คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Rule 17 : รักน้องต้องดราม่า
edit : 1/1/13
เนื่องจากอาการบาดเจ็บผมจึงไม่ได้ซ้อมกับคนอื่นๆ เขาได้แค่นั่งมองเพื่อนๆ ซ้อมและให้คำแนะนำกับคนในกลุ่ม ตอนที่ผมเข้ามาฝึก เพื่อนในกลุ่มผมยกเว้นไอ้เมฆไม่รู้เลยว่าผมสายดำพอรู้เข้าเท่านั้นแหละถึงกับตาค้าง และคนที่ดูเหมือนจะปลื้มผมที่สุดท่าทางจะเป็นครีมนี่แหละ ฮั่นแน่ะๆ แอบชอบผมแล้วใช่ไหมล่ะ ฮุๆ
“ครีม เวลาเตะสูงน่ะขาที่เป็นฐานจะต้องแข็งแรงนะ เหยียดและยืนให้มั่นๆ ก่อนจะเตะ” ผมชี้นิ้วสั่งครีมที่กำลังฝึกเตะลมตามคำสั่งของไอ้พี่ลุกซ์
“สั่งอยู่ได้ แน่จริงก็มาเตะให้ดูเลยสิ” ครีมทำหน้าบูดๆ ใส่ผมที่เอาแต่จ้ำจี้จ้ำไชกับเธอคนเดียว
“แหม...ก็อยากให้เป็นเร็วๆ ถึงได้แนะนำ” ผมพูดยิ้มๆ
“ไม่ต้องเลย เอาเวลาไปรักษาขาตัวเองให้หายเถอะย่ะ” ครีมสะบัดหน้าใส่ผม อ่า...น่ารักอีกแล้ว
ตุบ!!
เฮือก!! ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ขวดน้ำก็ถูกวางลงอย่างแรงตรงที่นั่งข้างตัวของผม คนกำลังชื่นชมความน่ารักของผู้หญิงอยู่ดีๆ ใครกันนะที่มาทำให้ผมตกใจจนสะดุ้งแบบนี้
ใบหน้าบูดบึ้งของคนที่วางขวดน้ำลงข้างตัวผมทำให้ผมไม่กล้าโมโหใส่ นอกจากจะไม่กล้าโมโหแล้วผมยังกลัวจนหน้าซีดอีกต่างหาก ถ้าคุณเป็นผมคุณจะกล้าโมโหใส่ประธานปกครองปีสามที่กำลังทำตัวเหมือนเครื่องจักรฆ่าคนเดินได้ไหมล่ะครับ? ไม่กล้าเหมือนกันใช่ไหมล่ะ
“ดื่มสิ!!” พี่ลันเดินอ้อมจากด้านหลังมานั่งข้างๆ ผมก่อนจะพูดเสียงเหี้ยม บังคับกันด้วยสีหน้าฆาตกรแบบนั้นใครจะกล้าขัดล่ะครับ พี่ลันเอ๊ย ถ้ามึงจะทำหน้าเหมือนอยากจะฆ่ากูขนาดนั้นมึงก็เอามีดมาแทงกูเถอะ กูกลัวหน้ามึงตอนนี้จริงๆ ว่ะ
ผมเปิดฝาขวดน้ำเปล่าก่อนจะยกขึ้นดื่ม ผมหรี่ตามองพี่ลันนิดๆ ก่อนจะถามออกไปเพราะทนความอึดอัดไม่ไหว “พี่เตี้ยเป็นอะไรครับ?” ถามอย่างนอบน้อมครับผม
“เมื่อกี้ทำอะไร?” ไอ้พี่ลันถามเสียงเคืองแบบสุดตีน
“ดื่มน้ำไงครับ” ผมตอบซื่อๆ เมื่อกี้ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าผมดื่มน้ำแล้วจะมาถามหาห่าอะไรวะ
“อย่ากวนตีน” เอื๊อก!! ช็อคครับ ยะ...อย่ากวนตีน...อย่ากวนตีน โฮก!! ไอ้พี่ลันว่าผมว่าอย่ากวนตีน!!! แล้วกู...ไปกวนตีนอะไรวะ?
“เอ่อ...” ผมเงียบก่อนจะขยับห่างออกจากพี่ลันนิดหน่อย จู่ๆ ก็มาหาว่าผมไปกวนตีน ผมทำอะไรให้วะเนี่ย ฮู้ว! ถ้าจะมาหาเรื่องกันแบบนี้อย่ามาคุยกันเลยดีกว่า เซ็งว่ะ
ผมกับไอ้พี่ลันนั่งเงียบอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรสักคำ อะไรของเขาเนี่ย มาทำให้บรรยากาศดีๆ ของคนอื่นเสียหมดแบบนี้เขาต้องการอะไรกันแน่ โอ๊ย!! จะเงียบอีกนานไหมวะกูอึดอัด ถ้าไม่พูดอะไรงั้นกูพูดเองละกัน แม่ง ชักจะอารมณ์เสีย
“โมโหอะไรมาก็อย่าเอามาลงที่ผมได้ไหม?” ผมทำท่าทางไม่พอใจ ตอนนี้จะโดนไอ้เครื่องจักรข้างๆ ฆ่าผมก็ไม่กลัวแล้วเพราะตอนนี้ผมอารมณ์เสียที่ถูกพาลใส่ทั้งๆ ที่ตัวผมเองก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องมารองรับอารมณ์ของไอ้พี่ลันด้วย
“นายเป็นคนทำให้ฉันโมโห” ไอ้พี่ลันพูดเสียงต่ำดำดิน ดวงตาก็แข็งกร้าวเหมือนกำลังโมโหสุดๆ เอ่อ...ชักจะป๊อดแล้วสิเรา
“ผมทำอะไร?” ผมถามงงๆ ไอ้เราก็นั่งอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มาว่าเราซะงั้น งงนะเนี่ย
“น่าจะรู้อยู่แก่ใจ” ไอ้พี่ลันหรี่ตามองผมเคืองๆ รู้อยู่แก่ใจเหรอ? แต่ว่า...กูไม่รู้อะไรเลยนะเฮ้ย
“พี่ลัน...พูดอะไรให้มันเคลียร์ๆ ได้ไหมครับ พูดเองเออเองแบบนี้ผมจะรู้เรื่องไหมเนี่ย?” เคืองมาผมก็เคืองตอบครับ
“นายไปยุ่งกับเด็กคนนั้นอีกทำไม?” ไอ้พี่ลันยื่นหน้ามากระซิบถามเสียงเย็นๆ เอ่อ...น้ำเสียงฟังดูเย้นเย็นแต่ทำไมหน้าผมมันร้อนวะเนี่ย?
“ทำไมต้องโกรธล่ะ? ผมก็แค่แนะนำเขาเท่านั้นเอง” ผมเบือนหน้าหนีเพราะมั่นใจว่าตอนนี้หน้าผมคงจะแดง
“แล้วทำไมต้องยิ้มหน้าบานขนาดนั้นด้วย?” ไอ้พี่ลันถามอย่างไม่พอใจ
“ผมก็ยิ้มอย่างนั้นตลอดนั่นแหละ อะไรของพี่เนี่ย แค่ยิ้มก็ไม่ได้” ผมบ่นอุบอิบ
“ห้ามยิ้ม” อ้าว...? สลัดผักแล้วกู ห้ามแม้กระทั่งยิ้ม
“ฮู้ว! ไร้สาระ” ผมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันหน้าหนีไม่อยากคุยด้วย เป็นอะไรของพี่แกเนี่ย จู่ๆ ก็มาโมโหใส่แบบไม่มีเหตุผลแถมยังสั่งอะไรไร้สาระอีก ผมควรจะทำตามคำสั่งแกดีไหมเนี่ย
คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะได้ค้างที่นี่เพราะเราต้องเดินทางกลับวันพรุ่งนี้ตอนบ่าย ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่สมควรจะนอนแล้วล่ะครับ ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพี่ลันอีกพอมานอนห้องเดียวกันแบบนี้ผมก็เลยไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี
ผมรีบกลับมาที่ห้องพักก่อนจะรีบอาบน้ำและแกล้งทำเป็นนอน ตอนนี้ก็ดึกพอสมควรแล้วแต่ไอ้พี่ลันยังไม่กลับมาเลยสงสัยเพราะมัวแต่เคลียร์ของกับพวกพี่สต๊าฟอยู่ล่ะมั้ง ก็ดีแล้วแหละผมจะได้ทำใจให้นอนหลับได้ก่อนที่แกจะกลับเข้ามา
แอ๊ด ขณะที่ผมเคลิ้มจะหลับเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ด้วยความระแวงตาผมจึงเบิกโพลงขึ้นมาในความมืดทันที ผมหรี่ตามองเงาตะคุ่มใหญ่ๆ ที่เดินไปหยิบเสื้อผ้ากับผ้าเช็ดตัวก่อนจะรีบหลับตาลงเมื่อรู้สึกว่าเจ้าของเงานั่นหยุดนิ่งก่อนจะหันมาหาผม
จุ๊บ!! ผมแอบสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ไอ้พี่ลันก็เดินมาหอมแก้มผมที่นอนทำตัวลีบๆ อยู่ตรงขอบเตียง
หลังจากขโมยหอมแก้มผมไปฟอดใหญ่พี่ลันก็เดินผิวปากเข้าไปในห้องน้ำเฉยเลย ไอ้บ้าเอ๊ย! คนเขากำลังโกรธอยู่อย่ามาทำให้เขินได้ไหมเนี่ยเดี๋ยวก็หายโกรธหรอก เฮอะ! ผมไม่ได้ใจง่ายยอมหายโกรธพี่ลันทั้งๆ ที่เขายังไม่ง้อหรอกนะครับ แต่ลองมาเจอแบบผมดูสิแล้วคุณจะรู้ว่าผมต้านทานไอ้พี่คนนี้ไม่ได้จริงๆ แค่เขาอ้อน(?)นิดหน่อยผมก็พร้อมที่จะลืมทุกอย่างเลยล่ะครับ เฮ้อ ตอนไหนผมจะมีภูมิคุ้มกันเรื่องไอ้พี่ลันเนี่ย
แสงไฟในห้องน้ำสาดทาบตัวผมก่อนจะดับลงเมื่อมือหนาๆ กดสวิตช์ให้ปิดลง เตียงหนานุ่มยุบตามน้ำหนักตัวของคนที่เพิ่งทิ้งกายลงบนเตียงก่อนพื้นที่บริเวณที่ผมนอนจะค่อยๆ ยุบตามไปเมื่อไอ้พี่ลันขยับเข้ามากอดผมไว้
“อย่ามาทำรุ่มร่ามกับผมนะครับ” ผมรีบโวยวายพลางพลิกตัวไปผลักพี่แกออกจนพี่แกเกือบตกเตียง สมน้ำหน้า น่าจะกลิ้งตกไปเลยซะก็ดี
“เป็นอะไรไป?” ไอ้พี่ลันม้วนตัวกลับมานอนข้างๆ ผมก่อนจะถามเสียงนิ่งๆ ตามแบบฉบับของตัวเอง
“พี่นั่นแหละเป็นอะไร จู่ๆ ก็มาหาเรื่องชวนทะเลาะแล้วพอมาตอนนี้ก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไร” ผมพูดเสียงแข็ง
“อย่าไปยุ่งกับน้องคนนั้นให้มากจะได้ไหมล่ะ?” ไอ้พี่ลันพลิกตัวหันหลังให้ผม ผมหันไปมองแผ่นหลังพี่ลันก่อนจะแอบยิ้มบางๆ แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นโกรธอยู่
“ทำไมผมจะยุ่งไม่ได้ล่ะครับ?” ผมแกล้งแหย่ ที่จริงผมก็อยากจะได้ยินคำบางคำจากปากไอ้พี่ลันเพื่อยืนยันความรู้สึกในใจผม
“หึง” พี่ลันพูดเสียงอู้อี้ ผมได้ยินชัดเต็มสองรูหูแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ได้ฟังแบบนั้นเลือดมันสูบฉีดไปเลี้ยงสมองแทบไม่ทันเลยทีเดียว
“ว่าไงนะครับ?”
“หึง!” ไอ้พี่ลันพูดดังขึ้นก่อนจะพลิกตัวนอนคว่ำเหมือนกำลังประหม่า เอ๊ะๆ เขินล่ะสิ เขินล่ะเซ่ ฮุๆ น่ารักจุงเบย เอ้ย จังเลย
“หึงทำไม ไม่ได้เป็นแฟนกันสักหน่อย” พอนึกถึงจุดนี้ผมก็อดเสียใจขึ้นมาไม่ได้ นั่นน่ะสิ...ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ทำไมพี่ลันไม่ทำอะไรให้มันชัดเจนไปเลยล่ะ ถ้าชอบก็บอกสิ ถ้าคิดว่าเป็นแค่เซ็กส์เฟรนด์ผมก็จะได้สำเหนียกตัวเองว่าไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของพี่ลันให้มากนัก
“เป็นมากกว่านั้นไม่ใช่หรือไง” ไอ้พี่ลันเอียงหน้ามามองหน้าผมก่อนจะพูดเสียงแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัวผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“อะ...อะไรกันครับ” ผมรีบพลิกตัวหลบสายตาไอ้พี่ลันทันที เจอแบบนี้ผมไปไม่เป็นเลยครับ อ่า...หน้าผมร้อนจนแทบระเบิดแล้วล่ะ
ไอ้พี่ลันขยับตัวเข้ามาใกล้ผมก่อนจะโถมตัวเข้ากอดจนผมจมหายเข้าไปในตัวพี่แกเพราะขนาดตัวต่างกันพอสมควร “เมียน่ะ...สำคัญกว่าแฟนอีกนะ” พี่ลันกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หลังจากหายตกใจผมก็แทบแหกปากร้องให้ก้องโลก ประโยคเมื่อกี้ผมไม่ได้ทึกทักเอาเองใช่ไหม!?!
“ผะ...ผมเป็นผู้ชายนะครับ” ผมมุดหน้าหนีสายตาไอ้พี่ลัน เดี๋ยวพี่มันรู้ว่าตอนนี้ผมแสดงความดีใจออกทางสีหน้ามากแค่ไหน
“แล้วนายจะยอมมาเป็นคนของฉันไหมล่ะ?” ผมนิ่งอึ้งกับสิ่งที่พี่ลันถาม “เป็นของฉันคนเดียว ห้ามมีคนอื่น” ไอ้พี่ลันกระซิบก่อนจะจูบปลายหูผมเบาๆ
“ไม่เอาด้วยหรอกครับ เป็นคนของพี่คนที่เท่าไหร่ล่ะ? ผมว่า...ถ้าพี่ไม่รู้สึกอะไรเลยก็ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปดีกว่าเพราะถ้าวันหนึ่งพี่หรือผมเกิดเบื่อขึ้นมามันจะได้ไม่มีอะไรยุ่งยาก” ผมพูดกึ่งประชด ไอ้พี่ลันมีผู้หญิงในสต็อกเยอะจะตาย มันไม่มีหลักประกันเลยว่าพี่แกจะหยุดที่ผมคนเดียว ฮู้! เสียใจว่ะ!
“ฉัน...ไม่เบื่อ...” ไอ้พี่ลันกลิ้งออกจากตัวผมก่อนจะเอามือก่ายหน้าผากพลางนิ่งคิดอยู่นานก่อนจะพูดออกมา
“มันไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้หรอกครับ ตลกยังหมดมุขแล้วทำไมความหลงชั่วขณะมันจะหมดไปไม่ได้” ผมนอนตะแคงพูดเสียงเบา พอนึกถึงตรงนี้ความรู้สึกที่สื่อออกมามันก็เป็นแบบนี้เสียแล้ว ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดออกไปแบบนั้นแต่ผมรู้สึกอย่างที่พูดออกไปจริงๆ ผมปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกดีกับพี่ลันแต่ว่า...ผมกลัวใจพี่ลันจริงๆ เท่าที่เคยเห็นมาพี่ลันไม่เคยง้อผู้หญิงคนไหน ไม่เคยควงใครได้นานแล้วกับผมที่เป็นผู้ชายมันจะยั่งยืนแค่ไหนกัน อ่า...อยากร้องไห้ชะมัด
“ถ้านายอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปก็ได้ จนกว่าจะถึงวันที่เราต้องจากกันจริงๆ ฉันไม่มีทางปล่อยนายไปแน่” ไอ้พี่ลันพูดเสียงจริงจัง ผมหันกลับไปมองหน้าพี่ลันก่อนริมฝีปากของเราจะประกบกันอย่างแผ่วเบาและค่อยๆ ลึกล้ำขึ้นทีละน้อยจนไม่อาจจะถอนจูบหอมหวานนี้ออกไปง่ายๆ
อนาคตเราจะเบื่อกันหรือไม่ผมไม่รู้แต่ว่าตอนนี้ผมมีความสุขที่ได้อยู่ข้างๆ พี่ลัน ผมรู้สึกดีที่ได้ใกล้ชิดกับพี่ลัน เรื่องของความรักปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตาก็แล้วกัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอโทษนะคะที่หายไปนาน แบบว่า...คอมเจ๋งไปหนึ่งอาทิตย์เศษๆ เลยล่ะค่ะ
ที่จริงเวลาที่ใช้ซ่อมคอมมันก็แค่สองวัน แต่อีกหลายวันที่เหลือคือไรเตอร์อู้ไม่ยอมเอามันไปซ่อมซักทีมันก็เลยนาน
ขอโทษจริงนะคะที่ทำให้รอ TOT
ปล. เจอคำผิด บอกด้วยนะ
ปล.ของปล. ขอบคุณที่เตือนเรื่องคำผิดนะคะ
ความคิดเห็น