ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I'm not gay!! แต่คนที่ชอบบังเอิญเป็นผู้ชาย (Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #21 : Rule 16 : (Special Khim x Pete) อาการแพ้2

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.86K
      25
      23 ก.พ. 56

    Rule 16 : (Special Khim x Pete) อาการแพ้2


                    หลังจากเล่นเกมรับรางวัลอะไรกันเรียบร้อยก็เป็นเวลาเย็นแล้ว  พวกผมแยกย้ายกันออกไปทำธุระส่วนตัวก่อนจะออกไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
     

                    ทานอาหารเสร็จพวกเราก็ไปทำกิจกรรมนันทนาการที่ห้องโถงของโรงแรม  เพราะช่วงนี้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดรีสอร์ทแห่งนี้จึงเงียบแทบไม่มีนักท่องเที่ยวเลย  นั่นมันก็ดีต่อพวกผมเพราะมันดูเป็นส่วนตัว
     

                    ผมหลบออกมาจากกิจกรรมนันทนาการเพราะอยากออกมาสูดอากาศดีๆ ตอนกลางคืน  ในห้องนั้นร้อนไปหน่อยเพราะมีคนอยู่มาก  ผมหลบออกมาแบบนี้คงไม่มีใครสังเกตหรอกเพราะต่างคนต่างก็สนุกกันเต็มที่แต่ผมก็บอกไอ้คิทไว้แล้วว่าผมจะออกมาข้างนอก




     

     

                    ผมเดินออกมาตรงสวนดอกไม้ก่อนจะนั่งลงบนโคนต้นไม้ใหญ่ข้างๆ สวนดอกไม้  ดอกไม้ตอนกลางคืนนี่ก็สวยดีนะแม้พวกมันจะดูซบเซาเหมือนกำลังนอนหลับพักผ่อนก็ตาม 
     

    พอมานั่งอยู่คนเดียวแบบนี้ เหตุการณ์เมื่อตอนเช้าก็เข้ามาในหัวผม  ที่พี่ขิมจูบผมนั่นมันเพราะอะไรกันนะ  เพราะพี่แกชอบผมจริงๆ หรือแค่เล่นๆ  แต่เท่าที่ดูเหมือนพี่แกจะเล่นๆ กับผมมากกว่าเพราะพี่แกชอบหว่านเสน่ห์ใส่คนอื่นด้วย
     

                    แปะ!
     

                    ผมตบยุงด้วยความรำคาญ  อยู่บนดอยยุงก็เยอะเหมือนกันนี่หว่า  โชคดีนะเนี่ยที่เราพกยากันยุงมาด้วย  ผมหยิบเสปรย์ฉีดกันยุงขึ้นมาฉีดใส่แขน  นี่ขนาดผมใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวยุงมันยังกัดผมได้เลย  ยุงสมัยนี้มันพัฒนาตามเทคโนโลยีจริงๆ
     

                    “น้องพีทมียากันยุงด้วยเหรอ? ขอพี่บ้างสิ” เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นหลังต้นไม้ผมจึงรีบหันไปมอง  พี่ขิมเดินออกมายืนข้างๆ  ผมตกใจจนผงะแทบหงายหลัง
     

                    “ทำไมมาอยู่ที่นี่??” ผมถามเสียงดัง
     

                    “อยู่ข้างในมันอึดอัดน่ะพี่เลยออกมาสูดอากาศข้างนอก  ไม่คิดว่าจะมาเจอน้องพีท” พี่ขิมยิ้ม
     

                    “ชิ!” ผมถอนหายใจเซ็งๆ พลางทำท่าจะเดินหนี
     

                    “นี่ พี่ขอยากันยุงด้วยสิ  ยุงเยอะมากเลย” พี่ขิมแบมือขอยากันยุงจากผม  เรื่องอะไรผมจะต้องให้ด้วยล่ะ
     

                    “ไม่ โดนยุงกัดตายไปเลยยิ่งดี” ผมเบ้ปากใส่พี่ขิมก่อนจะเดินหนี
     

                    “อะ อ๊ะ!” ผมยังก้าวไปได้ไม่เท่าไหร่พี่ขิมก็ร้องขึ้นก่อนจะทรุดลงกับพื้น  ผมรีบหันไปมองอย่างตกใจแล้วเข้าไปประคองพี่ขิมที่ล้มลงไปอย่างงงๆ
     

                    “พี่ขิมเป็นอะไรไป!?!” ผมถามอย่างสงสัย  อยู่ดีๆ ก็ล้มลงไปแถมยังหอบหายใจถี่รัวมือจิกเกร็งผมก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา
     

                    “พะ...พี่...พี่...พี่แพ้ยุง อึก!” พี่ขิมจิกแขนตัวเองอย่างทรมาน  สีหน้าพี่ขิมดูทรมานมาก  แล้วผมจะช่วยพี่แกได้ยังไงเนี่ย??
     

                    “แล้วจะให้ผมทำไงอ่ะพี่  จะตายไหมเนี่ย!?!” ผมเงอะงะทำอะไรไม่ถูก
     

                    “จุ๊บแก้มทีนึงหายเลย” พี่ขิมหยุดการกระทำเมื่อกี้ทุกอย่างก่อนจะยิ้มหน้าทะเล้น  ผมกำมือแน่นก่อนจะผลักพี่ขิมออกจนพี่มันล้มกลิ้ง 
     

                    “ไอ้คนนิสัยไม่ดี!! ผมไม่อยากจะเสวนากับพี่แล้ว!!” ผมพูดอย่างโกรธๆ  ไอ้พี่บ้านี่กวนตีนจริงๆ  ผมว่าอีกไม่นานรอยรองเท้าผมคงไปทาบหน้าพี่แกแน่ๆ
     

                    “พี่ขอโทษนะ  แค่แกล้งเล่นนิดเดียวเอง” พี่ขิมวิ่งมาขวางหน้าผมก่อนจะยิ้มทะเล้น
     

                    “ผมไม่ขำ  พี่อยากแกล้งใครก็แกล้งไปแต่อย่ามายุ่งกับผม  ผมรำคาญพี่จริงๆ ให้ตายสิ!!” ผมทำหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินชนไหล่พี่ขิมไปอย่างไม่แยแส  เดินชนพี่แกผมก็เจ็บเองเพราะไหล่ผมไม่ได้ชนไหล่แกแต่สิ่งที่ชนไหล่แกน่ะหน้าผมเอง =..=
     

                    ตุบ!!
     

                    ผมเดินออกมาได้เพียงสองก้าวเสียงวัตถุหนักๆ ก็หล่นกระทบพื้น  ผมหันไปมองก็เห็นว่าเป็นพี่ขิมที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นโดยมีอาการเหมือนเดิมกับเมื่อครู่แต่ดูเหมือนจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ  ฮึ  ลูกไม้เดิมๆ มันใช้ไม่ได้ผลเป็นครั้งที่สองหรอกนะจะบอกให้
     

                    “อึก ฮึก!!” เสียงพี่ขิมครางอย่างทรมานทำให้ผมหันกลับไปมองแต่ไม่ได้เดินเข้าไปหาเพราะผมยังไม่มั่นใจในตัวพี่ขิม
     

                    มือที่กอดตัวเองจิกลงไปที่แขนจนเป็นรอยแดงและไม่นานเลือดก็เริ่มไหลซิบออกมาจากรอยที่ถูกจิก  ผมรีบไปประคองพี่ขิมมานอนบนตักก่อนจะดึงมือพี่แกให้มาจับมาผมไว้เพราะถ้าขืนพี่แกจิกแขนตัวเองต่อไปมีหวังเลือดไหลเยอะกว่าเดิมแน่  ครั้งนี้พี่ขิมคงไม่หลอกผมอีกหรอกมั้ง
     

                    “พี่ขิม  พี่ขิมเป็นไรอ่ะ!?!” ผมถามอย่างตกใจ  พี่ขิมบีบมือผมแน่น ตัวพี่แกสั่นระริกเหมือนกำลังจับไข้  หน้าซีดปากสั่นหอบหายใจถี่รัว
     

                    “ช่วยด้วย!! ช่วยด้วย!! พี่ขิมเป็นอะไรก็ไม่รู้!!” ผมตะโกนอย่างร้อนใจในค่ำคืนที่เงียบสงัด  ผมตะโกนอยู่ซักพักก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากูใช้โทรศัพท์โทรหาไอ้คิทก็ได้นี่หว่า
     

                    “ฮัลโหล” เสียงไอ้คิทดังมาพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่ม
     

                    “คิท คิท ช่วยด้วย  ช่วยที!! พี่ขิมเป็นอะไรก็ไม่รู้อ่ะมึง!?! ช่วยหน่อยเร็วๆ” ผมพูดเสียงสั่นๆ  กลัวเหลือเกินว่าพี่ขิมจะเป็นอะไรไป  ท่าทางพี่ขิมเหมือนคนกำลังจะขาดใจเลย
     

                    “เออๆ” ไอ้คิทพูดก่อนจะตัดสายไป  ผมบีบมือพี่ขิมแน่น  พี่ขิม...อย่าเป็นอะไรไปนะพี่!!




     

     

                    เพียงไม่นานพวกพี่ๆ กรรมการนักเรียนก็วิ่งออกมาพร้อมกับไอ้คิทและไอ้มินทร์  ผมร้อนใจลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก
     

                    “พี่ขิมเป็นไรอ่ะครับ? พี่ขิมเป็นไร??” ผมหันหน้าไปถามพี่คิท
     

                    “มันโดนยุงกัดรึเปล่า??” พี่คิทถามพลางกดโทรศัพท์โทรเรียกรถพยาบาล
     

                    “คงงั้นแหละครับ” ผมพยักหน้ารัวๆ
     

                    “ไอ้ขิมมันแพ้ยุงน่ะ  สงสัยโดนกัดหลายตัว  อาการหนักเลย” พี่คิทพูดกับผมก่อนจะพูดกับโรงพยาบาล  ที่พี่ขิมเป็นแบบนี้เพราะผมสินะ  เพราะผมไม่ยอมให้ยากันยุงกับพี่ขิม
     

                    “แล้วพี่ขิมจะเป็นไรไหมครับ??” ผมถามเสียงสั่น  ถ้าผมเชื่อพี่ขิมและยอมให้พี่ขิมใช้ยากันยุงมันคงไม่เป็นแบบนี้ ยิ่งเห็นท่าทางทรมานของพี่ขิมผมยิ่งรู้สึกแย่
     

                    “ไม่รู้สิ  ชิ! รถพยาบาลมาช้าจริงโว้ย!” พี่คิทสบถก่อนอุ้มพี่ขิมขึ้นและพยักพเยิดให้พี่ดินไปเอารถของทางรีสอร์ทออก อุ้มอ่ะ...พี่คิทอุ้มพี่ขิมในท่าเจ้าสาวอ่ะ  อยากจะกรีดร้องด้วยความฮา แต่ทำตอนนี้ไม่ได้        
     

    “บอล มึงไปบอกอาจารย์  อย่าทำให้นักเรียนแตกตื่น  ถ้ามีอะไรกูจะติดต่อมาอีกที” พี่ดินพูดก่อนจะวิ่งไปเจรจาขอยืมรถและขับออกมา  พี่คิทอุ้มพี่ขิมยัดใส่เบาะหลังก่อนตัวเองจะอ้อมไปนั่งข้างคนขับ
     

                    “พี่ ผมไปด้วย!” ผมตะโกนก่อนที่รถจะออกแล้วรีบกระโจนขึ้นรถจนไอ้คิทกับไอ้มินทร์ห้ามไว้ไม่ทัน  เรื่องนี้กูผิดกูต้องรับผิดชอบ




     

     

                    ถนนที่เงียบสงัดสะท้อนเสียงล้อรถเสียดสีกับพื้นถนนดังก้อง  ผมที่นั่งบีบมือพี่ขิมอยู่ในรถใจเต้นระส่ำเมื่อรถตวัดทิ้งตัวไถลไปตามทางที่โค้งวน  พี่ดินขับรถได้ตีนผีสุดๆ และที่ผมไม่อยากจะเชื่อก็คือพี่ดินแกดริฟท์รถได้!!
     

                    “รถคันนี้ดริฟท์ได้ด้วยเหรอวะ?” พี่คิทถามเมื่อพี่ดินดริฟท์ในโค้งแรก
     

                    “เออดิ  ตอนที่กำลังขอยืมรถของรีสอร์ทพอดีกับที่ลูกชายเจ้าของรีสอร์ทมาพอดี  เขาได้ยินว่ามีคนป่วยเลยให้ยืมรถมา  รถแต่งมาดีซะด้วยสิ” พี่ดินพูดเสียงร่าเริง  นี่พี่ครับ หยุดสนใจเรื่องรถแล้วมาสนใจพี่ขิมเถอะ  ตายแหล่มิตายแหล่แล้วเนี่ย
     

                    “งั้นมึงรีบเหยียบเลย” พี่คิทพูดพี่ดินจึงเหยียบคันเร่งจนผมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว




     

     

                    พี่ขิมต้องนอนโรงพยาบาลเพราะพี่แกช็อคตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย  พวกพี่คิทไปฟังหมอวินิจฉัยโรคส่วนผมก็ตรงเข้าไปหาพี่ขิมในห้องพักฟื้น
     

                    พี่ขิมนอนนิ่งอยู่บนเตียงใบหน้าซีดเผือด  แขน คอ และใบหน้าของพี่ขิมเต็มไปด้วยผื่นแดงๆ ดูเหมือนว่าพี่ขิมจะมีอาการแพ้ยุงอย่างรุนแรงจนถึงขั้นช็อค  นี่ถ้าผมให้ยากันยุงพี่ขิมคงจะไม่เป็นแบบนี้  ตอนนี้ผมรู้สึกผิดมากที่ทำให้พี่ขิมต้องเข้าโรงพยาบาล  อาการของพี่แกดูร้ายแรงจนผมอยากจะร้องไห้
     

                    แอ๊ดดด
     

                    “น้องพีท  จะกลับเลยไหมครับ  นี่ก็ดึกมากแล้ว” พี่ดินเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับพี่คิทแล้วถามขึ้น
     

                    “พวกพี่จะกลับแล้วเหรอครับ  พี่ขิมยังไม่ฟื้นเลยนะฮะ” ผมถาม
     

                    “พรุ่งนี้ต้องไปฟังบรรยายที่ มช ด้วยนี่คงต้องกลับแล้วล่ะ” พี่ดินพูด  นั่นสิ  พรุ่งนี้มีฟังบรรยายและมีการเที่ยวชมมหาวิทยาลัยด้วยนี่นา  โอกาสดีๆ ที่จะได้ตัดสินใจเลือกเรียนมหาวิทยาลัยแบบนั้นถ้าไม่ไปคงน่าเสียดาย
     

                    แต่ตอนนี้ผมอยู่แค่ม.4 เรื่องแบบนั้นยังไม่ต้องคิดมากก็ได้มั้ง
     

                    “ผมขออยู่เฝ้าพี่ขิมได้ไหมครับ? ผมมีส่วนทำให้พี่ขิมเป็นแบบนี้ผมคงไม่มีอารมณ์ไปฟังบรรยายหรอกครับ” ผมพูด
     

                    “พี่ว่าอย่าดีกว่า  โอกาสที่จะได้เข้าฟังบรรยายแบบนั้นหาไม่ได้ง่ายๆ นะน้องพีท  เดี๋ยวพี่จะเฝ้าไอ้ขิมเอง” พี่คิทพูด
     

                    “ผมยังมีเวลาเหลือให้ตัดสินใจเลือกเข้ามหาวิทยาลัยอีกตั้งหลายปี  แต่ถ้าพี่ขิมตายผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต” ผมก้มหน้าพูด
     

                    “เอางั้นเหรอ? อืม...งั้น ถ้าไอ้ขิมมันฟื้นแล้วก็โทรมาบอกพี่ละกันนะ  พี่จะอัดวิดีโอตอนฟังบรรยายมาให้ละกัน” พี่ดินพูดพลางอมยิ้ม  ยิ้มทำไม??
     

                    “ครับ  เดี๋ยวผมโทรบอก” ผมพูดพลางยื่นโทรศัพท์ให้พี่ดินกดเบอร์ให้
     

                    “งั้น...พรุ่งนี้เดี๋ยวพี่มารับละกัน” พี่ดินกับพี่คิทโบกมือก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ลืมปิดประตู




     

     

                    “อึก...อย่า...ตรงนั้นมัน...”

                    “หืม?ตรงนี้...สนุกเหรอ?”

                    “อ่ะ จะ...เจ็บ!! ฮา...อย่ารุนแรงนักสิ อึก...อ่า...นี่มันครั้งแรกของผมนะ”

                    “น่าดีใจจังเลยที่พี่เป็นคนแรกของน้องพีท” เสียงนุ่มๆ กระซิบอยู่ข้างหูทำให้อารมณ์พลุ่งพล่านยิ่งกว่าเดิม

                    “ผมก็ดีใจที่ผมเป็นของพี่...อ่ะ อือ อย่าหยุดนะครับ ฮา...”

                    “ครับ น้องพีท  รักนะครับ”

                    “อ๊า พี่...พี่ขิ...”




     

                    เฮือก!!!
     

                    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก  เหงื่อกาฬไหลอาบเต็มหน้า  ทั้งร่างกายสั่นเทิ้มไปหมด  ครั้นพอก้มลงไปมองน้องชายหน้าผมก็ยิ่งร้อนกว่าเดิม  นี่...นี่ผมฝันบ้าฝันบออะไรเนี่ย!!!!
     

                    “น้องพีทจะไปไหนครับ?” ผมสะดุ้ง  ขาที่กำลังจะก้าวไปที่ห้องน้ำพลันชะงักก่อนที่ผมจะหันไปหาต้นเสียง  เสียง...อ๊ากกกก  เสียงเหมือนในฝันเลย  แง!!
     

                    “ปะ...ไปห้องน้ำ” ผมรีบตอบก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องน้ำ  ให้ตายเถอะ! ทั้งเสียง ทั้งหน้าตาเหมือนไอ้คนที่มันอยู่ในฝันผมเลย
     

                    แล้วนี่...กูจะมาเกิดอารมณ์ตอนนี้ทำไมวะ!!
     

                    ผมกัดฟันก่อนจะปลดปล่อยอารมณ์ที่มันค้างมาจากความฝัน  เมื่อเรียบร้อยผมจึงเดินออกจากห้องน้ำ  ยังไม่อยากเจอพี่ขิมเลยแฮะ
     

                    “ฝันร้ายเหรอ  ทำไมถึงตื่นขึ้นมาตอนดึกๆ แบบนี้” พี่ขิมถาม
     

                    “พี่นั่นแหละ ทำไมเพิ่งมาตื่นเอาตอนนี้” ผมทำหน้าไม่พอใจก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาที่เป็นที่นอนของผม  ผมไม่พอใจเพื่อกลบเกลื่อนหน้าแดงๆ ของผมนี่แหละ
     

                    “อ้าว ก็มันตื่นเองนี่นา  แล้วนี่พี่มาอยู่นี่ได้ไง” พี่ขิมถาม
     

                    “พี่คิทอุ้มมา” ผมตอบ  คือผมยังขำไม่หายเรื่องที่พี่คิทอุ้มพี่ขิมในท่าเจ้าสาว
     

                    “หา? ไอ้บ้านั่นทำเรื่องน่าอายอีกแล้วเหรอ?” พี่ขิมบ่นกับตัวเอง
     

                    “อีกแล้ว?” ผมทวนคำงงๆ
     

                    “หา เอ่อ...เวลาพี่เป็นอะไรไอ้คิทมันจะอุ้มตลอด เอ่อ เฮ้ย มันไม่ได้อุ้มพี่คนเดียวนะ  ก็...ไม่มีใครอุ้มพี่ได้แล้ว เอ่อ...พูดอะไรวะเนี่ย  น่าอายจัง” พี่ขิมเบือนหน้าไปด้านอื่นพลางเกาแก้มที่เริ่มแดงเบาๆ  นี่พี่แกอายงั้นเหรอ  น่ารักดีเหมือนกันนี่
     

                    “...” เมื่อพี่ขิมไม่พูดผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรจึงเงียบ
     

                    “แล้วไม่กลับเหรอครับ? พรุ่งนี้มีเยี่ยมชมมหาลัยด้วยนี่  ถ้าไม่ไปถือว่าพลาดโอกาสดีๆ เลยนะ” พี่ขิมพูดขึ้นโดยไม่มองหน้าผม
     

                    “ผมต้องมาดูให้เห็นกับตาก่อนน่ะครับว่าผมไม่ได้ทำให้พี่ตาย” ผมพูด
     

                    “พี่ดีใจนะเนี่ยพี่น้องพีทเป็นห่วงพี่” พี่ขิมหันมามองหน้าผมพลางยิ้ม
     

                    “ใคร? ใครเป็นห่วงพี่ครับ พูดดีๆ นะพี่” ผมพูดเสียงห้วนกวนตีนพี่ขิมจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
     

                    “ดีจังน้า  ปกติเวลาเจอหน้ากันน้องพีทจะชอบทำหน้าบึ้ง  เย็นชาใส่พี่ตลอดเลย  สงสัยต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ซะแล้วสิเนี่ย” พี่ขิมกรอกตามองเพดานพลางยิ้มไม่หยุด  บ้า มองเพดานแล้วยิ้ม  มองหน้ากูแล้วยิ้มไม่ได้รึไงวะ >///<
     

                    “ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ยิ้มให้พี่ซักหน่อยนี่  จะดีใจทำไม”
     

                    “ความรู้สึกมันแตกต่างนะ” พี่ขิมพูด
     

                    “เอาเถอะ ฟังแล้วเลี่ยนๆ ยังไงก็ไม่รู้  ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วผมว่าพี่นอนเถอะ ผมก็จะนอนแล้ว” ผมพูดพลางล้มตัวลงนอนบนโซฟา
     

                    “มานอนกับพี่ไหม?? นอนโซฟามันหนาวนะ” พี่ขิมชวน  บ้าสิ  เมื่อกี้ผมเพิ่งฝันนะเฮ้ย!!
     

                    “ไม่!!
     

                    “เย็นชาจังเลยน้า”




     

     

                    พอตอนเช้าหมอก็มาบอกอาการของพี่ขิมและบอกว่าวันนี้เย็นๆ ค่อยออกจากโรงพยาบาล  ผดผื่นบนร่างกายของพี่ขิมลดลงมากจนหายห่วง  ก่อนหมอออกไปพี่ขิมก็โดนฉีดตูด  ก่อนถูกฉีด พี่ขิมหันมามองผมก่อนจะบอกให้ผมหันหน้าไปทางอื่น  นี่พี่แกเขินเหรอเนี่ย  ฮ่าๆๆ ฮาตับแตกเลย!!
     

                    หลังจากหมอออกไปได้ไม่นานพวกพี่ดินก็มากันครบเซ็ตโดยมีเด็กสองคนติดมาด้วย
     

                    “ไม่พาพวกน้องๆ ไปชมมหาลัยรึไงวะ” พี่ขิมถามเมื่อเห็นเพื่อนเข้ามา
     

                    “แอบดอทออกมา  ขโมยรถตู้ของโรงเรียนมา ฮ่าๆๆ เกือบโดนตำรวจซิวไปแล้วไหมล่ะ” พี่ดินพูดขำๆ พลางโยนแอปเปิ้ลลูกโตไปที่เตียงคนป่วยซึ่งพี่ขิมก็รับได้อย่างแม่นยำก่อนจะกัดเสียคำใหญ่  อยากกินด้วยอ่ะ
     

                    “มีด่านเหรอ?” พี่ขิมถาม
     

                    “เออดิ โชคดีพ่อกูใหญ่” พี่ดินยืดอกก่อนจะตบที่อกตัวเองเบาๆ
     

                    “พี่ดินขับรถเก่งจังเลยนะครับ” ผมพูด  ตั้งแต่เจอพี่แกดริฟท์ครั้งนั้นผมก็ช็อคละ
     

                    “อยากเป็นนักแข่งรถก็เลยฝึกมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว” พี่ดินยิ้มภูมิใจ  มิน่าล่ะ  เก่งซะ
     

                    “แล้วนี่หมอมาตรวจยัง?” พี่บอลเดินอ้อมไปที่ข้างเตียงอีกด้าน
     

                    “อืม ออกตอนเย็นนี้แหละ” พี่ขิมพยักหน้าพลางพูด  แม่ง แอปเปิ้ลเต็มปาก
     

                    “เออนี่ น้องเขาอยากมาเยี่ยมก็เลยพามาด้วย” พี่ดินพูดพลางพยักพเยิดไปที่เด็กรุ่นเดียวกันกับผมสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
     

                    “น้องจิว?” พี่ขิมมองคนคนนั้นก่อนจะยิ้มบางๆ
     

                    “พี่ขิมเป็นอะไรไม่บอกผมเลย  ผมเป็นห่วงนะครับ” ไอ้คนที่คาดว่าชื่อจิวเดินมาข้างเตียงก่อนจะวางมือลงบนหลังมือของพี่ขิม  อะไรกัน??
     

                    “พี่จะเอาเวลาไหนไปบอกล่ะครับ ฮึ?” พี่ขิมยิ้มก่อนจะขยี้ศีรษะได้คนที่คาดว่าจะชื่อจิว  แล้วอีกคนหนึ่งนั่นคงแค่มาเป็นเพื่อนล่ะมั้ง  โดนเพื่อนทิ้งแล้วมึงเอ๊ย
     

                    “ทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองแพ้ยุงแล้วทำไมออกไปตากยุงทั้งๆ แบบนั้นล่ะ” ไอ้จิวคนนั้นตีพี่ขิมอย่างงอนๆ  เฮ้ย นี่มันเป็นเหี้ยไรกันวะ บอกกูที
     

                    “พี่ก็แค่ออกไปตากลมเฉยๆ ถ้าเป็นห่วงพี่แล้วทำไมถึงไม่ออกไปตามพี่ล่ะ”
     

                    ผมยืนขบกรามก่อนจะถอยออกมานั่งบนโซฟาตัวเดินที่เคยนอน  ไอ้เราก็เกือบหลงเชื่อคารมพี่แก คิดว่าพี่แกชอบเราจริงๆ ฮึๆ แม่งเอ๊ยยยย กูหงุดหงิด!! ไม่ได้หึงนะขอบอกไว้ ณ ตรงนี้ แค่หงุดหงิด  ใครเคยเป็นคงจะเข้าใจผมอย่างลึกซึ้งว่าถ้ามีคนมาชอบเราแล้วจู่ๆ ก็มาป้อคนอื่นต่อหน้าเรามันจะรู้สึกอย่างไร ฮึ่ม!!
     

                    “พี่ๆ ครับ  ผมขออยู่กับพี่ขิมจนกว่าพี่ขิมจะออกจากโรงพยาบาลได้ไหมครับ?” ไอ้คนที่ชื่อจิวอะไรนั่นหันมาอ้อนพวกพี่ดิน  แม่ง...หน้าตาน่ารักแล้วแอ๊บแบ๊วนะมึง
     

                    “ไม่ กลับไปกับพวกนี้ดีกว่า  การไปฟังบรรยายของมหาลัยมันดีนะ  เผื่อเราชอบมหาลัยนี้ไง  เชื่อพี่นะครับน้องจิว” ทำเป็นพูดดี  แหวะ  กูล่ะหมั่นไส้
     

                    “ไม่อ่ะ  พี่ขิมไปมหาลัยไหนผมก็จะไปด้วยเพราะงั้นผมจะอยู่กับพี่ขิมที่นี่” ไอ้หมอนั่นดื้อ
     

                    “ดื้อจริงๆ เลย  ไปเถอะ  พี่ขอนะเพื่ออนาคตของเราด้วย” พี่ขิมพยายามเกลี้ยกล่อม  โอย กูหยะแหยงงงงง
     

                    “โอ๊ย! เขาอยากอยู่แล้วจะไปรั้งทำไมล่ะคร้าบ  อยู่ไปเถอะ!” ผมพูดขึ้นพลางนั่งไขว่ห้างวางมาด
     

                    “ถ้าน้องจิวอยู่น้องพีทจะไปเหรอครับ?” พี่หันมาถาม
     

                    “แล้วจะให้ผมอยู่ทำไมล่ะ? อยู่ทั้งคืนละ เบื่อ!” ผมยกยิ้ม  คอยดูเถอะ  ถ้าพี่ขิมพูดอะไรมาผมจะไม่หลงระเริงไปกับคำพูดของพี่แกเลย  ถึงจะมาทำดีกับผมผมก็จะไม่ใส่ใจ!
     

                    “งั้น ฝากด้วยนะพวกมึง” พี่ขิมหันไปพูดกับพวกพี่ๆ
     

                    “สรุปคือ  น้องพีทกับน้องคนนี้กลับส่วนน้องจิวอยู่ที่นี่?” พี่ดินถามซ้ำอีกครั้ง  ไอ้ที่มาเป็นเพื่อนไอ้จิวนั่นดูไร้ความหมายจนเกือบลืมไปเลยแฮะ
     

                    “อืม เป็นงั้นแหละ” เมื่อพี่ขิมตอบอย่างนั้นผมก็ลุกออกไปทันที  ฮึๆ พอมันมาก็อยากให้กูกลับ  ไอ้...ไอ้เกย์เจ้าชู้เอ๊ย 

     

     

    Special part end.


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขิมมมม  ทำไมนายทำแบบนี้อ่า  เชอะ!!

    ปล.ตอนหน้าเป็นของคู่หลักละคร้าบ ^<>^

    B B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×