คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Enjoy eating.
ผมอยากจะเชื่อเลยให้ตายเถอะ!! ความทรงจำในวัยเด็กของผมที่ผมฝันถึงตั้งแต่มาที่ญี่ปุ่นคือสัญญาที่ให้ไว้กับเคียวยะอย่างนั้นหรือ!?! มิน่าล่ะทำไมถึงรู้สึกผูกพันกับหมอนี่นัก แล้วทำไมต้องมานึกได้ตอนที่มาญี่ปุ่นด้วย ในที่สุดความฝันที่ค้างคานั้นผมก็ได้รู้เสียแล้ว
ผมจำได้แล้ว...ตอนนั้นผมอายุสิบสามปี พ่อผมพาผมมาที่ญี่ปุ่นเพื่อมาติดต่อธุระกับอิเอมิทสึซังที่เป็นพ่อของสึนะและผมก็ออกไปเดินเล่นร้านขายอาวุธกับลูกน้องในแก๊ง อันที่จริงก็ไม่ได้เต็มใจไปหรอกนะแต่โดนบังคับเพราะผมต้องสืบตำแหน่งบอสต่อจากพ่อ และตอนนั้นผมก็เจอกับเด็กคนหนึ่งซึ่งก็คือเคียวยะกำลังจะจับทอนฟา ตอนนั้นผมตกใจมากเพราะเด็กตัวกะเปี๊ยกอย่างนั้นเนี่ยนะจะมาหยิบทอนฟาไปเล่นผมจึงรีบเข้าไปห้าม ความน่ารักของเด็กคนนั้นทำให้ผมตาพร่าไปชั่วขณะ ผมจำได้...ว่านั่นคือรักแรกของผม...
“เคียวยะคือรักแรกของเรางั้นหรือ?” ผมพร่ำพรรณนากับตัวเองขณะมาเดินเล่นอยู่ที่สวนของโรงแรมที่พาเคียวยะมาพัก
“ไม่จริงน่า ไม่ๆ ตอนนั้นมันก็แค่รักในวัยเด็กเท่านั้นแหละ... อ่า...เคียวยะตอนนั้นน่ารักเป็นบ้าเลย แย่แล้วๆ ไม่ได้นะไม่ได้ เคียวยะเป็นเด็กผู้ชายนะ โอ๊ย ย นี่เราบ้าไปแล้วใช่มั้ยเนี่ย!?!” ผมขยี้ผมตัวเองเสียยุ่งไปหมด ตอนนั้นผมยังเด็กยังเอ๊าะๆ อยู่คงแยกอะไรไม่ออกแต่ตอนนี้ผมแยกออกแล้ว และผมกับเคียวยะเราคงรักกันไม่ได้ เคียวยะเองก็ไม่ได้รักผม ผมก็ไม่ได้รักเคียวยะ...มั้ง อีกอย่างยามาโมโตะชอบเคียวยะอยู่ ถ้าผมไปทำอะไรแปลกๆ ขึ้นมามันคงไม่ดีเป็นแน่ ผมไม่ได้รักเคียวยะหรอก!! อ๊ากกกก ผมรู้สึกแปลกๆ อ่ะ ทำไงดีๆ เสือผู้หญิงอย่างผมมารู้สึกแบบนี้ถ้าใครรู้เข้าผมคงอายเค้าตายเลย
ผมเดินขึ้นไปยังห้องของเคียวยะอีกครั้งปรากฏว่าเจ้าเด็กดื้อกลับไม่ได้นอนหลับอย่างที่คิดแต่กำลังอ่านหนังสืออยู่ อ่า...มุมนี้เคียวยะก็น่ารัก ไม่ได้นะดีโน่! อย่าคิดอะไรแปลกๆ กับลูกศิษย์ของตัวเองเด็ดขวด เอ้ย! ขาด!!(มุกเก่าๆ)
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นตอนที่ผมกำลังห้ามตัวเองแต่ตอนนี้รู้สึกตัวอีกทีผมก็มานั่งอยู่ข้างๆ เคียวยะเสียแล้วและยิ่งไปกว่านั้นคือผมกำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้โดยมีเคียวยะกำลังเบิกตากว้างใส่ผมอยู่
“ทะ...ทำบ้าอะไรของนายน่ะ!!” เคียวยะตวาดขึ้นพลางออกแรงผลักผมเสียจนกระเด็นตกเตียง
“อะ...โอ๊ย!!” ผมลูบก้นกบตัวเองอย่างเจ็บปวด อ๊า ผลักกันมาได้
“ทำบ้าอะไร จู่ๆ เดินเข้ามาก็มา...อะ...” เคียวยะสะดุดเมื่อกำลังจะบอกว่าผมจะทำอะไร อ่า...น่ารักจัง เคียวย้า น่าร้ากกกกกก
“โทษที พอดีอยากจะรู้อะไรบางอย่าง ขอจูบทีดิ” เพื่อพิสูจน์ความรู้สึกของตัวเองทำให้หนังหน้าผมด้านไปชั่วขณะ
“อะ...ไอ้บ้า!!” เคียวยะตาแทบลุกเป็นไฟพลางปาหมอนใส่ผม อ่า...ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นเคียวยะหน้าแดง
“น่านะเคียวยะ ชั้นอยากรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวชั้น ให้ชั้นจูบเถอะหรือจะให้ชั้นปล้ำนายก็ได้เอ้า!” ผมยื่นข้อเสนอที่แสนจะดี ฮี่ๆ แสนดีต่ออารมณ์ของชายหนุ่มอย่างผม ฮิๆๆ
“ไม่...ไม่ให้ทั้งสองอย่างนั่นแหละ!” เคียวตะโกนใส่หน้าผม
“ถ้านายไม่ให้ดีๆ ชั้นใช้กำลังเอาเองเลยนะ ถ้ามันเลยเถิดเตลิดไกลนายก็อย่าว่าชั้นละกัน” เอ่อ...ไอ้อาการหื่นๆ เหมือนตาแก่ลามกเนี่ยคงไม่ได้เกิดกับผมหรอกนะแต่ว่า...ทำไมรู้สึกเหมือนไอ้หนูมันกำลัง...ตั้งง่ะ
“ถ้าคิดว่าทำได้ก็เข้ามา” เคียวยะตั้งท่าจะสู้ผมเต็มที่ อ่า...แย่ล่ะเราไม่มีลูกน้องอยู่ข้างกาย แต่ตอนนี้มันรู้สึกแล้วง่ะ
เอาก็เอาวะ!!
ผมย่างสามขุมเข้าไปหาเคียวยะที่เตียงก่อนจะรวบมือเคียวยะไว้ โอ้ว อาการหื่นช่วยเราได้! เคียวยะพยายามสะบัดมือผมออกแต่มือตุ๊กแกอย่างผมไม่หลุดง่ายๆ แน่ๆ เห็นอย่างนั้นเคียวยะจึงเงื้อขาจะเตะผมแต่ผมก็เอาร่างใหญ่ๆ ของตัวเองเนี่ยแหละทับขาเคียวยะไว้จนเคียวยะขยับไปไหนไม่ได้ เสร็จตู!
“อึ๊ก...อย่า!” เคียวยะเบือนหน้าหลบเมื่อผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ อ่า...ขอโทษนะเคียวยะแต่มันขึ้นมาแล้วอ่ะ
“อ่า จุ๊บ!” ผมใช้มืออีกข้างที่ว่างจากการพันธนาการมือเคียวยะไว้มาจับหน้าเคียวยะให้ตรงแล้วก้มลงไปจูบ อึก...ผมหยุดไม่ได้ อารมณ์ผมยิ่งปะทุขึ้นมาเมื่อสัมผัสถึงลิ้นนุ่มร้อน แต่ผมกลับต้องหยุดไปเพราะหน้าผากของผมดันไปจรดกับหน้าผากเคียวยะและนั่นมันก็เตือนผมว่าเคียวยะกำลังไม่สบายอยู่ แล้วไอ้หนูของผมล่ะ!?! แง้!!
“อ่า...ขอโทษนะเคียวยะ” ผมปลดปล่อยเคียวยะออกจากพันธนาการของตัวเองพลางดึงหมอนมาปิดน้องน้อยของตัวเองเอาไว้ ผมรู้ว่ามันน่าอายที่เกิดอารมณ์กับลูกศิษย์ตัวเองแบบนี้ เคียวยะต้องโกรธผมแน่ๆ เลย
“ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายไปเกิดอารมณ์มาจากไหน แต่ชั้นไม่ใช่ที่ระบาย...” อ๋า นั่นไง...โกรธจริงๆ ด้วย
“ขอโทษก๊าบ”
“แต่ถ้าอยากให้ช่วยก็บอกดีๆ”
“Oo” เคียวยะพูดจบก่อนจะมานั่งตรงหน้าผมก่อนจะเอามือของตัวเองมาจับ...น้องโน่น้อย อ๊าก!! ไม่ให้ตกใจได้ไงไหวครับเพ่!!
เราสองคนช่วยกันไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบเคียวยะทำได้ไม่ดีแต่ผมก็มีความสุข ที่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่อาจจะเป็นเพราะเป็นครั้งแรกของเคียวยะ ผมคิดว่านี่เป็นความฝันเสียอีกที่ได้เห็นเคียวยะน้อยแถมยังได้จับมันเองกับมือ ตอนแรกที่ผมจับเคียวยะก็โวยวายใหญ่แต่ต่อมาก็เลิกและตั้งใจทำต่อไป เคียวยะน้อยเป็นอย่างที่ผมคิดไว้เพราะท่าทางแบบนี้คงไม่เคยแน่ๆ เราทำไปทั้งอย่างนั้นก่อนจะหลับไปทั้งคู่
รู้ตัวอีกทีโรมาริโอ้ก็ขึ้นเรียกไปทานอาหารเย็นเสียแล้ว ผมกับเคียวยะมองหน้ากันเขินๆ ก่อนจะแยกย้ายกันไปอาบน้ำและลงไปทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารของโรงแรม
ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อผมต้องการเคียวยะก็จะทำให้ มันเป็นแบบนี้มาเกือบอาทิตย์แล้วและตอนนี้พวกเราก็ไม่มีท่าทางเขินอายกันอีก แต่ก่อนหากผมต้องการผมก็จะไปหาสาวๆ และแน่นอนว่าพวกเธอยอมทอดกายให้ผมแต่โดยดีแต่ตอนนี้ผมกลับมาหาเคียวยะ แม้จะไม่ได้ใส่เข้าไปแต่ผมกลับรู้สึกว่าแค่นี้ก็เพียงพอ เคียวยะเองก็ทำได้ดีขึ้นมากเลยซะด้วย
“อึ๊ วันนี้พอแค่...นี้ก่อน ทิชชู่...หมด” เคียวยะพูดหลังจากทิชชู่แผ่นสุดท้ายหมดไป
“อะ อืม” ผมพยักหน้าก่อนจะรูดซิบกางเกงของตัวเองขึ้นและทำให้เคียวยะด้วย เพราะท่าทางคนตัวเล็กจะเหนื่อยมากๆ
“ทำไมนายต้องมาหาชั้นทุกๆ วันด้วย” หลังจากล้มตัวลงนอนแล้วเคียวยะก็ถาม ตอนนี้พวกเราอยู่ที่บ้านของเคียวยะกัน สองต่อสอง...แน่นอนว่าผมบอกให้พวกโรมาริโอ้ไปที่อื่นก่อนเพราะผมไม่มีทางซุ่มซ่ามแน่ๆ หากผมเกิดอาการหื่นกับเคียวยะ ถือว่าเป็นยาแก้ชั้นดีเลยล่ะ นอกจากจะไม่ซุ่มซ่ามแล้วผมยังแข็งแรงมากกว่าเดิมเสียอีก
“เคียวยะบอกเองนะว่าถ้าอยากก็จะช่วย”
“ไอ้ม้าหื่น อยากทุกวัน” เคียวยะพลิกตัวนอนคว่ำ เขินอยู่แน่ๆ
“เห็นหน้าเคียวยะแล้วมันอยากนี่นา” ผมพลิกตัวนอนกอดเคียวยะและแน่นอนว่าเคียวยะไม่ได้ถีบผมเหมือนแต่ก่อน สงสัยจะเหนื่อยมากๆ
“บ้าหรือเปล่า “ เคียวยะพูดแล้วผลักผมออกก่อนตัวเองจะลุกออกไปจากเตียง
“ไม่ได้บ้าซักหน่อย ช่างมันเถอะชั้นหิวแล้วไปหาอะไรกินกันเถอะ” ผมพูดพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาของกินแต่รู้สึกว่าตู้เย็นจะว่างเหลือเกิน
“เคียวยะ ตู้เย็นของนายนี่ไม่มีอะไรให้กินเลยใช่มั้ยเนี่ย หิวจังๆๆ” ผมบ่น
“มีแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะกินมั้ยล่ะ?” เคียวยะเดินเข้ามาในครัวพลางเปิดตู้บนเคาน์เตอร์และหยิบบะหมี่มาสองซอง
“กินๆๆ” ผมทำท่าดีใจ อยากกินบะหมี่กับเคียวยะจังเลย กินในหม้อเดียวกันหยอกล้อกันคงจะมีความสุขไม่น้อย น้องชายเปิดใจรับแบบนี้แล้วเราจะถอยไม่ได้หรอก
“ถอย จะต้มน้ำ” เคียวยะเดินมาดันผมออกแล้วเปิดน้ำในหม้อตั้งไฟ
“โห นี่กะจะกินบะหมี่แบบไม่ใส่อะไรเลยเหรอ แม้แต่ไข่หรือเนื้อไม่มีเลยเหรอ?” ผมถามอย่างตกใจ ไม่มีอะไรเลยนอกจากเส้นกับน้ำเนี่ยนะ
“พูดมากน่า! ปกติชั้นไม่ได้ทำกับข้าวกินเองนี่นา ถ้าไม่อยากกินก็ออกไป” เคียวยะโกรธพลางไล่ตะเพิดผม
“อยากๆ แหม...นานๆ ทีจะได้กินข้าวกับน้องชายขออย่าด่าพี่ชายนะครับคนดี” ผมพูดออดอ้อน ไม่รู้เคียวยะจะรับผมเป็นพี่ชายหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ ขี้ตู่เอาเองก่อน ฮ่าๆๆ
“ชั้นไม่เคยคิดว่าแกเป็นพี่ชาย” นั่นไง งานเข้าแล้วครับ ฮ่าๆๆๆ เศร้า
“พูดจาใจร้ายจังเลยนะ เหอๆๆ” ผมหัวเราะฝืนๆ
“ใครกันแน่ที่พูดจาใจร้าย” เคียวยะพูดเสียงเบาลง ผมผงะเล็กน้อยกับคำพูดนั้น ผมไม่เข้าใจผมพูดจาใจร้ายตรงไหนกัน
Dino part end
“ใครกันแน่ที่พูดจาใจร้าย” ฮิบาริพูดเสียงเบา พี่ชายงั้นหรือ...? ไม่ได้คิดเลยว่าเขาเป็นพี่ชายอยากจะเป็นมากกว่านั้นแม้จะรู้ดีว่าไม่มีหวัง
“หืม?” ดีโน่ครางออกมาอย่างสงสัยว่าทำไมฮิบาริถึงได้พูดอย่างนั้น
“ไม่มีอะไร สุกแล้วไปกินกันเถอะ” ฮิบาริส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะยกหม้อไปวางไว้บนโต๊ะโคทัตสึ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าหนาวไม่รู้ว่าจะเอาโคทัตสึออกมาทำไม
ดีโน่เดินตามออกไปก่อนจะใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่ออกจากหม้อ
“เดี๋ยวสิ! เดี๋ยวจะเอาชามออกมาให้ จะใจร้อนอะไรนักหนา” ฮิบาริตีมือดีโน่เบาๆ เหมือนแม่ตีลูกที่ไม่รอทานอาหารพร้อมกันจนดีใน่แอบขำ
“ไม่เอาๆ กินคาหม้อแบบนี้ดีกว่านะดูสนิทกันดีออก” ดีโน่ยิ้มแฉ่งก่อนจะฉุดร่างบางให้นั่งลงข้างๆ
“อึดอัด” ฮิบาริพูดพลางย้ายไปนั่งตรงกันข้าม
ดีโน่แกล้งฮิบาริขณะกำลังทานบะหมี่ด้วยการแย่งเส้นบ้างเอาตะเกียบของตัวเองไปขัดตะเกียบของฮิบาริบ้างจนฮิบาริโกรธและแกล้งคืน ดีโน่หัวเราะชอบใจและแอบอมยิ้มเมื่อเห็นปากบางยกขึ้นนิดๆ เคียวยะของเขากำลังอารมณ์ดี ดีจริงๆ
“เคียวยะ เส้นติดแก้ม” ดีโน่บอกเมื่อเห็นเส้นสั้นๆ ติดบริเวณแก้มขาวเนียน ฮิบาริลูบหน้าเบาๆ เพื่อเอาเส้นนั่นออกแต่กลับไม่มี
“ก๊ากๆๆ หลอกเล่นๆ” ดีโน่กุมท้องหัวเราะ ไม่คิดว่าฮิบาริจะหลอกง่ายกว่าที่คาดเอาไว้ ฮิบาริควันออกหูใช้เท้ากระแทกเท้าของดีโน่ที่อยู่ภายในโต๊ะโคทัตสึ ชายหนุ่มร้องจ๊ากก่อนจะมุดไปหาฮิบาริที่ฝั่งตรงข้าม
“เฮ้ย!!” ฮิบาริร้องเมื่อหน้าดีโน่โผล่มาตรงหน้าเขาพอดี ลำตัวใหญ่แทรกอยู่ตรงกลางระหว่างขาเรียวเล็ก ฮิบาริหน้าแดงก่ำเบือนหน้าหลบหนีสายตาสีน้ำตาลทองสวย
แผล่บ! ลิ้นอุ่นเลียแก้มแดงเบาๆ จนเจ้าของแก้มเบิกตากว้างอย่างตกใจ หน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งจนมากกว่าเดิมเสียอีก ดีโน่แปลกใจกับปฏิกิริยาของฮิบาริเพราะปกติจะเอาทอนฟามาฟาดหน้าเขาแล้วแต่ครั้งนี้กลับมาทำหน้าแดงใส่เสียอย่างงั้นแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สงสัยไปมากกว่านี้เพราะเป็นอย่างนี้ก็ดีแล้ว
“คราวนี้เส้นติดจริงๆ” ดีโน่ยิ้มแฉ่ง ฮิบาริเห็นแล้วโกรธไม่ลงแต่อย่างไรก็ต้องลงโทษโทษฐานมาทำให้ใจหวั่นไหวแบบไม่ทันตั้งตัว เข่าเล็กกระแทกเข้าที่จุดสำคัญของคนเหนือร่างจนดีโน่หน้าเขียวกลิ้งออกจากโต๊ะโคทัตสึและกุมสุดที่รักเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด
“อ๊ากกก ดีโน่น้อยยยยย ทำอะไรน่ะเคียวยะ! เดี๋ยวก็สูญพันธุ์ไม่มีคนสืบทอดแก๊งหรอก!” ดีโน่น้ำตาเล็ด คำพูดเล่นๆ ที่พูดออกไปทำให้ฮิบาริหน้าเศร้าสลดแต่ดีโน่ก็ยังมิทันได้สังเกตเห็น ใช่แล้ว...ดีโน่เองก็คงต้องแต่งงานมีเมียมีลูก ถึงเวลานั้นเขาจะทำใจได้หรือยังนะ
“ดีสิ ให้มันล่มสลายไปเลยพวกที่จับกลุ่มกัน พวกสัตว์กินพืชที่อ่อนแอตายๆ ไปให้หมดนั่นแหละดีแล้ว” ฮิบาริพูด ดีโน่หน้าเสียเมื่อได้ยินประโยคนั้น มันเป็นคำพูดติดปากของฮิบาริที่พักนี้ไม่ค่อยจะได้ยิน ทั้งๆ ที่คิดว่าฮิบาริจะอ่อนโยนขึ้นแล้วแท้ๆ ทั้งๆ ที่คิดว่าจะไม่ได้ยินอีกแล้วแท้ๆ
“อ่ะฮะๆๆ” ดีโน่หัวเราะกลบเกลื่อน บรรยากาศเริ่มจะไม่ดีเสียแล้ว
“นายกลับไปได้แล้ว” ฮิบาริอารมณ์เสียโบกมือไล่ดีโน่
______________________________________________________________________________
ฮี่ๆ ๆ ๆ ได้ฤกษ์งามยามดีมาอัพเสียที ต้องขอประทานโทษนักอ่านทุกท่านด้วยนะจ๊ะที่มาอัพช้า
พอดีติดแต่งนิยายอีกหลายเรื่องน่ะ กะจะส่งสำนักพิมพ์ เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาา า า า ^++^
ความคิดเห็น