ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #22 : Rule 19 : รักน้องต้องมีหญิงเข้ามายุ่ง(100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 25.27K
      72
      1 ม.ค. 56

    15/12/12
    edit : 18/12/12
    edit : 1/1/13

     
    Rule 19 : รักน้องต้องมีหญิงเข้ามายุ่ง
     

    หลังจากนั้นพวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปเรียนโดยไอ้พี่ลันแบกผมขึ้นหลังและพาไปส่งที่ห้องเรียน  ไอ้ผมก็อายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี  เดินไปที่ไหนก็แต่คนมองแล้วก็ซุบซิบนินทากันใหญ่  นอกจากจะถูกมองอย่างตลกขบขันแล้วผมยังถูกมองอย่างทิ่มแทงจากทั้งผู้ชายและหญิง  คงจะหมั่นไส้ผมที่เดือนคณะอย่างไอ้พี่ลันเดินแบกผมไปรับไปส่งล่ะมั้งครับ

    เรียนเสร็จพวกพี่ๆ ก็แห่กันมารับผมที่ห้องเรียนเพื่อไปโรงอาหารของคณะ  เนื่องจากผมยังเดินเองไม่ค่อยสะดวกผมจึงได้เป็นคนนั่งจองโต๊ะเอาไว้ก่อนที่มันจะเต็ม

    “นี่เธอ คนนั้นน่ะใช่คนที่ลันดูแลอยู่ใช่ไหม?” เสียงหวานๆ ของผู้หญิงดังแว่วมาผมจึงหันไปมอง  อ้าว...สาวคณะอื่นมาที่โรงอาหารที่ตึกคณะวิศวะทำไมล่ะเนี่ย?

    “ใช่” อีกคนพยักหน้า  ผมพวกเธองงๆ อยากจะเดินไปถามเหลือเกินว่ามีอะไรกับผมหรือเปล่า?  ขนาดผมจ้องขนาดนี้พวกเธอยังไม่สะทกสะท้านเลยครับ

    “หน้าตาก็งั้นๆ จืดชืดซะไม่มียังกล้าสะเออะไปรวมกลุ่มกับสามคนนั้นอีก หมั่นไส้” ผู้หญิงที่พูดในตอนแรกจ้องผมกลับก่อนจะทำท่าเชิดๆ หยิ่งๆ ใส่ผม

    ขณะที่ผมกำลังเล่นจ้องตากับสาวสวยต่างคณะน้ำร้อนๆ กลิ่นหอมน่ากินก็ราดลงบนขาข้างที่เจ็บของผม  ผมรีบหันไปมองต้นตอทันที

    “โอ๊ย!!” ผมร้องลั่นพลางขมวดคิ้วมองสาวน่ารักต่างคณะที่ซุ่มซ่ามทำชามก๋วยเตี๋ยวหกใส่ผม  เห็นหน้าตาของเธอแล้วผมโกรธไม่ลงเลยครับ

    “อุ๊ย! ขอโทษนะคะ  เป็นอะไรหรือเปล่า?” เธอทำหน้าสำนึกผิดก่อนจะถามเสียงสั่นๆ

    “ร้อนครับ” ผมตอบพลางทำหน้าแหยๆ

    “ร้อนหรือคะ? งั้นก็ทำให้เย็นหน่อยละกัน” หน้าหวานๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นหน้าเหี้ยมก่อนแก้วน้ำในมือของเธอจะคว่ำลงเป็นผลให้น้ำหวานพร้อมน้ำแข็งในแก้วละเลงลงผมหัวของผม  ผมตกใจจนพูดไม่ออก

    “นี่มันอะไรกัน!?!” ผมถลึงตามองคนน่ารักแต่ใจร้ายอย่างโกรธเคืองที่จู่ๆ เธอก็มาทำกับผมแบบนี้

    “ว้าย  ทำอะไรน้องเขายะเธอ  ดูสิ เลอะหมดแล้ว ฮึๆๆ” ผู้หญิงสองคนที่เล่นจ้องตากับผมเมื่อกี้เดินมาสมทบก่อนจะหัวเราะเยาะผมด้วยท่าทางที่สะใจซะไม่มี

    “พวกคุณเป็นใคร!?!” ผมตะคอกถาม  โคตรแม่ง  กูไปทำอะไรให้วะ จู่ๆ ก็มารังแกกันซะงั้น  เห็นว่าเป็นผู้หญิงหรอกถึงไม่กล้าหยาบคายด้วย

    “อย่ามายุ่งกับลันอีก  อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะไอ้เด็กหน้าจืด!” ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะเป็นหัวโจกที่เล่นจ้องตากับผมใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากผมก่อนจะผลักแรงๆ

    “ทำไมผมต้องทำตามที่คุณพูดครับ?” ผมขึงตาดุๆ จ้องผู้หญิงหน้าสวยแต่ใจดำมืดอย่างไม่ชอบใจ

    “เพราะฉันเป็นเมียของลัน!” ผมชะงักก่อนจะหน้าเสียที่ถูกพูดด้วยแบบนี้

    “แล้วไงครับ? คุณจะเป็นอะไรกับพี่ลันแล้วผมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับ?” ผมขบกรามก่อนจะถามออกไป  ไอ้พี่ลัน...ไอ้คนลามกจกเปรต  มีเมียแล้วมายุ่งกับกูทำไมวะ?(กูนี่ก็เชื่อคนง่ายเกินไปละ)

    “ก็แกมาออเซาะลันนี่! ให้เขาแบกไปมาทั่วมหาวิทยาลัยแบบนั้นมันหมายความว่าไงยะ!?!” ผู้หญิงคนที่บอกว่าเป็นเมียพี่ลันเท้าเอวมองผมจิกๆ  (ชอบจิกแบบนี้ชาติที่แล้วเป็นไก่หรือไงครับเจ๊)

    “ผมไม่ได้ขอให้เขาทำนะครับ  เขาทำของเขาเอง” ผมแสยะยิ้ม  กูนี่ชั่วจริงๆ กล้าเย้ยผู้หญิงแบบนี้ได้ไงวะ

    “แก๊...” ผู้หญิงคนเดิมกระทืบเท้าพลางร้องกรี๊ดๆ เหมือนเด็กถูกขัดใจ

    แต่ก่อนที่ผมจะถูกผู้หญิงรังแก(?)ไปมากกว่านี้พวกไอ้พี่ลันก็กลับมาจากซื้อข้าว  ผมแอบยิ้มอย่างดีใจที่พวกพี่มาช่วยให้สถานการณ์ของผมเหนือกว่าของพวกผู้หญิงเหล่านี้

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” ไอ้พี่ลันมองพวกเราอย่างดุๆ

    “ลันขา  คือว่า...เพื่อนของน้ำทำน้ำหกใส่น้องคนนี้น่ะค่ะ  น้องเขาโวยวายจนน้ำไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วล่ะค่ะ” ผมมองพฤติกรรมของผู้หญิงคนนั้นอย่างหน่ายๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ  ผมเคยเห็นมารยาของผู้หญิงแค่ในจอทีวีไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาเห็นของจริงและเจอกับตัวแบบนี้

    “เจ็บตรงไหนไหม?” พี่ลันหรี่สายตามองคนที่เดินไปเกาะแขนตัวเองก่อนจะถามผม

    “ไม่เจ็บมั้งครับ” ผมประชดไอ้พี่ลันนิดๆ  ทำไมพี่ลันถึงยอมให้ผู้หญิงคนนั้นเกาะแขนซบไหล่แบบนั้นล่ะ  หรือว่าจะเป็นเมียของพี่จริงๆ!?!

    “ไปหาหมอก่อนเถอะ” พี่ลันพูด

    “เอางี้ไหมคะลัน  เดี๋ยวน้ำดูแผลให้น้องเขาเอง” ยัยผู้หญิงคนนั้นพูดกับพี่ลันก่อนจะหันมาแสยะยิ้มให้ผมโดยที่ไอ้พี่ลันยังไม่ทันสังเกต

    “น้ำอยู่คณะพยาบาลปี 4 น่ะเพราะงั้นให้น้ำดูให้ดีกว่า” พี่ลันพูด  ผมขมวดคิ้วมองไอ้พี่ลันอย่างไม่ชอบใจทันที  จะบ้าเหรอวะ ขืนให้ปิศาจหน้าสวยดูแผลให้มีหวังขาผมขาดกันพอดี

    “ไทคะ ช่วยไปเอากล่องปฐมพยาบาลในรถน้ำมาให้หน่อยได้ไหมคะ?” ยัยพี่น้ำอะไรนั่นหันไปพูดกับไอ้พี่เสือที่ยืนนิ่งๆ ดูสถานการณ์

    “ทำไมต้องเป็นผมล่ะ?” ไอ้พี่เสือขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจที่ถูกใช้

    “ไม่ได้เหรอคะ?” ยัยพี่น้ำมองไอ้พี่เสืออย่างจิกๆ

    “ไม่เป็นไรครับเพราะผมจะไม่ให้เขาดูแผลให้  ผมจะไปโรงพยาบาล” ผมยื่นคำขาด

    “กว่าจะไปถึงโรงพยาบาลมันไกลนะ” พี่ลันพูด  ผมเบือนหน้าหนีก่อนสายตาผมจะเหลือบไปเห็นไอ้พี่ลุกซ์เดินมากับกลุ่มเพื่อนของตัวเองพอดี  เอาวะ! ขอร้องให้พี่ลุกซ์ช่วยละกันเพราะดูเหมือนไอ้พี่ลันจะไม่มีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้

    “พี่ลุกซ์ครับ  ช่วยมาทางนี้หน่อยได้ไหมครับ?” ผมตะโกนขึ้นก่อนจะโบกมือหย็อยๆ  พี่ลุกซ์ชะงักก่อนจะหันไปพูดอะไรสักอย่างกับกลุ่มเพื่อนของตัวเองจากนั้นเพื่อนๆ ของพี่แกก็เดินแยกออกไป

    พี่ลุกซ์เดินเข้ามาหาผมก่อนจะมองไอ้พี่ลันกับพี่น้ำสลับกันด้วยสายตางงๆ จากนั้นพี่ลุกซ์ก็แสยะยิ้มและพูดขึ้น “เฮะ...เฮ้  มาทำอะไรตรงนี้เหรอน้ำ?” ไอ้พี่ลุกซ์มองพี่น้ำด้วยสายตาเหยียดๆ ก่อนจะยิ้มกวนตีน

    “ลุกซ์!” พี่น้ำสะดุ้งก่อนจะปล่อยมือจากแขนไอ้พี่ลันก่อนจะทำสีหน้าเลิ่กลั่กเหมือนทำอะไรไม่ถูก

    “พี่ลุกซ์ครับช่วยพาผมไปโรงพยาบาลได้ไหมครับ  พอดีมีคนจงใจราดก๋วยเตี๋ยวกับน้ำหวานใส่ขาของผมน่ะครับ” ผมพูดก่อนจะเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อช็อปของไอ้พี่ลุกซ์

    “น่าสงสารจังเลยหลานรหัสของผม ได้สิ เดี๋ยวผมพาคุณไปเอง  เฮ้อ เจ็บตัวอยู่แท้ๆ ยังจะถูกแกล้งอีกนะเนี่ย” ไอ้พี่ลุกซ์พูดด้วยท่าทางกวนๆ ก่อนจะยิ้มแล้วหันไปมองพี่น้ำเหมือนรู้ทันในสิ่งที่พี่น้ำทำ  อ่า...ผมเพิ่งจะรู้สึกดีใจที่ได้รู้จักกับไอ้พี่ลุกซ์ก็วันนี้แหละ

    “พูดอย่างนี้หมายความว่าไงคะลุกซ์?” พี่น้ำกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ

    “ไม่รู้สิ  ผมพูดลอยๆ” ไอ้พี่ลุกซ์ยักไหล่อย่างกวนประสาทก่อนจะนั่งหันหลังลงตรงหน้าผมเพื่อให้ผมขี่หลังพี่แกซึ่งผมก็ค่อยๆ ปีนขึ้นอย่างระวังเพราะเจ็บแผล

    “ฉันจะพานายไปเอง!” ขณะที่พี่ลุกซ์กำลังจะพาผมเดินออกไปจากตรงนั้นไอ้พี่ลันก็พูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว

    “ไม่เป็นไรครับพี่ลัน  ไปกับพี่ลุกซ์น่าจะเร็วกว่า” ผมยิ้มตาหยีให้พี่ลัน  ผมก็แค่ยิ้มประชดที่พี่แกจะให้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ทำแผลให้  ดูเหมือนพี่ลันจะเชื่อที่พี่น้ำพูดซะด้วย

    “ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่หรือไงว่าอย่าไปยุ่งกับมัน!” ไอ้พี่ลันเดินเข้ามาหาผมกับไอ้พี่ลุกซ์โดยมีปลิงเกาะแขนมาด้วย

    “นี่น้องชาย  อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ได้ไหมเดี๋ยวไปหาหมอไม่ทัน” ไอ้พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

    “มึงหุบปากไปเลย! ส่วนนาย...ต้องไปกับฉัน!” ไอ้พี่ลันถลึงตามองไอ้พี่ลุกซ์ก่อนจะกระชากผมให้ลงจากหลังพี่ลุกซ์ซึ่งแรงของพี่ลันก็ทำให้ผมตกลงมาอย่างง่ายดายแต่เนื่องจากพี่แกกระชากให้ผมลงอย่างเดียวไม่ได้มารับผมเอาไว้ขาทั้งสองข้างของผมจึงกระแทกกับพื้น  ความเจ็บแล่นแปลบปลาบสู่ต่อมรับความรู้สึกทันที  ร่างผมทรุดฮวบเพราะทรงตัวไม่อยู่

    “อ๊าก!” ผมอุทานก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้นสกปรกพลางบีบขาตัวเองเอาไว้

    “ไอ! เป็นอะไรไหม?” ไอ้พี่ลันหน้าตื่นก่อนจะรีบมาพยุงผมขึ้น

    “ผมไม่เป็นไรครับ” ผมปัดมือไอ้พี่ลันออกอย่างแผ่วเบาก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง

    “ไอ เจ็บบ่? (ไอ เจ็บไหม?)” ไอ้วิทกับไอ้เมฆเห็นสถานการณ์มันเริ่มไปกันใหญ่จึงรีบมาพยุงผมและลากออกไปให้พ้นหลบรังสีอำมหิตที่พี่ลันกับพี่ลุกซ์ปล่อยให้กัน

    “พวกมึงพากูไปโรงพยาบาลแหน่  ปล่อยพวกอ้ายเขาไปเถาะ (พวกมึงพากูไปโรงพยาบาลหน่อย  ปล่อยพวกพี่เขาไปเหอะ)” ผมพูดกับเพื่อนเสียงเบา

    “เดี๋ยวกูไปเรียกแท็กซี่นะ” ไอ้เมฆพูดก่อนจะวิ่งออกไปส่วนไอ้วิทก็โค้งตัวเองเพื่อให้ผมขึ้นหลังของมัน

    ระหว่างที่พวกพี่ๆ กำลังจ้องมองกันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อผมก็ถูกพวกเพื่อนๆ พาไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า

    40% left
    ต่อจ้า



     

    ผมถูกพันแผลซะใหม่พร้อมกับได้ยาแก้อักแสบมากินเยอะแยะเต็มไปหมด  หมอนี่ก็เวอร์เป็นบ้าจัดมาให้ผมซะชุดใหญ่แต่ผมก็ต้องกินตามนั้นแหละนะเพราะผมอยากให้แผลหายเร็วๆ

    ในช่วงบ่ายผมโดดมาพักที่หอเพราะสภาพเนื้อตัวมอมแมมแถมขาเจ็บแบบนี้ผมก็ไม่อยากจะเดินโฉบไปโฉบมาให้คนอื่นเขามองเอาหรอกนะ

    ทันทีที่ผมพาตัวเองมาถึงหน้าห้องผมก็พบว่าผมคิดผิดอย่างใหญ่หลวงที่กลับมาหอเพราะมียักษ์ปักหลั่นสองตนยืนปล่อยกระแสจิตใส่กันโดยไม่สนใจเจ้าของห้องอย่างผมที่ยืนอยู่ตรงหน้า

    “ไอ คุณเป็นอย่างไรบ้าง?” ไอ้พี่ลุกซ์ที่ละสายตาจากการจ้องหน้ากับพี่ลันหันมาถามผมทันทีที่เห็นผม

    “เอ่อ ก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ” ผมบอกพี่ลุกซ์

    “หมอว่าไงบ้าง?” ไอ้พี่ลันถาม  ผมเหลือบตามองไอ้พี่ลันนิดๆ ก่อนจะพูดประชด

    “ไม่ถึงกับต้องตัดขาหรอกครับ” ถึงน้ำเสียงผมจะเนิบๆ ไม่เหมือนกำลังประชดแต่ใจผมประชดประชันสุดๆ เลยล่ะครับ

    “น้ำเขาฝากมาขอโทษ” พี่ลันพูด คิ้วผมกระตุกหงึกทันทีที่ได้ยินชื่อของเจ้าหล่อน  ขอโทษเหรอ? ผมว่ายัยคนนั้นอยากจะหัวเราะใส่ผมแล้วพูดซ้ำเติมซะมากกว่า  ถ้าไม่ติดว่าหน้าตาสวยผมกระโดดถีบยอดอกไปนานแล้ว

    “งั้นก็ฝากไปบอกเขาด้วยละกันครับว่าแค่นี้ผมไม่เจ็บ” ผมเบือนหน้าหนีไม่มองไอ้พี่ลัน  ทำไมผมถึงรู้สึกผิดหวังแปลกๆ แบบนี้ด้วยนะ  ผมนึกว่าไอ้พี่ลันจะฉลาดรู้ทันมารยาผู้หญิงซะอีก

    “สูง...”

    “ผมเตี้ยครับ!” ผมสวนทันควัน  โกรธเว้ยโกรธ “พี่ลุกซ์มีอะไรหรือเปล่าครับถึงมาหาที่นี่?” ผมหันไปหาไอ้พี่ลุกซ์ด้วยสีหน้าที่แตกต่างจากพี่พูดกับไอ้พี่ลันโดยสิ้นเชิง

    “ผมเป็นห่วง กลัวคุณจะถูกแกล้งอีก” มันต้องอย่างนี้สิพี่ลุกซ์  ขนาดพี่ลุกซ์ยังดูออกเลยว่าผู้หญิงคนนั้นแกล้งผมแล้วทำไมไอ้พี่ลันถึงดูไม่ออกบ้างนะ

    “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ  และวันนี้ผมต้องขอบคุณพี่ลุกซ์ด้วยที่มาช่วยผมไว้ก่อนที่ผมจะแย่ไปมากกว่านี้” ผมพูดกับไอ้พี่ลุกซ์แต่แอบจิกไปถึงพี่ลัน

    “ไม่เป็นไร” ไอ้พี่ลุกซ์ยิ้มก่อนจะตบไหล่ผมเบาๆ ผมจึงยิ้มกว้างๆ ส่งคืนให้ไอ้พี่ลุกซ์และพอแอบเหลือบมองพี่ลันก็พบว่าหน้าพี่มันหงิกเชียว “งั้น...ผมกลับก่อนละกัน  เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมารับไปมหาวิทยาลัยนะ” พี่ลุกซ์พูด

    “ไม่เป็นไรครับพี่ ผมเกรงใจ” ผมรีบบอกอย่างรวดเร็ว  จะบ้าเรอะ ให้พี่ลุกซ์มารับผมก็เกร็งตายห่าสิ อีกอย่างถ้าเป็นพี่ลุกซ์ไอ้เมฆกับไอ้วิทไม่กล้านั่งไปด้วยแน่  พวกมันกลัวพี่ลุกซ์อย่างกับอะไรดี  สำหรับผมแล้วตอนนี้ผมเริ่มไม่กลัวแล้วล่ะแต่ก็ยังเกร็งๆ อยู่

    “ไม่ต้องเกรงใจ  เรามันก็คนกันเอง” พี่ลุกซ์เดินเข้ามาพูดกับผมในระยะประชิดก่อนจะแอบส่งสายตาไปทางพี่ลัน  ผมมองก่อนจะยิ้มมุมปาก  ท่าทางพี่ลุกซ์อยากจะยั่วโมโหพี่ลันล่ะมั้งครับ

    “ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนด้วยนะครับ” ผมยิ้มให้พี่ลุกซ์

    “ไม่ต้อง ฉันจะมารับเอง” ไอ้พี่ลันที่เงียบมาตั้งนานพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

    “เสียใจนะน้อง แต่กูมาก่อนว่ะ” ไอ้พี่ลุกซ์เดินไปตบไหล่พี่ลันก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างพึงพอใจ

    พอพี่ลุกซ์ไปก็เหลือแค่ผมกับพี่ลันเท่านั้น  ผมเหลือบมองไอ้พี่ลันนิดๆ ก่อนจะถอนหายใจและไขกุญแจเข้าไปในห้อง  แต่ก่อนที่จะปิดประตูไอ้พี่ลันก็จับลูกบิดไว้และกระชากให้มันเปิดออก  ผมตกใจเผลอก้าวถอยหลังจนล้มก้นจ้ำเบ้า

    ไอ้พี่ลันยืนอยู่ตรงหน้าผมก่อนจะหรี่ตามองอย่างเย็นชา  ผมทำหน้าไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนและผลักอกพี่ลันออกให้ห่างจากประตู

    “กลับไปได้แล้วครับ” ผมบอก

    “...” พี่ลันเงียบไม่พูดเพียงแต่ใช้สายตามองผมเหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงโกรธพี่ลันขนาดนี้

    “ถ้าจะไม่พูดอะไรเลยก็กลับไป  ผมจะพักผ่อน” ผมไล่พี่ลันด้วยคำพูดและสายตา

    “ฉันไม่รู้ว่าทำไมนายถึงโกรธฉันขนาดนี้” พี่ลันหรี่ตามองผมนิ่งๆ

    “โกรธเรื่องอะไรงั้นเหรอ? พี่ไม่รู้เลยจริงๆ สินะ?” ผมขมวดคิ้วมองพี่ลันก่อนจะถอนหายใจเซ็งๆ

    “ถ้ารู้มันคงไม่เป็นแบบนี้” พี่ลันพูด

    “พี่รู้ไหมว่าทำไมผมต้องไปโรงพยาบาล?” ผมถาม

    “เพื่อนน้ำทำน้ำร้อนหกใส่นาย”

    “เขาไม่ได้ทำหก!!” ผมตะคอกอย่างรำคาญใจ  โง่จริงๆ นายคนนี้

    “แล้วใครทำ?” พี่ลันถามนิ่งๆ

    “เขาตั้งใจราดน้ำนั่นใส่ผมต่างหากเล่าคนโง่!!” ผมผลักอกพี่ลันอีกครั้งก่อนจะปิดประตูใส่หน้า

    ไอ้พี่ลันนะไอ้พี่ลัน!! ก็รู้อยู่หรอกว่าเป็นคนพูดอะไรได้ไม่เยอะแถมยังไม่ชอบอธิบายอะไร สื่ออารมณ์ออกทางสีหน้าก็ไม่เก่งแต่ถึงจะรู้แบบนั้นแต่ผมก็ยังอดหงุดหงิดไม่ได้ที่พี่ลันเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาอะไร  เวลาโกรธก็พูดแค่นิดเดียวแล้วผมจะเข้าใจความรู้สึกของพี่ลันไหมเนี่ย

    ตุบ!!

    เสียงกำปั้นหนักๆ ทุบประตูขณะที่ผมกำลังเดินกลับไปนั่งที่เตียง  เสียงดังๆ นั่นทำให้ผมสะดุ้งอย่างตกใจ  ทำขนาดนี้แสดงว่าพี่ลันเองก็คงจะโกรธมากไม่แพ้ผม  ก็เอาสิ  ถ้าจะต้องปะทะอารมณ์กันจริงๆ ผมจะด่าให้ฟังไม่ทันเลยคอยดู

    “ออกมาคุยกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้” เสียงเย็นยะเยือกดังลอดผ่านช่องประตูมา  ผมแอบขนลุกแต่ก็ทำใจกล้าเดินไปที่ประตู  ผมไม่ได้เปิดมันออกเพียงแต่จะคุยกับพี่ลันผ่านประตูเท่านั้น  ไม่อยากเห็นหน้าพี่ลันตอนนี้เลย(มันน่ากลัว)

    “มีอะไรต้องคุยอีกล่ะครับ?” ผมเอามือทั้งสองข้างแนบประตูก่อนจะพูดออกไป

    “ทำไมต้องโกรธ  ไม่มีเหตุผลเลยนะ” พี่ลันยังคงพูดเสียงเย็นๆ และกระชากเสียงทำให้ดูเหมือนกำลังโกรธมาก

    “ก็พี่เชื่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ทั้งๆ ที่เขาแกล้งผมแล้วจะไม่ให้ผมโกรธได้อย่างไร!?!” ผมตวาด

    “ฉันบอกสักคำหรือยังว่าเชื่อ” พี่ลันพูดเสียงเบาลงแต่ยังคงความน่ากลัวเอาไว้

    “โอ้โห! ท่าทางแบบนั้นเด็กอนุบาลก็รู้ว่าเชื่อ  เรื่องเรียนทำไมถึงเก่งนักแต่แค่เรื่องมารยาผู้หญิงยังไม่รู้เลย  โง่ที่สุด!” ผมหลับหูตวาดตะคอกใส่

    “ออกมาเดี๋ยวนี้!” พี่ลันเงียบไปสักพักก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันเฉียบขาด  ผมสะดุ้งแต่ก็ยังทำเป็นเก่ง

    “ผมไม่ออก จะทำไม!?!” ผมพูดเสียงห้วนกวนตีน

    “แล้วนายจะเสียใจที่ขัดคำสั่งฉัน!” ไอ้พี่ลันพูดลอดไรฟันก่อนเสียงจะเงียบไป  ท่าทางจะโกรธจนเดินหนีไปแล้วล่ะมั้ง? เฮ้อ ให้สู้รบปรบมือกับพี่ลันนี่คงจะไม่ไหวจริงๆ   ผมว่านะ...คนอย่างพี่ลันน่ากลัวกว่าอย่างพี่ลุกซ์ซะอีก  พี่ลุกซ์น่ะโหดโดยแสดงออกมาตรงๆ มองแว้บเดียวก็รู้ว่ากำลังโมโหหรือโกรธ  แต่ไอ้พี่ลันนี่โหดได้น่ากลัวเพราะภายใต้ใบหน้าอันนิ่งแสนนิ่งนั้นไม่อาจคาดเดาได้เลยว่ากำลังคิดจะทำอะไร

    ขณะที่ผมกำลังเดินไปนั่งบนเตียงเสียงโครมครามก็ดังขึ้นทำให้ผมยืนนิ่งเบิกตาค้าง  ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเสียงนั่นเกิดจากอะไร  แย่ละ...ประตูกู...
    0% left

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ฉลองงงงงงง 555 คอมเม้นต์กับแฟนอาร์ตสวยๆ ภาพแรก จากคุณ POPPY NOVEL SOULS


    น้องไอน่ารัก พี่ลันก็หล่อเนอะ  ขอบคุณที่วาดส่งมานะคะ
    อ้อ ไรเตอร์สอบติดแล้วนะคะ เหลือรอสัมภาษณ์ เพราะฉะนั้นตอนนี้ต้องเตรียมเอกสารรอสัมภาษณ์อาจจะมาอัพช้าหน่อยน้า

    แวบเอาข่าวมาบอก  
    ใครที่อยากจะบ่น จะด่า จะว่า จะขอ จะอัพเดต หรือจะพูดคุยกับไรเตอร์ ก็ฟอลโลวมาที่ dpr the tricky fox นะคะ. อันนี้เป็นทวิตสำหรับรีดเดอร์เลย ไม่ใช่ทวิตหลักของไรเตอร์นะคะ. ใครจะอยากจะบ่นอะไรเป็นการส่วนตัวเชิญได้เลยนะคะ. เค้าคุยกับทุกคน 55 มาคุยกันเยอะๆ นะค้าบบบบ 
    ไรเตอร์จะอัพเดตข่าวการเคลื่อนไหวนิยายทุกเรื่องที่นี่  หากใครมีอะไรสงสัยก็เข้ามาถามได้ทุกเรื่องเลยนะค้าบบบ
    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×