ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรมานซ์:ตำนานเทพฯฉบับประยุกต์

    ลำดับตอนที่ #3 : ปฐมบทส่งท้าย : รัตติกาลสิ้นรับอรุณรุ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 49



     

       ปฐมบทส่งท้าย

                      : รัตติกาลสิ้นรับอรุณรุ่ง

     

          ......หลังหมอกสีแดงดั่งเลือดจางหายไปพร้อมกับสายลมของพายุไม่นาน ทั้งเอรีส นาฟ และทาบาทอส ได้เริ่มหาเรื่องทะเลาะกัน

     “ นี่นาย!.... เป็นพี่ชายภาษาไร ย๊า!.... เอรีสเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ปล่อยให้น้องสาวตัวเองโดนจับตัวไปได้ น่ะ หา.....!! ”

     

     “ ใช่ๆ..... มีเจ้านาย งี่เง่า แบบนี้..... ข้ารู้สึก.....จริงๆ

     

     “ อ้าวๆ!?... ไอ้นกบ้านี่!... ไหงพูดเป็นหมางี้ฟ่ะ!! เดี๋ยะพ่อก็จับปิงกินซะนี่!

     

     “ ทำไมจะพูดไม่ได้... เจ้านายงี่เง่า... เจ้านายงี่เง่า... จับได้ก็มาจับดิว้า

     

     “ ช่ายยย... งี่เง่า... และเบื๊อกด้วย เอรีสเสริม

     

     “ หา! ว่าหงายย น๊า.... ยัยเปี๊ยก!! ”

     

     “ หนอย.... อย่า.... มา.... ว่า.... ฉัน.... เปี๊ยกนะ!!! ” เอรีสกระโจนเข้าหานาฟ

     

                .....แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้

     

     “ ฮะ ฮะ ฮ่า  จะทำไร เรอะ ยัยเปี๊ยก!! ห่างกันตั้งเกือบๆฟุต อย่าริอาจๆ เขาใช้มือจับหัวเธอหยุดไว้ และก็ลูบไปมาตบเบาๆ แปะ แปะ

     

     “ หน๊อยยย.... แน๊....  เปรี๊ย เปรี๊ย + +

     

     “ จัดการเลย! ทาบาทอส!!....

     

     “ โอ๊ย!! ไอ้นกบ้านี่ใครเป็นเจ้านายแกกันแน่ ฟ่ระ หา!! ” นาฟตะโกนพร้อมกับใช้มืออีกข้างพยายามจับ

     

     “ นี่!!!... พอกันได้แล้วทั้งสามคนเลย!?... ไม่สิสองคนกะหนึ่งตัวละมั้ง ? ออร่าที่ยืนอยู่เข้ามาห้ามปรามก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้!?

     

     “ หา!!! ว่าไงนะ ยัยสีชาด!!! ” ทั้งสามพูดพร้อมกัน

     

     “ อะ... อา... ไร... นะ ที่พูดเมื่อกี๊ ได้ยินไม่ถนัดพูดใหม่สิ ออร่าพูดทีละคำช้าอย่างคนใกล้หมดความอดทน

     

     “ อย่ามายุ่ง!! ยัยสีชาด!!! ” ทั้งสามพูดพร้อมกันอีกแล้ว....

     

     “ อ๋อ! หรอ!? งั้นก็.... ไปตายซะ! ไอ้พวกบ้า....!!! ” พูดจบคุณเธอก็ขว้างท่อนซุง ที่อยู่ใกล้ๆไปทางสามคน!?นั่น

     

     “ เหวอๆ.... ทั้งสามหลบได้อย่างฉิวเฉียด

     

     “ ยัยออร่าเล่นงี้ มาฉะ! กันเลยดีกว่า  มา คัมมอนๆ!! นาฟท้า

     

     “ ได้เสียสิ.... ไม่ต้องท้าเลย.... เจ้านายเบื๊อก

     

                  ออร่าพุ่งพุ่งเข้าชกที่ท้องนาฟอย่างรวดเร็ว นาฟหลบทันทำให้เธอเสียหลัก แต่.... เธอใช้มือยันพื้นก่อนที่จะล้มลงแล้วเหลือบ มองเห็นทาบาทอสที่บินอยู่ใกล้ เธอใช้มือถีบพื้นดันตัวเองขึ้นไปแล้วเท้าเตะสอยกะให้ร่วงในทีเดียว

     

     “ เฮ้ย!.... อั่ก! ”

     

              ทาบาทอสโดนสอยร่วงไปหนึ่ง เธอพลิกตัวกลางอากาศก่อนลงสู่พื้นในตำแหน่งเดียวกับที่เอรีสยืนอยู่ เอรีสใช้สองมือคว้าแขนเธอไว้

     

     “ ฉันไม่ยอม โดนหรอก ย๊า!! ”

     

            แล้วเหวี่ยงทุ่มเธอไปทางที่นาฟอยู่....

     

     “ เว้ย!! เวรแล้ว อั่ก! โครม!! ”

     

            ........๐ และแล้วทั้งสี่หลังจากที่ทะเลาะกันด้วยคำพูดยังไม่ส่าแก่ใจ จึงเริ่มมีการลงไม้ลงมือกันขึ้น กะให้เจ็บปางตายกันไปข้างหนึ่งเลย.... จนในที่สุดมีมือที่ห้าเข้ามาแทรกห้ามทัพ....

     

     “ นี่... นี่... ทั้งสี่คน!? พอเถอะค่ะ... หญิงในชุดคลุมสีม่วงพูดขึ้น แต่ยังไม่ทันพูดจบก็....

     

     “ ....โป๊ก!! ” โดนเศษกิ่งไม้ที่พวกนั้น? ใช้ฟาดกันกระเด็นมากระทบเข้าที่หัวอย่างจัง

     

     “ ปิ๊ด..+ ปิ๊ด..+ ว้อยย!!... ไอ้พวกบ้าห้าร้อยนี่!!...จะตีกันไปถึงไหนว่ะ!!! เปรี๊ย+ เปรี๊ย+ เธอเปิดผ้าคลุมศีรษะออก ผมยาวสีน้ำตาลไหม้ กับแววตาสีมรกตที่แสดงถึงความเกรี้ยวโกรธที่หมดความอดทน

     

     “ เย็นไว้จ๊ะ... เย็นไว้... แวนจ๋า วิสชายชุดคลุมสีน้ำเงินที่อยู่ข้างพยายามระงับอารมณ์หล่อน

     

     “ เงียบไปเลยไอ้ จืดจาง!!! ”

     

     “ หงะ แง้~ จะ....ใจร้าย

     

      ฟังให้ดีนะไอ้พวกบ้า! ถ้ายังไม่หยุดอีก.... ปั๊ดเดี๋ยะแม่เชือดทิ้งทีละคนซะเลยนี่!!! ”

     

                ทั้งสี่หยุดชะงักยืนตัวสั่นด้วยความหนาวหรือความกลัวกันแน่นะพร้อมกับคิดในใจพร้อมกันได้เลยว่า หนูกลัวแย้ว ก่า~”

     

     “ เข้าใจมั้ย!? เจ้านายเบื๊อก! ยัยเปี๊ยก! ยัยสีชาด! แล้วก็....ไอ้นกเผือก!.... เธอถลึงตาด้วยความโกรธ

     

     “ก๊า!! ” ทั้งสี่รับคำอย่างเชื่อฟัง

     

    .★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•

     

                  ห่างออกจากป่าเข้ามาในหมู่บ้านที่มีเพียงแสงไฟสลัวจากตะเกียงของบ้านแต่ละหลังส่องแสง ท่ามกลาง ซากศพและทะเลเลือด เท้าสีดำสนิทเล็บยาวแหลมคมเหยียบย่ำอยู่บนทะเลเลือดนั่นมุ่งไปทาง กองศพมนุษย์ทั้งชายและหญิงจัดเป็นรูปแท่นพิธี ไม้กางเขนกลับหัว เสาเหล็ก โซ่คล้องเกี่ยวร่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง สีแดงแดงฉานไปทั่ว บนนั้นมีร่างๆหนึ่งในเงามืด ยืนดื่มกินเลือดในถ้วยสีเงินแวววาวอย่างบ้าคลั่ง หมดถ้วย มันก็รองใหม่จากร่างเด็กที่ถูกโซ่พันเกี่ยวร่างห้อยไว้กลางอากาศ และยังมีร่างอีกนับสิบที่แห้งเหือดห้อยอยู่ข้างๆกัน

     

     “ อึก... อึก... กลับมาแล้วเรอะ ร่างในเงานั้นพูดขึ้นขณะกำลังดื่มเลือด

     

     “ ขอรับ... เจ้านาย...

     

     “ เป็นไง มั่งละ?... ร่างในเงาเลิกดื่มหันมาพูดจริงจังกับเจ้าปีศาจสีดำทมิฬ

     

     “ ขอรับ... เราได้เหยื่อสังเวยกลับมาและก็... จับตัวประกันมาหนึ่ง....

     

     “ ไม่ใช่เรื่องนั้นอึก อึก เจ้าของร่างในเงาหันกลับไปดื่มต่อ  เรื่องของ.... อึก.... ผู้ครอบครองกุญแจล่ะ เป็นไงบ้าง?! ”

     

     “ ไม่เป็นอุปสรรคต่อพวกเรา เท่าใดนักหรอกครับ ปีศาจทมิฬตอบกลับ เท่าที่ดูคงเป็นพวก เมไจ ที่บังเอิญได้มาครอบครอง น่ะขอรับ

     

     “ เมไจ?! งั้นรึ นี่เจ้าปะมือกับมันแล้วรึ?! ” ร่างเงานั้นหยุดชะงักกับการดื่มหลังจากที่ได้ยินเจ้าปิศาศทมิฬนั้นตอบกลับมา

     

     “ ขอรับ.... ดูจากมนตราที่เจ้านั่นใช้คงใช่นะขอรับ มีอะไรรึขอรับ? ”

     

     “ เมไจ อืมม.... แต่ไม่แน่ที่จะเป็นพวก มากิส ด้วย....

     

     “ มากิส?!!

     

     “ จะเป็นเมไจรึมากิสก็ไม่คณามือพวกเราหรอก  อึก.... เจ้าของร่างในเงาดื่มต่อ ถึงจะเก่งกาจสักเพียงใด มนุษย์ย่อมเป็นมนุษย์ อยู่วันยังค่ำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า....

     

     “ ........๐ ปีศาจทมิฬไม่เข้าใจความหมายในสิ่งที่นายของมันพูดยังคงครุ่นคิดถึงความหมายของคำๆนั้น

     

     “ นี่!!.... เตรียมการได้แล้ว!! ร่างเงานั้นมองขึ้นไปบนฟ้าที่มืดครึ้ม พายุจะสงบแสงจันทร์จะส่องลงมาแล้วเร็วเข้า!! ”

     

     “ ขอรับ.... ท่านเคาท์บลัดซีล

     

                     สิ้นคำตอบรับคำสั่งเจ้าปีศาจทมิฬจับร่างเด็กน้อยที่หลับอยู่มาคล้องข้อมือด้วยปลอกเหล็กห้อยระโยงระยาน อยู่กลางอากาศเหนือแท่นพิธีร่างมนุษย์สีแดงฉาน เบื้องหลังของเธอมีไม้กางเขนสีเลือดอันใหญ่ยาวราวสิบหกฟุต กว้างประมาณสามฟุต ห้อยกลับหัวไว้กลางอากาศ เมื่อมันจัดการกับเด็กน้อยเสร็จแล้วมันก็นำหญิงสาวที่จับมาด้วยไปมัดกับเชือกห้อยไว้กับต้นเสาเหล็กที่โค้งงอ ซึ่งเธอก็ยังคงหลับเหมือนกับเด็กคนนั้น และลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน ท่ามกลางพายุหิมะที่อ่อนตัวลง พวกเหล่าปีศาจพากันนิ่งเงียบไม่ยอมขยับ ต่างเฝ้ารอเวลาอย่างสงบ รอให้เวลาที่พวกมันรอคอยนั้นมาถึงโดยเร็ว.....  

     

     “ อยากให้เวลานั้นมาถึงเร็วๆจริง ว่างั้นมั้ย?! เดร็ก!.... ท่านเคาท์ออกมาจากเงาลงมาจากแท่นพิธีแต่ในมือยังคงถือถ้วยสีเงินที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่เหมือนเดิม และพูดกับเจ้าปีศาจทมิฬ และวันนี้ข้าก็จะได้ครอบครองกุญแจแห่งสวนเอ็นเดรีย!! ”

     

     “ น่ายินดีขอรับ ท่านเจ้านาย เดร็กแสดงสีหน้าที่ราบเรียบไม่เหมือนกับคำพูดที่ออกมา

     

     “ แล้วที่นี้ เหล่าชั้นลอรด์ ยังต้องมาสนใจข้า!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า.... สิ้นคำหัวเราะมันก็ยกถ้วยดื่มเลือดจนหมดถ้วย

     

    ★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•

     

              กลับมาที่ป่าข้างหมู่บ้านอีกครั้งหลังจากศึกฉะกันเองจบลงด้วยการที่เจ้าแม่ห้ามทัพปรากฏกาย ต่างฝ่ายต่างหงอกันไปเอง จึงทำให้สงครามการฉะจึงจบลงด้วยประการฉะนี้แล และตามาด้วย......

     

     “ ฟู่ว~  เอ๊ะ! นี่ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?! เหมือนมีอะไรหลุดๆไปแฮะ~ แวนหญิงสาวในชุดม่วงพูดขึ้นเหมือนรู้สึกขณะที่กำลังยืนจังก้าอยู่หน้าคนทั้งห้าที่นั่งคุกเข่าสำนึกผิดอยู่ที่พื้น เหมือนมันโล่งๆยังไงไม่รุ?? ”

     

     “ ??!! น๊อตหลุดไงล่ะเจ๊

     

     “ นี่วิส.... เอ่อแวนน่ะ นาฟกระซิบคุยกับวิสอยู่ข้างๆ เอ่อ... คุณเธอเป็น...ไม่สิ... มีนิสัยแบบนี้ด้วยเรอะ?! ”

     

     “ เป็นแบบนี้มาตลอดเลยละครับ นายท่าน วิสกระซิบตอบกลับ

     

     “ หรอ... งั้นนายก็คงแย่นะ

     

     “ ครับ มากๆเลยด้วย ซิก ซิก วิสทำหน้าหนักใจ

     

     “ นี่!? ตรงนั้นคุยไร กัน

     

     “ อึ๋ย!!? ” ทั้งคู่สะดุ้งโหยงตกใจ เอ่อ ปล่ะ ป่าว...จ้า

     

     “ เอ๋?!.... เอ๊ะ! ต๊าย ตาย! ทำไม? ทุกคนถึงลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นล่ะค๊ะ?! ”

     

     “ ........๐ ฮึ่ย~ ยัยนี่มันน่า...นัก เปรี๊ยะ~  + +

     

     “ .....อืมม งั้น!พวกเรารีบไปช่วยคุณหนูเซียกับเด็กน้อยคนนั้นกันเถอะค่ะ! ” แวนช่วยพยุงเอรีสขึ้นยืน

     

     “ อยู่แล้วล่ะน่า อย่ามาแถเปลี่ยนเรื่องสิฟ่ระยัยนี่ นาฟลุกขึ้นมองไปรอบๆ แล้วเจ้า ยู หายหัวไปไหนละเนี่ย?! ”

     

     “ ฮี้~ ” สิ้นคำพูดของนาฟเสียงร้องของม้าดังขึ้น ม้าสีขาวงามสง่าปรากฏในป่าข้างๆเดินกุบกับเข้ามาใกล้ๆ

     

     “ เจ้าบ้าเอ๊ย! ขี้ขลาดจริงนะแก นาฟลูบขนหลังคอม้าเบาๆ เอาล่ะ!... ที่นี่เรารีบไปกันเถอะ!! ” เขากล่าวต่อ

     

     “ นี่!!... จะช่วยตอบฉันก่อนได้มั้ย!? ” เอรีสถาม ที่ฉันถามไปเมื่อกี๊เนี่ย! แล้วพวกนายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?!! ”

     

     “ ......๐ จะว่าไงดีล่ะ? อืมม.... นาฟอ้ำอึ้งก้มหน้าเหลือบไปเห็น..... จะว่าไปมันก็.... น่าจะเกี่ยวกับสิ่งนี้?!ด้วยละนะ เขาก้มลงหยิบหนังสือในกองซากรถม้าที่ถูกทำลาย หนังสือนิทานเปื้อนเลือด....

     

     “ สรวงสวรรค์แห่งเทพ.... ประพันธ์โดย... ครีส...? เอรีสอ่านคำที่เขียนอยู่บนหน้าปก ....แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกันล่ะ?? ”

     

     “ เธอไม่เคยฟังนิทานนี่เลยเรอะ?! ” นาฟถามและส่งนิทานเล่มนั้นให้เธอ น่าจะเคยได้ยินบ้างละน่า  ตอนเด็กๆอะน่ะ

     

     “ อืมม... เคยมั้ง แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?! ”

     

     “ เทพ... เทวดา... และปีศาจ... นาฟอธิบาย เรื่องทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจาก... ไม่สิ เนื้อเรื่องในนิทานมันเกิดขึ้นจริง! และมันเพียงแต่งมาอยู่ในรูปแบบนิทานเท่านั้นเอง....

     

     “ ไม่จริงน่า.... จะให้ฉันเชื่อเรื่องบ้าๆพวกนี้หรอ?! ” เอรีสหัวเราะกับคำพูดของนาฟพลางพลิกหนังสืออ่าน

     

     “ งั้นแล้วทำไม?! เธอถึงเชื่อเรื่องที่ทาบาทอสพูดได้ล่ะ? ” นาฟถามย้ำ ทำไม?.... ถึงเชื่อเรื่องเวทมนต์ล่ะ?!.... นั้นก็เพราะเธอได้เจอจริงกับสายตาของตน ฟังได้ยินกับหูของตนเอง เธอถึงได้เชื่ออย่างนั้น ที่เธอไม่เชื่อเพราะมันเป็นเพียงแค่นิทานหลอกเด็กที่แต่งขึ้นมาเพื่อให้เด็กฟัง แต่เบื้องหลังของนิทานเหล่านั้น มันกลับเป็นตำนานที่มีอยู่จริง ตำนานที่เพียงถูกเสริมเติมแต่งเป็นนิทานที่ไม่อยากให้ใครต้องลืมเลือนโดยกาลเวลา.... และเธอได้ก้าวเข้ามาสู่ตำนานอันเป็นประวัติศาสตร์ของโลกนี้แล้ว.....

     

     “ หมาย.... หมายความว่าไงกันแน่.....!? ”

     

     “ สิ่งที่เธอได้ประจักษ์กับสายตาเธอคืออะไร ล่ะ?! ” นาฟถามไปพลางเดินไปพลาง ปีศาจที่เธอได้เห็นคืออะไรล่ะ?! มันคือความเป็นจริงหรือความฝัน เป็นเพียงภาพมายาที่ลวงตาคนรึ อสูรกายที่น่าพรั่นพรึงในสายตาของเธอ

     

     “ .........๐ เธอนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายพูดมันคืออะไรกันแน่?! ”

     

     “ อย่าคิดมากไปเลยเพคะ องค์หญิง แวนเอ่ยขึ้น เราคิดแต่ว่าตอนนี้เราจะช่วยทั้งสองจากพวกนั้นยังไงจะดีกว่า นะเพคะ

     

     “ ไว้จบเรื่องนี้ก่อน เราน่าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังนะ ทาบาทอสเสริมขณะบินลงมาเกาะที่บ่าของนาฟ

     

     “ ความจริงทุกอย่าง.... และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น.... ออร่าเสริมปิดท้าย

     

    ★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•

     

             .........กลับมาที่หมู่บ้านอีกครั้งและแล้ว เวลาที่พวกมันฝ้ารอก็มาถึงเวลาที่พายุหิมะสงบ พายุหิมะเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จากลมที่เคยกรรโชกพัดพาหิมะปลิวว่อน กลับกลายเป็นเพียงสายลมที่นิ่งสงบ หิมะที่ตกลงมานั้นเริ่มหยุดร่วงโรย ฟ้าที่เคยมืดครึ้มเริ่มปลอดโปร่งให้แสงจันทร์ลอดส่องลงมายังพื้นเบื้องล่าง แสงสีเหลืองนวลอ่อนกระทบกับพื้นหิมะสีแดงฉาน......

     

     “ โอ้!.... ถึงเวลาซะทีสินะ แค่เด็กคนเดียวในพิธีของข้าก็ใช้ได้ ฮะ ฮะ ฮ่า..... เคาท์บลัดซีลกล่าว เอ๊า! เตรียมการๆ!!

     

     “ ขอรับ...... เดร็กน้อมรับคำสั่ง .......ดูเหมือนว่าแขกรับเชิญของเราจะมาแล้วนะ... ขอรับ

     

     “ มาแล้วรึ ท่านเคาท์ก้าวเดินมากระทบกับแสงจันทร์ ร่างของเขาเป็นชายชราที่ยังคงดูแข็งแกร่งน่าเกรงขามห่มผ้าคลุมสีแดงฉานดั่งย้อมด้วยเลือดของเหล่ามนุษย์

     

                   นาฟในชุดเสื้อคลุมสีขาวปราศจากผู้คนรอบข้าง ในมือปราศจากอาวุธ ได้เดินก้าวเข้ามาในแท่นพิธีคนเดียวอย่างองอาจก้าวเดินที่ละก้าว ที่ละก้าวเข้าไปหาพวกมัน....

     

     “ ไหนละกุญแจ?!... บลัดซีลเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อนแต่... นาฟยังคงนิ่งเงียบ

     

     “ ถ้าคนของแก ล่ะก็อยู่นั่นแล้ว แต่เด็กคนนั้นข้าคงให้ไม่ได้ บลัดซีลชี้ไปที่เซีย กับเด็กน้อย พิธีของข้าใกล้จะเริ่มแล้ว... จะแลกเปลี่ยนก็เร็วๆเข้า! ”

     

            นาฟพยักหน้ารับคำและใช้มือล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมแล้วดึงเอาอะไรบางอย่างออกมาเป็นนาฬิกาพกทองเลืองฝาครอบด้านหน้าสลักเป็นรูปปีกนก ส่วนด่านหลังสลักเป็นรูปปีกค้างคาว...

     

     “ โฮ่!!... นี่นะรึ ผนึกที่เก็บกุญแจแห่งสวน... ท่านเคาท์ค่อยยื่นมือไปรับนาฬิกานั่น

     

     “ ท่านเคาท์!!... ระวัง!!!

     

     “ หา!?...

     

     “ เฟี้ยววว~ เสียงแหวกอากาศของบางสิ่งที่เรียวยาว และของสิ่งนั้นคือลูกธนูที่ติดไฟพุ่งเป็นแสงสีส้มตรงลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน ตรงไปยังร่างของนาฟและ....

     

     “ ตูม!!!

     

           ......ร่างของนาฟระเบิดขึ้น แรงระเบิดทำให้พื้นหิมะแตกกระจายหิมะขึ้นสู่อากาศและร่วงหล่นลงมา พร้อมกับร่างของนาฟที่ก้าวเดินออกมาจากม่านหมอกควันระเบิด

     

     “ มนต์ลวงตา!!?.... แก.... บลัดซีลตกใจกับเหตุการณ์เมื่อตั้งสติได้เริ่มโกรธ ลูกน้องของข้า... ปีศาจของข้า... จงฆ่ามันซะ!!! ” และสั่งสมุนของมันโจมตีนาฟทันที

     

     “ วิส!!... ออกมา สิ้นคำพูดของนาฟแสงประกายสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากในเสื้อคลุมเขามาอยู่ในมือกลายรูปร่างเป็นไม้เท้าด้ามยาวหัวไม้เท้านั้นโค้งงอเป็นรูปจันทร์เสี้ยวขึ้นสามค่ำ และยังมีลูกกลมๆหมุนควงอยู่ในช่องว่างของจันทร์เสี้ยวนั้น สิ้นแสงสีน้ำเงินจางหาย เหล่าฝูงปีศาจเคลื่อนเข้ามาใกล้นาฟเข้าทุกขณะ

     

     “ เศษเสี้ยวของเหมันต์.... นาฟเริ่มท่องคำพูดออกมา จงรวมกันกลายเป็นอสรพิษกลืนกินทุกสิ่ง... อสรพิษหิมะ!!พลันท่องจบหิมะบนพื้นที่อยู่รอบๆขยับเขยื้อน พุ่งขึ้นมาเป็นสายรวมตัวกันเป็นเกลียวจนกลายเป็นรูปร่าง ของ งูยักษ์สีขาวพุ่งเข้ากวาดกลืนกินพวกปีศาจที่เข้ามาโจมตีนาฟหายไปในเกลียวคลื่นหิมะนั้น....

     

     “ โอ้โฮเฮะ!.... นี่นาฟเขาเก่งขนาดนี่เลยหรอ?! ” เอรีสเอ่ยขึ้น แต่.... ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ เจ้ายูบินได้ด้วยเรอะเนี่ย!! ” เธอขี่อยู่บนหลังเจ้ายูม้าสีขาวที่มีปีกขนาดใหญ่งอกออกมาด้านข้างลอยอยู่กลางอากาศเหนือสมรภูมิการต่อสู้

     

     “ ตอนนี้พวกเรารีบไปช่วยสองคนนั่นตามแผนของนาฟก่อนเถอะ!! ” ทาบาทอสที่บินอยู่ใกล้ๆแนะ

     

     “ อือ... ไปเจ้ายู! ” เอรีสรับคำบังคับยูไปทางที่สองคนนั่นอยู่

     

                ถัดลงมาเบื้องล่างนาฟใช้เวทย์โจมตีใส่ เดร็กกับบลัดซีลอยู่เรื่อยๆจนทั้งคู่ได้เพียงแต่ต้องตั้งรับเท่านั้น....

     

     “ ข้าขอวิงวอนพรายหิมะ.... จงมาเป็นกำลังให้ข้า กำราบศัตรูข้า!! ศรเวทย์เหมันต์ทำลาย!!!

     

     “ ฮึ่ม!... มันเป็นใครกันแน่?! ” บลัดชีลโยกศพมนุษย์ขึ้นมากำบังตนเอง ใช้เวทย์ได้หนักหน่วงกว่าพวกเมไจและมากิสซะอีก

     

     “ ท่านบลัดชีล!!... ดูนั่น!! เดร็กชี้ไปทางเอรีสที่มาช่วยเซียและเด็กน้อย มันแค่โจมตีถ่วงเวลาเพื่อช่วยพวกของมัน

     

     “ หน๊อยแน๊!!... เดร็ก! แกรับมือเจ้านี่ไปซะ ข้าจะไปจัดการนังนั่นเอง!!! ” ว่าแล้วบลัดชีลกระโจนขึ้นฟ้ากางปีกขนาดมหึมา บินตรงรี่ไปทางเอรีสทันที

     

     “ เสร็จกัน!... นาฟเห็นดังนั้นจึงรีบตามไปแต่.... โดนเดร็กขวางเอาไว้....

     

     “ เราเจอกันอีกแล้วนะ ขอรับ.....

     

     “ หลีกไป!! ” นาฟตะโกนพร้อมพุ่งเข้าใส่เดร็ก สายลม....

     

     “ มนต์บทนั้นคงใช้กับผมไม่ได้ในตอนนี้แล้วละ เดร็ก กล่าวพร้อมกับใช้มือจับไม้เท้าเอาไว้

     

     “ นาฟ!!... ใช้ฉันเซ่...!! จู่ก็มีเสียงของออร่าดังขึ้น

     

     “ แต่ว่า... ฉันไม่อยากให้เธอ...

     

     “ เร็วเข้า!!!

     

     “ ก็ได้!.... ออร่า!! นาฟเอ่ยนามของหล่อนเมื่อสิ้นเสียงพลันปรากฏแสงสีแดงพุ่งออกจากเสื้อคลุมของเขามาอยู่ในมืออีกข้างนึง กลายเป็นดาบเล่มสีแดงฉานราวกับสีโลหิตบนพื้นที่เขาเหยียบย่ำ

     

     “ เรียกมาเพิ่มก็เท่านั้น.... ปีศาจเย้ยหยัน

     

     “ สายลม.... พระเพลิง.... ทำลายศัตรูข้า มลายสิ้น นาฟใช้ดาบฟันใส่แต่มันหลบได้แต่ยังโดนส่วนแขนและปีกขาดสิ้น เลือดสีดำทะลั่กพุ่งออกมา.... มันก็ล้มลงนอนดิ้นทุรนทุรายกับพื้นที่เย็นเฉียบร้องโหยหวน

     

     “ อ๊ากกก!!!

     

             หลังจากที่จัดการเดร็กเสร็จนาฟรีบขึ้นขี่ไม้เท้าบินตามบลัดชีลไปทันที.....

     

     “ นังตัวดีแก... ตายซะ!! ” บลัดชีลพุ่งเข้าหาขณะที่เอรีสกำลังนำยูบินขึ้นหลังจากช่วยคนทั้งสองสำเร็จ

     

     “ แย่แล้ว! ”

     

     “ ทาบาทอส... อยู่แถวนี้รึเปล่า?... เสียงเซียดังขึ้น

     

     “ อื้อ!... อยู่... เธอไม่เป็นไร นะ ทาบาทอสตอบ

     

     “ เปลี่ยนร่างได้มั๊ย?...

     

     “ ได้...แต่เธอจะเอาอะไรเป็นสื่อแทนละ? ”

     

     “ เอ๋...?! พวกเธอพูดอะไรกันน่ะ?! ” เอรีสที่ได้ฟังไม่เข้าใจในบทสนทนานั้น

     

     “ นี่ไง!... มีอยู่ออกเหลือเฟื้อ... เซียยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจในคำถามของเอรีส พร้อมกับดึงเส้นผมของตนเองออกมาหนึ่งเส้น

     

     “ ข้าละ...นับถือเจ้าจริงๆ พูดจบร่างของทาบาทอสก็เปร่งแสงสว่างจ้าร่างนกบิดเบี้ยวไปมาจนในที่สุดกลายเป็น คันธนูสีขาวที่สง่างาม....

     

     “ นี่มัน....?! ” เอรีสตกใจกับภาพเบื้องหน้า พะ...พะ...พวกเธอคือใครกันแน่?!!

     

     “ ชาวบ้านล่ะมั้งค่ะ... องค์หญิง... เซียตอบพลางนำเส้นผมที่ดึงออกมาทาบกับคันธนูนั้นกลายเป็นลูกศรสีเงินไปในพริบตา เธอง้าวคันธนูอย่างไม่รอช้าเมื่อง้าวจนสุดเธอยังไม่ปล่อยกลับบิดหมุนลูกศรที่ถูกดึงกับเส้นเอ็นไปพร้อมกันอีกจนครบที่เธอต้องการ

     

     “ .......๐ ลาก่อน เพียงเธอเอ่ยเบาๆหลังจากนั้นปล่อยลูกศรนั้นไป ลูกศรที่ถูกบิดเป็นเกลียวไปกับเส้นเอ็นที่ขึงกับคันธนู ทำให้ลูกศรนั้นกลายเป็น.....

     

               ลูกศรสีเงินส่องแสงเจิดจ้าหมุนควงเป็นวงพุ่งใส่บลัดชีลเข้าอย่างจัง.... ทำให้ร่างของเจ้าปีศาจนั่นร่วงหล่นไปยังพื้นเบื้องล่างหายไปในความมืด

     

     “ นั่นมัน!!...  นาฟเอ่ยขณะกำลังบินตามมา พวกเธอคงปลอดภัยแล้วสินะ

     

         นาฟบินตามไปสมทบกับเอรีส เรารีบไปจากที่นี่เถอะ... เขาพูดหลังจากมองดูพวกเธอ

     

    .•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★

     

               ภายใต้ท้องฟ้าที่ยังคงมืดครึ้ม พายุได้หายไปสิ้น ณ.เนินผาหิมะที่สูงชันแห่งหนึ่ง ชายชุดดำนั่งเขี่ยกองไฟเล็กๆที่ดับมอดเล่น ข้างๆเขามีม้าตัวนึงนอนราบอยู่กับพื้น อีกด้านของกองไฟตรงข้ามกับเขามีหญิงสาวนอนกอดเด็กน้อยใต้เสื้อคลุมสีขาว ข้างๆกันนั้นมีหญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงนั่งอยู่เธอนั่งจับตามองชายคนนั้นโดยไม่กระพริบตา

     

     “ เมื่อคืน.... เหมือนไม่ใช่ฝันเลย.... เธอกล่าว

     

     “ ฝันของฝันมันคือความจริงนั่นแหละ เจ้าหญิง.... ชายคนนั้นกล่าวตอบ

     

     “ หึ... ความจริงที่เปื้อนเลือดนะหรือ? ” เธอเย้ยหยัน แล้วอีกสี่คนนั่นละ?...

     

     “ หลับไปแล้วเหมือนกัน... เขาเพียงตอบเรียบๆกลับมา

     

     “ หลับ?! ”

     

     “ อยู่ในนี้ นะ.... เขาหยิบนาฬิกาพกทองเหลืองออกมาเปิดให้ดู ภายในมีเข็มนาฬิกาอยู่เพียงอันเดียวคือเข็มวินาที และตัวเลขเพียงสี่ตัวคือเลขหนึ่ง เลขสาม เลขห้า และเลขหก ใช้พลังมากไป... ถึงจะเป็นถึงเทววุธ...

     

     “ เทววุธ!?... มีเรื่องที่ฉันไม่เข้าใจเข้าไปทุกที... เธอมองหน้าเขา เเล้วเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไงกันแน่? ”

     

     “ เรื่องอย่างไหนดีละ? ” เขาเก็บนาฬิกานั่นกลับไปคล้องคอไว้ในเสื้อ เรื่องทุกอย่าง... หรือเพียงอย่างเดียว....

     

     “ เรื่องทุกอย่างสิ....

     

     “ งั้น.... เรามาฟังกัน.... เขาหยิบหนังสือนิทานเปื้อนเลือดขึ้นมากางออกไว้บนตักเขา ... นิทานก่อนนอนยามอรุณ....

     

             ท้องฟ้าเปลี่ยนสีจากมืดครึ้มเป็นสีแสด อาทิตย์ที่เคยลับฟ้ากลับขึ้นมาส่องแสงอีกครา แสงนั้นกระทบกับหิมะสีขาวจึงทำให้มันเปล่งประกายไปทั่ว.....

     

    .•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★.•★

     

       ~  ความฝันของความฝันคือความจริง    ความจริงของความจริงเป็นดั่งฝัน  ทุกสิ่งล้วนเกี่ยวพัน ความฝันทำเป็นจริง ~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×