ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #7 : Rule 6 : รักน้องต้องเข้าชมรม

    • อัปเดตล่าสุด 19 มิ.ย. 61




    Rule 6 : รักน้องต้องเข้าชมรม

    เนื่องจากวันนี้ผมไม่อยากเมาแบบไร้สติผมจึงทำเป็นแกล้งเมาแม้ว่าจะอยากดื่มอีกก็ตาม  ผมฟุบหน้าลงบนโต๊ะก่อนจะรอเวลาให้พวกพี่ๆ เขาสนุกกันเสร็จก่อน  ขืนขอตัวกลับก่อนผมซวยแน่

    “เชี่ยลัน  ทำไมวันนี้ฮันนี่เมาแล้วไม่อาละวาดวะ” ไอ้พี่ขลุ่ยที่เพิ่งมาถามขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม  พอดีรู้สึกว่าที่นั่งบนโซฟาข้างๆ มันยุบก็เลยคิดว่าไอ้พี่ขลุ่ยน่าจะนั่งลงตรงนี้

    “สงสัยวันนี้ได้จูบจนอิ่มแล้วก็เลยไม่อาละวาดมั้ง ฮ่าๆ” ไอ้พี่เสือ!! ปากมอมนะมึง

    “หมายความว่าไงวะ” ไอ้พี่ขลุ่ยถามงงๆ

    “พอดีเฮียลุกซ์เขาบังคับให้สุดที่รักจูบคนให้ดูต่อหน้าก็เลยได้จูบกับไอ้ลันนี่แหละ  จูบแบบดูดดื่มสุดๆ เลยมึงเอ๊ย ฮ่าๆ ได้อารมณ์กว่าคราวที่แล้วอีกนะ” ไอ้พี่เสือเล่าอย่างสนุกสนาน  คราวที่แล้ว?

    “เฮ้ย! นี่กูพลาดเรื่องสนุกๆ แบบนี้ไปได้อย่างไรวะ เสียดาย” ไอ้พี่ขลุ่ยตบเข่าอย่างเสียดาย  ไอ้พวกพี่เวรนี่นินทากันซึ่งๆ หน้าเลยนะ  ไม่ได้นินทาแบบเผาขนเลยแบบนี้มันเผาถึงเครื่องในกูเลยครับ

    “พี่ลัน คราวหน้าพี่ก็ให้มันยืมหญิงในสต็อกพี่เหอะ  ผมกลัวน้องผมเป็นเกย์อ่ะ” ไอ้พี่เปอร์พูด

    “ไม่ กูหวง” ไอ้พี่ลันตอบเสียงแข็ง  ไอ้เตี้ยขี้หวง  อย่าให้กูมีแฟนนะมึงกูไม่ง้อมึงหรอก เชอะ!

    “หวงใครพี่? หวงน้องมันหรือหวงสาว  พี่จูบกับไอ้ไอไปสองรอบแบบนี้พี่คิดอะไรกับมันป่ะ?” ไอ้พี่เปอร์ถามกวนๆ  สองครั้ง!?! ผมไปจูบกับไอ้พี่ลันตอนไหนอีกวะ? ที่จำได้ก็ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนี่หว่า

    “ไอ้เปอร์  มึงลุกไปตีกับกูนอกร้านเลยมะ?” ไอ้พี่ลันขู่เสียงแข็ง

    “โห ใครจะกล้าล่ะครับ” ไอ้พี่เปอร์ตอบเสียงอ่อนทันที “เดี๋ยวผมว่าจะกลับแล้วแหละแล้วผมจะไปส่งไอ้ไอด้วย  ว่าแต่มันอยู่ที่ไหนอ่ะพี่” ไอ้พี่เปอร์ถาม  แหม...เป็นพี่ที่ดีของน้องจริงๆ

    “หอ xxx ที่อยู่หลังม.น่ะ” ไอ้พี่เสือตอบ

    “โอเค บ้านผมผ่านทางนั้นพอดี  งั้นผมฝากลาไอ้พี่ลุกซ์ด้วยนะครับเดี๋ยวจะหาว่าผมหนีกลับก่อนแล้วหาเรื่องทำโทษผมอีก” ไอ้พี่เปอร์พูด

    “เออๆ รีบไปเถอะไป  เกิดฮันนี่ตื่นขึ้นแล้วอาละวาดไอ้ลันจะซวย” ไอ้พวกพี่นี่พูดเรื่องอะไรวะ  ผมไม่เข้าใจเลย  ผมเมาแล้วผมทำร้ายไอ้พี่ลันเหรอ?

     

    ร่างผมถูกพวกพี่ๆ แบกมาส่งที่รถของไอ้พี่เปอร์ก่อนความเงียบจะเข้าครอบงำ  เสียงทุกคนหายไปแล้วได้ยินเพียงเสียงติดเครื่องยนต์และเสียงประตูรถปิดดังปัง

    “พี่เปอร์!” ผมทะลึ่งพรวดไปเกาะเบาะที่นั่งคนขับพลางตะโกนใส่ไอ้พี่เปอร์เสียงดังจนพี่แกตกใจร้องโวยวายจนน่าขำ “พี่...ตกใจอะไร” ผมสะกิดเพื่อเตือนสติพี่แก  สงสัยจะคิดว่าผมเป็นผี

    “โฮ่ย  ตกใจหมด  นี่ตื่นแล้วเหรอ?” ไอ้พี่เปอร์ถามหลังจากปรับสภาพจิตใจได้แล้ว

    “ไม่ได้เมาต่างหาก  ผมแกล้งเมาเพราะไม่อยากถูกไอ้พี่ลุกซ์มอมเหล้า” ผมยักคิ้ว

    “งั้นก็ได้ยินพี่นินทาอ่ะดิ” ไอ้พี่เปอร์เอามือปิดปากก่อนจะทำหน้าอายๆ

    “นั่นแหละที่ผมอยากจะถาม  ที่พวกพี่พูดกันว่าผมเมาแล้วอาละวาดหมายความว่าไง แล้วไอ้ที่ว่าผมจูบกับพี่ลันเป็นครั้งที่สองนั่นคืออะไร? บอกมาให้หมดเลยนะพี่” ผมเค้นถาม

    “เอ่อ...แฮะๆ ก็แกน่ะเมาแล้วก็ไปชมพี่ลันว่าหล่ออย่างนั้นหล่ออย่างนี้จากนั้นแกก็จูบพี่แกเลย” ผมเบิกตาโพลงเมื่อรู้ความจริง  กูไม่น่าเค้นถามเลยว่ะ  รู้แล้วอายชะมัดเลย

    “จะบ้าเหรอพี่  ผมไม่ได้มีนิสัยเมาแล้วไปไล่จูบใครซักหน่อย” ผมอึ้งก่อนจะรีบปฏิเสธ  เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง สงสัยพี่แกอำผมว่ะ

    “ไม่รู้ล่ะ รู้แต่ว่าเมื่อวานแกเกือบได้กันกับพี่ลัน” ผมทำหน้าแหยงทันทีที่ไอ้พี่เปอร์พูดอย่างนั้น

    “พูดเป็นเล่นน่าพี่”

    “ไม่ได้พูดเล่นเว้ย  ดีนะพี่ลันแกยังมีสติเห็นว่าแกไม่มีนมแกก็เลยหยุด” ไอ้ผู้ชายชีกอ! แต่ก็ดีแล้วล่ะ ขืนได้กันขึ้นมามีหวังผมคงไม่กล้ามีเจ้าสาวไปอีกตลอดชีวิต  อึ๋ย  แค่คิดผมก็ขนลุกพรึ่บพรั่บแล้วล่ะครับ

    ไอ้พี่เปอร์ออกรถหลังจากผมเงียบไปสักพัก  พวกเราคุยกันในรถแลกเปลี่ยนข้อมูลตามประสาพี่น้องและหลังจากนั้นพี่แกก็พูดกูกับมึงกับผมทำให้พวกเราดูสนิทกันมากยิ่งขึ้น

     

    ผมเดินขึ้นห้องก่อนจะพบว่าไอ้เมฆมายืนรออยู่หน้าห้องผม  เมื่อเห็นว่าผมกลับมาแล้วไอ้เมฆก็รีบพุ่งเข้ามาหาผมทันที

    “ไอ โดนอะไรมั่ง?” ไอ้เมฆเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้

    “ไม่ได้โดนอะไร  พี่ลุกซ์แกเห็นว่าเรารักเพื่อนแกก็เลยปล่อยไป” แหวะ! ปล่อยห่าอะไรล่ะครับ  เล่นซะกูอับอายขายขี้หน้าคนทั้งร้าน  อย่าให้ผมมีโอกาสนะครับ ผมจะเอาคืนไอ้พี่เวรนี่ให้มันอายกว่าผมเลยคอยดู

    “ไอ เราขอบคุณจริงๆ นะ” ไอ้เมฆเขย่ามือผมก่อนจะร้องไห้

    “ร้องไห้อีกละ”

    “ก็เราซึ้งอ่ะ  นายดีกับเรามากทั้งๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกัน  ขอบคุณมากนะไอ” ไอ้เมฆกระโดดกอดผมแน่นผมจึงลากมันเข้าห้อง  ฮั่นแน่ะ! คิดว่าผมจะปล้ำเพื่อนล่ะซี้  ผมแค่พามันมาหลบสายตาคนเท่านั้นแหละครับเดี๋ยวจะถูกหาว่าเป็นเกย์

    “เมฆ เราว่านายอ่อนแอเกินไปแล้วนะ  ต่อไปนี้หลังเลิกเรียนเราจะพานายเข้าฟิตเนสแล้วก็จะสอนดื่มเหล้า  ถ้าร่างกายแข็งแรงใจก็จะเข้มแข็งไปด้วย” ผมกดไหล่ไอ้เมฆให้นั่งลงบนเตียงก่อนจะพูดอย่างจริงจัง  วันนี้ไอ้เมฆมันน่าสงสารมากแต่ผมคงปกป้องมันได้ไม่ตลอดไปหรอกเพราะฉะนั้นมันจะต้องแข็งแกร่งด้วยตัวของมันเอง

    “เอาสิ!” ไอ้เมฆพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

    “เริ่มจากการพูดการจาก่อนเลยก็แล้วกัน  การพูดของพวกเรามันดูหน่อมแน้มเกินไป เราจะต้องเสริมสร้างความป่าเถื่อนให้ตัวเราโดยการพูดจาภาษาพ่อขุนราม” ผมเดินไปมาพลางสอนไอ้เมฆเหมือนกับตัวเองเป็นครู

    “ฮ่าๆๆ ได้  สมัยม.ปลายกูก็พูดจาหยาบคายพอตัวเลยล่ะ   แต่กูเพิ่งรู้จักกับมึงไงก็เลยต้องสุภาพไว้ก่อน” ผมชะงักก่อนจะมองหน้าไอ้เมฆอึ้งๆ  มึงเปลี่ยนสีเร็วมากเมฆ  แต่ก็ดีแล้วล่ะ

    “อื้อ ดี...ดีมาก เฮอะๆ” ผมที่ยังปรับสภาพตามไอ้เมฆไม่ทันหัวเราะแหะๆ แก้เก้อ

    “แล้ว...เห็นมึงบอกว่าจะพากูเข้าฟิตเนสอย่างนั้นอย่างนี้จนดูเหมือนมึงชอบเล่นกีฬา  แต่ทำไมตัวผอมจังวะ” ไอ้เมฆพูดผมจึงรีบดึงเสื้อขึ้นดูซิกแพ็ค(?)ของตัวเองทันที  กูไม่ได้ผอมนี่หว่าแค่ไม่บึ้กเท่านั้นเอง

    “เออน่า  กูไม่ได้เล่นกล้าม” ผมบอก  ผมเรียนเทควันโดกับยูโดอย่างเดียวไม่ค่อยได้เข้าฟิตเนสเล่นกล้ามหรอก  แต่ตัวผอมๆ แบบผมนี่เคยจับครูฝึกตัวบึ้กทุ่มมาแล้วนะขอบอก โฮะๆ

    “แต่แทนที่จะอยากมีกล้ามกูอยากสูงมากกว่าว่ะ” ไอ้เมฆเอามือวัดความสูงตัวเองกับผมก่อนจะเบะปาก  อย่างไอ้เมฆน่าจะสูงซัก 165 ได้มั้ง

    “ฝันเอาละกันมึง  ยากว่ะ” ผมพูด  ที่จริงผมก็อยากสูงนะ  อยากได้แบบไอ้พี่ลันเลย  ที่จริงผมอยากมีหุ่นแบบไอ้พี่ลันอ่ะ  หุ่นแกสวยมาก

    “ว่าแต่ทำไมมึงกล้าเถียงรุ่นพี่จังวะ  ไม่กลัวโดนยำเหรอ?” ไอ้เมฆถามงงๆ

    “หืมม์? ไม่กลัวหรอก  ถ้าไม่นับถือว่าเป็นรุ่นพี่กูซัดปากแตกไปนานแล้ว” ผมยกกำปั้นพลางพูดยิ้มๆ

    “เก่งจังนะ” ไอ้เมฆยิ้มกวนๆ

    “อ้า เทควันโดสายดำนะเว้ย” ผมแสยะยิ้มบางๆ  สำหรับยูโดผมยังไม่มีเทคนิคสักเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นเทควันโดล่ะก็ผมแชมป์จังหวัดนะครับ เอิ๊กๆ

    “โม้” ไอ้เมฆไม่เชื่อ

    “เอ้าจริง! ดูใบประกาศไหม?” ผมพูด  ที่จริงไม่ได้เอาใบประกาศมาหรอกแต่เอาชุดมาเพราะผมลงชมรมเทควันโดไว้

    “ครับๆ เชื่อแล้วครับพี่ ฮ่าๆ” ไอ้เมฆพูดก่อนจะหัวเราะดังๆ ผมจึงหัวเราะตามจากนั้นไอ้เมฆก็เดินกลับห้องมันไปเพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว

     

    มึนๆ งงๆ เห็นตัวแดงลอยมาแต่ไกลเลยครับ  ผมพูดตรงๆ เลยว่าผมเป็นคนไม่ถนัดวิชาเลขแต่ผมดันมาเรียนวิศวะ  วันนี้มีเทสต์ย่อยแบบไม่ทันตั้งตัวของอาจารย์หัวเถิกสอนเลข  ไอ้เราหรือก็ไม่ตั้งใจเรียนเพราะมัวแต่แฮงก์จากการดื่มเหล้า  เรียนมาได้สองวันให้มาเทสต์แบบนี้ใครจะทำได้วะ  แต่ผมเชื่อเลยว่าไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่ปางตาย  ตอนรู้ว่ามีเทสต์คนในห้องร้องโหยหวนกันน่าดู  พอออกจากห้องสภาพของแต่ละคนอย่างกับผีดิบ  อาจารย์น่าจะรู้นี่นาว่าเปิดเทอมใหม่ๆ แบบนี้พวกผมมักจะถูกรุ่นพี่มอมเหล้าแล้วทำไมอาจารย์ไม่ปรานีกันบ้างเลย

    “ทำหน้าอย่างกับคนปวดขี้เลยนะไอ้น้อง” ขณะที่ผมกำลังเดินเซไปเซมาไอ้พี่เปอร์ก็กระโดดเข้ามากอดคออย่างอารมณ์ดี

    “วันนี้มีเทสต์ย่อยวิชาเลขน่ะครับ ไอ้ไอมันทำไม่ได้ก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น” ไอ้เมฆตอบแทนผมที่กำลังส่งวิญญาณออกจากร่าง

    “แล้วน้องเมฆทำได้เหรอทำไมไม่มีสภาพเหมือนไอ้ไอมัน” พี่เปอร์หันหน้าไปถามไอ้เมฆแต่แขนยังตะครุบคอผมอยู่ครับ  ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนแขนไอ้พี่เปอร์เป็นวิญญาณของผู้หญิงที่กำลังขี่คอผมอยู่อ่ะครับเพราะสภาพผมตอนนี้เหมือนคนโดนของอย่างไรอย่างนั้น

    “ก็ทำไม่ค่อยได้หรอกครับแต่ว่าไอ้ไอมันมีอาการแฮงก์อยู่ก็เลยหนักกว่าผม” เมฆตอบยิ้มๆ แหงล่ะ...เมื่อคืนมันสบายได้กลับหอก่อนนี่หว่า  คราวหน้าผมจะแกล้งเมาเร็วๆ จะได้ไม่ตื่นมาแล้วแฮงก์แบบนี้

    “เอางี้ไหมไอ  เดี๋ยวกูติวเลขให้มึงเอง” ไอ้พี่เปอร์เสนอผมจึงรีบก้มกราบตีน(เว่อร์)แกทันที

    “ขอความกรุณาด้วยครับ” ผมกระโดดกอดไอ้พี่เปอร์อย่างเต็มรักด้วยสภาพผีดิบไอ้พี่เปอร์เองก็รีบผลักผมออกเพราะแกกลัวสภาพของผมตอนนี้เหลือเกิน

    “ดีจังเลยนะ” ไอ้เมฆพูดอย่างอิจฉา

    “เมฆก็ไปให้ไอ้พัดมันติวให้สิ  รายนั้นได้Aวิชาเลขตลอดเลยนะ” ไอ้พี่เปอร์บอก

    “ไม่เอาหรอกครับก็พี่พัดน่ะชอบแกล้งผม” ไอ้เมฆทำหน้าบูดบึ้งเมื่อนึกถึงพี่เทคของตัวเอง  ไอ้พี่พัดน่ะชอบแกล้งไอ้เมฆจริงๆ นั่นแหละ  เวลาไปกินเหล้าก็ชอบชงเหล้าเข้มๆ แถมยังชอบตบหัวไอ้เมฆอยู่บ่อยๆ

    “ก็เรามันน่าแกล้งนี่นา  ที่มันแกล้งไม่ใช่เพราะเกลียดหรอกนะ” ไอ้พี่เปอร์พูด  ผมก็ว่าไอ้พี่พัดไม่ได้แกล้งเพราะเกลียดหรอกแต่แกล้งเพราะชอบต่างหาก(ไม่ได้หมายความแปลกๆ นะครับ)

    “แต่มันก็ไม่เป็นไรหรอกครับเพราะผมไม่ได้อ่อนเลขขนาดนั้น  ถ้าตั้งใจเรียนในคาบก็พอไหวครับ” มึงไหวแต่กูไม่ไหว  งั้นขอเกาะไอ้พี่เปอร์เพื่อคะแนนสอบที่ดีขึ้นละกันนะ

    “แล้วนี่กำลังจะไปไหนกันน่ะ” ไอ้พี่เปอร์ถาม

    “ไปยิมครับ  ผมเข้าชมรมเทควันโดน่ะ” ผมตอบก่อนจะตบกระเป๋าเบาๆ ก็ในกระเป๋าผมมีชุดเทควันโดที่ผมใช้อยู่ประจำนี่นา  ภูมิใจเบาๆ ที่ได้สายดำแต่วันนี้ผมเอาสายขาวมาเดี๋ยวจะถูกรุ่นพี่หมั่นไส้เอาได้

    “ผมถูกบังคับให้ไปด้วยน่ะครับ” ไอ้เมฆยิ้มแหยๆ เห็นมันบอกว่ามันอยากเข้าชมรมเกษตรแต่ผมบังคับให้มันมากับผมเพื่อฝึกความแข็งแกร่ง

    “โอเค  งั้นพี่ไปเรียนก่อนละกัน” ไอ้พี่เปอร์พูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินแยกออกไป

     

    ผมกับไอ้เมฆเดินเข้าไปในโรงยิมที่คลาคลั่งไปด้วยคนสวมชุดเทควันโดทั้งชายหญิง  พวกผมมองหาอาจารย์ประจำชมรมก่อนจะเดินเข้าไปหาเพื่อรายงานตัวว่าเป็นสมาชิกใหม่  บรรยากาศในยิมคึกคักจนผมอยากจะเปลี่ยนชุดลงมาฝึกเร็วๆ ซะแล้ว

    ผมมองขึ้นไปบนสังเวียนอย่างดีใจ  ซักวันผมจะต้องกลับไปยืนบนนั้นให้ได้ อย่างน้อยๆ ได้แข่งในระดับมหาวิทยาลัยก็ยังดี  ผมอยากจะแข่งวัดความสามารถของตัวเองจริงๆ  แต่เอ๊ะ! ไอ้ที่ยืนถือเป้าล่อตีนอยู่บนสังเวียนนั่นมัน...ไอ้พี่ลัน!!

    และคนที่เตะเป้าที่พี่ลันถือก็...ไอ้พี่ลุกซ์!!  พระเจ้า! หน้าตาของสองคนนั้นเหมือนกำลังจะฆ่ากันอย่างไรอย่างนั้นเลยว่ะ  เวลาไอ้พี่ลุกซ์เตะมาไอ้พี่ลันก็จะตบเป้าใส่ขาพี่ลุกซ์  บางทีพี่ลุกซ์ก็ตั้งใจเตะเฉียดหน้าไอ้พี่ลันไปนิดหน่อย  สองคนนั้น...เป็นอะไรกันวะ?

    “เอ่อ ผมชื่อสุดที่รัก  อาราตะครับ  ที่จริงแล้วผมได้สายดำแต่ผมขอฝึกแบบบีกินเนอร์ไปพร้อมเพื่อนๆ นะครับ” ผมละสายตาจากสังเวียนก่อนจะหันมารายงานตัวกับอาจารย์เมื่อถูกไอ้เมฆสะกิด  พวกเราต้องลงชื่อเอาไว้เป็นข้อมูลน่ะครับอาจารย์จะได้จัดกลุ่มให้ถูก  ไอ้เมฆมันไม่เคยเรียนเทควันโดมาก่อนผมจึงลงบีกินเนอร์เหมือนมัน

    “ทำไมคุณไม่ฝึกไปพร้อมกับพวกสายดำล่ะ?” อาจารย์ถาม

    “พอดีผมจะเป็นคู่ซ้อมให้เพื่อนคนนี้น่ะครับก็เลยคิดว่าอาจจะไม่มีเวลาไปฝึกกับพวกสายดำ” ผมอธิบายพลางชี้ไปที่ไอ้เมฆ

    “แล้วแต่คุณก็แล้วกันครับ  แต่ถ้ามีการแข่งจัดอันดับคุณจะต้องลงในสายดำนะครับ” อาจารย์บอกผมจึงพยักหน้า “แล้วคุณมีชุดหรือยังครับ?” อาจารย์หันไปถามไอ้เมฆ

    “ยังเลยครับ”

    “ถ้าอย่างนั้นคุณไปส่งชื่อกับกรอกไซส์ตรงนั้นนะครับ” อาจารย์ชี้ไปที่โต๊ะลงทะเบียนที่มีนักศึกษาหลายคนกำลังลงชื่อกรอกไซส์เพื่อซื้อชุดเทควันโดอยู่

    “เมฆ เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ  ถ้ามึงลงเสร็จแล้วให้ยืนรอกูอยู่ตรงนี้” ผมบอกไอ้เมฆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

     

    “กรี๊ดดดดด!! ตาลามก! ทะลึ่ง!!” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังประสานเสียงกันพร้อมกับข้าวของที่ถูกปาใส่ผมเมื่อผมเดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุดของสาวๆ  ผมรีบวิ่งออกมาก่อนจะมองป้าย

    พระเจ้า!! คำว่า ห้องเปลี่ยนชุด มันขาดคำว่า หญิง ไปเพราะสติ๊กเกอร์มันถลอก  ซวยเลยกู  เลือดกำเดาเกือบไหล เหอๆ

    “ขอโทษครับผม!” ผมรีบเอามือปิดหน้าก่อนจะรีบเดินหนีออกจากที่แห่งนั้นเพราะความอับอาย   ขออย่าให้พวกสาวๆ จำหน้าผมได้เลยขอร้อง ผมอาย

    “แอบดูผู้หญิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอไอ้สูง” เสียงทุ้มๆ ต่ำๆ ดังขึ้นขณะที่ผมกำลังเดินปิดหน้าปิดตาไปที่ห้องเปลี่ยนชุดชายด้วยความอับอายขายขี้หน้าประชาชี

    “จะบ้าเหรอพี่เตี้ย! ผมเข้าห้องผิดต่างหากล่ะ” ผมเอามือตบแขนพี่ลันเบาๆ  ความอัปยศครั้งนี้ผมคงจำไปอีกนาน

    “แล้วนี่...มาลงชมรมนี้เหรอ?” พี่ลันถาม

    “ผมมาลงชมรมบาสอ่ะครับ” ผมตอบกวนตีน

    “ยิมนี้ของชมรมเทควันโดไอ้เด็กเวร!” ผลจากการกวนตีนพี่ปกครองคือฝ่ามือหนักๆ ที่ตบลงกลางกบาลผมแบบไม่ยั้งมือ  เล่นซะกูคอเกือบหัก

    “โอ๊ย! ตบแรงแบบนี้เกิดสมองผมไหลออกมาพี่จะรับผิดชอบยังไง” ผมแกล้งโวยวาย

    “เดี๋ยวจะแต่งงานด้วยละกัน” โดนกวนดอกนี้เล่นซะผมสะอึกเลยล่ะครับ

    “อะ...แฮะๆ พอดีผมอยากมีเมียครับไม่ได้อยากมีผัว” พี่ตอบเสียงอ่อย  พี่แกแกล้งแรงเนาะ

    “พูดเล่น!” ไอ้พี่ลันขึงตาดุผมจึงเงียบก่อนจะขอตัวเข้าไปเปลี่ยนชุด

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×