ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn D18:A promise...สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป

    ลำดับตอนที่ #8 : Try to avoid something.

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ค. 54


                 ฮิบาริกลับมานอนคิดเรื่องดีโน่ทั้งคืน  หากจะทำให้ความทรงจำของดีโน่กลับมาก็ต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ  ตัวของฮิบาริตอนที่ยังอยู่กับดีโน่ไม่ใช่แบบนี้  ฮิบาริคนเดิมจะต้องโหด ไม่มีน้ำตาและไม่สุงสิงกับใคร  เขาจะต้องกลับมาเป็นฮิบาริคนเดิมให้จงได้

                ฮิบารินั่งทำสมาธิได้สักพักก่อนจะเรียกแรงฮึดขึ้นมาและกลับมาเป็นฮิบาริคนเดิม

               

                เช้าวันรุ่งขึ้น  ฮิบาริลงมาดื่มกาแฟตั้งแต่เช้า  มาดของคุณชายกลับมาอีกครั้งจนยามาโมโตะรู้สึกแปลกหูแปลกตาไป  ฮิบาริมีท่าทีสงบนิ่งจนแผ่รังสีที่คนไม่อยากเข้าใกล้ออกมา

                “ไง ฮิบาริ” ยามาโมโตะทัก  บาริปรายตามองเล็กน้อยก่อนจะดื่มกาแฟต่อ

                “หวา ฮิบาริคนเดิมกลับมาแล้วรึนี่” ยามาโมโตะทำหน้าเหวอด้วยท่าทางเล่นๆ  แม้จะนึกเสียดายที่ต่อไปอาจจะไม่ได้แต๊ะอั๋งฮิบาริแต่เป็นแบบนี้ก็ดีต่อตัวฮิบาริเอง

                “อรุณสวัสดิ์ครับทุกคน” สึนะเดินลงมาพร้อมกับคนอื่นๆ อย่างร่าเริงก็วันนี้ศิษย์พี่ของเขาออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่นา

                “อรุณสวัสดิ์ทุกคน เอ๋...เอ่อ...โกคุเดระล่ะ?” ยามาโมโตะถามเมื่อไม่ปรากฏร่างของโกคุเดระเลย

                “กลับคฤหาสน์ของตัวเองไปตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วล่ะ” เมื่อไม่มีใครให้คำตอบเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดรีบอร์นจึงพูดแทน

                “กลับไปทำไม” ยามาโมโตะถามอย่างแปลกใจ  คราวนี้ไม่มีใครตอบเลยสักคนเพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องส่วนตัวของโกคุเดระทุกคนจึงไม่อยากพูด

                “วันนี้จะไปรับดีโน่แล้วสินะ  ไปกันเถอะฮิบาริ” รีบอร์นชักชวน

                “ไม่ไป” คำตอบของฮิบาริทำให้ทุกคนงงเป็นไก่ตาแตกแต่รีบอร์นพอจะดูออกจึงไม่ว่าอะไรแล้วพาทุกคนขึ้นรถตู้คาบัคโรเน่ไปที่โรงพยาบาล

               

                ดีโน่สอดส่องสายตามองหาร่างคุ้นเคยแต่กลับไม่เห็น ชายหนุ่มจึงหงุดหงิดผิดปกติ  ร่างสูงนั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ในรถ นัยย์ตาคมบ่งบอกความโกรธเคืองอย่างถึงที่สุด  กลับไปเขาจะจัดการให้หนักเลยคอยดู

     

                “ฮิบาริ!! ทำไมนายไม่ไปรับชั้น!” มาถึงดีโน่ก็ดิ่งตรงเข้าไปโวยวายใส่คุณชายที่นั่งสบายอารมณ์จิบน้ำชาพร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วย

                “ไม่มีความจำเป็นที่ชั้นต้องไปรับ” ฮิบาริพูดเสียงเรียบนิ่ง  สายตาคมจับจ้องอยู่ที่ตัวหนังสือไม่เบนไปไหนจนดีโน่รู้สึกหงุดหงิด

                “พูดอย่างนี้หมายความว่าไง  นายอยากโดนงั้นหรือ” ดีโน่ยิ้มเหี้ยมพลางกระชากร่างบางมาประชิดตัว  ถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือหล่นลงบนพื้นพรมจนเปรอะเปื้อน

                “หวา” ทุกคนเห็นดังนั้นก็รีบหลบฉากไปทันที  ยามาโมโตะเห็นแล้วก็เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะดูท่าว่าฮิบาริไม่อยากจะให้เขาสอดมือเข้าไปยุ่งสักเท่าไหร่

                “ปล่อย...เดี๋ยวเสื้อยับ” ฮิบาริพูดด้วยสีหน้าด้านชาจนดีโน่สะอึกไม่นึกว่าฮิบาริจะมีท่าทางแบบนี้ได้เพียงชั่วข้ามคืน  คำว่ารักที่พร่ำบอกที่จริงแล้วมันสามารถตัดออกจากใจชายคนนี้ได้ง่ายๆ เลยงั้นหรือ

                “ไม่ปล่อย มีปัญหาอะไรมั้ย” ดีโน่แสยะยิ้ม  ฮิบาริถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจับแขนข้างขวาของดีโน่ขึ้นแล้วบิดไพล่หลังทำให้ชายหนุ่มร้องเสียงหลงพร้อมกับดิ้นพล่าน

                “ชั้นจะบอกอะไรให้สักอย่างนะดีโน่  ตัวจริงของฮิบาริ เคียวยะน่ะมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่ไอ้บ้าอ่อนแอที่เอาแต่ร้องไห้และทำตามคำสั่งคนอื่น  ที่ผ่านมาที่ชั้นยอมนายก็เพราะเห็นว่านายป่วยเท่านั้นเอง” ฮิบาริจ้องจิกดีโน่อย่างที่เคยทำ

                “ฮึ จะเป็นแบบไหนชั้นก็ไม่ได้สนหรอกนะ  ผู้ชายอย่างนายไม่ได้อยู่ในสายตาชั้นสักนิด” ดีโน่จิกกลับอย่างไม่ยอมแพ้  ฮิบาริใจเสียเมื่อได้ยินอย่างนั้นแต่ก็ตีหน้านิ่งพลางเดินหนีแต่ดีโน่ก็ไปขวางไว้เสียก่อน

                “กายภาพบำบัด  ไหนบอกจะทำให้?” ดีโน่ชี้ไปที่แขนข้างที่ไม่สามารถใช้การได้

                “อืม ไปที่สวนสิ  อากาศดีสุขภาพจิตจะได้ดีไปด้วย” ฮิบาริพูด

                “นี่นายหาว่าชั้นจิตผิดปกติเรอะ!!” ดีโน่ตวาดเสียงดัง

                “ก็มันจริงไม่ใช่เหรอไง” ฮิบาริยักไหล่พลางเดินนำไปที่สวนปล่อยให้ดีโน่เลือดขึ้นหน้าควันออกหูอยู่ฝ่ายเดียว

     

                เมื่อได้มานั่งสูดอากาศธรรมชาติเข้าปอดอารมณ์โกรธของม้าพยศก็ลดลง  แขนข้างที่ใช้ไม่ได้ถูกยกขึ้นลงและบีบนวดให้อย่างอ่อนโยน  สัมผัสสบายๆ กับสายลมอ่อนๆ ทำให้ดีโน่หลับไปโดยไม่รู้ตัวโดยมีหมอนคือตักของฮิบาริ

                “ตอนไหนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมซักทีดีโน่  ฉันกลับมาเป็นเคียวยะคนเก่าแล้วนายก็ควรกลับมาเป็นดีโน่คนเก่าสิ” ฮิบาริปัดปอยผมสีทองที่ปรกหน้าของดีโน่ออกพลางลูบใบหน้านั่นอย่างแผ่วเบา

     

                “พี่ชาย...พี่ชาย” เสียงคุ้นหูดังขึ้น  ชายหนุ่มผมสีทองที่นอนอยู่บนพื้นหญ้าหนานุ่มจึงลืมตาขึ้นมามองเจ้าของเสียง

              “หือ? นายเป็นใครน่ะเจ้าหนู” ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นนั่งพลางถามเด็กชายผมสีดำสนิท

              “อ้าว...ผมเคียวยะไง  พี่ชายจำผมไม่ได้เหรอครับ” เด็กชายวัยแปดขวบพูดเสียงน่ารัก

              “เคียวยะ? ฮิบาริเคียวยะน่ะหรือ?” ดีโน่ขมวดคิ้วถามอย่างแปลกใจ  ฮิบาริ เคียวยะ ตัวหดได้ด้วย

              “ใช่แล้วครับ” เด็กชายพยักหน้าพลางยิ้มกว้าง

              “ทำไมนายตัวหดล่ะ  นายโตแล้วนี่นาแถมยังเป็นลูกศิษย์ฉันอีกด้วย” ดีโน่พูดอย่างปลกใจพลางเอามือปิดปากตัวเองทันทีที่พูดจบ  ลูกศิษย์? เมื่อกี้เค้าพูดอะไรออกไปกันนะ

              “พี่ชายบอกว่าจะสอนผมเล่นไอ้นี่ไม่ใช่เหรอครับ  สอนผมเร็วๆ สิ” เด็กชายตัวเล็กหยิบทอนฟาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อแขนยาวออกมา

              “หา? นี่มันอาวุธนะ เด็กอย่างนายอย่าเพิ่งเล่นเลย” ดีโน่พูดพลางลุกขึ้นยืน

              ผลัวะ!!

              “รีบๆ จำชั้นให้ได้สิเจ้าบ้าเอ๊ย!!” จู่ๆ เด็กชายร่างเล็กก็ตัวสูงขึ้นพลางซัดหน้าดีโน่ด้วยทอนฟาให้มือจนร่างสูงใหญ่กระเด็น

              “อ๊อก!

     

                “เฮือก!” ดีโน่สะดุ้งโหยงพลางใช้มือกุมใบหน้าบริเวณที่ถูกฟาดในฝันไว้อย่างตื่นตระหนก  ฮิบาริที่กลายเป็นหมอนรองหัวให้ดีโน่ผงะเล็กน้อยกับอากัปกริยาของอีกฝ่าย

                “เป็นอะไร?” ฮิบาริถามเสียงเย็น  ดีโน่หันมามองหน้าชายหนุ่ม  เมื่อนึกถึงฝันเมื่อครู่ชายหนุ่มร่างสูงถึงกับรีบถอยออกให้ห่างจากฮิบาริด้วยความขยาด  กลัวถูกซัดเหมือนในฝัน

                “นาย...นายมีอาวุธมั้ย?” ดีโน่ถาม

                “อืม...นี่ไง” ฮิบาริตอบพลางชูทอนฟาที่ซ่อนในแขนเสื้อให้ดู  ดีโน่หน้าเหวอขยับตัวหนีไกลกว่าเดิม

                ภาพคุ้นตาไหลเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม  ทำให้ชายหนุ่มพยายามใช้ความคิดที่จะนึกถึงเหตุการณ์ที่ผุดขึ้นมาในหัว  อาการปวดหัวอย่างรุนแรงแล่นแปลบปลาบจนดีโน่ต้องคุกเข่ายกมือกุมขมับพลางร้องอย่าทรมาน

                “โอ๊ยยยย  นี่มันอะไรกัน! ทำไม...ในหัวของชั้น!! ทำไมชั้นถึงยิ้มอยู่ล่ะ ทำไมชั้นถึงอยู่กับนายล่ะฮิบาริ โอ๊ย!!

     

                “เคียวย้า!!

     

                “อึก!! เคียวยะ...นั่นมันเสียงใครกัน!!” ดีโน่ขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเสียงของตัวเองก้องอยู่ในหัว  ไม่อยากจะเชื่อว่านั่นเป็นเสียงที่ตนเรียกฮิบาริ

                “ดีโน่! ดีโน่!” ฮิบาริขยับเข้าไปกอดดีโน่เมื่อเห็นว่าท่าทางชายหนุ่มคงกำลังจะทรมานกับความทรงจำที่กำลังนึกถึง

                “เมื่อกี้ชั้นฝัน ชั้นเรียกนายว่าลูกศิษย์  นายที่ตัวเล็กๆ มาขอให้ชั้นสอนวิธีใช้ทอนฟา  นายใช้ทอนฟาซัดหน้าชั้น  พอตื่น...ภาพอะไรไม่รู้ก็แล่นเข้ามาในหัวอย่างกับน้ำป่าไหลหลาก” ดีโน่เริ่มสั่น  อาการปวดหัวยังไม่หายไปไหน  ยิ่งคิดยิ่งปวดมากกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

                “ใจเย็นๆ นายคงฝันเห็นเหตุการณ์เก่าๆ นายเป็นครูของชั้นจริงๆ และชั้นก็มักจะซัดหน้านายเสมอ” ฮิบาริแนบแก้มลงบนกลุ่มผมสีทอง

                “แล้วทำไมชั้นถึงฝันเห็นแค่นายคนเดียวล่ะ  ทำไมภาพที่มันปรากฏขึ้นมามีแค่ชั้นกับนาย” ดีโน่ถามอย่างไม่เข้าใจ  ตอนนี้อารมณ์ของเขาแปรปรวนสับสนงงงวยปนกันไปหมดจนแยกแยะอะไรไม่ออก  ฝันบ้าๆ นั่นมีอิทธิพลกับเขาขนาดนั้นเลยงั้นหรือ??

                “นั่นเป็นเพราะ...นายจำชั้นไม่ได้เพียงคนเดียวอย่างไรล่ะ  เพราะเราผูกพันกัน” ฮิบาริบีบไหล่ดีโน่เบาๆ ณ วินาทีนี้เขามีความสุขมาก  ดีโน่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเขามากไม่อย่างนั้นคงไม่ฝันเห็นแค่เขาคนเดียวหรอก

                “ปวดหัว! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน” ดีโน่ลุกขึ้นพลางผลักฮิบาริออกแล้วเดินหนีเข้าไปในคฤหาสน์

                “ชั้นจะรอจนกว่านายจะจำชั้นได้...” ฮิบาริถอนหายใจพลางนั่งพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยใจ

     

                นับวันแขนของดีโน่ก็เริ่มจะกลับมาใช้งานได้แล้ว  ชายหนุ่มสามารถยกแขนขึ้นลงเองได้แล้วแม้จะลำบากไปสักนิดแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นไร  แต่ความทรงจำของดีโน่ยังไม่กลับมาเลย  หลังจากวันนั้นชายหนุ่มก็ปิดกั้นเหมือนไม่อยากจะรู้อะไรแม้ตอนนี้จะชินกับนิสัยที่เปลี่ยนไปกะทันหันของฮิบาริแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมรับ  สมองที่ปิดกั้นนั้นเหมือนกับว่ากลัวความจริงบางอย่าง...บางอย่างที่ไม่อยากจะรับรู้...บางอย่างที่ว่าก็คือความรู้สึก...ระหว่างเขากับฮิบาริ

                “ฮิบาริ มานี่ซิ!” ดีโน่ที่นั่งอยู่บนโซฟากวักมือเรียกฮิบาริที่นั่งอยู่โซฟาอีกตัว

                “อย่ามาสั่งชั้น!” ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ฮิบาริก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของดีโน่

                หมับ!

                “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!!” ฮิบาริโวยวายทันทีเมื่อจู่ๆ ดีโน่ก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดเขาซ้ำยังดึงร่างเขาให้ไปนั่งบนตักอีกต่างหาก

                “นี่ไง...ชั้นขยับแขนได้แล้ว” ดีโน่พูดพลางกอดแน่นขึ้น

                “รู้แล้ว!! ปล่อยซักทีสิ ชั้นไม่อยากทำร้ายคนป่วย” ฮิบาริขมวดคิ้วทำหน้าโหด

                “ไม่ นายตัวอุ่นดี” ดีโน่พูดพลางมุดหน้าลอดรักแร้ของฮิบาริออกมา  ฮิบาริหน้าแดงก่ำด้วยความอายหันหน้าหนีหลบตาดีโน่

                “ต่อไปนี้นายมานอนกับชั้นที่ห้องก็แล้วกัน  นี่เป็นคำสั่ง  ถ้านายปฏิเสธชั้นจะปล้ำนาย” ดีโน่สั่งเสียงเข้ม  สายตาคมดุบ่งบอกว่าถ้าฮิบาริไม่ทำตามเขาคงถูกปล้ำจริงๆ แน่  จะว่าไปแล้ว...หลังจากที่ดีโน่ออกจากโรงพยาบาลมานี่ก็หนึ่งเดือนแล้วเขายังไม่ได้แตะต้องตัวฮิบาริเลย

                “ทำไมต้องให้ชั้นไปนอนกับนายด้วยเล่า!” ฮิบาริถามเสียงแข็ง

                “ก็นายตัวอุ่น  กอดนายแล้วง่วงชะมัด อ้าว นอนดีกว่า” ดีโน่ล้มตัวลงนอนบนโซฟาหนานุ่นพลางดึงฮิบาริลงไปด้วย  แรกๆ ฮิบาริก็ไม่ยอมท่าเดียวแต่เมื่อเสียงกรนเบาๆ ดังขึ้นฮิบาริก็พลอยหลับไปด้วย
    __________________________________________________________________________________________
    Enjoy reading!!
    อัพกลอนแล้วนะฮับ  ไปอ่านกันหน่อยเร้ว อุ๊ๆ อิ๊ๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×