คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Special Rule : วันเกิดที่ไม่โดดเดี่ยว (100%)
edit : 1/1/13
edit : 09/01/13
(อ๊ากกกก รูปสวยมากค่า พี่ลันหล่อน้องไอก็น่ารัก ขอบคุณที่วาดมานะคะ แล้ววาดมาอีกนะ ^^ Cr.FerasiA)
คริสมาสต์อีฟ...เป็นวันสำคัญของชาวคริสต์ทั่วโลกซึ่งจะมีงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่เพื่อเป็นการระลึกถึงวันประสูตของพระเยซู ผมไม่ได้นับถือพระเจ้าและวันวันนั้นก็ไม่ได้เป็นวันที่สำคัญสำหรับผม มันก็เป็นแค่วันวันหนึ่งที่ซึ่งตรงกับวันที่ผมเกิดก็เท่านั้น
ผมฉลองวันเกิดของตัวเองกับเพื่อนอีกสองคนคือไอ้ไทกับไอ้ขลุ่ยมาตั้งแต่ผมอยู่ม.6 ในขณะที่ลูกบ้านอื่นเขาอยู่ฉลองกับครอบครัวแต่ผมกลับทำได้เพียงนั่งกินเหล้าข้ามวันกับเพื่อนๆ เพียงเท่านั้น เพราะอะไรน่ะหรือ...? อาจจะฟังดูงี่เง่า แต่ผมไม่ถูกกับพ่อและพี่ชายจนต้องระเห็จตัวออกมาอยู่คนเดียวทั้งๆ ที่บ้านก็ไม่ได้ไกลจากมหาวิทยาลัยสักเท่าไหร่
เหตุผลที่ผมไม่ลงรอยกับพ่อมันเกิดจากการทะเลาะกันของผมกับไอ้ลุกซ์...
เรื่องมันเกิดตอนผมอยู่ม.6 ผมมีแฟนที่คบกันมาตั้งแต่ผมอยู่ม.4 ซึ่งแฟนผมคนนั้นอายุมากกว่าผมหนึ่งปีและเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับไอ้ลุกซ์ ระหว่างที่คบกันผมมักจะระแวงอยู่เสมอว่าไอ้ลุกซ์มันจะมายุ่งกับแฟนของผมเพราะตั้งแต่เด็กๆ ไอ้ลุกซ์มันมักจะแย่งของทุกอย่างของผมไป และสิ่งที่ผมกลัวมันก็เกิดขึ้นในช่วงที่ผมกำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ผมที่กำลังจะไปเรียนพิเศษวกกลับมาที่บ้านเพราะลืมหนังสือ ผมหาหนังสือในห้องตัวเองไม่เจอก็เลยจะเข้าไปหาในห้องไอ้ลุกซ์เพราะผมเคยให้มันติวหนังสือให้ ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปในห้องมันเพราะผมคิดว่ามันคงยังไม่กลับมา แต่สิ่งที่ผมเห็นกลับทำให้ผมช็อคมากถึงมากที่สุด
บนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ผมเห็นไอ้ลุกซ์กับแฟนของผมกำลังนัวเนียจวนจะได้กันอยู่รอมร่อ เพราะเหตุการณ์นั้นทำให้ผมหมดความเชื่อใจในตัวพี่ชายของตัวเองและผมก็เริ่มเสเพล ผมไม่ยอมอ่านหนังสือสอบ ไม่ไปเรียนพิเศษ โดดเรียนจนเวลาเรียนไม่พอ สอบก็ไม่ติดสักที่ กินเหล้าเที่ยวผับไม่กลับบ้านจนพ่อของผมโมโหมากเกือบจะตัดพ่อตัดลูกกับผม ส่วนไอ้ตัวต้นเหตุอย่างไอ้ลุกซ์ก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และแฟนของผมคนนั้นก็หายจากชีวิตผมไป กว่าผมจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน สุดท้ายผมก็แอดมิสชันติดที่มหาวิทยาลัยเดียวกันกับไอ้ลุกซ์แต่ถึงกระนั้นนิสัยผมก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความสัมพันธ์ของพ่อลูกก็รอนแรเชื่อมกันไม่ติด
พอได้มหาวิทยาลัยแล้วผมก็ออกจากบ้านมาโดยมีแม่ช่วยซื้อคอนโดให้ ส่วนรถกระบะของผมนั้นผมก็ซื้อมันด้วยตัวเอง ตั้งแต่ผมออกจากบ้านมาผมก็ไม่ได้กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกเลย บางครั้งแม่กับน้องสาวก็มาเยี่ยมผมบ้างเป็นบางโอกาสแต่สำหรับพ่อแล้ว...เขาไม่เคยคิดจะมาหาลูกนอกคอกที่ทำให้เขาเสียหน้าอย่างผมหรอกครับ
พ่อของผมเขาทำธุรกิจนำเข้ารถจากต่างประเทศและเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคม พอรู้ว่าลูกชายของตัวเองติดเหล้าไม่เข้าเรียนเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ที่พ่อโกรธไม่ใช่เพราะห่วงผมแต่ห่วงหน้าตาทางสังคมของตัวเองมากกว่า จะมีก็แต่แม่ที่ห่วงผมเพราะรักผมจริงๆ ทางด้านแม่ผมนั้นเป็นเจ้าของโรงแรมหลายสาขาในประเทศที่เป็นมรดกตกทอดกันมาเพราะแม่เป็นลูกคนเดียวของเจ้าของโรงแรมหรือตากับยายของผมนั่นเอง
RRRRR
“เออ ว่าไง” ผมที่เพิ่งกลับมาถึงคอนโดวางกระเป๋าลงก่อนจะรับโทรศัพท์ที่ไอ้ไทโทรเข้ามา
“สี่ทุ่มเจอกันที่บ้านมึงนะ เดี๋ยวกูซื้อเหล้ากับกับแกล้มเข้าไปเอง” ไอ้ไทพูด วันนี้เรานัดกันมากินเหล้าฉลองวันเกิดของผมครับ
ที่จริง...วันเกิดปีนี้ผมคิดว่ามันต้องพิเศษกว่าปีอื่นๆ เพราะผมมีคนพิเศษที่สามารถทำให้ผมยิ้มหรือหัวเราะได้อยู่ด้วย แต่จะว่าไป...ผมยังไม่ได้บอกไอ้เด็กนั่นเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดผม
“ได้” ผมตอบรับพลางพยักหน้าแม้ปลายสายจะไม่เห็นก็ตามที
ทันทีที่ผมตัดสายไอ้ไทเสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นอีกครั้ง เบอร์ที่โทรเข้ามาทำให้ผมเผยยิ้มบางๆ
“ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์เสียงอ่อน
“พี่ลัน สุขสันต์วันเกิดนะคะ หนูรักพี่ลันนะ” เสียงหวานใสๆ ของเด็กสาววัยมัธยมต้นดังมาตามสาย เด็กสาวแสนน่ารักคนนี้เป็นน้องสาวของผมเองครับ ยัยนี่เป็นน้องที่น่ารักและดื้อมากทีเดียวแต่ยังไงผมก็รักมันล่ะนะ
“ขอบใจนะไลลา พี่ก็รักเธอเหมือนกัน” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาพลางกดเปิดทีวี
“วันนี้หนูกับแม่จะไปฉลองวันเกิดให้พี่ลัน เราจะไปทานข้าวร้านประจำด้วยกันแล้วหนูก็มีของขวัญให้พี่ลันด้วยนะจะบอกให้” ไลลาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ ไลลามันเริ่มให้ของขวัญผมตั้งแต่ผมออกจากบ้านมาและของแต่ละอย่างที่น้องมันให้มามีแต่ของที่ทำเองทั้งนั้น อย่างปีแล้วยัยนั่นก็ถักผ้าพันคอให้ผม แม้มันจะดูบิดๆ เบี้ยวๆ แต่ผมก็ชอบผ้าพันคอผืนนั้นมาก
“ปีนี้จะให้อะไรพี่น้า? อยากจะรู้แล้วสิ” ผมพูด
“รอดูก็แล้วกัน เดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงหนูกับแม่จะไปหาที่คอนโดนะ แต่งตัวหล่อๆ รอไว้ได้เลย” ยัยไลลาพูด
“เธอก็แต่งตัวสวยๆ ล่ะ” ผมหยอก
“สวยอยู่แล้วล่ะค่ะคุณพี่ชาย คิกๆ” ยัยเด็กแสบหัวเราะคิกคักก่อนจะวางสายไป ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปดินเนอร์กับแม่และน้อง
ผมยืนอยู่หน้ากระจกก่อนจะเซ็ตผมตั้งขึ้นเพื่อให้ดูเหมาะกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำและกางเกงยีนทรงเดปสีน้ำตาลทอง ผมพับแขนเสื้อขึ้นเสมอศอกก่อนจะกลัดกระดุมเสื้อโดยเหลือกระดุมบนสองเม็ดสุดท้ายพอให้เห็นแผ่นอกนิดหน่อย ยัดชายเสื้อเข้าในกางเกงก่อนจะหยิบเข็มขัดมาใส่เพื่อไม่ให้ดูจืดจนเกินไป พรมน้ำหอมนิดๆ ก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองผ่านกระจก
ปิ๊งป่อง...
ผมมองตัวเองในกระจกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกไปเปิดประตู
“สุขสันต์วันเกิด!” ทันทีที่ผมเปิดประตูออกไปแม่กับน้องสาวก็ตะโกนจนผมตกใจ
“พี่ลัน อันนี้เป็นของขวัญของหนู” ไลลายื่นกล่องสีทองผูกริบบิ้นสีแดงมาให้ ผมยิ้มก่อนจะรับมา
“เปิดเลยได้ไหม?” ผมถาม ยัยน้องพยักหน้าก่อนจะรอลุ้นอย่างตื่นเต้น
ผมค่อยๆ เปิดฝากล่องออกก่อนจะยิ้มพอใจ ของขวัญที่ยัยไลลาให้ผมมาก็คือเสื้อไหมพรมสีเขียวทึบที่มีตัวอักษรสีเหลืองปักอยู่บนอกว่า LAI-LUN (ไล-ลัน) คงเอาชื่อตัวเองกับชื่อของผมมาผสมกันสินะ น่ารักจริงๆ น้องสาวผมคนนี้
“ไม่ดีใจเลยเหรอพี่ลัน? หนูตั้งใจทำสุดๆ เลยนะ” ยัยไลลาทำหน้าหงอเหมือนรู้สึกไม่ดี เอ๋? ทำไมผมจะไม่ดีใจ นี่ผมดีใจสุดๆ เลยนะเนี่ย
“ดีใจสิ” ผมพูด
“งั้นก็ยิ้มให้หนูหน่อยสิ ดีใจแต่ทำหน้านิ่งแบบนั้นหนูก็นึกว่าจะไม่ชอบ” หือ? ยิ้มเหรอ? ผมก็ยิ้มตลอดเลยนี่นา เอ๊ะหรือว่า...ผมคิดไปเองว่าตัวเองกำลังยิ้ม เอาแล้วไงหน้ากู
“พี่ก็ยิ้มอยู่” ผมบอก ท่าทางกล้ามเนื้อที่ใบหน้าผมมันจะไม่กระดิกเลยแฮะ
“ตั้งแต่พี่ลันออกจากบ้านไปหนูไม่เคยเห็นพี่ลันยิ้มเลย เวลาได้ของขวัญจากหนูหรือแม่พี่ลันก็ไม่ยิ้มเลยสักครั้ง หนูเสียใจนะ” ไลลาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ อ้าวเฮ้ย! ไอ้เราก็นึกว่าเรายิ้มอยู่ตลอด
“ไลลา พี่ลันเขายิ้มให้เราอยู่ตลอดเลยนะ มองตาพี่เขาสิลูก” แม่ลูบหัวน้องเบาๆ แม่เป็นคนเดียวในครอบครัวที่มองผมออกไม่ว่าผมจะอยู่ในอารมณ์ไหนก็ตาม
“จริงด้วย ตาพี่ลันเป็นประกายวิ้งๆ เลย พี่ลันดีใจใช่ไหมที่หนูเอาของขวัญมาให้” ไลลามองตาผมก่อนจะยิ้มแป้นแล้น ผมเหยียดริมฝีปากออกก่อนจะยกริมฝีปากออกจากกันพอให้เห็นฟัน “พี่ลันรู้ไหมว่าตัวเองยิ้มได้หล่อมากเลยนะ ยิ้มเยอะๆ นะรู้ไหม” ไลลาเดินเข้ามาก่อนจะมุดเข้าอ้อมกอดอย่างอ้อนๆ ผมกอดน้องไว้เบาๆ
“เธอก็มาหาพี่บ่อยๆ สิพี่จะได้ยิ้มไง” ผมบอก ที่จริงเวลาใครพูดตลกๆ มาผมก็ยิ้มตลอดนะแต่ท่าทางหนังหน้าผมจะไม่ได้ไปตามอารมณ์เลย อย่างตอนอยู่กับไอ้ไอผมก็ยิ้มเสมอๆ แต่ดูจากท่าทางมันแล้วหน้าของผมคงจะไม่ได้ยิ้มเหมือนความรู้สึกล่ะมั้ง เฮ้อ ไม่น่าฝึกเก็บความรู้สึกทางสีหน้าเลยเรา เก็บเก่งเกินไปมันก็แย่เหมือนกัน
“นี่ลัน แม่เองก็เอาของขวัญมาให้ลูกด้วยนะ ลงไปดูข้างล่างสิ” แม่พูดยิ้มๆ ก่อนจะเดินนำไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปด้านล่างที่มีของขวัญที่แม่เตรียมเอาไว้ให้ผม วันเกิดปีที่แล้วแม่ให้เครื่องยนต์เทอร์โบมาติดรถเพราะเครื่องยนต์ของเดิมมันไม่ค่อยดีเท่าที่ควร
60% left
ผมยืนนิ่งที่อยู่หน้าประตูอัตโนมัติมองของสองสิ่งที่ถูกริบบิ้นขนาดใหญ่ผูกไว้เป็นโบว์ ผมหันไปมองแม่ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“มันเยอะไปสำหรับผม” ผมพูด ก็ไอ้ของขวัญที่แม่ให้มันคือรถมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิ้ลยูรุ่นใหม่ล่าสุดและลัมโบร์กินีสีเหลืองอย่างหรู ไอ้ของราคาแพงพวกนี้ผมไม่อยากได้มันเลยสักนิดเพราะผมไม่ใช่พวกวัตถุนิยม
“มันน้อยไปด้วยซ้ำ แม่อยากให้ลันมีรถดีๆ ขับเหมือนพี่เขาบ้างลันจะได้ไม่ต้องอายใครไงลูก” แม่พูดก่อนจะกอดแขนผมเอาไว้ ส่วนแขนอีกข้างของผมก็ถูกยัยน้องสาวกอดเอาไว้เช่นกัน
“ผมไม่ได้อายเลยนะครับ อีกอย่าง...แม่เอารถมาให้ผมแบบนี้พ่อเขาไม่ว่าเอาหรือ?” ผมถามอย่างน้อยใจแต่หน้าก็คงจะนิ่งเหมือนเดิม พ่อน่ะ ไม่เคยให้อะไรผมหรอก ให้แต่ไอ้ลุกซ์ลูกรักไม่เคยสนใจผมสักนิด เกือบสามปีที่ผมออกจากบ้านมาผมไม่เคยติดต่อไปหาพ่อและไม่ได้คุยกับพ่อเลยสักคำ
“เรื่องของเขาเถอะ” แม่พูด
“แล้วแม่เอารถราคาสามสิบกว่าล้านมาให้ผมแบบนี้บริษัทไม่เจ๊งเหรอครับ?” ผมถามกวนๆ ที่จริงผมอยากให้แม่เอาคืนไปมากกว่า ผมเคยหาข้อมูลเกี่ยวกับแลมโบร์รุ่นนี้พอดี ราคามันตั้ง 36 ล้าน ไหนจะบีเอ็มคันละล้านกว่าๆ นี่อีก ต่อให้ผมทำงานทั้งชาติผมคงไม่มีปัญญาซื้อหรอกครับ
“กำไรของบริษัทได้กว่าพันล้านต่อปีแค่นี้ไม่เจ๊งหรอก อีกอย่างแม่ใช้เงินส่วนตัวของแม่ซื้อแม่ไม่ได้เจียดเงินของบริษัทพ่อมาเลยสักบาทนะลูก รับไว้เถอะ ถือว่าเป็นของขวัญจากแม่” แม่พยายามโน้มน้าวให้ผมรับของขวัญ
“ทีพี่ลันแม่ซื้อรถราคาหลายสิบล้านให้แล้วทีหนูขอแค่ไอโฟน5 ทำไมแม่ไม่ให้หนูล่ะ?” ยัยไลลาเริ่มงอแง
“ไลลามีไอโฟนไอแพดกี่เครื่อง? มีอยู่แล้วจะอยากได้ของใหม่ไปทำไมกัน? ดูอย่างพี่เขาสิ ไม่เห็นจะขออะไรสักอย่าง ถ้าไลลาลองไม่ขออะไรจากแม่เหมือนพี่เขาล่ะก็แม่ก็จะซื้อให้โดยไม่ต้องขอให้เปลืองน้ำลายเลย" แม่พูด
“พี่ลันดูแม่สิ! ใจร้าย” ไลลางอนก่อนจะเอาหน้ามุดแขนผม
“ของพวกนั้นมันก็แค่ของนอกกายนะไลลา อย่าไปยึดติดกับกระแสนิยมที่มาแป๊บๆ ก็ไปสิ” ผมสอนน้อง
“บ่นเป็นตาแก่เลยพี่ลัน” น้องมันตีแขนผมก่อนจะหัวเราะกับคำพูดที่ไม่สมกับเป็นวัยรุ่น
“ลัน เอาเป็นว่าลันรับของขวัญแม่เถอะนะ แล้วแม่สัญญาว่าแม่จะไม่ให้ของขวัญแบบนี้กับลูกอีกแล้วถ้าลูกไม่ชอบ”
“ผมไม่ได้บอกว่าไม่ชอบนะครับ แต่ผมไม่เห็นว่ามันจะจำเป็นตรงไหน รถยนต์ที่แม่ให้มามันก็นั่งได้แค่สองคนแถมยังกินน้ำมันเยอะอีก มันสิ้นเปลืองเปล่าๆ” ผมส่ายหน้าเบาๆ
“พี่ลันหัวโบราณกว่าแม่อีกนะเนี่ย ฮ่าๆ” ยัยไลลาหัวเราะคิกคัก
“แก่แดดจังนะเรา” ผมยกมือขึ้นเคาะหัวน้องเบาๆ อย่างเอ็นดู
“เอาเป็นว่ารถสองคนนี้เป็นของลันแล้วนะลูก ลันจะใช้หรือไม่ใช้ก็แล้วแต่ลันเพราะแม่ถือว่าแม่ให้ไปแล้วมันเป็นสมบัติของลันแล้วนะ” แม่พูด ผมถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ หนูหิวแล้ว” ไลลายิ้มพอใจที่ผมยอมรับของจากแม่ก่อนจะกอดแขนผมแน่นขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“โอเค คมจ๊ะ เอารถของคุณลันไปเก็บให้ทีนะแล้วเธอก็รออยู่ที่นี่ ทานข้าวเสร็จแล้วพวกฉันจะกลับมา” แม่ยิ้มก่อนจะหันไปบอกนายคมคนขับรถประจำตัวแม่ นายคมพยักหน้ารับคำสั่ง
ผมพาแม่และน้องเดินไปที่รถกระบะของตัวเองก่อนจะพาขับออกไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เราสามคนมักจะไปกันบ่อยๆ
ทานอาหารเย็นเสร็จแม่กับน้องก็กลับบ้านไปส่วนผมก็ขึ้นไปนอนเพื่อรอให้ถึงเวลาสี่ทุ่มจะได้ไปดื่มกับพวกไอ้ไท
ขณะที่ผมเดินออกจากลิฟต์เพื่อเดินไปที่ห้องของตัวเองผมก็ต้องชะงักเท้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตายืนพิงประตูห้องของผมอยู่ มันมาทำอะไรที่นี่...?
“มึงมาทำไม?” ผมถามเสียงขุ่นส่วนคนถูกถามก็เอาแต่ยิ้มกวนตีน ผมหมั่นไส้รอยยิ้มของมันจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนมันก็ยิ้มแบบนี้ตลอดซึ่งทำให้ผมหงุดหงิดมาก รอยยิ้มของมันดูหยิ่งผยองเหมือนกำลังดูถูกคนอื่น
“วันเกิดน้องชายทั้งทีกูก็ต้องเอาของขวัญมาให้สิ” ไอ้ลุกซ์พูดก่อนจะยื่นกล่องบางอย่างมาให้ผม ผมหรี่ตามองก่อนจะเมิน
“กูไม่อยากได้อะไรจากมึง ไสหัวไป” ผมโบกมือไล่อย่างไร้เยื่อใย ไอ้ลุกซ์มันทำกับผมไว้เยอะจนผมแทบบ้า เวลานี้ผมแทบไม่คิดว่ามันเป็นพี่ชายแท้ๆ ที่หน้าตาเหมือนกับผมมากจนหลายคนทักผิดอยู่บ่อยๆ
ตอนเด็กๆ ผมกับไอ้ลุกซ์ถูกทักว่าเป็นฝาแฝดอยู่เรื่อยเพราะอายุที่ห่างกันแค่ปีเดียวทำให้เราดูไม่แตกต่างกันนักอีกทั้งสมัยนั้นแม่ยังจับพวกเราแต่งตัวเข้าชุดกัน ตัดผมก็ทรงเดียวกันจนบางทีเวลาผมมองไอ้ลุกซ์ผมก็นึกว่าตัวเองมองกระจก แต่ตอนนี้เราไม่เหมือนกันแล้วล่ะครับ ทั้งทรงผม เสื้อผ้า หรือแม้กระทั่งส่วนสูง
พอขึ้นม.ปลายมาผมก็เริ่มสูงกว่าไอ้ลุกซ์เพราะผมทั้งเล่นบาสและเล่นเทควันโดไปด้วยแต่ผมก็ไม่ได้สูงกว่ามันมากหรอกครับ สัก 4-5 cm ได้มั้ง ผมของมันก็ยาวเกือบประบ่าส่วนผมของผมตัดสั้นระคอ สำหรับผมที่เล่นกีฬาผมคิดว่าผมยาวมันเกะกะ ส่วนไอ้ลุกซ์มันคงคิดว่าผมยาวแล้วเท่ล่ะมั้ง
“อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยน่าน้องชาย ไหนๆ ก็วันเกิดมึงทั้งทีก็พูดดีๆ กับกูสักวันไม่ได้หรือไง?” ไอ้ลุกซ์พูดพลางยิ้มยียวนกวนประสาท ผมเคยตบะแตกต่อยหน้ามันไปหลายหนเพราะรอยยิ้มของมันนี่แหละครับ ผมเกลียดรอยยิ้มที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าผมของมันจริงๆ
“อย่ามากวนตีนกูถ้ามึงไม่อยากตาย” ผมคำรามเสียงต่ำ
“อู้ว โหดจังเลยเนอะ” ไอ้ลุกซ์แสร้งทำหน้าตกใจก่อนจะหัวเราะเยาะ ผมกำหมัดแน่น “ลัน กูพูดจริงๆ แค่วันนี้วันเดียวมึงพูดกับกูดีๆ หน่อย กูก็แค่เอาของขวัญวันเกิดมาให้” ไอ้ลุกซ์เลิกยิ้มกวนประสาทก่อนจะทำหน้าจริงจัง
“กูไม่อยากได้” ผมตอบทันที
“หรือว่าของที่กูให้มันคงจะถูกเกินไปไม่เหมือนกับของที่แม่ให้มึง?” ไอ้ลุกซ์พูด ผมหรี่ตามองมันนิดๆ
“มึงรู้ได้ไงว่าแม่ให้อะไรกู” ผมถามขึ้น มันคงอยากจะแย่งไปอีกแน่ๆ เพราะรถของมันที่พ่อให้เป็นของขวัญสอบติดมหาวิทยาลัยราคามันไม่ถึงครึ่งของรถที่แม่ซื้อให้ผมด้วยซ้ำ แม้รถคันนั้นจะเป็นปอร์เช่ก็ตาม
“ก็กูเป็นคนละ...หล่อไงกูก็เลยรู้” ไอ้ลุกซ์พูดไปชะงักไปก่อนจะโพล่งออกมา ผมแอบถอนหายใจกับความหลงตัวเองของมัน แล้วความหล่อมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่มันรู้ว่าแม่ซื้อรถให้ผมเนี่ย
“ตอแหล” ผมสบถเบาๆ
“นี่...มึงรีบรับของจากกูซักทีจะได้ไหมกูจะได้กลับ ไม่อยากอยู่นาน อารมณ์เสีย” ไอ้ลุกซ์ยื่นกล่องเดินออกมาข้างหน้า ผมชายตามองก่อนจะส่ายหน้า
“จะกลับก็กลับไป กูไม่เอา” ผมพูด
“เชี่ยนี่แม่งโคตรเล่นตัวว่ะ กูให้ดีๆ มึงก็กรุณารับดีๆ จะได้ไหม?” ไอ้ลุกซ์กระทืบเท้าอย่างโมโห ฮึ ยิ่งมันโมโหผมยิ่งชอบ
“กูบอกว่าไม่เอาดีๆ มึงก็ช่วยไสหัวกลับไปดีๆ จะได้ไหมครับ?” ผมเอียงคอกวนตีน
“โอเค้ ไม่เอาก็...ไม่ต้องเอา” ไอ้ลุกซ์เบ้ปากอย่างไม่แคร์ก่อนจะเดินผ่านผมไปที่ลิฟต์ ผมหันไปมองตาม ขณะที่ลิฟต์กำลังจะปิดสนิทผมแอบเห็นเสี้ยวหน้าที่ดูเจ็บปวดของไอ้ลุกซ์ ผมชะงักก่อนจะยืนมองประตูลิฟต์ที่เลื่อนปิดอย่างช้าๆ
ผมนั่งรอไอ้สองตัวเพื่อนซี้เพียงไม่นานพวกมันก็หอบเหล้ากับกับแกล้มมาเต็มอ้อมแขน ผมมองอย่างอึ้งๆ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอา พวกมันกะกินให้เมาอ้วกแตกแน่ๆ อีกอย่างพวกมันกะมานอนกับผมชัวร์เพราะต่างคนต่างก็หอบกระเป๋าเสื้อผ้ากันมาทั้งคู่ ผมพูดตรงๆ เลยนะครับว่าเสื้อผ้าของไอ้สองตัวนี่มีอยู่เต็มตู้เสื้อผ้าของผมเลยล่ะครับ มันจะหอบมาอีกทำไมเนี่ย?
“ไอ้ลัน มึงจ่ายค่าเหล้าให้กูด้วยนะเว้ย” ไอ้ไทค่อยๆ วางถุงกระดาษที่ใส่ขวดเหล้ามาอย่างแผ่วเบา
“เท่าไหร่?” ผมถามพลางหยิบกระเป๋าตังค์ออกจากกระเป๋ากางเกง
“2 หมื่น”
“พ่อมึงสิ!” ผมถลึงตาใส่ไอ้ไททันที มันเอาเหล้าอะไรมาให้ผมเลี้ยงเนี่ย? 4ขวดราคา 2หมื่น! ฆ่ากูเถอะ!
“บลูเลเบิลอย่างดีเลยนะมึง” ไอ้ไทพูดก่อนจะเดินวุ่นวายหาแก้วหาถังน้ำแข็ง มันจะเดินวนหาพระแสงอะไรในเมื่อของที่มันหาผมก็วางไว้อยู่บนโต๊ะแล้วนี่ไง ทึ่มจริงๆ
“ทำไมไม่ซื้อเหล้าถูกๆ หน่อยวะ กูยิ่งกรอบๆ อยู่ด้วย” ผมบ่น ไม่กรอบได้ไงครับในเมื่อผมไม่กล้าใช้เงินในบัญชีที่แม่โอนมาให้ แม่น่ะโอนเงินมาให้ผมเดือนละแสนแต่ที่ผมใช้จริงๆ ก็แค่เดือนละหมื่น ถ้ามีกิจกรรมก็เพิ่มอีกไม่มาก ผมแอบได้ยินจากไลลามาบ่อยๆ ว่าไอ้ลุกซ์น่ะใช้เงินเยอะมากแม่ก็เลยคิดว่าผมคงจะมีค่าใช้จ่ายเหมือนไอ้ลุกซ์มัน น้ำหน้าอย่างไอ้ลุกซ์ก็คงจะเอาเงินไปปรนเปรอสาวๆ ของมันน่ะสิ
“กูก็บอกมันแล้วว่าให้เหล้าที่เรากินประจำมาแต่มันไม่ยอม” ไอ้ขลุ่ยพูดพลางฉีกซองขนมเทใส่จานแบนก่อนจะโยนขนมเข้าปาก
“เหรอครับ? มึงนั่นแหละตัวดีไอ้เชี่ยขลุ่ย กูจะเอาบลูเลเบิลสองขวดส่วนที่เหลือจะเอาอันอื่นแต่เชี่ยขลุ่ยแม่งยุให้กูเอาสี่ขวด” ไอ้ไทพูด
“อุ๊ยตาย! ไม่น่าพูดเลยกู” ไอ้ขลุ่ยทำท่าปิดปากก่อนจะยิ้มอายๆ ที่ถูกแฉ
ผมส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อค้นหาเงินเอามาจ่ายให้ไอ้ไทแต่สุดท้ายมันก็ไม่เอาเพราะมันบอกว่าจะให้ผมเป็นของขวัญวันเกิด ส่วนของขวัญจากไอ้ขลุ่ยเป็นนาฬิกาข้อมือของ SEIKO ที่ผมเคยชำเลืองไว้แต่ไม่ซื้อเพราะมันราคาแพงมาก มีเพื่อนรวยก็ดีอย่างนี้แหละครับ
ผมเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังอีกทีหลังจากที่ไอ้สองตัวนั้นเมานอนกอดขวดเหล้าหมดสภาพ ผมดื่มไม่เยอะเท่าไหร่จึงไม่เมา ที่ดื่มไม่เยอะไม่ใช่เพราะไม่อยากดื่มนะครับแต่ผมถูกไอ้ขี้เมาสองตัวนี้มันแย่งดื่มต่างหาก แว้บไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียวพวกมันซัดหมดไปหนึ่งขวด
เวลา 23.50 น.
ผมโยนเศษซากของไอ้พวกนั้นเข้าไปในห้องนอนอีกห้องที่พวกมันชอบมาใช้กันตามใจชอบก่อนจะออกมาเก็บขยะที่พวกมันทิ้งเอาไว้
เวลา 23.59 น.
ทันทีที่ผมเคลียร์ขยะเรียบร้อยเสียงออดก็ดังขึ้นผมจึงเดินออกไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน...
นับถอยหลังอีกสิบวินาทีก็จะผ่านพ้นวันใหม่...
ผมเปิดประตูออกไปต้อนรับคนที่มาหาในยามวิกาล...
ดอกไม้ช่อเล็กๆ ถูกยื่นมาตรงหน้าผมพร้อมกับเสียงหอบของใครบางคน...
“สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่ลัน ไม่รู้ว่าทันหรือเปล่าแต่ผมเพิ่งรู้จริงๆ ว่าวันนี้เป็นวันเกิดพี่ แฮ่ก” ผมยืนอึ้งที่เห็นหน้าของคนพิเศษในเวลาที่พิเศษแบบนี้
ผมเหยียดริมฝีปากนิดๆ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นโชว์เวลาเที่ยงคืนพอดิบพอดีให้คนตัวเล็กกว่าดู ทันทีที่มันพูดจบมันก็เลยเวลาไปอย่างเฉียดฉิว
ไอ้เด็กนั่นมองหน้าผมก่อนจะยิ้มตาหยี ผมรีบดึงเด็กนั่นเข้ามากอดก่อนจะปิดประตูลง วันเกิดปีนี้มันพิเศษจริงๆ ด้วย
คุณคนนั้นน่ะค่ะ #ชี้ๆ เดาถูกเผงเลย!!!!
ของขวัญจากแม่ ราคารวมๆ ประมาณ 37 ล้านบาท
ของขวัญจากพี่เสือ ราคารวมเกือบสองหมื่น
ของขวัญจากพี่ขลุ่ย ราคาประมาณ 2 หมื่นต้นๆ
และของขวัญของน้องไอ
เรื่องมหาวิทยาลัย...ไรเตอร์สัมภาษณ์ผ่านแล้วค่า แบบว่า...เดินออกจากห้องสัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่บานเป็นจานเชิง อาจารย์ที่สัมภาษณ์ไรเตอร์เขาพูดว่า... "ผมไม่มีเหตุผลที่จะไม่รับคุณ" อ๊ากกกก ฟินมากกกกกก แต่ไรเตอร์ยังไม่แน่ใจเลยว่าไรเตอร์จะเอาหรือเปล่า คงต้องดูกันต่อไป
อ้อ อย่าลืมนะคะว่าอันนี้เป็นแค่สเปเชียล ไม่เกี่ยวกับตอนหลัก เพราะถ้าเป็นช่วงเวลาที่กำลังดำเนินเรื่องมันยังไม่ถึงวันเกิดของไอ้พี่ลันเลย แฮะๆๆ
ทวิตไรเตอร์ จิ้มโลด
ความคิดเห็น