ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Reborn D18:A promise...สัญญาว่าจะรักกันตลอดไป

    ลำดับตอนที่ #7 : Change!!! Love bucking horse so bad!

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 54


                 ทุกๆ วันฮิบาริจะมาเยี่ยมดีโน่และพูดคุยกับเขาแม้จะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่มีทางได้ยินและคุยโต้ตอบกับเขาแต่ฮิบาริก็ทำอย่างนั้นอยู่เสมอ  และก่อนจะจากไปเขาก็จะกระซิบพร่ำบอกรักดีโน่ตลอด

                “รักนะ ดีโน่” ฮิบาริพูดเบาๆ ที่ข้างหูอีกฝ่ายก่อนจะก้มลงจุมพิตเบาๆ ที่ปากบางสีส้มอ่อน  ตอนนี้สีหน้าของดีโน่เริ่มดีขึ้น  ใบหน้าดูมีสีสันมากขึ้นกว่าแต่ก่อนนั่นทำให้ฮิบาริชื้นใจและมั่นใจว่าอีกไม่นานชายหนุ่มจะต้องฟื้นแน่ๆ

                “อือ...” เสียงครางเบาๆ ใต้ร่างทำให้ฮิบาริเบิกตาโพลงอย่างตกใจปนดีใจ  ดีโน่ฟื้นแล้ว!!

                ฮิบาริรีบหาน้ำมาให้ร่างสูงดื่มแก้กระหายและรีบกดออดเรียกพยาบาล

                “นายเป็นใคร!?!” ดีโน่ถามเสียงแข็งกร้าว  ดวงตาสีน้ำตาลทองทอประกายไม่เป็นมิตร

                “หา?” ฮิบาริหน้าเหวอที่ถูกมองอย่างนั้น

                แต่ก่อนจะได้ถามอะไรไปมากกว่านี้พยาบาลสาวสวยสองคนก็เปิดประตูเข้ามาดูอาการก่อนที่หมอจะตามเข้ามา  ฮิบารรีบโทรหารีบอร์นให้มาดูอาการดีโน่ด้วยกัน

     

                “คนไข้ฟื้นได้เร็วอย่างน่าปะหลาดเลยนะครับ  ดูเหมือนว่าจะฟื้นขึ้นมาอย่างปกติเลยด้วยครับ  นอกจากแขนที่ต้องทำกายภาพบำบัดอย่างอื่นก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” หมอพูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

                “ไม่ ดีโน่ไม่เหมือนเดิม” ฮิบาริพึมพำ  รีบอร์นครุ่นคิดตามสิ่งที่ฮิบาริบอก

                “ไม่เหมือนเดิมอย่างไรครับคุณฮิบาริ” สึนะถาม  หมู่นี้สึนะกล่าคุยกับฮิบาริมากยิ่งขึ้นไม่กลัวฮิบาริเหมือนแต่ก่อน

                “ตวาด มองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร” ฮิบาริพูด

                “โว้ย!! จะเข้ามาทำบ้าอะไรเยอะแยะวะ!” เสียงเอะอะดังขึ้นทำให้พวกฮิบาริรีบวิ่งเข้าไปดู  ลูกน้องของดีโน่ถอยกรูดจนติดกำแพงเมื่อผู้เป็นบอสขว้างปาข้าวของใส่

                ทั้งๆ ที่เป็นคนรักลูกน้องยิ่งชีพแต่กลับไม่ดีใจที่เห็นลูกน้องมาเยี่ยมอย่างอบอุ่นหนำซ้ำยังออกปากไล่จนลูกน้องตกใจกลัวร้องไห้น้ำตาไหลพราก

                “นี่ไม่ใช่ดีโน่ที่ฉันรู้จัก” ฮิบาริพูด

                “คุณดีโน่  ไม่จริงน่ะ” สึนะพูดบ้าง  ไม่กล้าเข้าไปใกล้ดีโน่

                “ดีโน่ ใจเย็นๆ นายเพิ่งฟื้นอย่าเอ็ดตะโรไป” ฮิบาริเดินไปข้างเตียงก่อนจะลูบหลังดีโน่เบาๆ แต่แทนที่จะได้รับสายตาอ่อนโยนกลับได้สายตาเกรี้ยวกราดกลับมา

                “นายเป็นใคร อย่ามายุ่งจุ้นจ้านได้มั้ย!!” ดีโน่ปัดมืออิบาริออกอย่างเย็นชา

                “อึก” ฮิบาริก้มหน้าเศร้าสลด

                “ดีโน่ นี่ฮิบาริลูกศิษย์ของนาย” รีบอร์นพูด

                “อะไรนะ!?! อย่างฉันนี่นะจะไปสอนใคร อย่ามาโกหกฉันหน่อยเลยน่ารีบอร์น” ดีโน่พูด  ดีโน่จำรีบอร์นได้แต่จำฮิบาริไม่ได้แสดงว่าความจำบางส่วนของดีโน่ขาดหายไปอีกทั้งนิสัยยังเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน

                “ฉันเป็นคนให้นายไปสอนให้ฮิบาริก่อนศึกชิงแหวนกับวาเรีย” รีบอร์นพูดเตือนความจำของดีโน่

                “ไม่เห็นจะจำได้เลย  ช่างเถอะ ฉันไม่อยากจะจำเสียด้วย  โรมาริโอ้ ชั้นจะกลับบ้านได้ตอนไหน” ดีโน่ยักไหล่อย่างไม่สนใจความเป็นมาของฮิบาริแล้วหันไปถามลูกน้องคนสนิท

                “บอสต้องอยู่ทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาลอีกสามวันและกลับไปทำที่บ้านครับ” โรมาริโอ้เช็ดน้ำตาพลางตอบคำถาม

                “นานจังเลย  อยู่ที่โรงพยาบาลเบื่อจะตายไปแต่ถ้ามีพี่สาวพยาบาลสวยๆ ก็ว่าไปอย่าง” ดีโน่ยิ้มกริ่ม  ยังมีความเจ้าชู้ที่ไม่เปลี่ยนแปลงไป

                “ถ้าบอสต้องการอย่างนั้นผมจะให้ทางโรงพยาบาลจัดหานางพยาบาลสวยๆ มาช่วยบอสทำกายภาพบำบัดเองครับ” โรมาริโอ้บอก

                “ไม่ต้องหรอก ฉันจะทำให้เอง  หมอบอกว่าถ้าเรียนรู้จากพยาบาลฉันก็จะทำกายภาพบำบัดให้เขาได้” ฮบาริพูดขึ้น  รู้สึกหึงหวงที่ชายหนุ่มเจ้าชู้

                “ฉันไม่เอาด้วยหรอก  ถึงนายจะสวยแต่ยังไงพี่สาวหน้าอกอึ๋มๆ ก็ดีกว่า  นายจะไปไหนก็ไป ไป  รีบอร์นนายพาพวกนี้มางั้นก็พากลับไปด้วยเลยนะ” ดีโน่พูด  อิบาริกัดริมฝีปากแน่นจนเลือดห้อ

                “ฮิบาริ” ยามาโมโตะเดินมาบีบมือฮิบาริไว้เป็นเชิงปลอบใจ

                “พวกเราทุกคนพักอยู่ที่คฤหาสน์ของนาย” รีบอร์นพูด

                “คฤหาสน์ของวองโกเล่ก็มีทำไมต้องมาพักที่คฤหาสน์ของชั้นด้วยเล่า” ดีโน่ทำหน้าไม่พอใจ

                “ทำไม รังเกียจงั้นรึดีโน่” รีบอร์นถลึงตามองดีโน่จนชายหนุ่มหงอ

                “ไม่ได้รังเกียจซักหน่อย  จะพักก็พักไปสิ” ดีโน่พูดเสียงอ่อนเพราะกลัวอาจารย์

                “งั้นก็ดี และให้ฮิบาริช่วยนายทำกายภาพบำบัดด้วย ห้ามโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น” รีบอร์นยื่ยคำขาดก่อนจะเดินออกจากห้องพร้อมคนอื่นๆ โดยไม่ให้ดีโน่คัดค้านอะไรได้

                “เพราะนาย เพราะนายคนเดียวเลย!!” ดีโน่ถลึงตามองฮิบาริจนฮิบาริหน้าเบ้เหมือนจะร้องไห้

                “ขอโทษ” ฮิบาริพูดเสียงเบา

                “เอากองไว้ตรงนั้นแหละ  ออกไปจากห้องชั้นเลย  เบื่อจะเห็นหน้านายแล้ว” ดีโน่โบกมือไล่อย่างไม่แยแสความรู้สึกของเด็กหนุ่ม

                “ดีโน่ ทำไมนายถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้” ฮิบาริถามพลางปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม

                “เปลี่ยนอะไร นายพดบ้าอะไรอยู่  ก็บอกให้ออกไปไงฮิบาริ!” ดีโน่ทำหน้าฉุนเฉียวเมื่อฮิบาริไม่ยอมออกไป

                “นายไม่เคยเรียกฉันว่าฮิบาริสักครั้ง  นายจะเรียกฉันด้วยชื่อของฉัน เคียวยะไง” ฮิบาริกุมมือข้างที่ใช้การไม่ได้ของดีโน่พลางยกขึ้นแนบแก้ม

                “อึ๊ย ขยะแขยงว่ะ  นี่นายชอบชั้นหรือไงถึงทำแบบนี้แต่บอกไว้ก่อนว่าชั้นไม่สนใจผู้ชายด้วยกัน  เอามือของนายออกไป” ดีโน่ส่งสายตาขยะแขยงให้ฮิบาริเต็มที่จนน้ำตาไหลมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

                “ฮึก อือ” ฮิบาริปล่อยมือดีโน่ก่อนจะค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปที่ประตู  สายตาหวาดกลัวถูกส่งให้ดีโน่ก่อนร่างบางจะรีบวิ่งออกจากห้องด้วยความเสียใจ

                “อะไรวะ ขนลุกชะมัด” ดีโน่บ่นพึมพำก่อนจะข่มตานอน

     

                วันรุ่งขึ้นฮิบาริมาเยี่ยมดีโน่แต่เช้าและเรียนรู้การทำกายภาพบำบัดกับพยาบาล  ตอนแรกก็ให้พยาบาลทำให้ดูก่อนตัวเองจะทำเองบ้าง   ดีโน่มีท่าทางไม่พอใจอย่างมากที่ฮิบาริทำกายภาพบำบัดให้กับตัวเอง   เมื่อพยาบาลเห็นว่าฮิบาริทำได้ดีจึงขอตัวออกไป

                “ทำอย่างนี้ทุกวัน วันละครึ่งชั่วโมงนะคะ” นางพยาบาลยิ้มก่อนจะเดินออกไป

                “ยุ่งซะจริง! นายทำให้ชั้นอดมีพี่สาวสวยๆ มาพยาบาลให้จะรับผิดชอบยังไง”

                “ยังไงก็ได้แล้วแต่นาย สั่งมาเถอะ” ฮิบาริพูดพลางยกแขนดีโน่ขึ้นๆ ลงๆ

                “งั้นก็...ใช้ปากช่วยชั้นสิ” ดีโน่แสยะยิ้ม  ฮิบาริหน้าเหวอไม่คิดว่าดีโน่จะสั่งให้ทำเรื่องทุเรศๆ อย่างนั้น

     ฮิบาริกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะพยักหน้าและดึงกางเกงดีโน่ลง

                “อืม เขาว่ากันว่าปากผู้ชายมันดีกว่าปากผู้หญิงจริงๆ สินะ” ดีโน่ยิ้มอย่างพึงพอใจ

                ฮิบาริกล้ำกลืนทำเรื่องที่น่าอับอายต่อไปโดยไม่ขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น 

                “กลืนลงไปสิ ชอบชั้นไม่ใช่เหรอ กลืนลงไป” ดีโน่บีบคางฮิบาริให้กลืนบางสิ่งลงไป  ฮิบาริหลับตาแน่นก่อนจะฝืนกลืนลงไป

                “อึก”

                “ต่อไป...ขึ้นมาสิ” ดีโน่พูดพลางใช้แขนอีกข้างดึงร่างบางให้ขึ้นไปคร่อมตัวเองที่อยู่บนเตียง

                “นี่...”

                “ทำดีๆ ด้วยล่ะอย่าให้มันน่าเบื่อ” ดีโน่แสยะยิ้ม  ฮิบาริกัดปากน้ำตาไหลพราก  บางสิ่งที่เขานั่งทับกระตุ้นให้เขาต้องทำสิ่งที่น่าอับอายที่สุดให้ชีวิตลงไป  แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นดีโน่ฮิบาริจึงไม่ปฏิเสธ

                ฮิบาริกัดเสื้อเพื่อไม่ให้เสียงแห่งความปรารถนาดังเล็ดรอดออกไป  ความเจ็บปวดแล่นริ้วสู่ร่างกายจนน้ำตาไหลล้นทะลัก  ทั้งเจ็บใจและเจ็บกายที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

     

                ฮิบารินอนซมอยู่บนโซฟาเพราะไม่สามารถลุกไปไหนได้  แม้แต่จะใส่กางเกงยังไม่มีปัญญาเลยจึงได้แต่อาศัยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กปิดบังส่วนล่างเอาไว้

                “อยากอาบน้ำ” ดีโน่พูดขึ้นทำให้ฮิบาริหันไปหาทั้งน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้ง

                “อืม” ฮิบาริพยักหน้าก่อนจะเดินกะเผลกๆ เข้าไปหาร่างสูง  ตอนนี้ดีโน่เดินเองได้แล้วแต่ฮิบารินี่สิ...จะเดินแต่ละทีก็เจ็บสะท้านไปทั้งกาย

                ฮิบาริถือถุงน้ำเกลือตามดีโน่เข้าไปในห้องน้ำก่อนจะช่วยชายหนุ่มถอดเสื้อผ้า  มือบางสั่นเมื่อละเลงสบู่ลงบนร่างกายแน่นหนั่น  ในตอนนี้ร่างบางแทบจะไม่เหลือแรงจะช่วยชายหนุ่มอาบน้ำแต่กลัวว่าชายหนุ่มจะเกรี้ยวกราดใส่จึงได้แต่จำใจฝืนทำต่อไป

                “ฮึก” ฮิบาริก้มหน้ากลั้นเสียงสะอื้นไม่อยู่  เจ็บปวดใจเหลือเกิน

                “จะร้องไห้ทำไม  อย่าทำตัวเหมือนผู้หญิงจะได้มั้ย!  ถ้ารู้ว่านายจะมาร้องห่มร้องไห้เรียกร้องความสนใจเหมือนผู้หญิงแล้วล่ะก็ชั้นไม่ทำหรอก  ชิ นึกว่าทำกับผู้ชายแล้วจะไม่มีปัญหาซะอีก น่ารำคาญชะมัด” ดีโน่บ่น  ฮิบาริเม้มปากไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดรอดและรีบอาบน้ำให้ดีโน่จนเสร็จจากนั้นก็รีบออกจากห้องไป

     

                ฮิบาริเดินร้องไห้อยู่ในสวนสารธารณะเพราะไม่อยากกลับไปร้องไห้ที่บ้านไม่อยากนั้นพวกสัตว์กินพืชทั้งหลายคงจะสมเพชเขาเป็นแน่ที่เขาอ่อนแอได้มากมายขนาดนี้

                แปะๆ

                อีกแล้ว ฝน ฝนอีกแล้ว  ทุกทีเลย  และที่มากับฝนทุกครั้งก็มักจะเป็นยามาโมโตะ  ยามาโมโตะมักจะมาหาในยามที่ฝนตกและยามที่เขาทุกข์ใจ  อ้อมกอดที่แม้จะไม่อุ่นใจแต่ก็อุ่นกายอย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

                “ฮิบาริ ทำไมไม่เข้าบ้าน” นั่นไง ยามาโมโตะมาแล้ว

                “ยังไม่อยากเข้า” ฮิบาริเดินไปนั่งบนม้านั่งในสวนสารธารณะในขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็วิ่งหลบฝนกันให้วุ่น

                “ฉันรู้นะว่านายเสียใจ  นายยังมีชั้นนะฮิบาริ  อย่างน้อยให้ชั้นปลอบใจนายในฐานะแฟนด้วยเถอะ” ยามาโมโตะพูดทำให้ฮิบารินึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นคนรักของยามาโมโตะ  แต่ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักแต่พวกเขาทั้งสองยังไม่เคยทำอะไรมากกว่ากอดกันเลย

                ฮิบาริเอนตัวพิงร่างหนากว่าอย่างต้องการที่พักพิงใจ  และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่โกคุเดระต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจ  ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับไปที่คฤหาสน์คาบัคโรเน่เก็บข้าวของกลับไปอยู่ที่บ้านเก่าของคุณพ่อโดยไม่บอกไม่กล่าวใครแม้กระทั่งเบียงกี้พี่สาวคนสวย

     

                สองวันที่เหลืออยู่ที่โรงพยาบาลฮิบาริก็ไปทำกายภาพบำบัดให้ดีโน่ตามปกติและถูกชายหนุ่มสั่งให้ทำเรื่องอัปยศเหมือนเช่นเคยแต่หลังจากวันนั้นฮิบาริก็ไม่ร้องไห้อีกแล้ว  เขาพยายามเรียกความเข้มแข็งกลับมาให้เหมือนกับตอนที่อยู่ญี่ปุ่น

                “ยกแขนขึ้นสูงๆ” ฮิบาริพูดพลางจับแขนดีโน่ยกขึ้น

                “โอ๊ย เจ็บๆ” ดีโน่ขมวดคิ้วเมื่อฮิบาริจับแขนเขายกสูงเกินไป

                “ขอโทษๆ” ฮิบาริพูดพลางวางแขนดีโน่ลงพลางบีบๆ นวดๆ ให้อย่างอ่อนโยน  ดีโน่ขมวดคิ้วรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านกับความใจดีของฮิบาริ

                “เอาผลไม้มาให้กินทีสิ” ดีโน่สั่งฮิบาริจึงเดินไปหยิบแอปเปิ้ลที่ปอกเปลือกไว้แล้วมาป้อนให้ดีโน่

                “ถามจริง นายรักชั้นเหรอ?” ดีโน่ถามขึ้นก่อนที่แอปเปิ้ลจะถูกส่งเข้าปาก

                “อ่ะ...” ฮิบาริอึ้ง  ถ้าบอกออกไปว่ารักเขาจะสั่งให้ทำอะไรแปลกๆ อีกหรือเปล่านะ

                “ตอบมาสิ” ดีโน่เร่ง

                “อืม รักสิ” ฮิบาริพยักหน้าแดงก่ำขึ้นลงช้าๆ

                “รักตรงไหน”

                “รักทุกอย่างที่เป็นนาย  อ่อนโยน ขี้เล่น คุยสนุก อยู่ด้วยแล้วสบายใจ น่ารักด้วย” ฮิบารินึกถึงสมัยที่ดีโน่ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปพลางยิ้มบางๆ

                “ชั้นในตอนนั้นรักนายมั้ย”

                “เอ่อ ชั้นไม่รู้หรอกเพราะนายไม่เคยบอกอะไรชั้นเลยและชั้นก็ไม่เคยบอกนายว่าชั้นรักนาย” ฮิบาริก้มหน้าพูดอย่างขื่นขม  นึกสมเพชตัวเองที่ไม่กล้าบอกออกไปตรงๆ แต่มาบอกตอนที่ดีโน่ความจำเสื่อมแบบนี้ ช่างน่าอายเหลือเกิน

                “น่าสมเพชเนอะ ถ้าชั้นไม่เป็นแบบนี้นายก็คงไม่กล้าบอกสินะ  แต่ขอบอกไว้เลยว่าชั้นไม่ได้รักนาย  ตัดใจจากชั้นซะเถอะ  ชั้นชอบพี่สาวสวยๆ อวบๆ อึ๋มๆ อย่างนายมันก็เป็นได้แค่ของแก้ขัดเท่านั้นแหละ” เมื่อได้ยินอย่างนั้นฮิบาริถึงกับสะท้านไปทั้งกายและใจแต่ว่าเขาสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าจะไม่ร้องไห้เขาจึงได้แต่แค่นยิ้มออกมา

                “อืม ชั้นเข้าใจ” ฮิบาริ  ดีโน่แอบขมวดคิ้วไม่พอใจที่ไม่ได้เห็นหน้าตาตอนร้องไห้ของฮิบาริ  ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะแกล้งให้ร้องไห้แท้ๆ แต่ทำไมครั้งนี้กลับยิ้มซะล่ะ  บ้าจริง!

                “พรุ่งนี้ชั้นจะออกจากโรงพยาบาล  นายต้องมารับชั้นไม่ต้องให้พวกลูกน้องมา  นายต้องมาคนเดียว” ดีโน่สั่ง

                “ทำไมล่ะ ทุกคนเขารอวันที่นายจะออกจากโรงพยาบาลนะ”

                “ชั้นบอกให้มาก็มาสิ อย่าขัดใจชั้นจะได้มั้ย” ดีโน่ขึ้นเสียง

                “ได้ ชั้นจะมา” ฮิบาริพยักหน้ารับ

                ก๊อกๆ  เสียงเคาะประตูดังขึ้นชายหนุ่มทั้งสองจึงหันไปสนใจกับผู้มาใหม่

                “อ่า สวัสดีครับ” ยามาโมโตะทักทาย

                “นายเป็นใครน่ะ” ดีโน่ถาม

                “ผมชื่อยามาโมโตะเป็นแฟนของฮิบาริครับ” ดีโน่คิ้วกระตุกหงึกเมื่อได้ยินประโยคแสลงหู  สายตาคมตวัดควับไปมองฮิบาริอย่างโกรธเกรี้ยวทันที

                ที่โกรธก็เพราะฮิบาริพร่ำบอกรักเขาอยู่ทุกวันแต่กลับไปมีแฟนเป็นผู้ชายคนอื่นจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไรไหว  เพราะงั้นก็แสดงว่าฮิบาริเป็นพวกสำส่อนน่ะสิ  ความคิดนี้ทำให้ดีโน่ขยะแขยงฮิบาริขึ้นมาทันที

                “งั้นรึ?” ดีโน่เบะปากพลางทำหน้าตาไม่ชอบใจ

                “ผมมารับฮิบาริกลับน่ะครับ”

                “เอากลับไปสิ ชั้นรำคาญจะตายอยู่แล้ว ฮึ!” ดีโน่ส่งสายตาไม่ชอบใจไปให้ฮิบาริก่อนจะนอนตะแคงหันหลังให้

                “กลับกันเถอะ” ฮิบาริมองแผ่นหลังกว้างอย่างถอดถอนใจก่อนจะเดินออกจากห้องไปกับยามาโมโตะ
    __________________________________________________________________________________________
    โอ๊กก ก ก ก ก   ทำไมคุณโน่เลวเยี่ยงนี้
    ใครแต่งวะ  กระทืบมันเลย  (ฟิ้ว  วิ่งหนี!!)

    ปล.ขอฝากบทกลอนอันแสนจะ(ไม่)ไพเราะ เสนาะตับด้วยนะเคอะ

    ปล. ของ  ปล.ใครมีวิธีทำให้คนมาสนใจนิยายเราเยอะๆ ช่วยบอกที  จนปัญญา  (ไรเตอร์มันโง้ ว ว วว )

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×