คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ปฐมบทส่งท้าย : รัตติกาลสิ้นรับอรุณรุ่ง
ปฐมบทส่งท้าย
: รัตติกาลสิ้นรับอรุณรุ่ง
“ นี่นาย!.... เป็นพี่ชายภาษา’ไร ย๊า!.... ” เอรีสเป็นฝ่ายเริ่มก่อน “ ปล่อยให้น้องสาวตัวเองโดนจับตัวไปได้ น่ะ หา.....!! ”
“ ใช่ๆ..... มีเจ้านาย งี่เง่า แบบนี้..... ข้ารู้สึก.....จริงๆ ”
“ อ้าวๆ!?... ไอ้นกบ้านี่!... ไหงพูดเป็นหมางี้ฟ่ะ!! เดี๋ยะพ่อก็จับปิงกินซะนี่! ”
“ ทำไมจะพูดไม่ได้... เจ้านายงี่เง่า... เจ้านายงี่เง่า... จับได้ก็มาจับดิว้า ”
“ ช่ายยย... งี่เง่า... และเบื๊อกด้วย ” เอรีสเสริม
“ หา! ว่าหงายย น๊า.... ยัยเปี๊ยก!! ”
“ หนอย.... อย่า.... มา.... ว่า.... ฉัน.... เปี๊ยกนะ!!! ” เอรีสกระโจนเข้าหานาฟ
.....แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
“ ฮะ ฮะ ฮ่า จะทำ’ไร เรอะ ยัยเปี๊ยก!! ห่างกันตั้งเกือบๆฟุต อย่าริอาจๆ ♫ ” เขาใช้มือจับหัวเธอหยุดไว้ และก็ลูบไปมาตบเบาๆ “ แปะ แปะ ”
“ หน๊อยยย.... แน๊.... เปรี๊ย เปรี๊ย + + ”
“ จัดการเลย! ทาบาทอส!!.... ”
“ โอ๊ย!! ไอ้นกบ้านี่ใครเป็นเจ้านายแกกันแน่ ฟ่ระ หา!! ” นาฟตะโกนพร้อมกับใช้มืออีกข้างพยายามจับ
“ นี่!!!... พอกันได้แล้วทั้งสามคนเลย!?... ไม่สิสองคนกะหนึ่งตัวละมั้ง ? ” ออร่าที่ยืนอยู่เข้ามาห้ามปรามก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้!?
“ หา!!! ว่าไงนะ ยัยสีชาด!!! ” ทั้งสามพูดพร้อมกัน
“ อะ... อา... ไร... นะ ที่พูดเมื่อกี๊ ได้ยินไม่ถนัดพูดใหม่สิ ” ออร่าพูดทีละคำช้าอย่างคนใกล้หมดความอดทน
“ อย่ามายุ่ง!! ยัยสีชาด!!! ” ทั้งสามพูดพร้อมกันอีกแล้ว....
“ อ๋อ! หรอ!? งั้นก็.... ไปตายซะ! ไอ้พวกบ้า....!!! ” พูดจบคุณเธอก็ขว้างท่อนซุง ที่อยู่ใกล้ๆไปทางสามคน!?นั่น
“ เหวอๆ.... ” ทั้งสามหลบได้อย่างฉิวเฉียด
“ ยัยออร่าเล่นงี้ มาฉะ! กันเลยดีกว่า มา คัมมอนๆ!! ” นาฟท้า
“ ได้เสียสิ.... ไม่ต้องท้าเลย.... เจ้านายเบื๊อก ”
ออร่าพุ่งพุ่งเข้าชกที่ท้องนาฟอย่างรวดเร็ว นาฟหลบทันทำให้เธอเสียหลัก แต่.... เธอใช้มือยันพื้นก่อนที่จะล้มลงแล้วเหลือบ มองเห็นทาบาทอสที่บินอยู่ใกล้ เธอใช้มือถีบพื้นดันตัวเองขึ้นไปแล้วเท้าเตะสอยกะให้ร่วงในทีเดียว
“ เฮ้ย!.... อั่ก! ”
ทาบาทอสโดนสอยร่วงไปหนึ่ง เธอพลิกตัวกลางอากาศก่อนลงสู่พื้นในตำแหน่งเดียวกับที่เอรีสยืนอยู่ เอรีสใช้สองมือคว้าแขนเธอไว้
“ ฉันไม่ยอม โดนหรอก ย๊า!! ”
แล้วเหวี่ยงทุ่มเธอไปทางที่นาฟอยู่....
“ เว้ย!! เวรแล้ว อั่ก! โครม!! ”
........๐ และแล้วทั้งสี่หลังจากที่ทะเลาะกันด้วยคำพูดยังไม่ส่าแก่ใจ จึงเริ่มมีการลงไม้ลงมือกันขึ้น กะให้เจ็บปางตายกันไปข้างหนึ่งเลย.... จนในที่สุดมีมือที่ห้าเข้ามาแทรกห้ามทัพ....
“ นี่... นี่... ทั้งสี่คน!? พอเถอะค่ะ... ” หญิงในชุดคลุมสีม่วงพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันพูดจบก็....
“ ....โป๊ก!! ” โดนเศษกิ่งไม้ที่พวกนั้น? ใช้ฟาดกันกระเด็นมากระทบเข้าที่หัวอย่างจัง
“ ปิ๊ด..+ ปิ๊ด..+ ว้อยย!!... ไอ้พวกบ้าห้าร้อยนี่!!...จะตีกันไปถึงไหนว่ะ!!! เปรี๊ย+ เปรี๊ย+ ” เธอเปิดผ้าคลุมศีรษะออก ผมยาวสีน้ำตาลไหม้ กับแววตาสีมรกตที่แสดงถึงความเกรี้ยวโกรธที่หมดความอดทน
“ เย็นไว้จ๊ะ... เย็นไว้... แวนจ๋า ” วิสชายชุดคลุมสีน้ำเงินที่อยู่ข้างพยายามระงับอารมณ์หล่อน
“ เงียบไปเลยไอ้ จืดจาง!!! ”
“ หงะ แง้~ จะ....ใจร้าย ”
“ ฟังให้ดีนะไอ้พวกบ้า! ถ้ายังไม่หยุดอีก.... ปั๊ดเดี๋ยะแม่เชือดทิ้งทีละคนซะเลยนี่!!! ”
ทั้งสี่หยุดชะงักยืนตัวสั่นด้วยความหนาวหรือความกลัวกันแน่นะพร้อมกับคิดในใจพร้อมกันได้เลยว่า “หนูกลัวแย้ว ก่า~”
“ เข้าใจมั้ย!? เจ้านายเบื๊อก! ยัยเปี๊ยก! ยัยสีชาด! แล้วก็....ไอ้นกเผือก!.... ” เธอถลึงตาด้วยความโกรธ
“ก๊า!! ” ทั้งสี่รับคำอย่างเชื่อฟัง
.★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•
ห่างออกจากป่าเข้ามาในหมู่บ้านที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากตะเกียงของบ้านแต่ละหลังส่องแสง ท่ามกลาง ซากศพและทะเลเลือด เท้าสีดำสนิทเล็บยาวแหลมคมเหยียบย่ำอยู่บนทะเลเลือดนั่นมุ่งไปทาง กองศพมนุษย์ทั้งชายและหญิงจัดเป็นรูปแท่นพิธี ไม้กางเขนกลับหัว เสาเหล็ก โซ่คล้องเกี่ยวร่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง สีแดงแดงฉานไปทั่ว บนนั้นมีร่างๆหนึ่งในเงามืด ยืนดื่มกินเลือดในถ้วยสีเงินแวววาวอย่างบ้าคลั่ง หมดถ้วย มันก็รองใหม่จากร่างเด็กที่ถูกโซ่พันเกี่ยวร่างห้อยไว้กลางอากาศ และยังมีร่างอีกนับสิบที่แห้งเหือดห้อยอยู่ข้างๆกัน
“ อึก... อึก... กลับมาแล้วเรอะ ” ร่างในเงานั้นพูดขึ้นขณะกำลังดื่มเลือด
“ ขอรับ... เจ้านาย... ”
“ เป็นไง มั่งละ?... ” ร่างในเงาเลิกดื่มหันมาพูดจริงจังกับเจ้าปีศาจสีดำทมิฬ
“ ขอรับ... เราได้เหยื่อสังเวยกลับมาและก็... จับตัวประกันมาหนึ่ง.... ”
“ ไม่ใช่เรื่องนั้น อึก อึก ” เจ้าของร่างในเงาหันกลับไปดื่มต่อ “ เรื่องของ.... อึก.... ผู้ครอบครองกุญแจล่ะ เป็นไงบ้าง?! ”
“ ไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเรา เท่าใดนักหรอกครับ ” ปีศาจทมิฬตอบกลับ “ เท่าที่ดูคงเป็นพวก เมไจ ที่บังเอิญได้มาครอบครอง น่ะขอรับ ”
“ เมไจ?! งั้นรึ นี่เจ้าปะมือกับมันแล้วรึ?! ” ร่างเงานั้นหยุดชะงักกับการดื่มหลังจากที่ได้ยินเจ้าปิศาศทมิฬนั้นตอบกลับมา
“ ขอรับ.... ดูจากมนตราที่เจ้านั่นใช้คงใช่นะขอรับ มีอะไรรึขอรับ? ”
“ เมไจ อืมม.... แต่ไม่แน่ที่จะเป็นพวก มากิส ด้วย.... ”
“ มากิส?!! ”
“ จะเป็นเมไจรึมากิสก็ไม่คณามือพวกเราหรอก อึก.... ” เจ้าของร่างในเงาดื่มต่อ “ ถึงจะเก่งกาจสักเพียงใด มนุษย์ย่อมเป็นมนุษย์ อยู่วันยังค่ำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... ”
“ ........๐ ” ปีศาจทมิฬไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่นายของมันพูดยังคงครุ่นคิดถึงความหมายของคำๆนั้น
“ นี่!!.... เตรียมการได้แล้ว!! ” ร่างเงานั้นมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดครึ้ม “ พายุจะสงบแสงจันทร์จะส่องลงมาแล้วเร็วเข้า!! ”
“ ขอรับ.... ท่านเคาท์บลัดซีล ”
สิ้นคำตอบรับคำสั่งเจ้าปีศาจทมิฬจับร่างเด็กน้อยที่หลับอยู่มาคล้องข้อมือด้วยปลอกเหล็กห้อยระโยงระยาน อยู่กลางอากาศเหนือแท่นพิธีร่างมนุษย์สีแดงฉาน เบื้องหลังของเธอมีไม้กางเขนสีเลือดอันใหญ่ยาวราวสิบหกฟุต กว้างประมาณสามฟุต ห้อยกลับหัวไว้กลางอากาศ เมื่อมันจัดการกับเด็กน้อยเสร็จแล้วมันก็นำหญิงสาวที่จับมาด้วยไปมัดกับเชือกห้อยไว้กับต้นเสาเหล็กที่โค้งงอ ซึ่งเธอก็ยังคงหลับเหมือนกับเด็กคนนั้น และลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน ท่ามกลางพายุหิมะที่อ่อนตัวลง พวกเหล่าปีศาจพากันนิ่งเงียบไม่ยอมขยับ ต่างเฝ้ารอเวลาอย่างสงบ รอให้เวลาที่พวกมันรอคอยนั้นมาถึงโดยเร็ว.....
“ อยากให้เวลานั้นมาถึงเร็วๆจริง ว่างั้นมั้ย?! เดร็ก!.... ” ท่านเคาท์ออกมาจากเงาลงมาจากแท่นพิธีแต่ในมือยังคงถือถ้วยสีเงินที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่เหมือนเดิม และพูดกับเจ้าปีศาจทมิฬ “ และวันนี้ข้าก็จะได้ครอบครองกุญแจแห่งสวนเอ็นเดรีย!! ”
“ น่ายินดีขอรับ ท่านเจ้านาย ” เดร็กแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่เหมือนกับคำพูดที่ออกมา
“ แล้วที่นี้ เหล่าชั้นลอรด์ ยังต้องมาสนใจข้า!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... ” สิ้นคำหัวเราะมันก็ยกถ้วยดื่มเลือดจนหมดถ้วย
★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•
กลับมาที่ป่าข้างหมู่บ้านอีกครั้งหลังจากศึกฉะกันเองจบลงด้วยการที่เจ้าแม่ห้ามทัพปรากฏกาย ต่างฝ่ายต่างหงอกันไปเอง จึงทำให้สงครามการฉะจึงจบลงด้วยประการฉะนี้แล และตามาด้วย......
“ ฟู่ว~ เอ๊ะ! นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?! เหมือนมีอะไรหลุดๆไปแฮะ~ ” แวนหญิงสาวในชุดม่วงพูดขึ้นเหมือนรู้สึกขณะที่กำลังยืนจังก้าอยู่หน้าคนทั้งห้าที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ที่พื้น “ เหมือนมันโล่งๆยังไงไม่รุ?? ”
“ ??!! น๊อตหลุดไงล่ะเจ๊ ”
“ นี่วิส.... เอ่อแวนน่ะ ” นาฟกระซิบคุยกับวิสอยู่ข้างๆ “ เอ่อ... คุณเธอเป็น...ไม่สิ... มีนิสัยแบบนี้ด้วยเรอะ?! ”
“ เป็นแบบนี้มาตลอดเลยละครับ นายท่าน ” วิสกระซิบตอบกลับ
“ หรอ... งั้นนายก็คงแย่นะ ”
“ ครับ มากๆเลยด้วย ซิก ซิก ” วิสทำหน้าหนักใจ
“ นี่!? ตรงนั้นคุย’ไร กัน ”
“ อึ๋ย!!? ” ทั้งคู่สะดุ้งโหยงตกใจ “ เอ่อ ปล่ะ ป่าว...จ้า ”
“ เอ๋?!.... เอ๊ะ! ต๊าย ตาย! ทำไม? ทุกคนถึงลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นล่ะค๊ะ?! ”
“ ........๐ ฮึ่ย~ ยัยนี่มันน่า...นัก เปรี๊ยะ~ + + ”
“ .....อืมม งั้น!พวกเรารีบไปช่วยคุณหนูเซียกับเด็กน้อยคนนั้นกันเถอะค่ะ! ” แวนช่วยพยุงเอรีสขึ้นยืน
“ อยู่แล้วล่ะน่า อย่ามาแถเปลี่ยนเรื่องสิฟ่ระยัยนี่ ” นาฟลุกขึ้นมองไปรอบๆ “ แล้วเจ้า ยู หายหัวไปไหนละเนี่ย?! ”
“ ฮี้~ ” สิ้นคำพูดของนาฟเสียงร้องของม้าดังขึ้น ม้าสีขาวงามสง่าปรากฏในป่าข้างๆเดินกุบกับเข้ามาใกล้ๆ
“ เจ้าบ้าเอ๊ย! ขี้ขลาดจริงนะแก ” นาฟลูบขนหลังคอม้าเบาๆ “ เอาล่ะ!... ที่นี่เรารีบไปกันเถอะ!! ” เขากล่าวต่อ
“ นี่!!... จะช่วยตอบฉันก่อนได้มั้ย!? ” เอรีสถาม “ ที่ฉันถามไปเมื่อกี๊เนี่ย! แล้วพวกนายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?!! ”
“ ......๐ จะว่าไงดีล่ะ? อืมม.... ” นาฟอ้ำอึ้งก้มหน้าเหลือบไปเห็น..... “ จะว่าไปมันก็.... น่าจะเกี่ยวกับสิ่งนี้?!ด้วยละนะ ” เขาก้มลงหยิบหนังสือในกองซากรถม้าที่ถูกทำลาย หนังสือนิทานเปื้อนเลือด....
“ สรวงสวรรค์แห่งเทพ.... ประพันธ์โดย... ครีส...? ” เอรีสอ่านคำที่เขียนอยู่บนหน้าปก “ ....แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกันล่ะ?? ”
“ เธอไม่เคยฟังนิทานนี่เลยเรอะ?! ” นาฟถามและส่งนิทานเล่มนั้นให้เธอ “ น่าจะเคยได้ยินบ้างละน่า ตอนเด็กๆอะน่ะ ”
“ อืมม... เคยมั้ง แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?! ”
“ เทพ... เทวดา... และปีศาจ... ” นาฟอธิบาย “ เรื่องทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจาก... ไม่สิ เนื้อเรื่องในนิทานมันเกิดขึ้นจริง! และมันเพียงแต่งมาอยู่ในรูปแบบนิทานเท่านั้นเอง.... ”
“ ไม่จริงน่า.... จะให้ฉันเชื่อเรื่องบ้าๆพวกนี้หรอ?! ” เอรีสหัวเราะกับคำพูดของนาฟพลางพลิกหนังสืออ่าน
“ งั้นแล้วทำไม?! เธอถึงเชื่อเรื่องที่ทาบาทอสพูดได้ล่ะ? ” นาฟถามย้ำ “ ทำไม?.... ถึงเชื่อเรื่องเวทมนต์ล่ะ?!.... นั้นก็เพราะเธอได้เจอจริงกับสายตาของตน ฟังได้ยินกับหูของตนเอง เธอถึงได้เชื่ออย่างนั้น ที่เธอไม่เชื่อเพราะมันเป็นเพียงแค่นิทานหลอกเด็กที่แต่งขึ้นมาเพื่อให้เด็กฟัง แต่เบื้องหลังของนิทานเหล่านั้น มันกลับเป็นตำนานที่มีอยู่จริง ตำนานที่เพียงถูกเสริมเติมแต่งเป็นนิทานที่ไม่อยากให้ใครต้องลืมเลือนโดยกาลเวลา.... และเธอได้ก้าวเข้ามาสู่ตำนานอันเป็นประวัติศาสตร์ของโลกนี้แล้ว..... ”
“ หมาย.... หมายความว่าไงกันแน่.....!? ”
“ สิ่งที่เธอได้ประจักษ์กับสายตาเธอคืออะไร ล่ะ?! ” นาฟถามไปพลางเดินไปพลาง “ ปีศาจที่เธอได้เห็นคืออะไรล่ะ?! มันคือความเป็นจริงหรือความฝัน เป็นเพียงภาพมายาที่ลวงตาคนรึ อสูรกายที่น่าพรั่นพรึงในสายตาของเธอ ”
“ .........๐ ” เธอนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายพูดมันคืออะไรกันแน่?! ”
“ อย่าคิดมากไปเลยเพคะ องค์หญิง ” แวนเอ่ยขึ้น “ เราคิดแต่ว่าตอนนี้เราจะช่วยทั้งสองจากพวกนั้นยังไงจะดีกว่า นะเพคะ ”
“ ไว้จบเรื่องนี้ก่อน เราน่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังนะ ” ทาบาทอสเสริมขณะบินลงมาเกาะที่บ่าของนาฟ
“ ความจริงทุกอย่าง.... และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น.... ” ออร่าเสริมปิดท้าย
★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•
.........กลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้งและแล้ว เวลาที่พวกมันฝ้ารอก็มาถึงเวลาที่พายุหิมะสงบ พายุหิมะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จากลมที่เคยกรรโชกพัดพาหิมะปลิวว่อน กลับกลายเป็นเพียงสายลมที่นิ่งสงบ หิมะที่ตกลงมานั้นเริ่มหยุดร่วงโรย ฟ้าที่เคยมืดครึ้มเริ่มปลอดโปร่งให้แสงจันทร์ลอดส่องลงมายังพื้นเบื้องล่าง แสงสีเหลืองนวลอ่อนกระทบกับพื้นหิมะสีแดงฉาน......
“ โอ้!.... ถึงเวลาซะทีสินะ แค่เด็กคนเดียวในพิธีของข้าก็ใช้ได้ ฮะ ฮะ ฮ่า..... ” เคาท์บลัดซีลกล่าว “ เอ๊า! เตรียมการๆ!! ”
“ ขอรับ...... ” เดร็กน้อมรับคำสั่ง “ .......ดูเหมือนว่าแขกรับเชิญของเราจะมาแล้วนะ... ขอรับ ”
“ มาแล้วรึ ” ท่านเคาท์ก้าวเดินมากระทบกับแสงจันทร์ ร่างของเขาเป็นชายชราที่ยังคงดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามห่มผ้าคลุมสีแดงฉานดั่งย้อมด้วยเลือดของเหล่ามนุษย์
นาฟในชุดเสื้อคลุมสีขาวปราศจากผู้คนรอบข้าง ในมือปราศจากอาวุธ ได้เดินก้าวเข้ามาในแท่นพิธีคนเดียวอย่างองอาจก้าวเดินที่ละก้าว ที่ละก้าวเข้าไปหาพวกมัน....
“ ไหนละกุญแจ?!... ” บลัดซีลเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนแต่... นาฟยังคงนิ่งเงียบ
“ ถ้าคนของแก ล่ะก็อยู่นั่นแล้ว แต่เด็กคนนั้นข้าคงให้ไม่ได้ ” บลัดซีลชี้ไปที่เซีย กับเด็กน้อย “ พิธีของข้าใกล้จะเริ่มแล้ว... จะแลกเปลี่ยนก็เร็วๆเข้า! ”
นาฟพยักหน้ารับคำและใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมแล้วดึงเอาอะไรบางอย่างออกมาเป็นนาฬิกาพกทองเลืองฝาครอบด้านหน้าสลักเป็นรูปปีกนก ส่วนด่านหลังสลักเป็นรูปปีกค้างคาว...
“ โฮ่!!... นี่นะรึ ผนึกที่เก็บกุญแจแห่งสวน... ” ท่านเคาท์ค่อยยื่นมือไปรับนาฬิกานั่น
“ ท่านเคาท์!!... ระวัง!!! ”
“ หา!?... ”
“ เฟี้ยววว~ ว ” เสียงแหวกอากาศของบางสิ่งที่เรียวยาว และของสิ่งนั้นคือลูกธนูที่ติดไฟพุ่งเป็นแสงสีส้มตรงลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ตรงไปยังร่างของนาฟและ....
“ ตูม!!! ”
......ร่างของนาฟระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้พื้นหิมะแตกกระจายหิมะขึ้นสู่อากาศและร่วงหล่นลงมา พร้อมกับร่างของนาฟที่ก้าวเดินออกมาจากม่านหมอกควันระเบิด
“ มนต์ลวงตา!!?.... แก.... ” บลัดซีลตกใจกับเหตุการณ์เมื่อตั้งสติได้เริ่มโกรธ “ ลูกน้องของข้า... ปีศาจของข้า... จงฆ่ามันซะ!!! ” และสั่งสมุนของมันโจมตีนาฟทันที
“ วิส!!... ออกมา ” สิ้นคำพูดของนาฟแสงประกายสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากในเสื้อคลุมเขามาอยู่ในมือกลายรูปร่างเป็นไม้เท้าด้ามยาวหัวไม้เท้านั้นโค้งงอเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขึ้นสามค่ำ และยังมีลูกกลมๆหมุนควงอยู่ในช่องว่างของจันทร์เสี้ยวนั้น สิ้นแสงสีน้ำเงินจางหาย เหล่าฝูงปีศาจเคลื่อนเข้ามาใกล้นาฟเข้าทุกขณะ
“ เศษเสี้ยวของเหมันต์.... ” นาฟเริ่มท่องคำพูดออกมา “ จงรวมกันกลายเป็นอสรพิษกลืนกินทุกสิ่ง... อสรพิษหิมะ!! ” พลันท่องจบหิมะบนพื้นที่อยู่รอบๆขยับเขยื้อน พุ่งขึ้นมาเป็นสายรวมตัวกันเป็นเกลียวจนกลายเป็นรูปร่าง ของ งูยักษ์สีขาวพุ่งเข้ากวาดกลืนกินพวกปีศาจที่เข้ามาโจมตีนาฟหายไปในเกลียวคลื่นหิมะนั้น....
“ โอ้โฮเฮะ!.... นี่นาฟเขาเก่งขนาดนี่เลยหรอ?! ” เอรีสเอ่ยขึ้น “ แต่.... ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ เจ้ายูบินได้ด้วยเรอะเนี่ย!! ” เธอขี่อยู่บนหลังเจ้ายูม้าสีขาวที่มีปีกขนาดใหญ่งอกออกมาด้านข้างลอยอยู่กลางอากาศเหนือสมรภูมิการต่อสู้
“ ตอนนี้พวกเรารีบไปช่วยสองคนนั่นตามแผนของนาฟก่อนเถอะ!! ” ทาบาทอสที่บินอยู่ใกล้ๆแนะ
“ อือ... ไปเจ้ายู! ” เอรีสรับคำบังคับยูไปทางที่สองคนนั่นอยู่
ถัดลงมาเบื้องล่างนาฟใช้เวทย์โจมตีใส่ เดร็กกับบลัดซีลอยู่เรื่อยๆจนทั้งคู่ได้เพียงแต่ต้องตั้งรับเท่านั้น....
“ ข้าขอวิงวอนพรายหิมะ.... จงมาเป็นกำลังให้ข้า กำราบศัตรูข้า!! ศรเวทย์เหมันต์ทำลาย!!! ”
“ ฮึ่ม!... มันเป็นใครกันแน่?! ” บลัดชีลโยกศพมนุษย์ขึ้นมากำบังตนเอง “ ใช้เวทย์ได้หนักหน่วงกว่าพวกเมไจและมากิสซะอีก ”
“ ท่านบลัดชีล!!... ดูนั่น!! ” เดร็กชี้ไปทางเอรีสที่มาช่วยเซียและเด็กน้อย “ มันแค่โจมตีถ่วงเวลาเพื่อช่วยพวกของมัน ”
“ หน๊อยแน๊!!... เดร็ก! แกรับมือเจ้านี่ไปซะ ข้าจะไปจัดการนังนั่นเอง!!! ” ว่าแล้วบลัดชีลกระโจนขึ้นฟ้ากางปีกขนาดมหึมา บินตรงรี่ไปทางเอรีสทันที
“ เสร็จกัน!... ” นาฟเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปแต่.... โดนเดร็กขวางเอาไว้....
“ เราเจอกันอีกแล้วนะ ขอรับ..... ”
“ หลีกไป!! ” นาฟตะโกนพร้อมพุ่งเข้าใส่เดร็ก “ สายลม.... ”
“ มนต์บทนั้นคงใช้กับผมไม่ได้ในตอนนี้แล้วละ ” เดร็ก กล่าวพร้อมกับใช้มือจับไม้เท้าเอาไว้
“ นาฟ!!... ใช้ฉันเซ่...!! ” จู่ก็มีเสียงของออร่าดังขึ้น
“ แต่ว่า... ฉันไม่อยากให้เธอ... ”
“ เร็วเข้า!!! ”
“ ก็ได้!.... ออร่า!! ” นาฟเอ่ยนามของหล่อนเมื่อสิ้นเสียงพลันปรากฏแสงสีแดงพุ่งออกจากเสื้อคลุมของเขามาอยู่ในมืออีกข้างนึง กลายเป็นดาบเล่มสีแดงฉานราวกับสีโลหิตบนพื้นที่เขาเหยียบย่ำ
“ เรียกมาเพิ่มก็เท่านั้น.... ” ปีศาจเย้ยหยัน
“ สายลม.... พระเพลิง.... ทำลายศัตรูข้า มลายสิ้น ” นาฟใช้ดาบฟันใส่แต่มันหลบได้แต่ยังโดนส่วนแขนและปีกขาดสิ้น เลือดสีดำทะลั่กพุ่งออกมา.... มันก็ล้มลงนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้นที่เย็นเฉียบร้องโหยหวน
“ อ๊ากกก!!! ”
หลังจากที่จัดการเดร็กเสร็จนาฟรีบขึ้นขี่ไม้เท้าบินตามบลัดชีลไปทันที.....
“ นังตัวดีแก... ตายซะ!! ” บลัดชีลพุ่งเข้าหาขณะที่เอรีสกำลังนำยูบินขึ้นหลังจากช่วยคนทั้งสองสำเร็จ
“ แย่แล้ว! ”
“ ทาบาทอส... อยู่แถวนี้รึเปล่า?... ” เสียงเซียดังขึ้น
“ อื้อ!... อยู่... เธอไม่เป็น’ไร นะ ” ทาบาทอสตอบ
“ เปลี่ยนร่างได้มั๊ย?... ”
“ ได้...แต่เธอจะเอาอะไรเป็นสื่อแทนละ? ”
“ เอ๋...?! พวกเธอพูดอะไรกันน่ะ?! ” เอรีสที่ได้ฟังไม่เข้าใจในบทสนทนานั้น
“ นี่ไง!... มีอยู่ออกเหลือเฟื้อ... ” เซียยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจในคำถามของเอรีส พร้อมกับดึงเส้นผมของตนเองออกมาหนึ่งเส้น
“ ข้าละ...นับถือเจ้าจริงๆ ” พูดจบร่างของทาบาทอสก็เปร่งแสงสว่างจ้าร่างนกบิดเบี้ยวไปมาจนในที่สุดกลายเป็น คันธนูสีขาวที่สง่างาม....
“ นี่มัน....?! ” เอรีสตกใจกับภาพเบื้องหน้า “ พะ...พะ...พวกเธอคือใครกันแน่?!! ”
“ ชาวบ้านล่ะมั้งค่ะ... องค์หญิง... ” เซียตอบพลางนำเส้นผมที่ดึงออกมาทาบกับคันธนูนั้นกลายเป็นลูกศรสีเงินไปในพริบตา เธอง้าวคันธนูอย่างไม่รอช้าเมื่อง้าวจนสุดเธอยังไม่ปล่อยกลับบิดหมุนลูกศรที่ถูกดึงกับเส้นเอ็นไปพร้อมกันอีกจนครบที่เธอต้องการ
“ .......๐ ลาก่อน ” เพียงเธอเอ่ยเบาๆหลังจากนั้นปล่อยลูกศรนั้นไป ลูกศรที่ถูกบิดเป็นเกลียวไปกับเส้นเอ็นที่ขึงกับคันธนู ทำให้ลูกศรนั้นกลายเป็น.....
ลูกศรสีเงินส่องแสงเจิดจ้าหมุนควงเป็นวงพุ่งใส่บลัดชีลเข้าอย่างจัง.... ทำให้ร่างของเจ้าปีศาจนั่นร่วงหล่นไปยังพื้นเบื้องล่างหายไปในความมืด
“ นั่นมัน!!... ” นาฟเอ่ยขณะกำลังบินตามมา “ พวกเธอคงปลอดภัยแล้วสินะ ”
นาฟบินตามไปสมทบกับเอรีส “ เรารีบไปจากที่นี่เถอะ... ” เขาพูดหลังจากมองดูพวกเธอ
.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★
ภายใต้ท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้ม พายุได้หายไปสิ้น ณ.เนินผาหิมะที่สูงชันแห่งหนึ่ง ชายชุดดำนั่งเขี่ยกองไฟเล็กๆที่ดับมอดเล่น ข้างๆเขามีม้าตัวนึงนอนราบอยู่กับพื้น อีกด้านของกองไฟตรงข้ามกับเขามีหญิงสาวนอนกอดเด็กน้อยใต้เสื้อคลุมสีขาว ข้างๆกันนั้นมีหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงนั่งอยู่เธอนั่งจับตามองชายคนนั้นโดยไม่กระพริบตา
“ เมื่อคืน.... เหมือนไม่ใช่ฝันเลย.... ” เธอกล่าว
“ ฝันของฝันมันคือความจริงนั่นแหละ เจ้าหญิง.... ” ชายคนนั้นกล่าวตอบ
“ หึ... ความจริงที่เปื้อนเลือดนะหรือ? ” เธอเย้ยหยัน “ แล้วอีกสี่คนนั่นละ?... ”
“ หลับไปแล้วเหมือนกัน... ” เขาเพียงตอบเรียบๆกลับมา
“ หลับ?! ”
“ อยู่ในนี้ นะ.... ” เขาหยิบนาฬิกาพกทองเหลืองออกมาเปิดให้ดู ภายในมีเข็มนาฬิกาอยู่เพียงอันเดียวคือเข็มวินาที และตัวเลขเพียงสี่ตัวคือเลขหนึ่ง เลขสาม เลขห้า และเลขหก “ใช้พลังมากไป... ถึงจะเป็นถึงเทววุธ...”
“ เทววุธ!?... มีเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจเข้าไปทุกที... ” เธอมองหน้าเขา “ เเล้วเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่? ”
“ เรื่องอย่างไหนดีละ? ” เขาเก็บนาฬิกานั่นกลับไปคล้องคอไว้ในเสื้อ “ เรื่องทุกอย่าง... หรือเพียงอย่างเดียว.... ”
“ เรื่องทุกอย่างสิ.... ”
“ งั้น.... เรามาฟังกัน.... ” เขาหยิบหนังสือนิทานเปื้อนเลือดขึ้นมากางออกไว้บนตักเขา “ ... นิทานก่อนนอนยามอรุณ.... ”
ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากมืดครึ้มเป็นสีแสด อาทิตย์ที่เคยลับฟ้ากลับขึ้นมาส่องแสงอีกครา แสงนั้นกระทบกับหิมะสีขาวจึงทำให้มันเปล่งประกายไปทั่ว.....
.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★
ความคิดเห็น