คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Try to avoid something.
ฮิบารินั่งทำสมาธิได้สักพักก่อนจะเรียกแรงฮึดขึ้นมาและกลับมาเป็นฮิบาริคนเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้น ฮิบาริลงมาดื่มกาแฟตั้งแต่เช้า มาดของคุณชายกลับมาอีกครั้งจนยามาโมโตะรู้สึกแปลกหูแปลกตาไป ฮิบาริมีท่าทีสงบนิ่งจนแผ่รังสีที่คนไม่อยากเข้าใกล้ออกมา
“ไง ฮิบาริ” ยามาโมโตะทัก บาริปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะดื่มกาแฟต่อ
“หวา ฮิบาริคนเดิมกลับมาแล้วรึนี่” ยามาโมโตะทำหน้าเหวอด้วยท่าทางเล่นๆ แม้จะนึกเสียดายที่ต่อไปอาจจะไม่ได้แต๊ะอั๋งฮิบาริแต่เป็นแบบนี้ก็ดีต่อตัวฮิบาริเอง
“อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน” สึนะเดินลงมาพร้อมกับคนอื่นๆ อย่างร่าเริงก็วันนี้ศิษย์พี่ของเขาออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่นา
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน เอ๋...เอ่อ...โกคุเดระล่ะ?” ยามาโมโตะถามเมื่อไม่ปรากฏร่างของโกคุเดระเลย
“กลับคฤหาสน์ของตัวเองไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วล่ะ” เมื่อไม่มีใครให้คำตอบเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดรีบอร์นจึงพูดแทน
“กลับไปทำไม” ยามาโมโตะถามอย่างแปลกใจ คราวนี้ไม่มีใครตอบเลยสักคนเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของโกคุเดระทุกคนจึงไม่อยากพูด
“วันนี้จะไปรับดีโน่แล้วสินะ ไปกันเถอะฮิบาริ” รีบอร์นชักชวน
“ไม่ไป” คำตอบของฮิบาริทำให้ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกแต่รีบอร์นพอจะดูออกจึงไม่ว่าอะไรแล้วพาทุกคนขึ้นรถตู้คาบัคโรเน่ไปที่โรงพยาบาล
ดีโน่สอดส่องสายตามองหาร่างคุ้นเคยแต่กลับไม่เห็น ชายหนุ่มจึงหงุดหงิดผิดปกติ ร่างสูงนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในรถ นัยย์ตาคมบ่งบอกความโกรธเคืองอย่างถึงที่สุด กลับไปเขาจะจัดการให้หนักเลยคอยดู
“ฮิบาริ!! ทำไมนายไม่ไปรับชั้น!” มาถึงดีโน่ก็ดิ่งตรงเข้าไปโวยวายใส่คุณชายที่นั่งสบายอารมณ์จิบน้ำชาพร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วย
“ไม่มีความจำเป็นที่ชั้นต้องไปรับ” ฮิบาริพูดเสียงเรียบนิ่ง สายตาคมจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือไม่เบนไปไหนจนดีโน่รู้สึกหงุดหงิด
“พูดอย่างนี้หมายความว่าไง นายอยากโดนงั้นหรือ” ดีโน่ยิ้มเหี้ยมพลางกระชากร่างบางมาประชิดตัว ถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือหล่นลงบนพื้นพรมจนเปรอะเปื้อน
“หวา” ทุกคนเห็นดังนั้นก็รีบหลบฉากไปทันที ยามาโมโตะเห็นแล้วก็เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะดูท่าว่าฮิบาริไม่อยากจะให้เขาสอดมือเข้าไปยุ่งสักเท่าไหร่
“ปล่อย...เดี๋ยวเสื้อยับ” ฮิบาริพูดด้วยสีหน้าด้านชาจนดีโน่สะอึกไม่นึกว่าฮิบาริจะมีท่าทางแบบนี้ได้เพียงชั่วข้ามคืน คำว่ารักที่พร่ำบอกที่จริงแล้วมันสามารถตัดออกจากใจชายคนนี้ได้ง่ายๆ เลยงั้นหรือ
“ไม่ปล่อย มีปัญหาอะไรมั้ย” ดีโน่แสยะยิ้ม ฮิบาริถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจับแขนข้างขวาของดีโน่ขึ้นแล้วบิดไพล่หลังทำให้ชายหนุ่มร้องเสียงหลงพร้อมกับดิ้นพล่าน
“ชั้นจะบอกอะไรให้สักอย่างนะดีโน่ ตัวจริงของฮิบาริ เคียวยะน่ะมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่ไอ้บ้าอ่อนแอที่เอาแต่ร้องไห้และทำตามคำสั่งคนอื่น ที่ผ่านมาที่ชั้นยอมนายก็เพราะเห็นว่านายป่วยเท่านั้นเอง” ฮิบาริจ้องจิกดีโน่อย่างที่เคยทำ
“ฮึ จะเป็นแบบไหนชั้นก็ไม่ได้สนหรอกนะ ผู้ชายอย่างนายไม่ได้อยู่ในสายตาชั้นสักนิด” ดีโน่จิกกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ฮิบาริใจเสียเมื่อได้ยินอย่างนั้นแต่ก็ตีหน้านิ่งพลางเดินหนีแต่ดีโน่ก็ไปขวางไว้เสียก่อน
“กายภาพบำบัด ไหนบอกจะทำให้?” ดีโน่ชี้ไปที่แขนข้างที่ไม่สามารถใช้การได้
“อืม ไปที่สวนสิ อากาศดีสุขภาพจิตจะได้ดีไปด้วย” ฮิบาริพูด
“นี่นายหาว่าชั้นจิตผิดปกติเรอะ!!” ดีโน่ตวาดเสียงดัง
“ก็มันจริงไม่ใช่เหรอไง” ฮิบาริยักไหล่พลางเดินนำไปที่สวนปล่อยให้ดีโน่เลือดขึ้นหน้าควันออกหูอยู่ฝ่ายเดียว
เมื่อได้มานั่งสูดอากาศธรรมชาติเข้าปอดอารมณ์โกรธของม้าพยศก็ลดลง แขนข้างที่ใช้ไม่ได้ถูกยกขึ้นลงและบีบนวดให้อย่างอ่อนโยน สัมผัสสบายๆ กับสายลมอ่อนๆ ทำให้ดีโน่หลับไปโดยไม่รู้ตัวโดยมีหมอนคือตักของฮิบาริ
“ตอนไหนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมซักทีดีโน่ ฉันกลับมาเป็นเคียวยะคนเก่าแล้วนายก็ควรกลับมาเป็นดีโน่คนเก่าสิ” ฮิบาริปัดปอยผมสีทองที่ปรกหน้าของดีโน่ออกพลางลูบใบหน้านั่นอย่างแผ่วเบา
“พี่ชาย...พี่ชาย” เสียงคุ้นหูดังขึ้น ชายหนุ่มผมสีทองที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าหนานุ่มจึงลืมตาขึ้นมามองเจ้าของเสียง
“หือ? นายเป็นใครน่ะเจ้าหนู” ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางถามเด็กชายผมสีดำสนิท
“อ้าว...ผมเคียวยะไง พี่ชายจำผมไม่ได้เหรอครับ” เด็กชายวัยแปดขวบพูดเสียงน่ารัก
“เคียวยะ? ฮิบาริเคียวยะน่ะหรือ?” ดีโน่ขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ ฮิบาริ เคียวยะ ตัวหดได้ด้วย
“ใช่แล้วครับ” เด็กชายพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง
“ทำไมนายตัวหดล่ะ นายโตแล้วนี่นาแถมยังเป็นลูกศิษย์ฉันอีกด้วย” ดีโน่พูดอย่างปลกใจพลางเอามือปิดปากตัวเองทันทีที่พูดจบ ลูกศิษย์? เมื่อกี้เค้าพูดอะไรออกไปกันนะ
“พี่ชายบอกว่าจะสอนผมเล่นไอ้นี่ไม่ใช่เหรอครับ สอนผมเร็วๆ สิ” เด็กชายตัวเล็กหยิบทอนฟาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแขนยาวออกมา
“หา? นี่มันอาวุธนะ เด็กอย่างนายอย่าเพิ่งเล่นเลย” ดีโน่พูดพลางลุกขึ้นยืน
ผลัวะ!!
“รีบๆ จำชั้นให้ได้สิเจ้าบ้าเอ๊ย!!” จู่ๆ เด็กชายร่างเล็กก็ตัวสูงขึ้นพลางซัดหน้าดีโน่ด้วยทอนฟาให้มือจนร่างสูงใหญ่กระเด็น
“อ๊อก!”
“เฮือก!” ดีโน่สะดุ้งโหยงพลางใช้มือกุมใบหน้าบริเวณที่ถูกฟาดในฝันไว้อย่างตื่นตระหนก ฮิบาริที่กลายเป็นหมอนรองหัวให้ดีโน่ผงะเล็กน้อยกับอากัปกริยาของอีกฝ่าย
“เป็นอะไร?” ฮิบาริถามเสียงเย็น ดีโน่หันมามองหน้าชายหนุ่ม เมื่อนึกถึงฝันเมื่อครู่ชายหนุ่มร่างสูงถึงกับรีบถอยออกให้ห่างจากฮิบาริด้วยความขยาด กลัวถูกซัดเหมือนในฝัน
“นาย...นายมีอาวุธมั้ย?” ดีโน่ถาม
“อืม...นี่ไง” ฮิบาริตอบพลางชูทอนฟาที่ซ่อนในแขนเสื้อให้ดู ดีโน่หน้าเหวอขยับตัวหนีไกลกว่าเดิม
ภาพคุ้นตาไหลเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม ทำให้ชายหนุ่มพยายามใช้ความคิดที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ผุดขึ้นมาในหัว อาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล่นแปลบปลาบจนดีโน่ต้องคุกเข่ายกมือกุมขมับพลางร้องอย่าทรมาน
“โอ๊ยยยย นี่มันอะไรกัน! ทำไม...ในหัวของชั้น!! ทำไมชั้นถึงยิ้มอยู่ล่ะ ทำไมชั้นถึงอยู่กับนายล่ะฮิบาริ โอ๊ย!!”
“เคียวย้า!!”
“อึก!! เคียวยะ...นั่นมันเสียงใครกัน!!” ดีโน่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเสียงของตัวเองก้องอยู่ในหัว ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นเป็นเสียงที่ตนเรียกฮิบาริ
“ดีโน่! ดีโน่!” ฮิบาริขยับเข้าไปกอดดีโน่เมื่อเห็นว่าท่าทางชายหนุ่มคงกำลังจะทรมานกับความทรงจำที่กำลังนึกถึง
“เมื่อกี้ชั้นฝัน ชั้นเรียกนายว่าลูกศิษย์ นายที่ตัวเล็กๆ มาขอให้ชั้นสอนวิธีใช้ทอนฟา นายใช้ทอนฟาซัดหน้าชั้น พอตื่น...ภาพอะไรไม่รู้ก็แล่นเข้ามาในหัวอย่างกับน้ำป่าไหลหลาก” ดีโน่เริ่มสั่น อาการปวดหัวยังไม่หายไปไหน ยิ่งคิดยิ่งปวดมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
“ใจเย็นๆ นายคงฝันเห็นเหตุการณ์เก่าๆ นายเป็นครูของชั้นจริงๆ และชั้นก็มักจะซัดหน้านายเสมอ” ฮิบาริแนบแก้มลงบนกลุ่มผมสีทอง
“แล้วทำไมชั้นถึงฝันเห็นแค่นายคนเดียวล่ะ ทำไมภาพที่มันปรากฏขึ้นมามีแค่ชั้นกับนาย” ดีโน่ถามอย่างไม่เข้าใจ ตอนนี้อารมณ์ของเขาแปรปรวนสับสนงงงวยปนกันไปหมดจนแยกแยะอะไรไม่ออก ฝันบ้าๆ นั่นมีอิทธิพลกับเขาขนาดนั้นเลยงั้นหรือ??
“นั่นเป็นเพราะ...นายจำชั้นไม่ได้เพียงคนเดียวอย่างไรล่ะ เพราะเราผูกพันกัน” ฮิบาริบีบไหล่ดีโน่เบาๆ ณ วินาทีนี้เขามีความสุขมาก ดีโน่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเขามากไม่อย่างนั้นคงไม่ฝันเห็นแค่เขาคนเดียวหรอก
“ปวดหัว! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ดีโน่ลุกขึ้นพลางผลักฮิบาริออกแล้วเดินหนีเข้าไปในคฤหาสน์
“ชั้นจะรอจนกว่านายจะจำชั้นได้...” ฮิบาริถอนหายใจพลางนั่งพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยใจ
นับวันแขนของดีโน่ก็เริ่มจะกลับมาใช้งานได้แล้ว ชายหนุ่มสามารถยกแขนขึ้นลงเองได้แล้วแม้จะลำบากไปสักนิดแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไร แต่ความทรงจำของดีโน่ยังไม่กลับมาเลย หลังจากวันนั้นชายหนุ่มก็ปิดกั้นเหมือนไม่อยากจะรู้อะไรแม้ตอนนี้จะชินกับนิสัยที่เปลี่ยนไปกะทันหันของฮิบาริแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมรับ สมองที่ปิดกั้นนั้นเหมือนกับว่ากลัวความจริงบางอย่าง...บางอย่างที่ไม่อยากจะรับรู้...บางอย่างที่ว่าก็คือความรู้สึก...ระหว่างเขากับฮิบาริ
“ฮิบาริ มานี่ซิ!” ดีโน่ที่นั่งอยู่บนโซฟากวักมือเรียกฮิบาริที่นั่งอยู่โซฟาอีกตัว
“อย่ามาสั่งชั้น!” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ฮิบาริก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของดีโน่
หมับ!
“ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!!” ฮิบาริโวยวายทันทีเมื่อจู่ๆ ดีโน่ก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดเขาซ้ำยังดึงร่างเขาให้ไปนั่งบนตักอีกต่างหาก
“นี่ไง...ชั้นขยับแขนได้แล้ว” ดีโน่พูดพลางกอดแน่นขึ้น
“รู้แล้ว!! ปล่อยซักทีสิ ชั้นไม่อยากทำร้ายคนป่วย” ฮิบาริขมวดคิ้วทำหน้าโหด
“ไม่ นายตัวอุ่นดี” ดีโน่พูดพลางมุดหน้าลอดรักแร้ของฮิบาริออกมา ฮิบาริหน้าแดงก่ำด้วยความอายหันหน้าหนีหลบตาดีโน่
“ต่อไปนี้นายมานอนกับชั้นที่ห้องก็แล้วกัน นี่เป็นคำสั่ง ถ้านายปฏิเสธชั้นจะปล้ำนาย” ดีโน่สั่งเสียงเข้ม สายตาคมดุบ่งบอกว่าถ้าฮิบาริไม่ทำตามเขาคงถูกปล้ำจริงๆ แน่ จะว่าไปแล้ว...หลังจากที่ดีโน่ออกจากโรงพยาบาลมานี่ก็หนึ่งเดือนแล้วเขายังไม่ได้แตะต้องตัวฮิบาริเลย
“ทำไมต้องให้ชั้นไปนอนกับนายด้วยเล่า!” ฮิบาริถามเสียงแข็ง
“ก็นายตัวอุ่น กอดนายแล้วง่วงชะมัด อ้าว นอนดีกว่า” ดีโน่ล้มตัวลงนอนบนโซฟาหนานุ่นพลางดึงฮิบาริลงไปด้วย แรกๆ ฮิบาริก็ไม่ยอมท่าเดียวแต่เมื่อเสียงกรนเบาๆ ดังขึ้นฮิบาริก็พลอยหลับไปด้วย
__________________________________________________________________________________________
Enjoy reading!!
อัพกลอนแล้วนะฮับ ไปอ่านกันหน่อยเร้ว อุ๊ๆ อิ๊ๆ
ความคิดเห็น