คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #39 : Rule 32 : ความโกรธของคีตะ
ผมแยกกับแคทได้ไม่นานผมก็กลับไปหาเพื่อนซึ่งพวกนั้นก็คาดคั้นกับผมอย่างเอาเป็นเอาตายว่าผมหายไปไหนกับแคทตั้งนานสองนานและแน่นอนว่าผมต้องเล่าเรื่องทุกอย่างให้พวกมันฟังยกเว้นเรื่องที่แคทชอบผู้หญิงด้วยกัน ผมแค่บอกพวกมันไปว่าแคทมีคนอื่นที่ชอบแล้วแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใครน่ะนะ
และหลังจากที่พวกเราเรียนเสร็จพวกเราก็ตัดสินใจยกกลุ่มกันไปคลับที่ไอ้วามีเส้นมีสาย พวกเราตกลงกันไว้ว่าจะค้างบ้านผมหลังจากเที่ยวเสร็จโดยบอกพ่อแม่ไปว่ามาเที่ยวเล่นกันเหมือนทุกครั้ง ที่มาค้างบ้านผมได้เนื่องจากพ่อของผมต้องไปดูงานที่ต่างประเทศหนึ่งเดือน เฮ้อ ขนาดพ่อกลับมาอยู่ที่บ้านผมยังไม่ค่อยได้เจอกับพ่อเลย ตอนไหนพ่อจะมีงานลดลงวะเนี่ย!
“คลับนี้เป็นของแฟนพี่สาวที่เป็นญาติกันน่ะเพราะงั้นไม่ต้องห่วงเรื่องอายุ” ไอ้วาพูดพลางพาพวกผมเดินเข้าไปในคลับ
กลิ่นเหล้าบุหรี่และน้ำหอมคลุ้งติดจมูก เสียงเพลงจังหวะชวนเต้นดังกระหึ่มดังสวนกับเสียงของผีเสื้อกลางคืนที่คุยกันจอแจ เพียงไม่กี่นาทีเสียงเพลงก็เปลี่ยนแนว ดีเจหมดหน้าที่ปล่อยให้วงดนตรีขึ้นมาเล่นแทน บางคนก็ออกไปเต้นร่วมกับวงดนตรีบางคนก็นั่งดื่มเหล้ากับกลุ่มเพื่อนฝูง จะมีบ้างบางคู่ที่กำลังจู๋จี๋นัวเนียกันไม่อายคนรอบข้างแต่ก็ไม่ได้มีใครสนใจการพลอดรักของคนเหล่านั้น
“อ้าวไอ้วา” เสียงนุ่มๆ ตะโกนทักไอ้วาก่อนเจ้าของชื่อจะหันไปแตะมือกับคนที่เข้ามาทัก พวกผมหันไปหาคนคนนั้นเพื่อทักทายแต่แล้วผมก็ต้องตกใจจนแทบหงายหลังเมื่อคนคนนั้นคือ...
...พี่ชายของไอ้คีตะ!!
หน้าตาแบบนี้ เสียงแบบนี้ สีผมแบบนี้ หุ่นแบบนี้ ไม่ผิดแน่!! พี่ของไอ้คีตะจริงๆ นั่นแหละ
“นี่เฮียเคย์พี่ชายของเฮียคิท” ไอ้วาดึงพี่ชายของไอ้คีตะมาแนะนำให้พวกผมรู้จัก ผมหลบไปยืนหลบหลังไอ้มินทร์ที่ตัวใหญ่หน่อยเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับคนที่หน้าเหมือนไอ้คีตะ อีกอย่าง...การพบกันของผมกับพี่คนนี้มันไม่ธรรมดาเสียด้วย ก็ตอนนั้นผมกำลังถูกปล้ำจูบอยู่นี่หว่า!!
“สวัสดีครับ” พวกเพื่อนๆ ของผมพร้อมใจกันยกมือไหว้พี่ของไอ้คีตะ ผมก็ทำนะแต่คงไม่มีใครเห็นเพราะผมทำแบบหลบๆ แฮะๆ
“เอ้อ พวกนั้นก็มานะ ไปนั่งด้วยกันเลยไหมล่ะ?” พี่ของไอ้คีตะถาม พวกนั้น? พวกไหน?
“เอ่อ...ไปไหม?” ไอ้วาถามพลางชะโงกหน้ามามองผมอย่างลำบากใจ
“คือ...พวกนั้นน่ะใครเหรอ?” ไอ้พีทยกมือขึ้นถาม ถามได้ตรงใจกูมากแต่ดูจากท่าทางของไอ้วาเดาไม่ยากเลยว่าพวกนั้นคือใคร
“ก็...พวกของเฮียคิทน่ะ” ไอ้วาบอก กูว่าแล้ว
“ไปดิ!” ไอ้มินทร์พูดขึ้นพลางดึงผมที่กำลังยืนตัวงอหลบอยู่ด้านหลังมันออกมา ดูจากหน้าตามึงแล้วนะมินทร์...มันมีสองกรณีคือ หนึ่ง มึงจะช่วยให้กูกล้าเผชิญหน้ากับไอ้คีตะ สอง มึงอยากแกล้งกู!! ดูเหมือนจะเป็นกรณีที่สอง ฮึ่ม!
“เอ๊ะนั่น หนุ่มน้อยน่ารักที่เจอกันในห้องผู้ดูแลหอนี่นา” เมื่อผมไร้ที่กำบังพี่ชายของไอ้คีตะก็เดินดุ่มๆ เข้ามาหาผมทันที
“อ๊ะ สวัสดีครับ แฮะๆ” ผมรีบยิ้มทักทายทันที
“ตอนนี้ยังมีคนลวนลามอยู่หรือเปล่าหืม?” พี่ชายตัวสูงก้มหน้าลงมาพูดกับผมเสียแทบชิด
“เฮียๆ คนนี้ห้ามยุ่งนะครับ เขามีแฟนแล้ว” ไอ้วาที่เห็นท่าไม่ดีรีบมาดึงเฮียของมันออกทันที เอ่อ...น่าแปลกที่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนคนนี้ผมแทบขยับไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาหน้าตาดีเกินไปก็ได้
“อ้าวเหรอ น่าเสียดายจัง ฉันอุตส่าห์เล็งไว้ตั้งนาน ฮ่าๆๆ” พี่ของไอ้คีตะหัวเราะร่าพลางเดินนำพวกผมให้ไปนั่งรวมกับพวกไอ้คีตะ
ให้ตายเถอะ...ทำไมมันอึดอัดแบบนี้วะ ถึงเหล้าจะรสชาติดีแค่ไหนแต่ผมรู้สึกกระเดือกไม่ลงยังไงก็ไม่รู้ ผมเอาแต่นั่งตัวหดลีบไม่พูดไม่จาในขณะที่คนอื่นๆ กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน คนที่เอาแต่ทำหน้าบึ้งตึงมีเพียงผมกับไอ้คีตะเท่านั้นแต่เราต่างกันที่ผมไม่ดื่มแต่มันกลับกระดกไม่ยั้งนี่สิ
“พี่คิท ดื่มเยอะขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาอ้วกแตกอ้วกแตนนะครับ” ไอ้ลิซพูดขึ้นเมื่อไอ้คีตะไม่หยุดกระดกแก้วเหล้าสักที เออ กูเห็นด้วยกับมึงว่ะลิซ เดี๋ยวก็มาอ้วกใส่หน้าบ้านกูอีกหรอก
“ไม่เมาหรอก” ไอ้คีตะพูดพลางชงเหล้าให้ตัวเอง
“เฮ้ยๆ ถึงมึงจะคอแข็งเป็นแผ่นเหล็กแช่ช่องฟรีซแต่ชงเข้มขนาดนี้กูว่าไม่ไหวนะเว้ย” พี่ดินที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้คีตะดึงมือมันที่กำลังจะยกแก้วเหล้าขึ้นจ่อปากเอาไว้
“กูอยากเมา” ไอ้คีตะมองหน้าพี่ดินด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะปัดมือพี่ดินออกและยกแก้วซดรวดเดียวหมด
“มึงเมาหลายวันแล้วนะ วันนี้น้องๆ มาเที่ยวด้วยเพราะงั้นก็ทำตัวดีๆ หน่อย” พี่จิ้นยกขานั่งไขว่ห้างก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นจิบนิดๆ ท่าทางของพี่จิ้นอย่างกับราชินีแน่ะ พอมารวมกลุ่มกับพวกพี่ๆ ที่มีแต่คนสูงๆ หล่อๆ พี่จิ้นกลายเป็นคนสวยไปโดยปริยายเลยแฮะ
ไอ้คีตะปรายตามองพี่จิ้นเล็กน้อยก่อนจะหันมามองผมและลุกออกไปเฉยเลย ไอ้บ้านั่นมันจะทำอะไรกันแน่ ตั้งแต่ที่พวกผมมามันก็หงุดหงิดอยู่ตลอด ก็สมควรอยู่หรอก ผมก็พอจะเข้าใจเพราะมีผมอยู่ด้วยมันก็เลยอารมณ์ไม่ดีสินะ สงสัยมันจะไม่ได้ชอบผมแล้วล่ะมั้งไม่งั้นคงไม่อารมณ์เสียขนาดนี้
“สงสัยขาดนิโคตินมั้ง ฮ่าๆ” พี่ชายของคีตะพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“หมอนั่นสูบุหรี่ด้วยหรือครับ?” ผมถามอย่างตกใจ ไม่ให้ตกใจได้ไงก็หมอนั่นมันเป็นกรรมการฝ่ายปกครองที่ต้องเคร่งกฎของโรงเรียนซึ่งหนึ่งในกฎนั่นก็มีกฎที่ว่าห้ามสูบบุหรี่อยู่ด้วย และผมก็ไม่เคยเห็นหรือได้กลิ่นบุหรี่จากตัวหมอนั่นเลยสักครั้ง
“เคยแต่เลิกไปนานแล้ว” พี่ขิมพูด โห หมอนี่สูบบุหรี่ตั้งแต่เด็กเลยเรอะ
“นั่นสินะ ตอนนั้นอยู่ในช่วงเฮิร์ทเพราะถูกหักหลังนี่นามันก็เลยลองสูบบุหรี่ ตอนนั้นก็เพิ่งม.สามเองนี่เนอะ” พี่บอลพูดพลางจิบน้ำโค้ก เอ่อ...ดูเหมือนพี่บอลจะไม่ดื่มเหล้าน่ะนะ ทำไมเป็นคนดีแบบนี้ ถ้าถูกคนอย่างพี่บอลจีบแม้แต่ผมคงยอมอ่อนโอนไปด้วย
“หักหลังเหรอครับ?” ผมเอียงคอด้วยความงุนงง
“ก็นะ...แฟนที่คบๆ กันอยู่ช่วงนั้นไปมีกิ๊ก พอมันจับได้มันก็ขอเลิก แต่ถึงจะเป็นคนบอกเลิกมันเองนั่นแหละที่เจ็บ หลังจากนั้นหมอนั่นก็ไม่คบใครสุ่มสี่สุ่มห้าอีกเลย เห็นอย่างนั้นแต่มันเป็นคนที่รักใครรักจริงนะ” เฮือก!! ยิ่งพี่บอลเล่าผมยิ่งรู้สึกผิด มันเหมือนกับว่าผมไปตอกย้ำแผลเก่าของไอ้คีตะเลยแฮะ แต่ทำไงได้! มันทำผมก่อนนี่ครับ! ใจแข็งไว้นะคิท ใจแข็งเอาไว้! ถ้าไม่ใจแข็งคนที่จะเจ็บอาจจะเป็นตัวเราเองนะเว้ย!
เสียงเอะอะโครมครามดังขึ้นหลังจากที่ผมเอาแต่นั่งนิ่ง สังหรณ์ใจไม่ดีทำให้ทุกคนในโต๊ะต่างก็ลุกพรวดพราดขึ้นมองดูเหตุการณ์เอะอะ สมาชิกร่วมโต๊ะหายไปหนึ่งคนซึ่งหมอนั่นเป็นคนเลือดร้อนพ่วงท้ายด้วยอาการเมาทำให้พวกเราเดาไม่ยากว่าการทะเลาะวิวาทนั่นต้องเป็นฝีมือของผู้ร่วมโต๊ะที่หายไป
“ไอ้หนู! เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าสะเออะเข้ามาซ่าในคลับของอั๊วะ!” เสียงเข้มๆ ตวาดดังท่ามกลางเสียงฮือฮา ผู้ชายร่างสูงในชุดสูทสีขาวสวมทับเสื้อเชิ้ตสีแดงยืนจังก้าหลังจากจัดการชายหนุ่มคนหนึ่งจนล้มกระแทกโต๊ะเก้าอี้
“ซวยแล้ว ไอ้คิทโดนเฮียผู้จัดการร้านเล่นแล้วมั้งนั่น” พี่ดินพูดพลางรีบเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปเพื่อช่วยไอ้คีตะเอาไว้ ดูจากท่าทางของคนที่น่าจะเป็นผู้จัดการแล้วคงเล่นด้วยยากไม่น้อย
“ให้ตายเถอะ! ถึงไอ้คิทจะถนัดเรื่องตีคนแต่เมาขนาดนั้นยังไงมันก็สู้เฮียกิตไม่ไหวหรอก ไปเร็ว! ฉันจะรีบไปช่วยพูดกับเฮียให้” พี่ชายของไอ้คีตะรีบใช้หน้าตาอันหล่อเหลาเป็นใบเบิกทางจากสาวๆ ไทยมุงทันทีเพราะกลัวเข้าไปช่วยน้องชายจากการโดนยำไม่ทัน
“น้องๆ รออยู่แถวนี้ก่อนนะ” พี่บอลกันพวกผมเอาไว้ก่อนจะวิ่งตามพี่ชายของไอ้คีตะไป และขณะที่ผมกำลังจะตามไปไอ้วาก็ดึงแขนผมไว้และส่ายหน้าเบาๆ
“ให้พวกพี่เขาจัดการเถอะ”
ผมมองตามแผ่นหลังของพวกพี่ๆ ไปอย่างร้อนใจ ผมเป็นห่วงกลัวไอ้บ้านั่นจะถูกคนอื่นยำจนเละน่ะสิ อย่างหมอนั่นต้องเป็นผมเท่านั้นถึงจะจัดการได้!
“วา...ตรงนั้นมีเรื่องอะไรวะ?” เสียงคุ้นหูดังขึ้นพวกผมจึงหันไปมองคนถามก่อนจะหันกลับไปมองเหตุการณ์นั่นอีกครั้ง
“ก็เฮียไปอาละวาดไงเล่า” หือ? เดี๋ยวนะ...คนที่ถามเมื่อกี้มัน...
“กู?”
“เฮีย/พี่คิท/ไอ้คีตะ!!” พวกผมประสานเสียงตะโกนใส่คนมาใหม่ทันทีจนไอ้หมอนั่นผงะถอยหลังด้วยความตกใจ
“เฮีย...ไม่ได้...เอ่อ อะไรวะเนี่ย?” ไอ้วามองไอ้คีตะสลับกับคนที่พวกพี่ๆ ช่วยพูดเคลียร์ให้อย่างงงๆ
“กูสิควรถาม แล้วไอ้พวกนั้นมันไปทำอะไรตรงนั้นวะ?” ไอ้คีตะถามพลางเขย่งเท้ามองพวกพี่ๆ มึงจะเขย่งทำไมวะเนี่ย? แค่ความสูงมึงก็ชนประตูทางเข้าแล้ว
“ก็...พวกเราเข้าใจว่าเฮียไปมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นพวกพี่ๆ ก็เลยไปช่วยเคลียร์กับผู้จัดการให้” ไอ้วาพูด
“จะบ้าหรือไง กูไม่ไปมีเรื่องกับใครง่ายๆ หรอกน่า” ไอ้คีตะยักไหล่พลางล้วงมือเข้าไปเกาท้องแกรกๆ ซกมกซะไม่มี
“จะไปรู้เรอะ ท่าทางเฮียก็อย่างกับคนเมา” ไอ้วาถอนหายใจเบาๆ
“กูไม่เมาง่ายๆ หรอกน่า” สิ้นคำของไอ้คีตะพวกพี่ๆ ก็เดินออกมาจากวงล้อมด้วยสีหน้าที่ยากจะอ่าน สงสัยพวกพี่ๆ จะรู้แล้วว่าไอ้คนที่ถูกถีบกระเด็นไม่ใช่ไอ้คีตะ
“มึง...หายหัวไปไหนมาวะ!” พี่จิ้นชี้หน้าไอ้คีตะอย่างโมโหเมื่อหลุดออกมาจากวงล้อมได้แล้ว ตอนนี้วงล้อมนั่นเริ่มกระจายแล้วเนื่องจากเหตุการณ์ทุกอย่างเริ่มเคลียร์
“ไปสูบบุหรี่” หมอนั่นพูดพลางชูซองบุหรี่ยี่ห้อดังราคาแพงขึ้นให้ดู
“คิท...มึงเลิกไปแล้วไม่ใช่หรือไง?” พี่บอลมองไอ้คีตะด้วยสายตาตำหนิ
“เออ...ก็เพิ่งมาสูบนี่แหละ” ไอ้คีตะชายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าหงุดหงิด
ผมถอนหายใจก่อนจะเดินไปแย่งซองบุหรี่มาจากไอ้คีตะและซุกมันไว้ในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง สาเหตุที่มันกลับมาสูบบุหรี่อาจจะเป็นเพราะผมด้วยก็ได้เพราะงั้นผมจะต้องยึดเอาไว้
“จะโง่ก็ให้มันน้อยๆ หน่อย ตัวเองเป็นคนคุมกฎโรงเรียนแท้ๆ แต่กลับแหกกฎซะเอง แล้วบุหรี่นี่มันไม่ดีต่อสุขภาพ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วยังจะสูบอีก!” ผมชี้หน้าต่อว่าไอ้คีตะทันทีที่เก็บบุหรี่ไว้อย่างดีแล้ว
“ถ้าไม่ได้เป็นห่วงก็ไม่ต้องมายุ่งหรอก” ไอ้คีตะเบือนหน้าหนีพลางล้วงกระเป๋ากางเกง
“เออ” ผมจิ๊ปากก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม ไม่น่าเลย...ไม่น่าเผลอเป็นห่วงมันเลย ถ้ารู้ว่าไอ้บ้านี่มันขี้ประชดขนาดนี้ผมไม่น่าไปยุ่งกับมันเลยจริงๆ
“เฮ้ยคิท น้องเขางอนแล้วนะนั่น ไปง้อสิ” เสียงพี่ขิมดังแว่วๆ ขึ้นมาก่อนไอ้คีตะจะถูกผลักให้มานั่งข้างๆ ผม ส่วนคนอื่นๆ ก็ออกไปเต้นกันหมด เอาแล้วไง
แล้วทำไมผมจะต้องมานั่งอยู่กับมันแค่สองคนด้วย คนอื่นไปเต้นผมก็ต้องไปด้วยสิ เหอๆๆ
“จะไปไหน?” ขณะที่ผมกำลังจะเดินไปหาคนอื่นๆ ไอ้คีตะก็ดึงข้อมือของผมเอาไว้ ตกลงไอ้หมอนี่มันจะเอาไงกันแน่เนี่ย? จะเย็นชาใส่ผมหรือจะมาดีกับผม?
“เรื่องของฉัน”
“เมื่อกี้ขอโทษนะ” ไอ้คีตะพูดเสียงเบาก่อนจะดึงผมให้กลับไปนั่งข้างๆ แต่นั่งชิดกันมากกว่าเดิมเท่านั้น พอผมจะขยับออกให้ห่างไอ้คีตะก็โอบเอวผมเอาไว้ผมจึงรีบแกะมือของมันออก เผลอเป็นไม่ได้
“ไม่จำเป็น” ผมพูดเสียงต่ำ
“มาเจอกันแบบนี้ฉันจะตัดใจได้ไง?” ไอ้คีตะเอียงศีรษะมาซบไหล่ผมและแน่นอนว่าผมต้องผลักออกแต่ไม่ว่าจะผลักออกบ่อยแค่ไหนมันก็ยังดันทุรังที่จะซบให้ได้ผมจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แล้วยอมให้มันซบแต่โดยดี
“ก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาเจอนายเสียหน่อย” ผมพูด ถ้ารู้ว่าต้องมาเจอกูไม่มาหรอกเฟ้ย
“น่าเสียดายเนอะ ทั้งๆ ที่ฉันคิดไว้ว่าช่วงปิดเทอมเราจะได้เที่ยวเล่นกันให้สนุกแท้ๆ ในเวลาแบบนี้ฉันอยากจะจูบอยากจะกอดนายเอาไว้แต่ฉันกลับไม่กล้า ฉันคิดมาตลอดว่านายเป็นของฉันและหากเป็นนายฉันคงไม่ถูกหักหลัง” ไอ้คีตะพูดเสียงเบา
“หักหลัง? นายไม่ลองคิดดูให้ดีๆ ก่อนเหรอว่าใครกันแน่ที่ทำแบบนั้น” มันพูดเหมือนกับว่าผมหักหลังมันก่อนอย่างนั้นแหละ แล้วไอ้คนที่กำลังจะมีอะไรกับอาจารย์อยู่รอมร่อน่ะมันใคร ก็ไอ้คีตะไม่ใช่เหรอ!?!
“นายกำลังจะบอกว่าฉันหักหลังนายงั้นเหรอ?” ไอ้คีตะลุกขึ้นนั่งดีๆ ก่อนจะจ้องมองเข้ามาในดวงตาของผม
“ฉันน่ะ...ยังไม่เคยมีแฟนที่คบกันมาก่อน ยังไม่เคยมีความรู้สึกเจ็บใจที่ถูกคนที่รักหักหลัง ยังไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะหักหลังใคร ความรู้สึกแบบนั้นมันเป็นยังไงฉันยังไม่เคยรู้ด้วยซ้ำแล้วอย่างฉันจะหักหลังใครได้!” ผมผลักอกไอ้คีตะก่อนจะกำมือแน่น
“แล้วนายไปมีแฟนใหม่ทำไม?”
“เพราะฉันไม่อยากยุ่งกับคนมักมากมีแต่กิเลสตัณหาอย่างนายน่ะสิ!” ผมสะบัดมือออกเมื่อไอ้คีตะเลื่อนมือมาวางทับไว้บนมือของผม
“ฉันรู้ว่าฉันไม่ดีเองที่พยายามจะกดนายตลอดเวลาแต่เรื่องแบบนั้นนายบอกฉันดีๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอ? ไม่เห็นต้องทิ้งกันไปเลยนี่” ไอ้คีตะมองหน้าผมอย่างอ้อนวอน
เพี้ยะ!!
“แถกันหน้าด้านๆ แบบนี้เลยเหรอ? ถึงฉันจะบอกนายดีๆ แต่ถ้านายยังต้องการนายก็ต้องไปหาคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันใช่ไหมล่ะ? ถ้าอย่างนั้นนายก็ไปหาคนอื่นจะดีกว่าอย่ามายึดติดหรือรอฉันเลยเพราะเรื่องบนเตียงสำหรับนายมันก็แค่เรื่องเล็ก จะเป็นใครก็ได้ไม่ใช่เหรองั้นไม่ต้องมายุ่งกับฉัน!” ผมตะคอกใส่ไอ้คีตะด้วยอารมณ์โมโหจนหน้าร้อนผ่าว
“ไม่ใช่ใครก็ได้ซักหน่อย!” ดูเหมือนไอ้คีตะจะโกรธที่ผมหาว่ามันมั่ว ข้อมือทั้งสองข้างของผมถูกไอ้คีตะรวบไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวส่วนมืออีกข้างมันใช้กดไหล่ผมให้นอนราบลงบนโซฟา นี่มันโชคดีหรือเคราะห์ร้ายที่โต๊ะของพวกเรามันอยู่หลบมุมคนจึงไม่ค่อยผ่านมาสักเท่าไหร่
“งั้นนายตอบฉันได้ไหมล่ะว่านายเคยนอนกับผู้หญิงมากี่คนแล้ว?” เมื่อเจอคำถามนี้ไอ้คีตะถึงกับชะงัก สายตาล่อกแล่ก
“แต่ถ้านายห้ามฉันก็จะไม่ทำอีก” ไอ้คีตะพูดเสียงแผ่วพลางก้มหน้าลงมาจนจมูกของเราจรดกัน
“สันดานคนมันเปลี่ยนไม่ได้หรอกคีตกวี” ผมเบือนหน้าหลบสายตาของคนตรงหน้า
“แต่ฉันจะเปลี่ยนถ้านายต้องการ!! แค่นายสั่งมาฉันพร้อมจะเปลี่ยนมันเพื่อนาย!” ไอ้คีตะตะคอกใส่ผมจนผมต้องหลับตาปี๋ด้วยความหวาดผวา
“ฉันว่านายเปลี่ยนไม่ได้” ผมส่ายหน้าไปมา
“แต่ฉันเปลี่ยนได้!!” หมอนั่นเถียงขึ้นทันควัน
“งั้นนายบอกได้ไหมว่าช่วงเวลาที่นายบอกว่าชอบฉันจนถึงวันปิดเทอมนายไม่เคยมีอะไรกับใครเลย” ผมตวัดสายตามองไอ้คีตะด้วยความโกรธ เอาสิ! กล้าตอบไหมล่ะว่าไปทำอะไรกับครูกิ๋งมาน่ะ!
“ฉันไม่ได้มีอะไรกับใคร...”
ผลัก! ผลัวะ!
ผมผลักไอ้คีตะที่กำลังคร่อมตัวผมออกก่อนจะลุกไปต่อยจนหมอนั่นหน้าหัน ผมกำหมัดแน่นพลางหอบหายใจถี่รัว
มันโกหก! ถ้ามันตอบผมตามตรงผมอาจจะให้อภัยแต่นี่มันโกหกผม!! แล้วต่อจากนี้ไปผมจะเชื่อใจมันได้ยังไง!?
“โกหก! ฉันไม่มีทางตกหลุมพรางนายอีกแล้ว!” ผมพูดพลางจะวิ่งออกไปจากผับทว่า...
ร่างผมที่กำลังจะวิ่งหนีถูกกระชากเข้าไปกอดไว้จากคนที่กำลังนั่งอยู่ แขนทั้งสองข้างของผมถูกล็อคไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของไอ้คีตะส่วนมืออีกข้างมันใช้ประคองหน้าผมและบังคับให้หันไปจูบอย่างดุดัน
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอุ้งมือมารและพยายามเบือนหน้าหนีจากจูบที่ดุดันและรุนแรงแต่ดูเหมือนจะไร้ผล ร่างผมถูกรัดไว้ไร้ทางหนี ไอ้คีตะตวัดกายผมให้อยู่ในอ้อมกอดของมันทำให้ร่างของผมแทบจมหายเนื่องจากขนาดตัวที่ต่างกันมาก อ้อมแขนแกร่งกอดรัดจนทุกส่วนของร่างกายเราแนบชิดบดเบียดกันไร้ช่องว่างจะให้ขยับตัว
“ไม่ คีตะ ไม่” ผมร้องออกมาเมื่อไอ้คีตะเริ่มไล้ลิ้นลงไปถึงซอกคอของผม ฟันคมกัดฝังเขี้ยวลงบริเวณไหล่ก่อนริมฝีปากสีส้มอ่อนๆ จะดูดซ้ำบริเวณเดิม “อะ!!” ผมเผลอร้องออกมาเมื่อติ่งเล็กๆ ที่ติดอยู่บนแผ่นอกจะถูกกัดผ่านเนื้อผ้า และเมื่อไอ้คีตะโยกตัวเบาๆ ผมก็สัมผัสได้ถึงตัวตนหื่นกระหายที่พร้อมจะปลดปล่อยได้ทุกเมื่อ
“ฉันต้องการนาย” ไอ้คีตะพูดเสียงต่ำก่อนจะอุ้มผมพาดบ่าและพาเดินออกจากผับโดยใช้ประตูหลังร้าน ไม่ว่าผมจะดิ้นและพยายามหนีออกมาด้วยวิธีไหนมันก็ไร้ผล
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อะไรจะเกิดขึ้นในตอนต่อไปเอ่ยยยยยยยย
ความคิดเห็น