแหละแต่เพิ่งมาเล่นกีฬาตอนม.ต้น  แต่ก่อนเฮียดูเป็นเด็กอ่อนแอจนน่าหัวเราะเลยนะเว้ย ฮ่าๆ” ไอ้วาพูดพลางหัวเราะ
     

                    “หุ่นถึกขนาดนั้นน่ะเหรออ่อนแอ?” ไอ้มินทร์เบ้หน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
     

                    “แต่ก่อนสูงก็จริงแต่ผอมจะตาย  ถูกเพื่อนล้อตลอดเลยว่าสูงเป็นเปรต ฮ่าๆๆ” ไอ้วากับไอ้ลิซหัวเราะคิกคัก
     

                    “เดี๋ยวเถอะมึง ถ้าพี่แกได้ยินพวกมึงนินทาพวกมึงเดี้ยงแน่” ไอ้มินทร์พูด  เออ กูเห็นด้วยกับเชี่ยมินทร์ว่ะ
     

                    “กูไม่ได้พูดอะไรนะ” ไอ้ลิซทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นทันที
     

                    “โดนคนเดียวเลยสิกู  เฮ้อ ถ้าน่ารักเหมือนตอนเด็กๆ ก็ดีน่ะสิ  แต่ก่อนกูไม่กลัวเฮียหรอกแต่ตอนนี้อย่าให้พูดเลยว่ากูโคตรจะกลัว” ไอ้วาทำท่าขนลุกขนพองก่อนจะรีบเดินออกไปให้ห่างจากคอร์ทเพราะดูเหมือนว่าสายตาของไอ้คีตะจะมองมาทางพวกเราอย่างทิ่มแทง



     

     

                    ตกบ่ายพวกผมก็เริ่มเตรียมร่างกายให้พร้อมเพื่อจะแข่งวอลเล่ย์บอลชิงที่สาม  รอบนี้เนื่องจากไอ้คีตะมันว่างไม่มีแข่งอะไรมันจึงถูกดึงตัวมาให้ช่วยแข่งเพราะทีมที่เราจะแข่งด้วยที่ทีมของพี่ขิมที่ดูเหมือนพี่ขิมจะไม่ได้แข่งแต่ก็ถูกดึงตัวมาเหมือนไอ้คีตะ
     

                    ตึง!! ผลัวะ!!
     

                    มือเซ็ตลูกตั้งบอลให้ไอ้คีตะอย่างสวยงามมันจึงตบได้อย่างสวยงามและบอลที่มันทุ่มแรงมหาศาลฟาดไปก็พุ่งดิ่งสู่ใบหน้าอันหล่อเหลาของพี่ขิมเหมือนตั้งใจ  พี่ขิมที่ล้มก้นจ้ำเบ้าถลึงตาใส่ไอ้คีตะอย่างโกรธแค้น
     

                    “เชี่ยคิท! มึงตั้งใจตบใส่หน้ากูใช่มะ?” พี่ขิมกัดริมฝีปากพลางชี้หน้าไอ้คีตะ
     

                    “มึงตบใส่กูก่อนทำไม?” ไอ้คีตะยักไหล่อย่างไม่หยี่หระ  ก่อนหน้านี้ไอ้พี่ขิมตบบอลอัดหน้าไอ้คีตะจังๆ เหมือนกันครับ
     

                    “กูไม่ได้ตบใส่หน้ามึงนี่  รับลูกตบกูไม่ได้แล้วอย่างพาลเด้”
     

                    “มึงก็เหมือนกัน รับลูกตบกูไม่ได้ก็อย่าพาล” สองคนนี้กำลังจะตีกันอยู่รอมร่อจนกรรมการหน้าเสีย  ขืนสองคนนี้ทะเลาะกันแม้แต่กรรมการคงห้ามไม่ได้  ก็หนึ่งในนั้นมีลูกผอ.อยู่นี่หว่า
     

                    พี่ขิมเถียงไม่ออกจึงได้แต่ถอยไปตั้งรับอย่างช่วยไม่ได้  ผมเสิร์ฟลูกออกไปก่อนพี่ขิมจะรับไว้โดยมีมือเซ็ตมารับต่อ  พี่ขิมกระโดดจนอกลอยเหนือเน็ตก่อนจะใส่แรงตบลูกเต็มที่แต่ติดบล็อกทำให้พวกเราได้แต้ม
     

                    คิก ฮ่าๆ  เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นไม่ดังนักเพราะคนไม่กล้าหัวเราะออกมาดังๆ เนื่องจากกลัวไอ้คีตะโวยใส่  ตอนที่พี่ขิมตบไอ้คีตะก็กระโดดขึ้นบล็อกและมันเป็นจังหวะเหมาะเจาะมากเพราะพี่ขิมตบอัดหน้าไอ้คีตะอย่างจังในระยะประชิด  ก๊ากกกก สะใจโว้ย!!
     

                    “ไอ้ขิม!!!”
     

                    “ครับผม?” พี่ขิมหันมาตามเสียงเรียกของไอ้คีตะพลางทำหน้ายียวนกวนประสาทเพื่อยั่วโมโห “จุ๊ๆ รับลูกเค้าได้ก็ไม่ควรพาลนะตัวเอง ฮ่าๆๆ” พี่ขิมดัดเสียงพูดก่อนจะปล่อยก๊ากออกมาอย่างไม่อายใคร  พี่ขิมจะอับอายได้ไงเมื่อความอายมันตกทับหัวไอ้คีตะเต็มๆ
     

                    ทีมพวกผมชนะวอลเล่ย์บอลไปอย่างเฉียดฉิว  สงสัยเพราะพี่ขิมเอาแต่ตั้งใจตบอัดหน้าไอ้คีตะล่ะมั้งคะแนนของทีมนั้นจึงออกมาไม่ดีนัก  แต่ถึงจะแพ้พี่ขิมก็ไม่ได้เสียใจกลับหัวเราะอย่างมีความสุขเสียอีก  ถ้าผมเป็นพี่ขิมผมก็คงจะมีความสุขเหมือนกันเพราะได้ตบบอลอัดหน้าไอ้คีตะตั้งหลายลูก  อ่าห์ อยากตบอัดหน้ามันบ้างจัง
     

                    ตอนที่กำลังแข่งอยู่  ช่วงที่เป็นคราวของผมเสิร์ฟผมตั้งใจเสิร์ฟลูกให้ต่ำกว่าเน็ตและลูกก็พุ่งตรงใส่หัวไอ้คีตะเป๊ะๆ  ผมหมั่นไส้นี่ครับที่มันเอาแต่ยืนเก๊กหล่ออยู่ได้ ถึงมึงจะเก๊กหล่อไปก็ไม่มีสาวไหนมองมึงหรอกเพราะสาวที่มึงจะหลีได้ก็มีแต่ครูกิ๊งเท่านั้นแหละ  ก็นี่มันโรงเรียนชายล้วนนี่หว่า
     

                    เฮอะๆ วันนี้สนุกเป็นบ้า  ได้เห็นไอ้คีตะทำหน้าบูดเบี้ยวแล้วสะใจชะมัด

     

    จีเพน กับการซีจีกากๆ ทำไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แฮะๆ ไม่ว่ากันเน้อออ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอโทษนะคะ วันนี้มาช้า แต่จะพยายามลงให้เสร็จตามที่สัญญาน้า  อาจจะเลยเที่ยงคืนนิดหน่อยแต่ขอโทษด้วยเน้อ

    วันนี้พาพ่อไปโรงพยาบาลมา  เฮ้อ เอาเข้าไป ทั้งพ่อทั้งลูก  ท่าทางอาการขี้โรคของไรเตอร์จะรับมาจากพ่อนะเนี่ย

    .head1 {background-color: #535051;} .head1 H1 {FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: #ffffdb!important;} span.small_title { color: #ffffdb;} .head2 {background-color: #535051;} .head1 H2 {FONT-FAMILY: Tahoma; COLOR: #ffffdb!important} .tableblack{ border-top: 0px Dashed #000000; border-right: 0px Dashed #000000; border-bottom: 0px Dashed #000000; border-left: 0px Dashed #000000; } table.story {border-color: 535051;} span.desc_head {font-weight: bold; color: 535051;} body { scrollbar-face-color:#535051; scrollbar-highlight-color: #535051; scrollbar-3dlight-color: #ffffdb; scrollbar-darkshadow-color:#ffffdb; scrollbar-shadow-color: #535051; scrollbar-arrow-color: #535051; scrollbar-track-color: #ffffdb;} td,th,div,body,li,ul,p {color: #000000 ;font-size:12px; font-family: Tahoma; } a:link { color:#535051} a:visited { color: #878577; } ::selection { background: #535051; color:#ffffff; } ::-moz-selection { background: #535051; color:#ffffff; } ::-webkit-selection { background: #535051; color:#ffffff; } table {background: url(http://upic.me/i/hh/white.png);border:0px dotted ;} td {background:transparent;border:0px dashed #000000} A:hover { color: #535051; background-color : #ffffdb; border-radius: px ; border-top: px #; border-left: px solid #; border-bottom: px dotted #; border-right: px solid #;} A:active {color: #} body {background: url(http://upic.me/i/3y/307ha.gif); background-repeat:repeat; background-position: center; background-attachment:fixed} hr { visibility:hidden; } td,td font { color: #887d78!important; } td,th,div,body,li,ul,p { color: #3e3b37!important; } ::-webkit-scrollbar { width: 10px ;height:10px; } ::-webkit-scrollbar-track { background-color:#ffffdb;} ::-webkit-scrollbar-thumb { border-radius: px ; background-color:#535051;border-top: 1px solid #ffffff; border-left: 1px solid #ffffff; border-bottom:1 px solid #ffffff; border-right: 1px solid #ffffff;} B

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×