คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter II ♫
CHAPTER II
ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ย๊าาาาาาาาาาาา ตื่นสายยยยยยยยย TT^TT” จางฮยอนซึง นักเรียนดีเด่น ประพฤติดี น้ำใจงาม รักษากฎระเบียบของโรงเรียนเสมอ กำลังวิ่งเพื่อจะไปให้ทันรถบัสประจำทางอย่างรีบร้อน และสาเหตุที่ต้องรีบร้อนขนาดนี้ เพราะพอเจ้าตัวตื่นขึ้นมา ก็พบว่าอีกเพียงสิบห้านาที คลาสแรกจะเริ่มนั่นเอง
“ไอ้นาฬิกาปลุกบ้า บ้าๆๆๆๆๆ เสียก็ไม่บอกนะ มาสายตั้งแต่เปิดเทอมวันแรกเนี่ย ไม่เอาน้า~” ดูเหมือนว่า ตอนนี้ร่างบางจะไม่สนแล้วว่าวิ่งไปชนใครบ้าง หรือหน้าผากจะเปิดเถิกสังเคราะห์แสงกี่เซน ขอแค่ไปให้ทันคลาสวันแรกก็พอ
“ดูจุนนี่ก็ไม่รอกันเลย อ๊ะ!! รอด้วยครับ!! ให้ซึงขึ้นด้วย อย่าเพิ่งไปนะ ม่ายยยยยยยยยยย”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“โอ้ยยยย ห้อง A นี่มันอยู่ไหนเนี่ย” ร่างบางที่ตอนนี้ถึงโรงเรียนแล้ว กำลังวิ่งหาห้องของตัวเองอยู่
“ห้อง A~ อ๊ะ...เจอแล้ว เหวอออออออออ~~!!!”
พลั่ก!!
“งื้อออออ T///T เจ็บอ้ะ“
“ฮ่าๆๆๆๆ” หลังจากที่ร่างบางได้ลื่นล้มกระแทกพื้น หน้าประตูห้อง เพื่อนๆในห้องเรียนก็พากันหัวเราะใส่ แต่แทนที่จะหัวเราะเพราะตลก กลับหัวเราะเพราะความน่ารักของร่างบางเสียมากกว่า
“ฮยอนซึงเนี่ย น่ารักจริงๆน้า~”
“ขนาดทำผิดพลาดแล้วยังน่ารักเลย”
“ง่า~ ลืมมันไปให้หมดนะ ลืมซะๆ นี่แน่ะ” ตีหัวคนชอบแซวเบาๆ น่ารักซะขนาดนี้ ไม่ให้มีคนรักได้ไงล่ะ
“ฮยอนซึง~ นั่งนี่นะ” ร่างบางหันไปตามเสียงเรียกของอีกคน ก่อนจะเห็นเพื่อนผิวเข้มของตัวเองกำลังเคาะโต๊ะข้างขวา เพื่อสื่อว่าโต๊ะนี้เป็นของตนเอง
ฮยอนซึงพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินมานั่งที่ของตัวเอง พลันสายตาเหลือบไปเห็นโต๊ะว่างข้างตัวเองที่อยู่สุดแถวอยู่โต๊ะหนึ่ง
“หืม..ดูจุน ครูจัดโต๊ะมาเกินหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นตามความสงสัยของตนเอง
“ไม่รู้สิ..อาจจะมาสายก็ได้”
“เออ! พูดถึงมาสายแล้ว ดูจุน!! ทำไมนายไม่รอฉัน!!”
“กะ...ก็วันนี้ฉันก็รอนายแล้วนะ แต่รอนานเท่าไหร่นายก็ยังไม่ออกจากบ้านซักที ฉันเลยคิดว่านายไปโรงเรียนแล้ว” อธิบายยาวเพื่อให้เพื่อนสี่มิติเข้าใจความ
“แล้วทำไมมาสายล่ะ?”
“นาฬิกาปลุกเสีย TT^TT” พูดถึงนาฬิกาปลุกเจ้าปัญหา ก็เริ่มแค้นขึ้นมาในใจอีก
“เอาล่ะๆ นักเรียนคะ ฟังทางนี้ด้วย” เสียงหวานของอาจารย์สาวที่เดินเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้เอ่ยขึ้น ทำให้ทั้งห้องเปลี่ยนจากสภาวะวุ่นวายมาเป็นเงียบสงบได้ในทันที
“อาจารย์ชื่อพัคกาฮีนะคะ เป็นอาจารย์ประจำชั้นของพวกเธอทั้งหลาย และต่อจากนี้ไป กรุณาให้ความเคารพด้วยนะคะ กฎของห้องมีอยู่ว่า ข้อหนึ่งปิดโทรศัพท์ให้หมดทุกคน ถ้าอาจารย์ได้ยินเสียงโทรศัพท์ หรือแม้แต่เสียงสั่นของโทรศัพท์ ยึดทุกประการ ไม่ว่าเหตุผลใด ข้อสอง ห้ามหลับและคุยในเวลาเรียน โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นวิชาของอาจารย์ ถ้าใครฝ่าฝืน จะเจอแบบนี้!!”
โป้ก
“โอ้ยTT” ผู้เคราะห์ร้าย ร้องขึ้นทันทีเมื่อโดนมาร์คเกอร์สีน้ำเงินของอาจารย์สาวสุดโหด เขวี้ยงโดนกลางหัวเข้าเต็มๆ
“นังคยู เธอกระซิบกระซาบอะไรกับซองมินห๊ะ”
“โอ้ยเจ็บ..ครูรู้จักชื่อผมด้วยหรอ ทั้งๆที่เพิ่งเจอกันวันแรก...”
“กรุณาเรียกให้สุภาพด้วยค่ะ อาจารย์ ไม่ใช่ครู”
มันก็เหมือนกันล่ะว๊า~
“ส่วนเรื่องของพวกเธอ ฉันสืบประวัติมาทุกคนแล้วล่ะ อย่าคิดเชียวนะว่าฉันจะจำใครไม่ได้”
เฮือก =[]=
“แล้วนี่ เรื่องสำคัญในวันนี้ จะมีนักเรียนย้ายเข้าใหม่นะคะ จุนฮยอง เธอเข้ามาได้แล้ว”หลังจากที่เสียงหวานเอยจบ ร่างสูงร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้อง เรียกเสียงฮือฮาจากในห้องได้เป็นอย่างดี นานๆทีจะมีคนย้ายเข้ามาในโรงเรียนแบบนี้ ถ้าเรียนไม่เก่ง หรือไม่ก็รวยไม่พอก็เข้าไม่ได้หรอก
ร่างมาใหม่เดินเข้ามาอย่างสบายอารมณ์ ไม่มีทีท่าว่าจะเครียด หรืออาย เหมือนกับที่พวกนักเรียนใหม่เวลาจะแนะนำตัวแม้แต่น้อย สีหน้าเย็นชาทำให้คนทั้งห้องอดสงสัยไม่ได้ว่า หมอนี่มันไม่ตื่นเต้นหรือไงนะ
“...ยงจุนฮยอง...ยินดีที่ได้รู้จัก” ถึงแม้จะพูดแนะนำตัวออกไปแล้ว แต่ไม่มีทีท่าว่าจะยิ้มแม้เพียงมุมปาก
“งั้น...เธอไปนั่งข้างฮยอนซึงละกัน โอ๊ะ..จริงสิ เธอเป็นนักเรียนดีเด่นนี่ งั้นอาจารย์ฝากดูแลเด็กใหม่ด้วยนะ”
“อะ...ครับ”
“งั้น เริ่มคลาสแรกได้เลยนะคะ ขอให้โชคดี!!”
“อาจารย์ครับ... คือ..มาร์คเกอร์..”
“เธอก็โยนมาให้ฉันสิ อย่าเอาหัวไว้กั้นหูเฉยๆสิคะ”
แวร๊งส์ =[]=
“คะ..ครับ” นักเรียนคนนั้นขานรับก่อนที่จะโยนมาร์คเกอร์ไปให้อาจารย์ ซึ่งเธอก็รับมันได้ปานมืออาชีพ
หลังจากที่อาจารย์สุดโหดออกจากห้องไปแล้ว จุนฮยองก็เดินมานั่งที่โต๊ะข้างฮยอนซึง
“เออ..นายชื่อ ยงจุนฮยองสินะ...คือ ฉันเรียกว่าจุนฮยองเฉยๆได้มั้ย” ร่างบางพยายามชวนคุย เพื่อสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีแก่กัน
“อืม”
“ฉันชื่อฮยอนซึงนะ จางฮยอนซึง..”
“อืม”
“เอ่อ คลาสแรกจะเริ่มแล้ว รู้สึกว่าจะเป็นอังกฤษนะ ยังไม่มีหนังสือใช่มั้ย ใช้กับฉันก่อนก็ได้นะ”
“อืม”
.
.
.
.
.
ในคลาสอังกฤษ ฮยอนซึงดูแลจุนฮยองเป็นอย่างดี คอยอธิบายเนื้อหายากๆให้ฟัง ทั้งยังให้จุนฮยองใช้หนังสือร่วมกับตนเองด้วย การกระทำนั้นทำให้หนุ่มๆในห้องคอยส่งสายตาอาฆาตมาให้ไม่เว้นช่วง ไม่ใช่ว่าจุนฮยองจะไม่รู้หรอก แต่ไม่อยากสนใจมากกว่า
สำหรับดูจุนเอง เขาก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ฮยอนซึงหันไปคุยกับคนอื่นมากกว่าเขา อยากจะดันจุนฮยองออกไปให้ไกลๆ แล้วบอกว่าอย่ามายุ่งกับฮยอนซึง แต่จะทำอะไรได้ ถ้าขืนทำไปจริงๆ ฮยอนซึงคงสงสัยแน่ๆ หากฮยอนซึงรู้ว่าตนคิดยังไงกับร่างบาง ฮยอนซึงอาจจะเกลียดเขาก็ได้
ก็ในเมื่อ คำว่า “เพื่อน” มันค้ำคออยู่
“อ่า~ พักเสียที~ “ ฮยอนซึงบิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วก็หันมาพูดกับดูจุน
“ดูจุน ไปหากีกวังกัน จุนฮยอง มานั่งร่วมโต๊ะด้วยกันมั้ย?” ร่างบางพูดถึงร่างเล็กอีกคนที่อยู่คนละห้อง ก่อนจะหันมาชวนจุนฮยอง
“อืม...ก็ได้” ตอบรับด้วยเสียงเนือยๆ ที่ตอบรับไปอย่างง่ายๆเพราะถ้าหากตอบปฏิเสธไป ร่างบางคงได้ร่ายยาวแน่ๆ
“...ฮยอนซึง จะชวนหมอนี่ไปหรอ ไม่ดีมั้ง” ดูจุนหันมากระซิบเบาๆข้างหูฮยอนซึง ดูจุนไม่ค่อยชอบจุนฮยองสักเท่าไหร่ ก็ดูสิ ขนาดมาโรงเรียนวันแรกยังจะมาทำท่าเหวี่ยงๆใส่ อยากจะรู้นักว่ามีมนุษยสัมพันธ์กับใครเค้าบ้างหรือเปล่า อีกเหตุผลหนึ่ง ดูจุนไม่ค่อยชอบให้จุนฮยองอยู่กับฮยอนซึง ถ้าทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ฮยอนซึงอาจจะสนใจจุนฮยองมากกว่าเขาก็เป็นได้
“เอาเถอะ...ดูจุน นี่เพื่อนใหม่นะ เราก็ต้องสนิทกับเค้าด้วยสิ” ร่างบางกระซิบกลับ
ดูจุนไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ยอมให้จุนฮยองมานั่งร่วมโต๊ะด้วย
หลังจากไปรอกีกวังแล้ว ทั้ง 4 คนก็มานั่งกินข้าวกลางวันกันที่โต๊ะหินอ่อน ซึ่งเป็นที่ประจำของพวกเขา
“เอ่อ...ฮยอนซึง นี่ใครหรอ?” เสียงใสของกีกวัง เอ่ยซักถามเจ้าของใบหน้าสวย ตากลมเบิกขึ้นราวกับอยากรู้อยากเห็น
“นี่จุนฮยองน่ะ ยงจุนฮยอง นักเรียนใหม่ห้องฉันเอง พวกนายก็รู้จักกันไว้ก่อนนะ”
“ฉันลีกีกวังนะ เรียกว่ากีกวังเฉยๆก็ได้ ^^” ร่างเล็กเอ่ยพร้อมยิ้มจนตาหยีให้อย่างเป็นน่ารัก มือบางยื่นออกมาหวังจะจับทักทาย แต่จุนฮยองกลับไม่ได้โต้ตอบการกระทำนั้น ทำให้กีกวังหน้าเสียเล็กน้อย
“นี่!! นายน่ะ เคยมีมิตรบ้างรึเปล่าเนี่ย ทำตัวเย่อหยิ่งอย่างนี้มันไม่มีใครเข้ามาคบหาหรอกนะ!!” ฮยอนซึงที่เริ่มทนไม่ไหวกับท่าทีเย็นชาของจุนฮยอง ตะหวาดขึ้นมาอย่างโมโห
“เฮ้อ...ก็ได้...ฉันชื่อยงจุนฮยอง ยินดีที่ได้รู้จัก”
“อ่อ..อืม เช่นกันนะ ^^;;” กีกวังอึดอัดกับท่าทีของอีกคน ดูจากภายนอกแล้ว ท่าทางจะเป็นคนชอบเหวี่ยงอยู่พอตัว แถมดูเหมือนตอนนี้ก็จะระเบิดเต็มทีแล้วสิ
บรรยากาศการกินข้าวเป็นไปอย่างอึดอัด ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่น้อย ดูจุนที่ปกติจะชวนคุยตลอดเวลา แต่กลับเงียบ แล้วก็ดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียด้วย กีกวังแทบจะกินข้าวไม่ลงเลยด้วยซ้ำ บรรยากาศตอนนี้มัน เหมือนกับว่ากำลังจะมีภัยพิบัติบางอย่างเกิดขึ้น
“นี่ กินข้าวเสร็จแล้วเดี๋ยวฉันจะพาชมโรงเรียนนะ” คำว่า ”นี่” ของฮยอนซึงทำให้กีกวังสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองร่างบางเป็นตาเดียวกัน จุนฮยองนั่งข้างฮยอนซึง เมื่อหันมาก็เห็นว่า ฮยอนซึงยื่นหน้าเข้าใกล้กับตนเอง จนทำให้หน้าของทั้งสองห่างกันเพียงหนึ่งศอก บวกกับที่ร่างบางส่งยิ้มหวานมาให้ ก้อนเนื้อด้านซ้ายของจุนฮยองก็กระตุกขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ตั้งแต่เช้ามา จุนฮยองยังไม่เคยได้สังเกตใบหน้าขาวนี้อย่างชัดๆเลย เมื่อได้ลองพิจารณาดีๆ เขาก็คิดว่าร่างบางร่างนี้ ดูงดงามกว่าผู้หญิงบางคนที่เขาเคยคบมาอีก เมื่อคิดได้อย่างนั้น หน้าก็ขึ้นสีมาอย่างไม่รู้ตัว
“-///-“
“ตกลงนะ? งั้นเก็บจานกัน ^^” ร่างบางลุกขึ้น ส่งผลให้คนที่เหลือลุกขึ้นตาม ก่อนจะเดินตามร่างบางไปเก็บจาน
หลังจากที่เก็บจานเสร็จแล้ว ฮยอนซึงก็พาจุนฮยองชมทั่วโรงเรียน แฟนคลับของฮยอนซึงต่างพากันมองอย่างอิจฉา บางคนก็มองด้วยสายตาอาฆาต บางคนก็มองด้วยสายตาเศร้าสร้อย จุนฮยองคอยสังเกตมาตลอด จึงรู้ว่า มีคนที่แอบชอบ แอบปลื้มร่างบางไม่ได้มีแต่หนุ่มๆในห้องเรียนเท่านั้น แต่มีอยู่ทั่วโรงเรียน!
ก็...น่าสนใจดีแฮะ ฮยอนซึงเนี่ย
ตลอดระหว่างที่ฮยอนซึงคอยพาจุนฮยองทัวร์รอบโรงเรียน ดูจุนก็เดินตามหลังฮยอนซึงไม่ขาด ถึงข้างๆจะมีกีกวังอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับกีกวีงดี ดูจุนมองหลังของฮยอนซึงด้วยสีหน้าหม่นหมอง เขาไม่เคยรู้สึกเหงาขนาดนี้มาก่อน พลางหัวก็คิดว่ากีกวังทนอยู่กับความรู้สึกแบบนี้ได้ยังไงกันนะ? นี่แค่วันเดียวก็รู้สึกอยากจะบ้าตายอยู่แล้ว ยิ่งคนที่อยู่ข้างๆฮยอนซึงเป็นคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าอีก อยากจะถล่มปืนใส่ใจจะขาด
“นี่กีกวัง...”
“?”
“นายไม่เหงาบ้างหรอ?”
“...นั่นน่ะ ก็มีอยู่บ้างแหละ”
“แล้วไม่คิดจะหาเพื่อนหรอ?”
“ก็...ฉันเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งนี่ ถ้าตอนที่ฉันเข้าโรงเรียนนี้ ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับฮยอนซึง ไม่ได้นั่งข้างฮยอนซึง บางที ในปีต่อไปหลังจากนั้น ฉันอาจจะออกจากโรงเรียนไปแล้วด้วยซ้ำ” กีกวังเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงอ่อน
“แล้วนาย..เคยคิดเรื่องแฟนบ้างมั้ย?”
“ถ้าถามว่าเคยมั้ย...ก็เคยอ่ะนะ แต่ฉันคิดว่า...อยู่กับพวกนายน่าจะดีกว่า”
“...งั้นหรอ...”
หลังจากที่ดูจุนพูดจบ บทสนทนาของทั้งคู่ก็จบลงไปด้วย จนกระทั่ง เสียงกริ่งของการเริ่มคลาสเรียนช่วงบ่ายดังขึ้น
.
.
.
.
.
.
- เลิกเรียน - (เร็วเนอะ -^-)
เสียงกริ่งเลิกเรียนดังขึ้น ทั้งห้องกำลังชุลมุนกับการเก็บอุปกรณ์การเรียนใส่กระเป๋าของตนเอง มีเพียงจุนฮยองคนเดียวที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่
“นี่...ไม่เก็บของหรอ?” ฮยอนซึงเอ่ยถามร่างสูงที่นั่งเล่นโทรศัพท์อย่างสบายใจเฉิบ
“เดี๋ยวค่อยเก็บก็ได้” ตอบกลับโดยที่ใบหน้าคมยังไม่ได้ละไปจากหน้าจอโทรศัพท์
Rrrrrr
เสียงสั่นของโทรศัพท์ของร่างสูงดังขึ้น เดาว่าคงมีใครโทร.มานั่นแหละ
“ว่าไง?” กดรับสายก่อนจะกรอกเสียงเข้มลงไปถึงปลายสาย
(เฮ้ยมึง วันนี้ไปผับไหนดีวะ?)
“ที่เดิมละกัน”
(เหอะมึง...กูเบื่อแล้วว่ะ ได้ยินว่าที่ผับXX สาวเด็ดนะเว้ย)
“ก็แล้วแต่”
ร่างบางเริ่มสงสัยกับบทสนทนาของร่างสูง จึงแอบเงี่ยหูฟังอย่างอยากรู้
(เออ คืนนี้เจอกันที่ผับ XX นะเว้ย) ถึงจะไม่ได้ยินชัดร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ร่างบางก็พอจับใจความได้ พลันตากลมเบิกโตด้วยความตกใจ
“อืม”
“จุนฮยอง...” เมื่อเห็นร่างสูงวางสาย ร่างบางก็รีบเอ่ยเรียกทันที
“...”
“นาย...ไปผับด้วยหรอ?”
“...แล้วทำไม”
“อย่าไปเลยนะ...มันไม่ดีกับนาย”
“เรื่องของฉัน...”
“แต่จุนฮยอง...ถ้านายดื่ม ก็ต้องเมา เมาแล้วก็ต้องมีอุบัติเหตุนะ”
“มันไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวฉัน...” ร่างสูงเสมองไปทางอื่น เหมือนกับไม่อยากรับรู้อะไร
“ถึงไม่เคยเกิดขึ้นก็เถอะ แต่ก็ต้องป้องกันไว้นะ”
“เรื่องของฉัน นายไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”
“...”
“...”
“...”
“...”
“อย่าไปเลยนะ...” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เสียงหวานที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วง ทำให้จุนฮยองอดใจเต้นไม่ได้ จังหวะของหัวใจที่เร็วถี่ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ
“...”
“ฮยอนซึง ไปชมรมฟุตบอลกัน” ดูจุนที่เพิ่งเก็บของเสร็จ หันมาชวนร่างบาง
“อ่ะ...อืม...” ขานตอบรับเสียงเบาๆ ร่างบางหันมามองจุนฮยองเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องตามดูจุนไป
- เวลา 22.00 น. ณ ผับXX -
“งาย ไอ้จุน สาวเด็ดปร้า~~” เพื่อนของจุนฮยองเอ่ยเสียงยาน คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดื่มไปเยอะซะขนาดไหน
“...”
“....เป็นรายปายว้า~”
“...เปล่า”
“วันนี้เมิงดื่มน้อยจังหว่า~~~” เอ่ยพูดพร้อมกับมองเครื่องดื่มสีอำพันในแก้วไวน์ที่ลดไปเพียงไม่ถึงครึ่ง และขวดไวน์สองสามขวดที่ยังไม่ได้เปิด รวมถึงขวดไวน์ที่พนักงานรินให้ ปริมาณไวน์ก็ไม่ลดลงเลย คงดื่มแค่ครึ่งแก้วนั่นแหละ
“.....”
“อย่าไปเลยนะ...”
เสียงของฮยอนซึงดังขึ้นมาในหัวของจุนฮยอง พร้อมกับเสียงหัวใจของร่างสูงดังขึ้นมา จนเจ้าตัวสามารถรับรู้ได้
มือหนายกขึ้นมาทาบลงบนตำแหน่งของหัวใจ ความรู้สึกแปลกๆที่แม้แต่เกิดมาก็ยังไม่เคยได้สัมผัสมัน
นั่นสิ.............นี่เรา...เป็นอะไรไปนะ...
.
.
.
.
.
.
.
TO BE CONTINUE IN CHAPTER III
BONUS+++
เรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อิอิ
แมวน้อยย (คือจริงๆมันเป็นหูของเสือ แต่พอนางใส่แล้วเราว่ามันดูเหมือนลูกแมวอ่ะ 55)
หลังจากที่ไรต์พยายามลงเพลงจนเลือดแทบจะสาด ปริ่มมาก TT^TT 555
ความคิดเห็น