คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Rule 16 : รักน้องต้องแบก
edit : 1/1/13
ผมกลับเข้ามาในห้องด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ ไอ้เรื่องเมื่อตอนบ่ายที่พี่ลุกซ์พูดกับผมทำให้ผมเข้าหน้าพี่แกไม่ค่อยติด อ่า...ทำไงดีล่ะครับ ผมรู้สึกร้อนที่หน้าอย่างไรชอบกลเมื่อพี่ลุกซ์หรี่สายตามองผม
ทำไมพี่น้องบ้านนี้ถึงหล่อแบบนี้วะ กูจะละลายแล้วเนี่ย
“ผมง่วงแล้ว จะนอนได้หรือยัง?” ไอ้พี่ลุกซ์เอียงหน้ามองผมพลางคลี่ยิ้มบางๆ ถ้าตอนนี้ผมลืมพี่ลันจะมีใครว่าอะไรไหมครับ?
“อ่า ครับๆ” ผมพยักหน้ารัวๆ ก่อนจะรีบกระโดดลงบนเตียงและทำตัวให้ลีบที่สุดเท่าที่จะทำได้
หลังจากไฟปิดลงเพียงครู่ความอุ่นจากอ้อมแขนก็แผ่ซ่านเข้ามาทุกอณูร่างกาย ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อไอ้พี่ลุกซ์เหยียดแขนก่ายหน้าท้องผมก่อนจะรวบแขนเข้าหาตัวจนร่างของผมขยับเข้าไปในอ้อมกอดของพี่ลุกซ์ เอาแล้วไง...มือไวทั้งพี่ทั้งน้อง
“เอ่อ นี่หมอนข้างครับ” ผมแกะมือพี่ลุกซ์ออกก่อนจะยัดหมอนข้างที่ผมกอดไว้ใส่อ้อมแขนแก
“ที่คุณไม่ยอมเปลี่ยนห้องเพราะทะเลาะกับไอ้ลันเหรอ?” ไอ้พี่ลุกซ์เหวี่ยงหมอนข้างตกเตียงก่อนจะดึงผมไปกอดไว้อีกครั้ง ใบหน้าของผมตอนนี้ซุกอยู่ที่อกของพี่ลุกซ์พอดิบพอดี
“เปล่าครับ” ผมเอ่ยปฏิเสธ
“ผมอยากแน่ใจว่าคุณกับไอ้ลันไม่ได้เป็นอะไรกัน” พี่ลุกซ์พูดเสียงแผ่ว
“ทำไมครับ?” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าพี่ลุกซ์จากมุมสูง มุมนี้ก็หล่อว่ะพี่ เหมือนไอ้พี่ลันมาก
“ผมก็แค่...ชอบคุณ” พี่ลุกซ์จ้องตาผมด้วยสายตาที่แสนจะเชิญชวน ผมหลบตาก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น ผมกัดริมฝีปากก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองออกจากอ้อมแขนแข็งแรง อยากจะเขินอยู่หรอกนะครับแต่ผมเขินไม่ออก พี่ลุกซ์มาบอกว่าชอบผมแต่ผมจะตอบรับพี่ลุกซ์ได้อย่างไรเมื่อผมมีอะไรกับน้องพี่ลุกซ์ตั้งหลายครั้งหลายครา ผมละอายใจ
ตึง!!
ผมสะดุ้งรีบลุกออกจากเตียงโดยมีพี่ลุกซ์ลุกตามขึ้นมาเมื่อประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรุนแรงโดยฝีเท้าของคนมาเยือนด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“ทำไมมึงถึงชอบแย่งของของกู?” พี่ลันเดินเข้ามาพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
“ไอ้ลัน?” พี่ลุกซ์มีสีหน้าตกใจเล็กน้อยก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ “อะไรที่มึงบอกว่าเป็นของของมึง” ไอ้พี่ลุกซ์พูดพลางหันมามองผม
เฮ้ยๆๆ พี่น้องจะทะเลาะอย่าลากคนนอกอย่างกูไปยุ่งสิวะ กูก็แค่คนที่ผ่านเข้ามาเองนะเว้ย
“มึงรู้อยู่แล้วจะถามหาห่าอะไร?” ไอ้พี่ลันเอียงตัวพิงกำแพง
“กูไม่รู้ แต่ถ้าเป็นน้องไอล่ะก็...เขาไม่ใช่ของมึง” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือผมไปจับ ชะอุ้ย! อย่าเอากูไปเกี่ยวได้ไหมครับไอ้พี่หล่อทั้งสอง
“ไอ้ลุกซ์!! มึงสนุกนักหรือที่ต้องแย่งกูไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่เป็นของกูสุดท้ายมึงก็เอาไปทุกอย่าง มึงเป็นอะไรกับกูนักหนา?” ไอ้พี่ลันตะคอกจนผมสะดุ้ง ไอ้พี่ลุกซ์หน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้ดูกวนตีนเหมือนเดิม
“นั่นเป็นเพราะมึงรักษาไม่ดีเองต่างหาก ไม่อย่างนั้นกูจะได้เหรอ?” ไอ้พี่ลุกซ์แสยะยิ้ม เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าไอ้พี่ลันก็เปลี่ยนไปทันที มันดูเจ็บปวด
พี่ลันขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเดินหนีออกจากห้องไปด้วยสีหน้าที่ทำให้ผมหวั่นไหว ผมรีบสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของพี่ลุกซ์แล้วรีบวิ่งตามไอ้พี่ลันออกไปข้างนอก ท่าทางจะหัวเสียมากถึงรีบเดินจนลืมกลัวความมืดที่อาจจะมีผีที่แกกลัวโผล่ออกมา
“พี่ลัน...พี่ลัน!!” ผมเรียกไอ้พี่ลันที่เดินลิ่วๆ ก่อนจะรีบวิ่งไปขวางหน้าเอาไว้
“นายก็เหมือนกับคนอื่น เพราะฉันมันน่าเบื่อใช่ไหมนายถึงหันไปหาไอ้ลุกซ์” ไอ้พี่ลันเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาผม ทำไมพี่ลันที่ดุแข็งแกร่งถึงมีสีหน้าที่อ่อนแอแบบนี้นะ เป็นเพราะพี่ลุกซ์...หรือเป็นเพราะผมกันแน่ที่ทำให้พี่ลันเป็นแบบนี้
“พี่พูดอะไร?” ผมถามอย่างสงสัย
“นายชอบมันเหรอ?” ไอ้พี่ลันหันมามองหน้าผม
“เปล่าครับ ไม่ได้ชอบเสียหน่อย” ผมรีบตอบ ก็แค่หวั่นไหวที่พี่แกหล่อแค่นั้นเอง อีกอย่าง...ผมอยากจะบอกพี่ว่า...ผมหวั่นไหวกับพี่มากกว่าพี่ลุกซ์อีกนะครับ >///<
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ?” พี่ลันถามอีก ผมขมวดคิ้ว
“ถึงผมจะชอบแต่ผมจะทำอะไรได้ในเมื่อพี่จีบเธอ ผมจะสู้พี่ได้เหรอ?” ผมแอบโมโหหน่อยๆ ยังเคืองๆ พี่ลันเรื่องเมื่อกลางวันอยู่เลย
“ไม่ได้จีบ แค่หงุดหงิดที่นายไปยุ่งกับเธอ” ไอ้พี่ลันขมวดคิ้วพูดนิ่งๆ แต่คำพูดเย็นๆ นั่นก็ทำให้ผมร้อนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ลัน...กลับกันเถอะ” ผมหันหน้าหนีก่อนจะก้มหน้างุด ตอนนี้หน้าผมคงจะแดงเพราะคำพูดของพี่ลันแน่ๆ เลย ผมไม่อยากให้พี่ลันรู้หรอกนะครับว่าผมเขินเพราะคำพูดเล็กๆ น้อยๆ
หมับ! ผมชะงักเบิกตากว้าง ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไอ้พี่ลันก็เดินมากอดผมไว้จากด้านหลัง กำไรเห็นๆ ได้กอดทั้งพี่ทั้งน้องเลยวุ้ยกู ถ้าพวกผู้หญิงรู้คงจะอิจฉาผมยกใหญ่แน่ๆ
“เปลี่ยนห้องซะ” ไอ้พี่ลันพูดเสียงเบาแต่ดุดันก่อนจะกดจูบลงที่หลังใบหู อึ๋ย...ขนลุกพรึ่บเลยกู สยิววุ้ย
“แต่...”
“ไม่มีแต่ คืนนี้นายต้องนอนกับฉัน” ไอ้พี่ลันพูดก่อนจะดันผมจนหลังชนต้นไม้ก่อนจะปล้ำจูบผมอย่างดุดัน
ผมจิกคอเสื้อของไอ้พี่ลันก่อนดันเบาๆ เพราะผมหายใจติดขัด จู่ๆ ก็มาจูบกันแบบนี้ผมเลยไม่ทันตั้งตัวแถมยังเป็นจูบที่ดูดดื่มจนผมรู้สึกหวิวขึ้นมา เอาแล้วไง ที่จะให้ผมไปนอนที่ห้องด้วยเพราะมีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่าเนี่ย
“พี่ลัน...อือ...พอเถอะครับ” ผมเอียงหน้าหลบก่อนจะดันอกพี่ลันออกห่างๆ
“ทำไม?” พี่ลันถามอย่างหงุดหงิด
“ดะ...เดี๋ยวมีคนมาเห็น เอ่อ...คือ...ถ้าพี่ลันทำแบบนี้ผมจะกล้านอนที่ห้องพี่ได้อย่างไรครับ พรุ่งนี้ผมมีฝึกนะครับ” ผมเอียงหน้าพูดอย่างเขินอาย
“ฮึ คืนนี้ไม่ทำอะไรไปมากกว่าจูบหรอก สัญญา” ไอ้พี่ลันยิ้มนิดๆ ก่อนจะคว้าเอวผมมากอดก่อนจะพาผมเดินกลับไปที่บ้าน พอถึงระเบียงบ้านพี่ลันก็ปล่อยมือจากเอวผมและเดินกลับเข้าไปโดยทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้เราก็เขินแทบตาย
ทันทีที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ในห้องพี่ลันผมก็ถูกจับกดลงบนเตียงทันที พี่ลันจุ๊บปากผมเบาๆ ก่อนจะนอนกกกอดผมไว้อย่างนั้นจนผมขยับไปไหนไม่ได้
“ฉันอยากจะขอ อย่าไปยุ่งกับไอ้ลุกซ์อีก แค่มันเท่านั้นที่ฉันไม่อยากแพ้” ไอ้พี่ลันพูดพลางหอมแก้มผมก่อนจะพลิกตัวมานอนหงายแล้วดึงผมไปนอนซบอยู่บนอก ผมค่อยๆ ยกแขนขึ้นไปกอดเอวพี่ลันเอาไว้พี่แกจึงเอียงหน้ามามองผมด้วยแววตาตกใจนิดแต่กระนั้นก็ยิ้มแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าพี่มีปัญหาอะไรกับพี่ลุกซ์ แต่ผมน่ะไม่ได้ชอบพี่ลุกซ์หรอกนะ” ผมส่งยิ้มให้ไอ้พี่ลัน ที่ผมเขินไอ้พี่ลุกซ์ก็คงจะเป็นเพราะพี่ลุกซ์หน้าตาเหมือนพี่ลันล่ะมั้ง และที่สำคัญ...อ้อมกอดของไอ้พี่ลันอุ่นกว่าตั้งเยอะ
“มันต้องอย่างนี้สิ” ไอ้พี่ลันจุมพิตที่หน้าผากผมเบาๆ ก่อนจะลูบหัวพลางยิ้มบางๆ อ่า...เห็นรอยยิ้มพี่ลันทีไรผมแทบละลายทุกที ผมรู้สึกเหมือนกับว่ารอยยิ้มของไอ้พี่ลันมีค่าเพราะแกเป็นคนที่ยิ้มยากแต่แกมักจะยิ้มให้ผมอยู่บ่อยๆ
ผมก้มหน้ายิ้มๆ ก่อนจะซุกตัวเข้าชิดไอ้พี่ลันและกอดเอวแกแน่นขึ้นพี่ลันเองก็กระชับอ้อมกอดและใช้ผมแทนหมอนข้างจนได้ยินเสียงกรนเบาๆ
ถึงตอนนี้ผมจะยังแน่ใจว่าผมคิดอย่างไรกับพี่ลันกันแน่แต่ว่าเวลาที่ผมอยู่ใกล้พี่ลันทีไรผมรู้สึกดีทุกครั้ง หัวใจก็เต้นแรงเสมอๆ หน้าก็ร้อนผะผ่าวเหมือนจะเป็นไข้ มันจะเป็นไปได้ไหมนะที่ความรู้สึกนี้จะเรียกว่าชอบ
ฝันดีนะครับ...พี่ลัน
พวกผมถูกปลุกไปวิ่งลากล้อรถตั้งแต่เช้ามืดท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ พวกผู้ชายอย่างผมจะต้องสวมถุงทรายรัดข้อเท้าข้างละหนึ่งกิโลกรัมพร้อมกับเอาเชือกผูกเอวต่อกับล้อรถแล้วลากมันให้วิ่งไปพร้อมๆ กับตัวเองส่วนผู้หญิงใส่เพียงถุงทรายเท่านั้น
“เร็วหน่อยครับเร็วหน่อย ถ้าพวกคุณถึงห้องอาหารเป็นกลุ่มสุดท้ายจะได้กินข้าวหลังจากกลุ่มอื่นเขากินเสร็จนะครับ!!” ไอ้พี่ลุกซ์ที่วิ่งนำหน้าตะโกนบอก ครูฝึกของแต่ละกลุ่มจะต้องวิ่งควบคุมกลุ่มที่ตัวเองสังกัดไปด้วยแต่มีแค่สองคนเท่านั้นที่ติดอุปกรณ์ถ่วงร่างกาย ครูฝึกที่มีอายุแล้วทำแค่วิ่งตัวเปล่าเท่านั้น
สถานที่ที่เรากำลังวิ่งก็คือทางลูกรังที่ตัดผ่านป่าทึบท่าทางน่ากลัวเพราะตอนนี้มันยังไม่สว่างนัก ความมืดในป่าเช่นนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ไอ้แสงสีเขียวๆ นั่นมันอะไรกันนะจะใช่สิ่งที่ผมคิดหรือเปล่า ผมหวังเหลือเกินว่าตกกลางคืนมันจะไม่มีอะไรแบบนั้นอีก มันหลอนนะครับ
กึก! ตุบ!
“โอ๊ย!” ผมอุทานเสียงหลงเมื่อวิ่งไปสะดุดกับก้อนหินที่ฝังอยู่ใต้ดินเข้าจนล้มหน้าจิ้มพื้น ถ้าร่างกายผมไม่ถูกถ่วงจนหนักอึ้งแบบนี้ผมคงจะทรงตัวได้แต่พอตัวมันหนักๆ ผมก็พยุงตัวเองไว้ไม่อยู่จนหันหน้ากระแทกพื้นเข้าอย่างจัง
“คุณ! เป็นอะไรหรือเปล่า?” ไอ้พี่ลุกซ์ที่วิ่งอยู่หน้าแถวรีบวิ่งเข้ามาหาผมเพื่อดูอาการ
“อ่า ไม่เป็นไรมากหรอกครับ วิ่งต่อเถอะ” ผมลุกขึ้นปัดเนื้อปัดตัวก่อนจะยิ้มแหยๆ กับความซุ่มซ่ามของตัวเอง
พี่ลุกซ์กลับไปวิ่งอยู่หน้าแถวแล้วแต่ผมยังขยับไปไหนไม่ได้ พระเจ้า...ตอนล้มเมื่อกี้หัวเข่าผมกระแทกกับหินที่หักจนหัวที่โผล่มาจากพื้นกลายเป็นหินแหลมๆ บาดผิวหนังเป็นแผลลึกเลือดไหลซิบ
โอยยยย แสบเว้ยแสบ...
แตะ!
เฮือก!! ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ก็มีมือผมแตะที่ไหล่ผมที่ยังยืนนิ่งวิ่งตามเพื่อนไม่ทัน ไอ้พวกเพื่อนๆ ในกลุ่มก็ไม่มีใครสังเกตเลยว่าผมไม่ได้วิ่งไปด้วย นี่ผมไร้ตัวตนขนาดนั้นเลยหรือเนี่ย?
“ทำไมไม่วิ่งต่อล่ะ?” ไอ้เจ้าของมือที่แตะไหล่ผมถามขึ้น ผมถอนหายใจเมื่อคนที่แตะไหล่ผมเป็นไอ้พี่ลันที่วิ่งนำหน้ากลุ่มของตัวเองมา
“เอ่อ...เมื่อกี้ผมล้ม หินบาดเข่าซะลึกเลย” ผมยิ้มแหยๆ ตอนนี้ผมเจ็บมากจนไม่กล้าขยับเพราะกลัวจะเจ็บไปมากกว่านี้ เลือดเองก็ไหลมากขึ้นจนขาผมอาบไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
“พวกคุณวิ่งไปก่อนนะครับ ผมจะปฐมพยาบาลให้เขาก่อน” ไอ้พี่ลันหันไปบอกสมาชิกในกลุ่มก่อนที่พวกนั้นจะวิ่งต่อตามคำสั่ง
ไอ้พี่ลันมองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของผมและหยิบขวดน้ำที่ถือมาด้วยมาราดที่แผล ขาผมกระตุกเพราะความแสบแปลบปลาบแต่พี่ลันแกก็ยังจับขาผมเอาไว้แน่นและราดจนน้ำหมดขวด
พี่ลันล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงวอร์มขายาวก่อนจะพันผ้าเอาไว้ที่ขาของผมและมัดเอาไว้เพื่อให้ผ้ามันปิดที่แผล พี่แกลุกขึ้นยืนตัวตรงๆ ก่อนจะปลดเชือกที่รัดเอวออกและเดินมายืนหันหลังให้ผมพร้อมกับย่อตัวลง
“นายคงเดินเองไม่ไหว ขึ้นมาสิ” พี่ลันเอียงหน้ามาบอก ผมก้มหน้างุดก่อนจะค่อยๆ เดินไปเกาะหลังพี่ลันและก้าวขึ้นขี่หลังพี่ลันอย่างอายๆ มีอย่างที่ไหนครับที่ผู้ชายตัวใหญ่สองคนขี่หลังกันเดินอยู่ในป่า รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะครับเนี่ย
“พี่ลัน...มันน่าอายนะ” ผมพูดขณะที่ไอ้พี่ลันกำลังเดินไปอย่างช้าๆ รู้สึกว่าผมกับพี่ลันจะรั้งท้ายคนอื่นๆ นะครับเนี่ย อ่า...เขินจัง
“หรือจะให้อุ้ม?” พี่ลันถามผมจึงรีบส่ายหน้า แค่ขี่หลังยังน่าอายขนาดนี้แล้วอุ้มจะน่าอายขนาดไหนล่ะครับ >///<
พี่ลันพาผมไปหาพี่สต๊าฟผู้หญิงที่ทำหน้าที่คอยปฐมพยาบาลคนเจ็บในขณะที่คนอื่นๆ ต่างก็มุ่งตรงไปยังห้องอาหาร สายตาเสียดแทงของพี่ๆ ผู้หญิงถูกส่งมาให้ผมเป็นตาเดียวเนื่องจากผมคนนี้ได้ขี่หลังไอ้พี่ลันที่แสนจะป๊อบปูล่า
ไอ้พี่ลันวางผมลงบนเก้าอี้ก่อนจะหันไปขอเครื่องมือทำแผลจากพี่สต๊าฟ
“ลันจะทำเองเหรอ เราว่าอย่าดีกว่า เดี๋ยวพวกเราทำให้” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น ดูเหมือนเธอจะไม่อยากให้พี่ลันยุ่งกับผมไปมากกว่านี้แล้วล่ะครับ โธ่ เจ๊ครับ จะคิดอะไรมากมาย ผมกับพี่ลันก็ผู้ชายทั้งคู่
“พวกคุณไปทานข้าวเถอะครับเดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง” ไอ้พี่ลันบอก
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของพวกเรานะ” พี่ผู้หญิงคนเดิมพูดยิ้มๆ
“น้องคนนี้เขาไม่ค่อยคุ้นกับคนแปลกหน้าน่ะครับ ผมเป็นพี่รหัสเขาเพราะฉะนั้นเดี๋ยวผมดูแลเอง” ไอ้พี่ลันตัดบทหน้านิ่งๆ พวกพี่ผู้หญิงจึงได้แต่ยอมส่งกล่องพยาบาลให้พลางเดินกระฟัดกระเฟียดไปทางห้องอาหาร
เอาแล้วไงกู ถูกผู้หญิงเขม่นเข้าให้แล้ว พวกพี่ๆ กลุ่มนั้นยิ่งน่ารักๆ อยู่ด้วย ถูกผู้หญิงแบบนั้นเขม่นไอ้ผมก็เริ่มจะเสียวสันหลังซะแล้วสิครับ ผมอยากเป็นมิตรกับผู้หญิงนะ!!
“พี่เตี้ยน่ะ ไปไล่พี่เขาทำไมล่ะ?” ผมแอบดุพี่ลันที่กำลังนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าผมที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้
“ฮึ่มมม” ไอ้พี่ลันถลึงตามองผมก่อนจะคำรามเสียงต่ำ
“แหม...ทำเป็นขู่” ผมทำปากบู้อย่างล้อเลียน แต่ทำปากจู๋ได้ไม่นานผมก็ต้องรีบหุบปากเมื่อไอ้พี่ลันชะเง้อคอมาดูดปากผมแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว อะ...ไอ้บ้านี่! ทำอะไรตอนนี้วะเดี๋ยวคนอื่นเค้าก็เห็นหมดหรอก
“พี่ลัน ทำอะไรเนี่ย?” ผมตีไหล่พี่ลันพลางหันซ้ายหันขวาดูว่ามีใครอยู่แถวนี้หรือเปล่าและก็ต้องโล่งอกเมื่อไม่มีใคร โชคดีไป
“ให้ทำอีกรอบไหมล่ะจะได้รู้ว่าทำอะไร” ไอ้พี่ลันช้อนตาขึ้นมาผม โอยตาย จะละลายแล้วกู คนห่าอะไรหล่อฉิบหาย
“ไม่ล่ะครับ” ผมรีบส่ายหน้า ไอ้พี่ลันหัวเราะนิดๆ ก่อนจะก้มลงไปทำแผลที่เข่าให้ผม ผมอยากจะถามพี่แกเหลือเกินว่ามือแกทำด้วยอะไร โคตรจะหนักเลยครับ!!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เป็นไงบ้างคะ ตอนนี้ถูกใจไหมเอ่ย
อิพี่มันซึน ไม่อยากให้น้องไปจีบใครก็เลยตัดหน้าซะเลย ฮ่าๆๆ น่ารักแบบนี้เอาใจฉันไปเลยไอ้ลันนนนน
แล้วใครที่สงสารอิพี่ลุกซ์นะคะไรเตอร์จะจัดคนมาดามใจให้ อยากอ่านไหมอ่า?
อ้อๆ ไรเตอร์ลืมไปเลยว่าพรุ่งนี้มีลอยกระทง อยากจะจัดตอนพิเศษให้สักหน่อย
จะเป็นเรื่องสั้นๆ ของพี่ลันกับน้องไอนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะแต่งทันไหม ถ้าไม่ทันวันลอยกระทงไรเตอร์ขอโทษด้วยเน้อออ
ความคิดเห็น