ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #59 : Rule 44 : รักพี่ต้องคุยกับพ่อ 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.02K
      96
      4 มิ.ย. 56

    17/05/13
    Update : 04/06/13
    Rule 44 : รักพี่ต้องคุยกับพ่อ


    ผู้หญิงคนไหนอยากจุ๊บมั่งครับ?


     





                    “มีธุระอะไรครับ?” พี่ลันเงียบไปสักพักก่อนจะถามพลางพยายามดึงแขนออกมาจากการเกาะกุมแต่พี่กี้ก็ยืนยันที่จะกอดให้ได้ทำให้พี่ลันต้องหันมามองผม  ผมพยักหน้าหน่อยๆ พี่ลันจึงพาพี่กี้เข้ามาในห้อง  เมื่อเห็นว่าผมอยู่ในห้องพี่กี้ก็มีท่าทางโกรธขึ้นมาทันที

                    พี่กี้...เพื่อนพี่น้ำ  ผู้หญิงแอ๊บแบ๊วที่แกล้งทำน้ำหกราดใส่ผมและเป็นคนที่พ่อพี่ลันหามาให้หวังจะให้หมั้นกับพี่ลัน

                    “กี้มาคุยกับลันเรื่องงานหมั้นค่ะ” พี่กี้พูดเสียงหนักแน่น  ผมสะดุ้งหันไปมองหน้าพี่ลันทันที  ไอ้เราก็อุตส่าห์ทำเป็นไม่สนใจแล้วแท้ๆ เชียว

                    “มันจบไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” พี่ลันพูดเสียงเย็น  ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่กี้ก่อนจะหันกลับไปมองจอทีวีอย่างไม่สบอารมณ์

                    “ตอนที่กี้มาคุยครั้งนั้นลันทำท่าว่าจะหมั้นกับกี้ไม่ใช่เหรอคะ? กี้ให้คุณพ่อไปตกลงกับพ่อลันแล้วนะคะ  พวกท่านได้ฤกษ์มาแล้วด้วย” พี่กี้พูด  ผมเม้มปากฟังอย่างไม่ชอบใจ

                    “กี้ ผมจะหมั้น...!” ผมหันขวับไปมองหน้าพี่ลันอย่างโกรธเคืองทันที “...ก็ต่อเมื่อคู่หมั้นของผมคือเด็กคนนี้” พี่ลันพูดพลางคว้าตัวผมไปโอบไหล่เอาไว้  ผมยิ้มให้พี่ลันก่อนจะแสยะยิ้มใส่พี่กี้ที่กำลังเม้มปากแน่น

                    “ลัน! ลันไม่เป็นลูกผู้ชายเลยนะคะ” พี่กี้กระแทกเสียง

                    “ผมอาจจะยังไม่ได้ปฏิเสธให้ชัดพอแต่การที่กี้ไปบอกคุณพ่อของกี้ว่าเราจะหมั้นกันมันก็ไม่สมควรนะครับ” พี่ลันพูด  ผมมองหน้าตาจริงจังของพี่มันก่อนจะเอนตัวซบแล้วยักคิ้วใส่พี่กี้  เอาดิวะ ของใครใครก็หวงเฟ้ย  อย่า...อย่าให้กูเอสเหมือนคราวพี่น้ำนะเออ  ไม่อยากมีหญิงมาติดพัน ฮึๆ

                    “แต่การที่ลันไม่ปฏิเสธกี้ให้มันชัดๆ แล้วยังจะมาให้ความหวังกี้มันก็ไม่ดีนะคะ  ลันต้องรับผิดชอบ!” พี่กี้ขึ้นเสียง

                    “ผมขอโทษนะกี้ที่ผมมีท่าทีเหมือนจะให้ความหวังกี้แต่ผมแค่ประชดไอ้สูงเพราะตอนนั้นเรากำลังผิดใจกัน  กี้อยากจะให้ผมรับผิดชอบยังไง?”

                    “หมั้นกับกี้” พี่กี้ยื่นคำขาด

                    “ขอโทษนะครับ  ผู้ชายเขาปฏิเสธขนาดนี้ยังจะตื๊ออีกเหรอ หืม?” ผมเดินไปนั่งข้างๆ พี่กี้ก่อนจะยกยิ้มแสยะ

                    “ไม่ต้องพูดค่ะ ไม่ได้ขอความคิดเห็น” พี่กี้หันมาจิกสายตาใส่ผม อูย เจ็บเลยนะเนี่ย  เขาหาว่าเราเสือกอ่ะครับ

                    “ไม่ได้ขอความคิดเห็นแต่ผมจำเป็นต้องให้เพราะคนที่พี่อยากจะหมั้นด้วยน่ะเมียผม!” ผมพูดเสียงเข้ม

                    “สูง ผัวไม่ใช่เมีย” พี่ลันสะกิดบอกผมจึงหันกลับไปมองหน้าพี่ลันพลางทำปากยื่น  ไอ้เราก็แค่อยากจะเป็นผัวกับเขาบ้างแค่นั้นเอง

                    “เอ้อนั่นแหละ จะอะไรก็ช่างแต่พี่ไม่มีสิทธิมาลักไก่แบบนี้นะครับ  แค่พ่อเห็นด้วยก็คิดว่าลูกชายเขาจะเอาหรือไงครับ? ขนาดเจ๊น้ำที่ตื๊อมาหลายปียังไม่ได้แอ้มเลยแล้วเจ๊เป็นใครครับ?” ผมยักคิ้วทำหน้ากวนตีนจนยัยเจ๊นั่นทำหน้าตาน่าหัวเราะ

                    “อี๋! วิปริต! อีตุ๊ด!” โดนด่าตุ๊ดอีกละ  หนังหน้ากับท่าทางกูตุ๊ดตรงไหนวะเนี่ย  เสียงก็แมนอยู่นะ

                    “เฮ้ย ผมผู้ชายทั้งแท่งนะเจ๊  พิสูจน์ป่ะ?” ผมเลิกคิ้วพลางมองไปที่เป้ากางเกง

                    “เยอะไปๆ ฉันพิสูจน์ได้คนเดียว” พี่ลันดึงตัวผมกลับไปนั่งที่เดิมก่อนจะเอาหมอนอิงมาวางปิดไอน้อยเอาไว้ “กี้ครับ ผมยืนยันคำเดิม  ผมไม่หมั้นกับกี้” พี่ลันพูดเสียงหนักแน่นจนเจ๊กี้นั่นหน้าเจื่อนไปเลย  สมน้ำหน้า  เมียผมแมนป่ะล่ะ? เอิ่ม...สามีก็ได้ครับ

                    หลังจากได้รับการยืนยันจากพี่ลันเจ๊นั่นก็ลุกเดินออกจากห้องไปด้วยอาการหน้าแตกยับเยิน  รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วยังจะมาตามรังควานอยู่ได้  ถ้าไม่ติดว่าเจ๊แกเป็นผู้หญิงล่ะก็ผมโดดถีบยอดหน้าไปนานแล้ว  คนอะไร...แอ๊บเหลือเกิน

                    “สูง หึงป่ะ?” พี่ลันหันมาถามเย้าๆ แต่หน้าก็ยังคงคอนเซ็ปความเป็นพี่ลันเอาไว้

                    “หึงอะไร? ไม่หึงหรอก” ผมแกล้งพูด  ไม่หึงห่าอะไรครับกูแทบพ่นใส่หน้าเจ๊กี้ ฮึ่ม!

                    “เปลี่ยนใจไปหมั้นกับกี้ทันไหมเนี่ย?” พี่ลันแกล้งพูด

                    “ทันครับ” ผมยิ้มให้พี่ลันจนตาหยี “แต่ตายก่อนหมั้นแน่!” ผมยกกำปั้นขึ้นขู่แต่แทนที่พี่มันจะกลัวกลับจับกำปั้นผมไปจูบเฉยเลย  ทำแบบนี้กูก็เขินเป็นนะเออ

                    “ไปนั่งรถเล่นกันไหม?” พี่ลันถาม

                    “รถอะไรครับ?” ผมถามงงๆ

                    “มอเตอร์ไซ” พี่ลันบอก

                    “ไม่เอา  คราวที่แล้วหัวใจแทบวาย” ผมโบกมือปฏิเสธทันควัน  จำได้ไหมครับวันที่ไปช่วยน้องไลลาจากรุ่นพี่ที่โรงเรียน  วันนั้นผมยังจำได้ว่าพี่ลันเกือบจะฆาตกรรมผมทางอ้อม  หวิดตายเลยนะนั่นน่ะ

                    “ไปดริฟต์รถก็ได้” พี่ลันเสนออีก

                    “โอย ถนนที่ไหนว่างครับ  แถวนี้ไม่มีหรอก” ผมแย้งอีก  ก็ผมอยากไปเที่ยวที่อื่นนี่นา  ขึ้นเขาลงทะเลหรือไปที่ไหนก็ได้  อยากลองไปดูสักครั้งเพราะชีวิตนี้ผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไหนไกลๆ เลย

                    “งั้นอยากไปไหน?” พี่ลันถามอย่างอ่อนใจ

                    “ไปเที่ยวไหมครับ? ที่เคยพูดกันไว้ไง  ผมอยากไปอ่า” ผมทำปากยื่นแก้มป่องขอ

                    “ไม่ต้องทำหน้าแบบนี้ก็พาไปอยู่แล้วน่า” พี่ลันดึงแก้มผมก่อนจะจับส่ายไปส่ายมา  ผมปัดมือพี่ลันออกก่อนจะผลักอกพี่มันเบาๆ ที่มาล้อหน้าตาผม

                    “งั้นชวนเพื่อนไปด้วยเนอะ  เดี๋ยวผมจะโทรไปชวนไอ้เมฆกับไอ้วิทแล้วก็พี่พัดพี่เปอร์ด้วย  แต่จะว่าไปพี่พัดกับไอ้วิทยังอยู่ต่างจังหวัดนี่นา  ช่างเถอะ  ชวนไว้ก่อนดีกว่า” ผมพูดเองเออเองก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ยังไม่ทันกดหาเบอร์เพื่อนพี่ลันก็แย่งโทรศัพท์ไปซะก่อน

                    “จะชวนไปทำไม? ถ้าชวนคนอื่นไปด้วยมันก็ไม่ใช่ฮันนีมูนน่ะสิ” พี่ลันพูดพลางมองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

                    “บ้าเหรอ! ไปเที่ยวเฉยๆ ไม่ได้ไปฮันนีมูนกันซะหน่อย” ผมหยิกแขนพี่ลันแล้วตีซ้ำเบาๆ

                    “แล้วจะแต่งตอนไหนจะได้ไปฮันนีมูนกันซะที” พี่ลันพูดผมจึงหันกลับไปถลึงตามองเพื่อกลบเกลื่อนความเขิน

                    “ขอยัง?” ผมถามอ้อมแอ้ม

                    “แต่งไหม?” พี่ลันจับมือผมเอาไว้พลางมองด้วยสายตาจริงจัง

                    “ไปเคลียร์เรื่องพี่กี้ให้มันเรียบร้อยก่อนเถอะค่อยมาขอ  อีกอย่าง...ไปขอกับแม่เอาเอง คึๆ” ผมตีมือพี่ลันก่อนจะดึงมือของตัวเองกลับมา

                    “เรื่องกี้จัดการแน่  ส่วนเรื่องขอกับแม่...ขอตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว” พี่ลันพูดพลางเอื้อมมือมาลูบท้องผมวนไปมา  ผมตีมือพี่ลันก่อนจะหัวเราะขำๆ

                    “งั้น...เอาเป็นว่าผมชวนเพื่อนไปเที่ยวด้วยนะครับ  ส่วนพี่ลันก็โทรไปชวนพี่ไทกับพี่ขลุ่ยด้วยนะ อ้อ ชวนพี่ลุกซ์ไปด้วยนะครับ  ไปกันเยอะๆ สนุกดี” ผมพูดอย่างตื่นเต้น

                    “จะให้ชวนเขาไปนี่รู้หรือยังว่าจะไปไหน?” พี่ลันถาม

                    “นี่เลยพี่ลัน  เพื่อนสมัยม.ปลายของผมเขาไปเที่ยวกันมาก็เลยส่งทริปทัวร์มาให้ดู  ผมสนใจก็เลยอยากไป” ผมกดโทรศัพท์เปิดแพ็คเกจทัวร์ให้พี่ลันดู  ที่ที่ผมเสนอคือแพห้าร้อยไร่กับรีสอร์ทภูผาและลำธารที่สุราษฏร์ธานี  ยิ่งเป็นช่วงนี้ที่อากาศเย็นๆ ยิ่งน่าไปใหญ่เลย

                    “อืม...น่าสนใจ  งั้นเดี๋ยวลองชวนพวกนั้นดูก็แล้วกัน” พี่ลันพูดก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาแล้วก็เอาโทรศัพท์ของผมไปดูเว็บที่ผมเปิดไว้จากนั้นก็ส่งข้อมูลไปให้พวกพี่ๆ ดู  เพียงเวลาไม่นานก็ได้รับการตอบรับจากเพื่อนของตัวเองผมจึงโทรติดต่อเพื่อนของตัวเองบ้าง




     

                    พวกเรากำหนดวันไปให้เรียบร้อยคืออีกสองวันข้างหน้าคนที่จะไปก็มีผม พี่ลัน พี่ไท พี่ขลุ่ย ไอ้เมฆและไอ้คิม  ไอ้วิทกับพี่พัดยังไม่กลับจากบ้านไอ้วิทเห็นว่าครอบครัวไอ้วิทชอบพี่พัดกันใหญ่เลยเพราะพี่พัดทำให้ลูกชายของเขามีชีวิตชีวามากขึ้น  ถึงจะเป็นความรักที่ไม่สมควรแต่ถ้ามีความสุขพวกที่บ้านของไอ้วิทก็พร้อมที่จะยอมรับ  ดีใจแทนคู่นี้จริงๆ  ส่วนพี่ลุกซ์กับพี่เปอร์ไม่รู้มีปัญหาอะไรถึงดูท่าทางหัวเสียเหมือนกันทั้งคู่  หรือว่าสองคนนั้นจะทะเลาะกันวะเนี่ย?

                    “สูง เดี๋ยวบ่ายนี้เข้าไปที่บ้านด้วยกันหน่อยนะ” พี่ลันบอกขณะที่กำลังนอนเอกเขนกดูทีวีด้วยกัน

                    “พ่อพี่อยู่ป่ะ?” ผมถาม

                    “ก็ไปหาพ่อนั่นแหละ” พี่ลันบอกผมจึงรีบส่ายหน้า

                    “ไม่เอาเด็ดขาด  ผมกลัวพ่อพี่อ่ะ” จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เลิกกลัวถึงจะรู้ว่าแท้จริงแล้วพ่อพี่ลันไม่ได้คิดจะขัดขวางความรักของเราก็เถอะ  แต่ครั้งแรกที่เจอกันผมยังจำติดตา  พ่อพี่แกหน้านิ่งสนิทจนผมขนลุกไม่หายเลยเนี่ย

                    “นั่นพ่อสามีนะสูง” พี่ลันพูดหยอด

                    “ไม่รู้ล่ะ  ผมกลัวพ่อพี่นี่” ผมทำปากยื่น

                    “เดี๋ยวแต่งเข้าบ้านก็ต้องไปอยู่บ้านเดียวกันแล้ว  ไม่ต้องกลัวหรอก”

                    “พี่ลันอย่าพูดเล่นสิครับ” ผมฟาดต้นแขนพี่ลันแรงๆ ก่อนจะฉีกซองขนมกิน

                    “แล้วถ้าไม่ยอมเจอหน้าจะชินไหมล่ะ  ตาแก่นั่นไม่ทำอะไรหรอก” พี่ลันพยายามตื๊อให้ผมไปด้วยให้ได้

                    “ขอทำใจก่อนไม่ได้เหรอ?” ผมอิดออด

                    “ไม่ได้  ไปด้วยกัน  วันนี้นัดพ่อไปคุยเรื่องกี้  ถ้านายไม่ไปฉันก็จะไม่ไป” พี่ลันว่าผมจึงต้องตอบรับและยอมไปแต่โดยดี

                    “ไปก็ได้ ชิ!” ผมทำปากยื่น

                    “น่ารักจริงๆ เมียใครวะ?” พี่ลันจุ๊บแก้มผมเบาๆ ก่อนจะหมุนคางผมไปมา  ผมได้แต่ทำหน้าหงิกใส่พลางกินขนมไปด้วยอารมณ์หวิวๆ  จะต้องไปเจอกับพ่อพี่ลันไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง  กลัวง่ะ


    50% left


     

                    เสียวเลยครับ  แค่เดินเข้ามาในบ้านผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ เลยทีเดียว  ยังไม่เจอหน้าพ่อพี่ลันด้วยซ้ำผมยังประหม่าขนาดนี้ถ้าเจอผมไม่ช็อคตายคาที่ไปเลยหรือไง

                    “พี่ลัน...พ่อพี่มีแขกเหรอ?” ผมถามเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขกแล้วเห็นมีแขกสามคนนั่งหันหลังให้พวกเรารออยู่ก่อนแล้วแต่เจ้าของบ้านยังไม่มาหรอกนะครับ

                    “...” พี่ลันไม่ตอบก่อนจะคว้ามือผมไปกุมเอาไว้ก่อนจะพาเดินไปเจอกับแขกสามคนนั้น  บอกตรงๆ ว่าช็อคครับเพราะแขกที่มานั้นก็คือครอบครัวของพี่กี้และเมื่อพวกเขาเห็นเราสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที  จากโกรธเปลี่ยนไปเป็นโกรธกว่าเดิม

                    “สะ...สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้สองศรีสามีภรรยาที่พาลูกสาวมาพลางสะกิดให้พี่ลันไหว้ด้วยเพราะรายนั้นเขามือไม้แข็งไม่ยอมไหว้ใคร  พอไหว้ก็ไหว้แบบส่งๆ เหมือนคนไม่อยากจะไหว้  ท่าทางพี่ลันจะไม่ชอบครอบครัวนี้แฮะ  ดูไม่ให้ความเคารพเอาซะเลย “ทำไมไม่ไหว้ดีๆ ล่ะครับ?” ผมกระซิบถามพลางหยิกต้นแขนพี่ลันเบาๆ  พี่ลันขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากพูด

                    “วิปริต!” เสียงสูงปรี๊ดพูดประชดประชันทำเอาผมที่เพิ่งนั่งลงบนโซฟาสะดุ้งเฮือก  พี่ลันที่ทำหน้าบูดบึ้งอยู่แล้วหน้าบึ้งเข้าไปอีก  สายตาคมกริบของพี่มันตวัดไปมองป้าโบ๊ะหน้าหนาด้วยสายตาเชือดเฉือนทันที

                    “ใช่ครับ วิปริต” พี่ลันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เอาลูกสาวมาประเคนให้ผู้ชายถึงบ้าน  พอเขาไม่เอาก็ยังจะดันทุรัง  ไม่เรียกว่าวิปริตแล้วจะเรียกว่าอะไรดีครับ?” ผมอ้าปากค้างกับคำพูดของพี่ลัน  โคตรแรงอ่ะ  เวลาพี่ลันพูดกับพี่กี้คำพูดคำจาไม่แรงขนาดนี้นะครับแต่ทำไมถึงพูดกับแม่เขาแรงแบบนี้วะ  ขนาดผมยังเจ็บแทนเลยแล้วป้าคนนั้นจะไม่เจ็บเหรอเนี่ย?

                    “เธอต่างหากที่วิปริตน่ะตาลัน! ผู้หญิงก็มีให้ชอบดีๆ ดันคิดสั้นไปชอบผู้ชาย! เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าอับอายมากในบริษัท!” ยัยป้านั่นพูดต่อ

                    “แล้วคุณจะเดือดร้อนทำไมครับ? ขนาดพ่อผมที่เป็นผู้บริหารระดับสูงสุดยังไม่เดือดร้อนอะไรเลย  หรือว่าที่คุณเดือดร้อนก็เพราะหมดหนทางในการถือหุ้นของพ่อผม? แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าถึงพ่อผมจะเกษียณอายุออกไปก็ใช่ว่าผมจะถือหุ้นต่อ ฮึ!” พี่ลันยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยาะเย้ย  ยัยป้าคนนั้นแทบเต้นเลยล่ะครับที่ถูกเด็กอย่างพี่ลันถอนหงอก  แต่พี่ลันพูดแบบนี้มันแรงไปไหมเนี่ย

                    “พี่เตี้ย นั่นผู้ใหญ่นะครับ” ผมสะกิดบอกพี่ลัน

                    “ผู้ใหญ่ที่ไม่น่านับถือ” พี่ลันบอกผมด้วยสีหน้าหยิ่งๆ  ผมตีไหล่พี่ลันก่อนจะทำหน้าบอกให้พี่ลันพอได้แล้ว  ถ้าความดันแม่พี่กี้ขึ้นสูงแล้วเกิดเป็นลมล้มตึงขึ้นมาจะทำยังไง?

                    “เอาล่ะๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันตอนนี้  คุยกันก่อนค่อยทะเลาะก็ไม่เสียหายอะไร” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นข้างหลังพวกเราจึงหันไปมองก็พบว่าเป็นพ่อพี่ลันนั่นเองที่พูด  พ่อพี่ลันเดินมาพร้อมกับแม่พี่ลันครับ  แหม...ตั้งแต่เข้าใจกันนี่เดินควงกันตลอดเลย ฮะๆ

                    “คุณลลิภัทร! ไหนคุณตกลงเรื่องหมั้นของยัยกี้กับตาลันแล้วไงคะ!?!” ทันทีที่พ่อกับแม่พี่ลันนั่งปุลงบนเก้าอี้ไม้บุนวมหรูหราแม่ของพี่กี้ก็ลุกขึ้นโวยวายทันที

                    “ถึงผมจะตกลงแต่ถ้าเจ้าตัวเขาไม่ตกลงผมก็ทำอะไรไม่ได้  อีกอย่างผมไม่ชอบคนโกหก” พ่อพี่ลันพูดพลางยิ้มเย็นๆ น่าขนลุก  ผมรีบขยับไปนั่งเบียดพี่ลันทันทีที่พ่อพี่ลันเหลือบมองมาที่ผมนิดๆ  อย่ามองผมสิ  กลัวนะเว้ย

                    “โกหกอะไรคะ!?!” แม่พี่กี้ยังคงพูดเสียงแข็งกระด้างอย่างโมโห

                    “หนูกี้  ไหนบอกอาอีกทีได้ไหมว่าหนูกับเจ้าลันตกลงปลงใจทำอะไรกันไปแล้ว” พ่อพี่ลันเบนสายตาไปมองพี่กี้  แม้จะมีรอยยิ้มประดับมุมปากแต่ไม่ว่าจะมองทางไหนก็เป็นรอยยิ้มที่ประชดประชันซะเหลือเกิน

                    “คือว่าหนู...” พี่กี้อึกอัก  หน้าซีดเผือด

                    “ผมสาบานด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย  ผมไม่ได้ล่วงเกินกี้เลยแม้แต่นิด” พี่ลันพูดออกมาทำให้ครอบครัวพี่กี้หน้าซีดกันยกบ้าน

                    “ยัยกี้!” แม่พี่กี้หันไปมองจิกลูกสาวตัวเอง “ยังไงก็ตาม  ถ้าเรื่องนี้ไม่จบที่ยัยกี้กับตาลันหมั้นกันฉันไม่ยอมแน่!” แม่พี่กี้ยังคงดันทุรังเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียหน้าแต่ผมกลับรู้สึกว่าถ้ายิ่งดันทุรังมากเท่าไหร่พวกเขายิ่งจะเสียหน้าไปมากกว่านี้

                    “แล้วคุณจะให้ผมทำยังไงครับ? ในเมื่อเจ้าลันเองก็มีคนรักอยู่แล้วและไม่มีทีท่าว่าจะเลิกกันด้วย  เรื่องแบบนี้ผมตัดสินให้ใครไม่ได้” พ่อพี่ลันกอดอกพูด

                    “คุณไม่อายเหรอคะคุณลลิภัทร? ลูกเป็นเกย์วิปริตผิดเพศแบบนี้คุณรับได้เหรอคะ!? ถ้าเรื่องนี้แพร่กระจายไปในบริษัทคุณคิดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น  พวกผู้บริหารระดับสูงไม่ยอมรับแน่ถ้าคนที่จะถือหุ้นต่อจากคุณเป็นแบบนี้!!” แม่พี่กี้ตะคอก

                    “ไม่มีอะไรที่ต้องอายนี่ครับ  อีกอย่าง...เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการบริหารเลย  ความสามารถของคนไม่ได้ขึ้นอยู่ที่การมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน  อย่างผู้จัดการฝ่ายขายของบริษัทแม่ยังมีคนรักเป็นผู้ชายเลย  คนเขาก็รู้กันทั้งบริษัท  ถ้าไม่ได้มีผลกระทบกับงานไม่ว่าใครจะเป็นอะไรมันก็ไม่ผิดทั้งนั้นแหละ  เข้าใจใช่ไหมครับ?” คำพูดของพ่อพี่ลันทำให้ครอบครัวพี่กี้นิ่งไป

                    “คุณ พอเถอะ  ยิ่งโวยวายลูกยิ่งอายนะครับ” พ่อของพี่กี้ดึงมือแม่ของพี่กี้เอาไว้พลางพูดด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “เอาเป็นว่าผมต้องขอโทษกับเรื่องนี้ด้วยนะครับคุณลิต  ผมกับครอบครัวขอตัวก่อน” พูดจบพ่อพี่กี้ก็ดึงมือลูกสาวและภรรยาของตนออกไปจากบ้าน  เมื่อพวกเขาออกไปจบพ้นแล้วผมก็ถอนหายใจผ่อนคลายความเกร็งทันทีแต่พอนึกได้ว่าพ่อพี่ลันยังนั่งอยู่ใกล้ๆ ผมก็เกร็งต่อ

                    “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ลุงไม่ทำอะไรหรอก” พ่อพี่ลันพูดเสียงอ่อนพลางมองมาที่ผม  ผมเผลอสบตากับเขานิดหน่อยก่อนจะรีบก้มหน้า  เหี้ย...เสียวฉิบหาย

                    “ก็คุณนั่นแหละที่ทำให้น้องไอกลัวตั้งแต่แรก  สมน้ำหน้าจริงๆ” แม่พี่ลันดุสามีตัวเอง  ผมอยากจะลุกขึ้นไปตะโกนว่าเห็นด้วยกับคุณป้าซะเหลือเกิน “น้องไอ  วันนี้อยู่ทานข้าวเย็นกับแม่นะลูก” คุณป้าหันมายิ้มให้ผมอย่างใจดี

                    “ครับ คุณป้า” ผมพยักหน้ารับหลังจากที่ปรึกษากับพี่ลันทางสายตา

                    “ไม่เอาแบบนั้น  เรียกแม่สิ  ส่วนตาคนนี้จะเรียกว่าอะไรก็ช่าง  ไม่ต้องเรียกว่าพ่อก็ได้” คุณป้า...เอ่อ คุณแม่พูดกับผมแต่ก็แอบประชดสามีตัวเอง

                    “อะไรกันคุณ? เอาหน้าคนเดียวตลอด” พ่อพี่ทำท่างอน “นี่...จะเรียกพ่อก็ได้ไม่ว่าอะไรหรอกนะ” พ่อพี่ลันหันมาพูดกับผม  ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก

                    “อีกเดี๋ยวไลลาก็กลับจากเรียนพิเศษแล้ว  พอบอกว่าลันกับไอจะมาที่บ้านน้องดีใจใหญ่เลยนะ  ท่าทางน้องจะชอบน้องไอมากด้วย” คุณแม่บอกยิ้มๆ

                    “ผมก็ชอบน้องไลลาครับ  เป็นเด็กดีมากเลย” ผมพูดยิ้มๆ

                    “ที่จริงแสบมากเลยนะ ฮ่าๆ ว่างเมื่อไหร่เป็นเข้ายิมตลอด  แม่กลัวไม่มีหนุ่มๆ มาจีบจริงๆ” คุณแม่พูดอย่างกังวล

                    “นี่คุณ ลูกยังเด็กอยู่นะอย่าเพิ่งคิดเรื่องแบบนี้ได้ไหม?” คุณลุง...เอ่อ คุณพ่อพูดพลางขมวดคิ้ว  ท่าทางจะหวงลูกสาวเอามากๆ เลยนะเนี่ย  ก็น้องไลลาน่ารักซะขนาดนั้นนี่นา

                    “แล้วเอ่อ...พ่อของผมล่ะครับ? วะ...วันนี้อยู่หรือเปล่าฮะ?” ผมถามอย่างตะกุกตักเพราะยังเกร็งกับการต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของพี่ลัน

                    “ลักษณ์เข้าบริษัทน่ะ  เย็นๆ คงกลับ  ช่วงนี้พ่อเราซึมๆ ไปเลยนะสงสัยเพราะเอมไม่ยอมรับรักแน่ๆ เลย  แล้วเอมสบายดีหรือเปล่า?” คุณแม่ถาม

                    “สบายดีครับ  ผมคุยกับแม่ทุกวันเลยแต่...แม่ไม่พูดถึงพ่อเลยครับ” ผมพูดเศร้าๆ อยากให้แม่คืนดีกับพ่อจังผมจะได้เรียกพ่อได้เต็มปากเต็มคำซักที

                    “เอมกำลังพิสูจน์เจ้าลักษณ์อยู่น่ะสิว่าเจ้าลักษณ์จะท้อหรือเปล่า  อีกไม่นานเดี๋ยวก็คืนดีกัน” คุณพ่อพูด 

                    “ละ...แล้วพ่อโยสุเกะล่ะครับ?” ผมถามเสียงสั่นๆ คุยกับแม่พี่ลันมีเกร็งแค่ช่วงแรกแต่กับพ่อพี่ลันนี่ผมเกร็งได้ตลอดอ่ะ

                    “ไอ้โยน่ะเหรอ? ฮ่าๆ มันเป็นเกย์” พ่อพี่ลันขำเมื่อผมถามถึงพ่อโยสุเกะ  พอได้ยินแบบนั้นผมก็ช็อคสิครับ  พ่อโยสุเกะสามีใหม่แม่เนี่ยนะเป็นเกย์!? ไม่จริงหรอก  ถึงผมจะไม่อยู่กับเขาตลอดแต่ผมก็สนิทกับเขานะ  ไม่เห็นมีท่าทางแบบนั้นสักนิด

                    “มะ...ไม่จริง...”

                    “โยน่ะเป็นเพื่อนพ่อเอง  มันชอบเพื่อนร่วมงานของเอมอยู่ ตอนนี้ก็คงคบกันแล้วแหละแต่เพราะพ่อขอร้องให้มันแกล้งเป็นสามีเอมเพราะเอมขอร้องมาอีกทีมันก็เลยยอมช่วย  โยน่ะทำงานกับพ่อ  ที่มันไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับญี่ปุ่นก็เพราะติดต่องานกับฝั่งนั้นและตอนนี้เอมก็เซ็นต์ใบหย่ากับโยไปเรียบร้อยแล้วนะ” คุณพ่อบอกยิ้มๆ ผมอึ้งไปสักพักก่อนจะเผยยิ้มออกมา  ดีใจจัง  พ่อกับแม่จะได้คืนกันโดยที่ไม่มีฝ่ายไหนเจ็บปวด  แต่จะว่าไปทำไมแม่ผมใจแข็งจังทั้งๆ ที่ผมที่เป็นลูกใจอ่อนเหลือเกิน ฮ่าๆ

                    “...” ผมอึ้งพูดอะไรไม่ออก   ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าพ่อโยกับแม่จะมีความสัมพันธ์กันอย่างนี้  ตอนนี้จะว่าโล่งก็โล่งจะว่าอึดอัดก็อึดอัด  ผมเรียกพ่อโยว่าพ่อมาโดยตลอดและคิดว่าเขาเป็นพ่อจริงๆ  แล้วจากนี้ไปผมจะเรียกเขาว่าอะไรล่ะ?

                    “อย่าคิดมากน่า” พี่ลันดันหัวผมไปซบกับไหล่ตัวเองแต่ผมก็มุดออกมาเพราะอายพ่อกับแม่

                    “ใช่ ไม่ต้องคิดมากหรอก  เรียกเจ้าโยเหมือนเดิมนั่นแหละเพราะหมอนั่นเองก็เอ็นดูเราเหมือนลูกจริงๆ” พ่อลิต(ขอเรียกแบบนี้ละกัน)บอก

                    “ขะ...ขอบคุณมากนะครับ” ผมไหว้ขอบคุณพ่อลิตที่บอกเรื่องนี้ให้ผมรู้

                    “อย่าไปขอบคุณพ่อเขาเลยลูก  ทำอะไรก็ไม่รู้  ซับซ้อนซ่อนเงื่อน  น้องชายตัวเองยังรังแกได้ลงคอ  ตาลุกซ์ถอดแบบตาคนนี้มาเต็มๆ เลยนะเนี่ย” แม่วิบ่น พ่อลิตจึงถลึงตาใส่อย่างเคืองๆ

                    “พอเลยคุณ  ชอบว่าผมต่อหน้าลูก  ไปๆ ปล่อยให้เด็กๆ เค้าคุยกันดีกว่า” พ่อลิตจับมือแม่วิก่อนจะพาเดินออกไปจากห้องโถง  ส่วนผมก็รีบผ่อนลมหายใจปลดปล่อยอาการเกร็งออกทันที  โคตรเหนื่อยเลย

                    “มาบ่อยๆ จะได้ชิน” พี่ลันจับหัวผมซุกไหล่ตัวเองอีกครั้งและครั้งนี้ผมก็ไม่ปฏิเสธ

                    “จะพยายามนะครับ” ผมทำปากยื่นนิดๆ พี่ลันจึงโน้มหน้ามาจุ๊บปากผมเบาๆ  ผมหยิกแก้มพี่ลันเบาๆ ก่อนเราจะเดินจับมือกันออกไปเดินเล่นรอบบ้านเพื่อรอทานข้าวเย็น

     


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ไม่ได่มาอัพซะนานเลย  คิดถึงไหม? 
    อย่าเพิ่งทิ้งพี่ลันน้องไอกันไปเลยนะทุกคน ^+++^

    ช่วงนี้ไรเตอร์ยุ่งมากจริงๆ  กลับมาจากเชียร์ก็มาอัพเลยนะเนี่ย  เสียงหายแบบกู่ไม่กลับอ่ะ ><

    ปล. ตอนหน้าลงไทคิม และจะลงลันไออีกหนึ่งตอนนะคะ  จะจบละน้าาาา  ใจหายอ่ะ ><

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×