คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Rule 9 : รักน้องต้องพาเที่ยว 100%
ตอนนี้ไอ้พี่ลันที่ได้ชื่อว่าดุโคตรกำลังซบไหล่ผมอยู่ครับ เพราะอะไรน่ะหรือ? เพราะกลัวน่ะสิ แกครางเสียงต่ำอยู่ที่ข้างหูเพราะกลัวเนื่องจากผีเริ่มออกมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะเจือความตลกขบขันเอาไว้แต่มันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี(สำหรับพี่ลัน)
นอกจากหน้าแกจะซบอยู่ที่ไหล่ผมแล้วแขนแกยังกอดผมเอาไว้แน่นจนอึดอัด ผมเปลี่ยนเรื่องดีไหมครับ? แต่อยู่แบบนี้มันก็รู้สึกดีแปลกๆ แฮะ -///-
ยิ่งผีที่น่ากลัวออกมามากแค่ไหนเอวของผมก็ยิ่งถูกแขนไอ้พี่ลันรั้งเข้าไปหาตัวจนตอนนี้ผมแทบจะนั่งอยู่บนตักของไอ้พี่ลันแล้วครับ
แต่ว่านะ...ผมว่าห้องนี้มันก็หนาวอยู่นะแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันร้อนล่ะ ร้อนจนอยากจะระเบิดเลยทีเดียว >///<
“พี่เตี้ย...ผมอึดอัดนะ”
ผมบอกเมื่อรู้สึกทนไม่ได้
มันจะระเบิดแล้วครับ
หน้าผมมันร้อนจนจะระเบิดแล้วครับผม!!
“เอ๊ะ?”
ไอ้พี่ลันที่เหมือนจะรู้สึกตัวว่าใช้ผมแทนหมอนข้างผละหน้าออกไปแต่แขนยังคงกอดผมอยู่
ท่ามกลางเสียงโหยหวนจากลำโพง ผมกับไอ้พี่ลันจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของกันและกันเหมือนกับว่าเสียงจากลำโพงนั้นไม่ได้แทรกเข้ามาในโสตประสาทของพวกเราเลย
หน้าของพวกเราห่างกันเพียงคืบจนลมหายใจของแต่ละคนปะทะกัน มือเย็นๆ ที่กอดผมไว้เมื่อครู่ค่อยๆ
รั้งร่างของผมให้เข้าไปใกล้ทำให้หน้าของเราใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมหลับตาลงเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆ
ที่รินรดจมูก ริมฝีปากค่อยๆ
สัมผัสถึงความนุ่มนวลอ่อนหวาน
ผมเผยอปากขึ้นเล็กน้อยเหมือนที่พี่ลันเคยสอนก่อนความหวานจะค่อยๆ
ซึมสู่ปลายลิ้น
มือหนากดกระชับร่างกายให้แนบติดกันรับรู้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นของอีกฝ่าย ริมฝีปากของคนตรงหน้าค่อยๆ
ละเลียดและกลืนกินตัวตนของผมอย่างช้าๆ จนผมไม่อาจจะควบคุมความรู้สึก
ห้องที่มืดสนิทกับเสียงแห่งความหวาดกลัวยิ่งกระตุ้นอารมณ์ให้อ่อนไหวมากยิ่งขึ้น
“พะ...พี่ลัน?”
ผมยกแขนขึ้นดันอกพี่ลันเอาไว้เมื่อแกเอนตัวลงมากดผมลงกับโซฟา
“ฉันอยากจะรู้...ว่าเมื่อคืนฉันรู้สึกอย่างไร”
ไอ้พี่ลันพูดเสียงต่ำ ทั้งๆ
ที่เป็นน้ำเสียงปกติที่พี่แกมักจะพูดแต่ตอนนี้สำหรับผมน้ำเสียงนั้นช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน
“ตะ...แต่ว่าผม...”
ก่อนที่ผมจะได้ขัด คำพูดของผมก็ถูกกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อพี่ลันกดปากลงมาจูบอีกครั้ง ซวยแล้ว...ผมซวยแล้วจริงๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่หายเจ็บเลยแท้ๆ แต่ผมต้องมาเจ็บซ้ำอีกอย่างนั้นหรือ สงสารกันหน่อยเถอะพี่ลัน คนระบมน่ะมันผมนะ
พี่ลันจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ
ก่อนจะพรมจูบที่ใบหน้าและเลื่อนลงมาที่คอ
ผมสะดุ้งเมื่อคอถูกขบเม้มและดูดอย่างแรงจนแสบสะท้าน
สันจมูกโด่งซุกไซ้และสูดดมกลิ่นกายเข้าปอดก่อนมือเย็นๆ
ที่สอดเข้ามาในเสื้อช็อปตัวเดิมที่ผมใส่ตั้งแต่เมื่อวาน
แต่ขณะที่ผมกำลังปล่อยตัวปล่อยใจไม่สนใจความเจ็บระบมของร่างกายเสียงกริ่งก็ดังขึ้น ตอนแรกพี่ลันแกไม่สนใจยังดำเนินงานต่อแต่ผมสนใจจึงรีบตีอกพี่แกเพื่อเตือนให้แกไปดูว่าใครมาหา
“โคตรแม่ง!”
ไอ้พี่ลันลุกออกจากตัวผมก่อนจะสบถอย่างเจ็บใจ
แกดึงผมให้ลุกขึ้นนั่งและจัดเสื้อให้ดีๆ ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตู
เกือบแล้ว...เกือบเสียเอกราชอีกครั้งแล้วกู ทั้งๆ
ที่โล่งอกแต่ตอนนี้หัวใจผมกลับเต้นระรัวเร็วอย่างตื่นเต้น แต่การที่ถูกขัดแบบนี้อารมณ์ผมที่กำลังพุ่งปรี๊ดๆ
ก็ลดพรวดๆ ลงเหมือนกันซึ่งไอ้พี่ลันก็คงไม่ต่างเพราะพี่แกลุกไปหาผู้มาเยือนโดยไม่ต้องจัดการกับสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นชาย
“สุดที่รักมาอยู่นี่ได้ไง!?!” เสียงทักอันคุ้นเคยดังขึ้นทำให้ผมสะดุ้ง รู้สึกอายๆ
อย่างไรก็ไม่รู้ที่พี่เสือกับพี่ขลุ่ยมาจังหวะที่ผมกับไอ้พี่ลันเกือบจะได้กันอยู่รอมร่อ
อ่า...ถ้าพวกพี่แกรู้ว่าผมกับไอ้พี่ลันมีความสัมพันธ์แปลกๆ
กันล่ะก็จะเกิดอะไรขึ้นนะ
“เมื่อคืนมันเมาน่ะก็เลยพามาอยู่ที่นี่”
ไอ้พี่ลันตอบแทน
“แล้วทำไมไม่ไปส่งที่หอวะ”
ไอ้พี่เสือถามอย่างไม่เข้าใจ
“กูก็เมา!”
ไอ้พี่ลันตอบก่อนจะตบหัวไอ้พี่เสือเบาๆ “แล้วพวกมึงมีอะไรถึงมาหากู?”
ไอ้พี่ลันถามก่อนจะเดินอ้อมโซฟามานั่งข้างผมเดิม
ตอนนี้ไม่มีใครสนใจหนังผีที่อยู่ตรงหน้าเลยครับ เหอๆ
“กูเช่าหนังมาใหม่ก็เลยว่าจะเอามาดูกับมึง”
ไอ้พี่ขลุ่ยยักคิ้วก่อนจะยกกล่องบรรจุแผ่น DVD ขึ้นให้ดู
“แต่คงไม่จำเป็นแล้วมั้ง
คิกๆ” ไอ้พี่เสือหรี่ตามองผมก่อนจะอมยิ้มนิดๆ อย่างมีเลศนัย
“โห!
หนังน่าดูเนอะ
เปลี่ยนแผ่นเลยละกันเรื่องนี้น่าเบื่อแล้ว”
ผมหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะรีบคลานไปกดแผ่นหนังออกและยัดแผ่นใหม่ที่แย่งจากมือไอ้พี่ขลุ่ยใส่แทน
“แล้วนี่ทำไมมึงไม่ไปส่งน้องมันวะ”
ไอ้พี่เสือถาม
พี่เสือครับ...มึงถามไอ้พี่ลันก็มองหน้ามันสิครับ มองหน้ากูทำไมวะครับ?
“ก็ดูหนังอยู่ไม่เห็นหรือไง ฮู้ว! มึงนี่เซ้าซี้ว่ะ”
ไอ้พี่ลันขมวดคิ้วก่อนจะยกเท้าขึ้นยันไอ้พี่เสือที่ยืนอยู่ข้างโซฟาจนพี่เสือเซถลา
“ครับๆ ไม่แซวก็ได้
ฮ่าๆ” ไอ้พี่เสือหัวเราะร่าก่อนจะกระโดดมานั่งโซฟาตัวเล็กเพื่อดูหนัง ส่วนผมกับไอ้พี่ลันนั่งโซฟาตัวยาว
“เอ้อ ลัน วันก่อนที่กูมาค้างกับมึงอ่ะกูลืมสายชาร์จไอแพดไว้เดี๋ยวกูเข้าไปเอาก่อนนะ”
ไอ้พี่ขลุ่ยบอกก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนของไอ้พี่ลัน
“เฮ้ยเชี่ยขลุ่ย!
เดี๋ยวกูไปเอาให้เอง” ไอ้พี่ลันทำหน้าตื่นๆ
ก่อนจะกระโดดข้ามโซฟาไปขวางพี่ขลุ่ยที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน พี่แกจะตกใจทำไมวะ
ไม่ได้ซุกหญิงไว้ซักหน่อยทำไมจะให้เพื่อนเข้าไปไม่ได้
เอ๊ะ!
เดี๋ยวนะ...อึก!!...ไม่ได้ซุกผู้หญิงแต่ว่า...
ไอ้สภาพห้องนอนของพี่ลันตอนนี้ถึงเป็นเด็ก
ป.4 ก็คงรู้ว่ามันผ่านสมรภูมิอะไรมา
ซวยล่ะครับ!
ไอ้คราบนั่นคราบนี่ที่ฝังอยู่บนผ้าปูที่นอนนั่นยังไม่ได้เคลียร์เลยนี่หว่า!! พระเจ้าๆๆ
ขออย่าให้ไอ้พี่ขลุ่ยเข้าไปในห้องได้เลย สาธุ
“อะไรของมึงวะ กูเข้าไปเอาเองก็ได้นี่หว่า”
พี่ขลุ่ยขมวดคิ้วงงๆ พลางจะเปิดประตูเข้าไปแต่ไอ้พี่ลันก็เอาตัวเข้าไปแทรกกลางระหว่างพี่ขลุ่ยกับประตูไว้เสียก่อน
“ห้องกูรกโคตร มึงคงหาไม่เจอหรอก”
ไอ้พี่ลันแก้ตัว
“ห้องรกแล้วจะอายอะไรวะ
กูเคยเห็นสภาพห้องมึงมาทุกรูปแบบแล้วยังจะมีอะไรอีก”
ไอ้พี่ขลุ่ยงงหนักกว่าเดิมกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของไอ้พี่ลัน
“เออน่า!
เดี๋ยวกูไปเอาให้เอง” ไอ้พี่ลันพูดก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไปและจากนั้นก็ปิดลง
“ยิ่งเป็นแบบนี้กูยิ่งอยากรู้ว่าข้างในมันมีอะไร”
ไอ้พี่ขลุ่ยพูดกับประตูก่อนจะเปิดแต่กลับเปิดไม่ได้เพราะไอ้พี่ลันมันล็อกเอาไว้ รอบคอบมากพี่
ผมที่หันไปดูเหตุการณ์เมื่อครู่หันกลับมาสนใจจอทีวีก่อนจะพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ไอ้พี่ลันออกมาอีกทีก็ตอนได้สายชาร์ตสีขาวๆ
ออกมาจากห้อง
พี่แกรุนหลังไอ้พี่ขลุ่ยให้มานั่งที่โซฟาก่อนจะทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรท่ามกลางสายตางงงวยของเพื่อนทั้งสอง
เนียนไว้นะพี่เนียนไว้ไม่อย่างนั้นความลับเราแตกแน่
“ลัน...นี่มันสายชาร์จไอโฟนของมึงไม่ใช่ของกู”
ไอ้พี่ขลุ่ยยกสายชาร์จที่เพิ่งได้รับจากไอ้พี่ลันให้ดู
“มึงรู้ได้ไงวะ มันเหมือนกันนี่?”
ไอ้พี่ลันหันไปมองไอ้พี่ขลุ่ยงงๆ
“น้องกูมันเขียนชื่อกูติดไว้ที่อแดปเตอร์เพราะมันไม่อยากให้สลับกัน”
ไอ้พี่ขลุ่ยพูด น้องพี่นี่เด็กจริงๆ มีเขียนชื่อไว้ด้วย
“เออๆ
เดี๋ยวกูไปเอาให้ใหม่”
ไอ้พี่ลันลุกยืนขึ้นก่อนจะออกเดินไปที่ห้องของตนแต่ทว่าไอ้พี่ขลุ่ยกลับคว้าข้อมือของไอ้พี่ลันเอาไว้
“ห้องมึงมีอะไรกันแน่?
ทำไมถึงไม่อยากให้กูเข้าไปขนาดนั้น” พี่ขลุ่ยขมวดคิ้วเป็นปมอย่างสงสัย
“กูซุกผู้หญิงเอาไว้ว่ะ”
อิพี่ลัน...มึงโกหกได้ไม่เนียนเลย
หน้าตาก็ดูฉลาดอยู่หรอกแต่ทำไมกับไอ้เรื่องแบบนี้ถึงโง่จังวะ ไอ้หน้านิ่งๆ
ไม่รู้สึกรู้สาอะไรตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ หายไปไหน หรือเพราะว่าสนิทกับพวกพี่ๆ
ก็เลยกลัวว่าถึงโกหกไปก็ถูกจับได้อยู่ดี
แต่โกหกแบบนี้มันไม่เนียนเฟ้ย!!
“มึงพูดแบบนี้ใครเขาจะโง่เชื่อมึงไอ้ห่า”
พี่ขลุ่ยถอนหายใจก่อนจะยืนขึ้นและปล่อยมือของไอ้พี่ลัน “ไท...จับไอ้ลันไว้!
กูจะเข้าไปดูหน้าผู้หญิงที่มันซุกไว้
อยากรู้จริงๆ ว่าสวยแค่ไหนถึงไม่อยากให้เราเห็น”
ไอ้พี่ขลุ่ยผลักไอ้พี่ลันไปใส่ไอ้พี่เสือก่อนจะรีบวิ่งไปที่ประตูห้องนอน
“เชี่ยขลุ่ย!! มึงก็รู้ว่าเชี่ยลันแม่งแรงควาย
กูจะจับไหวเหรอ?” ไอ้พี่เสือทำหน้าตื่นๆ
แต่ก็ยอมกระโดดตะครุบตัวไอ้พี่ลันเอาไว้
ไอ้พี่ลันเองก็ดิ้นเต็มเหนี่ยวจนไอ้พี่เสือหน้าซีดเลยล่ะครับ ส่วนผมทำอะไรอยู่น่ะหรือ?
กำลังสวดมนต์ภาวนาให้กลอนประตูห้องนอนไอ้พี่ลันมันล็อกอยู่ครับ(มันจะล็อกให้มึงไหมครับ)
ผ่าง!! กว่าไอ้พี่ลันจะดิ้นหลุดจากอ้อมแขนของไอ้พี่เสือไอ้พี่ขลุ่ยก็เปิดประตูเข้าไปแล้วครับ
ผมหลับตาปี๋ภาวนาอย่างแรงกล้าให้ภายในห้องมันไม่มีอะไรแปลกๆ
“ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า แล้วมึงจะปิดบังหาห่าอะไรวะ” ไอ้พี่ขลุ่ยโผล่ออกมาจากห้องนอนไอ้พี่ลันก่อนจะพูดอย่างงงๆ
เมื่อได้ยินว่าไม่มีอะไรผมกับไอ้พี่เสือก็รีบวิ่งไปดู
มันจะไม่มีอะไรได้อย่างไรในเมื่อไอ้พี่ลันยังไม่ได้เก็บห้องเลยนี่
เอ่อ...สงสัยตอนเข้าไปเอาสายชาร์จเมื่อกี้พี่ลันแกคงจะดึงผ้าห่มสีขาวๆ
ครีมๆ คลุมเตียงเพื่อปกปิดร่องรอยอะไรบางอย่างเอาไว้ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ไอ้พี่ลันหันมาขยิบตาให้ผมนิดหน่อย(หล่อว่ะ!!)
แล้วเมื่อกี้มึงจะทำท่าลุกลี้ลุกลนทำไมครับพี่ หรือมึงสนุกที่เห็นคนอื่นเขาลนลาน
“กูกวนไง”
ไอ้พี่ลันยักไหล่ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเหมือนเดิม เสียงจิ๊จ๊ะอย่างเจ็บใจของไอ้พี่ขลุ่ยกับไอ้พี่เสือดังขึ้นเมื่อแกล้งอะไรไอ้พี่ลันไม่ได้
อันที่จริงผมก็อยากจะเห็นไอ้พี่ลันถูกแกล้งเหมือนกันนะแต่มันต้องไม่ใช่เรื่องที่ผมมีส่วนต้องอายด้วย
พวกเรานั่งดูหนังกันไปเรื่อยๆ
พอหิวก็สั่งอาหารข้างล่างมากินโดยมีไอ้พี่ลันเป็นคนจ่าย
ผมเพิ่งรู้นี่เองครับว่าชีวิตของพี่ปกครองที่คนอื่นเขากลัวนักกลัวหนาจะเรื่อยเปื่อยแถมไร้สาระขนาดนี้
อยู่ที่มหาวิทยาลัยพวกพี่โหดก็จริงแต่พอมาอยู่แบบนี้พวกพี่เขาน่ารักมากครับ ดูแลผมตลอด
คอยถามว่าเอานั่นเอานี่ไหมอยู่ตลอดจนผมเกรงใจ ถึงแม้ไอ้พี่ลันมันจะยังทำหน้านิ่งเป็นรูปปั้นอยู่ก็เถอะ
“เฮดล็อก!
ฮ่าๆๆๆ”
ไอ้พี่เสือตะโกนก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจเมื่อจับผมทำท่าเฮดล็อกโดยเลียนแบบมาจากการ์ตูนมวยปล้ำที่กำลังดูอยู่ตอนนี้ มึงจะบ้าการ์ตูนก็บ้าไปครับพี่แต่ขอร้องอย่าเอากูไปเป็นกระสอบทราย มันเจ็บ!
“ไอ้ไท เบาหน่อยๆ
น้องมันจะอ้วกแล้วนั่น” ไอ้พี่ขลุ่ยเตือนขณะที่ไอ้พี่เสือกำลังดัดหลังผมอยู่ มันจุกอ่ะ
แถมยังเจ็บแปลบๆ ที่สะโพกอีกด้วยแต่ผมพูดไม่ได้เพราะกลัวจะถูกสงสัยเอา
“โอ้!
โทษทีนะสุดที่รัก พี่ลืมตัว แฮะๆ” ไอ้พี่เสือยิ้มแหยๆ
ก่อนจะปล่อยผมออกให้เป็นอิสระ มึงลืมตัวได้รุนแรงดีเนอะ กูระบมหมดแล้วเนี่ย
“นี่มันก็เย็นแล้ว กูว่าพวกมึงกลับไปได้แล้วเดี๋ยวกูจะไปส่งไอ้เด็กนี่ด้วย”
ไอ้พี่ลันพูดก่อนจะลุกขึ้นไปค้นหาอะไรซักอย่าง
“เออ”
ไอ้พี่ขลุ่ยลุกขึ้นเก็บพวกเศษขนมไปทิ้งถังขยะ
“เชี่ยลัน...อย่าให้รู้นะมึงว่าพวกมึงมีอะไรปิดบังกูอยู่”
ไอ้พี่เสือกระชากไหล่ไอ้พี่ลันเข้าใกล้ตัวก่อนจะกระซิบขู่ พอดีว่าผมยืนอยู่ใกล้ก็เลยแอบได้ยิน
“อะไรของมึง?”
ไอ้พี่ลันขมวดคิ้วอย่างรำคาญเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธ
“เปล๊า”
ไอ้พี่เสือถอยห่างนิดหน่อยก่อนจะยักไหล่อย่างมีเลศนัย ไอ้พี่พวกนี้ชอบทำตัวมีเลศนัยไม่น่าไว้ใจจริงๆ
หลังจากนั้นไอ้พี่เสือกับพี่ขลุ่ยก็แยกตัวออกไปขึ้นรถของพี่ขลุ่ยส่วนผมไอ้พี่ลันก็อาสาจะไปส่งด้วยรถบุโรทั่งคันเดิม ผมเริ่มชินกับการนั่งรถคันนี้และชินกับการขับแบบตีนผีไม่สนใจสังขารรถของพี่ลันแล้วล่ะครับ เริ่มไม่เมารถแล้วด้วย ผมรู้สึกดีแปลกๆ เวลามีคนมองรถเก่าๆ
แลจะพังของพี่ลัน ผมคิดว่ามันดูเก๋ดีออกที่คนหล่อระดับเทพอย่างพี่ลันขับรถคันนี้ได้แบบไม่ต้องอาย
ในเมื่อเจ้าของรถเขาเฉิดฉายได้ผมเองก็ไม่รู้จะอายไปทำไมที่ได้นั่งรถคันนี้
พี่ลันเลี้ยวรถเข้าไปที่คลินิกแห่งหนึ่งก่อนจะบอกให้ผมรอที่รถและแกก็เดินเข้าไปในคลินิกโดยที่ผมยังงงๆ
พี่ลันแกไม่สบายอีกหรือเปล่านะเพราะเสียงแกตอนนี้ก็แหบสนิทเหมือนเคย น่าแปลกนะครับที่เสียงแกแหบไม่น่าฟังแบบนั้นแต่ผมก็ยังคิดว่าเสียงแกเพราะ ถ้าร้องเพลงล่ะก็คงจะฟังดูดีไม่น้อย เอ...นี่ผมเป็นอะไรไปนี่?
ชมแต่ไอ้พี่ลันอยู่ได้ แปลกแล้วกู
“เอ้านี่!”
ไอ้พี่ลันเดินออกมาจากคลินิกก่อนจะโยนถุงใส่กระสอบ(?)ยามาให้ผม
ผมมองมันที่นอนแน่นิ่งอยู่บนตักของตัวเองอย่างงงๆ
“อะไรครับ?” ผมถาม
“ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวด กินตามที่เขียนติดไว้ที่ซองนั่นแหละ”
พี่ลันบอกก่อนจะออกรถ
นี่แกไปซื้อยาแก้อักเสบให้ผมงั้นหรอกหรือ
แหม...ดีจังเลยนะ
“อ่า...ขอบคุณครับ”
ผมพยักหน้านิดๆ ก่อนจะซุกถุงยาใส่กระเป๋ากางเกงและเบนสายตามองออกไปนอกรถ ที่จริงพี่ลันแกเป็นคนที่เอาใจใส่ดีนะ แกคงจะรู้ว่าผมยังเจ็บไม่หายก็เลยไปซื้อยามาให้ เห็นพี่ลันดุๆ
แถมไม่ชอบช่วยเหลือใครแบบนี้ใครจะไปรู้ล่ะว่าที่จริงก็ช่วยแต่แกแค่แสดงความรู้สึกไม่เก่ง นี่ล่ะนะพี่ปกครอง ในใจก็เป็นห่วงแต่การกระทำที่แสดงออกมากลับตรงกันข้าม คนอื่นๆ
จึงไม่ชอบพี่ปกครองก็เพราะคิดว่าเป็นคนนิสัยไม่ดี
“เอ๊ะ?
ทำไมมาที่นี่ล่ะครับ”
ผมถามอย่างสงสัยเมื่อไอ้พี่ลันขับรถเข้ามาจอดที่ที่ถูกจัดไว้ให้เป็นที่จอดรถสำหรับคนที่มาเที่ยวถนนคนเดิน
“หิว”
พี่แกตอบสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตูรถลงไปผมจึงต้องลงตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ทำไมไม่ไปส่งผมก่อนล่ะ?”
ผมถาม
“ไม่หิวเหรอ?”
“ก็...หิวครับ
แฮะๆ” ผมยิ้มแหยๆ ก่อนจะตอบ
ตอนนี้เป็นเวลาเย็นๆ
แต่ยังมีแดดออกคนก็เลยยังมาไม่เยอะสักเท่าไหร่ถนนจึงโล่งถนัดตา
ไอ้พี่ลันเดินนำผมไปที่โซนของกินก่อนจะซื้อของติดไม้ติดมือมาเยอะแยะไปหมด
แต่ของเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นของที่แกอยากกินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ไข่นกกระทาทอด ขนนปังชุบไข่ทอด ไก่ย่างหาดใหญ่ ทาโกะยากิ
สังขยาหน้าไข่
ข้าวเหนียวมะม่วง ลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกย่าง
แกจัดเต็มทุกอย่างเลยครับ
“พี่ลันๆ
ขอซื้อไอ้นี่ก่อนได้ไหม?”
ผมกระตุกชายเสื้อพี่ลันเอาไว้เมื่อเหลือบไปเห็นไอติมโบราณเข้า นานมากแล้วที่ผมไม่ได้กินไอติมเสียบไม้รสผลไม้ต่างๆ
แบบนี้
“หืม? อือ”
พี่ลันชะงักก่อนจะเดินกลับมายืนข้างๆ ผม
“เอารสอะไรดีคะ?”
คนขายคนสวยถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“รถเบนซ์ได้ไหมครับ?”
ผมยิ้มกวนๆ เล่นเอาคนขายหน้าเหวอไปพักหนึ่งก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“ผมล้อเล่นครับ ผมเอารสมะนาวครับแล้วพี่ลันล่ะ?”
ผมตอบก่อนจะหันไปถามพี่ลัน
“เอาสีเหลืองๆ”
พี่ลันชี้ไปที่ไอ้ติมรสทุเรียนก่อนที่คนขายจะตัดไอติมเป็นท่อนตามราคาที่เราสั่งและเสียบไม้ให้
“กินยังไงเนี่ย?”
พี่ลันมองไอติมในมืองงๆ ก่อนจะถามขึ้น
มิน่าล่ะ เห็นจ้องมานานแล้วทำไมถึงไม่ยอมลอกกระดาษออกเสียทีที่แท้ก็ไม่รู้วิธีกินนี่เอง
“ลอกกระดาษออกก่อนแล้วค่อยกินครับ รีบกินนะเดี๋ยวละลายหมดก่อน”
ผมบอกไอ้พี่ลันจึงยกมือที่เต็มไปด้วยถุงพะรุงพะรังมาแกะกระดาษออกอย่างทุลักทุเล เห็นแบบนั้นผมก็รำคาญตาจึงปัดมือพี่แกออกและแกะให้
“ขอบใจ”
พี่ลันมองผมนิดๆ ก่อนจะอ้าปากงับไอติมในมือ “อื้อ!!
นี่มันรสทุเรียนนี่หว่า ชิ เปลี่ยนกันไหม?”
ไอ้พี่ลันเบ้หน้าก่อนจะหันมาหาผม
นี่พี่ลันไม่ชอบทุเรียนหรอกหรือนี่(แล้วมึงจะสั่งมาทำไมวะครับ) ออกจะอร่อย
“บ้าเหรอพี่ ผมกินไปแล้วนะ” ผมรีบแย้ง บ้าหรือเปล่านะนายคนนี้ จะให้เปลี่ยนไอติมกันกินเนี่ยนะ ไม่รังเกียจกันหรือไง
“ช่างมัน!”
พี่ลันขมวดคิ้วนิดๆ
ก่อนจะแย่งไอติมรสมะนาวของผมไปจากนั้นก็ยัดไอติมรสทุเรียนใส่มือผม
ผมมองพี่ลันที่กำลังงับไอติมที่ผมเพิ่งกินไปอย่างอึ้งๆ ...น้ำลายกูทั้งนั้น
ผมรีบก้มหน้าลงเมื่อรู้สึกร้อนผ่าวๆ
ที่หน้าขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ปากก็ค่อยๆ
เปิดออกรับไอติมที่พี่ลันเพิ่งกินไปนิดหน่อย
ตัวผมน่ะไม่ได้รังเกียจที่ต้องกินไอติมต่อจากพี่ลันเลย...เพราะอะไรกันนะ?
“นี่นาย...เด็กจริงๆ”
พี่ลันที่กินไอติมหมดแล้วเอื้อมมือมาจับคางผมให้หันไปหาแกก่อนจะขมวดคิ้วและว่าผม อะไรของนายคนนี้กันวะ!?! อยู่ดีๆ ก็มาว่าผมเด็ก
นิ้วโป้งของพี่ลันจรดลงมาที่มุมปากผมก่อนจะปาดเบาๆ
เพื่อเอาคราบไอติมที่เปื้อนออก
แค่นั้นก็ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมาได้อย่างกะทันหันแต่สิ่งที่ทำให้ผมแทบลมจับก็คือไอ้พี่ลันมันเลียนิ้วโป้งที่เพิ่งปาดมุมปากผมไปเมื่อกี้ โอยๆ ทำไงดีกู
หน้าร้อนเหมือนจะเป็นไข้เลยว่ะ
“แหวะ!
ลืมไปว่ามันเป็นรสทุเรียน” ไอ้พี่ลันเบ้หน้าทันทีที่รู้ตัวว่ากินของที่ไม่ชอบลงไป
นี่มึงแหวะเพราะมันเป็นรสทุเรียนหรือแหวะที่มันมาจากปากกูวะ ชักจะเคือง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไรเตอร์ขอโทษนะที่มาช้าและมาน้อย พอดีว่าไรเตอร์ไม่มีเวลาเลยอ่า
วันที่3 4 5 นี้ไรเตอร์สอบยาวเลยอ่ะ ถ้ามาช้าอย่าโกรธเค้านะตัวเอง แต่ถ้าหลังการสอบไรเตอร์จะจัดหนักๆ ให้นะ
โอเคเนอะ รักรีดเดอร์จ้า
ปล.เห็นคำผิดตะโกนดังๆ นะ เค้าอยากแก้อ่ะ! ฮ่าๆ
ปล. ของ ปล. คือว่า...ชื่อสุดที่รักของน้องไอเนี่ยไรเตอร์ได้แรงบันดาลใจมาจากคนคนหนึ่งซึ่งเขาเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี ขาวๆ ตี๋ๆ สูงด้วย (แต่แอบเคะเบาๆ) เขามีชื่อว่าสุดที่รัก และน้องของเขาเองก็มีชื่อว่ารักที่สุด ไรเตอร์ชอบชื่อเขามากก็เลยเอามาตั้งซะเลย น่ารักเนาะ
ความคิดเห็น