ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #23 : Rule 18 : การแข่งขัน กับ คนในอดีต

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.58K
      27
      23 ก.พ. 56

    Rule 18 : การแข่งขัน กับ คนในอดีต



                    ผมยืนนิ่งอยู่กลางสนามบาสในโรงยิมในขณะที่กำลังจับมือกับนักกีฬาต่างทีมก่อนจะแข่ง  ผมรู้สึกเหมือนใจหล่นวูบลงกับพื้นเมื่อเห็นคนที่ผมไม่อยากจะเห็นมากที่สุด
     

                    เขาเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมบาสสมัย ม.ต้น
     

                    เขาทำให้ผมชอบบาส

                    เขาเป็นคนที่ผมเคารพที่สุด
     

                    เขาเป็นคนที่ผมรังเกียจที่สุด
     

                    เขาเป็นคนที่ทำให้ผมเกลียดเกย์
     

                    และเขาก็เป็นคนที่พยายามจะข่มขืนผม!!
     

                    ตอนผมอยู่ม.1 ผมเข้าชมรมบาสเพราะได้รับคำแนะนำจากพี่คนนี้(เขาอยู่ม.2)  เขาเป็นคนที่เล่นบาสเก่งมากและเป็นคนที่ทำให้ผมสนุกกับการเล่นบาส  ผมรักและเคารพพี่เขา  จนในที่สุด...ในวันที่เขาจบการศึกษาไป  เขาก็พยายามที่จะขืนใจผมแต่ผมก็เอาตัวรอดมาได้  เหตุการณ์นั้นมันยังฝังใจจนมาถึงบัดนี้
     

                    “ชนินทร์ นายเป็นอะไร?” ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อไอ้คีตะเดินมาสะกิดผม
     

                    “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบก่อนจะเบือนหน้าหนีและบังเอิญไปสบตากับรุ่นพี่คนนั้นพอดีซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรีบหลบตา  รุ่นพี่คนนั้นเป็นนักกีฬาฝ่ายตรงข้าม
     

                    “ชนินทร์ ยืนนิ่งทำไม  ไปจับมือกับนักกีฬาของทีมนั้นสิ” ไอ้คีตะสะกิดผมอีกครั้งเมื่อเราต้องเดินแถวไปจับมือกับอีกทีม  ผมได้จับมือกับเขาเป็นคนสุดท้ายเหมือนจงใจ  ผมเป็นคนสุดท้ายของแถวและเขาก็เป็นคนสุดท้ายของแถว
     

                    “ไม่ได้เจอกันนาน  น่ารักขึ้นเป็นกองเลยนะ” ผมพยายามจะดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่ผมดึงไม่ออกเพราะเขาจับแน่นมาก
     

                    “พี่ก็ขี้เหร่ลงกว่าเดิมมากเลยนะครับ” ผมพูดกระทบ  พี่เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมากเลยทีเดียว
     

                    “ทักทายได้เจ็บแสบดีนี่  แต่ก่อนยังเดินตามฉันเหมือนหมาน้อยตัวเล็กๆ อยู่เลย” ผมกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินอย่างนั้น
     

                    “นั่นมันเป็นอดีตที่น่าขยะแขยงที่สุดของผมเลยนะครับพี่รู้รึเปล่า” ผมพูดจิกกัดแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้าน
     

                    “ฮึๆ ว่าแต่ว่านายน่ะน่าจะเกลียดเกย์นี่นาแล้วทำไมถึงไปเข้าโรงเรียนชายล้วนล่ะ เอ...หรือว่านึกเปลี่ยนใจ  ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็...ฉันยังรอนายอยู่นะ” ไอ้รุ่นพี่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของผมพลางแอบขโมยหอมแก้มผมเบาๆ  ผมอ้าปากค้างก่อนจะมองไปรอบๆ ตัวปรากฏว่าไม่มีใครมองอยู่ผมจึงโล่งใจ  ผมขมวดคิ้วก่อนจะสะบัดมือออกแล้วรีบเดินไปที่ข้างสนาม
     

                    “เมื่อกี้เขาทำอะไรนาย  หน้าซีดเชียว” เมื่อผมกลับเข้ามาที่มุมของทีมโรงเรียนเราไอ้คีตะก็ถามขึ้น
     

                    “ไม่ได้ทำอะไร” ผมเบือนหน้าหนีเจ้าหมอนั่นก่อนจะเดินหลบออกไปแต่ไอ้คีตะก็คว้าแขนผมไว้  ตอนนี้ผมบอกตรงๆ ว่าผมหงุดหงิดมาก
     

                    “นี่นาย อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม!!” ผมตวาดจนคนในทีมหันมามองผมอย่างตกใจ  พวกในชมรมที่มาเชียร์มองผมอย่างหวาดๆ  ไม่มีใครกล้าตวาดใส่ไอ้คีตะเหมือนผมนี่นา  ใครกล้าทำคงโดนไอ้หมอนี่ซัดปากแตกไปแล้ว
     

                    ฟุ่บ!!
     

                    ทันทีที่ผมตวาดเสร็จไอ้สูงมันก็ดึงผมไปกอดเฉยเลย  ใบหน้าของผมซุกลงไปที่อกแข็งๆ กว้างๆ ของมันพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่กดหน้าผมให้จมลงไปในอกกว้างนั่น  มันน่าแปลกนะ...เวลาที่ผมหงุดหงิดหมอนี่ก็มักจะดึงผมไปกอดไว้อย่างนี้และสุดท้ายอารมณ์ของผมก็เย็นลง
     

                    “มีสมาธิหน่อยสิ” หมอนั่นพูดก่อนจะปล่อยผมออก  ผมก้มหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ 
     

                    ผมรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องผมผมจึงหันไปมองรุ่นพี่ซึ่งหมอนั่นก็มองมาที่ผมอย่างโกรธๆ  กูสิควรโกรธมึง ไอ้ควายเอ๊ย!!
     

                    “ขอบใจ” ผมละสายตาจากไอ้รุ่นพี่เฮงซวยนั่นก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อพิงร่างสูงกำยำที่เพิ่งปล่อยผมออกจากอ้อมกอดเมื่อครู่
     

                    “นายเป็นอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หืมม์  ปกติไม่มีทางที่นายจะกอดฉันก่อนแน่ๆ” ไอ้คีตะถามผมจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้งแล้วฟาดฝ่ามือไปที่อกของมัน
     

                    “ฉันไม่ได้กอดนายเสียหน่อย ฮึ่ย!” ผมหน้าบึ้งแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ข้างพี่จิ้น




     

                   

                    ก่อนจะแข่งผมที่กำลังจะบอกไอ้คีตะว่า “ชนะให้ได้นะ” ก็ต้องหุบปากลงเพราะอาจารย์สาวคนสวยบอกมันไปก่อนแล้วซึ่งมันก็ยิ้มรับอย่างเต็มใจ  ทั้งๆ ที่ผมแทบจะไม่เคยเห็นรอยยิ้มจริงใจของหมอนั่นเลยซักครั้ง  แต่ทำไมถึงยิ้มให้อาจารย์ได้ง่ายๆ แบบนั้นล่ะ
     

                    “พี่บอลครับ  อย่าแพ้นะครับ  ผมเกลียดไอ้หมอนั่น” ผมพูดพลางชี้ไปที่ไอ้รุ่นพี่ห่วยแตกที่เดินลงสนามอย่างกระตือรือร้น
     

                    “ครับ” พี่บอลยิ้ม
     

                    “อะไรกันคิทตี้  บอกแค่ไอ้บอลคนเดียวเหรอ  น้อยใจว่ะ” พี่นักบาสที่กำลังจะเดินลงสนามสะบัดหน้าใส่ผม
     

                    “ไม่ต้องบอกพี่ก็ต้องชนะอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ” ผมง้อพี่คนนั้นจึงยิ้มแล้วเดินมาบีบแก้มผม  เชอะ แก้มยิ่งย้วยๆ อยู่ด้วย ยิ่งมาบีบมันก็ยิ่งย้วยเซ่ ไอ้พี่บ้า




     

     

                    ในสนามบาส...
     

                    กวิน ผู้ซึ่งเป็นอดีตของชนินทร์จ้องคีตกวีอย่างดุดัน  ทั้งเขาและคีตกวีต่างก็ได้เป็นคนปัดบอลแต่ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างมากทำให้คีตกวีได้บอลเป็นคนแรก  ชายหนุ่มมองคีตกวีอย่างไม่ชอบใจเพราะเขาเพิ่งกอดชนินทร์ไปซึ่งนั่นทำให้ไฟในอกของกวินคุกรุ่น
     

                    “นายน่ะ  อย่าทำอย่างนั้นกับคิทของฉันอีก” ระหว่างที่กวินได้ครองบอลและคีตกวีไปสกัดไว้กวินก็พูดขึ้นทำให้คีตกวีงง
     

                    “อะไรของนาย?”
     

                    “หมอนั่นเป็นของฉัน!” กวินพูดก่อนจะพุ่งตัวเลี้ยงบอลหลบคีตกวีไป  คีตกวีรีบตามไปบล็อก
     

                    ในจังหวะที่คีตกวีกระโดดบล็อกลูกที่กวินชู้ต  กวินก็วิ่งตรงไปข้างหน้าและศีรษะของกวินก็พุ่งชนกับหน้าท้องของคีตกวีโดยไม่ได้ตั้งใจ  ร่างสูงที่กระโดดกลางอากาศพุ่งดิ่งลงพื้นเมื่อถูกกระแทก  กวินที่ยังมึนเพราะหัวกระแทกเผลอก้าวไปเหยียบข้อมือของคีตกวีเข้าและลื่นล้ม  ขณะที่ลื่นส้นเท้าของกวินก็บี้ข้อมือของคีตกวีและนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงร้องออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บ
     

                    ตอนที่ร่างของคีตกวีกระแทกพื้นทุกคนต่างก็เงียบเพราะความตกใจและความเงียบนั้นก็ทำให้ได้ยินเสียงร่างเขากระแทกกับพื้น  ข้อมือของเขาพลิกก่อนจะถูกเหยียบซ้ำ
     

                    “เฮ้ยนาย!” กวินตกใจจึงลุกขึ้นไปช่วยประคองคีตกวีขึ้น  เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้  คราวที่แล้วไอ้สูงคนนี้ก็เกิดบาดเจ็บจนแข่งไม่ได้มาหนหนึ่งแล้ว  คราวนี้เขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่  แบบนี้ก็เหมือนโกงกันทางอ้อมนั่นแหละ
     

                    “ฉันไม่เป็นไร” คีตกวีลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้มืออีกข้างประคองข้อมือของตัวเองไว้




     

     

                    ผมมองในสนามอย่างอึ้งๆ ก่อนจะวิ่งลงไปในสนามเพื่อจะไปช่วยประคองไอ้คีตะออกมาแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นไรมากจึงเดินออกจากสนามมาเอง
     

                    “เต้ มึงลงแทนไอ้คิท” พี่จิ้นสั่งก่อนจะหันไปค้นหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแล้วส่งให้อาจารย์เพื่อที่จะปฐมพยาบาลไอ้คีตะ  ฮึ...ทั้งๆ ที่เจ็บอยู่แต่เสือกยิ้มนะมึง
     

                    ผมหันไปมองไอ้วินที่ทำหน้ามึนงงอยู่ในสนามอย่างคาดโทษ  หมอนั่นหน้าเสียก่อนจะเดินออกมาจากสนามเพื่อเปลี่ยนตัวผู้เล่น  ดูเหมือนสมาธิของไอ้หมอนั่นจะกระเจิงเสียแล้ว  ตอนออกจากสนามมามันโดนโค้ชด่าใหญ่เลย
     

                    “คิท” ไอ้พี่กวินเดินดุ่มๆ มาที่ที่พักทีมของพวกเราอย่างใจกล้าหน้าด้าน  พวกโรงเรียนของผมที่มาเชียร์ทำหน้าไม่ต้อนรับมัน  บางคนแทบจะกระโจนเข้าไปหาเรื่องด้วยซ้ำ  ก็แหงล่ะ...ใครบอกให้มันทำร้ายไอ้คีตะที่เป็นมือหนึ่งของทีมเราล่ะ  ที่สำคัญไอ้หมอนี่มีแฟนคลับเยอะมาก
     

                    เรียกคิทหนึ่งครั้งแถมคนหันหน้าไปหาสองคนนะครับ
     

                    “คิท พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนั้นนะ” ไอ้กวินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
     

                    “แล้วพี่ตั้งใจให้มันเป็นยังไงเหรอครับ?” ผมถามเสียงแข็งกระด้าง
     

                    “มันเป็นอุบัติเหตุ” ไอ้พี่วินพูด  สีหน้าของพี่แกแย่สุดๆ
     

                    “จะเป็นอะไรก็ช่าง  ในเมื่อคนมันเจ็บไปแล้วถึงจะแก้ตัวยังไงแผลมันก็ไม่หายหรอกครับ” ผมพูด  แอบกระทบถึงอดีตที่พี่แกทำไว้กับผม
     

                    “คิทหมายถึงเรื่องตอนนั้นด้วยเหรอ?” พี่กวินทรุดตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าผมแล้วเงยหน้าขึ้นมาผมที่อยู่สูงกว่าเพราะผมนั่งเก้าอี้
     

                    “เปล่า ผมหมายถึงตอนนี้” ผมเฉไฉ
     

                    “ถ้าคิทหมายถึงเรื่องตอนนั้นล่ะก็  พี่พร้อมแก้ตัวนะ” พี่กวินพูดพลางเอื้อมมือมาจับมือผมที่วางไว้บนหน้าขา
     

                    “ผมยังพูดไม่ชัดอีกเหรอครับ” แม่งเอ๊ย คนเริ่มมองแล้ว  ไอ้รุ่นพี่บ้านี่ก็เอาแต่ทำตาเหมือนหมาหงอยอยู่ได้  เมื่อกี้ยังทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่กูอยู่เลย  ไอ้คนสองหน้า!!
     

                    “พี่คิดถึงคิทตลอดเลยรู้ไหม  สองปีที่ผ่านมาพี่เจ็บมากแค่ไหนคิทคงไม่รู้  พี่ดีใจมากแค่ไหนรู้ไหมที่ได้เจอคิทอีกครั้ง” พี่กวินมองตาผมด้วยสายตาเหมือนจะขอร้อง
     

                    “ตลอดสองปีที่ผ่านมา  เรื่องของพี่มันหลุดออกจากหัวของผมหมดแล้วแหละครับ  ตอนนี้ผมจำได้แค่ชื่อกับหน้าเท่านั้น” ผมพูดอย่างเมินเฉย  ผมปัดมือของพี่กวินออกจากมือของผม  ตอนนี้ผมเริ่มกลัว  กลัวว่าถ้าผมยอมเชื่อใจพี่แกอีกครั้ง ความเชื่อใจที่ผมมีให้มันจะกลับมาหักหลังผมเหมือนตอนนั้น
     

                    “คิท พี่...” ก่อนที่พี่กวินจะได้ตื๊อผมไปมากกว่านี้เก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ผมก็ถูกถีบกระเด็นจนเกือบเหลือบล้ำเข้าไปในสนาม  โชคดีที่เก้าอี้ตัวนั้นไม่มีคนนั่ง
     

                    “เอาแต่เรียกคิทๆ อยู่ได้  ได้ยินคนพูดจาเลี่ยนๆ กับชื่อของฉันแล้วมันแสลงหูชะมัดเลย” ไอ้คนที่คาดว่าเป็นคนถีบเก้าอี้พูดพลางพาดแขนมาเกยไหล่ของผม  ไอ้คีตะมันนั่งอยู่ข้างหลังผมอ่ะนะ
     

                    “อะไรของนายน่ะ” ไอ้พี่กวินทำหน้าไม่พอใจเมื่อมีคนมาขัด
     

                    “โทษทีนะ ถ้าอยากพูดจาเลี่ยนๆ ก็ไปให้ไกลๆ หน่อย  คนที่ชื่อคิทไม่ได้มีแค่หมอนี่  พอมีคนพูดจาเลี่ยนๆ กับชื่อของฉันแล้วมันอยากอ้วกว่ะ” ไอ้คิทใช้สายตาคมๆ ตวัดไปมองพี่กวินซึ่งพี่แกก็จ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว  กลัวหน่อยเถอะพี่  หมอนี่มันดุกว่ากระทิงอีกนะ  คนเกือบทั้งโรงเรียนกลัวมันนะพี่
     

                    “คิท ป่ะ ไปกับพี่” ไอ้พี่กวินพูดพลางดึงผมให้ลุกขึ้นแต่แขนอีกข้างของผมถูกมือใหญ่ๆ ดึงเอาไว้  ไอ้คีตะพาดแขนไว้บนพนักพิงของเก้าอี้ตัวข้างหน้าของตัวเองก่อนจะเอาคางไปเกยบนแขนตัวเอง  ส่วนมือที่จับแขนผมไว้คือมือข้างที่มันเจ็บ
     

                    “โทษทีนะแต่พอดีว่าหมอนี่เป็นนักกีฬา  อาจจะได้ลงเล่นเพราะงั้นนายจะพาหมอนี่ไปไหนไม่ได้” ไอ้คีตะพูดก่อนจะกระตุกข้อมือผมให้นั่งลงตามเดิม
     

                    “พี่กลับไปตั้งใจแข่งเถอะครับ” ผมพูดทั้งๆ ที่ไม่มองหน้าพี่แก  พี่กวินทำเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยก็จะยอมเดินกลับไป




     

     

                    ควอเตอร์ที่สองพี่กวินได้ลงไปเล่นอีกครั้ง  ดูเหมือนครั้งนี้พี่แกจะตั้งใจเล่นมากทำให้เริ่มทำคะแนนตามทีมของพวกผมได้  พี่บอลเองก็ดูจะไม่ยอมแพ้  ชู้ตแข่งกับพี่กวินไม่ยั้ง  อ่า...พี่บอลเท่จังเลย  พี่บอลกระโดดดังค์ตั้งห้าลูกแน่ะ  โคตรเท่เลยคร้าบ
     

                    แต่ดูเหมือนว่าเพราะพี่บอลกระโดดดังค์ติดต่อกันหลายลูกทำให้พละกำลังของพี่แกเริ่มหมด  อาจจะเป็นเพราะซ้อมหนักก่อนแข่งทำให้กล้ามเนื้อของพี่แกล้าไปด้วยก็ได้
     

                    หมดควอเตอร์ที่สองไปคะแนนพวกเราก็ยังนำอยู่  หมดควอเตอร์ที่สามคะแนนของอีกฝ่ายก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาแต่ทีมของพวกเราก็ยังนำอยู่ดี
     

                    “แฮ่กๆ” พี่บอลเดินมานั่งข้างผมพลางหลับตาด้วยความเหนื่อย  เหงื่อที่ไหลอาบตัวประหนึ่งอาบน้ำเป็นหลักฐานอย่างดีว่าพี่บอลเสียแรงไปมากแค่ไหน
     

                    “กูบอกแล้วว่าก่อนแข่งอย่าซ้อม  ไม่เชื่อกูเอง” พี่จิ้นบ่นพลางมองพี่บอลที่หอบตัวโยน
     

                    “กูก็แค่อุ่นเครื่องนานไปหน่อยแค่นั้นเอง” พี่บอลพูดไปหอบไป
     

                    “ควอเตอร์สุดท้ายมึงห้ามลง  ถ้ากล้ามเนื้อฉีกจะทำยังไง  ไอ้คิทคงแข่งไม่ได้ไปอีกอาทิตย์หนึ่งถ้ามึงเป็นอะไรมาขึ้นอีกคนใครจะเป็นตัวทำคะแนน” พี่จิ้นพูด
     

                    “กูแข่งต่อได้นะมึง” พี่บอลพูด
     

                    “มึงแข่งต่อได้ในวันนี้แต่ถ้าพรุ่งนี้กล้ามเนื้อมึงอักเสบจะทำยังไง?  ลำพังแค่ซ้อมทุกวันกล้ามเนื้อมึงก็ไม่ได้พักผ่อนแล้ว  สองวันต่อจากนี้ห้ามซ้อมเข้าใจไหม?” พี่จิ้นสั่ง  พี่บอลจึงได้แต่ยิ้มรับแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม




     

     

                    ขณะที่แข่งกันอยู่  ทีมไหนก็ไม่รู้แหละดันส่งบอลและรับบอลกันผิดพลาดทำให้ลูกบอลลอยมาตรงที่นั่งของพวกผม  แต่ที่ลูกบอลมันตั้งใจพุ่งเข้าใส่ก็คืออาจารย์คนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้คีตะ
     

                    “กิ๋งระวัง!” เสียงไอ้คีตะตะโกนขึ้นก่อนเจ้าตัวจึงดึงคุณครูคนสวยเข้าไปหลบในอ้อมแขนของตัวเองและมันก็เบี่ยงตัวให้ลูกบอลพุ่งใส่ตัวเองแทน  ผมมองปฏิกริยาของมันอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าลูกบอลไว้ก่อนจะที่พุ่งโดนทั้งสองคนนั้น
     

                    ผมชายตามองไอ้คีตะที่ทำท่าทีเป็นห่วงเป็นใยคุณครูก่อนจะส่งลูกบอลกลับลงสนามอีกครั้ง  แม้หน้าตาของไอ้คีตะจะไม่แสดงอารมณ์สักเท่าไหร่แต่ผมมองออก  ผมมองออกว่ามันรู้สึกอย่างไร  คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าสีหน้าของมันตอนนี้เป็นอย่างไรแต่ผมรู้  มันห่วงครูมาก  อีกอย่าง...การเรียกชื่อของมันบ่งบอกว่าพวกเขาทั้งสองสนิทกันมากแค่ไหน
     

                    “คีตะ ฉันบอกหลายครั้งแล้วให้เรียกฉันว่าครู  จำซะบ้างสิ” คุณครูตีอกไอ้คีตะเบาๆ หลังจากผละออกจากกันแล้ว
     

                    ผมไม่อยากจะดูสองคนนั้นแสดงความสนิทสนมใส่กันจึงขอตัวไปวอร์มอุ่นเครื่องซักนิด  พอดีข้างๆ โรงยิมที่กำลังแข่งมีคอร์ทกลางแจ้งอยู่หนึ่งพอดีผมจึงหยิบลูกบาสที่ถือติดมือมาจากโรงเรียนไปซ้อมที่คอร์ทนั้น

     




     

                    ตึง!!
     

                    ตึง!!
     

                    ตึง!!
     

                    ผมโยนลูกบาสกระทบแป้นอย่างแรงก่อนจะโยนมันอยู่อย่างนั้นจนแป้นบาสสั่นสะเทือน  โมโหว่ะ!! กูโมโห!! โมโหเหี้ยไรไม่รู้แหละรู้แต่ว่ากูโมโห กูหงุดหงิด!!
     

                    “แบบนี้ไม่เรียกว่าซ้อมแล้วมั้ง” เสียงคุ้นหูดังขึ้นผมจึงหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยสายตาขวางโลก
     

                    “ฉันกำลังบริหารกล้ามเนื้อที่แขน  ผิดด้วยรึไง” ผมพูดเสียงห้วนพลางซ้อมชู้ตโดยไม่มองหน้าไอ้คีตะเลย  เห็นหน้ามันแล้วหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีก
     

                    “ตกลงนายเป็นอะไรของนาย ฮึ?” ไอ้หมอนั่นถาม  ผมหงุดหงิด รำคาญจึงทุ่มลูกบาสลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
     

                    “ถามอยู่ได้ว่าเป็นอะไร  ไม่รู้ซักเรื่องจะได้ไหม!?!” ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้หมอนั่นอย่างไม่ชอบใจ  สายตาของผมตอนนี้บ่งบอกว่าถ้ามันถามผมมากไปกว่านี้ผมต่อยหน้ามันแน่
     

                    “มานี่สิ” หมอนั่นมองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออกก่อนจะกางแขนออก  ผมก้าวถอยหลังก่อนจะสะบัดหน้าหนี  เรื่องอะไรจะเดินเข้าไปกอดมันกันล่ะ
     

                    “...”

                    “ดื้อจังนะนายน่ะ” ไอ้หมอนั่นถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินมากอดผมเองแต่ผมไม่อยากจะถูกหมอนี่ครอบงำผมจึงสะบัดตัวออกและผลักหมอนั่นออกให้ห่างกาย
     

                    “ฉันบอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง!” ผมตวาดก่อนจะเดินไปเก็บลูกบาสที่อยู่ห่างออกไป
     

                    “ไม่ยุ่งไม่ได้  เพราะเรื่องที่นายหงุดหงิดมันเกี่ยวกับฉัน” ไอ้คีตะพูด  ผมชะงักก่อนจะหันไปมองหน้ามันพลางแสยะยิ้ม
     

                    “นี่ นายนั่นแหละเป็นอะไร  ต้องมาจู้จี้จุกจิกเรื่องของคนอื่นแบบนี้มันไม่ใช่นายไม่ใช่เหรอ? คนจะพูดอะไรเกี่ยวกับนายฉันไม่เคยเห็นว่านายจะเดือดร้อนอะไรเลยนี่  แล้วเรื่องที่ฉันหงุดหงิดก็ไม่เกี่ยวกับนายด้วย เพราะงั้นไม่ต้องมายุ่ง” ผมมองหมอนั่นเหมือนที่เคยมองตอนที่ผมเพิ่งเข้าเรียนใหม่ๆ  ใช่...สายตาที่ไม่เป็นมิตรและห่างเหิน
     

                    “นั่นสินะ  ฉันไม่ใช่คนที่จะเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะเรื่องแค่นี้  แต่เพราะเป็นนาย...ฉันถึงสนใจ” ไอ้คีตะพูด  ผมชะงักก่อนจะหันไปสบกับสายตาแน่วแน่ที่มองตรงมาที่ผม
     

                    “ฉันมันไม่น่าสนใจหรอก  ไปสนใจครูกิ๋งของนายไม่ดีกว่าเหรอ” ผมพูดก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้แล้วหันหน้าหนี  พูดอะไรของกูวะเนี่ย  อายจัง

                    “นายอย่าพาลถึงครูกิ๋งได้ไหม?” หมอนั่นขึ้นเสียง  อ้าว...โกรธกูอีก  นึกว่าจะล้อว่าหึงซะอีก

                    “ฉันไม่ได้พาล” ผมตอบเสียงเบา
     

                    “นายจะพาลใส่ใครฉันไม่ว่า  แต่ถ้าพาลใส่ครูกิ๋งฉันไม่ยอม!” ไอ้คีตะทำหน้าโกรธก่อนจะเดินหนีไป  อ้าว...เอ่อ...อะไรกันเนี่ย
     

                    “เออ! ฉันมันคนพาลนี่!” ผมหน้าบึ้งก่อนจะปาลูกบาสใส่หมอนั่นแต่หมอนั่นหลบแล้วเดินไปเฉยเลย  เมื่อกี้...ผมหวังใช่ไหมว่าอยากจะให้หมอนั่นง้อผมบ้าง  แต่จะให้ง้อเรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อเราทึกทักโกรธเอาเองทั้งๆ ที่หมอนั่นไม่ได้ผิดอะไรซักนิด



     

     
     

                    ในที่สุดผมก็ไม่ได้ลงเล่นในรอบนี้  และในที่สุดทีมของพวกเราก็แพ้  ผมกลับเข้าไปดูการแข่งขันในช่วงหนึ่งนาทีสุดท้ายพอดี  ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหมดเวลา  ไอ้พี่กวินกระโดดชู้ตสามแต้มและมันก็ลงทำให้คะแนนของทีมนั้นนำเราไปเพียงหนึ่งคะแนน  
     

                    ร่างพี่กวินนอนแผ่อยู่บนสนามพลางหอบหายใจถี่รัว  เพื่อนๆ ในทีมบาสต่างก็กรูกันเข้าไปแบกพี่แกมาที่ข้างสนาม  เวทีนี้พี่แกเหมือนพระเอกเลยล่ะเพราะสามารถพาทีมชนะได้ทั้งๆ ที่เหลือเพียงหนึ่งวินาที
     

                    พอแพ้พวกเราต่างก็หมดอาลัยตาอยากจึงช่วยกันเก็บของอย่างเนือยๆ  พวกเราแพ้ตั้งแต่รอบแรกก็เป็นธรรมดาที่จะหดหู่  ถ้าพวกเราแข่งแพ้อีกครั้งเดียวตำแหน่งชนะเลิศระดับเขตคงไม่ได้อยู่ในมือเราแน่  หลังจากนี้พวกเราจะต้องแข่งให้ชนะรวดถึงจะสามารถเข้าไปแข่งในรอบชิงชนะเลิศได้  และทีมที่จะเข้าไปรอเราในรอบนั้นคงไม่พ้นเป็นทีมนี้แน่นอน
     

                    “คิท” ไอ้พี่กวินเดินยิ้มแฉ่งมาหาผมทั้งๆ ที่ยังหอบอยู่เลย
     

                    “จะมาเยาะเย้ยรึไง” ผมพูดจิกเมื่อเห็นรอยยิ้มของพี่แก
     

                    “เปล่าซักหน่อย  พี่แค่จะมาบอกว่า...เจอกันในรอบชิงนะ” พี่กวินยิ้มไม่หุบ
     

                    “มั่นใจเหลือเกินนะว่าจะชนะจนถึงรอบชิง” ผมเบะปากใส่พี่แก
     

                    “มั่นใจสิ  เพราะถ้าคิทรอพี่อยู่ตรงนั้นพี่ก็จะมุ่งมั่นไปหาคิทไง”
     

                    “อยากจะอ้วก  ไม่คิดว่าพี่จะกล้าพูดอะไรที่มันน่าขยะแขยงแบบนี้” ผมส่ายหน้าก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บของช่วยคนอื่นๆ
     

                    “แข่งรอบหน้าเดี๋ยวพี่มาเชียร์นะ” พี่กวินเดินมาดึงกระติกน้ำที่ผมถือไปถือไว้เอง
     

                    “ไม่ต้องหรอก  เพราะยังไงผมคงไม่ได้ลงแข่งเหมือนตอนม.ต้นนั่นแหละ” ผมพูด  ตอนม.ต้นผมแทบไม่เคยได้ลงสนามกับคนอื่นเขาเพราะตัวของผมมันเตี้ยไง
     

                    “ยังไงพี่ก็จะมาเชียร์” พี่กวินพูดพลางเดินตามผมไปที่รถของโรงเรียนเรา
     

                    “ก็บอกว่าไม่ต้องมาไง  ทำไมพี่ถึงดื้อแบบนี้นะ!” ผมตะคอกใส่พี่แก
     

                    “คนที่ดื้อน่ะมันคิทมากกว่านะ  นายยังเป็นเด็กดื้อของพี่เสมอนะ”
     

                    “ผมไม่ใช่ของพี่!” ผมตวาดพลางเดินถอยหลัง  พี่กวินตกใจก่อนจะยอมผมแต่โดยดี  ผมยังสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่ถูกคนที่เคารพหักหลังอยู่เลย  พี่กวินคงเข้าใจตรงจุดนั้นดี
     

                    “ครับๆ งั้นแข่งคราวหน้าก็พยายามเข้านะ  พี่จะเอาใจช่วยให้คิทได้ลงเล่น” พี่กวินช่วยยกกระติกน้ำขึ้นรถก่อนจะเดินจากไป
     

                    ผมทรุดนั่งลงอยู่ข้างรถบัสก่อนจะถอนหายใจ  เห็นหน้าพี่แกทีไรเป็นต้องกลัวตลอดเลย  ผมหนักใจทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องราวและได้เห็นหน้าพี่กวิน
     

                    “คิทรู้จักกับกัปตันฝ่ายนั้นด้วยเหรอ?” พี่บอลเดินมาถาม  หา? ไอ้พี่กวินเนี่ยนะเป็นกัปตัน
     

                    “กัปตัน?” ผมทวนคำ
     

                    “ใช่ หมอนั่นเป็นกัปตันของทีมนั้น  เล่นเก่งมากทีเดียว” พี่บอลพูด  นั่นสินะ  พี่กวินก็เคยเป็นกัปตันชมรมบาสสมัยผมอยู่ม.ต้นเหมือนกัน
     

                    “เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าน่ะครับ” ผมตอบ
     

                    “ดูเขาจะชอบคิทนะ”
     

                    “ผมเกลียดมัน!!” ผมเบ้หน้าก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น
     

                    “ฮะๆ เอาเถอะๆ ขึ้นรถกันเถอะป่ะ” พี่บอลพูดพลางส่งมือให้ผมจับ  ผมยื่นมือไปจับมือพี่บอลก่อนตัวของผมจะถูกฉุดขึ้น  ผมยิ้มกับความใจดีของพี่บอลก่อนจะเดินขึ้นรถพร้อมพี่แก

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    คีตะ  น้องงอนแกอ่ะ
    เลิกคนใจผู้หญิงแล้วมาง้อน้องด่วนๆ เลยนะแก

    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×