ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    True love at first sight..รักแท้แรกพบ [Yuri][Fic:SNSD]

    ลำดับตอนที่ #20 : 17 love >> "How time flies"

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ค. 53


    Chapter 17
     
    เขาบอกกันว่า...มี 3 สิ่งที่หากได้ดำเนินหรือกระทำไปแล้วจะไม่สามารถย้อนคืนมาได้
     
    หนึ่ง...คือ คำพูด
    สอง...คือ โอกาส
    และสาม...คือ เวลา
     
    หากเราได้พูดอะไรออกไปแล้วมันก็เป็นเรื่องยาก หากจะต้องกลับคำ...ยิ่งถ้าหากสัญญาอะไรกับคนที่เรารักไว้ แล้วไม่สามารถทำได้ จนถึงวันสุดท้ายของชีวิตและยังคงไม่กล้าพูดออกไปว่าไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ในคราวนั้นได้...มันอาจจะเกิดแผลเล็กๆในหัวใจของใครบางคนก็เป็นได้ ยกตัวอย่างง่ายๆ...หากคุณสัญญากับใครบางคน ว่าคุณจะไปตามนัดวันนี้เวลานี้แน่ๆ แต่ท้ายที่สุด...คุณก็ผิดคำสัญญา เขาคนนั้นก็จะเกิดแผลขึ้นมาในหัวใจของเขาว่า เราทำผิดสัญญากับเขา...และเราก็จะเกิดแผลขึ้นในหัวใจเหมือนกัน...เพราะว่า เราทำตามสัญญาไม่ได้และทำให้เขา “เสียใจ”
     
    หลายคนชอบคิดว่า โอกาส มันคงจะมีมาเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบคว้า เดี๋ยวมันก็มาใหม่ แต่สำหรับบางคนโอกาสคือสิ่งสำคัญที่ทำให้เขาเจอกับเรื่องดีๆในชีวิต...ไม่งั้นเวลาจะบอกรักใคร ทำไมถึงต้องรอ “โอกาส” หากเอาคำพูดโอกาสและเวลามารวมกัน มันจะกลายเป็นเรื่องราวชีวิตของคนหนึ่งคนได้เลยทีเดียว
     
    มีคนๆหนึ่ง...สัญญาบางสิ่งบางอย่างไว้ ทั้งๆที่รู้ว่าไม่สามารถทำมันได้ และเขายอมทิ้งโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าที่น่าจะพอ วกเข้ามาพูดถึงเรื่องสัญญาได้เพียงเพราะคิดว่า วันพรุ่งนี้ค่อยบอกก็ได้ เพียงแค่คิดว่า โชคชะตาคงไม่เล่นตลกกับเขา จนในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยผ่านไป....และไม่หวนกลับมาอีก....ผ่านไป...ผ่านไป กว่าเขาจะรู้ตัวว่าเวลาแห่งเปลวไฟในชีวิตเขาจะดับลงมันกำลังจะมาถึงแล้ว...มันก็เกือบจะสายไป
     
    คนๆนั้นก็คือ....ยูริ
     
     



    1 ปีต่อมา...
     
    เสียงปลุกจากโทรศัพท์มือถือยังคงทำหน้าที่ของมันอย่างดีเช่นเดิมทุกวัน เจสสิก้ากระพริบตาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปกดปิดเสียงและหันกลับมากอดร่างสูงที่ยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่ ร่างบางอมยิ้มเล็กน้อยพลางสำรวจใบหน้าของยูริที่กำลังหลับใหล...ก่อนที่รอยยิ้มที่แสนจะมีความสุขบนใบหน้าจะหายไปปรากฏแต่เพียงรอยยิ้มที่แอบซ่อนความขมขื่นไว้เมื่อ ยูริไม่ได้เป็นเหมือนแต่ก่อนแล้ว....
     
    ตอนแรกเธอก็คิดว่าใบหน้าที่ตอบลงของยูริ คงเป็นเพราะไม่ได้ทานอะไร ยูริไม่ใช่มนุษย์...บางมื้อร่างสูงจึงไม่ได้กินอะไรลงท้องไปเพราะว่าตัวเองอิ่มทิพย์อยู่แล้ว เจสสิก้าเคยคิดว่าที่ยูริผอมลงคงเป็นเพราะเหตุนั้นจึงยัดเยียดพร้อมกับบังคับให้ยูริกินข้าวพร้อมกับเธอทุกครั้ง แต่ผ่านมานานถึงครึ่งปี....ยูริก็ไม่ได้มีเนื้อมีหนังขึ้นเลย เหมือนขาดอะไรบางอย่าง...ที่ทำให้ร่างสูงผิดปกติไป
    .
    บางทีเธอก็แอบจิตตก....กลัวว่ายูริจะตาย...แต่คนตัวสูงก็ปลอบเธอด้วยประโยคเดิมทุกทีว่า
     
    “ยูลเป็นอมตะนะ....ไม่มีวันตายหรอกหน่า”
     
    ซึ่ง...สภาพของยูริ มันไม่ได้ทำให้น่าเชื่อเท่าไหร่เลยนะ
     
     
     
    “ตื่นแล้วเหรอ...” ร่างสูงส่งเสียงขึ้นมาเบาๆพร้อมกับจับมือของเจสสิก้าที่พาดโอบคอเธออยู่ขึ้นมาจุมพิตเบาๆ ร่างบางตอบอื้อเบาๆในลำคอก่อนจะหอมแก้มคนตัวสูงฟอดใหญ่
     
    “เดี๋ยวเจสไปอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวต้องไปร้านเสริมสวยอีก”
     
    “อื้อ...งั้นเดี๋ยวยูลไปอาบข้างล่าง...”
     
    “....ยูล ไม่ต้องไปก็ได้นะ...เจสไม่อยากให้ยูลเหนื่อยเลย นะคะ พักอยู่บ้านนะ เดี๋ยวเจสจะรีบกลับมาหา”
     
    “ไม่ได้ๆ...งานวันรับปริญญาของเจส จะให้ยูลอยู่บ้านเนี่ยนะ ไม่เอาหรอก ไปอาบน้ำเถอะ”
     
    “แต่...”
     
    “ไม่มีแต่ที่รัก...” ยูริมัดมือชกเจสสิก้าและก็ชิ่งลงไปอาบน้ำก่อนเลย ใช่แล้ว...วันนี้คือวันรับปริญญาของเจสสิก้า ตลอดหนึ่งปีกว่าที่ได้พบกับยูริ มันทำให้ชีวิตเธอไม่ต้องว้าเหว่เหมือนเคย...ตลอดเวลาที่เธอต้องนั่งอ่านหนังสือ นั่งทำรายงาน เธอมียูริคอยอยู่ข้างๆและให้กำลังใจเธอเสมอมา...
     
    วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา พวกเธอฉลองให้กับวันวาเลนไทน์เป็นพิเศษเพราะมันคือวันแรกที่ทั้งสองได้พบกัน ยูริได้พูดขึ้นว่า ให้เจสสิก้าขอพรกับเธอได้อย่างนึง เจสสิก้าจะขออะไร...ร่างบางใช้เวลาคิดเพียงไม่นานก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงออดอ้อน
     
    “เรียก เจส ว่าเจส เรียกยูล ว่ายูล...แค่นั้น ได้มั้ยคะ?” 
     
    ด้วยเหตุนี้...นับตั้งแต่วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ยูริก็เรียกตัวเองว่ายูล เรียกเจสสิก้าว่าเจสมาได้เป็นเวลา 20 วันแล้ว...อีกนัยหนึ่งที่แฝงไว้ก็คือ...ยูริอยู่เกิน 1 ปี มา 20 วันแล้ว...เพราะงั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากตอนนี้สภาพของยูริจะดูเหมือนผู้ป่วยใกล้ตาย...แต่ใจยังสู้ ยังคงกัดฟันฝืนบางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะแยกทางเธอจากเจสสิก้าไว้อยู่ ยูริถึงแม้จะไม่แสดงท่าทางว่าทรมาน แต่ร่างกายของร่างสูงมันฟ้องอยู่เต็มๆตา...จนมีหลายครั้งต่อหลายครั้งที่ยูริไม่เคยรู้เลยว่า เจสสิก้าแอบร้องไห้อยู่...เพียงแค่เห็นยูริไอ...
     
    “พระเจ้าคะ...อย่าเพิ่งพายูลไปนะ...” สิ่งที่เธอทำได้เพียงสิ่งเดียว...ก็คือการอ้อนวอนต่อพระเจ้าให้คนรักของเธอ...มีลมหายใจได้อีกนานกว่านี้...
     
    เธอไม่ใช่คนโง่ขนาดที่ ไม่รู้ว่า เวลาของยูริกำลังจะหมดลงแล้ว
     
    แต่จะให้ทำอย่างไรได้...นอกจากจะดูแลชีวิตในช่วงที่อาจจะเป็นช่วงสุดท้ายของคนรักของเธอ...ให้ดีที่สุด เท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะดิ้นรนเพื่อความรักได้...

    ถ้าเธอเลือกที่จะแลกชีวิตของเธอให้กับยูริได้ เธอก็จะทำมัน
     
    นั่นมันก็สามารถตอบคำถามในชีวิตของเธอได้ข้อหนึ่งแล้ว....
     
    ว่าเธอ...เกิดมาเพื่อใคร


    เธอเป็นเพียงสิ่งเดียว...เป็นเหมือนไม้หลักสุดท้าย…ให้ฉันได้กอดได้พักหายใจ 
    มีเพียงเธอผู้เดียว...ที่ฉันมอบหัวใจ…รักเธอเหลือเกิน และรักยิ่งกว่าสิ่งใด
     
    อย่าจากไปไหน...โปรดอยู่กับฉัน....ชีวิตของฉัน....ฝากไว้อยู่ในมือของเธอ
    ทุกๆนาทีที่ยังหายใจ...เพราะฉันมีเธอ...ขาดเธอไปสักคน...ฉันจะทนอยู่อย่างไร....ไม่รู้จริงๆ

    “ยูล ถ่ายรูปด้วยกันนะ” ยูริยิ้มน้อยๆพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนรักที่มือเต็มไปด้วยดอกไม้ช่อใหญ่จากเพื่อนด้วยกันเองบ้าง จากรุ่นน้องบ้าง จากรุ่นพี่บ้าง เดี๋ยวนี้ยูริลดดีกรีความหึงลงแล้วล่ะหลังจากที่สังขารเริ่มแย่ สู้อยู่สงบๆและหัวเราะให้กันดีกว่ามานั่งหึงหน้ามืดตามัว
     
    “พร้อมนะครับ 1...2....3”
     
    แชะ!
     
    “อา...” ร่างสูงร้องออกมาเบาๆเมื่อแสงแฟลชจากกล้องมันทำให้เธอแสบตาที่สุด...แสงอาทิตย์ก็พอแล้ว ดันเจอแสงแฟลชอีก เจสสิก้าหันมามองคนรักที่หลับตาแน่นอย่างตกใจ
     
    “เป็นไรคะยูล”
     
    “แสงแฟลชน่ะ...ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวยูลไปห้องน้ำแป๊ปนะ”
     
    “เจสไปเป็นเพื่อนนะ”
     
    “ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวก็กลับมา ขอไปล้างหน้าล้างตาซักนิด” พูดจบยูริก็แนบมือลงบนแก้มของเจสสิก้าเบาๆพร้อมกับยิ้มให้ หากแต่มีเพียงแว้บหนึ่งที่เจสสิก้ารู้สึกว่าเห็นร่างของยูริดูโปร่งแสงขึ้นมาแต่พอกระพริบตา...กลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
     
    ฟึบ....
     
    ขนนกสีดำเหมือนที่เคยเห็นตอนที่เธอเพิ่งพบกับยูริครั้งแรก อยู่ดีๆก็ปลิวมาตกลงบนฝ่ามือเธออย่างแผ่วเบาทันทีที่สัมผัสของขนนกรับรู้ได้ผ่านฝ่ามือ หัวใจของเจสสิก้าก็สั่นขึ้นมาจนร่างบางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะสูญเสียหัวใจของตัวเองไป ก่อนที่ขนนกสีดำนั่นจะค่อยๆหายไป...ราวกับจะบอกว่า มันได้บรรลุภารกิจที่ถูกส่งมาเตือนเจสสิก้าเรียบร้อยแล้ว...
     
    “ยูล!” และแล้วสติก็กลับมาอีกครั้ง เจสสิก้าตะโกนเรียกชื่อยูริดังลั่นเพื่อที่จะหยุดร่างสูงไว้ แต่ทางข้างหน้าเธอกลับมองไม่เห็นยูริซะแล้ว...ยูริหายไปไหน ?
     
    “ไม่นะยูล...จะจากเจสไปไหนอีกไม่ได้แล้วนะ...สัญญากันไว้แล้วไม่ใช่เหรอ...ยูล...” น้ำเสียงสั่นเคลือของเจสสิก้าทำให้บุคคลหนึ่งคนที่กำลังรอคอยเวลาอยู่บนท้องฟ้าถึงกับต้องสะกดความรู้สึกสงสารของตัวเองไว้แน่น ไม่ให้มันหลุดออกมาจนทำให้ภารกิจวันนี้ไม่สำเร็จ...และยูริก็จะกลายเป็นแค่ฝุ่นธุลี...
     
    [Yuri talks]
     
    ทำไมข้าจะไม่รู้...ว่าเทพธิดาแห่งโชคชะตากำลังจะตัดด้ายแห่งชีวิตของข้าแล้ว...ข้ารับรู้ถึงวันนี้ได้ตั้งแต่เมื่อคืนวาน...ข้ารับรู้ถึงการเสื่อมสลายของร่างกายข้า...แต่ข้าไม่สามารถยับยั้งมันได้เลย
     
    ยี่สิบวันที่ หนีพ้นจากเส้นตายของชีวิตมา มันทำให้ข้าเผลอคิดไปว่าข้าคงจะรอดจากการสลายร่างไปได้แล้ว แต่ข้ากลับคิดผิด...ร่างกายข้าถูกทำลายไปเรื่อยๆด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ข้าไม่รู้จัก จนทำให้การคงสภาพร่างเนื้อเป็นไปได้ยาก ถึงยากที่สุด จนเมื่อคืน ข้าก็สังเกตเห็นปลายนิ้วของข้ามันซีดลงก่อนจะแตกฟุ้งออกเป็นฝุ่นสีเงิน ตอนนั้นยังโชคดีที่ข้าหยุดการเสื่อมสลายได้ทันเวลา...แต่มันจะหยุดได้ถึงเมื่อไหร่กัน...
     
    “ข้าจะทำอย่างไรดี...” ข้าพูดพึมพำเบาๆหลงจากหาที่เงียบๆได้...รอบๆข้างข้าเป็นเพียงโต๊ะพังๆไม้ผุๆ และคงจะไม่มีใครเข้ามาตรงนี้ได้...
     
    “....ได้เวลาแล้วล่ะยูริ” เสียงคุ้นเคยดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสอบอุ่นจากญาติผู้พี่ที่แตะลงบนศีรษะ แทยอนคงจะมารับข้า....แทยอนคงจะรู้ว่า เวลาของข้าใกล้จะหมดแล้ว
     
    “ข้าไม่ยอมให้ร่างกายเจ้าสูญสลายหรอกนะ...ไม่ว่าข้าจะต้องทำร้ายเจ้าก่อนถึงจะพาเจ้ากลับไปได้ ข้าก็จะทำ" แทยอนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่ตัวข้าจะค่อยๆลอยขึ้นจากพื้น ข้าหมดแรงที่จะต่อต้านเขา...ข้าไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอที่จะกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ ข้าควรจะกลับไปกับแทยอน...แต่ถ้าข้าไป...เจสจะอยู่ยังไง
     
    “ไม่ท่านพี่...เจสอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีข้า...ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” ลมหายใจเฮือกสุดท้ายเป็นยังไงเหรอ...เดี๋ยวข้าก็คงจะได้รู้จักกับมันกระมัง...
     
    “เจ้ามันโง่ยูริ ข้าจะไม่ใจอ่อนกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว!!”
     
    “ไม่!! อึ้ก....”
     
    ไม่รู้สิ...เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น...ข้ารู้สึกเหมือนทุกส่วนภายในร่างกายของข้ามันกระตุกเฮือก...ตอนนี้ข้ามองไม่เห็นอะไรสักอย่าง...ทุกอย่างเป็นสีขาวโพลนหมด...
     
    เจส...ยูลขอโทษ...
     
    [Finish talks]
     
     
     
    “เฮือก!”
     
    “ได้สติแล้วหรือ...” แทยอนเอ่ยขึ้นเบาๆพร้อมกับนั่งลงบนหินสี่เหลี่ยมผืนผ้าก้อนใหญ่ที่ยูรินอนอยู่
     
    “ข้า...อยู่ที่ไหน”
     
    “หอเวชศาสตร์...เจ้าจะรอดแล้วนะยูริ” ร่างสูงมองไปรอบๆกาย ก็พบเพียงแค่เมฆ และเสาหินอ่อนสีขาวที่ใช้ค้ำยันหลังคาหินอ่อนชนิดเดียวกันไว้ อากาศจากที่นี่ทำให้ยูริรู้สึกสดชื่นขึ้นมาเล็กน้อย
     
    “ร่างกายเจ้า...เกือบจะสลายแล้วมั้ยล่ะ...” เสียงแหบๆของผู้ชายแก่ๆคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับเสียงต้อก...ต้อก ของไม้เท้า หากยูริจำไม่ผิด...คนๆนี้คงจะเป็นอาจารย์ของแทยอน
     
    “อาจารย์...เมื่อใดร่างกายของน้องข้าจะกลับมาเป็นปกติ”
     
    “อย่างเร็ว...ก็สิบปี...อย่างช้า ก็มากกว่านั้น แล้วแต่ความดื้อดึงของน้องเจ้า”
     
    “ส...สิบปี...ไม่...ข้ารอไม่ได้” ทันทีที่ยูริได้ยินว่าอาจจะต้องรักษาร่างกายตัวเองอยู่บนนี้ถึงสิบปีก็เกิดอาการกระวนกระวายและอาละวาดขึ้นมาทันที ร่างสูงดึงดันจะลงไปยังโลกมนุษย์ให้ได้จนเกือบจะทำร้ายทุกคนที่ขวางหน้า แทยอนเลยจำเป็นต้องใช้กำลังและจับยูริกดนอนลงไปบนแท่นหินใหม่พร้อมกับตวาดญาติผู้น้องเสียงดัง
     
    “เจ้าจะบ้าหรือไง!!! เสียสติไปแล้วรึ!! หรือจะต้องให้ข้าตบเจ้าอีกพันครั้ง ลงโทษเจ้าอีกล้านหน นิสัยเอาแต่ใจของเจ้ามันถึงจะซาลง!!”
     
    “เอาเลยสิท่านพี่!! ลงโทษข้าจนท่านพอใจแล้วข้าจะได้ลงไปหาคนรักของข้า!!!”
     
    “....เจ้ามันบ้า...” ร่างเล็กกัดฟันพูดพร้อมกับโยนยูริกระแทกลงไปบนพื้นจนร่างสูงถึงกับสะอึกและนอนขดตัวอยู่ข้างล่าง...แทยอนใช้หางตามองคนตัวสูงอย่างโกรธเคืองกับความดื้อดึงของยูริก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่สะกดอารมณ์ที่คุกกรุ่นไว้และนั่งลงบนพื้นข้างๆยูริที่นอนเอามือปิดหน้าตัวเองไว้อยู่
     
    “ข้าขอโทษ...ที่เผลอทำรุนแรงกับเจ้า...”
     
    “อื้อ...ข้าเข้าใจเหตุผลของท่าน...” ร่างสูงพูดแล้วก็ชะงักไปก่อนจะมองแทยอนด้วยสายตาที่ร่างเล็กก็อ่านออก ว่าญาติของตนต้องการจะสื่ออะไร...เพียงแต่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้น สายตาที่แฝงไปด้วยคำถามที่ว่า แล้วทำไมท่านไม่เข้าใจเหตุผลของข้าบ้าง มันทำให้แทยอนใจอ่อนอย่างบอกไม่ถูก
     
    “ท่านพี่...ขอข้าได้ดูหน่อยเถิด...ว่าตอนนี้คนรักของข้าทำอะไรอยู่...ข้าไม่มีกำลังพอที่จะมองนางด้วยกำลังของข้าได้...ได้โปรด...”
     
    “....” แทยอนไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ใช้เวทย์มนต์ของตัวเองสร้างกรอบสี่เหลี่ยมสีทองขึ้นมาก่อนจะประทับมนต์ตราเพื่อระบุเป้าหมาย...และภาพของเจสสิก้าก็ขึ้นมา ร่างเล็กปล่อยให้ยูริอยู่กับสิ่งนั้นไปและหลบไปอยู่อีกมุมหนึ่งพร้อมกับแอบสร้างจอเวทย์มนต์เล็กๆขึ้นมา...มองภาพผู้หญิงคนหนึ่งในนั้นอย่างเศร้าใจ...แต่ก็แฝงไปด้วยรอยยิ้ม สุขทั้งน้ำตา...
     
     
     
    “เจส...” ยูริพึมพำเรียกชื่อคนรักเบาๆพร้อมกับพยายามจะสัมผัสเจสสิก้าผ่านจออากาศบางๆนั่น...ร่างสูงปวดใจไม่น้อยที่เจสสิก้าที่ปรากฏอยู่ในจอนั้นกำลังวิ่งพล่านไปทั่วและร้องเรียกชื่อเธอ...เธอจะบอกหัวใจของเธอยังไงดี ว่าเธออยู่ตรงนี้...กำลังมองดูอยู่ตรงนี้...อย่าทรมานตัวเองตามหาเธออยู่อย่างนี้เลย...
     
     
     
    “ยูล...ฮึกๆ...สัญญาแล้วไงว่าจะไม่ทิ้งกันไปไหนอีก...ฮึกๆ..ยูล...” เจสสิก้าทิ้งตัวทรุดลงบนพื้นอย่างหมดแรง ใบหน้าที่เคยถูกแต่งเติมด้วยเครื่องสำอางเมื่อเช้ากลับถูกน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดล้างออกจนแทบไม่เหลือ ยูริไม่ได้อยู่ในมหาลัย...แล้วยูริหายไปไหน...เธอจะไปตามหาตัวคนรักเธอเจอได้ยังไง...แล้วยูริจะกลับมาหาเธอมั้ย...
     
    ไม่รู้เลย....  


    ------------------------------------------------------------
    ขอโทษที่ช้าค่ะ  แต่งเสร็จไปตั้งแต่วันอาทิตย์ตอนกลางคืนแล้ว
    แล้วก็เกิดวิบัติขึ้นกับร่างกายตัวเองค่ะ = =^
    เพิ่งกลับจากโรงบาลเลยรีบมาลงไว้  (เค้าไม่ได้ดองนะ T^T ฮืออออออออ)


    เพราะงั้น ขอประกาศดอง someday  และ Miyoung ไว้ซักพัก

    ไรท์เตอร์รู้สึกเหมือนว่า ตอนนี้ไรท์เตอร์กำลังสอนธรรมอะไรซักอย่างอยู่ = = สงสัยเป็นอิทธิพลหลังจากกลับจากค่ายธรรมะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×