ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : 10 love >> "Forever..."
Chapter 10
“ข้าขออ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า....ข้าขอให้พระองค์ประทานนางอันเป็นที่รักแห่งข้าได้หวนกลับคืนสู่อ้อมอกนี้...ได้โปรดเถิด....”
ยูรินั่งดูการซ้อมละครอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ยิ่งบางฉากที่เจสสิก้าต้องโดนคนที่แสดงเป็นพระเอกประคองไว้ในอ้อมแขนยิ่งบาดตาบาดใจ เจสสิก้าก็ดูจะเป็นห่วงและแคร์ความรู้สึกของคนตัวสูงมากโขอยู่เหมือนกัน เพราะเธอเล่นมองมาทางยูริแทบจะทุกๆ 10 วินาที ยิ่งฉากเลิฟซีนนี่ เธออยากจะขอผู้กำกับให้ละไปซ้อมวันอื่นที่ยูริไม่มาเห็นจะได้มั้ย แค่เธอโดนจับข้อมือยูริก็จ้องหน้าพระเอกที่เล่นคู่กับเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่แล้ว
ครึ่ก...ครึ่ก...ครืดดดดดดดด
“แอร์เป็นอะไรไปน่ะ” ประธานชมรมเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังประหลาดๆจากเครื่องปรับอากาศทุกตัวและสั่งให้สตาฟฟ์แถวๆนั้นลองไปกดเปิดใหม่ดู เจสสิก้าใช้โอกาสนี้จ้องมายังร่างสูงด้วยความเป็นห่วงแต่กลับโดนยูริเบือนหน้าหนีไปอีกทางใส่ ทำเอาร่างบางเผลอกัดริมฝีปากตัวเองแน่นด้วยความกังวลทันที
‘...ได้ยินข้าหรือไม่ยูริ...’ เสียงญาติที่คุ้นเคยของยูริดังขึ้น ทำให้ยูริรู้เลยว่าความร้อนที่อยู่ดีๆก็พุ่งขึ้นสูงในห้องจนเครื่องปรับอากาศเสียเป็นเพราะใคร
‘ได้ยิน...วันนี้เจ้าว่างหรือไงแทยอน?’
‘...ก็ไม่เชิง...แต่ข้าว่าข้ากำลังพบกับสิ่งที่เจ้าเรียกว่าความรักในไม่ช้า’ คำพูดของแทยอนทำให้ยูริเบิกตาโตได้ทันที
‘เจ้าเนี่ยนะ!! ข้าอยู่กับเจ้าอาศัยกับเจ้าเล่นกับเจ้ามาเกือบพันปี ข้าไม่เคยเห็นเจ้ามองใครเลยแม้แต่ครั้งเดียว แล้วมาวันนี้เจ้าบอก เจ้ากำลังจะมีความรักเนี่ยนะ ข้าฝันไปหรือองค์อีรอสแกล้งเจ้าอีกคน!!’
‘ข้าไม่รู้...รู้ตัวอีกที...มันก็รู้สึกดีด้วยไปแล้ว’
‘เอาเถอะ...ข้าขอให้เจ้าสมหวัง....’
‘อือ...ข้าก็ไม่มั่นใจนักหรอก...ต้องขอโทษด้วยที่ทำเครื่องปรับอากาศที่นี่เสียหายหมด...ข้าซ่อมมันไม่ได้นะ ทนร้อนไปละกัน ข้าขอตัวก่อน...’
ทันทีที่แทยอนไป อุณหภูมิในห้องก็เริ่มเย็นลง แต่ก็ถือว่าร้อนอยู่ดี จนต้องสั่งเปิดหน้าต่างทุกบานให้อากาศเข้า และเริ่มซ้อมต่อ ยูริปลดเน็คไทออกก่อนจะปลดประดุม 2 เม็ดบนออกคลายความร้อน เจสสิก้าขมวดคิ้วมองคนตัวสูงทันที ...เธอจะปลดกระดุมทำไม ไม่รู้เหรอ ว่าจะมีคนมองเธอน่ะยูล...
“อื้กกก.....” ทันใดนั้นก็มีเสียงกลืนน้ำลายของคนในชมรมดังขึ้นมันยิ่งทำลายสมาธิของเจสสิก้าที่กำลังพยายามจะระลึกบทที่ต้องพูดต่อไป
“สิก้า...สิก้า! ตาสิก้าพูดแล้ว”
เสียงเรียกของผู้กำกับเรียกเอาสติของร่างบางกลับมาอีกครั้ง เจสสิก้าพยักหน้ารับแต่ก็ยังไม่วายปลายตามองคนตัวสูงที่นั่งไขว่ห้างปลดกระดุมเสื้อออก 2 เม็ดที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ที่นั่งแถวหลังสุด
“องค์ชาย...หม่อมฉันมิบังอาจ ตำแหน่งชายาของท่านช่างสูงเกินไปสำหรับหม่อมฉันยิ่งนัก....”
“เจ้าอย่าได้ถ่อมตน...เพียงแค่ความรักของเจ้าที่มอบให้ข้ามันก็มีค่าเกินกว่าตำแหน่งอะไรทั้งสิ้น”
ยูริถึงแม้จะหลับตาอยู่แต่ก็ได้ยินทุกประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดใจมากนัก ยิ่งอึดอัดก็ยิ่งร้อน ยิ่งร้อนก็ยิ่งอยากถอดเสื้อตัวนอกออก ข้างในมีเสื้อกล้ามคงไม่เป็นอะไรหรอก
“เฮ้อ....” และแล้วร่างสูงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความพอใจหลังจากตัดสินใจถอดเสื้อเชิ้ตสีดำตัวนอกออกเหลือเพียงเสื้อกล้ามรัดรูปตัวเดียว
“ต่อสิ สิก้า เหม่อมาหลายรอบแล้วนะ”
“หม่อมฉัน...แต่หม่อมฉัน....ไม่ไหวแล้วค่ะ!!!” ในที่สุดเจสสิก้าก็ตะโกนออกมาอย่างเหลืออดเมื่อเห็นสายตาของพวกคนที่ทำฉาก สตาฟฟ์ และอีกหลายคนที่กำลังมองยูริตาเป็นมัน
--------------------------
ไรท์เตอร์ไม่เครียดเรื่องโดนแบนหร๊อกกก = = มันควรจะชินได้แล้ว ฮ่ะๆ
(แต่ไม่ใช่เห็นไรท์เตอร์ไม่เครียดเลยไม่เม้นท์เลยนะ เฮ้ย! 55)
ร่างบางโค้งขอตัวพร้อมกับเดินลงจากเวทีตรงมาหาร่างสูงที่นั่งอยู่หลังห้องทันที ยูริรับรู้ถึงการมาของเจสสิก้าแต่ก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ
“ยูล” เจสสิก้าเห็นท่าทางเพิกเฉยของคนตัวสูงจึงเรียกด้วยน้ำเสียงเคืองๆ ก่อนจะคว้าเสื้อเชิ้ตที่ยูริเพิ่งถอดออกขึ้นมา
“ยูริ!”
“ทำไม...”
“ใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่รู้หรือไงว่ามีคนมองกันเต็มไปหมดเลยน่ะ”
“เจ้าหึงข้าหรือไง....”
“หึงสิ หวงด้วย ใส่เสื้อเดี๋ยวนี้เลยนะยูล” เจสสิก้าพูดหน้าง้ำพร้อมกับกางเสื้อออกและเตรียมใส่ให้ยูริ
“ข้าก็เหมือนกัน...ข้าก็ทั้งหึงทั้งหวงเจ้า....” ยูริพูดขึ้นมาเรียบๆและเบือนหน้าไปอีกทาง หลีกเลี่ยงที่จะจ้องหน้าคนที่ตัวเองหึง...
“ห้ามมางอนข้าเลยนะ...เพราะข้าก็งอนเจ้า...ฮึ”
เจสสิก้านิ่งไปเมื่อรับรู้ความคิดของคนตัวสูงจากปากของยูริเอง ร่างบางถอนหายใจเบาๆก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆยูริและซบไหล่คนตัวสูงพร้อมกับเอาเสื้อที่ถืออยู่วางบนตัวของร่างสูงและโอบคนข้างกายหลวมๆ
“เจสแคร์ยูลจะตายไปไม่รู้หรอ...ถ้าไม่แคร์เจสไม่มองยูลตลอดเวลาแบบนั้นหรอกนะ”
“ข้ารู้....”
“รู้แล้วก็หายงอนสิคะคนดี ให้กำลังใจเจสตอนซ้อมหน่อยน้า เจสจะได้มีพลังตั้งใจซ้อมและรีบกลับบ้านกับยูลไงคะ”
“ข้า...กอดเจ้าตรงนี้ได้มั้ย”
“อืม...เจสแคร์ยูลนะ” เจสสิก้าตอบรับคำขอของยูริพร้อมกับพูดเบาๆให้ได้ยินกันแค่สองคนเท่านั้น ....ตอนนี้ใครจะมองก็มองไปเถอะ...ก็ไม่ได้แคร์ตั้งนานละ
เจสสิก้ากับยูริกว่าจะได้กลับบ้านก็เป็นเวลาพลบค่ำ ร่างบางพายูริเดินกลับบ้านอีกทางเพื่อที่จะไปหาข้าวเย็นทานแถวนั้น ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายมากกว่าทางกลับบ้านทางเดิม ทั้งสองพอทานอาหารเย็นเสร็จก็ปาเข้าไปดึกกว่าเดิม และเพราะความเป็นห่วงของยูริ เจสสิก้าจึงถูกบังคับให้กลับบ้านขณะที่กำลังอยากจะเดินเข้าไปดูของภายในร้านขายของจุ๊กจิ๊กที่อยากจะเข้า
“ยูลอ่ะ” ร่างบางพูดเสียงง้ำ ก่อนจะรีบเดินตามคนตัวสูงที่เดินนำหน้าเธอไปก่อนแล้ว เจสสิก้ารีบเดินตามไปขนาบข้างพร้อมกับสอดมือเข้าไปคล้องแขนยูริไว้แน่นเป็นการออดอ้อน...และตอนนี้ก็ไม่เห็นต้องแคร์อะไร เมื่อเดินเข้าซอยมาแล้ว ตอนนั่งกินข้าวอยู่สวีทนิดหน่อยคนก็หันมามองกันละ...ไม่เคยเห็นคนสวีทกันหรือไง
“เข้าไปดูนิดเดียวไม่ได้เหรอ”
“ดึกมากแล้วนะ...” ยูริตอบเสียงเรียบพร้อมกับเลื่อนมือไปกุมมือของเจสสิก้าที่เกาะแขนตัวเองไว้อยู่...ก็อย่างที่ยุนอาพูดกับเธอเมื่อตอนนั้นว่าสมัยนี้อันตรายมีอยู่รอบตัว...บางทีคนเยอะๆยังน่ากลัวกว่าที่ปลอดคนเลย...หลายคนหลายหน้าหลายตาหลายใจ ใครจะไปรู้ว่าคนพวกนั้นคิดจะทำอะไรไม่ดีอยู่หรือเปล่า
“ก็ดูของแค่แป๊ปเดียวเองน้า~” เจสสิก้าอ้อนต่อ ก่อนจะเกาแขนคนตัวสูงยิกๆ
“ที่จริงเจ้าจะทำอะไรมันก็เรื่องของเจ้าใช่มั้ยล่ะ....แต่ข้าเป็นห่วงเจ้าไง...ข้าปกป้องเจ้าได้ก็จริง แต่ถ้าหากข้าเกิดพลาดท่าขึ้นมาล่ะ ถ้าข้าเป็นอะไรขึ้นมาในขณะที่เจ้ากำลังมีปัญหา...ข้าจะช่วยเจ้าได้ยังไง....”
เจสสิก้าได้ยินคำพูดของยูริจึงเงียบไป ร่างสูงหันมามองร่างบางด้วยความเป็นห่วงความรู้สึก เพราะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะพูดแรงเกินไป...เจสสิก้าที่กำลังรู้สึกแย่ยิ้มให้ยูริอย่างฝืนๆ ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกแย่ขั้นหนักเลยล่ะ...ไม่ใช่แย่เพราะไม่ได้ไปร้านนั้น แต่แย่ที่ทำให้ยูริลำบากใจ...เธอรู้...รู้ว่ายังไงร่างสูงก็อยากจะตามใจเธอทุกอย่างอยู่แล้ว...เพราะงั้นเมื่อกี๊ยูริคงต้องคิดหนักแน่ๆว่าจะตามใจเธอหรือจะคิดถึงความปลอดภัยของเธอก่อน....
“ทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะ เอาไว้เดี๋ยวเราไปด้วยกันนะ วันที่เลิกเรียนไวๆ...” ยูริพูดเสียงอ่อนโยนพร้อมกับโอบเจสสิก้ามาแนบตัวไว้ ก่อนจะหยุดเดินและเชยคางร่างบางขึ้นและใช้ปลายจมูกคลอเคลียกับปลายจมูกของร่างบางพร้อมกับค่อยๆจรดริมฝีปากประทับลงไปที่ตำแหน่งเดียวกันนั้น...
“ไม่ใช่สักหน่อยยูล..เจสแค่รู้สึกแย่ที่ทำให้ยูลเป็นห่วง...” เจสสิก้าเถียงเบาๆก่อนจะทำปากแบะเหมือนจะร้องไห้ ร่างสูงยิ้มน้อยๆพร้อมกับวางมือลงบนศีรษะคนตรงหน้า
“ไม่ให้ห่วงเจ้าแล้วจะให้ข้าห่วงใครล่ะ...”
“มันก็ไม่ใช่อย่างงั้นอ่ะ...ยูลอ่ะ....” ร่างบางเถียงอีกเล็กน้อย ก่อนจะซุกใบหน้าเข้าที่อกของคนตัวสูงพร้อมกับพึมพำเบาๆ
“ห่วงเจสคนเดียวก็พอแล้ว...”
และในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินผ่านสนามเด็กเล่นเก่าๆแห่งหนึ่ง เจสสิก้าก็ค่อยๆเดินช้าลงพร้อมกับทอดสายตามองเข้าไปยังที่แห่งนั้นอย่างโหยหา ร่างบางเดินช้าลงและเงียนเกินไปจนยูริรู้สึกถึงความผิดปกติจึงหันมามองคนที่ควงแขนตัวเองอยู่ ก็เห็นว่าเจสสิก้ากำลังมองเหม่อลอยไปยังสนามเด็กเล่นนั้น....
“เข้ามั้ย....” ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมทำหน้าสงสัยเหมือนจะถามว่า เข้าได้เหรอ?
“อือ....ข้าอยากเข้าน่ะ....” ยูริตอบไปทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้อยากจะเข้าไปในที่แห่งนั้นซักเท่าไหร่ แต่เพื่อให้คนข้างกายสบายใจ...บางทีการโกหกก็ไม่เสียหาย
เจสสิก้าไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มกว้างก่อนจะปล่อยแขนคนตัวสูงและค่อยเดินตรงไปเปิดประตูรั้วเล็กๆ ที่แห่งนี้มีความทรงจำมากมายของเธอฝังไว้อยู่กับเหล่าลานทราย...ชิงช้าไกวตัวเล็กๆ...และเครื่องเล่นของเด็กอีกมากมาย...นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่เธอไม่ได้เข้ามาที่นี่ เธอลืมมันไปเสียสนิท ว่าที่แห่งนี้ยังคงอยู่....แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับสนามเด็กเล่นแห่งนี้ก็คือ...มันเป็นที่ๆพ่อแม่ของเธอพามาเล่นบ่อยๆ ก่อนจะพวกท่านจะไม่อยู่แล้ว...ก่อนที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอต้องใช้ชีวิตเพียงลำพัง....แต่ก็ช่างมันเถอะ เรื่องมันก็ผ่านมาเกือบ 10 ปีได้แล้ว
“คิดถึงมากเหรอ...” ยูริพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาถึงตัวร่างบางที่กำลังมองดูเครื่องเล่นรอบๆตัวอย่างมีความสุข ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่แววตากลับฉายความเศร้าออกมาวูบหนึ่ง....สำหรับสิ่งมีชีวิตที่อยู่มานานอย่างเธอ มันเกิดขึ้นบ่อยนะ....อาการที่มีความเศร้าวูบผ่านเข้ามาหลังจากเผลอนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถจับต้องได้อีกแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าแมวตัวแรกที่เธอได้มันเป็นเพื่อนเมื่อสมัยเด็ก....และมันก็ตายไป ไม่ว่าจะเป็นฮาร์โมนิก้าชิ้นแรกที่เธอได้มาตอนย่างเข้าวัยรุ่น...และมันก็ได้ชำรุดก่อนจะหักไปในขณะที่เธอกำลังเป่ามันอยู่เมื่อร้อยปีที่แล้ว....เธอใช้ชีวิตมานานเกือบพันปี มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอได้สูญเสียไปมากมาย....ว่าแล้วก็คิดถึงเจ้าแมวเหมียวตัวนั้นจัง...
“ก็คิดถึง...คิดถึงมากเลยล่ะ” เจสสิก้าตอบยิ้มๆ ก่อนจะจับมือของยูริที่ยื่นมาให้เธอไว้พร้อมกับแกว่งไปมาและพาเดินเข้าไปข้างในต่อ
‘...แม่คะ พ่อคะ หนูขอโทษที่ยังไม่ได้พาคนๆนี้ไปพบพ่อกับแม่ที่สุสาน....แต่หนูอยากบอกพ่อกับแม่ค่ะ ว่าคนนี้ล่ะคือคนที่ใช่สำหรับหนู...คือคนแรกและคนสุดท้ายของหนู...ลูกเขยพ่อกับแม่ไงคะ...หนูจะอยู่กับคนๆนี้ไปจนถึงวันที่หนูหมดลมหายใจ....พ่อกับแม่เป็นพยานได้เลยค่ะ...หนูรักเขาจริงๆ
’
“ข้ารักเจ้า....” อยู่ดีๆยูริก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาร่างบางชะงักกึก
“เอ๋...”
“ข้า...ตอนแรกหวังว่าจะพูดคำนี้ ในวันที่หัวใจข้าพร้อมมากกว่านี้...แต่ตอนนี้ข้าไม่สามารถต้านทานความรู้สึกของข้าที่อัดแน่นอยู่ข้างในหัวใจนี้ได้แล้ว...ข้าอยากบอกให้เจ้ารู้จริงๆ ว่าข้ารักเจ้า....ข้ารักเจ้ามากจริงๆ...เจสสิก้าจอง...รักเหลือเกิน...”
ร่างสูงพรรณนาออกมายาวเหยียด ก่อนจะจบลงด้วยการคว้าร่างบางข้างกายมากอดแน่น ความรู้สึกที่อัดแน่นภายในหัวใจจนแทบระเบิดมันพาให้ยูริตัดสินยอมพูดคำว่ารัก...บวกกับอารมณ์แห่งความสูญเสียที่กลัวว่าสักวันเจสสิก้าก็จะหายไปจากตน ไม่ก็เธออาจะหายไปจากเจสสิก้าก่อนที่จะได้บอกรัก...
“เป็นอะไรหรือเปล่ายูล...” เจสสิก้าพูดขึ้นมาเบาๆก่อนจะเอื้อมมือขึ้นมาลูบศีรษะคนตัวสูงเบาๆอย่างอ่อนโยน...เพราะอะไรไม่รู้ เธอถึงรู้สึกว่าคำว่ารักของยูริมันแฝงมาด้วยความเศร้า...
“ข้า...” ยูริเมื่อได้รับการกระทำอันอ่อนโยนในเวลาที่อ่อนแอเช่นนี้ไม่สามารถกลั้นความอ่อนแอที่เกิดจากความกลัวได้อีกต่อไป...น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมาหลายร้อยปีหลั่งออกมาอีกครั้ง ร่างสูงซบใบหน้าเข้ากับไหล่เล็กๆของคนที่ตัวเองรักอย่างไม่เสแสร้ง ปล่อยให้น้ำตาไหลเปียกชุ่มเสื้อตรงไหล่ของเจสสิก้าเต็มไปหมด
“ร้องออกมาเท่าที่อยากร้องเถอะคนดี...เจสอยู่ที่นี่กับยูลแล้ว ให้เจสช่วยแบ่งเบาความรู้สึกของยูลบ้างนะ...”
“ฮึก...ข้า...ข้าไม่ควรอ่อนแอต่อหน้าเจ้า....”
“อื้อ...เจสไม่ถือหรอก ไม่ว่ายูลจะเป็นยังไง...จะเข้มแข็ง หรือจะอ่อนแอ ยังไงคนที่เจสกอดอยู่ตรงนี้ก็คือยูลของเจส...ไม่ว่ายูลจะดีร้ายยังไงเจสก็ยังรักอยู่อย่างนี้...เจสรักยูลที่สุด...”
ยูริซบเจสสิก้าเต็มแรงพร้อมกับกอดแน่น...หากวันใดวันหนึ่งเธอไม่อยู่แล้ว...เธอจะได้มีโอกาสกอดใครแบบนี้อีกมั้ย...หรือถ้าวันใดวันหนึ่งหากเจสสิก้าจากไปจากเธอ...เธอจะหาอ้อมแขนเล็กๆอบอุ่นๆแบบเจสสิก้าได้เองมั้ย...แล้วเธอจะใช้ชีวิตยังไง...หากไม่มีคนๆนี้....
แต่เธอคงได้ไปก่อนเจสสิก้า....
...ข้าคงอยู่กับเจ้าได้ไม่ตลอดไป...
ร่างสูงมองมือของตัวเองที่เริ่มโปร่งแสงขึ้นมาเองครั้งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆมองภาพมือตัวเองกลับมาเองครั้ง และค่อยๆผละออกจากอ้อมกอดเล็กๆของเจสสิก้า
“ขอบคุณนะ...เจส”
“กว่าจะเรียกชื่อเจสได้แต่ละทีน้า~...” เจสสิก้าย่นจมูกใส่คนตรงหน้า ก่อนจะหันหลังหนีซ่อนความเขินไว้เดินไปเล่นที่ลานทรายแทน
ร่างบางถอดรองเท้าของตัวเองออกและค่อยๆก้าวเท้าลงบนลานทรายขนาดไม่กว้างมากของสนามเด็กเล่น เจสสิก้าหยุดยืนนิ่งก่อนจะหันกลับมามองคนตัวสูงที่ยืนกอดอกมองเธออยู่ ร่างบางยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับกวักมือเรียก
“ไม่ไปมีปัญหาป้ะ?” ยูริตอบอย่างกวนๆแต่เท้าก็ก้าวตรงไปที่ลานทราย
“มีแน่ๆค่ะ” เจสสิก้าโต้ตอบพร้อมกับหัวเราะร่วน
“ยูล...หันหลังไปก่อนห้ามแอบดูนะ ไม่ให้ดูด้วยล่ะ แบร่” ร่างบางไล่คนตัวสูงให้หันหลังไปก่อนจะวิ่งไปหยิบเศษกิ่งไม้แถวๆนั้นมา
“ห้ามแอบดูนะ” เจสสิก้าย้ำอีกครั้งพร้อมกับนั่งยองๆบนลานทรายและเริ่มขีดเขียนอะไรบางอย่างด้วยสีหน้ามีความสุข
“คิดจะมีความลับกับข้าหรือไง” ยูริซึ่งหันหลังอยู่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนิดๆ...ทำอะไรกัน ทำไมเธอต้องห้ามดูด้วย
“ไม่มีอะไรสักหน่อย~” ร่างบางทำท่าไม่ใส่ใจพร้อมกับเขียนทรายต่อด้วยท่าทีลัลล้า
“เฮ้...นอกใจข้า ไม่ได้นะ”
“มันเกี่ยวอะไรกันล่ะยูลลลลลลลล เจสไม่เอาทรายไปทำแฟนหรอกนะ” เจสสิก้าอ้าปากค้างไปกับคำพูดของยูริก่อนจะตอบโต้และลบข้อความบนทรายที่เขียนไว้ออก ก่อนจะเขียนใหม่และแลบลิ้นให้กับข้อความบนนั้น
“เสร็จแล่ว” ร่างบางพูดพร้อมกับปัดเศษทรายที่ติดตามมือและกางเกงออกแล้วจึงเดินมาหาคนตัวสูงที่กำลังเดินตรงมามองอะไรบางอย่างที่เธอได้เขียนลงไป เจสสิก้ารีบตั้งท่ากันร่างสูงไม่ให้เดินมาพร้อมกับดันให้เดินออกไปจากลานทราย
“บอกแล้วไม่ให้ดู~” ยูริขมวดคิ้วเป็นปมก่อนจะพยายามชะเง้อคอมองข้อความบนทรายนั่น เจสสิก้าเห็นคนตัวสูงพยายามจะอ่านจึงเอามือปิดตายูริไว้แน่น
“อ๋า อย่าทำแบบนี้สิ หยุดเขย่งขาด้วยนะ อ๋า ยูริ! ฉันจะปิดตาเธอไม่ถึง อย่าโยกซ้ายโยกขวาด้วย”
“ไม่ดูก็ได้...เฮ้อ” ร่างสูงเริ่มเหนื่อยกับการต่อสู้กับเจสสิก้า...ก็เพราะเป็นเจสสิก้าไงเธอถึงไม่กล้าผลักออกหรือดันไปให้พ้นทาง เธอไม่กล้าเพราะกลัวว่าตอนเธอดันเจสสิก้าออกไปอีกทาง ร่างบางจะหกล้มหรือเปล่า อ๊ากกกกกกกกกกกก!! เจ้าเขียนอะไรน่ะ!!! เจสสิก้าจอง เขียนชื่อหรือเขียนถึงคนอื่นที่ไม่ใช่ข้าใช่มั้ย?!!?
“อ๊ะ ลูกหมาน่ารักจัง!” ยูริชี้มั่วๆไปทางซ้ายพร้อมกับอาศัยจังหวะที่เจสสิก้าเผลอแอบอ่านข้อความตรงนั้นต่อ ก่อนจะต้องขมวดคิ้วหน้าหงิกด้วยความอึ้งกับข้อความนั้น
“ไม่เห็นมีเลยยูล อ๊ะ ขี้โกงนี่”
“เจ้าเขียนไรกันเนี่ย....หลงตัวเองที่สุดเลย ฮ่ะๆๆๆ”
“อ๊ายยย อย่ามาล้อกันนะ หรือว่ายูลคิดว่าข้อความพวกนั้นไม่จริง....” ลองไม่จริงสิ....ได้มีเรื่องแน่
“โอเคๆ...ข้อยอมรับๆ ฮ่ะๆๆๆ” ยูริยอมแพ้พร้อมกับโอบเอวเจสสิก้าพาเดินออกจากลานทรายนั่น เจสสิก้าตีไหล่ยูริทีนึงก่อนจะชูนิ้วโป้ง โป้งใส่คนตัวสูง ยูริหัวเราะร่าและดึงมือเล็กๆนั่นมากุมไว้แน่น ทั้งสองเดินออกจากลานทรายไปปล่อยให้ข้อความนั้นยังจารึกอยู่บนลานทรายตามลำพัง
.....เจ้าหญิงสุดสวยที่สุดในจักรวาลจองซูยอน © ตาบ้าสุดหล่อขี้หึงยูริ.....
--------------------------
.....ไรท์เตอร์สุดเอื่อยสุดเลทสุดบ้า© รีดเดอร์จอมเม้นท์และเงา T T.....
ขอโทษจริงๆค่ะ ผิดสัญญาล่ะเออ T T ไม่ได้เปิดคอมเลยยยยยยยยยยยยยย โฮกฮาก
ขอโทษค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!
ขอโทษจริงๆค่ะ ผิดสัญญาล่ะเออ T T ไม่ได้เปิดคอมเลยยยยยยยยยยยยยย โฮกฮาก
ขอโทษค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ!!!
ไรท์เตอร์ไม่เครียดเรื่องโดนแบนหร๊อกกก = = มันควรจะชินได้แล้ว ฮ่ะๆ
(แต่ไม่ใช่เห็นไรท์เตอร์ไม่เครียดเลยไม่เม้นท์เลยนะ เฮ้ย! 55)
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น