ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    True love at first sight..รักแท้แรกพบ [Yuri][Fic:SNSD]

    ลำดับตอนที่ #8 : 7 love >> "Count on me...My heart"

    • อัปเดตล่าสุด 3 ก.พ. 53


    Chapter 7
     
    กว่าเจสสิก้าจะเสร็จงานที่ชมรมก็ปาไปเกือบสองทุ่มทำเอายูริอารมณ์หงุดหงิดไปไม่น้อย แต่ถึงแม้จะอารมณ์เสียแค่ไหน พอเห็นเจสสิก้าเดินมาหาตัว ใบหน้าที่บึ้งตึ้งก็คลายปมออกทันที...และตอนนื้ทั้งสองคนก็กลับมาถึงซอยบ้านของเจสสิก้าแล้ว
     
    ทั้งๆที่ทั้งคู่มีเรื่องราวอยากจะพูดถึงกันมากมาย...แต่กลับไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดออกมาขัดบรรยากาศยามค่ำคืนที่มีดวงดาวนับล้านปรากฏขึ้นให้ได้จ้องมอง...มีเพียงมืออันอบอุ่นของยูริที่ประสานจับมือของเจสสิก้าไว้แน่นให้ร่างบางได้อุ่นใจว่าไม่ได้เดินอยู่คนเดียว....เจสสิก้าตอนนี้ทำน่านิ่งซะจนร่างสูงไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้ว่าเป็นอย่างไร....รู้แค่ว่าเธอรู้สึกไม่ดีเอาซะเลยที่เจสสิก้าเงียบแบบนี้
     
    “ดาวดวงนั้น...สวยมากเลยนะ....” ยูริเอ่ยขึ้นเบาๆทำลายความเงียบพร้อมกับขยับนิ้วโป้งของตัวเองที่ว่างอยู่ลูบหลังมือเจสสิก้าอย่างอ่อนโยน...ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อรู้สึกถึงแรงสั่นไหวที่ส่งผ่านมายังฝ่ามือพร้อมกับเสียงสะอื้นเล็กๆที่คนข้างกายพยายามกลั้นไว้
     
    “เจ้า...อย่าร้องไห้สิ....ข้าอยู่กับเจ้าแล้วนะ...ข้าอยู่ตรงหน้าเจ้านี้แล้ว....” ร่างสูงพูดปลอบโยนพร้อมกับดึงตัวเจสสิก้ามากอดไว้แน่น แต่เหมือนจะปลอบยังไงเจสสิก้าก็ยังสะอื้นไม่หยุด ร่างสูงค่อยๆคลายอ้อมแขนและใช้นิ้วเกลี่ยน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มเนียนใสเบาๆ ก่อนจะจุมพิตซับน้ำตาอย่างอ่อนโยน
     
    “ยูลอยู่นี่แล้ว...อยู่กับเจสแล้วไง....” ถึงแม้ว่าประโยคที่เอ่ยออกมาดูไม่เป็นธรรมชาติ แต่น้ำเสียงที่ได้ยินบ่งบอกถึงความจริงใจที่ส่งผ่านมาได้เป็นอย่างดี...ยูริยอมแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นที่เธอตั้งให้ทั้งๆที่ไม่ค่อยชอบที่จะใช้แทนตัวเองนัก...มันทำให้เจสสิก้ายิ่งสะอื้นหนักและโผเข้ากอดคนตัวสูงทันที
     
    “ฮึกๆๆๆ...” มีแค่เพียงเสียงร้องไห้เท่านั้นที่ได้ยินจากเจสสิก้า ยูริลูบศีรษะเบาๆพร้อมโอบเอวร่างบางมาแนบตัวเองมากขึ้น ก่อนจะจรดปลายจมูกตัวเองลงบนแก้มเนียนใสของร่างบาง เจสสิก้าดึงเสื้อยูริเหนี่ยวรั้งไว้แน่นกลัวคนตัวสูงจะหายไปจากเธออีก
     
    “ย...ยูล...ฮึกๆ” 
     
    ร่างบางซุกใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาลงบนไหล่กว้างของคนตรงหน้า ชื่อที่เธอเรียกออกมาไม่ได้มีความหมายอย่างไร...เธอแค่อยากเรียกเท่านั้น...เธออยากเรียกชื่อยูริเป็นพันๆล้านๆครั้ง เพื่อตอกย้ำตัวเองว่า เธอมีคนชื่อนี้อยู่ข้างกายจริงๆ เจสสิก้าอยากจะพูดอะไรต่ออีกมากมายหากแต่เพียงแค่เริ่มขยับริมฝีปากจะเปร่งเสียงออกก็เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอเต็มไปหมด เลยทำได้แต่เพียงสะอื้นต่ออย่างหนัก
     
    “ฟังเสียงหัวใจข้าสิ....มันกำลังขานตอบเจ้าอยู่ทุกคราที่เจ้าเรียกข้านะ....” ยูริเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับช้อนตัวเจสสิก้าขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทันที ร่างสูงกระชับแขนให้มั่นคงก่อนจะดึงให้เจสสิก้ามาซบอกข้างซ้ายของตัวเองแทนซบไหล่ เสียงหัวใจที่หนักแน่นและเต้นโครมครามขัดกับสีหน้านิ่งเรียบของเจ้าตัวทำให้เจสสิก้าอดที่จะแนบหูฟังนานๆไม่ได้
     
    “กอดข้าให้แน่นสิ...ให้เสียงหัวใจข้ากล่อมเจ้าสู่นิทรา...”
     
    “เจสไม่อยากหลับตา...ถ้าเจสหลับตาลง...เจสกลัวยูลจะหายไปจากเจส...” เสียงแผ่วเบาของเจสสิก้าพาให้ยูริรู้สึกแย่ทันที...ถ้าวันใดวันหนึ่งข้าไม่ได้อยู่กับเจ้าแล้วล่ะเจสสิก้า...
     
    “ไม่หาย...ไม่หายไปไหนอีกแล้ว....ข้าสัญญา” ร่างสูงตอบทั้งๆที่ในใจไม่ได้รู้สึกว่าเป็นอย่างที่พูดเลย...ข้าไม่ใช่มนุษย์...สักวันต้องกลับไปที่ๆข้าควรอยู่...บนโลกมนุษย์ไม่ใช่ที่ๆข้าสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้นาน....
     
    “สัญญาแล้วนะ....” เจสสิก้าพึมพำเบาๆก่อนจะค่อยๆปิดตาลงปล่อยให้ยูริพาตนกลับบ้านอย่างปลอดภัย....
     
     
     
    ยูริอุ้มเจ้าหญิงในอ้อมแขนวางลงบนเตียงใหญ่อย่างแผ่วเบา เจสสิก้าตาปรือขึ้นมาเล็กน้อย...ก่อนจะเริ่มร้องไห้อีกครั้งเมื่อคิดว่านานเท่าไหร่แล้วที่ลืมตาขึ้นมาไม่เจอยูริ....แค่คิดแบบนี้ น้ำตาก็ไหลพราก ร่างสูงเอานิ้วปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยนพร้อมกับขยับหมอนให้เจสสิก้านอนสบายขึ้นและลุกขึ้นไปจากเตียงจะออกไปนอกห้อง
     
    “ยูลจะไปไหน?” ร่างบางเด้งตัวขึ้นมาจากหมอนอันแสนนุ่มทันทีที่เห็นยูริจะออกไปจากห้อง ร่างสูงหันกลับมามองเจสสิก้าก่อนจะนั่งลงข้างตัวหญิงพร้อมกับแตะริมฝีปากเบาๆที่ตำแหน่งเดียวกันของเจสสิก้า ร่างบางเกาะเสื้อคนตัวสูงดึงไว้แน่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาเหมือนเด็กกำลังจะงอแง
     
    “ไปหาอะไรมาประคบตาบวมๆของคนแถวนี้น่ะ...” ยูริตอบพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของเจสสิก้าที่ดูตกใจเล็กน้อยกับขอบตาที่บวมเปล่งเพราะการร้องไห้อย่างหนัก
     
    “กลับมานะ....” ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะจุมพิตเบาๆที่หน้าผากมนและดันให้หญิงสาวนอนลงไปดีๆ ยูริเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อสัมผัสถึงความร้อนจากตัวของเจสสิก้าที่เธอได้รับเมื่อครู่ คนตัวสูงถอนหายใจเบาๆทันทีเมื่อรู้สึกว่า หัวใจของเธอกำลังเป็นไข้ซะแล้ว....ทำไมไม่ดูแลตัวเองดีๆนะ
     
     
    ผ่านไปครู่หนึ่งยูริก็เดินกลับมาที่ห้องพร้อมอ่างใส่น้ำใบเล็กๆที่ค้นเจอมากับผ้าผืนขนาดปานกลางที่ไปเจอมาเหมือนกัน ร่างสูงวางของทุกอย่างลงบนตู้เล็กๆข้างเตียงและค่อยๆนั่งลงข้างตัวของเจสสิก้า ร่างบางเมื่อรู้สึกถึงการมาของยูริก็ลุกขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับกอดอ้อนคนตัวสูงแน่น ใบหน้าที่ร้อนผ่าวที่แนบลงบนแผ่นหลังกว้างยิ่งทำให้ยูริแน่ใจว่าเจสสิก้าไม่สบาย....
    ไม่ใช่ว่าไม่ชอบให้เจสสิก้ากอด...แต่คนป่วยต้องนอนพักไม่ใช่หรือ...จากการใช้ชีวิตมาเกือบพันปีของเธอมันทำให้เธอพอเห็นจากหลายคนมาว่าต้องให้คนป่วยนอนพักพร้อมกับเช็ดตัว...เพราะงั้นหัวใจของข้าก็ต้องได้รับการพักผ่อนสิ ไม่ใช่ลุกขึ้นมากอดแบบนี้
     
    “เจ้า...ต้องนอนสิ” ยูริว่าพร้อมกับดันให้เจสสิก้าลงไปนอนอีกครั้งทำให้เจ้าตัวหน้ามุ่ยได้ทันที ร่างบางค้อนวงใหญ่ก่อนจะอ้าปากเถียง ยูริเอานิ้วชี้แตะปากเจสสิก้าเบาๆบอกให้เงียบทันทีเล่นเอาคนตรงหน้าปากแบะใส่เลย
     
    “รู้บ้างมั้ย ว่ามีไข้” ร่างสูงพูดแล้วก็เอามืออังหน้าผากเจสสิก้า ร่างบางส่ายหน้าน้อยๆอย่างไม่ใส่ใจกับอุณหภูมิของร่างกายตัวเองพร้อมกับทำแก้มป่องงอนคนตัวสูง ยูริยิงฟันแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะจิ้มเข้าที่แก้มป่องๆให้แตกโพล้ะ
     
    “นอนลงไปดีๆเลย...” เจสสิก้าทำจมูกรั้นเชิดใส่ยูริพร้อมกับนอนหันหลังให้แกล้งทำเป็นงอน ร่างสูงส่ายหน้าน้อยๆและหันไปสนใจกับผ้ากับอ่างน้ำแทน ยูริค่อยๆหยิบผ้าขึ้นมาและบิดอย่างตั้งใจ ก่อนจะดึงตัวเจสสิก้าที่นอนตะแคงหันหลังให้กลับมานอนหงายและแปะผ้าชุบน้ำหมาดๆลงบนหน้าผากทันที
     
    “งอนมากไม่น่ารักนะ” ยูริแกล้งทำเสียงดุ แต่แค่แกล้งก็ทำให้เจสสิก้าน้ำตาเริ่มคลอเบ้า ทำเอาร่างสูงต้องรีบกลับมาโอ๋ต่อ
     
    “ห้ามร้องไห้นะ...ข้าแค่อำเท่านั้นเอง” ประโยคโอ๋แบบห่ามๆ สไตล์คนไม่เคยต้องเทคแคร์ใครมากเท่านี้ของยูริเกือบทำให้เจสสิก้ากลับมาหัวเราะแล้ว
     
    “เจ้าร้องไห้...เจสร้องไห้ หัวใจข้าเจ็บนะ....เจสอยากให้ยูลเจ็บเหรอ...”
     
    “ไม่....” เจสสิก้าตอบเสียงแผ่วก่อนดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงปากตัวเองและหลับตาพริ้มเมื่อยูริก้มหน้าต่ำลงมาแตะริมฝีปากเบาๆที่ริมฝีปากของเธอ
     
    [Yuri talks]
    มนุษย์นี่ไม่ดีเอาซะเลย....ข้าเกิดมาเกือบพันปียังไม่เคยเป็นไข้สักนิด...ภูมิต้านทงภูมิต้านทานบ้าบออะไรไม่เห็นจะจำเป็นกับข้า...วิตามินบ้าไรนั่นก็เหมือนกัน แค่คิดว่าต้องยัดพวกนั้นเข้าไปในปากก็รู้สึกสะอิดสะเอียด...กินพวกนั้นสู้กินอาหารจริงๆไม่ดีกว่าเหรอ...แล้วเชื้อโรคบ้าไรพวกนั้นก็กล้านัก มาทำให้หัวใจของข้านอนซมเช่นนี้...บ้าจริงๆ...เจสสิก้าเจ้าจะรู้มั้ยว่าข้าอึดอัดจนแทบบ้าอยู่แล้วที่ต้องทนเห็นเจ้านอนซมแบบนี้...
     
    ข้าไม่เคยดูแลใคร..ข้าไม่เคยต้องเป็นห่วงใคร...ข้าไม่เคยต้องแทบเป็นบ้าเพราะใคร แต่ข้ากลับรู้สึกแบบนี้กลับเจ้า...หากทุกสิ่งนี้เรียกว่าความรักจริงๆ เจ้าจะรู้บ้างมั้ยว่าการที่เจ้าไม่สบายเช่นนี้ทำให้คนที่รักเจ้าทรมานแค่ไหน...เจ้าตัวร้อนราวกับไฟแต่ข้ากลับปกติดี...เจ้าหายใจติดขัดแต่ข้ากลับหายใจสะดวกคล่อง...เจ้ารู้สึกหนาวราวกับอยู่ขั้วโลกเหนือ แต่ข้ากลับรู้สึกอุ่นราวกับมีเสื้อขนสัตว์ห่มหุ้มกาย....หากข้าเลือกได้ ข้าขอลำบากแทนเจ้าจะได้เถอะ...ข้าทนได้...
     
    ข้าได้แต่คอยปลอบโยนเจ้าเมื่อเจ้ารู้สึกปวดเมื่อยตัว...ข้าได้แต่คอยวัดไข้เจ้าเมื่อเวลาผ่านพ้นไปแต่ละวินาที...ข้าได้แต่คอยมองเจ้าที่กำลังทรมาน!!! บ้าจริง!!!....ถ้าข้าอยากดูแลเจ้าให้มากกว่านี้ ให้เจ้าหายไข้ไวๆ ข้าต้องทำเช่นไร
     
    “เช็ดตัว...ลงไปหายามาสิ...นี่มันโลกยุคใหม่แล้ว ทานยาสองสามชุดก็หายเป็นปกติ เจ้าน่าจะศึกษาวิวัฒนาการของคนสมัยนี้ให้ดีกว่านี้นะ” เสียงเรียบดังขึ้นภายในหัวของข้า ก่อนจะเห็นหมอกสีแดงปรากฏขึ้น...แทยอน...จะมาตามข้ากลับอีกล่ะสิ
     
    “แล้วตอนกลางคืนจะมีอะไรให้ข้าศึกษาบ้างล่ะ...เจ้าก็น่าจะรู้ข้าพักผ่อนยามพระอาทิตย์ขึ้น...ยามองค์อะพอลโลเริ่มควบอัศวะคู่กายท่องนภา...”     
     
    “ช่างเถอะ...แต่เจ้ากล้ามากนะหนีข้ามาแบบนี้ทั้งๆที่แผลเจ้ายังไม่หายดี” ข้าไม่ได้ตอบอะไรแทยอนกลับเพราะที่พูดมาคือเรื่องจริงทั้งหมด...แผลข้ายังไม่สนิทดีเจ้าเซอร์บิรุสหัวนั้นบังอาจฝังเขี้ยงลงคอข้าเสียลึก...จนเสียวแปร๊บไปทั่วไหล่เมื่อขยับแขนแรงๆ
     
    “เจ้ามีความรักเมื่อใด...เจ้าจักรู้ว่าทำไมข้าถึงเลือกหนีเจ้ามา แทยอน...” ถ้าเจ้าไม่รู้ว่าความคิดถึงมันเป็นยังไง เจ้าก็ไม่มีสิทธิมาห้ามข้าเรื่องความรัก...
     
    แทยอนนิ่งเงียบไป โชคดีที่เจ้านี่มีพลังมากกว่าข้า...มันสามารถเลือกใช้พลังตามที่ต้องการได้...เพราะมันสามารถกลับไปเติมได้ที่ที่ของมัน...มันสามารถเลือกที่จะให้ข้าเห็นและได้ยินเสียงมันคนเดียว...เหมือนกับตอนที่ข้าใช้กับเจสตอนแรก...ตอนนั้นพลังข้ายังเต็มร้อย...
     
    “เลิกนินทาข้าได้แล้ว...ข้าอ่านความคิดเจ้าได้นะตอนนี้ยูริ....ยังไงเสียเถอะ เจ้าก็เป็นญาติผู้น้องของข้า ข้ามิอาจปล่อยปะละเลยเจ้าไปได้...อีก 1 ปีที่ร่างกายของเจ้าใกล้จะสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีกครั้งเพื่อพาเจ้ากลับไป...ระหว่างนี้ข้าจะลองศึกษาดู...ว่าความรักเป็นเยี่ยงไร...”
     
    “เจ้าต้องลองศึกษาด้วยตนเอง...ไม่ใช่จากตำราที่มีอยู่เต็มห้องหนังสือของเจ้า....”
     
    “แล้วจะลอง....ข้าไปล่ะ นี่...ยาของผู้หญิงของเจ้า ข้าแวะไปหามาก่อนจะปรากฏตัวให้เจ้าเห็น...ให้นางทานซะ...แล้วคอยเช็ดตัวให้ดี ไม่งั้นพรุ่งนี้เป็นหนักกว่าเดิมข้าไม่ขอยุ่ง....”
     
    เจ้าบ้าตำรานั่นพูดจบก็โยนถุงบางอย่างให้ข้า ก่อนจะหายวับไป ข้าได้แต่มองเม็ดกลมๆในถุงเหล่านั้นอย่างพิศวง...ต้องให้หัวใจของข้าทานเม็ดพวกนี้น่ะหรือถึงจะหาย....แล้วเช็ดตัวในความหมายของเจ้า...ข้าต้องเช็ดถึงไหนกัน?
    [Finish Yuri talks]
     
     
    ยูริแกะซองยาออกพร้อมกับหยิบมาอย่างละเม็ดวางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ ก่อนจะออกจากห้องลงไปหยิบขวดน้ำในครัวขึ้นมา...ในใจก็พร่ำถามว่า เม็ดพวกนั้นจะรักษาเจสสิก้าได้จริงหรือ...ร่างสูงเข้ามาในห้องกลับต้องรีบวางขวดน้ำลงและปรี่เข้ามาหาร่างบางที่ร้องไห้อยู่บนเตียง
     
    “ฮึกๆๆ...ยูล...” เสียงสะอื้นของเจสสิก้าทำให้ยูริทรมานทันที
     
    “เป็นอะไรไป...ใครทำอะไรเจ้า...”
     
    “จ...เจส...ฮึกๆ....แค่นึกว่ายูลจะหายไปอีก...” เจสสิก้ากอดยูริไว้แน่น หลังจากที่ตื่นมาจากฝันร้ายที่ฝันว่ายูริหายไปจากเธออีกครั้ง แล้วก็พบว่าในห้องที่เธอนอนอยู่ปราศจากยูริเธอก็ร้องไห้ทันที ร่างบางพยายามกลั้นสะอื้นแต่ยิ่งกลั้นก็ยิ่งทรมาน เจสสิก้าเอามือปิดปากตัวเองไว้กันเสียงร้องของเธอจะทำให้ยูริรู้สึกรำคาญใจ...
     
    “ไม่มีอะไรแล้ว..เจสสิก้า” ร่างสูงตอบเสียงนุ่มพร้อมกับดึงมือของเจสสิก้าที่ปิดปากกลั้นเสียงร้องไห้ออกและจับฝ่ามือนั้นมาหอมแทน
     
    “อยากร้องก็ร้องสิ...ไม่เห็นต้องกลั้นให้ทรมานเลย...กลั้นสะอื้นมันทรมานกว่าร้องไห้อีกนะข้าว่า...”
     
    “ฮึกๆ...เจสกลัวยูลรำคาญเสียงเจส...”
     
    “ข้าจะรำคาญเสียงของหัวใจของข้าได้ยังไงเล่า...เพราะเสียงของเจ้ามิใช่หรือ ที่ทำให้หน้าอกด้านซ้ายของข้ากลับมาเต้นเป็นจังหวะได้อีกครา...”
     
    เจสสิก้ามองหน้ายูริพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่น ร่างสูงรั้งเอวร่างบางไว้ก่อนจะใช้นิ้วลูบเปลือกตาเบาๆและใช้หลังมืออังหน้าผาก
     
    “ดูสิ...ตาบวมไปหมดแล้ว...ไข้ก็ยังไม่ลด...” เจสสิก้าไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ซุกใบหน้าลงบนอกของคนตัวสูง ยูริลูบศีรษะร่างบางไปพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูที่ใช้วางบนหน้าผากเจสสิก้าหย่อนลงไปในอ่างน้ำเล็กๆเพื่อคลายความร้อน
     
    “ตัวยูล...อุ่นกว่าผ้าห่มอีก...”
     
    “งั้นก็กอดข้าไว้ให้หายหนาว...ข้าจะเป็นผ้าห่มให้เจ้าเอง...” ยูริกระชับอ้อมแขนพร้อมกับจุมพิตเบาๆที่หน้าผากมนและดันให้เจสสิก้านอนลงไป ร่างสูงใช้แขนตัวเองแทนหมอนให้ร่างบาง เจสสิก้าพึมพำคำขอบคุณเบาๆก่อนจะหลับตาลงอย่างอุ่นใจ
     
    “ค่ำคืนนี้...ราตรีนี้...ข้ายังได้อยู่กับเจ้า....แต่อีก 365 ราตรี ข้าอาจจะ...หายไปแล้วก็ได้...” ยูริพูดขึ้นหลังจากที่ตรวจดูสนิทแล้วว่าเจสสิก้าเข้าสู่นิทราไปเรียบร้อยแล้ว...ร่างสูงมองมือตัวเองที่มีสีซีดลงก่อนจะกลับมาเห็นเป็นสีเดิมอย่างกังวล...นี่มันก็เป็นแค่อาการแรกล่ะ...
     
    “ข้าไม่เคยบอกรักเจ้าเลยสักครั้ง...” ร่างสูงพูดพร้อมกับลูบศีรษะคนในอ้อมกอดที่หลับปุ๋ยอย่างแผ่วเบา...ยูริไม่ได้ต้องการให้เจสสิก้าได้ยินประโยคเหล่านี้อยู่แล้ว...
     
    “แต่เจ้าเชื่อข้าเถิด...หัวใจของข้ามอบให้ใครไม่ได้อีกแล้ว...ตราบใดที่หัวใจของข้ายังคงเต้นอยู่...มันจะอยู่กับเจ้าไปจนวันที่ข้าหยุดหายใจพร้อมกับพร่ำตะโกนร้องบอกเจ้าทุกวินาทีว่า...”
     
    Σε αγαπώ...(ข้ารักเจ้า)....” 




    -----------------------------------------------------------------

    ไรท์เตอร์หายหัวไปนานเหมือนกันนะเนี่ย....เพิ่งจะมาคิดๆดู - -"
    แบบว่า งานยุ่ง งานเยอะ กิจกรรมหนัก เรียนโฮก น่ะเออ~ = =  เลยแต่งไม่ไปถึงไหนสักที
    วันทั้งวันหมดไปกับอะไรก็ไม่รู้ - - เยอะแยะมากมายช่วงนี้  พอถึงบ้านก็หลับปุ๋ย~ ตั้งแต่ 4 ทุ่ม 

    ตอนนี้ชอบคำพูดของยูริช่วงหลังๆอ่ะ แต่งเองแล้วก็ อ๋า~  คำพูดได้ใจแฮะ

    P.S. อยากให้วันนึงมีเวลากับตัวเองมากกว่านี้ T^T  
    P.S.2 แขนเจ็บขั้นรุนแรง....ไม่หายสักที  ใช้แต่มือซ้ายมาเกือบอาทิตย์แล้วนะ

    P.S.3  เม้นท์กันด้วยเถิดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด  ลงให้ครบ 100%  ทีเดียวเลยนะ T T 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×