ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #17 : Rule 16 : รักน้องต้องแบก

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 56


    27/11/12
    edit : 1/1/13

     
    Rule 16 : รักน้องต้องแบก
     

    ผมกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ  ไอ้เรื่องเมื่อตอนบ่ายที่พี่ลุกซ์พูดกับผมทำให้ผมเข้าหน้าพี่แกไม่ค่อยติด  อ่า...ทำไงดีล่ะครับ  ผมรู้สึกร้อนที่หน้าอย่างไรชอบกลเมื่อพี่ลุกซ์หรี่สายตามองผม 

    ทำไมพี่น้องบ้านนี้ถึงหล่อแบบนี้วะ  กูจะละลายแล้วเนี่ย

    “ผมง่วงแล้ว  จะนอนได้หรือยัง?” ไอ้พี่ลุกซ์เอียงหน้ามองผมพลางคลี่ยิ้มบางๆ  ถ้าตอนนี้ผมลืมพี่ลันจะมีใครว่าอะไรไหมครับ?

    “อ่า ครับๆ” ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะรีบกระโดดลงบนเตียงและทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้

    หลังจากไฟปิดลงเพียงครู่ความอุ่นจากอ้อมแขนก็แผ่ซ่านเข้ามาทุกอณูร่างกาย  ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อไอ้พี่ลุกซ์เหยียดแขนก่ายหน้าท้องผมก่อนจะรวบแขนเข้าหาตัวจนร่างของผมขยับเข้าไปในอ้อมกอดของพี่ลุกซ์  เอาแล้วไง...มือไวทั้งพี่ทั้งน้อง

    “เอ่อ  นี่หมอนข้างครับ” ผมแกะมือพี่ลุกซ์ออกก่อนจะยัดหมอนข้างที่ผมกอดไว้ใส่อ้อมแขนแก

    “ที่คุณไม่ยอมเปลี่ยนห้องเพราะทะเลาะกับไอ้ลันเหรอ?” ไอ้พี่ลุกซ์เหวี่ยงหมอนข้างตกเตียงก่อนจะดึงผมไปกอดไว้อีกครั้ง  ใบหน้าของผมตอนนี้ซุกอยู่ที่อกของพี่ลุกซ์พอดิบพอดี  

    “เปล่าครับ” ผมเอ่ยปฏิเสธ

    “ผมอยากแน่ใจว่าคุณกับไอ้ลันไม่ได้เป็นอะไรกัน” พี่ลุกซ์พูดเสียงแผ่ว

    “ทำไมครับ?” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ลุกซ์จากมุมสูง  มุมนี้ก็หล่อว่ะพี่  เหมือนไอ้พี่ลันมาก

    “ผมก็แค่...ชอบคุณ” พี่ลุกซ์จ้องตาผมด้วยสายตาที่แสนจะเชิญชวน  ผมหลบตาก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น  ผมกัดริมฝีปากก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมแขนแข็งแรง  อยากจะเขินอยู่หรอกนะครับแต่ผมเขินไม่ออก  พี่ลุกซ์มาบอกว่าชอบผมแต่ผมจะตอบรับพี่ลุกซ์ได้อย่างไรเมื่อผมมีอะไรกับน้องพี่ลุกซ์ตั้งหลายครั้งหลายครา  ผมละอายใจ

    ตึง!!

    ผมสะดุ้งรีบลุกออกจากเตียงโดยมีพี่ลุกซ์ลุกตามขึ้นมาเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรุนแรงโดยฝีเท้าของคนมาเยือนด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ

    “ทำไมมึงถึงชอบแย่งของของกู?” พี่ลันเดินเข้ามาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

    “ไอ้ลัน?” พี่ลุกซ์มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ  “อะไรที่มึงบอกว่าเป็นของของมึง” ไอ้พี่ลุกซ์พูดพลางหันมามองผม

    เฮ้ยๆๆ พี่น้องจะทะเลาะอย่าลากคนนอกอย่างกูไปยุ่งสิวะ  กูก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาเองนะเว้ย

    “มึงรู้อยู่แล้วจะถามหาห่าอะไร?” ไอ้พี่ลันเอียงตัวพิงกำแพง

    “กูไม่รู้  แต่ถ้าเป็นน้องไอล่ะก็...เขาไม่ใช่ของมึง” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือผมไปจับ  ชะอุ้ย! อย่าเอากูไปเกี่ยวได้ไหมครับไอ้พี่หล่อทั้งสอง

    “ไอ้ลุกซ์!! มึงสนุกนักหรือที่ต้องแย่งกูไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม  สิ่งที่เป็นของกูสุดท้ายมึงก็เอาไปทุกอย่าง  มึงเป็นอะไรกับกูนักหนา?” ไอ้พี่ลันตะคอกจนผมสะดุ้ง  ไอ้พี่ลุกซ์หน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูกวนตีนเหมือนเดิม

    “นั่นเป็นเพราะมึงรักษาไม่ดีเองต่างหาก  ไม่อย่างนั้นกูจะได้เหรอ?” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้ม  เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าไอ้พี่ลันก็เปลี่ยนไปทันที  มันดูเจ็บปวด

    พี่ลันขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไปด้วยสีหน้าที่ทำให้ผมหวั่นไหว  ผมรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของพี่ลุกซ์แล้วรีบวิ่งตามไอ้พี่ลันออกไปข้างนอก  ท่าทางจะหัวเสียมากถึงรีบเดินจนลืมกลัวความมืดที่อาจจะมีผีที่แกกลัวโผล่ออกมา


     

    “พี่ลัน...พี่ลัน!!” ผมเรียกไอ้พี่ลันที่เดินลิ่วๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปขวางหน้าเอาไว้

    “นายก็เหมือนกับคนอื่น  เพราะฉันมันน่าเบื่อใช่ไหมนายถึงหันไปหาไอ้ลุกซ์” ไอ้พี่ลันเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาผม  ทำไมพี่ลันที่ดุแข็งแกร่งถึงมีสีหน้าที่อ่อนแอแบบนี้นะ  เป็นเพราะพี่ลุกซ์...หรือเป็นเพราะผมกันแน่ที่ทำให้พี่ลันเป็นแบบนี้

    “พี่พูดอะไร?” ผมถามอย่างสงสัย 

    “นายชอบมันเหรอ?” ไอ้พี่ลันหันมามองหน้าผม

    “เปล่าครับ  ไม่ได้ชอบเสียหน่อย” ผมรีบตอบ  ก็แค่หวั่นไหวที่พี่แกหล่อแค่นั้นเอง  อีกอย่าง...ผมอยากจะบอกพี่ว่า...ผมหวั่นไหวกับพี่มากกว่าพี่ลุกซ์อีกนะครับ >///<

    “แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” พี่ลันถามอีก  ผมขมวดคิ้ว

    “ถึงผมจะชอบแต่ผมจะทำอะไรได้ในเมื่อพี่จีบเธอ  ผมจะสู้พี่ได้เหรอ?” ผมแอบโมโหหน่อยๆ  ยังเคืองๆ พี่ลันเรื่องเมื่อกลางวันอยู่เลย

    “ไม่ได้จีบ  แค่หงุดหงิดที่นายไปยุ่งกับเธอ” ไอ้พี่ลันขมวดคิ้วพูดนิ่งๆ แต่คำพูดเย็นๆ นั่นก็ทำให้ผมร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    “พี่ลัน...กลับกันเถอะ” ผมหันหน้าหนีก่อนจะก้มหน้างุด  ตอนนี้หน้าผมคงจะแดงเพราะคำพูดของพี่ลันแน่ๆ เลย  ผมไม่อยากให้พี่ลันรู้หรอกนะครับว่าผมเขินเพราะคำพูดเล็กๆ น้อยๆ

    หมับ! ผมชะงักเบิกตากว้าง  ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไอ้พี่ลันก็เดินมากอดผมไว้จากด้านหลัง  กำไรเห็นๆ ได้กอดทั้งพี่ทั้งน้องเลยวุ้ยกู  ถ้าพวกผู้หญิงรู้คงจะอิจฉาผมยกใหญ่แน่ๆ

    “เปลี่ยนห้องซะ” ไอ้พี่ลันพูดเสียงเบาแต่ดุดันก่อนจะกดจูบลงที่หลังใบหู  อึ๋ย...ขนลุกพรึ่บเลยกู สยิววุ้ย

    “แต่...”

    “ไม่มีแต่  คืนนี้นายต้องนอนกับฉัน” ไอ้พี่ลันพูดก่อนจะดันผมจนหลังชนต้นไม้ก่อนจะปล้ำจูบผมอย่างดุดัน

    ผมจิกคอเสื้อของไอ้พี่ลันก่อนดันเบาๆ เพราะผมหายใจติดขัด  จู่ๆ ก็มาจูบกันแบบนี้ผมเลยไม่ทันตั้งตัวแถมยังเป็นจูบที่ดูดดื่มจนผมรู้สึกหวิวขึ้นมา  เอาแล้วไง  ที่จะให้ผมไปนอนที่ห้องด้วยเพราะมีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่าเนี่ย

    “พี่ลัน...อือ...พอเถอะครับ” ผมเอียงหน้าหลบก่อนจะดันอกพี่ลันออกห่างๆ

    “ทำไม?” พี่ลันถามอย่างหงุดหงิด

    “ดะ...เดี๋ยวมีคนมาเห็น  เอ่อ...คือ...ถ้าพี่ลันทำแบบนี้ผมจะกล้านอนที่ห้องพี่ได้อย่างไรครับ  พรุ่งนี้ผมมีฝึกนะครับ” ผมเอียงหน้าพูดอย่างเขินอาย

    “ฮึ คืนนี้ไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบหรอก  สัญญา” ไอ้พี่ลันยิ้มนิดๆ ก่อนจะคว้าเอวผมมากอดก่อนจะพาผมเดินกลับไปที่บ้าน  พอถึงระเบียงบ้านพี่ลันก็ปล่อยมือจากเอวผมและเดินกลับเข้าไปโดยทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ไอ้เราก็เขินแทบตาย


     

    ทันทีที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพี่ลันผมก็ถูกจับกดลงบนเตียงทันที  พี่ลันจุ๊บปากผมเบาๆ ก่อนจะนอนกกกอดผมไว้อย่างนั้นจนผมขยับไปไหนไม่ได้

    “ฉันอยากจะขอ  อย่าไปยุ่งกับไอ้ลุกซ์อีก  แค่มันเท่านั้นที่ฉันไม่อยากแพ้” ไอ้พี่ลันพูดพลางหอมแก้มผมก่อนจะพลิกตัวมานอนหงายแล้วดึงผมไปนอนซบอยู่บนอก  ผมค่อยๆ ยกแขนขึ้นไปกอดเอวพี่ลันเอาไว้พี่แกจึงเอียงหน้ามามองผมด้วยแววตาตกใจนิดแต่กระนั้นก็ยิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

    “ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าพี่มีปัญหาอะไรกับพี่ลุกซ์  แต่ผมน่ะไม่ได้ชอบพี่ลุกซ์หรอกนะ” ผมส่งยิ้มให้ไอ้พี่ลัน  ที่ผมเขินไอ้พี่ลุกซ์ก็คงจะเป็นเพราะพี่ลุกซ์หน้าตาเหมือนพี่ลันล่ะมั้ง  และที่สำคัญ...อ้อมกอดของไอ้พี่ลันอุ่นกว่าตั้งเยอะ

    “มันต้องอย่างนี้สิ” ไอ้พี่ลันจุมพิตที่หน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะลูบหัวพลางยิ้มบางๆ  อ่า...เห็นรอยยิ้มพี่ลันทีไรผมแทบละลายทุกที  ผมรู้สึกเหมือนกับว่ารอยยิ้มของไอ้พี่ลันมีค่าเพราะแกเป็นคนที่ยิ้มยากแต่แกมักจะยิ้มให้ผมอยู่บ่อยๆ

    ผมก้มหน้ายิ้มๆ ก่อนจะซุกตัวเข้าชิดไอ้พี่ลันและกอดเอวแกแน่นขึ้นพี่ลันเองก็กระชับอ้อมกอดและใช้ผมแทนหมอนข้างจนได้ยินเสียงกรนเบาๆ

    ถึงตอนนี้ผมจะยังแน่ใจว่าผมคิดอย่างไรกับพี่ลันกันแน่แต่ว่าเวลาที่ผมอยู่ใกล้พี่ลันทีไรผมรู้สึกดีทุกครั้ง  หัวใจก็เต้นแรงเสมอๆ หน้าก็ร้อนผะผ่าวเหมือนจะเป็นไข้  มันจะเป็นไปได้ไหมนะที่ความรู้สึกนี้จะเรียกว่าชอบ

    ฝันดีนะครับ...พี่ลัน


     

    พวกผมถูกปลุกไปวิ่งลากล้อรถตั้งแต่เช้ามืดท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ  พวกผู้ชายอย่างผมจะต้องสวมถุงทรายรัดข้อเท้าข้างละหนึ่งกิโลกรัมพร้อมกับเอาเชือกผูกเอวต่อกับล้อรถแล้วลากมันให้วิ่งไปพร้อมๆ กับตัวเองส่วนผู้หญิงใส่เพียงถุงทรายเท่านั้น

    “เร็วหน่อยครับเร็วหน่อย  ถ้าพวกคุณถึงห้องอาหารเป็นกลุ่มสุดท้ายจะได้กินข้าวหลังจากกลุ่มอื่นเขากินเสร็จนะครับ!!” ไอ้พี่ลุกซ์ที่วิ่งนำหน้าตะโกนบอก  ครูฝึกของแต่ละกลุ่มจะต้องวิ่งควบคุมกลุ่มที่ตัวเองสังกัดไปด้วยแต่มีแค่สองคนเท่านั้นที่ติดอุปกรณ์ถ่วงร่างกาย  ครูฝึกที่มีอายุแล้วทำแค่วิ่งตัวเปล่าเท่านั้น

    สถานที่ที่เรากำลังวิ่งก็คือทางลูกรังที่ตัดผ่านป่าทึบท่าทางน่ากลัวเพราะตอนนี้มันยังไม่สว่างนัก  ความมืดในป่าเช่นนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน  ไอ้แสงสีเขียวๆ นั่นมันอะไรกันนะจะใช่สิ่งที่ผมคิดหรือเปล่า  ผมหวังเหลือเกินว่าตกกลางคืนมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นอีก  มันหลอนนะครับ

    กึก! ตุบ!

    “โอ๊ย!” ผมอุทานเสียงหลงเมื่อวิ่งไปสะดุดกับก้อนหินที่ฝังอยู่ใต้ดินเข้าจนล้มหน้าจิ้มพื้น  ถ้าร่างกายผมไม่ถูกถ่วงจนหนักอึ้งแบบนี้ผมคงจะทรงตัวได้แต่พอตัวมันหนักๆ ผมก็พยุงตัวเองไว้ไม่อยู่จนหันหน้ากระแทกพื้นเข้าอย่างจัง

    “คุณ! เป็นอะไรหรือเปล่า?” ไอ้พี่ลุกซ์ที่วิ่งอยู่หน้าแถวรีบวิ่งเข้ามาหาผมเพื่อดูอาการ

    “อ่า ไม่เป็นไรมากหรอกครับ  วิ่งต่อเถอะ” ผมลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวก่อนจะยิ้มแหยๆ กับความซุ่มซ่ามของตัวเอง

    พี่ลุกซ์กลับไปวิ่งอยู่หน้าแถวแล้วแต่ผมยังขยับไปไหนไม่ได้  พระเจ้า...ตอนล้มเมื่อกี้หัวเข่าผมกระแทกกับหินที่หักจนหัวที่โผล่มาจากพื้นกลายเป็นหินแหลมๆ บาดผิวหนังเป็นแผลลึกเลือดไหลซิบ

    โอยยยย  แสบเว้ยแสบ...

    แตะ!

    เฮือก!!  ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็มีมือผมแตะที่ไหล่ผมที่ยังยืนนิ่งวิ่งตามเพื่อนไม่ทัน  ไอ้พวกเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ไม่มีใครสังเกตเลยว่าผมไม่ได้วิ่งไปด้วย  นี่ผมไร้ตัวตนขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย?

    “ทำไมไม่วิ่งต่อล่ะ?” ไอ้เจ้าของมือที่แตะไหล่ผมถามขึ้น  ผมถอนหายใจเมื่อคนที่แตะไหล่ผมเป็นไอ้พี่ลันที่วิ่งนำหน้ากลุ่มของตัวเองมา

    “เอ่อ...เมื่อกี้ผมล้ม  หินบาดเข่าซะลึกเลย” ผมยิ้มแหยๆ  ตอนนี้ผมเจ็บมากจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวจะเจ็บไปมากกว่านี้  เลือดเองก็ไหลมากขึ้นจนขาผมอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน

    “พวกคุณวิ่งไปก่อนนะครับ  ผมจะปฐมพยาบาลให้เขาก่อน” ไอ้พี่ลันหันไปบอกสมาชิกในกลุ่มก่อนที่พวกนั้นจะวิ่งต่อตามคำสั่ง

    ไอ้พี่ลันมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของผมและหยิบขวดน้ำที่ถือมาด้วยมาราดที่แผล  ขาผมกระตุกเพราะความแสบแปลบปลาบแต่พี่ลันแกก็ยังจับขาผมเอาไว้แน่นและราดจนน้ำหมดขวด

    พี่ลันล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงวอร์มขายาวก่อนจะพันผ้าเอาไว้ที่ขาของผมและมัดเอาไว้เพื่อให้ผ้ามันปิดที่แผล  พี่แกลุกขึ้นยืนตัวตรงๆ ก่อนจะปลดเชือกที่รัดเอวออกและเดินมายืนหันหลังให้ผมพร้อมกับย่อตัวลง

    “นายคงเดินเองไม่ไหว  ขึ้นมาสิ” พี่ลันเอียงหน้ามาบอก  ผมก้มหน้างุดก่อนจะค่อยๆ เดินไปเกาะหลังพี่ลันและก้าวขึ้นขี่หลังพี่ลันอย่างอายๆ  มีอย่างที่ไหนครับที่ผู้ชายตัวใหญ่สองคนขี่หลังกันเดินอยู่ในป่า  รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะครับเนี่ย

    “พี่ลัน...มันน่าอายนะ” ผมพูดขณะที่ไอ้พี่ลันกำลังเดินไปอย่างช้าๆ  รู้สึกว่าผมกับพี่ลันจะรั้งท้ายคนอื่นๆ นะครับเนี่ย  อ่า...เขินจัง

    “หรือจะให้อุ้ม?” พี่ลันถามผมจึงรีบส่ายหน้า  แค่ขี่หลังยังน่าอายขนาดนี้แล้วอุ้มจะน่าอายขนาดไหนล่ะครับ >///<


     

    พี่ลันพาผมไปหาพี่สต๊าฟผู้หญิงที่ทำหน้าที่คอยปฐมพยาบาลคนเจ็บในขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็มุ่งตรงไปยังห้องอาหาร  สายตาเสียดแทงของพี่ๆ ผู้หญิงถูกส่งมาให้ผมเป็นตาเดียวเนื่องจากผมคนนี้ได้ขี่หลังไอ้พี่ลันที่แสนจะป๊อบปูล่า 

    ไอ้พี่ลันวางผมลงบนเก้าอี้ก่อนจะหันไปขอเครื่องมือทำแผลจากพี่สต๊าฟ

    “ลันจะทำเองเหรอ  เราว่าอย่าดีกว่า  เดี๋ยวพวกเราทำให้” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น  ดูเหมือนเธอจะไม่อยากให้พี่ลันยุ่งกับผมไปมากกว่านี้แล้วล่ะครับ  โธ่ เจ๊ครับ  จะคิดอะไรมากมาย  ผมกับพี่ลันก็ผู้ชายทั้งคู่

    “พวกคุณไปทานข้าวเถอะครับเดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” ไอ้พี่ลันบอก

    “ไม่เป็นไร  มันเป็นหน้าที่ของพวกเรานะ” พี่ผู้หญิงคนเดิมพูดยิ้มๆ

    “น้องคนนี้เขาไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าน่ะครับ  ผมเป็นพี่รหัสเขาเพราะฉะนั้นเดี๋ยวผมดูแลเอง” ไอ้พี่ลันตัดบทหน้านิ่งๆ พวกพี่ผู้หญิงจึงได้แต่ยอมส่งกล่องพยาบาลให้พลางเดินกระฟัดกระเฟียดไปทางห้องอาหาร 

    เอาแล้วไงกู  ถูกผู้หญิงเขม่นเข้าให้แล้ว  พวกพี่ๆ กลุ่มนั้นยิ่งน่ารักๆ อยู่ด้วย  ถูกผู้หญิงแบบนั้นเขม่นไอ้ผมก็เริ่มจะเสียวสันหลังซะแล้วสิครับ  ผมอยากเป็นมิตรกับผู้หญิงนะ!!

    “พี่เตี้ยน่ะ ไปไล่พี่เขาทำไมล่ะ?” ผมแอบดุพี่ลันที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าผมที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้

    “ฮึ่มมม” ไอ้พี่ลันถลึงตามองผมก่อนจะคำรามเสียงต่ำ

    “แหม...ทำเป็นขู่” ผมทำปากบู้อย่างล้อเลียน  แต่ทำปากจู๋ได้ไม่นานผมก็ต้องรีบหุบปากเมื่อไอ้พี่ลันชะเง้อคอมาดูดปากผมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว  อะ...ไอ้บ้านี่! ทำอะไรตอนนี้วะเดี๋ยวคนอื่นเค้าก็เห็นหมดหรอก

    “พี่ลัน ทำอะไรเนี่ย?” ผมตีไหล่พี่ลันพลางหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่าและก็ต้องโล่งอกเมื่อไม่มีใคร  โชคดีไป

    “ให้ทำอีกรอบไหมล่ะจะได้รู้ว่าทำอะไร” ไอ้พี่ลันช้อนตาขึ้นมาผม  โอยตาย  จะละลายแล้วกู  คนห่าอะไรหล่อฉิบหาย

    “ไม่ล่ะครับ” ผมรีบส่ายหน้า  ไอ้พี่ลันหัวเราะนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปทำแผลที่เข่าให้ผม  ผมอยากจะถามพี่แกเหลือเกินว่ามือแกทำด้วยอะไร  โคตรจะหนักเลยครับ!!

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    เป็นไงบ้างคะ  ตอนนี้ถูกใจไหมเอ่ย
    อิพี่มันซึน  ไม่อยากให้น้องไปจีบใครก็เลยตัดหน้าซะเลย ฮ่าๆๆ  น่ารักแบบนี้เอาใจฉันไปเลยไอ้ลันนนนน

    แล้วใครที่สงสารอิพี่ลุกซ์นะคะไรเตอร์จะจัดคนมาดามใจให้  อยากอ่านไหมอ่า?

    อ้อๆ ไรเตอร์ลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้มีลอยกระทง  อยากจะจัดตอนพิเศษให้สักหน่อย
    จะเป็นเรื่องสั้นๆ ของพี่ลันกับน้องไอนะคะ  แต่ไม่รู้ว่าจะแต่งทันไหม  ถ้าไม่ทันวันลอยกระทงไรเตอร์ขอโทษด้วยเน้อออ


     

    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×