คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบทแห่งตำนาน : บทแห่งการเริ่มต้น
~เคยมีคนบอกไว้ว่าตอนเริ่มต้นทุกสิ่งนั้น ล้วนว่างเปล่า....
จริงหรือ....หรือนั่นเป็นเพียงการโกหกคำโตของผู้นั้นกันแน่?~
ROMANCE: โรมานซ์
[~๐ ตำนานเทพฯฉบับประยุกต์ ๐~]
ปฐมบทแห่งตำนาน
: บทแห่งการเริ่มต้น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วเนิ่นนานจนไม่รู้คืนรู้วันในสมัยที่.....พฤกษายังไม่งอกเงย.....สายธารวารียังไม่ไหลหลั่ง.....พื้นปฐพียังเป็นแค่เพียงห้วงอากาศ อันเวิ้งว้างที่ไร้ซึ่งสรรพสิ่ง ไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงแต่ความมืดมิดที่มิอาจเปลี่ยนแปลง.....นอกเสียจาก.....ก้อนกลมๆทั้งสองที่ใหญ่โตที่ไร้ชีวิต ก้อนหนึ่งสีแดงปนเหลืองออกสีส้มแผ่ความร้อนไปรอบข้าง และแผดเผาตัวมันเองด้วย นั้นคือดวงตะวัน อีกก้อนหนึ่งทอแสงเป็นสีฟ้าอ่อนแทบจะเป็นสีขาว คือ....จันทรา สิ่งแผ่ออกมาจากดวงจันทร์นั้นกลับเป็นความเย็นยะเยือก ทั้งสองสิ่งนั้นอยู่คู่กันในห้วงอากาศอันไร้ขอบเขตนี้เรื่อยมา.....จนกระทั่ง กาลที่แปรผัน เวลาที่หมุนเวียน ทำให้บางสิ่งเปลี่ยนไปไม่อาจหวนคืน จากสิ่งที่ไร้ชีวิต ได้ให้กำเนิดชีวิต มีรูปร่าง มีจิตวิญญาณ จุดเริ่มต้นแห่งทั้งมวลได้เริ่มขึ้นจากพวกเขา หรือ มหาเทพทั้งสาม ตนหนึ่งคือ เทพผู้สร้างเขาเกิดจากดวงตะวันที่ร้อนระอุ ดวงตะวันที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ไม่มีวันดับแผ่ความร้อนที่แผดเผาได้ทุกสรรพสิ่งที่เข้าใกล้ ม้วนรวมตัวเข้ากับอากาศรอบข้าง จนก่อเกิดเป็นรูปร่าง ชายผมสีแดงเพลิง กับดวงตาที่แดงฉานราวกับโลหิต เหมือนกับว่าถอดแบบออกมาจากสิ่งที่ให้กำเนิดตน อีกตนหนึ่งคือเทพผู้ทำลายในเมื่อเทพผู้สร้างเกิดจากดวงตะวัน เทพผู้ทำลายเขาก็เกิดจากดวงจันทร์ที่เป็นสิ่งตรงข้ามกัน จันทราที่หนาวเย็นความเย็นยะเยือกดุจหอกดาบที่ทิ่มแทงเข้าตามร่างกาย จันทราที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งได้แผ่ความเย็นนั้นไปรอบด้านม้วนตัวเข้ากับอากาศโดยรอบจนก่อเกิดเป็นชายอีกคนหนึ่ง ผมของเขาสีฟ้าจางๆแทบจะเป็นสีขาว เช่นเดียวกันกับสีนัยน์ตา คนสุดท้ายเธอเป็นหญิง เกิดจากการหลอมรวมระหว่างความร้อน และความเย็นของทั้งสองสิ่ง รวมเข้ากับอากาศที่ไม่มีวันสิ้นสุด จนเกิดเป็นเธอเทพผู้ดูแล ทั้งสามอยู่กันอย่างสงบสุข หิวก็กัดกินก้อนน้ำแข็งบนดวงจันทร์จนอิ่ม ง่วงก็หลับล่องลอยเคว้งคว้างไปมาในห้วงอากาศ ห่มความอุ่นจากความร้อนของตะวันที่พัดพามาอย่างสบาย ทั้งสามอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา.....
จนกระทั่ง.....เทพทั้งสามเริ่มเกิดความเบื่อหน่ายที่จะอยู่อย่างนั้นต่อไป เทพผู้สร้างได้ขอให้เทพผู้ทำลายจัดการทำลายก้อนน้ำแข็งบนดวงจันทร์ทิ้งซะ เพื่อที่จะได้เอาก้อนดินที่อยู่เบื้องล่างนั้นขึ้นมา เทพผู้ทำลายจัดการทำตามที่เทพผู้สร้างขอ เทพผู้สร้างนำดินจากจันทรามาปั้น และนำไปหล่อหลอมที่ดวงตะวันจนกลายเป็นดินแดน เขาสร้าง....สร้าง.....และสร้าง ดินแดนที่เขาสร้างไม่อาจทำให้เขาพอใจได้เขาจึงโยนมันทิ้งให้เทพผู้ทำลายจัดการทำลายทิ้งเสียเป็นเศษเล็กเศษน้อยกระจัดกระจายอยู่กลางห้วงอากาศ และกลายเป็นดวงดาว ในที่สุดเทพผู้สร้างก็สามารถสร้างดินแดนในแบบที่เขาพอใจได้ ต่อมาเขาขอให้เทพผู้ดูแลรวบรวมนำก้อนน้ำแข็งที่กระจัดกระจายอยู่ในห้วงอากาศมาให้เขา เขานำมันหลอมละลายกลายเป็นน้ำบริสุทธิ์ แล้วนำมามอบให้กับเทพผู้ดูแล และขอให้เทพผู้ดูแลนำน้ำนั้น ไปเทลงบนดินแดนที่เขาสร้างพอใจ เธอเทน้ำลงบนดินแดนนั้น จากดินแดนที่แห้งแล้งมีแต่ดิน เริ่มมีน้ำมาแทนที่ดินบางส่วน แต่ก็ยังเหลือดินแดนบางส่วนที่ไม่จมน้ำ เทพผู้สร้างจึงได้ไปขอเส้นผมส่วนหนึ่งจากเทพทั้งสอง และเส้นผมของตัวเอง นำมาปั้นรวมกับดินจากดวงจันทร์ แล้วนำไปหลอมที่ดวงตะวัน เมื่อเสร็จเขานำมามอบให้ กับเทพผู้ดูแลอีกครั้งให้นำมาลงไปไว้บนดินแดนนั้นอีกครั้ง เทพผู้ดูแลทำตามที่ขอ ของที่ได้รับมาจากเทพผู้สร้างแบ่งได้เป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งเธอนำไปฝั่งไว้กับ ดินทั้งเหนือน้ำ และใต้น้ำ นั้นคือเหล่าพืชพันธุ์ พฤกษา ส่วนที่สองนำไปวางไว้เหนือดิน และปล่อยลงน้ำ นั้นคือเหล่าสัตว์น้อยใหญ่แห่งนภา...พงไพร... และวารี... ส่วนส่วนที่สามนั้น.....หามีใครรู้ไม่ว่านั้นคือสิ่งใด??? แต่.....ยังไม่เสร็จเพียงแค่นั้นการที่จะไม่ให้ดินแดนนั้นกลับไปเป็นดินแดนที่แห้งแล้งดั่งตอนกำเนิด และเพื่อให้มีเวลากลางวันสำหรับดำรงชีวิต กลางคืนสำหรับพักผ่อน เพื่อการณ์นั้นเหล่ามหาเทพได้มารวมกันแล้วเป่าลมหายใจแห่งสรรพสิ่งเข้าสู่ดินแดนแห่งใหม่นี้ และเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่าดินแห่งแห่งการเริ่มต้น หรืออีกชื่อหนึ่งคือ สวนเอ็ทเดรียด์
แต่....ในไม่นานหลังจากที่สร้างเสร็จมหาเทพทั้งสามที่ได้อยู่อย่างมีความสุขกันนั้น พวกเขากลับมีความคิดความคิดหนึ่งเกิดขึ้นซึ่งความคิดนั้นคล้ายกันทั้งสามตน ความคิดนั้นคือ......การสร้างผู้สืบทอด.....ผู้สืบทอดอำนาจ และหน้าที่ของมหาเทพแต่ละตน เริ่มจาก.....เทพผู้สร้างผู้มีพลังในการสร้างได้ใช้เส้นผมสีแดงเพลิงของตนถ่ายทอดพลังของตนลงไปจนก่อเกิดเป็นรูปร่างของผู้มีความฝัน ความคิด และการริเริ่มในการรังสรรค์ และการสร้างสรรค์ นั้นคือมนุษย์.....ต่อมา เทพผู้ดูแลผู้มีพลังในการดูแลปกป้องได้ใช้น้ำตาใสบริสุทธิ์ของตนถ่ายทอดพลังลงไป จนก่อเกิดเป็นรูปร่างของผู้มีคุณธรรม ผู้ปกป้อง ผู้รักษา นั้นคือเทวดา..... สุดท้าย.....เทพผู้ทำลายได้ใช้ลมหายใจของตนในการถ่ายทอดพลัง เกิดเป็นผู้ทำลาย ผู้ที่จะต้องทำลายทุกสิ่ง ในห้วงวัฏจักรเมื่อถึงกาลสิ้นสุด นั้นคือเดมอน ผู้สืบทอดของมหาเทพทั้งสามที่เกิดมานั้น ได้ให้สืบทอดทายาทต่อไปอีก ทำหน้าที่ของแต่ละตน และอยู่ร่วมกันกับมหาเทพทั้งสามอย่างมีความสุขในสวนเอ็ทเดรียด์
และแล้ว....วันแห่งโศกนาฏกรรมที่มิอาจลืมได้ก็มาเยือน เมื่อเหล่าเทวดาได้พบร่างอันไร้วิญญาณของเทวดาตนหนึ่ง มันทำให้พวกเขาสงสัยในการจากไปของเทวดาตนนั้น เพราะว่านั่นไม่ใช่การตายที่สิ้นอายุขัย เนื่องจากเหล่าเทวดา เดมอน และมนุษย์ในต่อนั้นล้วนมีพลังที่สืบทอดจากมหาเทพทั้งสามโดยตรงทำให้มีอายุขัยยืนยาว กว่าเหล่าสรรพสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น เหล่าเทวดาชั้นสูงจึงได้เรียกประชุม และเชิญมนุษย์ กับเดมอนมาเพื่อสอบถามด้วย เหล่ามนุษย์ที่ได้มาถึงที่ประชุมก่อนได้มีชายผู้หนึ่งในนั้นบอกว่า ตนนั้นเห็นเดมอนตนหนึ่งได้กระทำการฆาตกรรมสังหารเทวดาตนนั้น เหล่าเทวดายังไม่ปักใจเชื่อในคำพูดของมนุษย์ชายผู้นั้น จนกระทั่งเหล่าเดมอนทั้งหมดไม่ได้มาตามที่เชิญมา.....เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากการตายของเทวดาตนนั้นโดยเร็ว จึงทำให้เหล่าเทวดาชั้นสูงเกือบทั้งหมด ตัดสินไปว่า การที่เหล่าเดมอนไม่ได้มาตามคำเชิญเป็นการยอมรับว่ากระทำจริง พวกเขาได้ส่งสารไปให้กับเหล่าเดมอนว่าจงมอบตัวผู้กระทำผิดมา แต่กระนั้น....เหล่าเดมอนได้เพิกเฉยต่อสารนั้น มหาสงครามแห่งเอ็ทเดรียด์จึงได้บังเกิดเกิดขึ้น ฝ่ายหนึ่งเหล่าเทวดาผู้สูงส่ง กับมนุษย์ผู้เป็นพันธมิตร อีกฝ่ายหนึ่งคือเดมอนผู้ถูกกล่าวหา ไฟสงครามที่เกิดขึ้นได้แผ่ขยายไปทั่วดินแดน จนผลแพ้ชนะในท้ายสุดได้ออกมา.....เทวดาเป็นฝ่ายมีชัย.....เพราะเหตุนั้นทำให้เดมอนที่ปราชัยนั้นถูกขับไล่ออกจาก ดินแดนนี้ไป..... แต่.....ก่อนที่จะไปนั้น เหล่าเดมอนที่ได้เครียดแค้นเหล่ามนุษย์ที่กล่าวหาตนจนได้เกิดสงคราม และถูกขับไล่นั้น ได้ใช้คำสาปต้องห้ามที่ร้ายแรงแก่มนุษย์ " คำสาปแห่งเผ่าพันธุ์นิจนิรันดร์ " มนุษย์มิอาจมีอายุยืนยาวได้ดั่งเทวดา ชีวิตที่สั้นความตายที่กระชั้นชิด ไม่อาจมีพลังที่ทัดเทียมได้ดั่งเดมอน ไร้ซึ่งพลังแห่งมนตราต้องพึงแต่กำลังตนเองตลอดไป คำสาปนี้จะติดตัวมนุษย์ต่อไปรุ่นแล้วรุ่นเล่ามิอาจเสื่อมคลายหรือจะสลายหายไปได้ และแล้วคำสาปสัมฤทธิ์ผล เหล่าเดมอนทั้งหมดที่เหลือรอดจากสงครามได้หายจากเอ็ทเดรียด์ไป เหล่าเทวดาเริ่มสงสัยว่าตนนั้นกระทำถูกต้องหรือไม่ จึงได้เริ่มค้นหาความจริงอีกครั้ง และแล้วความจริงที่ค้นพบนั้นกลับเป็นความจริงที่ผิดคาด เหล่าเทวดาได้ส่งสารเชิญให้เหล่าเดมอน กลับมาอยู่ยังสวนเอ็ทเดรียด์อีกครั้ง เพื่อลบล้างคำครหา และความผิดพลาดของพวกตน แต่เหล่าเดมอนกลับปฏิเสธคำเชื้อเชิญนั้น เหล่าเทวดาได้เสียใจในการกระทำอันโง่เขลาของตนจึงได้ผลักไสมนุษย์ให้ออกไปจากดินแดนแห่งนี้ ด้วยสาเหตุที่ว่าทั้งหมดนั้นมาจากมนุษย์ เมื่อมนุษย์ไปจากเอ็ทเดรียด์หมดสิ้นแล้ว เหล่าเทวดาทั้งหมดจึงได้พากันจากดินแดนนี้ไปยังดินแดนอื่นที่ไกลออกไป..... สวนเอ็ทเดรียด์แห่งนี้ได้ร้างไร้ผู้อยู่อาศัยจากไฟสงคราม จึงได้ถูกปิดลงโดยมหาเทพทั้งสาม และจะไม่เปิดให้ใครเข้ามาอีก....จนกว่ากว่าจะถึงเวลานั้น...... สวนแห่งนั้นได้หายไป จนถึงบัดนี้เวลาที่ยาวนานหลายสิบ หลายร้อย หลายพันปี ยังไม่มีผู้ใดพบสวนนั้นอีกเลย...........
" เอาล่ะจ๊ะ!....ได้เวลาเข้านอนแล้วล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ~ " เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้น เธอนั่งอยู่บนเตียงข้างๆเด็กหญิงตัวน้อยที่นอนห่มผ้าฟังเธอเล่าอย่างตั้งใจ ภายในห้องที่อบอุ่นจากเตาพิงเล็กๆที่ตั้งอยู่ และแสงสว่างส่องสลัวๆจากตะเกียงที่ห้อยอยู่เพดาน " นอนได้แล้วละจ๊ะ " เธอพูดอย่างอ่อนโยน
เด็กน้อยทำหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย " แต่....แม่ค่ะ...หนูยังอยากฟังต่อนี่... "
" นอนได้แล้วล่ะจ๊ะ เด็กดีของแม่ " หญิงสาวก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของเด็กหญิงตัวน้อย " แล้วก็...สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ คืนพรุ่งนี้แม่จะเล่าให้หนูฟังอีกสัญญาจ๊ะ ราตรีสวัสดิ์นะจ้ะ " เธอลูบหัวลูกเธอเบาๆนิ้วเรียวยาวไล้ไปตามเส้นผม
" แปะ...แปะ...แปะ... " เสียงตบมือดังขึ้นเรียบๆมันเหมือนกันการเย้ยหยันเสียงนั้นมาดังมาจากทางประตู แสงสว่างจากนอกห้องส่องสว่างเข้ามา ทำให้เห็นเป็นเงารูปร่างสูงใหญ่ยืนบังแสงนั้นอยู่
ทั้งสองหันไปมองตามเสียงนั้น " โถ่~ คุณค่ะ อย่าทำให้ตกใจสิค่ะ เข้ามาเงียบๆแบบนี้ " หญิงสาวผู้เป็นแม่พูดกับเงาที่บังแสงหน้าประตูนั้น
" ขอโทษครับ ที่เข้ามาเงียบๆ และกระผมนั้นไม่ใช่สามีคุณนายซะด้วยสิ " เจ้าของเงานั้นตอบกลับมาพร้อมกับเดินย่างกรายเข้ามาในห้องอย่างสุขุม เงาที่เคยบดบังใบหน้าได้หายไปกลายใบหน้ายับย่นของชายวัยกลางคน " ขอโทษนะครับ เผอิญผมเดินผ่านมาแล้วได้ยิน นิทานของคุณนายเข้าคิดว่ามันน่าสนใจดีเลยหยุดฟัง.... " เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆที่แสนจะเย็นชา และเย่อหยิ่ง
" คุณเป็นใคร!?? แล้วเข้ามาในบ้านนี้ทำไม!? คุณคะ! คุณคะ!! อยู่ไหนค่ะ!!? ขึ้นมานี่ที มีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเราค่ะ!!! " ผู้เป็นแม่ให้ลูกสาวตนหลบอยู่ข้างหลัง แล้วร้องตะโกนเรียกหาสามีตนดังก้องบ้าน
" นิทานดี....แต่งได้ดีจริงๆเลยนะครับ แต่....มันเป็นเพียงแค่.....นิทานจอมปลอม ที่มนุษย์แต่งขึ้นมาเพื่อปลอบประโลมตัวเองในอดีตที่ซึ่งได้สูญเสียที่อยู่อันเป็นบ้านเกิดในสวนเอ็นเดรียด์ และการกระทำความผิดอย่างไม่น่าให้อภัยของตนด้วยเช่นกัน..... " ชายคนนั้นไม่ได้สนใจกับเสียงตะโกนของหญิงสาว แต่กลับพูดถึงเรื่องนิทานที่หญิงคนนั้นเล่าเมื่อครู่ " อ้อ!! ไม่ต้องร้องเรียกสามีคุณนายมานี่หรอกครับ เขาน่ะอยู่นี่แล้ว " เขาโยนศีรษะของชายผู้หนึ่งลงบนพื้นต่อหน้าเธอและลูกสาว เลือดสีแดงฉานจากศีรษะนั้นกระจัดกระจายไปบนพื้นไม้ หญิงสาวตกตะลึงต่อภาพเบื้องหน้านั้น
" ไม่! ไม่!! คุณ... คุณคะ!! ม่ายย~ย!!! " เธอรุดเข้าดูใบหน้าของศีรษะชายผู้นั้น เธอทรุดนั่งลงกับพื้นลูบคลำใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยโลหิต " ฮือๆ ฮือๆ คุณคะ~! โฮ~ " เสียงร้องไห้ที่โหยหวน น้ำตาอุ่นๆที่ไหลรินจากดวงตาอาบแก้มสองข้าง " แก!! แกเป็นใครกัน!? แกต้องการอะไรกันแน่!? " เธอเงยหน้าพูดกับชายคนนั้นทั้งๆที่น้ำตายังนองหน้า
" กระผมนั่นรึ!!?.....กระผมเป็นเพียงแค่..... " เขาแปลกใจเล็กน้อยกับคำถามที่ถามออกมา แต่ไม่ใช่แค่อาการแปลกใจเท่านั้นแต่ใบหน้าของเขา ร่างกายของเขาได้บิดเบี้ยวไปพร้อมกับอาการแปลกใจนั้น ใบหน้านั้น ร่างกายนั้นกำลังเปลี่ยนไป " กระผมนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่พวกคุณขนาน นามให้ว่า.....ปีศาจ!! ไงล่ะครับ... " ชายผู้นั้นกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาด มีเขาสัตว์งอกออกมาข้างขมับทั้งสองข้าง คดๆงอๆ และยาวอยู่บนหัว เสื้อผ้าฉีกขาดเผยให้เห็นร่างกายสีดำทมิฬที่มีลวดลายแปลกประหลาดสลักตามลำตัว นิ้วมือและนิ้วเท้าที่มีเล็บแหลมยาว มีปีกสีดำสนิทที่งอกออกมากลางหลัง มันลักษณะคล้ายกับปีกค้างคาว แต่ขนาดใหญ่กว่านั้นหลายเท่า แล้วยังมีรูแหว่งเหวอะหวะหลายจุด " และ....ถามว่ากระผมนั้นต้องการอะไรนะหรือครับ?.... " เขามองไปทางเตียงนอน บนเตียงนั้นเด็กน้อยที่นั่งกอดหมอน ห่มผ้าและสั่นงกๆไปทั้งตัวด้วยความกลัวต่อสิ่งที่ตนนั้นไม่รู้จัก
หญิงสาวหันมองไปตามสายปีศาจตนนั้น "แกจะทำอะไรลูกฉัน! อย่านะ!!" เธอรีบลุกจากพื้นขึ้นมากอดปกป้องลูกเธอทันที
ปีศาจนั้นแสยะยิ้มออกมานิดนึงก่อนพูดว่า " ก็แค่.....คืนนี้เป็นคืนจันทร์เพ็ญนะครับ..... " มันพูดแล้วเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างบานหลังสองแม่ลูก ท่ามกลางพายุหิมะโหมกระหน่ำที่มีความมืดมิดเป็นฉากหลังอยู่ภายนอกนั้น " อีกเดี๋ยวพายุก็จะสงบ.....เราแค่จะเอาเธอมาทำพิธีสังเวย โลหิตจันทรา ตามประเพณีเราเท่านั้นละครับ.... แต่......เมื่อเสร็จแล้วเราจะกินเธอไม่ให้แม้แต่กระดูกเลย.... " มันพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างน่าสะอิดสะเอียน
เมื่อได้ยินดังนั้นเธอรีบอุ้มลูกเธอขึ้นจากเตียงแล้วพยายามวิ่งหนีไปจากปีศาจตนนั้นทันที แต่ทว่า.....
" ซวบ!!! " เสียงเสียบแทงดังขึ้น หญิงสาวหยุดชะงัก เด็กน้อยหล่นตกลงบนพื้นที่นองไปด้วยโลหิตของบิดา เปื้อนไปเลือดทั้งตัว เธอรีบเงยมองมายังมารดาของตนทันที แขนสีดำใหญ่ๆทะลุผ่านร่างมารดาของเธอไปครึ่งแขนโลหิตไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย " หะ...หนีไป...อะ... " คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากปากแม่ของเธอก่อนที่จะหลับไปตลอดกาล.... " พวกเราไม่ต้องการผู้ใหญ่หรอกนะ เอาไปก็เกะกะเปล่าๆ....เอาละแม่หนูน้อยมาหาลุงทีสิจ๊ะ " ปีศาจเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงร่างผู้เป็นแม่ออกแล้วโยนลงไปบนเตียง
มันแสยะยิ้มเหมือนกับว่านึกการละเล่นที่สนุกของมันได้ขึ้นมา " เป็นอะไรไปจ๊ะ?! มานี่สิ " มันพูดขึ้นด้วยเสียงของแม่เด็กน้อย " มานี่สิจ๊ะ! " เด็กน้อยที่เปื้อนไปด้วยเลือดถอยกรูดไปชิดผนัง ด้วยความหวาดกลัวต่อใบหน้าที่บิดเบี้ยวที่พูดด้วยเสียงของแม่เธอ
" เข้ามาหาแม่สิจ๊ะ~ " มันเดินย่างเท้าเข้าไปใกล้เด็กน้อยเรื่อยๆพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงของหญิงสาวผู้เป็นแม่เด็ก " อย่ากลัวแม่เลย เข้ามาแม่สิจ๊ะ " เด็กน้อยนั่งกอดเข่าร้องไห้น้ำตานองหน้าด้วยความหวาดกลัว ต่อเสียงของแม่ตนที่ได้ยินจากปากสิ่งที่น่าขยะแขยง มันกำลังจะเงื้อมมือไปแตะเด็กน้อยผู้น่าสงสาร ทันใดนั้น....
" เพล้ง!!! เฟี้ยว~ว ฉึก!! "
เสียงกระจกบานหนึ่งแตก พร้อมกับเสียงเสียดของสายลมกับบางสิ่งที่พุ่งแหวกมันมา ตามด้วยเสียงที่ทิ่มแทงลงบน ร่างกายของเจ้าปีศาจตนนั้น ลูกศรปักคาอยู่บนท่อนแขนของเจ้านั่น มันหันไปมองทางทิศที่ลูกศรนั้นพุ่งมา แต่สิ่งที่มันทำกลับเป็นสิ่งที่ผิด เพราะลูกศรอีกจำนวนหนึ่งพุ่งทะยาน ฝ่าลมพายุหิมะ เข้ามาหายังร่างกายของมัน " ฉึก! ฉึก! ฉึก! " มันต้องทนรับลูกศรด้วยร่างกายอย่างไม่เต็มใจนัก มันส่งเสียงครามดังก้องด้วยความเจ็บปวด
ลมที่หนาวเย็นของพายุหิมะที่โหมกระหน่ำภายนอกได้เข้าสู่ห้องโดยผ่านหน้าต่างบานที่แตกเหนือหัวเตียง เสียงเศษกระจกร่วงหล่นจากขอบหน้าต่างกระทบกันดัง กริ๊ก กริ๊ก ผ้าม่านพัดปลิวไสว โครงหน้าต่างที่ไร้กระจก ได้แง้มเปิดปิดส่งเสียงดัง เอี๊ยด อ๊าด ตามแรงลมพายุที่พัดเข้ามา และ....บุคคลปริศนา?? ผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวยาว มันโบกสะบัดตามแรงลม มีฮู้ดคลุมศีรษะปิดบังใบหน้า บุคคลปริศนาผู้นั้นได้ลอยผ่านหน้าต่างเข้ามายังในห้องนอนนั้นแล้ว......
:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
~พายุพัดหวิว หิมะโปรยปราย บุคคลปริศนาผู้นี้คือใคร? เขาหรือเธอมาที่นี้ทำไม?? ท่ามกลางหิมะที่ทับถม แต้มหยาดโลหิตจนมันย้อมเป็นสีชมพู ระเรื่อมีเพียงคนตายเท่านั้นที่รู้กระมั้ง???~
ความคิดเห็น