ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #47 : Rule 35 : รักพี่ต้องชวนหนี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.64K
      101
      25 ก.พ. 56

    25/02/13
    Rule 35 : รักพี่ต้องชวนหนี


    พี่ลันอยู่กับกิ๊ก!!!!!





                    ผมหน้าชาเมื่อถูกด่าว่าโง่ก่อนจะถูกลากไปขึ้นรถของพี่น้ำที่จอดอยู่ริมฟุตบาธแล้วรถก็ทะยานสู่ท้องถนนอย่างรวดเร็ว  พี่น้ำพาผมขับไปตามที่ต่างๆ ที่คิดว่าพี่ลันจะไปแต่สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลวลำบากผมต้องโทรหาพี่ประธานปกครองปีสูงสุดอย่างพี่ลุกซ์เพื่อถามหาพี่ลัน

                    จากการให้สายของพี่ลุกซ์สืบดูก็รู้ว่าพี่ลันไปที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งเด่นดังเรื่องการมีเพศสัมพันธ์เพราะที่ผับนี้แอบปล่อยยาเลิฟออกมาอย่างลับๆ เห็นพี่ลุกซ์บอกมาว่างั้น  พอรู้อย่างนั้นผมก็ใจไม่ดีเร่งให้พี่น้ำรีบขับไปที่นั่นโดยด่วน

                    “หนอยแน่ะ! อีเพื่อนทรยศ! ฉันจะไปเอาเลือดหัวมันออก!” พี่น้ำช็อคอยู่พักใหญ่ๆ เมื่อเห็นเพื่อนของตัวเองนัวเนียอดีตแฟนก่อนที่อารมณ์โมโหของเจ๊แกจะพุ่งปรี๊ดๆ จนผมต้องรีบดึงแขนเอาไว้เพราะกลัวว่าเจ๊แกจะอาละวาดจนเป็นเรื่องใหญ่

                    “ใจเย็นก่อนสิเจ๊  จะโมโหอะไรนักหนา ไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ลันแท้ๆ” ผมขมวดคิ้วพูดพลางถอดแจ็กเก็ตไปคลุมไหล่ให้เพราะการแต่งตัวของเจ๊แกนั้นมันล่อเสือล่อตะเข้จนพวกลุงหื่นๆ มองเจ๊แกอย่างต้องการ

                    “เชอะ! ไม่จำเป็นย่ะ” ยัยเจ๊น้ำปัดเสื้อผมออกอย่างหยิ่งๆ ก่อนจะกอดอกโพสต์ท่าโชว์ความมั่นใจ

     

                    “กรี๊ด! อิตาบ้าอย่ามาจับก้นฉันนะ! นี่ไอ้ตุ๊ด! เอาเสื้อมาให้ฉันใส่สิยะ!” ขณะที่พวกเรากำลังเดินหาโต๊ะที่สามารถจับตามองพวกพี่ลันได้สะดวกๆ ยัยเจ๊น้ำก็กรี๊ดกร๊าดโวยวายพลางเกาะไหล่ผมแน่นเพราะตลอดทางเจ๊แกถูกพวกลุงๆ หื่นกามลวนลามตลอด  ผมยิ้มเยาะนิดๆ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจ  เตือนแล้วไม่ยอมฟังเอง

                    “ไม่เอา ผมกลัวถูกลวนลาม ฮึๆ” ผมแกล้ง

                    “อี๋! หน้าโทรมยังกะศพใครเขาจะกล้าเข้าใกล้ยะ  เร็วๆ หน่อยได้ไหม ฉันขยะแขยงอิตาลุงพวกนี้จะแย่แล้วนะ” ยัยเจ๊นี่ปากมากจริงๆ จะขอความช่วยเหลือก็น่าจะพูดดีๆ หน่อย  แต่ก็นะ  ยังไงผมก็เป็นพวกใจอ่อนกับผู้หญิงเพราะงั้นผมจึงยอมถอดเสื้อให้เจ๊แกเอาไปคลุม  ส่วนตัวเองก็เหลือแค่เสื้อของโรงพยาบาลเท่านั้น

                    ตุบ! เพล้ง!

                    “กรี๊ด!!

                    “เจ๊!! ทำไมซุ่มซ่ามงี้วะ!?” ผมโวยวายเมื่อยัยเจ๊น้ำเดินไปจนบริกรชายที่กำลังถือแก้วเหล้าเพื่อนำไปเสิร์ฟ  เหล้าที่อยู่ในแก้วดังกล่าวสาดเทราดหัวไหล่ไหลลงมาอาบบริเวณช่วงอกของผมก่อนที่แก้วจะตกแตก

                    “นี่! เดินยังไงยะทำไมไม่ดูตาม้าตาเรือรู้ไหมว่าคนอื่นเขาเดือดร้อน!!” เจ๊เจ๊แวดใส่พนักงานที่หน้าซีดเผือด

                    “เจ๊ ไม่ต้องไปโวยวายเขาเลย  ตัวเองนั่นแหละทำตัวเงอะๆ งะๆ อยู่ได้  เอ่อ...ผมต้องขอโทษแทนผู้หญิงคนนี้ด้วยนะครับ  ส่วนเรื่องค่าเสียหายเดี๋ยวมาจัดการให้ทีหลัง” ผมดุยัยเจ๊นั่นก่อนจะหันมาขอโทษพนักงาน

                    “ไม่เป็นไรหรอกครับ  พนักงานผมซุ่มซ่ามเอง เอาไว้ผมจะตักเตือนเขาให้  แต่ตัวคุณเปียกหมดแล้วถ้าไม่รังเกียจเชิญไปล้างตัวข้างบนก่อนไหมครับ?” จู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพูดเคลียร์ปัญหา  ท่าทางจะเป็นผู้จัดการ  พอระดับผู้จัดการออกมาเคลียร์เองแบบนี้พวกผมก็ตกเป็นเป้าสายตาสิครับ  ฉิบหาย! ไอ้พี่ลันหันมามองด้วย

                    “ไม่เป็นไรครับ  ผมแค่มาตามคนรู้จัก” ผมบอกปัดๆ เพื่อให้หมดเรื่องก่อนจะรีบลากยัยเจ๊ออกมาให้ห่างจากไอ้ผู้จัดการหน้าหื่นนั่น  ดูหน้าตามันไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย

                    “ให้ผมช่วยหาให้ไหมครับ?” ไอ้ผู้จัดการนั่นดึงข้อมือผมไว้  ยัยเจ๊น้ำสะดุ้งตกใจรีบกระโดดมาหลบหลังผมพลางจับมืออีกข้างของผมไว้แน่น  ท่าทางยัยเจ๊เหมือนคนไม่ค่อยมาสถานที่แบบนี้เลยแฮะ  ดูแรงขนาดนี้น่าจะชินกับสถานการณ์ในผับไม่ใช่หรือไง

                    “ไม่เป็นไร เจอแล้วครับ” ผมรีบสะบัดข้อมือออก

                    พรึ่บ!

                    “แต่ผมอยากช่วยคุณ” ไอ้ผู้จัดการนั่นกระตุกร่างผมเข้าไปใกล้ก่อนจะพูดในระยะประชิด  ผมหน้าเหวอจะรีบถอยแต่เอวถูกรั้งเอาไว้  ฉิบหาย! ไอ้เราก็นึกว่าไอ้หมอนี่มันเล็งเจ๊ที่ไหนได้เล็งกูนี่หว่า  พี่ลัน...ช่วยผมด้วยเซ่  ผมเพิ่งดื้อแพ่งออกจากโรงพยาบาลทั้งๆ ที่หมอไม่อนุญาตผมไม่มีปัญญาซ่าหรอกนะขอบอก

                    “คุณคะ ช่วยปล่อยผัวดิฉันด้วยค่ะ  พวกเราจะรีบตามหาคนแล้วจะรีบกลับไปเลี้ยงลูกที่บ้าน  ป่านนี้ไม่รู้ร้องไห้งอแงจนคอแตกหรือยัง” เจ๊แกพูดเป็นฉากๆ เล่นเอาผมอึ้งไปเลยครับ  ถึงจะถูกกล่าวหาว่าเป็นผัวเจ๊แกแต่มันก็ดีเพราะไอ้หื่นนั่นมันยอมปล่อยผมแต่โดยดี  ยัยเจ๊แสยะยิ้มให้ไอ้ผู้จัดการก่อนจะลากผมเดินตรงดิ่งเข้าไปหาพี่ลัน  ผมแอบเศร้านิดๆ ที่พี่ลันไม่มาช่วยผม  ถ้าเป็นปกติพี่มันคงพุ่งมาถีบยอดอกไอ้ผู้จัดการนั้นแล้วแท้ๆ  หรือว่าจะเกลียดผมแล้วจริงๆ

     

                    “เฮอะ! ฉันก็นึกว่าใครที่ไหนที่ทำตัวเหมือนพวกบ้านเล็กคอยจ้องจะเอาผัวคนอื่นที่แท้ก็แม่กี้สาวแอ๊บอินโนเซ้นส์นี่เอง” ยัยเจ๊น้ำกอดอกยืนเชิดๆ พลางพูดจิกกัดพี่กี้ที่ยืนกอดแขนพี่ลันเหมือนกับหวง  ผมมองหน้าเย็นชาของพี่ลันสลับกับลำแขนที่ถูกคนอื่นครอบครอง  ปากเม้มเข้าหากันอย่างเจ็บใจ

                    “พูดอะไรของเธอน่ะ?” พี่กี้ซุกหน้ามุดแขนพี่ลันเหมือนกับกำลังกลัวพี่น้ำจนต้องหาที่พึ่ง  ยัยเจ๊น้ำนี่ก็แรงจริงๆ  เฮอะ เมื่อกี้ยังตัวสั่นเป็นลูกแมวอยู่เลย  เป็นพวกปากกล้าใจปอดสินะ

                    “ลัน...ไอ้เด็กนี่มีเรื่องจะคุยด้วย” ยัยเจ๊น้ำสะบัดหน้าใส่เพื่อนของตนก่อนจะกระตุกมือผมให้เดินมายืนอยู่ตรงหน้าพี่ลัน  ผมบีบมือตัวเองก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้เผื่อพี่มันจะเลิกทำหน้าเย็นชาใส่ผมเสียที  แต่สุดท้ายก็ไร้ผลเพราะหน้าพี่ลันยังนิ่งสนิท  หัวใจผมบีบรัดจนรู้สึกจุกที่ช่องอกเหมือนมีอะไรหน่วงๆ มาถ่วงเอาไว้

                    “พี่ลันผม...”

                    “หยุดนะ! อย่ามายุ่งกับว่าที่คู่หมั้นของฉัน  อีกไม่นานเรากำลังจะหมั้นกันเพราะฉะนั้นนายอย่าเข้ามายุ่งวุ่นวายจะได้ไหม?” ก่อนที่ผมจะพูดอะไรยัยพี่กี้นั่นก็พูดแทรก  ผมกับพี่น้ำมองหน้ากันอึ้งๆ ก่อนที่ผมจะหันไปมองหน้าพี่ลันเพื่อขอคำยืนยัน  พี่มันพยักหน้า  น้ำตาผมแทบร่วง  เพียงแค่ไม่กี่วันที่ผมบอกเลิก พี่มันถึงกับไปมีคู่หมั้น  ตัดใจได้หรือต้องการประชดผมกันแน่?

                    “พี่ลัน แล้วผมล่ะ?” ผมมองหน้าพี่มันอย่างอ้อนวอน

                    “นายทำไม?” พี่มันถามเสียงเย็น

                    “ไหนพี่บอกว่าผมเป็น...”

                    “นายบอกเลิกฉันเอง” พี่มันกอดอกมองหน้าผมนิ่งๆ  ผมนิ่งค้างพูดอะไรไม่ออกเพราะมันเป็นจริงอย่างที่พี่มันพูด  ผมหมดสิทธิในตัวพี่ลันก็เพราะผมเป็นคนเลือกที่จะเลิกเองแล้วตอนนี้ผมมีสิทธิอะไรมาทวงพี่ลันกลับคืน  ผมไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำอะไรก็ได้อีกแล้วสินะ  อึก...อึดอัดหัวใจจัง

                    “อะไรของลันน่ะ!? ตาต่ำหรือไงถึงได้ไปคว้ายัยนี่มาควงหรือว่าแค่อยากประชดไอ้ตุ๊ดนี่เท่านั้น  แค่คบไอ้เด็กนี่เป็นแฟนก็ตาต่ำพอแล้วนะ ชิ! ขัดใจโว้ย!  ถ้าเหตุผลมีแค่นี้ก็ช่วยเลิกทำได้ไหมเดี๋ยวยัยนี่ก็คิดเองไปไกลหรอก” เมื่อเห็นว่าผมไม่พูดอะไรยัยเจ๊ก็ดันผมไปข้างหลังแล้วออกตัวแว้ดใส่พี่ลันโดยไม่อายคนรอบข้าง  เอ่อ แต่ที่ว่าตาต่ำมาคบกูนี่พูดใหม่ได้ไหม?

                    “แล้วไง?” พี่ลันทอดสายตาเย็นชามองพี่น้ำจนเธอชะงักพูดต่อไม่ได้

                    “พี่ลัน ถ้าประชดผมจริงๆ ก็เลิกทำเถอะนะ  ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วที่ทำอะไรไม่ปรึกษาพี่ก่อน  ผมสัญญาว่าต่อไปนี้ผมจะบอกพี่ทุกอย่าง  นะครับพี่ลัน” ผมเดินเข้าไปจับมือหนาอย่างอ้อนวอนขอร้อง  ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใคร  ไม่คิดว่าจะได้ทำ  แต่เพื่อรักษาหัวใจของตัวเองไว้ต่อให้ต้องอับอายขายขี้หน้าผมก็ยอม

                    “แล้วไง?” พี่มันดึงมือตัวเองไปซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ  ผมพยายามมองตาพี่ลันเพื่ออ่านความรู้สึกแต่สิ่งที่ได้มากลับว่างเปล่า

                    “พี่ไม่รัก...ผมแล้วเหรอ?” ผมถามออกไปเสียงสั่นๆ ขอบตาร้อนผ่าว  ไม่รู้ผมจะกลั้นน้ำตาได้อีกสักกี่น้ำแต่ถ้าถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยน้ำตาผมได้ไหลออกมาจริงๆ แน่

                    “เคยบอก?” ผมเม้มปากที่สั่นเครือก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลัง  ผมมองหน้าพี่ลันผ่านม่านน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างตัดพ้อก่อนจะรีบเดินฝ่าฝูงชนคนเที่ยวกลางคืนออกไป  เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะความหวังดีโง่ๆ ของผม  มันเป็นความผิดของผม  ถ้าจะถูกเกลียดมันก็สมควร  ผมมันโง่! โง่บรมโง่ที่ไม่รู้จักรักษาคนรักของตัวเองเอาไว้  ผมไม่คู่ควรกับความรักของพี่ลันหรอก

     

                    ผมเดินปาดน้ำตาฝ่าลมไปตามทางเท้าเรื่อยๆ เพราะไม่มีเงินติดตัวเลยสักบาท  ผมคิดว่าพี่ลันจะต้อนรับผมกลับมาด้วยอ้อมแขนนั่นจึงไม่ได้เตรียมอะไรมาแม้แต่โทรศัพท์

                    “อึ๊กฮือออ! ไอ้ไอ แกมันโง่ๆๆ โง่โคตร โง่จนฉิบหายเลยเห็นไหม?” ผมทรุดลงนั่งพิงตู้โทรศัพท์ข้างทางก่อนจะตีอกชกหัวตัวเองอย่างเจ็บใจ

                    เอี๊ยด!

                    ขณะที่ร้องไห้โมโหตัวเองอยู่ผมก็เริ่มมีความหวังเมื่อแสงไฟจากหน้ารถคันหนึ่งสาดส่องเข้าตาก่อนรถคันนั้นจะเลี้ยวมาจอดอยู่ริมฟุตบาธตรงหน้าผม  พี่ยิ้มออก  ต้องเป็นพี่ลันแน่ๆ

                    ผมยิ้มค้างเมื่อรถที่มาจอดตรงหน้าไม่ใช่รถพี่ลันอีกทั้งคนที่เปิดประตูลงมาดันเป็นไอ้ผู้จัดการผับหน้าหื่นนั่นเอง  หมอนั่นแสยะยิ้มมองหน้าผมก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปาก  ฉิบหายวายวอดแล้วกู

                    “ฮึๆ ตอนแรกก็นึกว่ามีเมียมีลูกจริงๆ  ที่ไหนได้มีผัวนี่เอง” ไอ้โรคจิตนั่นก้าวเข้ามาหาผมช้าๆ ผมจึงก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ เช่นกัน “ถูกผัวทิ้ง? ไม่อยากมีผัวใหม่บ้างเหรอ หืม?” ไอ้หมอนั่นลูบมือลูบไม้อย่างหื่นกระหาย

                    “ไม่!” ผมตอบทันที

                    “เอาน่า  มาลองสนุกกันสักคืนดีกว่าเผื่อติดใจ  ไม่แน่นะนายอาจจะลืมไอ้หมอนั่นไปเลยก็ได้”

                    “หยุด! อย่าเข้ามาใกล้กู!” ผมตวาดพลางชี้หน้าไอ้หื่นนั่นเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่มีทางหนีเนื่องจากตอนนี้แผ่นหลังของผมแนบกับรั้วสังกะสีของโกดังเก็บของที่เงียบสงัด

                    ผลัวะ!

                    ตุบ! ตุบ!

                    ผมง้างหมัดต่อยหน้าไอ้หมอนั่นก่อนที่มันจะโกรธจนถีบผมกระเด็นแล้วเข้ามากระทืบซ้ำอีกครั้งเล่นเอาผมลุกไม่ขึ้น  ร่างกายผมปวดหนึบไปหมดเพราะอาการช้ำจากการร่วมรักกับพี่ลันเป็นเวลาสามวันสามคืนติดต่อกัน  ร่างกายผมยังไม่ฟื้นตัวดีนักผมจึงไม่สามารถสู้รบปรบมือกับใครได้ในตอนนี้

                    ผมนอนราบลงบนพื้นสกปรกก่อนจะปล่อยน้ำตาให้ไหลเป็นทาง  คืนนี้ผมอาจจะต้องตกเป็นของคนอื่นและผมก็คงไม่กล้ากลับไปสู้หน้าพี่ลันได้อีก  พี่มันอาจจะรังเกียจผมถ้ารู้ว่าผมไม่ได้เป็นของพี่มันคนเดียว  พอนึกถึงตรงนี้ผมก็รู้สึกเจ็บใจจนแทบกลั้นหายใจ

                    เสื้อบางเบาของผมถูกกระชากออก  ไอ้โรคจิตนั่นมีสีหน้าที่หื่นกระหายจนน่าขยะแขยง  ถนนที่ว่างเปล่าไม่มีรถหรือคนผ่านทำให้ไอ้คนเหนือร่างมันไม่อายที่จะปลดปล่อยอารมณ์ตรงนี้  พอผมคิดจะขัดขืนไอ้เหี้ยนี่มันก็ตบหน้าผมจนหัน  ผมทำได้เพียงภาวนาให้มีคนมาช่วยผม  จะใครก็ได้...ช่วยให้ผมหลุดพ้นจากสถานการณ์น่ารังเกียจนี้ที

                    เอี๊ยด!!

                    “นี่คุณ! ทำอะไรกันน่ะ!?!” ความหวังในใจผมลุกโชติขึ้นเมื่อผู้ชายคนหนึ่งแต่งตัวภูมิฐานหน้าตาหล่อเหลาแม้จะมีอายุลงจากรถมาหยุดการกระทำเลวร้ายที่ไอ้เหี้ยที่กำลังคร่อมผมอยู่

                    “มึงเสือกอะไรด้วยวะ!?

                    “สวัสดีครับ ผมขอแจ้งเหตุด่วนครับคุณตำรวจ!” ชายวัยกลางคนคนนั้นยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดทำให้ไอ้โรคจิตมันรีบวิ่งกลับขึ้นรถตัวเองแล้วขับออกไป

                    “หนู! เป็นอะไรหรือเปล่า?” พอรถหมอนั่นแล่นจากไปผู้ชายคนนั้นก็รีบวิ่งมาประคองผมให้ลุกขึ้น  ผมมองหน้าเขาก่อนจะไหว้ขอบคุณทั้งน้ำตา  หน้าตาเขาดูอ่อนโยนใจดีมากเลยล่ะครับ “บ้านอยู่ที่ไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง” เขาถามพลางประคองผมขึ้นรถ

                    ผมบอกเขาก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถ  ผมซับน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนจะนั่งสงบสติอารมณ์  และเมื่อเห็นว่าผมเริ่มเย็นลงผู้ชายใจดีคนนั้นก็พูดขึ้น

                    “ฉันชื่อลักษณ์นะ  หนูชื่ออะไร?”

                    “ชื่อไอครับ” ผมตอบ  เขานิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มใจดีให้ผมแล้วไม่ถามอะไรต่อ

     

                    น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วพาลจะไหลเสียดื้อๆ เมื่อผมเห็นพี่ลันยืนกอดอกพิงรถอยู่ที่หน้าหอ  คุณลักษณ์ที่ช่วยประคองผมมองหน้าผมอย่างสงสัยเมื่อเห็นผมชะงัก  เขามองตามสายตาของผมก่อนจะตะโกนเอ่ยเรียกชื่อของคนที่ผมกำลังมองอย่างตัดพ้อ

                    “อ้าวลัน” ผมตกใจที่คุณลักษณ์รู้จักพี่ลัน  พี่ลันหันมามองตามเสียงเรียกก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นผมมากับคนรู้จักของตนเอง

                    “อาลักษณ์?” พี่ลันมองหน้าคุณลักษณ์ก่อนจะมองหน้าผม  ผมก้มหน้าหลบสายตาทันที  มาที่นี่เพื่ออะไร? ซ้ำเติม? หรือเป็นห่วง? “มาด้วยกันได้ไงครับ?” พี่ลันถามขึ้น

                    “อาขับรถผ่านไปเจอเด็กคนนี้กำลังถูกข่มขืน...เอ่อ...ทำร้ายอยู่ข้างถนนก็เลยช่วยเอาไว้  ลันรู้จักเหรอ?” ผมก้มหน้านิ่งไม่กล้าเงยหน้ามองพี่ลัน  ผมกลัวจะเห็นสีหน้ารังเกียจของพี่มันถึงผมจะยังไม่ถูกทำอะไรก็เถอะ

                    “ครับ” พี่ลันตอบ

                    “งั้นพอดีเลย  ลันช่วยพาเขาไปพักผ่อนทีนะ  เดี๋ยวอาจะกลับละ” คุณลักษณ์พูดพลางประคองร่างผมไปหาพี่ลัน  ผมมองหน้าคุณลักษณ์ก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ พลางขืนตัวไว้  ผมยังไม่พร้อมจะเจอหน้าพี่ลันตอนนี้  ผมกลัวจะร้องไห้แสดงความอ่อนแอของตัวเองอีก

                    คุณลักษณ์ทำหน้างงกับปฏิกิริยาของผมแต่ยังไม่ทันได้ถามอะไรพี่ลันก็เดินมาดึงผมไปประคองเสียเอง  ผมก้มหน้าเม้มปาก

                    “อาลักษณ์กลับไปเถอะครับ  เดี๋ยวผมดูแลให้เอง” พี่ลันพูด  คุณลักษณ์ลังเลนิดๆ ก่อนจะบอกลาผม  ผมอยากจะรั้งเอาไว้เพราะอยู่ใกล้คุณลักษณ์ผมรู้สึกอุ่นใจ

                    พอคุณลักษณ์ขับรถออกไปพี่ลันก็ถอนหายใจยาว  ผมจิกขาตัวเองผ่านเนื้อผ้าบางๆ เพื่อข่มอารมณ์  อยากจะเข้าไปกอดพี่ลันแต่พอนึกถึงสายตาเย็นชาที่ทอดมองผมก็ไม่กล้า

                    “อย่าจิก เดี๋ยวเป็นแผล” พี่ลันพูดเสียงอ่อนพลางจับมือผมดึงออกจากต้นขาตัวเอง  ผมยืนตัวสั่นระริกไม่กล้ามองหน้าพี่ลัน  ตอนนี้ผมไม่ได้กลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมแต่ผมกำลังกลัวใจพี่ลัน  ผมกลัวสายตาเย็นชานั่น  กลัว...กลัวทุกอย่างที่ทำให้ผมรู้สึกว่าพี่ลันเกลียดผม

                    “...”

                    “ถูกทำอะไรบ้าง? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” พี่ลันถาม

                    “...” ผมไม่กล้าตอบ  กลัวพี่มันจะรู้ว่าผมกำลังร้องไห้  ผมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ครับ

                    “ไอ...”

                    “...”

                    “...ขอโทษ” พี่มันก้มลงมากระซิบพี่ข้างหูผมเบาๆ ก่อนจะจูบข้างแก้มของผมอย่างอ่อนโยน  ผมเงยหน้ามองพี่มันอย่างสับสนทั้งๆ ที่น้ำตายังคงไหลอาบข้างแก้ม

                    “ฮึก”

                    พี่มันปัดปอยผมที่ปกปิดหน้าผมออกก่อนจะก้มลงมาจูบซับน้ำตาแล้วพรมจูบผมเสียทั่วหน้า “ขอโทษนะ ขอโทษ...” พี่มันพร่ำบอก

                    “ทะ...ทำไม? ขะ...ขอโทษผมทำไม?” ผมถามเสียงสั่น

                    “ฉันกลัวตัวเองจะทำร้ายนายอีกก็เลยต้องห่างเอาไว้ก่อน  ขอโทษนะที่ทำให้เสียใจ” พี่ลันจ้องตาผมก่อนจะจับมือผมยกขึ้นไปจูบเบาๆ เหมือนพยายามจะปลอบโยน

                    “พะ...พี่...ฮึก ไม่ได้เกลียดผม...ใช่ไหม?”

                    “ไม่เลย ไม่เคยเกลียดและไม่คิดจะเกลียด  แต่ฉันกลัวว่าตัวเองจะกักขังนายและทำร้ายนายฉันก็เลย...” พี่ลันทำหน้าสำนึกผิด  ผมยกมือขึ้นประคองหน้าพี่ลันเบาๆ

                    “อื้อ ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร  ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ” ผมเอาหน้าผากของตัวเองแนบกับหน้าผากพี่ลัน

                    “อย่าพูดว่าเลิกกันอีกนะรู้ไหม?” พี่ลันรั้งเอวผมเข้าไปใกล้

                    “ต่อไปนี้ก็ช่วยขังผมไว้ด้วยนะครับพี่ลัน” ผมยิ้มทั้งน้ำตา  พี่มันเองก็ยิ้มก่อนจะกดจูบเบาๆ ที่ปากของผมแล้วผละออกไป  ไม่ได้มีการรุกล้ำแต่อย่างใด

                    เราสองคนยืนกอดกันแนบแน่นก่อนที่พี่ลันจะพาผมกลับไปที่คอนโด

     

                    “อือ พี่ลัน  อย่าครับ...” ผมดันอกเปลือยเปล่าของพี่มันออกเมื่อหายใจทันเพราะรสจูบที่ดูดดื่มและหื่นกระหาย  ร่างของเราทั้งสองเปลือยเปล่าภายใต้สายน้ำจากฝักบัวที่ถูกเปิดรดร่างกายเพื่อทำความสะอาด

                    “อืมมม” พี่ลันชโลมสบู่เหลวทั่วร่างกายของผมพลางยื่นหน้าเข้ามาจูบไม่หยุด  วันนี้พี่มันเอาแต่จูบเลยครับ  ปากผมบวมช้ำหมดแล้วมั้งเนี่ย

                    “ฮาห์ พี่ลัน...ผมไม่มีแรงแล้วนะ อื้อ” ผมพูดพลางเบาพลางครางออกมาเบาๆ เมื่อลำคอถูกกัดและดูดเม้ม

                    “ขอรอบเดียวก็ได้” พี่มันขอพลางยื่นหน้ามาจูบปากผมเบาๆ อย่างเอาใจ

                    “ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ” ผมตีอกพี่มันเบาๆ

                    “จุ๊บ! นี่ไง แค่นี้ก็ต่อได้ถึงเช้า” พี่มันจุ๊บปากผมอีกครั้งก่อนเผยยิ้มบางๆ ผมจึงยิ้มตาม

                    “แหวะ  น่านะพี่ลัน  ผมเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว” ผมพูดอ้อนวานพลางหลบสายตาพี่มัน  มองกันด้วยสายตาเซ็กซี่แบบนั้นใครจะทนได้ล่ะครับ

                    “จะทำเบาๆ ก็แล้วนะครับคุณเมีย” พี่มันพูดพลางจูบผมอีกรอบ  เอาเข้าไป  พูดจบหนึ่งประโยคก็จูบหนึ่งครั้ง  ถ้าพูดร้อยประโยคไม่จูบจนปากเปื่อยเลยเหรอเนี่ย

                    “บ้า! ไม่เอา ไม่เป็นเมีย  ขอเป็นสามีไม่ได้เหรอครับ?” ผมตีอกพี่ลันพลางก้มหน้างุดเพราะเขินจัด

                    “ฮึๆ เมียใครวะ น่ารัก น่าฟัด น่าจับทำเมียวันละหลายๆ รอบฉิบหาย” พูดจบร่างของผมก็ถูกดันชิดผนังก่อนขาทั้งสองข้างจะถูกรั้งขึ้นไปเกี่ยวไว้ที่เอวแน่นหนั่น  ผมยกแขนโอบรอบคอพี่มันแน่นก่อนปากจะถูกปิดด้วยริมฝีปากที่น่าหลงใหล

     

                    หลังจากออกจากห้องน้ำพี่มันก็อุ้มผมมานอนบนเตียง  ไอ้ผมก็หวิดสลบไปตั้งหลายรอบเพราะพี่มันโคตรอึด  พูดตรงๆ ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมว่าผมต้องท้องลูกแฝดสิบแปดคนแน่ๆ  พี่มันหื่นไม่บันยะบันยังจริงๆ

                    “ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมานะครับพี่ลัน  ผมไม่อยากกลับเข้าไปอีก” ผมพูดพลางดันหน้าของพี่มันที่เข้ามาคลอเคลียออก

                    “นี่...ความจริงแล้วนายไม่ได้อยากเลิกกับฉันจริงๆ ใช่ไหม?” พี่ลันถามขึ้น

                    “อยาก...” ผมตอบแกล้ง  พี่ลันหน้าตึงพลางดึงผมเข้าไปใกล้ “อยากซะที่ไหนล่ะครับ  แล้วพี่ล่ะ? จะหมั้นจริงๆ เหรอ?” ผมถามหน้าหงอย

                    “หมั้น” พี่มันตอบหน้าตาจริงจัง  ผมก้มหน้ากัดริมฝีปาก “หมั้นกับนายไง” พี่มันพูดพลางขยี้ผมของผมเบาๆ  ผมยิ้มออก

                    “แล้วพี่กี้...?”

                    “เป็นคู่หมั้นที่พ่อหามาให้  สงสัยพ่อจะบอกว่าฉันอยู่ที่ไหนก็เลยตามมาล่ะมั้ง” พี่ลันทำหน้ารำคาญนิดๆ เมื่อพูดถึงพ่อของตัวเอง

                    “แล้วพี่ก็เลยประชดผม?” ผมหน้าตึง

                    “ก็...ไม่ได้จะประชดหรอกแต่ฉันไม่อยากให้นายเข้าใกล้ฉันตอนนี้  ยิ่งนายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลฉันยิ่งกลัว...ว่าฉันจะทำให้นายกลับเข้าไปอีกรอบ” พี่ลันย่นคิ้วนิดๆ อ้อ ที่แท้กลัวตัวเองจะทำร้ายผมสินะ แต่การที่พี่เย็นชาใส่ผมมันทำให้ผมเจ็บมากกว่าอีกนะรู้ไหม

                    “ที่ผมบอกเลิกพี่ผมมีเหตุผลนะครับ” ผมพูดเสียงอ่อนๆ

                    “อืม รู้แล้วล่ะ” พี่ลันดันหัวผมซุกอกตัวเอง “ฉันไม่สนใจมรดกของพ่อหรอกนะ  พวกนั้นมันก็แค่ของนอกกาย ถึงทิ้งไปแล้วก็หาใหม่ได้” พี่ลันพูด

                    “แต่ผมไม่อยากให้พี่ทะเลาะกันกับพ่อของพี่นะครับ  ถ้าพี่เลิกกับผมพ่อของพี่อาจจะยอมรับในตัวพี่ก็ได้” ผมพูดเศร้าๆ

                    “พ่อไม่เคยยอมรับในตัวใครนอกจากตัวเอง”

                    “พ่อทุกคนย่อมรักและเป็นห่วงลูกนะครับพี่ลัน  เชื่อผมสิ  กลับไปคืนดีกับพ่อของพี่นะ” ผมขอร้อง  ผมไม่มีพ่อผมรู้ดีว่ามันเจ็บปวดกับการที่ไม่ได้รับความรักจากพ่ออย่างแท้จริง

                    “เขาไม่มีทางยอมรับแน่  ถ้าฉันกลับไปหาเขาฉันก็จะไม่ได้อยู่กับนาย” พี่ลันรัดร่างผมแน่นเหมือนกำลังสับสน

                    “เรามาฝ่าฟันไปด้วยกันไหมครับ? ลองเสี่ยงกับผลลัพธ์ดูสักครั้ง  ถ้าไม่ได้ผลจริงๆ เราก็หนีตามกันไปเลยเป็นไงครับ ฮ่าๆ” ผมเสนอขำๆ

                    “ไอ...” พี่ลันลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงก่อนจะประคองหน้าผมให้เงยขึ้นไปสบตา “นายโคตรแมนเลยว่ะ” พี่มันเผยยิ้มออกมาก่อนจะหัวเราะเบาๆ ผมหัวเราะตาม

                    ผมน่ะ...ถึงจะรับให้พี่แต่ถ้าวันไหนพี่เพลี่ยงพล้ำผมก็จะช่วยพยุงพี่ขึ้นมายืนบนจุดสูงสุดอีกครั้ง  ถึงผมจะเป็นแค่คนตัวเล็กๆ ไม่มีอำนาจอะไรแต่ผมก็จะอยู่เคียงข้างและเป็นกำลังช่วยพี่ตลอดไปนะครับพี่ลัน  ผมรักพี่มากนะครับ

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    เดี๋ยวมาแก้หน้ากระดาษวันหลังน้า
    วันนี้เหนื่อยจุง  กระซิกๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×