ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตำนานเทพสตรีนพเคราะห์

    ลำดับตอนที่ #4 : พระพุธ : อิลา ชายาพระพุธ ๓/๓

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 52



    ร้อนถึงพระพุธ

    ตรงเข้าช่วยเหลือนารีที่หมดสติไป

    องค์พระพุธเสกเป่ามนต์ให้นางฟื้นคืน

    เมื่อดรุณีอิลาได้สติ

    นางก็อ้อนวอนให้พระพุธช่วยชุบชีวิตอนุชาแห่งนาง

    ด้วยเมตตาแห่งพระพุธ

    พระองค์ทรงยอมช่วยเหลือโดยดี

    โดยบอกแก่นางอิลาว่า

    การที่จะให้อิลราชกลับมาชีวิตถาวรนั้น

    ต้องให้อนุชาบำเพ็ญบุญ

    แต่หากต้องการให้มีชีวิตชั่วคราวนั้น

    นางต้องยอมสละอายุขัยให้

    อิลราชฟื้นคืน

    โดยมีเงื่อนไขว่า

    นางจะมีชีวิต 1 เดือน

    และอิลราชจะมีชีวิตอีก 1 เดือนพลัดกันไป

    เมื่อยามอิลราชมีชีวิต นางจะเหมือนตาย

    แต่หากเมื่อนางมีชีวิต อนุชาแห่งนางจะเหมือนสิ้นลมหายใจ

    โดยพระพุธจะทำพิธีสานกายเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน

    ทั้งคู่จะไม่รู้ความนึกคิดของทั้งคู่

    นางอิลาตกลงในเงื่อนไข

    และขอร้องให้นางได้เขียนสารบอกเล่าน้องชายเสียก่อน

    พระพุธยินยอม

    เมื่อนางเขียนสารเสร็จ

    พระพุธได้ทำพิธีให้แก่ทั้งสอง

    สานกายของอิลาและอิลราชเป็นหนึ่งเดียวกัน

    เพื่อให้อิลราชมีสติบำเพ็ญพรตให้ตนเองมีชีวิตอยู่

    ยามเมื่ออิลราชฟื้นคืน

    พระพุธก็บอกกล่าวคำของนางอิลา และให้อิลราชอ่านสารแห่งนาง

    เรื่องที่นางยอมสละอายุขัย ให้ได้มีสติ

    ให้อิลราชบำเพ็ญพรต เพื่อมีชีวิตอยู่ถาวร

    พระอิลราชทราบดังนั้น ให้ซาบซึ้งในน้ำใจของเชษฐภคินียิ่งนัก

    ตั้งใจบำเพ็ญพรตตามความตั้งใจที่นางอิลามีให้แก่ตน

    ครั้นครบ 1 เดือน

    อิลราชก็กลายเป็นอิลา

    ยามเป็นนางอิลา นางได้ หุงหาอาหาร ปัดกวาดเช็ดถู ปรนนิบัติพัดวีให้แก่พระพุธที่กรุณาอนุชานาง

    งานใดที่นางมิเคยทำมาแต่กาลก่อน

    นางฝึกฝนหัดทำเสียจนเป็นทั้งสิ้น

    เป็นเช่นนี้เดือนแล้วเดือนเล่า….

    ยามที่เป็นอิลราชก็ตั้งใจบำเพ็ญธรรม

    เมื่อเป็นอิลาก็ปรนนิบัติผู้ทรงศีล

    พระพุธนั้นในใจชมชอบนางอิลาเป็นยิ่งนัก

    ที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวทำเพื่ออนุชา

    ฝ่ายนางอิลา ก็ชื่นชมพระพุธ

    ที่สง่างามและยังอ่อนโยน มีเมตตากรุณา อยู่เป็นนิจ

    ต่างฝ่ายต่างชมชอบกันอย่างไม่รู้ตัว

    สุดท้ายก็เปลี่ยนเป็นความรัก

    ยามตักน้ำผ่าฟืน พระพุธไม่เคยให้นางทำ

    เห็นว่าเป็นงานต่ำไม่ควรแก่นางผู้สูงศักดิ์

    งานใดเสี่ยงภัยนัก พระองค์จักหลีกให้ไกลเนตรนาง

    พระพุธรักถนอมอิลาดังแก้ววิเศษ

    อารีเกื้อกูลทุกที่ไป

    ความรู้สึกในใจถูกเผยออกมาด้วยการกระทำ

    ไม่นานทั้งสองก็มีจิตผูกพันธ์กันลึกซึ้ง

    เรื่องนี้มิได้ระคายถึงอิลราชเลย

    ยังคงมุ่งมั่นบำเพ็ญพรตต่อไป

    กาลเวลาต่อมาไม่นาน

    สององค์ก็ลอบสารภาพความในใจให้ทราบแก่กัน

    และได้เสียเป็นสามีภรรยา

    พระพุธเกรงอิลาจะอับอาย

    จึงเก็บเป็นการลับมิให้อิลราชรู้

    ต่อมาอิลาตั้งครรภ์

    ครั้นจวนเจียนใกล้คลอด

    ก็คลอดบุตรเป็นชาย

    นามว่า ปุรูรพ

    ยามอิลากลายเป็นอิลราช

    พระพุธจำต้องซ่อนเด็กเอาไว้ไม่ให้อิลราชจับผิดได้

    วันคืนผ่านไปจนได้หลายปี

    ปุรูรพเด็กน้อยเริ่มรู้ภาษา

    พระพุธจึงจำต้องส่งโอรสไปอยู่กับเทพารักษ์ทุก 1 เดือน

    ยามอิลากลายเป็นอิลราช

    โดยอ้างว่าให้ศึกษาวิชาหลากแขนง

    แท้จริงเพื่อหลบอิลราช…..

    อยู่มาวันหนึ่ง เกิดเหตุมิคาดฝัน

    วันนั้นพระพุธออกธุดงค์ในพนาสัณฑ์

    อิลราชบำเพ็ญพรตเฝ้าอาศรมแต่เพียงผู้เดียว

    เวลานั้นปุรูรพเด็กน้อย

    กลับสู่อาศรมกะทันหัน

    ด้วยสำเร็จวิชาใหม่

    ร้อนใจอยากอวดมารดา

    ครั้นกลับถึงอาศรมเห็นบุรุษแปลกหน้า ก็แปลกใจ

    ใคร่ครวญพิศรูปโฉม นิ่งงันไป

    พระอิลราชเห็นเด็กน้อยรูปตาหน้าเอ็นดู

    ซ้ำโครงพักตร์จักคล้ายพี่ตน

    จึงร้องถามทุกข์ไปว่า

    เจ้าเป็นใคร? ไฉนมาเดินแต่เพียงผู้เดียว

    ปุรูรพมิได้ประหม่า อัญชลีตอบอย่างฉะฉานว่า

    ตัวเรานามว่า ปุรูรพ

    เจ้าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร เหตุใดเดินป่าเพียงผู้เดียว หรือเจ้าเที่ยวหนีมารดามา

    มารดาข้าพเจ้านามว่า นางอิลา บิดานั่นหนา ชื่อพระพุธ

    อิลราชนิ่งตะลึงไป แต่เด็กชายยังเอ่ยต่อ

    ท่านเล่านามว่าอะไร?”

    ตัวเราชื่อ อิลราช

    ปุรูรพบุรุษน้อยแย้มโอษฐ์ยิ้มร่า

    ท่านหรือคือ อิลราช ผู้เป็นน้าเรา

    มารดาเราเล่าให้ฟังบ่อยนัก

    บุรุษทรงสง่า ขอให้หลานได้กราบท่านสักที

    ว่ากระนั้นปุรูรพบุตรพระพุธก็ก้มลงกราบเพียงบาทอิลราช

    แล้วก็จากไป

    ทายาทแห่งเมืองพลหิรกาให้รู้สึกระแคะระคายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    แต่ก็เก็บสิ่งนั้นไว้ มิบอกกล่าวให้ใครรู้

    จนกระทั้งล่วงเลยไปหลายปี

    พระอิลราชบำเพ็ญบุญสำเร็จ

    สามารถขอพรจากพระอุมาให้มีวิญญาถาวร

    กายอิลาและอิลราชก็แยกได้จากกัน

    เมื่อนั่นพี่น้องได้พบหน้า

    ทั้งสองถวิลหาอาลัยรักกันยิ่ง

    ครั้นพระอิลราชชวนเชษฐภคินีกลับบ้านเมือง

    นางอิลาก็หน่วงเหนี่ยว อ้างว่า

    พบอาจารย์ดีควรเรียนวิชาให้เจนจบ

    ค่อยกลับเมืองไปหาบิดา

    ท่านจะยินดีนัก

    อีกทั้งพระพุธช่วยน้องมามาก

    สมควรอยู่ทดแทนบุญคุณ

    พระอิลราชก็คล้อยตาม

    ยอมอยู่ร่ำเรียนวิชาโดยดี

    ต่อมาอิลราชเรียนวิชา

    ทั้งเหาะเหินเดินฟ้า ล่องหน ลอดช่อง

    ทั้งชุบชีพ ทำเวทย์

    ทั้งยังช่วยตักน้ำหาบฟืน หาอาหารช่วยจุนเจือ

    เจนจบทุกคาถา ชำนาญทุกมนต์

    จนวันหนึ่ง

    เมื่ออิลราชท่องไปในไพร

    ใช้ล่องหนเที่ยวไปในป่า

    พบภาพเฉือนดวงจิตยิ่งนัก

    พระอิลราชพบเห็นพระพุธอาจารย์

    หัตถ์หนึ่งอุ้มปุรูรพเด็กน้อย

    อีกหัตถ์โอบกอดนางอิลาผู้เป็นพี่ตน

    ภาพตรงหน้าบอกกล่าวเรื่องราวจนรู้เจนจบ

    พระอิลราชนัยน์พระเนตรร้อนผ่าวด้วยความโกรธเกรียว

    นึกในใจซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

    เราปรนนิบัติมันในฐานะอาจารย์ด้วยความเคารพ

    ตักน้ำหาบฟืน ทำงานสารพัด เยี่ยงทาสมัน

    แต่มันกลับทรยศหักหลัง

    ลอบได้เสียกับพี่เรา เสียจนมีลูกโตจนรู้ความ

    ไฉนเรามิเอาเรื่องมันตั้งแต่เด็กน้อยเรียกเราเป็นผู้น้า….

    เห็นทีจะนิ่งนอนใจมิได้

    ต้องพลาดมันจากพี่เรา…’

    คิดดังนั้น อิลราชตรงเข้าไปฉุดนางอิลาออกจากอ้อมแขนสามี

    แล้วเหาะเหินกลับนครพลหิรกาในทันที

    พระปุรูรพเด็กน้อยเห็นมารดาถูกมาตุลา(น้า)เอาตัวไปต่อหน้าต่อตา

    ก็ลงกันแสงร่ำไห้อย่างโศกสลดปิ่มว่า สิ้นแม่สิ้นชีวาวาย

    กล่าวถึงพระพุธเมื่อตั้งสติได้

    ให้ละอายต่อสิ่งที่ตนกระทำจนมิคิดตาม

    จูงโอรสกลับอาศรมเข้าป่าบำเพ็ญบุญและไม่คิดจะออกมาอีกเลย

     

    พอพระอิลราชพานางอิลาเหาะเหินมายังเมืองพลหิรกา พบบิดา

    ท้าวกรรทมพรหมบุตรยินดียิ่งนักที่โอรสและธิดาตนกลับบ้านเมืองหลังจากหายไปนาน

    ซ้ำพระอิลราชยังมีวิชาติดตัวอีก

    ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับอย่างเอิกเกริก

    ฉลอง 7 วัน 7 คืน

    มหรสพทั่วเมือง

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีต้อนรับ

    องค์กรรทมพรหมบุตรเรียกกุลบุตร กุลธิดา เข้าไปถามไถ่

    อิลราชผู้อนุชาเล่าเรื่องพระพุธและนางอิลาให้บิดาฟังจนหมดสิ้น

    ผู้พ่อได้ฟังเช่นนั้นก็พิโรธยิ่งนัก

    ด่าทอนางอิลาว่ามิรักนวลสงวนตัว และจับนางขังไว้ในหอคอยสูงเพื่อไม่ให้หนีกลับไปหาพระพุธ

    แล้ววันหนึ่งก็มีกษัตริย์ต่างแดนมาเยือนกรุงพลหิรกา

    ท้าวกรรทมพรหมบุตรพูดคุยถูกคอจึงออกปากจะยกนางอิลาให้

    กษัตริย์ผู้นั้นจึงได้รับตัวนางอิลาไปยังเมืองของตน

     

    ฝ่ายพระพุธนั้นเดิมไม่คิดตามหาชายา

    แต่ด้วยรักคะนึงหาทุกขณะจิต

    ทั้งยังมิอาจทานทนคำรบเร้าของโอรส

    จึงตัดสินใจพาปุรูรพผู้บุตรออกจากป่าไปตามมารดาคืน

    แต่ครั้นถึงเมืองพลหิรกา

    ปรากฏว่านางอิลาหาได้อยู่ที่นั้นไม่

    ยามพระพุธถามเหล่าชาวเมืองว่านางอยู่แห่งหนใด

    ชาวเมืองก็ตอบมาไซร้

    เจ้าหญิงอิลาแล ถูกส่งไปเป็นชายากษัตริย์เมืองอื่น

    สร้างความคับแค้นใจให้กับพระพุธยิ่งนัก

    ทรงพาบุตรปลอมตนเป็นพราหมณ์

    เดินทางไปยังเมืองของผู้ชิงชายาตนทันที

     

    เมื่อไปถึงเมืองอันเป็นที่ประทับของนางอิลา

    พระพุธและโอรสก็ปลอมเป็นหมอยา

    แสดงกลสารพัดให้เหล่าชาวเมืองดู

    เป็นที่ตื่นเต้นของเหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก

    จนกระทั้งเรื่องไปถึงพระเจ้าแผ่นดิน

    ทรงโปรดให้สองพราหมณ์พ่อลูกเข้ามาแสดงกลในราชวัง

    ทั้งสองสบโอกาสเข้าวังเพื่อแสดงกลต่อหน้าพระที่นั่ง

    ครั้นพระพุธและปุรูรพกุมารได้เข้าถวายการแสดงกลหน้าพระที่นั่ง

    กษัตริย์นั่งเคียงคู่กับนางอิลาที่มีทีท่าเศร้าหมอง

    เพียงพระพุธเห็นชายาเคียงข้างชายอื่นก็ให้จิตใจร้อนรุ่ม

    แทบจะข่มใจไม่ไหว

    ส่วนปุรูรพกุมารนั้นเล่า?

    แทบจะวิ่งเข้าหาผู้เป็นมารดา

    ส่วนนางอิลาเมื่อเห็นทั้งลูกและสามีมายืนอยู่ตรงหน้า

    ทั้งดีพระทัยและลำบากใจอย่างบอกไม่ถูก

    ไม่กล้ามองหน้าสามีหรือกุมารเมื่อตนนั่งเคียงข้างชายอื่น

    อิลาเทวีเสด็จหนีพระพุธสวามีเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน

    ทรงแอบร่ำไห้อยู่ที่นั้น

    ฝ่ายพระพุธผู้มาตามหามเหสี

    เริ่มเล่นกลสารพัน สร้างความเพลิดเพลินให้กับองค์กษัตริย์

    ก่อนจะถอนจิตอีกดวงออกไปตามหาชายา

    เมื่อพบนางอิลาก็เข้าพานางกลับ

    แต่เนื่องด้วยเมืองนั้นสักการะพระพฤหัส

    พระพฤหัสซึ่งไม่ชอบพระพุธจึงเข้าขัดขวาง

    พระพุธพานางอิลาเหาะหนีไปยังอาศรมของตน

    พระพฤหัสไม่ยอมแพ้

    โกรธแค้นที่พระพุธบังอาจหมิ่นเกียรติตน

    ติดตามพระพุธที่อุ้มนางอิลาหนีไป

    ฝ่ายปุรูรพกุมารเห็นพระพฤหัสไล่ล่าบิดามารดาก็เข้าขัดขวาง

    พระพฤหัสจึงทำร้ายปุรูรพกุมารแล้วไล่ล่าพระพุธต่อไป

    จนถึงอาศรมของพระพุธ

    ทั้งคู่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อภินิหารใส่กันจนป่าแถบนั้นราบเป็นลานกว้าง

    สองเทพสู้กันทั้งกลางวันกลางคืนเป็นเวลาหลายวัน

    ไม่กินข้าวกินน้ำ

    ฝ่ายนางอิลาเป็นคนธรรมดาก็ทนไม่ได้

    พระพุธจึงจำต้องยอมแพ้แก่พระพฤหัส

    ยอมให้พระพฤหัสนำนางอิลาไปให้กับกษัตริย์

    นางอิลายอมไปแต่ไม่ยอมเป็นชายา

    นางอดข้าวอดน้ำทั้งวันทั้งคืนจนอาการร่อแร่

     

    ระหว่างนั้น ทั้งพระอิศวรและปวงเทพ

    ต่างร่วมประชุม

    โดยมุ่งให้พระพฤหัสคลายความอาฆาตแค้นในพระพุธด้วยเรื่องแต่เก่าก่อน

    ครั้นเหล่าปวงเทพร่วมวิงวอน

    องค์อิศวรทรงร่วมไกล่เกลี่ย

    พระพฤหัสเอ๋ย

    ท่านเป็นใหญ่ในนพเคราะห์

    ควรหรือไม่ที่เอาเรื่องส่วนตนเล็กน้อยมา ขัดผู้เป็นเทพด้วยกัน

    ผิว์ว่า

    นางอิลาเป็นชายาคู่บารมีพระพุธมาแต่ชาติปางไหน?

    ไหนเลยจะไปมีสามีเป็นผู้อื่นได้

    โปรดยินยอมให้พระพุธไปนำชายาตนมาคืนเทอญ…”

    ครั้งพระอิศวรทรงกล่าวเช่นนั้น

    พระพฤหัสบดีจึงยอมล้างราให้พระพุธไปนำตัวนางอิลาคืนมา

     

    ครานั้นบ้านเมืองกษัตริย์เกิดเหตุอาเพศ

    ฝนไม่ตก เกิดโรคระบาด

    โหรทำนายว่าเหตุเป็นเพราะนางอิลาเป็นกาลกิณี

    ให้บูชายัญนางเสีย

    ขณะที่นางอิลากำลังจะถูกเผาด้วยไฟเพื่อบูชายัญ

    พระพุธก็เหาะมารับตัวนางหนีไป

    กลับสู่อาศรมในป่าของตนพร้อมบุตร

    แล้วพระพุธก็บำเพ็ญเพียรอีกหลายร้อยปีจึงสำเร็จเป็นเทพ 1 ในนพเคราะห์

    มีวิมานเป็นสีมณี ประทับอยู่บนสวรรค์

    พระองค์รับนางอิลาและบุตรขึ้นไปอยู่บนวิมาน
    อย่างสงบสุขสืบไป….

    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×