ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    True love at first sight..รักแท้แรกพบ [Yuri][Fic:SNSD]

    ลำดับตอนที่ #19 : 16 love >> "Let's go to the sea [Final Part]"

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 53


    Chapter 16
     
    กิจกรรมผ่านไปเรียบร้อยดีตามที่ประธานชมรมหวังไว้....ก็แค่แต่ละคนไม่เจออุบัติเหตุไร ได้ของคืนครบ และ ยูริไม่มีปัญหาโวยวายเรื่องเจสสิก้า และตอนนื้ทุกคนกำลังนั่งรวมกันอยู่ที่แคมพ์ไฟที่ขอให้ทางโรงแรมจัดไว้ให้ที่ริมทะเล กลางหาดทรายขาว....บรรยากาศที่แสนจะดีท่ามกลางหมู่ดาวมากมายและกองไฟที่ลุกโชนอยู่ตรงกลางวงเพื่อไล่ความหนาว...แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจุดกองไฟนี้ติด เมื่อลมบกที่พัดออกจากฝั่งมันแรงจน ยูริที่ทำหน้าที่จุดไฟแทบจะพังกองไม้ฟืนทิ้ง สุดท้ายก็เป็นประธานชมรมที่โดนร่างสูงลากคอมาจุดต่อจนติดและค่อยแยกย้ายกันไปพัก....ยกเว้นยูริที่รับอาสาคอยเติมฟืนอยู่ตรงนี้
     
    เพราะเธอรู้สึก...ลุกไม่ค่อยไหว
     
    “อาบน้ำมาเหรอ....” ยูริถามเจสสิก้าที่เดินเข้ามากอดคอเธอจากข้างหลังเบาๆหลังจากสูดกลิ่นหอมสบู่อ่อนๆจากแก้มของร่างบาง
     
    “อื้อ อาบกันหมดทุกคนล่ะพวกที่ได้ไปพัก...” ร่างสูงพยักหน้าน้อยๆก่อนจะดึงให้เจสสิก้ามานั่งบนขอนไม้เดียวกัน วันนี้เก้าอี้ถูกใช้เป็นขอนไม้ขนาดไม่ใหญ่นักหมดทุกคน เนื่องจากขอเก้าอี้จากโรงแรมมาไม่ได้ เพราะแต่ละตัวเป็นเก้าอี้หลุยส์ทั้งนั้น พนักงานเลยเสนอไม้ฟืนท่อนใหญ่ๆที่โรงแรมมีอยู่...ก็นะ อย่างน้อยก็เข้ากับบรรยากาศดี
     
    “หืมม...ไปโดนมาอะไรน่ะ” เจสสิก้าโดนถามขึ้นในขณะที่ยูริกำลังเล่นมือของเธออยู่ มันมีรอยแผลขึ้นมาเล็กๆ...ขนาดที่เธอยังไม่สังเกตุเลยด้วยซ้ำ
     
    “อ่อ...น่าจะขูดโดนกับขอบประตูตอนเข้าห้องมั้ง”
     
    “ซุ่มซ่าม...” ร่างสูงพูดเบาๆแต่สายตาที่จ้องมองแผลเล็กๆนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยก่อนจะค่อยๆเป่าแผลนั้นเบาๆ เจสสิก้าอมยิ้มมองยูริดูแผลตัวเอง...เพราะแบบนี้ไง เธอได้ถึงรักคนๆนี้มากขนาดนี้...ความอ่อนโยนที่มันจะถูกใช้กับเธอคนเดียวเท่านั้นมันทำให้เธอไม่เคยคิดที่จะแบ่งยูริให้กับใคร...เธอไม่ใช่คนช่างอ้อน...แต่ตั้งแต่เจอยูริ...กลับต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนขี้อ้อนเพื่อที่จะได้รับความอบอุ่นจากคนตัวสูงบ่อยๆ
     
    “....อย่าเพิ่งมาทำตัวน่ารักแถวนี้นะ...มันทำให้ใจข้าสั่นไม่รู้หรือไง” ยูริที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นคนรักอมยิ้มอยู่รีบหันหน้าหนีไปอีกข้างทันที เจสสิก้าได้ยินอย่างนั้นเลยแอบขำเล็กน้อยก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้ยูริมากขึ้นและกอดเอวคนตัวสูงเบาๆ
     
    “ยูลก็อย่าทำตัวน่ารักก่อนสิ....”
     
    “ฮะ...ข้าเนี่ยนะ”
     
    “อื้มม...” คำตอบรับที่มาพร้อมกับการกอดแน่นทำให้ร่างสูงเลิกเถียงอีกต่อไป ยูริเปลี่ยนมือที่กุมมือของเจสสิก้าที่มีแผลเป็นอีกข้างก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือที่ว่างอยู่นั้นขึ้นมาโอบร่างบางตอบอย่างอ่อนโยน...ตอนนี้คนอื่นยังมา...โอ๋เจสสิก้าหน่อยก็คงไม่เป็นไรมั้ง...เผื่อต่อไป...อาจจะไม่ได้โอ๋แล้ว...อีกไม่นานนักหรอก


    เวลาผ่านไปสักพักสมาชิกในชมรมต่างก็เริ่มทยอยมานั่งรอบกองไฟ บางคนเห็นเจสสิก้านั่งอยู่กับยูริอยู่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะแซวเล่นจนคนที่เฉยชาต่อคนรอบข้างอย่างยูริอายจนเผลอปล่อยมือที่จับอยู่กับร่างบางออกซะหลายครั้งต่อหลายครั้งจนเจสสิก้างอน
     
    “แคร์คนอื่นมากกว่าแคร์เจสก็ไม่ต้องมานั่งข้างกัน...”
     
    คำพูดประชดประชันพร้อมกับการลุกขึ้นหนีไปนั่งกับเพื่อนทำเอาคนตัวสูงเอ๋อและมึนไปหลายนาทีก่อนจะลุกขึ้นไปง้อและอ้อนบอกฉุดให้กลับมานั่งข้างกันเหมือนเดิม แต่กว่าจะกลับมายิ้มให้ยูริได้ก็แลกกับการโดนตีไปหลายทีเหมือนกัน เล่นเอาร่างสูงแขนแดงไปเป็นแถบ
     
    “อากาศเริ่มเย็นมากขึ้นแล้วล่ะ...” ร่างสูงพูดขึ้นพร้อมกับมองไปยังเจสสิก้าที่นั่งกอดตัวเองอยู่ ถึงได้สังเกตเห็นว่าร่างบางไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวออกมาเหมือนคนอื่นเขา ยูริมองซ้ายมองขวาเห็นว่าคนยังมาไม่ครบ งานคงยังไม่เริ่มเลยลุกขึ้นจะเดินกลับไปห้องพักหยิบเสื้อกันหนาวให้เจสสิก้า
     
    “ไปไหนคะ?” ร่างบางจับข้อมือยูริรั้งไว้พร้อมกับถาม ยูริยิ้มน้อยๆให้กับเจสสิก้าก่อนจะวางมือลงบนศีรษะของร่างบางและลูบเบาๆ
     
    “ไปเอาเสื้อกันหนาวมาให้ รอแป๊ปนะ...อ่อ นั่งนิ่งๆ อย่าซนล่ะ ฮ่ะๆ”
     
    “ยูลอ่ะ!” คนนะ...ไม่ใช่สุนัข เจสสิก้าได้แต่บ่นในใจเพราะยูริหันหลังวิ่งไปแล้ว
     
    เพียงไม่นานยูริก็กลับมาพร้อมเสื้อกันหนาวสีหวานของเจสสิก้า ร่างสูงยื่นเสื้อกันหนาวให้คนรักพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงข้างๆตามเดิมเมื่อเห็นว่าประธานชมรมที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จหลังจากโดนเธอใช้ให้เป่าฟืนจนหน้าดำปึ้ดไปหมดได้มาถึงแล้ว
     
    ประธานชมรมผู้น่าสงสารมองไปรอบๆตรวจดูสมาชิกก่อนจะเริ่มพูดทบทวนความจำให้แก่ทุกคนว่า เขาได้ให้การบ้านไปคิดโชว์มาคนละหนึ่งอย่างตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วเพื่อจะมาแสดลงในงานนี้ หลายคนที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้ถึงกับหน้าซีดและรีบหันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนที่ลืมเหมือนตัวเอง หลายคนก็ได้แต่ยิ้มเขินๆที่ต้องแสดงโชว์ที่เตรียมมาไว้...รวมถึงเจสสิก้า
     
    “อ่อ คุณยูริมีอะไรพอที่จะแสดงให้พวกเราได้ดูกันเป็นการเปิดงานมั้ยครับ” เมื่อประธานที่แสนจะรัก(เกลียด)โยนขี้มาให้ คนรักศักดิ์ศรีอย่างยูริมีหรือที่จะไม่สนอง
     
    “....ไฟ” ร่างสูงพูดพร้อมกับปลายตามองไปยังกองไฟที่ลุกโชติช่วงอยู่อย่างนึกคิด และลุกขึ้นไปหยิบฟืนท่อนไม่ใหญ่มากที่ยังติดไฟไม่หมดขึ้นมา 3 ท่อน ทุกคนต่างเงียบและลุ้นว่ายูริจะเล่นอะไรกับไฟพวกนั้น...มันอันตรายมากและหากพลาดขึ้นมา...ไม่อยากจะคิด
     
    “รุ่นพี่คะ ยูลไม่ใช่คนในชมรมไม่ต้องทำอะไรก็ได้นี่คะ?” เจสสิก้ารีบพูดกับประธานชมรมก่อนที่จะเห็นยูริทำอะไรแผลงๆขึ้นมาจนเจ้าตัวได้รับอันตราย ร่างสูงที่กำลังจ้องมองไฟที่ปลายไม้ฟืนถึงกับเงยหน้าหันมามองคนรักของตนทันทีก่อนจะส่งสายตาบอกเชิงไม่เป็นไรพร้อมกับแกล้งเดินชนหลังประธานจอมจุ้นที่กำลังพูดอยู่เซไปทันที
     
    “หืม...ขอโทษ พอดีไม่เห็น....จะเริ่มแสดงแล้ว...” เมื่อพูดจบยูริก็เริ่มวางขาให้ถนัดขึ้นและเริ่มโยนท่อนฟืนติดไฟ 3 ท่อนนั้นสลับไปมาเป็นวงกลมเพียงแค่เธอเริ่มโยนเสียงร้องโอ้วอ้าด้วยความตกใจก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงปรบมือ เจสสิก้าได้แต่เอามือปิดปากไม่ร้องอะไรออกมา..เพราะเธอ..อึ้งจนร้องไม่ออกแล้ว
     
    ขวับ! ฟู่ววว!!
     
    เสียงโยนไม้ขึ้นครั้งสุดท้ายดังขึ้นแหวกอากาศก่อนจะตามมาด้วยเปลวไฟที่ยิงพุ่งออกไปจากการเป่าของยูริและจบลงโดยการรับไม้ที่ตกลงมาอย่างสวยงามเรียกเสียงปรบมือได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าทั้งจากสมาชิกในชมรมและนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านมาและหยุดดูแถวๆนั้น ร่างสูงโค้งขอบคุณแล้วจึงเดินกลับมานั่งพักข้างๆเจสสิก้า...ไม่ได้ใช้เวทย์มนต์อะไรหรอก แต่ก็เหนื่อยนะ เล่นกับไฟเนี่ย
     
    “ยูลเก่งจัง”
     
    “ให้รางวัลสิ...จุ๊บนึง”
     
    “บ้า...” ร่างบางตอบพร้อมกับเขินอายม้วนบิดหันหนีไปอีกข้าง ยูริอมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะดูการแสดงชุดต่อไปของสมาชิกในชมรมต่อ การแสดงหลายชุดผ่านไปรวมถึงการแสดงโชว์ชุดสุดท้าย...การแดนซ์แบทเทิ่ลของกลุ่มเจสสิก้าที่เรียกเสียงฮือฮาได้ทุกท่าที่ออกแนวเซ็กซี่ แต่สายตาที่ยูริส่งไปให้เจสสิก้าทำให้ร่างบางรู้ได้ทันทีว่า...ที่รักกำลังหึง~
     
     
     
    “ไม่เห็นบอกล่วงหน้า...ว่ามีเต้นแบบนี้...” ยูริบ่นขึ้นเบาๆขณะที่กำลังเดินกลับเข้าไปในโรงแรม เจสสิก้าจึงลูบหลังมือของยูริที่กุมมือเธออยู่เป็นการออดอ้อนนิดๆ
     
    “น้องสิก้าครับ!!” เสียงตะโกนเรียกชื่อเจสสิก้าดังลั่นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่รีบวิ่งมาทำให้ทั้งสองหยุดชะงักและหันไปมองผู้มาใหม่...ผู้ชายคนเดิม...รุ่นพี่ของเจสสิก้าที่ยูริหมั่นไส้สุดชีวิต
     
    “มีอะไรเหรอคะ?” ทันทีที่เจสสิก้าตอบกลับไปยูริก็ถลึงตาใส่ร่างบางทันที
     
    “คือ...พี่จะบอกว่า ฝันดีนะครับ”
     
    “แต่ข้าจะฝันร้ายน่ะสิไม่ว่า...เฮอะ”
     
    “ยูล!...เอ่อ ขอบคุณนะคะ ฝันดีเช่นกันค่ะ” ร่างบางรีบคุมความประพฤติคนรักอย่างตกใจก่อนจะหันไปขอบคุณรุ่นพี่ของตัวเองและดึงยูริเดินหนีออกมาก่อนที่ร่างสูงจะพูดอะไรดี๊ดีหลุดออกไปมากกว่านี้
     
    “แตะต้องไม่ได้เลยหรือไง....” ความหึงบังตาชักพาธาตุไฟเข้าแทรก ประชดไม่ดูตาม้าตาเรือ เจสสิก้าก้มหน้าลงน้อยๆก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆและเริ่มพูดจาดีๆกับคนตัวสูงใหม่
     
    “ยูลคะ...เขาก็แค่รุ่นพี่ เจสก็แค่ตอบรับตามมารยาท..และยูลก็ไม่ควรจะไปพูดกับเขาแบบนั้น”
     
    “มันเป็นญาติข้าหรือไง ข้าถึงต้องไปแคร์มัน...”
     
    “ไม่ใช่อย่างนั้นยูล แต่เราควรจะมีมารยาทกับคนอื่นนะ”
     
    “เจ้าจะเถียงแทนมันอีกนานมั้ย !!ข้าจะได้ไปนอนแล้วเจ้าก็ไปต่อกับมันละกัน...!! ปกป้องมันนักนี่!!” ปากวอนหาเรื่องที่สุด...ยูริคิดกับตัวเองหลังจากที่พลั้งปากพูดออกไปแล้ว เจสสิก้าถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงตะคอกของยูริและน้ำตาคลอทันที...เธอไม่เข้าใจว่าเธอทำผิดอะไร และทำไมยูริถึงต้องตวาดใส่เธอ แถมยังบอกให้เธอไปต่อกับรุ่นพี่อีก...ยิ่งคิดถึงประโยคที่คนรักตะคอกใส่เมื่อกี๊ น้ำตาก็ยิ่งไหลจนมองอะไรไม่เห็นหมดแล้ว....
     
    “ฮึกๆ...”  
     
    “เจ้านี่...!!”
    ยูริสบถออกมาก่อนจะหยุดปากหาเรื่องของตัวเองไว้และหันหน้าหนี...ที่จริง...เธอก็เป็นฝ่ายผิดเองที่วู่วาม แต่ปากมันดันทำเก่งหาเรื่องไปแล้ว...จะให้กลับคำกลับไปปลอบมันก็ไม่ใช่...
     
    “ฮือ...ฮึกๆ” เจสสิก้าร้องไห้หนักขึ้น มือเรียวถูกยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ร่างสูงทนเห็นคนรักร้องไห้ต่อไปอย่างนี้ไม่ไหวแล้วแต่ก็ไม่รู้จะปลอบยังไงเลยเลือกที่จะหันหลังให้เจสสิก้าและวิ่งออกไปจากร่างบาง ตอนนี้ยูริยอมรับว่าตัวเองขี้ขลาด...ขี้ขลาดที่สุด เหมือนเธอไปรังแกคนที่ไม่มีทางสู้...และก็ชิ่งหนีไป
     
     
     
     
    ปึง!
     
    ร่างสูงต่อยประตูห้องตัวเองอย่างเจ็บใจ....เจ็บใจตัวเองที่ทำอะไรลงไปก็ไม่รู้...เจ็บใจที่หึงหวงจนไม่ได้สติ แล้วนี่ถ้าเจสสิก้าโกรธเธอจนขอเลิก ไม่อยากเห็นหน้ากันอีก เธอจะทำยังไงดี
     
    ก๊อกๆๆ
     
    “ยูล...นี่เจสเอง...เข้าไปได้มั้ย....” ยูริถึงกับตกใจเมื่อรู้ว่าคนที่อยู่ประตูอีกฝั่งคือเจสสิก้า หรือว่า...หรือว่าเจสสิก้าจะมาบอกเลิกเธอ ไม่นะ...
     
    แกร่ก....
     
    เสียงเปิดประตูทำให้ร่างสูงเกือบทรุดก่อนจะคิดว่าตัวเองน่าล๊อคประตูไว้ ยูริสูดลมหายใจลึกและค่อยๆตั้งสติมองหน้าเจสสิก้าที่กำลังจะเข้ามา
     
    “ยูล...เจสขอโทษ ฮึกๆ” ร่างบางพุ่งเข้ามาสวมกอดคนตัวสูงแน่นก่อนจะเริ่มร้องไห้ใหม่อีกครั้งหนึ่งทำเอาร่างสูงประหลาดใจที่ผิดความคาดหมายไปหมด...มือทั้งสองข้างที่ตกอยู่ค่อยๆยกขึ้นมาวางบนแผ่นหลังที่สั่นจากการสะอื้นพร้อมกับดึงตัวเจสสิก้าเข้ามากอดตอบแน่น
     
    “ข้าสิ...ต้องขอโทษเจ้า...” ร่างบางส่ายหน้าไปมาปฏิเสธทันทีพร้อมกับใช้ไหล่ของคนตัวสูงเป็นที่ซับน้ำตา ยูริค่อยๆคลายอ้อมแขนออกและเช็ดน้ำตาให้เจสสิก้าอย่างอ่อนโยนด้วยความรู้สึกขอโทษต่อสิ่งที่ได้ทำลงไป...ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้...ขอโทษที่ทำให้เสียน้ำตา...ขอโทษที่หันหลังให้...ขอโทษที่ทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว....ขอโทษที่หึงจนเป็นบ้า...ขอโทษที่พูดจาทำร้ายจิตใจ....ขอโทษที่เป็นคนรักที่ไม่ดี...
     
    “ขอโทษนะ...”
     
    “ยูลไม่ผิดซักหน่...” ยูริค่อยหยุดคำพูดของเจสสิก้าด้วยริมฝีปากของตัวเอง ร่างสูงแนบริมฝีปากตัวเองประทับลงบนริมฝีปากนุ่มๆของคนรักอยู่นานสองนานก่อนจะค่อยๆคลายริมฝีปากออกและแนบลงไปอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับอุ้มร่างบางขึ้นไปวางลงบนเตียงนุ่มอย่างแผ่วเบา
     
    “ข้าถามอะไรเจ้าสักอย่างได้มั้ย....” เจสสิก้ามองคนรักด้วยแววตาหลงใหลพร้อมกับประคองใบหน้าเรียวไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและพยักหน้าเบาๆ ความอบอุ่นจากฝ่ามือที่วางอยู่ที่แก้มอย่างอ่อนโยนทำให้ร่างสูงรู้สึกเหมือนกำลังแบกโลกทั้งใบไว้....ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธออยากซื้อเวลาให้ตัวเองต่อ...ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าลมหายใจของเธอต่อแต่นี้ไปมันจะมีค่า...ผู้หญิงคนนี้ทำให้เธอรู้จักคำว่าเป็นห่วง คิดถึง หึง และอีกหลายๆคำดีๆที่มีความหมาย รวมถึงคำว่า “รัก” 
     
    “หากวันใดวันหนึ่ง....ข้าไม่อยู่แล้ว....เจ้าจะอยู่ได้มั้ย...”
     
    “....จะให้เจสตอบแบบไหนล่ะยูล...ถ้าตอบเอาให้ยูลสบายใจ เจสจะตอบว่า อยู่ได้ แต่ถ้าให้ตอบเอาตามความเป็นจริงตามที่เจสรู้สึก....เจสบอกได้เลยว่า ไม่ได้...” ยูริเมื่อได้ยินคำตอบถึงกับอ่อนแรงลงในทันทีร่างสูงทิ้งตัวลงนอนข้างๆคนรักอย่างคิดหนัก เจสสิก้ามองคนตัวสูงอยากกังวลตามก่อนจะค่อยๆเบียดตัวเข้าไปใกล้และกอดยูริไว้พร้อมกับจรดปลายจมูกเบาๆลงที่แก้มของร่างสูง
     
    “จะทิ้งกันไปไหนเหรอ....จะแกล้งบิวท์อารมณ์เศร้าๆหวังอะไรหรือเปล่าคะคนดี” คำพูดหยอกล้อของเจสสิก้าช่วยให้รอยยิ้มกลับเข้ามาบนใบหน้าของร่างสูงอีกครั้ง ยูริยักไหล่ให้ร่างบางน้อยๆและค่อยๆพลิกตัวขึ้นไปอยู่ด้านบนพร้อมกับเนียนแทรกมือเข้าไปภายใต้เสื้อของเจสสิก้าทันที
     
    “อื้อ...” ร่างบางมองคนรักถอดเสื้อผ้าของเธอออกทีละชิ้นๆ ที่จริงตอนนี้เธอเหนื่อยจนแทบลืมตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว แต่ยอมให้ยูริคลายความกังวลออกไปด้วยวิธีนี้เพราะรู้สึกว่าตอนนี้คนรักของเธอคงต้องมีเรื่องให้คิดหนักมากแน่ๆจนถึงกับถามเธอด้วยคำถามที่ฉายแววเศร้าแบบนั้น...เธอไม่ชอบทุกครั้งที่ยูริมองเธอด้วยสายตาเศร้าแปลกๆนั่นเลยสักนิด....
     
    “อึ้ก” เสียงลมหายใจสะดุดดังออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่ส่วนเร้นลับของร่างกายโดนบุกรุกเข้าไปอีกครั้ง เจสสิก้ามองใบหน้าของคนรักด้วยความกังวลอีกครั้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสูงและหลับตาลงเมื่อตอนนี้สมองเธอคิดอะไรไม่ออกอีกต่อไปแล้ว...นิ้วของคนตัวสูงไม่ทิ้งจังหวะให้เธอไตร่ตรองอะไรต่อสักนิดเดียว...
     
     
     
    “ยูลรักเจสนะ....” คำพูดสุดท้ายที่เจสสิก้าได้ยินก่อนจะค่อยๆหลับตาพริ้มด้วยความสุขหลังจากเพิ่งเสร็จจากการสำรวจที่ไม่เคยพอของยูริ...ไม่ว่าสิ่งที่ยูริพูดจะหมายถึงเรื่องบางอย่างที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...ที่มันอาจจะทำให้เธอเสียน้ำตา...เธอก็จะรอและต่อสู้กับโชคชะตาอันโหดร้ายนั้นเพื่อไม่ให้คนที่เธอรักจากเธอไปอีก...เหมือนพ่อแม่ของเธอ...
     
     
     
    “เฮือก!”
     
    เวลาก่อนตะวันโผล่จากขอบฟ้า...ยูริฝันร้ายจนถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่จางจนแทบจะไม่เหลืออะไรให้เห็น...ร่างสูงใช้มือที่เกือบจะล่องหนนั่นลูบใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่ออย่างหวาดผวา...เมื่อความฝันที่เธอได้เห็นเมื่อครู่ก็คือภาพ ร่างกายของเธอกำลังแตกเป็นฝุ่นละอองสว่างไสวลอยฟุ้งขึ้นไปบนฟ้า....ข้ายังไม่อยากเป็นแบบนั้น...ข้ายังมีเวลาอีกตั้งเกือบปีมิใช่เหรอ
     
    “เจ้าบ้า!”
     
    เพียะ
     
    ขณะที่ร่างสูงกำลังจิตตก แทยอนก็โผล่ขึ้นมาและตบหน้าเธอทันที...สายตาของคนตัวเล็กบ่งบอกว่ากำลังโกรธยูริอย่างมากจนร่างสูงไม่กล้าแม้แต่จะสู้สายตา แทยอนกัดฟันตัวเองแน่นจนเส้นเลือดขึ้นเป็นสายก่อนจะเอาสิ่งที่เธอกำอยู่ในมือยัดเข้าปากของคนตัวสูงทันที เพียงแค่ลูกกลมๆที่อัดแน่นไปด้วยควันสีขาวฟุ้งถูกนำเข้าปาก ยูริก็รู้สึกเหมือนได้พลังกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง...ความบริสุทธิ์จากอากาศที่ร่างสูงคุ้นเคยที่รับรู้ได้ทันใดว่ามันคือร่างกายเธอใช้หายใจมาตั้งแต่เกิดค่อยๆฟื้นร่างกายของคนตัวสูงให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
     
    เพียะ!
     
    “ข้าตบเจ้าครั้งแรก! เพราะเจ้ามันโง่ที่ใช้พลังตัวเองไปเก็บดาวมาทำบ้าอะไรก็ไม่รู้ ข้าตบเจ้าครั้งที่สอง! เพราะว่าเจ้ามันโง่ที่ไม่ยอมกลับขึ้นไปฟื้นฟูร่างกายของเจ้าบ้างจนมันเกือบจะแตกสลาย!! เจ้ามีเวลาหนึ่งปี มันก็ไม่ใช่ 365 วันครบหรอกนะ!! ยิ่งเจ้าผลาญพลังชีวิตตัวเองมากขึ้นไปเท่าไหร่ เวลาของเจ้าก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ!!”
     
    เพียะ!!
     
    “และที่ข้าต้องตบเจ้าครั้งที่สาม....เพราะว่า...เจ้าคือญาติผู้น้องคนเดียวของข้า....” เมื่อร่างเล็กพูดจบ ยูริถึงกับนั่งนิ่งทันที แทยอนปลายตามองญาติคนเดียวของตัวเองอย่างเคร่งเครียด...ถึงยูริจะอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เธอยัดให้ทานเมื่อครู่...แต่มันก็มีข้อจำกัดของมัน...หากใช้เกิน 20 ครั้ง ผลดีจะกลายเป็นผลร้าย...จนถึงขั้นอวัยวะภายในโดนอากาศที่อัดแน่นอยู่ภายในเม็ดกลมๆเหล่านี้บาดจนฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย...มันเป็นข้อจำกัด...ไม่สิ...มันเป็นคำสาปของเทพองค์แรกที่ทำมาเพื่อยื้อชีวิตลูกชายผู้หลงผิดของตัวเองให้กลับมาอยู่ที่ๆควรอยู่ซะ...แต่เขาก็ดันทุรังอยู่บนโลกมนุษย์ต่อจน เทพองค์นั้นสาปยาเม็ดที่ 21 ให้เป็นยาเม็ดร้าย...
     
    “คนรักของเจ้า...ข้าทำให้นางหลับสนิทไปแล้ว...ไม่ต้องกังวลว่าคนของเจ้าจะรู้เรื่องโง่ๆของเจ้า....”
     
    “ขอบคุณนะ...ท่านพี่...”
     
    “ข้าจะซึ้งมากกว่าหากเจ้าเรียกข้าว่าพี่ครั้งแรก ในวันที่ข้าใกล้ตาย...อย่างน้อยข้าก็รู้ว่า...เจ้ายังมีชีวิตอยู่ จนวันที่ข้าหมดลมหายใจ...ยูริ...หากวันนี้ข้าไม่มองขึ้นไปบนฟ้า แล้วเห็นดาวประจำตัวเจ้าหรี่แสงลง...ข้าอาจจะต้องสูญเสียเจ้าไปตลอดกาลในเช้าของวันนี้...เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นและบดบังแสงของเจ้าไปจนหมด...หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นพี่ดังที่เจ้าเรียกข้าจริง...ข้อขอร้องให้เจ้ากลับไปอยู่ที่ของเรา...”
     
    “...ข้าทำไม่ได้...ข้าทิ้งผู้หญิงคนนี้ไปไม่ได้...นางจะอยู่ไม่ได้หากขาดข้า และข้าจะอยู่ไม่ได้หากขาดนาง...”
     
    “...งั้นข้าก็หมดเรื่องที่จะต้องสนทนากับเจ้าอีกต่อไป...” แทยอนถอนหายใจอย่างหมดแรงและค่อยๆหายไปทันที...ร่างเล็กเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องมาคอยเฝ้าขอร้องญาติผู้น้องของเธออย่างนี้...ยูริเป็นคนที่ดื้นรั้นและไม่สนใจใครมาตั้งแต่เด็กๆ...ตอนแรกเธอก็คิดว่าดี ที่ยูริหันมาสนใจเจสสิก้า แต่ตอนนี้...มันคือเรื่องที่แย่ที่สุด ให้เธอเถียงกับผู้หญิงคนที่เธอทำสัญญาด้วยคนนั้นยังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย....ผู้หญิงคนนั้น....ที่เธอเกิดความรู้สึกดีๆ...ที่เรียกว่ารัก...
     
    “ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าผิดหวัง...ท่านพี่...”


    ---------------------------------

    ตอนนี้ 8 หน้า...ที่จริงจะมีต่ออีก...แต่ไม่อยากยื้อเรื่องให้นานไปกว่านี้ละ = =  ตอนนี้ดองไว้จนจะเน่าอยู่แล้ว 55+

    ไรท์เตอร์ไปค่ายนะ = =!! 


    อ่อ Our Tempt's เหลือ 2 เล่ม~

    P.S.  -  -"  หากคุณรู้สึกขี้เกียจเม้นท์ ได้โปรดอย่าลืมไรท์เตอร์ก็ขี้เกียจแต่งเป็นเหมือนกันนะ 
    P.S.2  ฉลองครบ 100 หน้า A4  -  -
    P.S.3   Virgin Protection  กลับมาแล้วจะ อัพ NC ให้  อย่าเพิ่งขอ...Ok?
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×