ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    True love at first sight..รักแท้แรกพบ [Yuri][Fic:SNSD]

    ลำดับตอนที่ #5 : 4 love >> "Don't give me alone..."

    • อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 53


    Chapter 4
     
     
    “นี่...ผู้หญิงโรงเรียนเจ้าน่ารำคาญแบบนี้ไปซะทุกคนหรือเปล่าเนี่ย” ยูริบ่นอย่างหัวเสียหลังจากดึงหนังสือเล่มหนาจากมือของเจสสิก้ามาถือให้ ตอนที่เธอรอเจสสิก้าก็มีแต่ผู้หญิงเดินมาวนเวียนมาอ่อยเหยื่อ...ทำบ้าอะไรกันก็ไม่รู้
     
    “ไม่หรอกน่า...อย่างน้อยก็มีเจสคนหนึ่งละ” คนข้างกายพูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก และคล้องแขนคนตัวสูงพร้อมกับอิงหัวไหล่อย่างเอาใจ ที่จริงเธอก็ไม่ได้ชอบให้ยูริถูกรุมล้อมแบบนั้นหรอกนะ แต่ก็ไม่อยากทำท่าหึงหวงจนเกินไป เดี๋ยวยูริจะดูเธอไม่ดี
     
    ภาพคนสองคนที่เดินควงแขนอิงไหล่กันมาตามทางเดินหินขัดสร้างความบาดตาบาดใจและความอิจฉาแก่คนแถวนั้นนัก....คนหนึ่งเป็นถึงว่าที่ดาวมหาลัย เพียงแต่ไม่ยอมรับตำแหน่ง....อีกคนก็เป็นใครไม่รู้ รู้แต่ว่าคนอะไรทั้งหล่อทั้งสวยได้ในเวลาเดียวกัน....หากได้ควงแขนใครสักคนหนึ่งในนั้นจะดีสักแค่ไหนเชียวนะ...ไม่อยากจะเพ้อ
     
    “นี่...ให้...” ยูริหยิบของบางอย่างจากกระเป๋ากางเกงและโยนให้เจสสิก้าอย่างอายๆ ทำเอาร่างบางคว้าแทบไม่ทัน เจสสิก้ามองของที่อยู่ในมือก่อนจะทำหน้างงๆ
     
    “ไม่รู้เรียกว่าอะไร...รู้แต่ว่ามันหวานๆ เอาเข้าปากแล้วรู้สึก อื้มมม~ มากมาย” ร่างสูงพูดขึ้นมาเปรยๆ ก่อนจะทำหน้า อื้มมม~ ให้เจสสิก้ารู้สึกหมั่นเขี้ยวเล่น
     
    “อื้มมม~ เนี่ย เป็นอารมณ์แบบไหนเหรอยูล” ร่างบางเอ่ยแซวคนตัวสูง ก่อนจะแกะซองลูกอมและเอาเข้าปากช้าๆ
     
    “เจ้ากินเดี๋ยวก็รู้ มันอื้มมม~ แต่หวานน้อยกว่าเวลาจูบเจ้านิดนึง” ยูริพูดแซวเจสสิก้าบ้าง ทำให้ร่างบางหน้าแดงขึ้นมาทันที
     
    “เนี่ย...เรียกว่า ลูกอม จำไว้ซะหนูน้อยยูล” เจสสิก้าพูดพร้อมกับลูบผมของคนตัวสูงและหัวเราะร่า ต่างกลับยูริที่แทบจะแยกเขี้ยวงับหัวเจสสิก้าเข้าให้
     
     
     
    “ขากลับไม่เดินแล้วได้มั้ยเนี่ย” ร่างสูงบ่นหงุบหงิบ ขณะเดินผ่านประตูรั้วมหาลัยเพื่อกลับบ้าน ทำให้เจสสิก้าหันมามองด้วยความสนใจ
     
    “ได้สิ...ก็ปกติเจสไปกลับด้วยรถเมล์.....” ร่างบางพูดเสียงอ่อยเล็กน้อย ยูริยิ้มร่าด้วยความดีใจที่ไม่ต้องเดินกลับ แต่แล้วก็ฉุกคิดประโยคสุดท้ายของเจสสิก้าขึ้นมาได้
     
    “ฮะ! แล้วเมื่อเช้า...!!”  
     
    “ก็....เจสอยากเดินกับยูลนี่คะ....” เจสสิก้าหาทางหนีความผิดโดยการอ้อน....และมันก็ได้ผล
     
    “มันน่านักเชียว.....” ยูริทำหน้าเขม่นใส่คนข้างกายทันที เจสสิก้าได้แต่ยิ้มแห้งๆและดึงให้คนตัวสูงมาอยู่ในร่มของป้ายรถเมล์เพราะจำได้ว่าเมื่อเช้าเจ้าตัวบ่นอุบอิบว่าไม่ค่อยชอบโดนแดด...ยูริไม่ได้โดนแดดไม่ได้ เพียงแค่คุ้นเคยกับการท่องราตรีมานานเกือบพันปีแล้วเลือกที่จะพักผ่อนยามพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้นเอง...เธอโดนแดดได้ เดินกลางแดดได้ แต่ด้วยนิสัยที่ทำมาเป็นเวลานานส่งผลให้ง่วงนอนเฉยๆ...
     
    “ไม่ใช่เจ้า ข้าจะเอาให้ตายคามือเลย....ฮึ่มม...”
     
    “อ๊ะ! นั่นรถเมล์มาแล้ว” ร่างบางนึกขอบคุณรถที่แล่นเข้ามา ก่อนจะฉุดตัวคนที่ยืนบ่นพึมพำให้ขึ้นรถตาม
     
    เมื่อทั้งสองขึ้นรถมาแล้ว รถเมล์คันใหญ่จึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากป้าย เจสสิก้าหยอดธนบัตรในเครื่องขายตั๋วอัตโนมัติและจูงมือคนที่ไม่เคยขึ้นรถเมล์มาก่อนให้เดินตามมา   ร่างบางมองซ้ายขวาเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจเลือกนั่งที่นั่งหลังสุดที่ดูลับตาคนหน่อย เจสสิก้ายิ้มกว้างพร้อมกับตบเบาะข้างๆเชิงบอกให้ยูรินั่งตรงนี้ ร่างสูงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวลงเบาะข้างๆและกอดอกทันทีด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
     
    “โกรธเจสเหรอคะ” เจสสิก้าถามเสียงหวาน พร้อมกับเอนศีรษะลงบนไหล่กว้างของคนข้างกายและลูบต้นแขนยูริไปมา
     
    “ไม่ได้โกรธ....ไม่ได้งอน....ไม่ได้เคือง....” 
     
    “แต่อย่างงี้แถวบ้านเจสเรียกว่าเข้าข่ายที่ยูลพูดมาทั้งหมดเลยน้า...”
     
    “ดีกันน้า~” ร่างบางใช้รอยยิ้มแสนหวานเป็นอาวุธ พร้อมกับชูนิ้วก้อย รอให้ยูริเกี่ยว ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยอมเกี่ยวก้อยอย่างยอมแพ้ ทำให้เจสสิก้ากอดเอวคนตัวสูงแน่นทันที
     
    “ที่เมื่อเช้าเดินมาโรงเรียนก็เพราะอยากอยู่กับยูลไงคะ....ได้ใช้เวลากับคนที่รู้สึกดีมากๆด้วยเป็นความฝันอย่างหนึ่งของเจสเลยนะ...”
     
    “เฮ้อ....เจ้าน่ารักแบบนี้แล้วข้าจะเคืองเจ้าได้นานเท่าไหร่กันเชียว...” ยูริพูดเปรยออกมาเบาๆก่อนจะขยี้ผมของคนช่างอ้อนเล่นอย่างหมั่นเขี้ยว....จริงๆก็ไม่อยากโทษเจสสิก้าเท่าไหร่หรอก...เพราะร่างบางคงไม่รู้...ว่าเมื่อเธอลงมาอยู่โลกมนุษย์...หรือใช้ร่างเนื้อนานๆ...มันจะส่งผลต่อร่างกายเธอไปเรื่อยๆ....
     
    “เจ้าเป็นเหมือนดวงดาวที่ส่องนำทางให้ข้า...เป็นเหมือนหัวใจที่คอยทำให้ข้ามีชีวิตต่อไป...จำไว้นะ...” นี่คือความหมายของสร้อยที่ข้าซื้อให้เจ้านะ..เจสสิก้า...
     
     
     
    ตอนนี้ทั้งสองกำลังเดินเข้าซอยบ้านของเจสสิก้าอย่างมีความสุข เจสสิก้าจับมือของยูริที่เกาะกุมมือเธอไว้แน่นแกว่งเล่นไปมาพร้อมกับร้องเพลงคลอเบาๆ ทำให้ร่างสูงอดหัวเราะกับความสดใสของคนข้างกายไม่ได้
     
    คือ เด วา พา รึล มัจ ชู มยอ กอด โก, นอ เอ ทู โซ นึล จับ โก(We walk while matching our feets, holding our hands)”  เจสสิก้าร้องพร้อมกับก้าวเท้าตามคนตัวสูงและแกว่งมือไปมาอย่างอารมณ์ดี ยูริก็ยอมเล่นตาม ยอมเดินให้ตรงจังหวะกับเพลง
                  
    นี ออ เก เอ กิ เด ออ มัล ฮา โก ชิพ พอ (I want to lean on your shoulder and tell you) ร่างบางเอนศีรษะพิงลงบนไหล่กว้าง ก่อนจะร้องท่อนต่อไปและหอมแก้มคนตัวสูงทันที
              
    "โค มา วอ ซา รัง เฮ เฮง บก มัน จุล เก โย" Kissing you oh my love("Thank you I Love You I will only give you happiness" Kissing you oh my love)
     
    “ยูล....ยูลเข้ามาในชีวิตเจสวันเดียว มันทำให้ชีวิตเจสเปลี่ยนไปมากเลยรู้มั้ย....”
     
    “หืม...งั้นเหรอ” ร่างสูงพยักหน้ารับรู้เบาๆ...โชคดีนะที่ตอนนี้เป็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ท้องฟ้าเลยเป็นสีส้มแดง....ไม่งั้นเจสสิก้าคงเห็นแก้มแดงๆของเธอซะแล้ว
     
    ทั้งคู่เดินจูงมือกันไปด้วยความเงียบ...ต่างคนก็ต่างเขินเลยไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรก่อน...ยูริได้แต่ลอบมองหญิงสาวข้างกายเป็นระยะจนต้องนึกถามตัวเองในใจว่าเป็นคนขี้อายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน....แล้วทั้งๆที่บรรยากาศไม่ได้มีอะไรดูน่าตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว...แต่หัวใจของทั้งสองกลับเต้นรัวราวกับว่ากำลังเรียกหาซึ่งกันและกัน....ยูริเอามือแนบหน้าอกข้างซ้ายตัวเองพร้อมกับผ่อนลมหายใจกะจะให้มันเต้นเบาลง...เจสสิก้าก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่พัดใบหน้าตัวเองไปมาเหมือนกับว่ามันร้อนเหลือเกิน
     
    “ยูล.../เจส...” ทั้งยูริและเจสสิก้าต่างเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมกัน ยูริเก้อไปด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก แต่เจสสิก้ากลับหน้าแดงขึ้นเมื่อถูกเรียกชื่อสั้นๆเป็นครั้งแรก
     
    “ยูลพูดก่อน....” ร่างบางเอ่ยออกมาเขินๆ
     
    “ข้าไม่พูดอะไรหรอก...แค่อยาก....” คนตัวสูงพูดเสียงลังเลก่อนจะหยุดเดินและเชยคางของเจสสิก้าขึ้น
     
    “เจ้าทำให้ข้าอยากจูบเจ้าเหลือเกิน....” คำพูดจริงใจจากอีกฝ่ายพร้อมกับสัมผัสนุ่มที่ริมฝีปากทำให้ร่างบางต้องดึงชายเสื้อของคนตัวสูงไว้ไม่ให้ละลายไปเสียก่อน ยูริรั้งเอวบางของเจสสิก้าเข้ามาแนบตัวก่อนจะค่อยๆรุกล้ำเข้าไปในปากของร่างบางช้าๆ...เจสสิก้าอาจจะยังไม่ชิน..เธอเลยไม่กล้าทำอะไรเร็วไป...อ่อ...ยกเว้นเมื่อคืน...ช่วยไม่ได้จริงๆ
     
    สวบ!!
     
    เสียงสะบัดของพุ่มไม้ข้างทางทำให้ทั้งสองผละออกจากกันด้วยความตกใจ เจสสิก้ากอดคนตัวสูงแน่นด้วยความกลัวเมื่อเหลือบไปเห็นเงาดำๆฉายขึ้นบนกำแพงบ้านตรงนั้น...เงาที่เธอเห็นดูยังไงก็ไม่ใช่คน...เหมือนตัวอะไรสักอย่างที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น ต่างกับยูริที่เหงื่อตกทันทีเมื่อเห็นรูปร่างเงานั่น....พวกมันคงมาตามเธอ.....
     
    “รีบกลับบ้านกันเถอะ...เดี๋ยวมืดแล้วลำบาก” ยูริพูดเสียงนิ่งๆพร้อมกับโอบเอวเจสสิก้าดันให้เดินต่อ
     
    “นั่นอะไรคะยูล...” ร่างบางกระตุกแขนคนตัวสูงให้ตอบเธอ ยูริได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มออกมาน้อยๆ
     
    “ไม่มีอะไรหรอก....แค่เงาพุ่มไม้น่ะ เจ้ามีข้าอยู่จะต้องกลัวอะไรล่ะ”
     
    “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรหรอกนะ....เจสสิก้า...” น้ำเสียงหนักแน่นทำให้เจสสิก้าใจชื้นขึ้น ร่างบางยิ้มให้กับยูริอย่างขอบคุณ ก่อนจะฉุดแขนคนตัวสูงอย่างแรงเมื่อสังเกตว่าเดินเลยบ้านตัวเองมาแล้ว ทำให้ยูริเกาหัวตัวเองงงๆและชี้ไปบ้านหลังหนึ่งที่คล้ายๆกับบ้านของเจสสิก้า
     
    “อ่าว...บ้านเจ้าไม่ใช่หลังนั้นเหรอ”
                
     
     
    “ฮ้า~ โซฟานุ๊มนุ่ม~” เจสสิก้าทิ้งตัวลงโซฟาทันทีที่เข้ามาในบ้านได้ ปล่อยให้คนตัวสูงที่เกือบจะพาเธอไปบ้านใครก็ไม่รู้ปิดประตูบ้านคนเดียว
     
    “ไปอาบน้ำสิเจ้าน่ะ...ข้าพอจะทำอาหารได้อยู่บ้าง...จะลองทำให้เจ้ากิน” ยูริที่เพิ่งตามเข้ามาพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะนั่งยองๆที่หน้าโซฟาตัวยาวที่มีเจสสิก้านอนตาปรืออยู่และใช้นิ้วเกลี่ยแก้มเนียนๆของหญิงสาวเบาๆ
     
    “อื้อออออ....เจสง่วง.....”
     
    “ถ้าง่วงก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วขึ้นไปนอนบนห้องดีๆ....” คนตัวสูงพูดอย่างเหนื่อยใจ...ดูท่าคงจะบังคับให้ไปอาบน้ำยาก...
     
    “อื้อ....” เจสสิก้าตอบรับทั้งๆที่หลับตาพริ้ม ทำให้ยูริต้องเกาหัวตัวเองงงๆ สรุปจะนอนนี่หรือจะขึ้นไปข้างบนเนี่ย....ร่างสูงถอนหายใจเบาๆก่อนจะตัดสินใจช้อนตัวเจสสิก้าขึ้น และเหมือนว่าหญิงสาวจะรู้อยู่แล้วว่ายูริต้องทำแบบนี้เลยคล้องแขนตัวเองไว้กับคอของยูริ...ไม่ตกใจสักนิดเดียว....
     
    “เจ้าเล่ห์นะเจ้าน่ะ....” ร่างสูงเปรยเบาๆพร้อมกับจรดปลายจมูกลงบนแก้มใสของคนเจ้าเล่ห์
     
    “ไม่เอา ‘เจ้า’ อ่ะ...เรียกเจสสิคะ...เหมือนที่ยูลเรียกตอนเดินเข้าซอยไง...”
     
    “ไม่เอา...ข้าไม่ชินหรอก...” ยูริบอกปัดและอุ้มเจสสิก้าเดินขึ้นบันไดทันที
     
    “เพื่อเจส...ไม่ได้เหรอ....” เสียงอ่อยๆของร่างบาง เกือบทำให้คนตัวสูงใจอ่อนยวบ ยูริฟังแล้วนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเป็นการปฏิเสธพร้อมบิดลูกบิดประตูห้องของเจสสิก้า เรียกได้แต่ไม่ชินจริงๆ อย่าบังคับข้าเลย หากข้าอยากเรียกก็จะเรียกเองล่ะ...แต่จริงๆนะ...ให้เรียกแทนเจสสิก้าอย่างนั้นก็พอได้ แต่ถ้าให้เรียกแทนตัวเองด้วยชื่อที่เธอให้เจ้าตัวเรียกคงจะฝืนใจตัวเองพอดูเลยล่ะ
     
    แกร่ก...
     
    “ยูลอ่ะ....” คนที่อยู่ในอ้อมแขนพูดเสียงงอนๆ พร้อมกับทุบอกคนตัวสูงทีหนึ่งบอกให้รู้ว่าไม่พอใจ....แค่เรียกชื่อเธอสั้นๆเอง...มันยากนักหรือไง...
     
    ยูริวางเจสสิก้าลงบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินไปหน้าต่างรูดผ้าม่านปิดและมองหารีโมทเครื่องปรับอากาศ....ก็เพิ่งใช้เป็นเมื่อวานเนี่ยล่ะเห็นเจสสิก้าใช้....แล้วก็ไม่รู้อะไรมากหรอกรู้แค่ว่าเปิดแล้วมันเย็นดี....ร่างสูงกดปุ่มเปิดเครื่องปรับอากาศเสร็จก็วางไว้ที่เดิมและเดินมานั่งบนเตียงข้างๆร่างบางที่นอนหันหลังให้เธออยู่
     
    “หลับไปก่อนละกัน...ถ้าข้าทำอาหารเสร็จเมื่อไหร่จะยกขึ้นมาให้....” ยูริพูดกับเจสสิก้าแต่เหมือนร่างบางไม่ยอมฟังจึงเอื้อมมือไปแตะไหล่เบาๆ แต่ก็โดนร่างบางสะบัดใส่ ยูริจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักใจ....สรุปเธอต้องตามใจเจสสิก้าใช่มั้ย?
     
    ร่างสูงมองเจสสิก้าอีกครั้งก่อนจะเดินเปิดประตูออกจากห้องไปทำอะไรให้ร่างบางทาน...เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมสปาเก็ตตี้ครีมซอสจานพอดีๆจานหนึ่งกับน้ำเปล่าหนึ่งขวดใหญ่ ยูริวางสปาเก็ตตี้กับน้ำลงบนโต๊ะเล็กๆในห้องแล้วค่อยเดินมาที่เตียงใหญ่และทิ้งตัวลงนอนข้างๆหญิงสาวที่นอนฟุบอยู่
     
    “ข้าวเย็นอยู่บนโต๊ะนั่นนะ.....” ยูริพูดพร้อมกับเขยิบตัวเข้ามาใกล้เจสสิก้ามากขึ้นและกอดคนที่ฟุบหน้าไว้หลวมๆ
     
    “กินด้วยล่ะ....เดี๋ยวข้าต้องไปก่อน...มีบางอย่างต้องสะสาง...” ยูริพูดจบก็พึมพำร่ายคาถาอะไรบางอย่างใส่ประตูห้องและหน้าต่างของเจสสิก้า
     
    “อาจจะไม่ได้เจอกันสักพัก....” ร่างสูงเอ่ยออกมาเรียบๆ ราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรกับตัวเอง เจสสิก้ารู้สึกเจ็บจี๊ดเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าจะไม่ได้เจอกันสักพัก....แต่ก็ยังงอนคนตัวสูงอยู่จึงไม่ได้ถามอะไรออกไป...ทั้งๆที่ในใจอยากจะถามดังๆว่าจะไปไหน....
     
    “ดูแลตัวเองด้วยนะ..หัวใจของข้า..เจสคือหัวใจของยูล...” สิ้นสุดคำพูดของยูริ ร่างสูงก็หายตัวกลายเป็นอากาศไปทันที เจสสิก้าเมื่อได้ยินชื่อที่อยากให้ยูริเรียกตนก็หายงอนหายเคืองทุกอย่าง ร่างบางจะหันมากอดคนตัวสูงไว้แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่าซะแล้ว....
     
    “...ยูล....จะไปไหน....ห้ามทิ้งเจสไปไหนนะ....” เจสสิก้าพูดไปน้ำตาก็คลอไปเมื่ออดคิดไม่ได้ว่า เรื่องที่ยูริต้องสะสาง คือเงาดำๆที่เธอเห็นตอนนั้น....ถ้าหากใช่....แล้วเธอจะทำยังไง...ยูริอาจจะโดนพวกนั้นทำร้าย....แล้วถ้ายูริสู้ไม่ไหวล่ะ...ว่าแล้วเจสสิก้าก็ลุกจากเตียงไปเปิดประตูทันทีแต่กลับเปิดไม่ออก ร่างบางคิดว่ายูริอาจจะล๊อคประตูไว้ก็ได้ จึงตัดสินจะโดดหน้าต่างออกแต่มันก็เปิดไม่ออกเช่นกัน...ทั้งๆที่ไม่ได้ลงกลอนไว้เนี่ยนะ....
     
    “ยูลจะทำอะไรน่ะ....ฮึกๆ....”
     
     
     
    หมอกควันสีขาวขุ่นรวมตัวกันกลายเป็นยูริ ร่างสูงเผยตัวออกมาตรงที่ๆเจอเงาดำๆก่อนเข้าบ้าน....เมื่อครู่ตอนง้อเจสสิก้าเธอได้ลงคาถาสะกดกลอนไว้....มันจะกันไม่ให้เจสสิก้าออกมาได้ประมาณ 6 ชั่วโมง...แค่นั้นก็เพียงพอแล้วล่ะ...
     
    “ท่านยูริ....” เสียงต่ำแปลกๆพร้อมกับควันสีแดงที่ปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวเธอไว้ ทำให้ยูริต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆเมื่อรู้แล้วว่าพวกนี้เป็นใคร...สีแดง...สีแห่งแผ่นดินใต้พิภพ
     
    “มาทำไม....” ยูริถาม บุคคลแรกที่ปรากฏตัวขึ้นมา...คนตัวสูงรูปร่างกำยำ...หากแต่ศีรษะเป็นหัวของเซอร์บิรุส สุนัข 3 หัวเฝ้าประตูแดนนรก....ถ้าเธอเดาไม่ผิด...เดี๋ยวต้องมีตัวแบบนี้โผล่มาอีก 2 เพราะนี่อาจจะเป็นร่างแยกของเซอร์บิรุส.....หนึ่งในองค์รักษ์ของแทยอน....
     
    “ท่านแทยอน....อยากให้พาทันกลับไปที่ๆควรอยู่....ท่านไม่สมควรอยู่บนโลกมนุษย์” แล้วก็เป็นดังคาด..มีร่างแยกเซอร์บิรุสเพิ่มมาอีกหนึ่ง
     
    “มันเรื่องของข้า....บอกแทยอนซะ ว่าข้าไม่กลับ....” แทยอน...ผู้คุมแดนนรก ญาติและสหายเพียงคนเดียวของยูริ....ผู้ที่คอยตามดูแลยูริอยู่ไม่ห่างจนร่างสูงบ่นรำคาญอยู่บ่อยๆ
     
    “ท่านแทยอนบอกว่าหากท่านไม่กลับ...ก็อนุญาตให้คาบหัวกลับได้เลย...” เสียงเซอร์บิรุสหัวที่ 3 ดังขึ้น
     
    “ไม่กลับ...ไงข้าก็ไม่กลับไปหรอก!!” ยูริตวาดลั่นพร้อมกับจะหายตัวไปจากตรงนั้น แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด....เมื่อเซอร์บิรุสทั้ง 3 หัวกางเขตแดนไว้แล้ว...
     
    “หากท่านอยู่บนโลกมนุษย์ต่อ ร่างของท่านอาจจะต้องสลายไปได้สักวัน....กลับไปกลับพวกข้าเถิด...ข้าจะไปส่งท่านที่บนนั้น ก่อนจะกลับไปหาท่านแทยอน”
     
    “ไม่!!” ร่างสูงตวาดลั่นอีกครั้งพร้อมกับระเบิดพลังออกมาทันที ทำให้องค์รักษ์ทั้ง3 ของแทยอนกันแทบไม่ทัน
     
    การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว และแน่นอนยูริไม่มีทางสู้ ผู้ปกป้องประตูนรกได้อยู่แล้ว ร่างสูงโดนอัดเข้าที่ท้อง และโดนฝังเขี้ยวลงบนคอ เลือดสีแดงฉานมากมายทะลักออกมาจากรอยโดนกัด ยูริตาเริ่มพร่าเมื่อรู้สึกว่าเขี้ยวที่ฝังลงบนคอเธอนั้นแฝงไปด้วยผงนิทรา ร่างสูงดิ้นและอาละวาดครั้งสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบลงไปพร้อมกับเครื่องพันธนาการพันแขนขาและสะกดพลังของเธอไว้....
     
    “เจ้าฝังเขี้ยวลึกเกินไปหรือเปล่า...” เซอร์บิรุสหัวที่ 2 ถาม หัวที่ 1 อย่างกังวล...หากท่านยูริคนนี้เป็นอะไรไป...แล้วเขาจะโดนลงทัณฑ์อะไรบ้างละเนี่ย แค่นึก....ก็อยากฆ่าตัวตายก่อนแล้ว
     
    “ข้าว่า....ข้าฝังไปจนถึงกระดูกเลยล่ะ....” เซอร์บิรุสหัวที่ 1 ตอบด้วยหน้าซีดเผือกและจับเขี้ยวตัวเองที่เปื้อนเลือดของยูริเต็มไปหมด หัวที่ 3 ได้แต่ส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจและหิ้วยูริขึ้นบ่า
     
    “ข้าชักไม่อยากรวมร่างกับพวกเจ้าละเนี่ย....ชักจะกลัวๆ”
     
    “เฮ้ยย! ไม่ได้นะเฮ้ย....เซอร์บิรุสจะมี 2 หัวได้ยังไง” หัวที่ 1 เถียงทันที หัวที่ 3 ดันหัวที่ 1 ออกไปให้พ้นๆทาง ก่อนจะพูดตัดบท
     
    “พาท่านยูริกลับไปให้ท่านแทยอนดูอาการก่อนดีกว่า...ข้ารู้สึกว่าแผลมันจะไม่ปิดง่ายๆ...ถ้าท่านยูริไม่ใช่พวกชั้นสูงหน่อยร่างก็คงสลายไปแล้วล่ะ...” 

    ------------------------------------------

    มาเลย 100%  อ่านให้จุใจ  เม้นท์ไม่เยอะเค้าจะหายนะเออ...~  55+ ยิ่งช่วงนี้ยุ่งๆอยู่ด้วย
    ใครที่สั่ง รักนี้ต้องมียั่ว กลับไปอ่านประกาศที่แจ้งไว้ด้วยนะคะ

    เรื่องนี้น่ะนะ....ไรท์เตอร์คิดพล๊อตวางแพลนมาร่วม 3 เดือน....กว่าจะได้บทสรุปให้ยูริเป็นยังไง ดำเนินเรื่องแนวไหน ควรจะพูดประโยคซึ้งๆยังไง(ติดตามตอนต่อๆไปค่ะ จะได้รู้ว่า หวานยังไง)

    แต่อย่าคิดนะ ว่าเรื่องนี้จะหวานลูกเดียว แบร่  มันไม่ใช่สไตล์ของ SRH_Tiffany หรอกน่า 5555555+

    รีดเดอร์ที่อ่านรับรู้ถึงความตั้งใจของไรท์เตอร์ผ่านตัวหนังสือเหล่านี้ใช่มั้ยคะ....

    ขอบ่นนิดหน่อย....แหง่มๆๆๆ  เรื่องส่วนตัว แต่อยากบ่น 555+ (ขอบรรทัดบ่น 5 บรรทัดเล็ก)
    We like just the way we are...We didn't do everything that you said...Why did you blame us? You didn't look that tape...but you're certain that we make it......Why did you do that to M.3/12?????
    You've said M.3/12 was the King room....If we're the king room why we have to disparage  you....Could you answer us?
    We cried...because of  your charge!!!  We belive in us!!!! But!!!  YOU!!! YOU!!!......
    We've never anti you Even once !!!  We didn't blame you!!! 
    But...hereafter...we'll your new students....Waiting!!!


     
    อ่า...สบายใจ 555+    ฮู่ววว 3/12  Fighting!!!!  เด็กโหลสู้ตายยยย!!!! >   < 
    หนังสือ Our Tempt's เหลือ 6 เล่ม ใครจะเอากรุณา   0873427677 โทรมาสั่งค่ะ รวมทั้งทิ้งชื่อไว้ในฟิคเรื่อง Our Tempt's ด้วย

    เพียง 6 คนเท่านั้น!!!!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×