คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Rule 18 : การแข่งขัน กับ คนในอดีต
ผมยืนนิ่งอยู่กลางสนามบาสในโรงยิมในขณะที่กำลังจับมือกับนักกีฬาต่างทีมก่อนจะแข่ง ผมรู้สึกเหมือนใจหล่นวูบลงกับพื้นเมื่อเห็นคนที่ผมไม่อยากจะเห็นมากที่สุด
เขาเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมบาสสมัย ม.ต้น
เขาทำให้ผมชอบบาส
เขาเป็นคนที่ผมเคารพที่สุด
เขาเป็นคนที่ผมรังเกียจที่สุด
เขาเป็นคนที่ทำให้ผมเกลียดเกย์
และเขาก็เป็นคนที่พยายามจะข่มขืนผม!!
ตอนผมอยู่ม.1 ผมเข้าชมรมบาสเพราะได้รับคำแนะนำจากพี่คนนี้(เขาอยู่ม.2) เขาเป็นคนที่เล่นบาสเก่งมากและเป็นคนที่ทำให้ผมสนุกกับการเล่นบาส ผมรักและเคารพพี่เขา จนในที่สุด...ในวันที่เขาจบการศึกษาไป เขาก็พยายามที่จะขืนใจผมแต่ผมก็เอาตัวรอดมาได้ เหตุการณ์นั้นมันยังฝังใจจนมาถึงบัดนี้
“ชนินทร์ นายเป็นอะไร?” ผมหลุดออกจากภวังค์เมื่อไอ้คีตะเดินมาสะกิดผม
“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบก่อนจะเบือนหน้าหนีและบังเอิญไปสบตากับรุ่นพี่คนนั้นพอดีซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรีบหลบตา รุ่นพี่คนนั้นเป็นนักกีฬาฝ่ายตรงข้าม
“ชนินทร์ ยืนนิ่งทำไม ไปจับมือกับนักกีฬาของทีมนั้นสิ” ไอ้คีตะสะกิดผมอีกครั้งเมื่อเราต้องเดินแถวไปจับมือกับอีกทีม ผมได้จับมือกับเขาเป็นคนสุดท้ายเหมือนจงใจ ผมเป็นคนสุดท้ายของแถวและเขาก็เป็นคนสุดท้ายของแถว
“ไม่ได้เจอกันนาน น่ารักขึ้นเป็นกองเลยนะ” ผมพยายามจะดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่ผมดึงไม่ออกเพราะเขาจับแน่นมาก
“พี่ก็ขี้เหร่ลงกว่าเดิมมากเลยนะครับ” ผมพูดกระทบ พี่เขาเป็นคนที่หน้าตาดีมากเลยทีเดียว
“ทักทายได้เจ็บแสบดีนี่ แต่ก่อนยังเดินตามฉันเหมือนหมาน้อยตัวเล็กๆ อยู่เลย” ผมกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“นั่นมันเป็นอดีตที่น่าขยะแขยงที่สุดของผมเลยนะครับพี่รู้รึเปล่า” ผมพูดจิกกัดแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สะทกสะท้าน
“ฮึๆ ว่าแต่ว่านายน่ะน่าจะเกลียดเกย์นี่นาแล้วทำไมถึงไปเข้าโรงเรียนชายล้วนล่ะ เอ...หรือว่านึกเปลี่ยนใจ ถ้าไม่ว่าอะไรล่ะก็...ฉันยังรอนายอยู่นะ” ไอ้รุ่นพี่ก้มลงมากระซิบที่ข้างหูของผมพลางแอบขโมยหอมแก้มผมเบาๆ ผมอ้าปากค้างก่อนจะมองไปรอบๆ ตัวปรากฏว่าไม่มีใครมองอยู่ผมจึงโล่งใจ ผมขมวดคิ้วก่อนจะสะบัดมือออกแล้วรีบเดินไปที่ข้างสนาม
“เมื่อกี้เขาทำอะไรนาย หน้าซีดเชียว” เมื่อผมกลับเข้ามาที่มุมของทีมโรงเรียนเราไอ้คีตะก็ถามขึ้น
“ไม่ได้ทำอะไร” ผมเบือนหน้าหนีเจ้าหมอนั่นก่อนจะเดินหลบออกไปแต่ไอ้คีตะก็คว้าแขนผมไว้ ตอนนี้ผมบอกตรงๆ ว่าผมหงุดหงิดมาก
“นี่นาย อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม!!” ผมตวาดจนคนในทีมหันมามองผมอย่างตกใจ พวกในชมรมที่มาเชียร์มองผมอย่างหวาดๆ ไม่มีใครกล้าตวาดใส่ไอ้คีตะเหมือนผมนี่นา ใครกล้าทำคงโดนไอ้หมอนี่ซัดปากแตกไปแล้ว
ฟุ่บ!!
ทันทีที่ผมตวาดเสร็จไอ้สูงมันก็ดึงผมไปกอดเฉยเลย ใบหน้าของผมซุกลงไปที่อกแข็งๆ กว้างๆ ของมันพร้อมกับฝ่ามือใหญ่ที่กดหน้าผมให้จมลงไปในอกกว้างนั่น มันน่าแปลกนะ...เวลาที่ผมหงุดหงิดหมอนี่ก็มักจะดึงผมไปกอดไว้อย่างนี้และสุดท้ายอารมณ์ของผมก็เย็นลง
“มีสมาธิหน่อยสิ” หมอนั่นพูดก่อนจะปล่อยผมออก ผมก้มหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ผมรู้สึกว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องผมผมจึงหันไปมองรุ่นพี่ซึ่งหมอนั่นก็มองมาที่ผมอย่างโกรธๆ กูสิควรโกรธมึง ไอ้ควายเอ๊ย!!
“ขอบใจ” ผมละสายตาจากไอ้รุ่นพี่เฮงซวยนั่นก่อนจะเอนตัวไปข้างหน้าเพื่อพิงร่างสูงกำยำที่เพิ่งปล่อยผมออกจากอ้อมกอดเมื่อครู่
“นายเป็นอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว หืมม์ ปกติไม่มีทางที่นายจะกอดฉันก่อนแน่ๆ” ไอ้คีตะถามผมจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้งแล้วฟาดฝ่ามือไปที่อกของมัน
“ฉันไม่ได้กอดนายเสียหน่อย ฮึ่ย!” ผมหน้าบึ้งแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ข้างพี่จิ้น
ก่อนจะแข่งผมที่กำลังจะบอกไอ้คีตะว่า “ชนะให้ได้นะ” ก็ต้องหุบปากลงเพราะอาจารย์สาวคนสวยบอกมันไปก่อนแล้วซึ่งมันก็ยิ้มรับอย่างเต็มใจ ทั้งๆ ที่ผมแทบจะไม่เคยเห็นรอยยิ้มจริงใจของหมอนั่นเลยซักครั้ง แต่ทำไมถึงยิ้มให้อาจารย์ได้ง่ายๆ แบบนั้นล่ะ
“พี่บอลครับ อย่าแพ้นะครับ ผมเกลียดไอ้หมอนั่น” ผมพูดพลางชี้ไปที่ไอ้รุ่นพี่ห่วยแตกที่เดินลงสนามอย่างกระตือรือร้น
“ครับ” พี่บอลยิ้ม
“อะไรกันคิทตี้ บอกแค่ไอ้บอลคนเดียวเหรอ น้อยใจว่ะ” พี่นักบาสที่กำลังจะเดินลงสนามสะบัดหน้าใส่ผม
“ไม่ต้องบอกพี่ก็ต้องชนะอยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ” ผมง้อพี่คนนั้นจึงยิ้มแล้วเดินมาบีบแก้มผม เชอะ แก้มยิ่งย้วยๆ อยู่ด้วย ยิ่งมาบีบมันก็ยิ่งย้วยเซ่ ไอ้พี่บ้า
ในสนามบาส...
กวิน ผู้ซึ่งเป็นอดีตของชนินทร์จ้องคีตกวีอย่างดุดัน ทั้งเขาและคีตกวีต่างก็ได้เป็นคนปัดบอลแต่ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันค่อนข้างมากทำให้คีตกวีได้บอลเป็นคนแรก ชายหนุ่มมองคีตกวีอย่างไม่ชอบใจเพราะเขาเพิ่งกอดชนินทร์ไปซึ่งนั่นทำให้ไฟในอกของกวินคุกรุ่น
“นายน่ะ อย่าทำอย่างนั้นกับคิทของฉันอีก” ระหว่างที่กวินได้ครองบอลและคีตกวีไปสกัดไว้กวินก็พูดขึ้นทำให้คีตกวีงง
“อะไรของนาย?”
“หมอนั่นเป็นของฉัน!” กวินพูดก่อนจะพุ่งตัวเลี้ยงบอลหลบคีตกวีไป คีตกวีรีบตามไปบล็อก
ในจังหวะที่คีตกวีกระโดดบล็อกลูกที่กวินชู้ต กวินก็วิ่งตรงไปข้างหน้าและศีรษะของกวินก็พุ่งชนกับหน้าท้องของคีตกวีโดยไม่ได้ตั้งใจ ร่างสูงที่กระโดดกลางอากาศพุ่งดิ่งลงพื้นเมื่อถูกกระแทก กวินที่ยังมึนเพราะหัวกระแทกเผลอก้าวไปเหยียบข้อมือของคีตกวีเข้าและลื่นล้ม ขณะที่ลื่นส้นเท้าของกวินก็บี้ข้อมือของคีตกวีและนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงร้องออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บ
ตอนที่ร่างของคีตกวีกระแทกพื้นทุกคนต่างก็เงียบเพราะความตกใจและความเงียบนั้นก็ทำให้ได้ยินเสียงร่างเขากระแทกกับพื้น ข้อมือของเขาพลิกก่อนจะถูกเหยียบซ้ำ
“เฮ้ยนาย!” กวินตกใจจึงลุกขึ้นไปช่วยประคองคีตกวีขึ้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้ คราวที่แล้วไอ้สูงคนนี้ก็เกิดบาดเจ็บจนแข่งไม่ได้มาหนหนึ่งแล้ว คราวนี้เขาไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่ แบบนี้ก็เหมือนโกงกันทางอ้อมนั่นแหละ
“ฉันไม่เป็นไร” คีตกวีลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้มืออีกข้างประคองข้อมือของตัวเองไว้
ผมมองในสนามอย่างอึ้งๆ ก่อนจะวิ่งลงไปในสนามเพื่อจะไปช่วยประคองไอ้คีตะออกมาแต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นไรมากจึงเดินออกจากสนามมาเอง
“เต้ มึงลงแทนไอ้คิท” พี่จิ้นสั่งก่อนจะหันไปค้นหาอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแล้วส่งให้อาจารย์เพื่อที่จะปฐมพยาบาลไอ้คีตะ ฮึ...ทั้งๆ ที่เจ็บอยู่แต่เสือกยิ้มนะมึง
ผมหันไปมองไอ้วินที่ทำหน้ามึนงงอยู่ในสนามอย่างคาดโทษ หมอนั่นหน้าเสียก่อนจะเดินออกมาจากสนามเพื่อเปลี่ยนตัวผู้เล่น ดูเหมือนสมาธิของไอ้หมอนั่นจะกระเจิงเสียแล้ว ตอนออกจากสนามมามันโดนโค้ชด่าใหญ่เลย
“คิท” ไอ้พี่กวินเดินดุ่มๆ มาที่ที่พักทีมของพวกเราอย่างใจกล้าหน้าด้าน พวกโรงเรียนของผมที่มาเชียร์ทำหน้าไม่ต้อนรับมัน บางคนแทบจะกระโจนเข้าไปหาเรื่องด้วยซ้ำ ก็แหงล่ะ...ใครบอกให้มันทำร้ายไอ้คีตะที่เป็นมือหนึ่งของทีมเราล่ะ ที่สำคัญไอ้หมอนี่มีแฟนคลับเยอะมาก
เรียกคิทหนึ่งครั้งแถมคนหันหน้าไปหาสองคนนะครับ
“คิท พี่ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันเป็นแบบนั้นนะ” ไอ้กวินเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม
“แล้วพี่ตั้งใจให้มันเป็นยังไงเหรอครับ?” ผมถามเสียงแข็งกระด้าง
“มันเป็นอุบัติเหตุ” ไอ้พี่วินพูด สีหน้าของพี่แกแย่สุดๆ
“จะเป็นอะไรก็ช่าง ในเมื่อคนมันเจ็บไปแล้วถึงจะแก้ตัวยังไงแผลมันก็ไม่หายหรอกครับ” ผมพูด แอบกระทบถึงอดีตที่พี่แกทำไว้กับผม
“คิทหมายถึงเรื่องตอนนั้นด้วยเหรอ?” พี่กวินทรุดตัวลงนั่งยองๆ ตรงหน้าผมแล้วเงยหน้าขึ้นมาผมที่อยู่สูงกว่าเพราะผมนั่งเก้าอี้
“เปล่า ผมหมายถึงตอนนี้” ผมเฉไฉ
“ถ้าคิทหมายถึงเรื่องตอนนั้นล่ะก็ พี่พร้อมแก้ตัวนะ” พี่กวินพูดพลางเอื้อมมือมาจับมือผมที่วางไว้บนหน้าขา
“ผมยังพูดไม่ชัดอีกเหรอครับ” แม่งเอ๊ย คนเริ่มมองแล้ว ไอ้รุ่นพี่บ้านี่ก็เอาแต่ทำตาเหมือนหมาหงอยอยู่ได้ เมื่อกี้ยังทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่กูอยู่เลย ไอ้คนสองหน้า!!
“พี่คิดถึงคิทตลอดเลยรู้ไหม สองปีที่ผ่านมาพี่เจ็บมากแค่ไหนคิทคงไม่รู้ พี่ดีใจมากแค่ไหนรู้ไหมที่ได้เจอคิทอีกครั้ง” พี่กวินมองตาผมด้วยสายตาเหมือนจะขอร้อง
“ตลอดสองปีที่ผ่านมา เรื่องของพี่มันหลุดออกจากหัวของผมหมดแล้วแหละครับ ตอนนี้ผมจำได้แค่ชื่อกับหน้าเท่านั้น” ผมพูดอย่างเมินเฉย ผมปัดมือของพี่กวินออกจากมือของผม ตอนนี้ผมเริ่มกลัว กลัวว่าถ้าผมยอมเชื่อใจพี่แกอีกครั้ง ความเชื่อใจที่ผมมีให้มันจะกลับมาหักหลังผมเหมือนตอนนั้น
“คิท พี่...” ก่อนที่พี่กวินจะได้ตื๊อผมไปมากกว่านี้เก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ ผมก็ถูกถีบกระเด็นจนเกือบเหลือบล้ำเข้าไปในสนาม โชคดีที่เก้าอี้ตัวนั้นไม่มีคนนั่ง
“เอาแต่เรียกคิทๆ อยู่ได้ ได้ยินคนพูดจาเลี่ยนๆ กับชื่อของฉันแล้วมันแสลงหูชะมัดเลย” ไอ้คนที่คาดว่าเป็นคนถีบเก้าอี้พูดพลางพาดแขนมาเกยไหล่ของผม ไอ้คีตะมันนั่งอยู่ข้างหลังผมอ่ะนะ
“อะไรของนายน่ะ” ไอ้พี่กวินทำหน้าไม่พอใจเมื่อมีคนมาขัด
“โทษทีนะ ถ้าอยากพูดจาเลี่ยนๆ ก็ไปให้ไกลๆ หน่อย คนที่ชื่อคิทไม่ได้มีแค่หมอนี่ พอมีคนพูดจาเลี่ยนๆ กับชื่อของฉันแล้วมันอยากอ้วกว่ะ” ไอ้คิทใช้สายตาคมๆ ตวัดไปมองพี่กวินซึ่งพี่แกก็จ้องกลับอย่างไม่เกรงกลัว กลัวหน่อยเถอะพี่ หมอนี่มันดุกว่ากระทิงอีกนะ คนเกือบทั้งโรงเรียนกลัวมันนะพี่
“คิท ป่ะ ไปกับพี่” ไอ้พี่กวินพูดพลางดึงผมให้ลุกขึ้นแต่แขนอีกข้างของผมถูกมือใหญ่ๆ ดึงเอาไว้ ไอ้คีตะพาดแขนไว้บนพนักพิงของเก้าอี้ตัวข้างหน้าของตัวเองก่อนจะเอาคางไปเกยบนแขนตัวเอง ส่วนมือที่จับแขนผมไว้คือมือข้างที่มันเจ็บ
“โทษทีนะแต่พอดีว่าหมอนี่เป็นนักกีฬา อาจจะได้ลงเล่นเพราะงั้นนายจะพาหมอนี่ไปไหนไม่ได้” ไอ้คีตะพูดก่อนจะกระตุกข้อมือผมให้นั่งลงตามเดิม
“พี่กลับไปตั้งใจแข่งเถอะครับ” ผมพูดทั้งๆ ที่ไม่มองหน้าพี่แก พี่กวินทำเสียงจิ๊จ๊ะเล็กน้อยก็จะยอมเดินกลับไป
ควอเตอร์ที่สองพี่กวินได้ลงไปเล่นอีกครั้ง ดูเหมือนครั้งนี้พี่แกจะตั้งใจเล่นมากทำให้เริ่มทำคะแนนตามทีมของพวกผมได้ พี่บอลเองก็ดูจะไม่ยอมแพ้ ชู้ตแข่งกับพี่กวินไม่ยั้ง อ่า...พี่บอลเท่จังเลย พี่บอลกระโดดดังค์ตั้งห้าลูกแน่ะ โคตรเท่เลยคร้าบ
แต่ดูเหมือนว่าเพราะพี่บอลกระโดดดังค์ติดต่อกันหลายลูกทำให้พละกำลังของพี่แกเริ่มหมด อาจจะเป็นเพราะซ้อมหนักก่อนแข่งทำให้กล้ามเนื้อของพี่แกล้าไปด้วยก็ได้
หมดควอเตอร์ที่สองไปคะแนนพวกเราก็ยังนำอยู่ หมดควอเตอร์ที่สามคะแนนของอีกฝ่ายก็เริ่มตีตื้นขึ้นมาแต่ทีมของพวกเราก็ยังนำอยู่ดี
“แฮ่กๆ” พี่บอลเดินมานั่งข้างผมพลางหลับตาด้วยความเหนื่อย เหงื่อที่ไหลอาบตัวประหนึ่งอาบน้ำเป็นหลักฐานอย่างดีว่าพี่บอลเสียแรงไปมากแค่ไหน
“กูบอกแล้วว่าก่อนแข่งอย่าซ้อม ไม่เชื่อกูเอง” พี่จิ้นบ่นพลางมองพี่บอลที่หอบตัวโยน
“กูก็แค่อุ่นเครื่องนานไปหน่อยแค่นั้นเอง” พี่บอลพูดไปหอบไป
“ควอเตอร์สุดท้ายมึงห้ามลง ถ้ากล้ามเนื้อฉีกจะทำยังไง ไอ้คิทคงแข่งไม่ได้ไปอีกอาทิตย์หนึ่งถ้ามึงเป็นอะไรมาขึ้นอีกคนใครจะเป็นตัวทำคะแนน” พี่จิ้นพูด
“กูแข่งต่อได้นะมึง” พี่บอลพูด
“มึงแข่งต่อได้ในวันนี้แต่ถ้าพรุ่งนี้กล้ามเนื้อมึงอักเสบจะทำยังไง? ลำพังแค่ซ้อมทุกวันกล้ามเนื้อมึงก็ไม่ได้พักผ่อนแล้ว สองวันต่อจากนี้ห้ามซ้อมเข้าใจไหม?” พี่จิ้นสั่ง พี่บอลจึงได้แต่ยิ้มรับแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม
ขณะที่แข่งกันอยู่ ทีมไหนก็ไม่รู้แหละดันส่งบอลและรับบอลกันผิดพลาดทำให้ลูกบอลลอยมาตรงที่นั่งของพวกผม แต่ที่ลูกบอลมันตั้งใจพุ่งเข้าใส่ก็คืออาจารย์คนสวยที่นั่งอยู่ข้างๆ ไอ้คีตะ
“กิ๋งระวัง!” เสียงไอ้คีตะตะโกนขึ้นก่อนเจ้าตัวจึงดึงคุณครูคนสวยเข้าไปหลบในอ้อมแขนของตัวเองและมันก็เบี่ยงตัวให้ลูกบอลพุ่งใส่ตัวเองแทน ผมมองปฏิกริยาของมันอย่างหมั่นไส้ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าลูกบอลไว้ก่อนจะที่พุ่งโดนทั้งสองคนนั้น
ผมชายตามองไอ้คีตะที่ทำท่าทีเป็นห่วงเป็นใยคุณครูก่อนจะส่งลูกบอลกลับลงสนามอีกครั้ง แม้หน้าตาของไอ้คีตะจะไม่แสดงอารมณ์สักเท่าไหร่แต่ผมมองออก ผมมองออกว่ามันรู้สึกอย่างไร คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าสีหน้าของมันตอนนี้เป็นอย่างไรแต่ผมรู้ มันห่วงครูมาก อีกอย่าง...การเรียกชื่อของมันบ่งบอกว่าพวกเขาทั้งสองสนิทกันมากแค่ไหน
“คีตะ ฉันบอกหลายครั้งแล้วให้เรียกฉันว่าครู จำซะบ้างสิ” คุณครูตีอกไอ้คีตะเบาๆ หลังจากผละออกจากกันแล้ว
ผมไม่อยากจะดูสองคนนั้นแสดงความสนิทสนมใส่กันจึงขอตัวไปวอร์มอุ่นเครื่องซักนิด พอดีข้างๆ โรงยิมที่กำลังแข่งมีคอร์ทกลางแจ้งอยู่หนึ่งพอดีผมจึงหยิบลูกบาสที่ถือติดมือมาจากโรงเรียนไปซ้อมที่คอร์ทนั้น
ตึง!!
ตึง!!
ตึง!!
ผมโยนลูกบาสกระทบแป้นอย่างแรงก่อนจะโยนมันอยู่อย่างนั้นจนแป้นบาสสั่นสะเทือน โมโหว่ะ!! กูโมโห!! โมโหเหี้ยไรไม่รู้แหละรู้แต่ว่ากูโมโห กูหงุดหงิด!!
“แบบนี้ไม่เรียกว่าซ้อมแล้วมั้ง” เสียงคุ้นหูดังขึ้นผมจึงหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยสายตาขวางโลก
“ฉันกำลังบริหารกล้ามเนื้อที่แขน ผิดด้วยรึไง” ผมพูดเสียงห้วนพลางซ้อมชู้ตโดยไม่มองหน้าไอ้คีตะเลย เห็นหน้ามันแล้วหงุดหงิดมากกว่าเดิมอีก
“ตกลงนายเป็นอะไรของนาย ฮึ?” ไอ้หมอนั่นถาม ผมหงุดหงิด รำคาญจึงทุ่มลูกบาสลงพื้นอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น
“ถามอยู่ได้ว่าเป็นอะไร ไม่รู้ซักเรื่องจะได้ไหม!?!” ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้หมอนั่นอย่างไม่ชอบใจ สายตาของผมตอนนี้บ่งบอกว่าถ้ามันถามผมมากไปกว่านี้ผมต่อยหน้ามันแน่
“มานี่สิ” หมอนั่นมองหน้าผมด้วยสายตาที่ผมอ่านไม่ออกก่อนจะกางแขนออก ผมก้าวถอยหลังก่อนจะสะบัดหน้าหนี เรื่องอะไรจะเดินเข้าไปกอดมันกันล่ะ
“...”
“ดื้อจังนะนายน่ะ” ไอ้หมอนั่นถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินมากอดผมเองแต่ผมไม่อยากจะถูกหมอนี่ครอบงำผมจึงสะบัดตัวออกและผลักหมอนั่นออกให้ห่างกาย
“ฉันบอกว่าไม่ต้องมายุ่งไง!” ผมตวาดก่อนจะเดินไปเก็บลูกบาสที่อยู่ห่างออกไป
“ไม่ยุ่งไม่ได้ เพราะเรื่องที่นายหงุดหงิดมันเกี่ยวกับฉัน” ไอ้คีตะพูด ผมชะงักก่อนจะหันไปมองหน้ามันพลางแสยะยิ้ม
“นี่ นายนั่นแหละเป็นอะไร ต้องมาจู้จี้จุกจิกเรื่องของคนอื่นแบบนี้มันไม่ใช่นายไม่ใช่เหรอ? คนจะพูดอะไรเกี่ยวกับนายฉันไม่เคยเห็นว่านายจะเดือดร้อนอะไรเลยนี่ แล้วเรื่องที่ฉันหงุดหงิดก็ไม่เกี่ยวกับนายด้วย เพราะงั้นไม่ต้องมายุ่ง” ผมมองหมอนั่นเหมือนที่เคยมองตอนที่ผมเพิ่งเข้าเรียนใหม่ๆ ใช่...สายตาที่ไม่เป็นมิตรและห่างเหิน
“นั่นสินะ ฉันไม่ใช่คนที่จะเป็นเดือดเป็นร้อนเพราะเรื่องแค่นี้ แต่เพราะเป็นนาย...ฉันถึงสนใจ” ไอ้คีตะพูด ผมชะงักก่อนจะหันไปสบกับสายตาแน่วแน่ที่มองตรงมาที่ผม
“ฉันมันไม่น่าสนใจหรอก ไปสนใจครูกิ๋งของนายไม่ดีกว่าเหรอ” ผมพูดก่อนจะรีบเอามือปิดปากตัวเองเอาไว้แล้วหันหน้าหนี พูดอะไรของกูวะเนี่ย อายจัง
“นายอย่าพาลถึงครูกิ๋งได้ไหม?” หมอนั่นขึ้นเสียง อ้าว...โกรธกูอีก นึกว่าจะล้อว่าหึงซะอีก
“ฉันไม่ได้พาล” ผมตอบเสียงเบา
“นายจะพาลใส่ใครฉันไม่ว่า แต่ถ้าพาลใส่ครูกิ๋งฉันไม่ยอม!” ไอ้คีตะทำหน้าโกรธก่อนจะเดินหนีไป อ้าว...เอ่อ...อะไรกันเนี่ย
“เออ! ฉันมันคนพาลนี่!” ผมหน้าบึ้งก่อนจะปาลูกบาสใส่หมอนั่นแต่หมอนั่นหลบแล้วเดินไปเฉยเลย เมื่อกี้...ผมหวังใช่ไหมว่าอยากจะให้หมอนั่นง้อผมบ้าง แต่จะให้ง้อเรื่องอะไรล่ะ ในเมื่อเราทึกทักโกรธเอาเองทั้งๆ ที่หมอนั่นไม่ได้ผิดอะไรซักนิด
ในที่สุดผมก็ไม่ได้ลงเล่นในรอบนี้ และในที่สุดทีมของพวกเราก็แพ้ ผมกลับเข้าไปดูการแข่งขันในช่วงหนึ่งนาทีสุดท้ายพอดี ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะหมดเวลา ไอ้พี่กวินกระโดดชู้ตสามแต้มและมันก็ลงทำให้คะแนนของทีมนั้นนำเราไปเพียงหนึ่งคะแนน
ร่างพี่กวินนอนแผ่อยู่บนสนามพลางหอบหายใจถี่รัว เพื่อนๆ ในทีมบาสต่างก็กรูกันเข้าไปแบกพี่แกมาที่ข้างสนาม เวทีนี้พี่แกเหมือนพระเอกเลยล่ะเพราะสามารถพาทีมชนะได้ทั้งๆ ที่เหลือเพียงหนึ่งวินาที
พอแพ้พวกเราต่างก็หมดอาลัยตาอยากจึงช่วยกันเก็บของอย่างเนือยๆ พวกเราแพ้ตั้งแต่รอบแรกก็เป็นธรรมดาที่จะหดหู่ ถ้าพวกเราแข่งแพ้อีกครั้งเดียวตำแหน่งชนะเลิศระดับเขตคงไม่ได้อยู่ในมือเราแน่ หลังจากนี้พวกเราจะต้องแข่งให้ชนะรวดถึงจะสามารถเข้าไปแข่งในรอบชิงชนะเลิศได้ และทีมที่จะเข้าไปรอเราในรอบนั้นคงไม่พ้นเป็นทีมนี้แน่นอน
“คิท” ไอ้พี่กวินเดินยิ้มแฉ่งมาหาผมทั้งๆ ที่ยังหอบอยู่เลย
“จะมาเยาะเย้ยรึไง” ผมพูดจิกเมื่อเห็นรอยยิ้มของพี่แก
“เปล่าซักหน่อย พี่แค่จะมาบอกว่า...เจอกันในรอบชิงนะ” พี่กวินยิ้มไม่หุบ
“มั่นใจเหลือเกินนะว่าจะชนะจนถึงรอบชิง” ผมเบะปากใส่พี่แก
“มั่นใจสิ เพราะถ้าคิทรอพี่อยู่ตรงนั้นพี่ก็จะมุ่งมั่นไปหาคิทไง”
“อยากจะอ้วก ไม่คิดว่าพี่จะกล้าพูดอะไรที่มันน่าขยะแขยงแบบนี้” ผมส่ายหน้าก่อนก้มหน้าก้มตาเก็บของช่วยคนอื่นๆ
“แข่งรอบหน้าเดี๋ยวพี่มาเชียร์นะ” พี่กวินเดินมาดึงกระติกน้ำที่ผมถือไปถือไว้เอง
“ไม่ต้องหรอก เพราะยังไงผมคงไม่ได้ลงแข่งเหมือนตอนม.ต้นนั่นแหละ” ผมพูด ตอนม.ต้นผมแทบไม่เคยได้ลงสนามกับคนอื่นเขาเพราะตัวของผมมันเตี้ยไง
“ยังไงพี่ก็จะมาเชียร์” พี่กวินพูดพลางเดินตามผมไปที่รถของโรงเรียนเรา
“ก็บอกว่าไม่ต้องมาไง ทำไมพี่ถึงดื้อแบบนี้นะ!” ผมตะคอกใส่พี่แก
“คนที่ดื้อน่ะมันคิทมากกว่านะ นายยังเป็นเด็กดื้อของพี่เสมอนะ”
“ผมไม่ใช่ของพี่!” ผมตวาดพลางเดินถอยหลัง พี่กวินตกใจก่อนจะยอมผมแต่โดยดี ผมยังสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่ถูกคนที่เคารพหักหลังอยู่เลย พี่กวินคงเข้าใจตรงจุดนั้นดี
“ครับๆ งั้นแข่งคราวหน้าก็พยายามเข้านะ พี่จะเอาใจช่วยให้คิทได้ลงเล่น” พี่กวินช่วยยกกระติกน้ำขึ้นรถก่อนจะเดินจากไป
ผมทรุดนั่งลงอยู่ข้างรถบัสก่อนจะถอนหายใจ เห็นหน้าพี่แกทีไรเป็นต้องกลัวตลอดเลย ผมหนักใจทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องราวและได้เห็นหน้าพี่กวิน
“คิทรู้จักกับกัปตันฝ่ายนั้นด้วยเหรอ?” พี่บอลเดินมาถาม หา? ไอ้พี่กวินเนี่ยนะเป็นกัปตัน
“กัปตัน?” ผมทวนคำ
“ใช่ หมอนั่นเป็นกัปตันของทีมนั้น เล่นเก่งมากทีเดียว” พี่บอลพูด นั่นสินะ พี่กวินก็เคยเป็นกัปตันชมรมบาสสมัยผมอยู่ม.ต้นเหมือนกัน
“เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าน่ะครับ” ผมตอบ
“ดูเขาจะชอบคิทนะ”
“ผมเกลียดมัน!!” ผมเบ้หน้าก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น
“ฮะๆ เอาเถอะๆ ขึ้นรถกันเถอะป่ะ” พี่บอลพูดพลางส่งมือให้ผมจับ ผมยื่นมือไปจับมือพี่บอลก่อนตัวของผมจะถูกฉุดขึ้น ผมยิ้มกับความใจดีของพี่บอลก่อนจะเดินขึ้นรถพร้อมพี่แก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คีตะ น้องงอนแกอ่ะ
เลิกคนใจผู้หญิงแล้วมาง้อน้องด่วนๆ เลยนะแก
ความคิดเห็น