ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #20 : Rule 18 : รักน้องต้องตีก้น

    • อัปเดตล่าสุด 1 ม.ค. 56


    11/12/12
    edit : 1/1/13

     
    Rule 18 : รักน้องต้องตีก้น

    เราเดินทางกลับมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปนอนพักผ่อน  การไปฝึกครั้งนี้ทุกคนได้ประโยชน์กันอย่างถ้วนหน้ายกเว้นแต่ผมที่ขาเดี้ยงจนทำอะไรไม่ได้นอกจากมองคนอื่นๆ เขาพยายามฝึกซ้อมแต่ประโยชน์อย่างอื่นที่ผมได้รับจากการเข้าค่ายครั้งนี้ก็คือความใจดีของพี่ลัน  ทั้งๆ ที่รู้ว่าผมรู้สึกไม่ค่อยจะดีกับความสัมพันธ์ที่คลุมเครือของเราแต่พี่ลันก็พยายามทำตัวน่ารักให้ผมเขินอยู่เสมอจนผมรู้สึกสบายใจขึ้น

    “เดี๋ยวไปส่งนะ” ไอ้พี่ลันประคองผมลงจากรถบัสก่อนจะพูดเสียงเบา

    “ครับ” ผมเอียงหน้าไปยิ้มให้พี่ลันก่อนจะหันไปบอกไอ้เมฆให้เดินตามไปขึ้นรถพี่ลัน  ส่วนไอ้พี่ขลุ่ยกับไอ้พี่เสือก็เดินไปที่รถของตัวเอง  หือ? ไอ้พี่สองตัวนี้มีรถอย่างหรูเป็นของตัวเองแล้วทำไมเวลาปกติถึงเอาแต่อาศัยรถของพี่ลันล่ะเนี่ย  แปลกจริงๆ

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมารับไปเรียนนะ  แล้วก็...อย่าฝืนเดินให้มากล่ะเดี๋ยวแผลก็ไม่หายกันพอดี” ไอ้พี่ลันพูด

    “รู้แล้วล่ะครับ  พูดบ่อยจัง” ผมหลบตาก่อนจะแอบยิ้มอยู่คนเดียว

    “ก็ห่วงไง” ไอ้พี่ลันพูดทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวๆ ใจเต้นตึกตัก  บ้าจริง  ชอบทำให้เขินอยู่เรื่อยเลยนายคนนี้

    “แค่กๆ แฮ่ม อย่าลืมนะครับว่าผมก็อยู่” ไอ้เมฆกระแอมไอจนผมกับพี่ลันต้องรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ  ให้ตายเถอะ ไอ้เมฆต้องรู้แล้วแน่ๆ ว่าระหว่างผมกับพี่ลันมันจะต้องมีอะไรแปลกๆ

    ผมกับไอ้พี่ลันทำเป็นไม่สนใจคำพูดไอ้เมฆก่อนจะนั่งเงียบๆ ในรถจนถึงหอของพวกเรา


     

    หลังจากลงจากรถพี่ลันได้ไม่นานโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นเป็นเบอร์แปลกที่ผมไม่ได้เมมเบอร์เอาไว้

    “สวัสดีครับ” ผมนั่งปุลงบนที่นอนก่อนจะรับสายอย่างอารมณ์ดี

    “นี่ผมเองนะ ลุกซ์” โทรศัพท์ผมแทบหลุดออกจากมือเมื่อปลายสายพูดขึ้น  พี่ลุกซ์โทรมาได้ไงวะเนี่ย  ซวยละ  มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

    “เอ่อ...ครับผม” ผมตอบรับเสียงอ่อยๆ  กูไปทำอะไรผิดหรือเปล่าเนี่ย  รู้สึกขนลุกชอบกล

    “ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ  ผมจะไปหาคุณที่หอ” ไอ้พี่ลุกซ์พูด   เสียงเย็นๆ แบบนี้เป็นลางซวยของกูแท้ๆ

    “เอ่อ รู้จักหอของผมด้วยหรือครับ” ผมถามเสียงอ่อน  ไม่อยากเจอเลยเว้ย

    “รู้” พี่ลุกซ์พูดก่อนจะตัดสายไป  ท่าทางจะใช้อิทธิพลมืดของตัวเองสืบเรื่องของผมมาสินะ  โอ๊ย ทำไงดี  ผมรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุขเลย  ไอ้พี่ลุกซ์จะเอาเรื่องปวดหัวอะไรมายัดให้ผมอีกหรือเปล่าเนี่ย


     

    “คุณรักน้องชายผมหรือเปล่า” เอื๊อก!! ทันทีที่พี่ลุกซ์เข้ามาในห้องของผมพี่แกก็ยิงคำถามชนิดที่ทำให้ผมแทบหยุดหายใจ

    “เอ่อ...ทำไมครับ?” ผมนั่งกระมิดกระเมี้ยนเกร็งสุดตีน

    “ผมกับไอ้ลันดูเหมือนจะไม่ถูกกันแต่ความจริงผมให้ความสำคัญกับน้องของผมมาก  ถ้าคุณคิดจะมาหลอกผมคงทนไม่ได้  และที่ผมทำเป็นชอบคุณเพราะอยากพิสูจน์ว่าคุณจะเอียงมาหาผมหรือเปล่าก็เท่านั้น” ไอ้พี่ลุกซ์พูดด้วยสีหน้าเครียดๆ

    “แสดงว่าพี่ลุกซ์ไม่ได้ชอบผมจริงๆ ใช่ไหม?” ผมยิ้มกว้าง  โล่งแฮะ

    “ใช่”

    “เยส!” ผมดึงกำปั้นเข้าหาตัวอย่างลิงโลด  หลุดพ้นจากวังวนความชั่วร้ายแล้วกู วะฮ่า!  ขืนผมถูกคนอย่างพี่ลุกซ์ชอบล่ะก็ผมต้องมีปัญหามากแน่ๆ

    “ผมอยากแน่ใจว่าคุณไม่ได้มาหลอกไอ้ลัน   เห็นอย่างนั้นหมอนั่นอ่อนไหวง่ายจะตายเพราะงั้นมันก็เลยต้องทำตัวเย็นชาจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้  คุณเป็นคนทำให้หมอนั่นอ่อนลงเพราะฉะนั้นผมขออย่างเดียว  ถ้าคิดไม่ดีก็ออกจากชีวิตมันซะ” ไอ้พี่ลุกซ์ข่มตาดุมองผม

    “ผมไม่เคยคิดจะหลอกพี่ลันหรอกนะครับ  จนถึงตอนนี้พี่คงจะรู้แล้วว่าผมกับพี่ลันมีความสัมพันธ์กันอย่างไร  ตอนนี้ผมกับพี่ลันก็ไม่ได้ตกลงกันให้มันแน่ว่าจะอยู่ในฐานะอะไรแต่ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพี่ลันครับ!” ผมพูดอย่างมุ่งมั่น  ไอ้พี่ลุกซ์อึ้ง

    “แม่ง เท่ว่ะ!” ไอ้พี่ลุกซ์มองผมทึ่งๆ ก่อนจะอุทานออกมา  อุ๊ย เขินจังถูกคนหล่อชมว่าเท่ โฮะๆ

    “ทำไมพี่ลุกซ์ต้องมาพูดเรื่องนี้กับผมทั้งๆ ที่ดูท่าทางพี่สองคนไม่ชอบขี้หน้ากัน” ผมถามงงๆ  มองหน้ากันทีไรสองคนนี้ทำท่าเหมือนจะกัดกันทุกที

    “นั่นน่ะเหรอ...ไอ้ลันคงจะไม่ชอบขี้หน้าผมจริงๆ นั่นแหละแต่ผมทำแบบนั้นเพื่อแกล้งมันเฉยๆ  มันเป็นน้องคนสำคัญทำไมผมจะต้องเกลียดมันด้วยล่ะ  แต่ก็นะ...มันมีเหตุผลหลายอย่างทำให้ความสัมพันธ์ของผมกับไอ้ลันออกมาเป็นอย่างนี้” ไอ้พี่ลุกซ์ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อพูดถึงเรื่องที่น้องไม่ชอบขี้หน้าตัวเอง

    “ทำไมพี่ถึงคิดว่าพี่ลันไม่ชอบพี่ล่ะครับ” ผมถามอย่างงงๆ

    “ก็เพราะผมแกล้งมันไว้เยอะน่ะสิ  เอาเป็นว่าเรื่องที่ผมมาคุยกับคุณในวันนี้คุณอย่าเอาไปบอกไอ้ลันเด็ดขาดไม่อย่างนั้นคุณเจอดีแน่” ไอ้พี่ลุกซ์พูดก่อนจะเดินออกไป

    ก่อนที่พี่ลุกซ์จะก้าวพ้นประตูไปผมก็ค่อยๆ พูดขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ความสัมพันธ์ของพี่น้องไม่ว่าจะตัดอย่างไรมันก็ไม่ขาดหรอกครับ” ผมยิ้มบางๆ  ไอ้พี่ลุกซ์ชะงักก่อนจะหันมายิ้มให้ผมนิดๆ แล้วเดินจากไป  รอยยิ้มของพี่ลุกซ์ที่ทิ้งเอาไว้ก่อนจากไปนั้นเป็นยิ้มที่ดูขมขื่นจริงๆ  พี่ลุกซ์...มีปัญหาอะไรกันแน่นะ


     

    พอตอนเช้าไอ้พี่ลันก็มารับผมตามที่เคยบอกเอาไว้โดยมีไอ้พี่เสือกับไอ้พี่ขลุ่ยติดสอยห้อยตามมาด้วยเหมือนเคย  คราวนี้รถของไอ้พี่ลันดูท่าจะไม่พอสำหรับจำนวนคนเพราะมีไอ้วิทเพิ่มขึ้นมาอีกคน  เดิมทีแค่ไอ้พี่สองคนนั่งเบาะหลังก็เกือบเต็มแล้วพอมีไอ้เมฆก็เริ่มอึดอัดและพอเพิ่มไอ้วิทเข้าไปไอ้เมฆถึงกันต้องระเห็จตัวไปนั่งตักไอ้วิทเลยทีเดียว  ตอนแรกที่ขึ้นรถไอ้เมฆก็นั่งตักไอ้วิทอยู่หรอกแต่ไม่รู้ทำไมพอจะลงรถไอ้เมฆถึงได้นั่งตักไอ้พี่ขลุ่ยได้นะ  มันต้องมีอะไรแน่ๆ

    “กูว่าวันหลังเดี๋ยวกูเอารถมารับเด็กพวกนี้ดีกว่า” ไอ้พี่เสือพูดขึ้นเมื่อเราลงจากรถมานั่งรวมกันที่ม้าหินอ่อนหน้าคณะเพื่อรอให้ถึงเวลาเข้าเรียน

    “รถมึง? สองประตูสองที่นั่งเนี่ยนะ? เฮอะ!” ไอ้พี่ขลุ่ยทำหน้ายุ่งๆ  ก็รถของไอ้พี่เสือน่ะเป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนอย่างหรูเลยล่ะครับ  แหม...ที่จริงก็อยากจะลองนั่งดูอยู่หรอกนะแต่เดี๋ยวไอ้พี่ลันมันจะน้อยใจเอา ฮ่าๆๆ  ท่าทางบ้านไอ้พี่เสือจะรวยไม่หยอกเลยทีเดียว  แกน่าจะเอาเงินไปศัลยกรรมผิวขาวเนอะ  ที่จริงผู้ชายผิวสีแทนก็ดูเท่อยู่หรอกแต่ในกรณีพี่เสือมันดูไม่โอเคเท่าไหร่เพราะเพื่อนที่เดินมาด้วยกันมีแต่คนขาวอย่างกับหยวกกล้วยทั้งนั้น

    “แหม...ก็กูจะเอามารับสุดที่รักของกูนี่ส่วนคนอื่นก็นั่งรถกันดารของมึงต่อไป ฮ่าๆ” ไอ้พี่เสือพูดก่อนจะยกมือขึ้นกอดคอผมที่นั่งอยู่ข้างๆ  ดูเหมือนไอ้พี่เสือจะแกล้งแหย่เพราะดูจากสายตาที่พี่แกมองไอ้พี่ลันแล้วมันดูเจ้าเล่ห์สุดๆ

    ผมเหลือบตามองไอ้พี่ลันนิดหน่อยเพื่อสังเกตท่าทางแต่ท่าทางของไอ้พี่ลันกลับนิ่งสนิทเหมือนไม่รู้สึกอะไร  ผมก้มหน้าเล็กน้อย  นี่พี่ลันไม่รู้สึกจริงๆ หรือว่าแค่ทำเป็นไม่รู้สึกเพราะไม่อยากถูกจับพิรุธกันแน่  แต่ผมรู้สึกน้อยใจแปลกๆ แฮะ

    “ไม่ได้ๆ ฮันนี่ต้องไปกับกูเท่านั้นโว้ย  มึงขับรถกวนตีนจะตายห่าเพราะงั้นให้มานั่งกับกูดีกว่าเพราะกูขับนิ่ม” ไอ้พี่ขลุ่ยเอื้อมมือมาปัดแขนไอ้พี่เสือที่คล้องอยู่ที่คอของผมออกอย่างหมั่นไส้

    “พูดแบบนี้เดี๋ยวน้องเมฆที่น่ารักก็หึงหรอก” ไอ้พี่เสือพูดเสียงกลั้วหัวเราะอย่างล้อเลียน  ผมถลึงตามองไอ้เมฆอย่างคาดคั้นทันที  เรื่องของไอ้เมฆทำไมผมที่เป็นเพื่อนถึงไม่รู้ล่ะเนี่ย!?!

    “พี่ไทอย่าพูดอะไรบ้าๆ สิครับ  ผมกับพี่ขลุ่ยไม่ได้เป็นไรกันซักหน่อย” ไอ้เมฆทำหน้ายุ่งๆ อย่างไม่พอใจที่ถูกล้อ

    “อยากเป็นป่ะล่ะ?” ไอ้พี่ขลุ่ยหันไปมองไอ้เมฆด้วยสายตาเจ้าเล่ห์  พูดตรงๆ นะว่าถ้าถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นจากพี่ขลุ่ยล่ะก็ถึงเป็นผมก็เขินได้ง่ายๆ เลยล่ะครับ  ก็หล่อนี่หว่า!

    “ไม่” ไอ้เมฆตอบเสียงแข็ง  เฮ้ยๆ ทำไมน้องเมฆที่น่ารักของผมถึงดูก้าวร้าวแบบนั้นล่ะ  ปกติน้องเมฆต้องอ่อนหวานนี่นา

    ผมปล่อยให้ไอ้พวกพี่ๆ แกล้งไอ้เมฆต่อไปส่วนตัวเองก็นั่งมองหน้าไอ้พี่ลันที่เหม่อมองวิวรอบตัวเหมือนกำลังอยู่กับตัวเอง  ไอ้พี่ลันตอนเอามือค้ำคางพลางทอดสายตาไปเรื่อยๆ แบบนี้ดูหล่อชะมัดเลยแฮะ

    “ไอ พี่รหัสมึงไปไสล่ะ? (ไอ พี่รหัสมึงอยู่ไหน?)” จู่ๆ ไอ้วิทก็ขยับเข้ามาถามเสียงเบาๆ ทำเอาผมที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปไอ้พี่ลันเก็บไว้สะดุ้งจนโทรศัพท์ร่วงลงบนตัก

    “หือ? หา? เอ่อ...เดี๋ยวกะมามั้ง  ถามเฮ็ดหยัง? (หือ? หา? เอ่อ...เดี๋ยวก็มามั้ง  ถามทำไม?)” ผมลนลานรีบเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง

    “กู...อยากพ้อกับอ้ายคนนั้น  คนที่มากับพี่รหัสมึงดุ๊ๆ หนา (กู...อยากเจอกับพี่คนนั้น  คนที่มากับพี่รหัสมึงบ่อยๆ ไง)” ไอ้วิทพูดพลางยิ้มเขินๆ เฮ้ย! อะไรของมันวะ  ทำไมต้องยิ้มแล้วหน้าแดงแบบนั้นด้วย  อย่าบอกนะว่ามัน...พี่พัด...?

    “สิอยากพ้อไปเฮ็ดหยัง? อย่าบอกเด้อว่ามึง... (จะอยากเจอไปทำไม? อย่าบอกนะว่ามึง...)” ผมชี้หน้ามันก่อนจะขยับออกห่างอย่างหวั่นๆ

    “มานี่ๆ” ไอ้วิทหันมองซ้ายขวาก่อนจะพยุงผมขยับไปนั่งที่ม้านั่งตัวอื่นโดยที่คนอื่นไม่สังเกต “มึงอย่าบอกไผเด้อ  กูน่ะ...ตกหลุมรักอ้ายคนนั้นตั้งแต่เห็นเทื่อแรกเลย  ขนาดซื่อกูกะยังบ่ฮู้จักกูยังมักเขาได้ขนาดนี้  มึงซ่อยกูแหน่ได้บ่? (มึงอย่าบอกใครนะ  กูน่ะ...ตกหลุมรักพี่ชายคนนั้นตั้งแต่เห็นครั้งแรกเลย  ขนาดชื่อกูยังไม่รู้จักกูยังชอบเขาได้ขนาดนี้  มึงช่วยกูหน่อยได้ไหม?)” ไอ้วิทกุมมือผมพลางบีบตาอ้อนวอน  อ่า...ไอ้นี่น่ารักจังวุ้ย หล่อด้วย แต่ติดตรงที่ชอบแต่งตัวเชยๆ ทำตัวปอนๆ ทำให้ไม่มีเสน่ห์

    “มึงมักผู้ซายติ? (มึงชอบผู้ชายเหรอ?)” ผมถามอย่างสงสัย

    “กะบ่ดอกแต่ว่าอ้ายคนนี้กูมักอีหลี (ก็ไม่หรอกแต่พี่ชายคนนี้กูชอบจริงๆ)” ไอ้วิททำหน้าหมาหงอย “หรือว่ามึงขี้เดียดที่กูมักผู้ซาย (หรือว่ามึงรังเกียจที่กูชอบผู้ชาย)” ไอ้วิทปล่อยมือก่อนจะเบือนหน้าหนีพลางทำท่าเหมือนจะร้องไห้

    “กะบ่ได้ขี้เดียดดอกแต่ว่ากูแค่แปลกใจสื่อๆ  ขั้นมึงมักเขาอีหลีกูกะพอสิซ่อยได้อยู่ (ก็ไม่ได้รังเกียจหรอกแต่กูแค่แปลกใจเฉยๆ  ถ้ามึงชอบเขาจริงๆ กูก็พอจะช่วยได้อยู่)” ผมพูด  ผมจะรังเกียจที่มันชอบผู้ชายได้ไงเมื่อผมก็เป็น  อีกอย่างผมถึงขั้นมีอะไรกับผู้ชายแล้วเพราะฉะนั้นในกรณีไอ้วิทมันแค่เรื่องเล็กน้อย

    “ขอบใจหลายๆ (ขอบใจนะ)” ไอ้วิทเขย่ามือผมจนตัวผมสั่นไปด้วย


     

    และเพียงไม่นานไอ้พี่เปอร์กับพี่พัดก็มารวมกลุ่มกับพวกผมตามคาด  ไอ้วิททำตัวเนียนไปนั่งข้างพี่พัดพลางทำหน้าแดงบิดไปมา  ดูไปดูมามันก็น่ารักนะครับแต่ดูอีกทีมันก็อุบาทว์นิดๆ ก็เพราะไอ้วิทมันเป็นคนตัวสูงหน้ามันก็แม้นแมนแต่ดันมาทำท่าทางน่ารักแบบนี้มันก็ดูแปลกๆ อยู่  และดูเหมือนไอ้พี่พัดจะรู้สึกตัวว่าไอ้วิทมันมีอาการแปลกๆ แกก็เลยมองไอ้วิทพลางทำหน้าเซ็งๆ

    “ไอ้เด็กเฉิ่ม ขยับออกไปห่างๆ ได้ไหม อึดอัดว่ะ” ไอ้พี่พัดขมวดคิ้วก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจ  สิ้นประโยคผมสังเกตดูหน้าไอ้วิททันทีซึ่งมันกำลังนิ่งอึ้งเหมือนจะช็อคที่ถูกพูดด้วยแบบนั้น

    “อ่ะ...ครับๆ” ผมวิทหน้าหมองลงก่อนจะระเห็จตัวออกห่างจากไอ้พี่พัด  ผมมองมันอย่างสงสารซึ่งมันเองก็หันมามองผมด้วยสายตาหมาหงอยเช่นกัน  แดกสมหวัง(แห้ว)ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยนะมึง

    “ฉันจะไปซื้อน้ำ เอาอะไรไหม?” จู่ๆ ไอ้พี่ลันก็ถามขึ้น  ถามแค่ผมคนเดียวซะด้วย

    “ถามแค่คนเดียวเหรอวะ? คนนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งเยอะไม่เห็นจะสนใจเลยนะ” ไอ้พี่เสือกับพี่ขลุ่ยมองหน้ากันก่อนจะแขวะ

    “ใช่ๆ ผมเป็นน้องรหัสพี่แท้ๆ พี่ยังไม่สนใจผมเลย” ไอ้พี่เปอร์ร่วมวงด้วย  อย่าพูดแบบนั้นสิพี่ๆ  รู้ไหมว่าผมหวั่นไหว >///<

    “เพราะพวกมึงเป็นอย่างนี้ไงกูถึงไม่ถาม” ไอ้พี่ลันทำหน้าเซ็งๆ จนพวกที่ล้อแกเมื่อกี้หน้าหมองลงไป

    “เอ่อ...เดี๋ยวผมด้วยดีกว่า” ผมพูด  ผมไม่ได้อยากดื่มอะไรหรอกแค่อยากเดินไปกับพี่ลันเฉยๆ

    “นายน่ะนั่งอยู่นี่เถอะเดี๋ยวขาก็ไม่หายกันพอดี” พี่ลันพูด

    “ถ้าสุดที่รักอยากไปมึงก็อุ้มไปเลยสิ ฮิ้ว” ไอ้พี่เสือเป่าปากแซว

    “ตัวใหญ่อย่างกับควายอุ้มไม่ไหวหรอก” ไอ้พี่ลันส่ายหน้านิดๆ  ผมตวัดสายตามองอย่างเคืองๆ  แต่ผมก็ดีใจนะที่มีคนว่าผมตัวใหญ่  ผู้ชายที่ไหนเขาอยากตัวเล็กล่ะครับ

    “เอางี้ ถ้าสุดที่รักอยากไปเดี๋ยวฉันอุ้มเอง” ไอ้พี่เสือพูดก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางทำท่าจะอุ้มผมซึ่งผมก็ตวัดมือตบพุงแกอย่างรวดเร็ว

    “ผมไม่อยากไปแล้วก็ได้ครับ” ผมพูดเบาๆ

    “แล้วจะเอาอะไรจะซื้อมาให้” พี่ลันถามย้ำ

    “ไม่เอาครับ” ผมตอบ

    “นั่นไง เพราะมึงไม่ยอมอุ้มฮันนี่ไปมันเลยงอนเลยเห็นไหม?” ไอ้พี่ขลุ่ยแซว

    “ไม่ใช่นะครับ  ผมไม่ได้อยากกินอะไรก็เลยไม่เอาเท่านั้นเอง” ผมหันไปปฏิเสธคำพูดไอ้พี่ขลุ่ยทันควัน

    “จริงเหรอๆ  ดูหน้าสิ บ่งบอกว่างอนชัดๆ” ไอ้พี่ขลุ่ยหัวเราะคิกคักก่อนจะชี้หน้าผมอย่างล้อเลียน  เห็นไอ้พี่ขลุ่ยทำไอ้พี่เสือ พี่เปอร์แล้วก็พี่พัดก็เอาด้วย  ส่วนไอ้เมฆกับไอ้วิทยังทำหน้างงๆ เหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร

    “ถ้าพวกพี่ไม่เลิกว่าผมผมจะโกรธจริงๆ ด้วย  ส่วนพี่ลัน...จะไปก็รีบไปสิครับ” ผมพูดอย่างเคืองๆ

    ขณะที่ผมกำลังเคืองโดยไม่สนใจว่าไอ้พี่ลันจะเดินไปแล้วหรือยังไม่เดินตัวผมก็ถูกรวบและยกขึ้นพาดบนไหล่หนาๆ ทันทีเล่นเอาผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ  แน่นอนว่าผมไม่ได้ตกใจแค่คนเดียว


     

    ไอ้พี่ลันอุ้มผมพาดบ่าก่อนจะพาเดินดุ่มๆ ไปที่ร้านค้าท่ามกลางสายตานักศึกษาเกือบร้อย  ผมอยากจะบอกพี่ลันเหลือเกินว่าผมไม่ได้โกรธที่พี่ลันไม่ให้ผมมาด้วย  ผมก็แค่เคืองพวกพี่ๆ ที่เอาแต่ล้อผมก็เท่านั้นเอง  แล้วไหนเมื่อกี้บอกว่าผมตัวโตจนอุ้มไม่ไหวไงเล่า?

    “พี่ลัน ปล่อยผมลงเถอะ ผมอายเขา” ผมตบหลังพี่ลันเบาๆ

    “ก็อยากมาด้วยไม่ใช่หรือไง?” พี่ลันถามพลางเดินไปที่ตู้เครื่องดื่ม

    “ผมไม่ได้อยากมาซักหน่อย  ปล่อยผมลงเถอะ คนเขานินทาใหญ่แล้ว” ผมบอกเสียงเบา  อายวุ้ย

    “ไม่ปล่อย  อยากงอนไม่เข้าเรื่องก็ต้องโดนแบบนี้แหละ” ไอ้พี่ลันเอี้ยวตัวไปมาเพื่อเลือกเครื่องดื่มตัวของผมจึงสะบัดไปมาด้วย

    “ผมไม่ได้งอนนะครับพวกพี่ไทเขาแซวไปอย่างนั้นแหละ  ปล่อยผมลงเถอะนะ นะครับ” ผมพยายามบีบตาอ้อนวอน  แต่ถึงผมจะทำหน้าอ้อนแค่ไหนพี่ลันก็ไม่เห็นหรอกเพราะตอนนี้หน้าของผมแทบจะแนบกับแผ่นหลังของพี่แกแล้ว

    “เมื่อกี้นายทำหน้าไม่พอใจ” พี่ลันยื่นกระป๋องโค้กสองกระป๋องมาด้านหลังผมจึงรับเอาไว้

    “ผมก็แค่หงุดหงิดพวกนั้นเฉยๆ ไม่ได้โกรธพี่หรอก” ผมพูดพลางแกล้งเอากระป๋องโค้กเย็นๆ แนบก้นพี่ลันทำให้พี่แกสะดุ้งก่อนจะตีก้นผมสองสามที

    “พี่เตี้ยอย่ายุ่งกับก้นผม” ผมตบหลังพี่ลันดังอั่ก

    “ห้ามไม่ทันแล้วมั้ง” พี่ลันพูดเสียงเจ้าเล่ห์ผมจึงรีบหุบปาก

    “บ้า” ผมตบหลังพี่ลันอีกครั้งก่อนจะเงียบปากไปซึ่งพี่ลันเองก็ไม่พูดอะไรอีกนอกจากเอาแต่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    เจอคอมเม้นขู่อย่างโหดเหี้ยม(????)ของรีดเดอร์เข้าเล่นเอาไรเตอร์ต้องรีบอัพ  ฮ่าๆๆ
    รีดเดอร์แถวนี้โหดจังนะ  อย่าโหดกับเค้ามากซี่ เดี๋ยวเค้าก็อัพทุกวันหรอก ฮ่าๆๆ (พูดเล่นนะอย่าคิดจริง)

    หลังจากตอนนี้ไปอาจจะมาอัพช้าสักหน่อยเพราะช่วงนี้การบ้านเยอะมากอีกอย่างกำลังรอลุ้นกับผลสอบที่กำลังจะออกมา  และช่วงนี้ไรเตอร์ก็ต้องเตรียมแอดมิสชั่นอีก  โฮกฮากกก(คำราม)

    ประชาสัมพันธ์ไปถึงรีดเดอร์ที่ชอบวาดภาพ  ส่งภาพแฟนอาร์ตมาได้นะคะ จะวาดเองหรือให้ใครวาดให้ก็ได้  เห็นนิยายเรื่องอื่นเขามีแฟนอ๊งแฟนอาร์ตเรื่องนี้ก็อยากจะมีกับเขาบ้างนี่นา (อ้อน)  วาดกันมาเยอะๆ หน่อยนะก๊าบ (ขอร้อง)

    นิยายเรื่องนี้สนุกไหมคะ?  ถ้าสนุกก็โหวตให้ครบร้อยเปอร์หน่อยได้ไหม(อ้อนอีกที) แต่ถ้าไม่ครบก็ไม่เป็นไร  ขอบคุณทุกแรงใจค่า (พูดเหมือนลิเก?)

    ตอนต่อไป....
    ตอนหน้าจะมีศัตรูหัวใจของไอ้ไอโผล่มา  หล่อนเป็นชะนีที่สวยมากและเคยมีซัมติงวรองกับสองพี่น้องลุกซ์ลัน  จะเกิดอะไรขึ้น...รออ่านตอนหน้าครับผม!!


     

    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×